เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
-
bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
อธิบายให้ฟังว่าสัญญาสัมปทานดาวเทียมมี 2 แบบคือสร้างเสร็จยกดาวเทียมให้รัฐแต่บริษัทมีสิทธิทำธุรกิจตามสัญญา กับแบบที่ดาวเทียมยังเป็นของบริษัท แต่ใช้วงโคจรของรัฐ
"ถ้าสัญญาเป็น BTO (Built Tranfer Operate) ก็จบ เหมือนทุกวันนี้คุณสร้างโทรศัพท์คุณต้องยกให้รัฐก่อนแล้วคุณค่อยทำงาน แต่ถ้าเป็น BOO (Built Own Operate) สร้างเสร็จแล้วเป็นของฉัน เขาจะเลือกแค่ 2 ทาง หนึ่ง ยกให้กับเจ้าของตำแหน่งวงโคจรไป เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าอยากให้สะใจ ไม่ยกให้ ทำลาย การทำลายที่เสียค่าใช้จ่ายถูกลงคือเอาเชื้อเพลิงส่วนที่เหลือเปลี่ยนวิถีวงโคจร ให้มันออกไปสู่อวกาศเสีย ก็กลายเป็นขยะอวกาศไป ถ้าเสียค่าใช้จ่ายแพงขึ้นคือเอาพลังงานที่เหลือดึงมันเปลี่ยนวงโคจรให้ตกมาสู่โลก และให้ชั้นบรรยากาศเผาผลาญเรื่อยๆ แต่มีค่าใช้จ่ายสูงเพราะต้องระวังพื้นที่ที่ตกต้องควบคุมได้ ส่วนใหญ่เขาจะเลือกแบบแรก แต่ถ้าต้องการสะใจเขาก็เลือกแบบที่สอง" (ตรงนี้อาจารย์ไปพลิกเอกสารดูภายหลังพบว่าเป็น BTO แต่อธิบายไว้เพื่อเสริมความเข้าใจ)
"ฉะนั้นผมถึงบอกว่ากฎหมายมีอยู่แล้ว กฎหมายมาตรฐานสากล และกฎหมายที่จัดการได้เร็ว แน่นอนเขาอาจจะฟ้องร้องบ้าง แต่เจ้าของเปลี่ยนมือทันที ถ้าคุณไปฟ้องศาลปกครองถึงแม้ศาลคุ้มครอง ความเป็นเจ้าของก็เปลี่ยนไปแล้ว เพราะอย่างน้อยตำแหน่งวงโคจรเปลี่ยนแล้ว และไม่มีธุรกิจดาวเทียมไหนทำงานได้ถ้าไม่มีตำแหน่งวงโคจร"
"ผมเลยไม่เข้าใจว่าทำไมเราไปพูดถึงเรื่องการซื้อ เพราะเวลาพูดถึงการซื้อก็ยังไม่ได้ตอบอีก 2 ประเด็นสำคัญ คือกฎหมายนอกจากมีแล้วไม่ใช้ แต่ไปพูดเรื่องการซื้อ ซึ่งคุณต้องตอบก่อน และยังไม่ได้ตอบเลยว่าซื้อมาทำอะไร ยังไม่มีใครพูด เพราะซื้อหมายถึงการลงทุน ซื้อเอามาให้ทหารใช้? ซื้อมาให้หน่วยงานรัฐใช้? หรือซื้อมาทำเป็นธุรกิจ"
"ถ้าซื้อมาให้ทหารใช้คุณต้องไปดัดแปลง และการดัดแปลงอุปกรณ์ภาคอวกาศ บอกเลิกกันเลย ถ้าถามว่าเป็นไปได้ไหม ก็เป็นไปได้ แต่คุณต้องอาศัยพวกกระสวยอวกาศขึ้นไป ซึ่งต้นทุนยิงใหม่คุ้มกว่า สิ่งที่คุณทำได้คือภาคพื้นดิน ดัดแปลงได้ แต่มันไม่มีประสิทธิผลเท่า เพราะดาวเทียมจารกรรมทั้งหมดอยู่ข้างบน ข้างล่างเป็นเรื่องการรับส่งเท่านั้นเอง"
