VI หาดใหญ่

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3001

โพสต์

ผมหาเวลาอยู่นานว่าจะ "ปักหมุด" หน้า 100 หน่อย วันนี้ได้ฤกษ์ก่อนที่จะไม่ทัน :D

คิดอยู่นานว่าผมจะเอาอะไรมาแชร์ดี บางเรื่องก็อวิชา เกรงว่าเอามาพูด ใครเกิดนำไปใช้อาจจะมีอาการ "ธาตุไฟเข้าแทรก" ได้

ตอนนี้คิดว่า จะเอา "เคล็ดวิชา 4 กระบวนท่า" ส่วนตัว มาเล่าใหม่ดีกว่า แต่ภาคนี้ คงต้องเพิ่มกระบวนท่าที่ 5 เข้ามาด้วย เพราะคิดมานานแล้วว่า มันควรจะอัพเป็นกระบวนท่าที่ 5 นานแล้ว แต่ยังดูอยู่ว่ามันจำเป็นมากน้อยแค่ไหน พอช่วงตลาดหุ้นไซด์เวย์เลยมองว่า เราน่าจะอัพระดับกระบวนท่านี้ขึ้นมาเทียบเท่ากับ 4 ท่าแรก

เคล็ดวิชานี้ เป็นวิธีส่วนตัวของผมนะครับ ใครไม่เห็นด้วยไม่ว่ากัน เพราะไม่ได้ต้องการจะไปเปรียบเทียบอะไรกับใครทั้งนั้น ไม่ได้ต้องการจะไปคลัฟว่า ของเราดีของคนอื่นไม่ดี ใครอ่านแล้วว่าดีอยากเอาไปใช้ก็ใช้ ไม่สนใจก็ไม่ว่ากันครับ

ผมออกตัวก่อนนะ ว่าที่มาของกระบวนท่าและลำดับความสำคัญนี้ มาจากการที่ผมเอง เป็นคนไม่ชอบเล่นกับความเสี่ยง ประเภทหุ้นกำลังมีโมเมนตัม วิ่งเหนือเส้นค่าเฉลี่ยแล้วมองว่าจะไปต่อแบบนั้น ผมไม่ค่อยยุ่งเลย

ฉะนั้นหลักการของผมก็คือ "ไม่ขาดทุนไว้ก่อน" เพราะตัวผมเองมีนิสัยไม่ชอบการคัทลอส ฉะนั้นจึงไม่พยายามเอาตัวเองไปเสี่ยงกับหุ้นที่มีโอกาสคัทลอสสูงตั้งแต่แรก ตรงข้ามกับแบบที่บางคนเค้าอาจจะยอมรับแบบพลาดคัทลอสเสีย 5% แต่ถ้าได้ก็ไปเอาคืนกับ "คำใหญ่"

ผมชอบดูฟุตบอลนะ ฉะนั้นหลักการของผมมันจึงไม่ต่างกับหลักการที่โค้ชบางคนเชื่อ นั่นก็คือ "ถ้าเราไม่เสียประตูก่อน เราก็ไม่มีทางแพ้" ฉะนั้น ไม่ชนะไม่เป็นไรแต่อย่าแพ้ เพราะการแพ้หรือขาดทุน ทุนเราจะหายไปครับ

5 กระบวนท่า ประกอบด้วย

1) downside
2) catalyst
3) upside
4) timing
5) weight

ทุกอย่างมีความหมายในตัวของมัน แม้แต่ลำดับการเรียง

1) Downside ผมให้ความสำคัญกับข้อนี้เป็นอันดับแรกครับ เพราะส่วนตัวเชื่อว่า ถ้าซื้อของได้ถูกแต่แรก โอกาสที่จะขาดทุนก็จะต่ำลงตามกันไป หุ้นที่ราคาลงมาแรง ๆ แต่เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับต่ำ มักจะมีสาเหตุใหญ่ ๆ ไม่กี่สาเหตุ

