สังเกตได้ว่าตอนนี้ค่าเงินบาทแข็งมาก และเงินภูมิภาคก็แข็งค่าไปตามๆกัน
แต่ทว่า มีสิ่งที่น่าคิดคือ เงินที่ไหลเข้ามานั้นเป็นเงินระยะสั้นหรือเงินระยะยาว
เพราะอะไรถึงคิดแบบนั้น เพราะว่า เงินมันก็เหมือนน้ำ ก็ต้องมีเก็บกัก เมื่อ ไหลเข้ามา
ก็ต้องมีผลตอบแทนให้ ไม่งั้นก็ไหลออกไปหา สถานที่มีผลตอบแทนสูง (Search for yield)
อยู่ร่ำไป คือพูดๆง่ายตอนนี้เงินฝากมันได้ผลตอบแทนน้อย แต่ต้องการผลตอบแทนสูงๆๆ ก็ต้อง
หาว่าที่ไหน ผลตอบแทนสูงๆ ก็ไหลเข้าไป นั้นเอง
ซึ่งบ้างครั้ง การประเมินความเสี่ยงก็ต้องลดลง คือ พูดๆง่ายๆก็ต้องลดคุณภาพลงบ้าง หรือไม่ค่อย
สนใจเรื่องความเสี่ยงเท่าไร นั้นเอง
จุดนี้แหละที่น่าสงสัย แต่ไม่เป็นเช่นนั้นทั้งหมด เพราะก่อนหน้านี้ ประเทศไทย นั้น ยังไม่ได้ใช้รัฐธรรมนูญ
เพื่อเดินหน้าเข้าคูหาเลือกตั้ง ทำให้ กองทุนบางประเภท หรือ กองทุนของบางประเทศ นั้น ไม่สามารถ
นำเงินมาลงทุน หรือมีเงินลงทุนอยู่ก็ต้องทยอยขายนั้นเอง สังเกตได้ว่า หุ้นที่ขึ้นหลังจากประกาศ
รัฐธรรมนูญ (ไป Road show ที่ US) นั้นคือ พวก Market cap ใหญ่ ในSET50 หรือ SET100 เป็นตัวขับเคลื่อนตลาด
ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมากนั้นเอง
ไม่เพียงแค่นั้น การเป่าประกาศเรื่องการจัดตั้งกองทุน Thailand future fund หรือ TFF ตัวนี้ ก็ต้องมีเงินต่างชาติ
ไหลเข้ามาคอยว่า ปีนี้ ได้เห็นแน่นอนสำหรับกองทุนนี้
แถมปีนี้ ก็น่าจะเปิดประมูลเรื่องของคลื่นความถี่อีกต่างหาก ที่หมดสัมปทานของเดิมไปคือ 900 หรือ 1800 เพื่อนำเงินมาชดเชยการขาดดุลของรัฐ (ตอนนี้ กสทช เป็นพระเอกเลย ในการหาเงินเข้ารัฐปีๆหนึ่งเพียบเลย ไล่ตั้งแต่ ประมูลคลื่นความถี่ 1800 และ 900 ประมูลผู้ได้รับสัมปทานทีวีดิจิตอล)
แถมตอนนี้ ประเทศก็โปรโมทเรื่องการท่องเที่ยว โดยข้อมูลจากนักท่องเที่ยวที่ใช้ท่าอากาศยานนานานในประเทศไทยนั้นเอง ที่เพิ่มขึ้นทุกปี จนตอนนี้ กำลังความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวนั้นเกินไปไกลมากแล้ว
แต่หน่วยงานรับผิดชอบก็ยังไม่ค่อยใส่เกียร์ 7 แบบโกย เพื่อให้สามารถรองรับจุดนี้ได้เหมือน ยั้งรอคอยอะไรอยู่
ไม่เร่งแบบกดมิด อะไร ซักเท่าไร
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ฝากไว้คิดว่า บริษัทไหนเป็นตัวแทนของประเทศไทย ที่ออกต่างประเทศแล้วมีส่วนแบ่งได้
นอกจากบริษัทอาหาร เกษตรกรรม สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่ง ในระยะ 4-5 ปีมานี้ ไม่ได้แข่งกันในระดับประเทศแล้ว แต่แข่งขันในระดับโลกคือใหญ่ต้องใหญ่ หรือต้องใช้งานกันในระดับโลก มันก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน ว่า ในเมื่อก่อนหน้านี้ บริษัทที่ใหญ่ เพียงแค่ตอบโตในประเทศเท่านั้นก็ หารายได้กันไม่หวั่นไม่ไหวแล้ว แต่ในปัจจุบัน ในประเทศไม่เพียงพอแล้ว ต้องการเติบโตในระดับนอกประเทศ เพื่อสนองต่อความต้องการของนักลงทุน หรือเปล่า เป็นเรื่องที่น่าคิดไว้เหมือนกัน