"สอง เอามาให้ราชการใช้ ตอนนี้ไทยคมในสัญญาก็มีแบ่งจำนวนช่องให้ทหาร ราชการใช้อยู่แล้ว ประมาณไม่เกิน 5% ถามว่าคุณจะไปซื้อคอนโดอีก 95 ห้องเพื่อให้เกิดความสบายใจใน 5 ห้องมันคุ้มหรือ"
"สาม คุณจะเอามาเป็นธุรกิจใหม่ เป็นรัฐวิสาหกิจใหม่ แล้วรัฐวิสาหกิจเดิมที่ทำธุรกิจโทรคมนาคมเราเจริญเติบโตกำไรดีไหม ดูผลประกอบการองค์การโทรศัพท์ ถ้าตัดค่าสัมปทาน Access Charge ขาดทุนมาแล้ว 8 ปี กสท.นับวันผลประกอบการก็ต่ำทุกที และผมมั่นใจว่าถ้าเปิดเสรีโทรศัพท์ระหว่างประเทศเมื่อไหร่ผลก็จะร่วงกว่านี้อีกเยอะ ลองมีเอกชนอีก 20 เจ้าเข้ามาแข่ง ลองคิดดู ฉะนั้นก็บอกได้เลยว่ามันไม่คุ้มค่า"
"ถามว่าอย่างนั้นจะคุณซื้อมาทำไม ไม่เห็นมีใครตอบ คุณบอกว่าแค่อยากเป็นไทย แต่ถ้าเขาทำผิดกฎหมาย ผมไม่อยากใช้คำว่ายึด ยึดเหมือนเขาไม่มีความผิด แต่นี่ความผิดมันสำเร็จ คุณไม่ใช้กฎหมายที่คุณมีอยู่แล้ว และกฎหมายนี้แก้ต้นตอด้วย เพราะทำไม่ได้อีก ถ้าบังคับอย่างนี้ทุกคนรู้ เราไม่ได้ห้ามเปลี่ยนมือแต่ต้องขออนุญาตก่อน"
"อย่างนักการเมืองคนหนึ่งเป็นคนเสนอแนวคิดให้ซื้อตั้งแต่ต้นๆ ด้วยซ้ำ บอกว่าธุรกิจนี้ทำแล้วมีกำไร ผมอยากให้ท่านซื้อเลย ไปรวบรวมเงินสมัครพรรคพวกส่วนตัว ไม่ได้เอาเงินประชาชนนะ เพราะเวลาคุณเอาเงินประชาชน เป็นกระแสที่คุณโหมความรักชาติมันไม่ยาก เงิน 10 บาท 20 บาท 60 ล้านคนก็เยอะแล้ว แต่เวลาเจ๊งล่ะ พอเหตุการณ์ผ่านไปแล้วไม่เกี่ยว ใช้ไม่ได้"
เหมือนบางจากของคนไทย เจ๊ง
"อย่าไปใช้ความรู้สึกอันนั้น ทุกวันนี้เราหลงประเด็น เราไปไล่มาตรา 8 ผมบอกเลยว่าผิด จำกรณีแอร์เอเชียได้ไหม พอเปลี่ยนปั๊บกระทรวงคมนาคมบอกว่าผิด อีกอาทิตย์ต่อมาถูกเลย ทำไง เขาก็ใส่ชื่อคนไทยเข้าไป so what? คุณไม่ได้แก้ปัญหาต้นตอ นี่เราบอกสัญญาต้องขออนุญาต ถ้าไปใช้มาตรา 30 เรื่องความมั่นคงคุณต้องพิสูจน์ให้ได้ ป่านนี้ก็ยังไม่มีการพิสูจน์ แต่มาตรา 54 ที่ความผิดสำเร็จ เกิดแล้ว ไม่ทำ ไม่มาไล่เบี้ย กทช. ปล่อยให้กทช.ถอดเกียร์ออก และเราก็ไปทำเรื่องซื้อ ไปทำเรื่องหุ้น มัน so what? คุณกำลังทำให้หุ้นเขามีราคาขึ้นหรือเปล่า ทั้งๆ ที่เขาตกทุกวัน และสมมติคุณมีเหตุผลว่าคุ้มค่าในการซื้อจริง คุณดำเนินไปเลยมาตรการตามกฎหมาย ถ้าคุณจะซื้อจริงๆ มันถูกมาก มันไม่ใช่วิธีนี้ ฉะนั้นผมเลยไม่เข้าใจว่านักการเมืองกำลังทำอะไรกันอยู่"
ดาวเทียมสื่อเสรี?