1. ตลาดแย่ยาวนานหรือเกิดแพนิคที่รุนแรง ตรงนี้แม้แต่หุ้นที่เป็นหุ้นชั้นดี ก็สามารถลงมาเคลื่อนไหวอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ โดยที่พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง

2. เกิดปัญหาบางอย่างกับบ. ส่วนใหญ่ที่ผมมักจะสนใจดูคือหุ้นในกลุ่มนี้ เน้นพวกที่มีปัญหาชั่วคราว ทั้งจากตัวบ.เอง และจากภาพรวม เช่นอาจจะมียอดขายลดลงต่ำกว่าปกติที่เป็นแค่เหตุชั่วคราว และประเมินแล้วสามารถกลับมาเป็นปกติได้ ปัญหาคือ เราต้องแยกแยะให้ได้ว่าสิ่งที่เกิดมันเป็นเรื่อง "ชั่วคราว"

ทีนี้ผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ความเสี่ยงตรงนี้มันต่ำพอ ถ้าไปอ่านหนังสือที่พูดถึงเรื่องความเสี่ยง ไม่เคยมีใครเขียนเอาไว้เลยนะครับ ว่า มันควรจะเป็นเท่าไหร่ วัดจากอะไร เค้าจะอธิบายเพียงแค่ มันคืออะไร สภาวะแบบไหน ตอนไหนที่เราต้องระวัง แนว ๆ นี้น่ะครับ ฉะนั้น ผมจึงสรุปเอาเองว่า "เอาที่เราสบายใจ" อย่างหุ้นบางตัว สมมติราคา 20 บาท บางคนบอก 15 ก็ถูกแล้ว บางคนบอก 10 บาท บางคนบอกต้อง 5 บาท ไม่มีหลักการตายตัวครับ

แต่อันนึงที่ผมจะใช้เป็นตัวช่วยก็คือ "stress test" ถ้าใครเคยอ่านหน้าที่ผมเคยเขียนไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ อันนี้ผมบัญญัติขึ้นเองนะ น่าจะอิงมาจากการตรวจทางหัวใจที่เค้าเอาคนไข้ไปเดินสายพานเพื่อกระตุ้นให้ทำงานหนักแล้วดูว่าหัวใจทนการขาดเลือดไหวหรือเปล่า ที่เรียกกันว่า exercise stress test :D

จากการสังเกตของผมนะ ถ้าหุ้นลงมาหนัก การซื้อขายมันจะน้อยจนแทบจะไม่ค่อยมีการซื้อขาย มันน่าจะเกิดจากรายย่อย "ยอมมอบตัว" ขายจนหมดแรงขาย บางทีเราจะเห็น bid offer บางหรือข้ามช่อง บางครั้งราคาอาจจะลงมาได้อีก แต่ก็ลงแบบเหมือนคนตกใจทิ้งแรง ๆ พอแรงรับไม่มีมันก็ลงได้มาก ๆ แต่ถ้าหุ้นกลับขึ้นไปก็ขึ้นได้มาก ๆ เช่นกัน

stress test อาจจะเอามาดูได้สองแบบ เช่น ถ้าตลาดแพนิคสุด ๆ หุ้นยังยืนอยู่ได้ ลงนิดหน่อยหรือแทบไม่ลงเลย ถือว่า "ผ่าน"
แบบที่สอง งบออกมาติดลบหรือยังแย่ แต่หุ้นกลับไม่ลง เหมือนเกิดอาการ "ตายด้าน" แบบนี้ถือว่า "ผ่าน"

พูดง่าย ๆ ว่าถ้ามีสภาวะการที่แย่ขั้นรุนแรงจากอะไรก็ตาม หุ้นยังยืนอยู่ได้ อย่างน้อยโอกาสที่จะลงโดยกลุ่มที่มองแบบ "นอนวีไอ"มันก็จะน้อยลงมาก หน้าที่ของเราก็ต้องประเมินต่อล่ะ ว่าในแง่พื้นฐานจริง ๆ แล้วมันโอเคไหม ถ้าตัวเลขทางการเงินยังดูดี ปัญหาน่าจะแก้ไขได้ อันนี้ก็น่าสนใจ เราก็ไปขั้นต่อไป

2) Catalyst อันนี้จากการสังเกตเช่นกันว่า "หุ้นที่ไม่มี catalyst ยากที่จะขึ้น" หรือถ้าขึ้นได้ก็ตามสภาวะตลาด หรือมือที่มองไม่เห็น ถ้าผมเจอหุ้นที่ความเสี่ยงต่ำ ราคาลงมาเยอะ ผมจะดูต่อว่ามันมีเรื่องราวอะไรให้มันกลับไปได้บ้าง ตรงนี้สารพัดครับ ตั้งแต่เศรษฐกิจดีขึ้น ค่าเงินอ่อนแข็ง โรงงานใหม่ M&A เปลี่ยนผบห. ลูกค้ารายใหม่ ปรับปรุงต้นทุนการผลิต บางทีผมไม่เน้น catalyst ที่แรงมากนะครับ อย่างบางบ.ขอแค่ให้กลับไปเป็นปกติของเค้า ราคาหุ้นก็กลับขึ้นไปได้มากแล้ว ไม่ต้องถึงขนาดโตกระจายอะไรครับ

3) Upside ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามสมมติฐาน เราก็ต้องประเมินคร่าว ๆ ล่ะครับ ว่าราคาหุ้นมันจะวิ่งขึ้นไปได้เต็มที่ซักเท่าไหร่ ส่วนจะขายเมื่อไหร่ จะเอากราฟมาจับตอนขายเพื่อป้องกันการขายหมูก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนล่ะครับ แต่ผมจะบอกอย่างหนึ่งว่าพวกนี้มีความไม่ตรงไปตรงมาสูงมากนะครับ ยกตัวอย่างเช่น พวกหุ้นเทิร์น บางครั้งกำไรดูดีขึ้นไม่มาก แต่ขอแค่พลิกจากขาดทุนเป็นกำไร หุ้นกลับวิ่งเป็นม้าแบบไม่สมเหตุสมผลครับ

4) Timing ข้อนี้น่าจะคาดการณ์ได้ยากที่สุดครับ ตรงนี้หมายถึง "เข้าจู่โจมในเวลาที่เหมาะสม" ยกตัวอย่าง สมมติหุ้น A มีแผนจะสร้างโรงงานใหม่เพิ่มกำลังการผลิต มีลูกค้ารองรับแน่นอน แต่ใช้เวลาสร้าง 2 ปี พอออกข่าว หุ้นก็จะขึ้นไป แต่ในความเป็นจริงมันเป็นแค่การเล่นข่าวของตลาด หลังจากนั้นกว่ากำไรจะเข้ามาจริง กว่าโรงงานจะรันได้อย่างมีประสิทธิภาพอาจจะกินเวลาไปถึง 3 ปี ถ้าเราซื้อหุ้นตั้งแต่ตอนนี้อาจจะเสียเวลาถือแบบไม่ได้อะไรก็ได้ครับ ยกเว้นราคาหุ้นจะลงไปต่ำมาก ๆ คุ้มพอที่จะถือ หรือจะเสี่ยงไปซื้อตอนใกล้ ๆ รายได้ใหม่จะเข้า แต่ก็ต้องเสี่ยงกับราคาหุ้นที่อาจจะขึ้นไปรับข่าว ตรงนี้ต้องประเมินกันเอาครับว่าจะให้น้ำหนักมากน้อยแค่ไหน

ปกติแล้วพวกข่าวของบ.ในตลาดที่น่าสนใจ ผมจะจำ ๆ ไว้นะครับ อันไหนเป็นตัวเร่งและน่าจะเห็นผลเมื่อไหร่ ผมจะจำไว้คร่าว ๆ พอใกล้ถึงเวลาก็จะไปดูอีกครั้งว่ายังน่าสนใจไหม