อานุภาพบอกว่าวิธีการใช้กฎหมายของเขาไม่เหมือนกับการยึดคืน
"เราพูดยึดคืนเหมือนไม่มีความผิด ผมอยากให้เราทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย ไม่อยากให้ละเว้น"
แล้วถ้าได้มาจะทำอย่างไรต่อ ใครจะบริหาร
"ได้กลับมาปั๊บ อันแรกสุดเราไม่ได้เอาเงินไปซื้อนะครับ มันเป็นความผิดที่เกิดขึ้น และกฎหมายรองรับ ผมอยากจะเอาดาวเทียมนี้ที่มีหลายดวง เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดเสรีสื่อ ทุกวันนี้ทีวีมีจำกัดคนอยากทำรายการก็ต้องไปวิ่งช่องสีเทา ถ้ามีโครงการนี้เราไม่ต้องมีเนชั่นที่ต้องไปวิ่งอ้อมไต้หวัน ไม่ต้องมี ASTV ที่ต้องหลบเลี่ยง ที่จริงมีมากกว่านี้อีก MTV T CHANEL ทีวีดาวเทียมเยอะมากที่ใช้วิธีนี้ ทำไมต้องเอาเงินไปให้ต่างชาติ คุณก็ขึ้นจากเมืองไทยลงเมืองไทยสิ เพราะเราทำได้อีก 100 ช่อง ด้วยดาวเทียมที่เรามีอยู่ และนี่เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดสื่อเสรี ผมไม่อยากให้เราเอาธุรกิจไปผูกขาดและให้คนใดคนหนึ่งรวย ประชาชนก็จะมีทางเลือกมาขึ้น พอมี 50-60 ช่อง คนก็จะดูช่องที่เขาชอบ ถ้าคุณไม่เปิดสื่อเสรีเราก็จะเกิดไอทีวีใหม่ มันมีจำกัดก็ประมูลสูง พอธุรกิจไปไม่ได้ก็มาปรับเนื้อหา มันก็ผิดสัญญา ก็กลับมาอีกรอบ สังคมไม่ได้ประโยชน์"
แล้วส่วนที่เขาทำธุรกิจอยู่ล่ะ เขาบอกว่าให้มีบริษัทมาบริหารได้
"ปกติการทำสัญญาดาวเทียมมักไม่ทำระยะยาว คนขายอยากขายตลอดอายุดาวเทียม แต่คนซื้ออยากซื้อระยะสั้น เพราะมันมีความเสี่ยงที่ดาวเทียมจะเสีย สัญญาส่วนใหญ่ก็จะอยู่กลางๆ ประมาณ 3 ปี ถ้าคุณซื้อปีเดียวแล้วเกิดปีที่ 2 เขาไปขายคนอื่นแล้วคุณไม่มีใช้ก็เหนื่อย พอมีใครจะยิงดวงใหม่ยังมีเวลาไปจ่อ transponder ซึ่งในส่วนนี้ผมคิดว่าเราต้องให้บริการเขาต่อไป แต่ปล่อยให้มีการแข่งขันเสรี ให้มีบริษัทมาบริหารดาวเทียมพวกนี้ แต่สิ่งที่รัฐต้องกำกับคือเอาบทเรียนครั้งนี้ถือเป็นโอกาสเปิดสื่อเสรี"
อธิบายให้ฟังว่าสัญญาสัมปทานที่ชินแซททำกับกระทรวงคมนาคม ซึ่งปัจจุบันโอนมากระทรวงไอซีที เป็นสัมปทานสิทธิในการใช้ตำแหน่งวงโคจร ปัจจุบันมีดาวเทียม 5 ดวง คือไทยคม 1,2,3 ไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) และไทยคม 5 ซึ่งยิงขึ้นไปแทนดาวเทียมไทยคม 3 ที่เสีย
ไทยคม 1 และ 2 อีกไม่นานจะหมดอายุ เนื่องจากหมดเชื้อเพลิง ซึ่งถ้าเชื้อเพลิงใกล้หมดเมื่อไหร่ก็จะเอาเชื้อเพลิงส่วนที่เหลือยิงออกนอกโลก ส่วนดวงที่ 3 พลังงานยังไม่หมด แต่ถูกคลื่นแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์ทำให้อุปกรณ์เสียหาย จึงต้องยิงดวงที่ 5 ขึ้นไปแทน และหลังจากนี้ก็จะต้องยิงดาวเทียมดวงที่ 6 และ 7 ขึ้นไปทดแทนดวงที่ 1 และ 2
สัญญาสัมปทานนี้ไม่ได้กำหนดว่าจะมีดาวเทียมได้กี่ดวง เป็นเรื่องที่แล้วแต่เทคโนโลยีจะเอื้ออำนวย จึงเห็นได้ว่าจากตอนแรกๆที่มีแค่ 1-2 ก็เพิ่มเป็น 3-4-5 ตามลำดับ
ดาวเทียมไทยคม 1-2-3 และ 5 เป็นดาวเทียมแบบ Broadcasting ดาวเทียมเพื่อการแพร่ภาพเป็นหลัก มีแต่ไอพีสตาร์เป็นดาวเทียมเพื่อโทรคมนาคมหรือดาวเทียมเพื่อใช้ในการสื่อสารเป็นหลัก
ซึ่งตอนที่ส่งขึ้นไปก็เป็นที่ฮือฮามาก
"คุณคงได้ข่าวเขาบอกว่าดาวเทียมไอพีสตาร์เป็นดาวเทียมโทรคมนาคมดวงแรกและดวงใหญ่ที่สุดในโลก จริงไหม ตอบว่าจริง แสดงว่าประเทศไทยก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากเลย อเมริกาก็สู้เราไม่ได้ ญี่ปุ่นก็สู้เราไม่ได้ ไม่มีใครสู้เราได้หมด เพราะไทยเราเก่งมาก ยิงเป็นดวงแรกและดวงเดียวของโลก เพราะอะไรรู้ไหม"
"ไม่มีใครเขาทำ (หัวเราะ) คือแนวคิดการยิงดาวเทียมโทรคมนาคมเกิดในช่วงอินเตอร์เน็ตบูม ทุกคนก็พยายามยิงดาวเทียมเพราะการลากสายไฟเบอร์มันช้า ยิงดาวเทียมเร็วกว่า ก็เกิดทั้งโครงการอีริเดียม โครงการไอเพิล โครงการอิลิปโซ จริงๆ ชินวัตรเกาะหลังเขามาด้วยซ้ำไป แต่ว่าเกาะมาในช่วงที่เขาลง ตัวเองลงทุนไปแล้ว โครงการพวกนี้เดี๋ยวนี้เจ๊งทุกโครงการ แม้แต่โครงการอีลิเดียมที่ใหญ่ที่สุดขณะนี้ก็อยู่ได้ด้วยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ทีนี้พอเขาลงหมดแล้วตัวเองค้างเติ่งก็ต้องมีทางเลือกว่าจะเลิกหรือไม่เลิก แต่คุณทักษิณไม่คิดจะเลิก เพราะคิดว่ามีโอกาสที่ทำธุรกิจได้ พอเข้าสู่ภาวะการขาย ถ้าจำได้จะเห็นว่าเขาเลื่อนการยิง 3 ครั้ง ในการทำธุรกิจดาวเทียมการตลาดต้องจบก่อนยิง คือขายหมดก่อนยิงนี่สุดยอด ถ้าไม่จบก่อนยิงต้องมั่นใจว่ายิงแล้วมีโอกาสคุ้มทุนหรือคืนทุน เพราะเมื่อคุณยิงไปแล้วจะไม่มีโอกาสแก้ไขใดๆ อีกเลย ไอพีสตาร์ขายได้เพราะอะไร ขายได้บนพื้นฐานเอฟทีเอ เอาเอฟทีเอไปแลกกับอินเดีย แลกกับออสเตรเลีย แลกกับจีน ส่วนพม่าเอาเงินกู้ไปแลกมา ส่วน sector ในประเทศง่ายมาก บังคับองค์การโทรศัพท์ซื้อ และก็เพื่อนพ้องบริษัทโทรคมนาคมในไทย แต่เชื่อผมเถอะเพื่อนพ้องไม่ทำการกุศลหรอก ทำไมเพื่อนพ้องซื้อ เพราะเอาพวก school net เอาพวกอบต. ผูกเข้าไป พวกนี้ต้องไปใช้ดาวเทียม มันถึงขายหมดไง ถึงบอกได้ว่าเป็นดวงเดียวเพราะไม่มีชาวบ้านเขาทำ"