5) Weight ข้อนี้คือกระบวนท่าใหม่ เดิมผมยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเราควรจะให้น้ำหนักกับหุ้นแต่ละตัวเท่าไหร่ เคยคิดเอาง่าย ๆ ว่าถ้าเราคิดว่าตัวไหนน่าจะทำกำไรได้มากก็ให้น้ำหนักมาก ๆ แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว เป็นแบบนี้ครับ

1. หุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีมาก หลายตัวเราไม่ได้หวังว่ามันจะดีขนาดนั้น หุ้นบางตัวเราประเมินดูแล้ว ไม่ได้ดีมาก ๆ แต่พอถือไปมัน "ดีขึ้นเรื่อย ๆ"

2. "หุ้นเกร็งหมัด กะน๊อคคู่ต่อสู้ มักจะทำให้เราเสียเองที่ "เกร็งจนทำอะไรไม่ถูก" ตรงนี้เน้นเลยนะครับ จากที่ตัวเองประสบมา การเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่นทำให้เราไม่เสียเวลา หุ้นประเภทนี้มักจะเป็นหุ้นประเภทที่เราคิดว่า "มาแน่" "ขายบ้านรถเข้ารวยกันล่ะทีนี้" บางคนอาจจะจัดหนักถึงกับลงตัวเดียวหรือแค่ 1-2 ตัว ยิ่งถ้ากลัวเสียวไม่พอก็เพิ่ม "ตัวเร่งความเสียว" คือมาร์จิ้นเข้าไป บางคนไปอ่านเรื่องราว "เซียนหุ้นในตำนาน" ว่าเค้าทำแบบนี้ล่ะ จากล้านเป็นพันล้าน "ง่ายถ้าใจกล้า ๆ หน่อย"

แต่อย่าลืมครับ อย่าลืมข้อนึงว่า แท้จริงแล้ว คนตายอาจจะมีมากกว่า แต่ไม่มีโอกาสมาเขียน "ตำนานอันหน้าทึ่ง" ครับ

นอกจากนั้นการถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งในสัดส่วนที่มาก มันจะทำให้เราเกิดความ bias ผมเองก็ไม่เคยถึอหุ้น 1-2 ตัวนะครับ แต่เคยถือหุ้นบางตัวในสัดส่วนที่มาก ความ bias มันเกิดขึ้นจากความคาดหวัง ทำให้การตัดสินใจมันไม่เป็นไปตามสภาวะที่ปกติ เช่น พองบออกมาไม่ดี ราคาหุ้นลง มูลค่าในพอร์ตจะลดลงมาก ทำให้เกิดความเครียดหรือไม่สบายใจ นำมาซึ่งการตัดสินใจขายหุ้นก่อนเวลาอันควรทั้ง ๆ ที่เราคิดถูกหรือ ในกรณีที่เราคิดผิด เราอาจจะพยายามเข้าข้างตัวเองว่า "เดี๋ยวมันอาจจะกำลังดีขึ้น" บ้าง
"ต่อเวลาให้มันอีกหน่อย" บ้าง บางทีความผิดพลาดตรงนี้ทำให้มองข้ามพื้นฐานของหุ้นที่แท้จริง ซึ่งถ้าหุ้นแย่อย่างถาวรก็เจ็บหนักครับ

ข้อนี้ผมสรุปเอาง่าย ๆ ว่าไม่ควรถือหุ้นตัวไหนมากจนเกินไปครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3002

โพสต์

โพสต์ยาวไปหน่อย ไม่ทันหน้า 100 ล่ะ :D
"Become a risk taker, not a risk maker"
amornkowa
Verified User
โพสต์: 2195
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3003

โพสต์

leky เขียน:โพสต์ยาวไปหน่อย ไม่ทันหน้า 100 ล่ะ :D
ขอบคุณครับ
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3004

โพสต์

อยากเตือนมือใหม่ ๆ อยู่ 2 เรื่องนะครับ

1) ความสำเร็จในการลงทุนในความเห็นผม ความรู้ 50% เท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งคือ "การจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง" สิ่งนี้ยากกว่าการหาความรู้เสียอีก แล้วก็ยากในการที่จะเรียนรู้จากผู้อื่น นอกจากจะโดนเสียเอง ฉะนั้นการเร่งความสำเร็จจึงทำได้ค่อนข้างยากในการลงทุน หลายครั้งเข้าหุ้นถูกตัวแต่กลัวก็อาจจะขายหมู โลภก็อาจจะกลายเป็นไม่ได้อะไรหรือหนักเข้าก็ขาดทุน การเปรียบเทียบกับคนอื่น ความกลัวยามตลาดแพนิค การซื้อหุ้นโดยไม่มีคนซื้อด้วย เรากล้าแค่ไหน ซื้อแล้วหุ้นไม่ไปไหน เราทนได้แค่ไหน งบเหวี่ยงราย Q เราทำยังไง

2) แยกแยะสิ่งที่เราเห็น บางทีเราซื้อหุ้นไปแล้ว หุ้นขึ้นต้องมาดูด้วยนะครับ ว่ามันแค่โชคดีหรือเราคิดถูกจริง ตรงนี้สำคัญมากครับ เพราะถ้าเรา "เห็นผิดเป็นชอบ" มันจะทำให้เรามั่นใจเกินเหตุ หุ้นบางครั้งขึ้นโดยผลประกอบการไม่รองรับ ถ้าเราทำกำไรกับมันได้ก็ต้องยอมรับว่าเราโชคดี ไม่ใช่เพราะเราเก่งอะไร

นอกจากนั้น สิ่งที่ต้องระวังก็คือ "พวกมากลากไป" ผมอยากเตือนอยู่เรื่องหนึ่งแบบตรง ๆ นะ ครับ หุ้นตามเว็บ ดีอย่างนั้นอย่างนี้ งบอาจจะดีจริง ราคาหุ้นขยับ คนซื้อมั่นใจ ตามเฮโลกันเข้าไป จริง ๆ แล้ว เคยสงสัยบ้างไหมครับว่า จริง ๆ แล้วหุ้นมันขึ้นเพราะอะไร เพราะงบดีจริงล้วน ๆ หรือเพราะ "แรงเฮโล" ทำให้หุ้นมีพลังพิเศษ ถ้าเราเล่นพวกหุ้นแบบนี้บ่อย ๆ เราต้องระวังไว้มาก ๆ ระวังว่าวันนึง ถ้าเราไม่ได้ซื้อหุ้นที่มีพลังพิเศษแบบนี้แล้ว เราจะยังทำได้ดีหรือไม่

หุ้นบางตัวสภาพคล่องน้อย แค่เจอนลท.พอร์ตซัก 8 หลัก ไม่กี่คนก็สามารถผลักดันราคาหุ้นได้แล้วครับ

หุ้นที่มีลีดเดอร์คอยโฆษณา หุ้นบางตัวสมัยมีลีดเดอร์ราคาร้อนแรง แต่พอไม่มีลีดเดอร์ทั้ง ๆ ที่พื้นฐานดีกว่าตอนมีลีดเดอร์ราคากลับไปไม่ไกล นี่แหละเรียกว่า "หุ้นที่มีพลังพิเศษ"

หุ้นแนวนี้ ลงทุนได้ครับ แต่ต้องแยกแยะด้วยครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3005

โพสต์

ขอบคุณครับ คุณหมอเล็ก

สุดยอดมากๆๆๆๆ (แอบเสียดายที่หมอเล็กอดเจิมหน้าที่ 100 แต่ได้ประเดิมหน้าที่ 101 แทนครับ)
อ่านกระบวนท่าแล้ว คิดถึงเทพกระบี่ไร้พ่าย ตุ๊กกู๋ฉิวป้าย เลยครับ ถ้าใช้กระบวนท่าของท่าน leky (คุณหมอเล็ก) ในตลาด ก็น่าจะไร้พ่ายเลยทีเดียวครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3006