แล้วตามสัญญาสัมปทานที่ว่าจะไม่ให้เขายิงดวงที่ 6 ทำได้ไหม
"ไม่ได้ ยกเว้นต้องไปพบว่าเขาผิดอะไรสักอย่าง ถ้าเขาไม่ผิดเขายิงได้อยู่แล้ว เพราะว่ารัฐให้สิทธิในการใช้ตำแหน่งวงโคจร ไม่ได้พูดถึงมีดาวเทียมได้กี่ดวง ในสัญญาไม่ได้พูดถึง"
-
bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ถ้าบอกว่าเป็นนอมินีจะยึดสัมปทานได้หรือเปล่า
"ก็มีคนพูดในรายละเอียดว่า พระราชบัญญัติประกอบธุรกิจคนต่างด้าว มาตรา 36 ประเด็นที่หมอนิรันดร์หยิบยกขึ้นมา ในมาตรา 36 บอกว่าเปลี่ยนชื่อหรือเปลี่ยนเจ้าของไม่ได้ และถ้าจะเปลี่ยนเจ้าของต้องมาขออนุญาตก่อน ทำนองนี้ แต่ตอนนี้มันมี 2 กรณี ทีแรกชินคอร์ปมีหุ้นในชินแซท 54 เปอร์เซ็นต์ ก่อนการเปลี่ยนแปลงเขาไปขอลดลงมาเหลือ 41% และ 41% มันก็เทรดอยู่ในตลาด ตอนนี้ก็เลยสงสัยกันว่าจริงๆ แล้ว 41% หรือ 51% เพราะถ้า 41% ต่อให้กุหลาบแก้วผิด ชินแซทก็ยังไม่เป็นต่าวด้าว แต่ถ้า 51% แล้วกุหลาบแก้วผิด ชินแซทก็จะเป็นของต่างชาติ สำหรับผม ผมตีความว่า 41 แต่รัฐมนตรีบอกว่า 41 ยังไม่ถูกต้อง เพราะยังไม่ได้เข้าครม. ฉะนั้นรัฐยังมองว่าเป็น 51 อยู่ แต่ในตลาดมองเป็น 41 ไปแล้ว"
ถ้าเป็น 51% ของชินคอร์ป ก็แย้งไม่ได้ว่าเป็นต่างด้าว อย่างนั้นหรือ
"ถ้าชินคอร์ปถือ 51 มันจบแล้วเพราะว่าเอาเคสกุหลาบแก้วมา ถือว่าชินคอร์ปเป็นต่างด้าวไป พอเป็นต่างด้าว 51% ก็ไม่ได้แล้ว แต่อย่างที่ผมบอก ถึงแม้จะมีตรงนี้เขาก็ดิ้นได้ เขาก็เอาชื่อคนมาใส่ใหม่ ยกเว้นคุณบอกว่าความผิดสำเร็จแล้วแก้ไขไม่ได้นั่นอีกเรื่องหนึ่ง แล้วถ้าไปดูเบื้องหลังของกทช.ที่เขาจะร่างกฏเกณฑ์ใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้ออกมา เขาร่างออกมาเกี่ยวกับนอมินียิ่งกว่านี้อีก ถ้าเมื่อไหร่ผิดมาตรา 8 แล้วไปเข้ากทช. เขาร่างออกมาอย่างนี้ครับ ถึงแม้ว่าคุณผิด เขาบังคับว่าต้องรายงานว่าคุณจะแก้ไขความผิดได้อย่างไร ผิดมากรายงานทุกเดือน ผิดน้อยรายงานทุก 3 เดือน แต่ไม่ได้บอกว่ากี่ครั้งถึงจะทำโทษ แค่บอกว่าถ้าไม่ส่งจะทำโทษ ถ้าอย่างนั้นผมก็ส่งรายงานทุกเดือน ถึงแม้จะผิดมากก็รายงานไป ถ้าไปใช้กฏเกณฑ์กทช.