โพสต์

ผมสรุปให้มันกระชับเข้าใจง่าย ๆ น่ะครับ แต่ก่อนผมก็อ่านหนังสือนะ อ่านไปอ่านมามันกระจัดกระจายครับ จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มดูจากอะไรก่อนดี เลยสรุปไว้ง่าย ๆ เป็นขั้นตอนของตัวเอง 4 ข้อ ก่อนจะเพิ่มข้อที่ 5 เข้ามาครับ ส่วนรายละเอียดก็ไปแตกแขนงออกอีกที

มีอยู่ช่วงหนึ่ง อ่านจากที่เค้าสอนเอาไว้ว่า "ซื้อหุ้นถูกขายแพง" ฟังดูเหมือนง่ายนะ หุ้นตัวไหนถูกจัดไป สิ่งที่ได้กลับมาคือ หุ้นไม่ไปไหนบ้าง ลงต่อบ้าง ถึงเริ่มพอเข้าใจขึ้นเรื่อย ๆ ว่าหุ้นเหล่านั้น มันไม่มีตัวเร่งอะไรให้กลับมาเลย

ผมเองลองหุ้นมาหลายรูปแบบนะครับ หุ้นปันผล หุ้นกำไรโต หุ้นเทิร์น หุ้นคอมโม ฯลฯ

หุ้นบางชนิดคาดการณ์ไม่ง่ายเอาเสียเลย ยิ่งหุ้นแบบที่เราไปไล่ราคาแล้วนี่ หลายครั้งงบออกมานี่ "เงิบ" ครับ

ตรงนี้ผมไม่ได้พูดถึงแนวหุ้น growth นะครับ แบบว่าซื้อแล้วไปขายที่แพงกว่า คือ ความถูกแพงของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ก็ยอมรับว่าผมไม่ถนัดแนวแบบนั้นเลยน่ะครับ จึงไม่อาจจะวิจารณ์อะไรได้
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3007

โพสต์

กำลังทำสรุปมีทติ้งหาดใหญ่นะครับ คงต้องรอหน่อยนะครับ
เพราะมาแกะที่จดไว้ใน iPad 28 หน้า แล้วเอามาพิมพ์ใน Word ครับ
พอดี ทำเฉพาะตอนกลางคืน เลยต้องใช้เวลาหลายวันหน่อยนะครับ และต้องคิดคำในการแปลงชื่อหุ้นด้วยครับ
กรุณาใจเย็นๆ รอไปก่อนครับ เพื่อให้เนื้อหาละเอียดครบถ้วนครับ

ระหว่างนี้ ก็รบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ท่านอื่น แชร์/พูดคุยกันไปก่อนนะครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
romee
Verified User
โพสต์: 1850
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3008

โพสต์

leky เขียน:อยากเตือนมือใหม่ ๆ อยู่ 2 เรื่องนะครับ
นอกจากนั้น สิ่งที่ต้องระวังก็คือ "พวกมากลากไป" ผมอยากเตือนอยู่เรื่องหนึ่งแบบตรง ๆ นะ ครับ หุ้นตามเว็บ ดีอย่างนั้นอย่างนี้ งบอาจจะดีจริง ราคาหุ้นขยับ คนซื้อมั่นใจ ตามเฮโลกันเข้าไป จริง ๆ แล้ว เคยสงสัยบ้างไหมครับว่า จริง ๆ แล้วหุ้นมันขึ้นเพราะอะไร เพราะงบดีจริงล้วน ๆ หรือเพราะ "แรงเฮโล" ทำให้หุ้นมีพลังพิเศษ ถ้าเราเล่นพวกหุ้นแบบนี้บ่อย ๆ เราต้องระวังไว้มาก ๆ ระวังว่าวันนึง ถ้าเราไม่ได้ซื้อหุ้นที่มีพลังพิเศษแบบนี้แล้ว เราจะยังทำได้ดีหรือไม่

หุ้นบางตัวสภาพคล่องน้อย แค่เจอนลท.พอร์ตซัก 8 หลัก ไม่กี่คนก็สามารถผลักดันราคาหุ้นได้แล้วครับ

หุ้นที่มีลีดเดอร์คอยโฆษณา หุ้นบางตัวสมัยมีลีดเดอร์ราคาร้อนแรง แต่พอไม่มีลีดเดอร์ทั้ง ๆ ที่พื้นฐานดีกว่าตอนมีลีดเดอร์ราคากลับไปไม่ไกล นี่แหละเรียกว่า "หุ้นที่มีพลังพิเศษ"

หุ้นแนวนี้ ลงทุนได้ครับ แต่ต้องแยกแยะด้วยครับ
หุ้น"แรงเฮโล" ถ้าคุ้นๆในปีนี้ก็ หุ้นลิซซิ่งชื่ออิสลาม, ลิซซิ่งการเกษตร, พลังงานทดแทนมีแม่เป็นเจ้าของปั้มน้ำมัน
วิ่งกันสะบัดทั้งนั้น หลังจากชื่อคนคุ้นเคยในเวบเข้าซื้อ :oops:

ขอบคุณพี่หมอเล็กนะครับ ที่เพิ่มกระบวนท่าอีก1อัน...หลังจาก4กระบวนท่า เผยมาแล้วช่วง2ปี ให้ลูกศิษย์ได้ไปฝึกกันจนลมปราณแตกซ่าน เลือดกลบปาก :drink:

หวังว่าจะมีเผยอีกเรื่อยๆ เอาให้ครบ18กระบวนท่าฝ่ามือพิชิตมังกร เลยก็ดีนะครับพี่หมอ :bow:

ปล1. ตอนนี้ข่าวเกี่ยวกับในกรม กอง ทหาร กำลังฮิต เอาซะหน่อย
shortname.jpg
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
You only live once, but if you do it right, once is enough.
amornkowa
Verified User
โพสต์: 2195
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3009

โพสต์

Meeting VI หาดใหญ่ ตอนที่2

คุณโจบอกสมาชิกไทยวีไอจะมาร่วมประชุมว่า

เราต้องติดตามข่าวตลอดเวลา เวลาที่เจอข่าวเราจะสามารถคิดได้ทันที
ว่าต้องอย่างไรต่อไปได้


คุณเปี๊ยก ก็เสริมว่า ตอนเรียนcourseของสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
อาจารย์คเชนต์ก็แนะนำแบบนี้เหมือนกัน

ผมขอเสริมว่า ตอนไปสัมมนาหรือประชุมที่บริษัทจัดไม่ว่าจะเป็นประชุมประจำปี
หรือ ประชุมระหว่างกาล ก็สำคัญ บางครั้งมีข้อมูลสำคัญที่บริษัทแจ้งในที่ประชุม
ถ้าเป็นไปตามที่บริษัทแจ้ง ก็สามารถรู้ได้เลยบริษัทจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์
จากข่าวที่ประกาศออกมา

สรุป เราต้องติดตามข่าวสารตลอดเวลา พอถึงเวลาที่รับทราบข่าวสาร เราก็นำข้อมูล
ที่ติดตามมาประมวลผลว่าส่งผลดีหรือผลเสียต่อบริษัท จะได้ตัดสินใจทันท่วงที