นี้ยิ่งตายใหญ่ แต่กฏนี้ยังไม่ได้ออกมา ฉะนั้นผมกำลังบอกว่าเจตนารมณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานรัฐเรากำลังทำอะไร เรากำลังทำเพื่อผลประโยชน์ของใคร"
สมมติเป็นสัญญาแบบ BOO อย่างที่ว่าตอนแรก ถ้าได้มาแค่วงโคจร เขายิงดาวเทียมทิ้งประชด เราจะทำอะไรได้ไหม
"ไม่ต้องห่วงเลย ถ้าเราเหลือแต่วงโคจร มีคนพร้อมที่จะยิงดาวเทียมเสมอ คนแรกเลย คุณไปถามสนธิ ลิ้มทองกุล อยากยิงไหม เขาจะยกมือเป็นคนแรกเพราะเขายิงดาวเทียมอยู่แล้ว แต่วงโคจรเราไม่มีเขาเลยต้องไปใช้ของลาว มีคนอยากยิงอีกเยอะ เพราะสิ่งที่มันหายากที่สุดคือวงโคจร"
ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ "หมื่นล้านก็พอแล้วครับ"
"และคราวนี้ยิ่งเรามีปฏิรูปสื่อจะเปิด 100 ช่องก็ได้ ใครจะมาแบ็คอัพก็ได้เลย คุณจะปล่อยให้เป็นเจ้าของโดยไม่ปฏิรูปสื่อไม่ได้ คุณเป็นเจ้าของโครงข่ายก็ทำไปไม่ว่าแต่จะจำกัดอย่างนี้ไม่ได้"
ถ้าเพิกถอนใบอนุญาต แล้วเอาดาวเทียมกลับมา ทำอย่างไรที่จะไม่ผูกขาดอีก ควรจะเป็นของรัฐทั้งหมดไหม
"ไม่จำเป็น ของเอกชนก็ได้ แต่ผมเน้นมาตรา 54 ว่าคุณต้องคุมปัญหาตั้งแต่ต้นตอ ทำสัญญาอะไรไปต้องดูให้เรียบร้อย เวลาเปลี่ยนต้องมาขออนุญาตนะ คุณไปทำสัญญากับต่างประเทศ ยกเว้นอันเดียวคือการซื้อขายทางธุรกรรมปกติ มียกเว้นข้อนี้ข้อเดียว นอกนั้นคุณทำสัญญาใดๆ ต้องมาขออนุมัติก่อน ซึ่งถ้าคุมตรงนี้ไว้ สมมติมีคนยิงขึ้นไปใหม่ 4 ดวง คุณก็ทำไป ภายใต้กฏเกณฑ์ใหม่นี้ เวลาคุณจะทำสัญญาไม่ว่าจะเปลี่ยนมือหรืออะไรก็ยังมีมาตรา 54 กำกับอยู่ รัฐก็ต้องจัดการหน่วยงานรัฐที่ไม่ยอมทำหน้าที่กำกับนี้ เพราะถ้ากทช.ทำงานนี้มันไม่มีปัญหานี้เลย มันจบไปตั้งแต่ปี 2549 เพราะถ้าดีลชินคอร์ปไม่สำเร็จก็ไม่มีปัญหาไอทีวีไม่มีปัญหาดาวเทียม ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่กทช.ไม่ทำงาน"
ถ้าให้เอกชนทำแล้วจะควบคุมการผูกขาดยังไง
"เราเปิดให้มีการแข่งขันไงครับ ที่มันถูกผูกขาดสุดท้ายมันผูกขาดด้วยอะไร มันผูกขาดดวงโคจรเพราะมันยิงได้ไม่เกินนี้ แต่ถ้าเทคโนโลยีมันก้าวไป และกฎหมายใหม่ที่เรากำลังทำเราจะไม่ให้มีการไปผูกขาดกับความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยี ถ้าพัฒนาได้ 10 ดวงก็เปิดให้มากขึ้นได้ เราจะไม่ยอมให้มีการผูกขาด"
ในด้านของความมั่นคงที่ทหารเป็นห่วง สิงคโปร์จะใช้ดาวเทียมจารกรรมได้ไหม อานุภาพบอกว่าต้องดูก่อนว่านี่เป็นดาวเทียมอะไร ดาวเทียมเพื่อการสื่อสารโทรคมนาคมไม่เหมือนกับดาวเทียมเพื่อการจารกรรม และเมื่อยิงขึ้นไปแล้วก็จะตามไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้
"ถามว่าทุกวันนี้มีการจารกรรมไหม ตอบว่ามี โดยไม่ต้องใช้ชินแซทเลย ทุกวันนี้ดาวเทียมจารกรรมวิ่งอยู่ทั่วโลก ด้วยอเมริกา ด้วยอังกฤษ รัสเซีย และพวกนี้มีอุปกรณ์ที่ดีกว่านี้มาก คุณเคยดูหนัง Enemy of State ไหม ที่วิลล์ สมิธเล่น มันถูกดักฟัง ดาวเทียมก็ตามมัน นั่นสร้างจากเรื่องจริงนะ และจริงๆ ขีดความสามารถของ National Security Agengy มากกว่าในหนังด้วยซ้ำไป อเมริกาอยากดักฟังใคร อยากถ่ายรูปที่ไหนทำได้หมด เขาถ่ายรูปเห็นป้ายทะเบียนรถเลย และนี่คือสิ่งที่ผมเห็นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผมไปดูงานที่บริษัทล็อคฮีธ มาร์ติน ดาวเทียมที่ผมดูเขาถ่ายลงมาเห็นปล่องไฟ และมันมีควันดำเขาก็ซูมลงไปอีกในปล่องไฟ เขาทำภาพดำให้เป็นสีเทา มันก็จะเห็นว่าข้างล่างมีรถยนต์ และก็ซูมลงไปอีกเห็นป้ายทะเบียนรถยนต์ นี่คือสิ่งที่ผมเห็นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว แล้วตอนนี้จะไปถึงไหน และทุกวันนี้ในเชิงพาณิชย์เขากำลังพูดถึงความแม่นยำความชัดเจนที่ 1 เมตร ถ้าคุณไปดู google earth ซึ่งไม่ใช่ดีที่สุดของเชิงพาณิชย์ เป็นของฟรี ซึ่งแน่นอนมันต้องหยาบกว่า ดู google earth ของเมืองใหญ๋ในอเมริกา คุณสามารถซูมลงไปเห็นถึงกล่องจดหมายหน้าบ้าน นี่เชิงพาณิชย์ที่ให้ฟรีมันต้องแย่กว่าเชิงพาณิชย์ที่ซื้อ และเชิงพาณิชย์ที่ซื้อก็เทียบกันไม่ได้เลยกับทางการทหาร"
ถ้าอย่างนั้นที่เรากลัวสิงคโปร์ดักฟังล่ะ
"คนดักฟังมันทำได้อยู่แล้ว เรื่องเล็กๆ เขาคงไม่ดักฟังหรอก แต่ถามว่าเป็นห่วงไหม ผมเป็นห่วงครับ เพราะเป็นเรื่องที่เขาทำได้ง่าย ผมไม่เชื่อว่าเขาเอาอุปกรณ์ดักฟังไปใส่บนดาวเทียม แต่ถามว่าใช้ดาวเทียมเป็นทางผ่านเพื่อให้การดักฟังง่ายขึ้นได้ไหม ง่ายมาก เขาดักฟังภาคพื้นดินแล้วยิงต่อแล้วทำ online ได้สบายๆ"
มีมาตรการอะไรไหมที่ให้สัมปทานดาวเทียมโดยป้องกันความมั่นคงของรัฐได้
"ก็กลับมามาตรา 30 ที่ผมว่า ตอนที่เราเขียนมาตรา 30 เราไม่ได้เขียนลงไปชัดเจน เราเพียงแต่เขียนว่าถ้าเกิดเหตุภัยพิบัติหรือภัยความมั่นคงให้รัฐบาลร้องขอให้ กทช.ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าคุณกังวลข้อนี้ง่ายมากเลย เพราะถ้าเกิดอย่างนี้แล้วผู้ให้บริการไม่ปฏิบัติตามเพิกถอนใบอนุญาตได้"
ที่ทหารใช้ดาวเทียมไทยคมอยู่ตอนนี้ ใช้อะไรบ้าง
"ทหารใช้เพื่อการสื่อสารของเขาเอง อาจจะมีการส่งสัญญาณของเขาอยู่ เขาได้ transponder มา ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็น 1 transponder รวมกับราชการ ถ้าเทียบกับที่มี 50 transponder ก็ประมาณ 3-4 เปอร์เซ็นต์"
ใช้ในเรื่องที่เป็นความลับหรือเปล่า
"ไม่รู้ แต่ถ้าเขาใช้ในความลับทางราชการเขาควรเข้ารหัส ถ้าใช้โดยไม่เข้ารหัสมันไม่น่าจะเป็นหน่วยงานความมั่นคง อาจจะเป็นสื่อสารกันธรรมดา ลดค่าใช้จ่ายทางโทรศัพท์ แต่ถามว่าจารกรรมทำได้ไหม ได้ ง่ายๆ แต่ถามว่าเป็นของต่างชาติแล้วเสียวไหม เสียว ยิ่งคุณให้เขาเปลี่ยนมือได้โดยไม่ต้องขออนุญาต"
ฟังแล้วเหมือนกับว่าทหารก็ใช้ดาวเทียมสื่อสารความลับถึงได้วิตกกังวล
"เขาอาจจะใช้อยู่ ผมไม่รู้นะ แต่ที่เขาให้มาในสัญญาให้สำหรับทหารและราชการ แต่ถ้าทหารจะใช้และไม่เข้ารหัส ผมว่าอาจจะไม่ฉลาดนัก แต่ถึงแม้เข้ารหัส คุณไม่ต้องมีชินแซท อย่างอเริกาถ้าจะทำทำได้ไหม คุณไปดูเครื่องถอดรหัสของเขา เขาใช้คอมพิวเตอร์เมนเฟรม 4 ตัว ผมอยากให้คุณดูความอลังการตรงระบบ cooling ระบบระบายความร้อน คอมพิวเตอร์บ้านเราติดพัดลมข้างหลังเป่า แต่ของเขา 1 ชั้นเต็มๆ มีระบบน้ำเย็นหล่อเลี้ยง เขาต้องเป่าน้ำเย็นผ่าน เหมือนรถยนต์ที่เอาอากาศไปพัดให้น้ำในหม้อน้ำเย็น แต่นี่เป่าน้ำเย็นเข้าไป เพื่อที่จะหล่อเลี้ยง พวกนี้ใช้ในการถอดรหัส แล้วไม่ใช่ถอดรหัสเฉพาะเสียงนะ ถอดรหัสภาพถ่าย ทำให้ชัดเจนมากขึ้น"
-
คนเรือ VI
- Verified User
- โพสต์: 1647
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ประเทศไทยวนเวียนอยู่ในนี้ล่ะครับ
ลัทธิกษัตริย์นิยม
ลัทธิทหารนิยม
เมื่อไหร่จะเป็นประชาธิปไตยครับ?
-
Supra
- Verified User
- โพสต์: 479
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์

:twisted:
ลัทธิกษัตริย์นิยม
ระวังหน่อยครับพี่ คนเรือ VI

:roll:
*****