ช่วงนี้หุ้นIPO ค่อนข้างเป็นที่นิยม

ตอนดัชนีหุ้นSETอยู่ที่ระดับ 1200 จุด สังเกตว่าหุ้นIPOเข้าน้อยมาก
แต่พอดัชนีอยู่ในช่วง 1700จุดในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทใหม่มาออกIPOกันเยอะ
เขาโก่งราคาได้แพง เพราะอ้างอิงจากดัชนีปัจจุบัน
สักวันนี้บางบริษัทที่ขายแพงไปก็ต้องจบแบบบางบริษัทตอนนี้
นี่เป็นตัวอย่างที่คนจองIPOอาจจะขาดทุนได้เหมือนกัน

บริษัทท่าเรือ ที่พึ่งIPO เข้ามา PEสูงมาก แต่ไปJointกับสายเดินเรือใหญ่ กำไรน่าจะเพิ่มขึ้น
ตอนนี้มี2ท่าเรือทีสำคัญ ส่วนท่าเรือที่เหลือไม่มีนัยยะ
ผู้บริหารเรียนหลักสูตรthaivi13 เขาพยายามเข้าใจนักลงทุนวีไอคิดอย่างไร
จะได้บริหารบริษัท หรือ เอาความรู้ไปพัฒนาความแข่งขันของบริษัท โดยรวมๆ
เป็นธุรกิจที่ใช้ได้ ใหญ่สุดในไทย
ระยะทางจากอ่าวไทยมาที่บริษัทนี้ใกล้กว่าท่าเรือกรุงเทพ
เรือกว่าจะเข้าท่าเรือกรุงเทพจะลำบากกว่า
บริษัทนี้ได้เปรียบเพราะที่ตั้งอยู่ที่อ่าวไทย

อ้าวจบตอนสองแล้ว เดี๋ยวมาต่อตอนสามนะครับ
amornkowa
Verified User
โพสต์: 2195
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3010

โพสต์

Meeting VI หาดใหญ่ ตอนที่3

อาจารย์โจ ได้ให้โอกาสผมในการแชร์ในเรื่องนักลงทุนที่กรุงเทพเรียนรู้กันอย่างไร
ให้กับนักลงทุนทางภาคใต้ได้ฟัง

ผมได้บอกกับเพื่อนพี่ๆน้องๆว่า การเรียนรู้สมัยนี้ถึงแม้จะอยู่ต่างจังหวัดก็สามารถ
เรียนรู้ได้ไม่แพ้ในนักลงทุนในกรุงเทพ ถึงแม้ในกรุงเทพจะมีสัมมนาตลอด แต่ก็มีการนำไปลง
ในyoutubeให้ทุกคนได้ศึกษากัน สำคัญว่าแต่ละคนมีความตั้งใจอยากศึกษาแค่ไหน
ผมขอยกตัวอย่างเพื่อนที่เรียนปริญญาตรีด้วยกัน และ ประสบความสำเร็จในด้านการลงทุน
คือ คุณธันวา อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) คนแรก ซึ่งตอนที่
ลงทุนใหม่ๆช่วงนั้น คุณธันวายังทำงานเป็น CFO ที่บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย
ซึ่งงานCFO น่าจะยุ่งมากๆ แต่คุณธันวายังได้แบ่งเวลาช่วงเย็น ในการศึกษาเรื่องการลงทุน
รวมถึงการวางแผนในการลงทุนให้เรียบร้อย ดังนั้นช่วงเวลาทำงาน คุณธันวาก็ไปมุ่งทำงาน
ที่บริษัทให้ดี และ กลับมาดูผลในช่วงเลิกงาน นักลงทุนที่ทำแบบนี้ก็เห็น น้องกานต์ Mario
ที่ศึกษาเรื่องการลงทุนในช่วงเย็น ตอนทำงานที่ SCG

กลับมาที่คุณธันวา หลังจากที่ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ไอบีเอ็ม
แล้ว ตอนนั้น ผมคาดว่าเขาคงมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว จึงได้ลาออกมาเพื่อทำงานรับใช้สังคม
เช่น ทำงานเป็นกรรมการของ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หรือ TOT , ธนาคารกรุงไทย
ทราบจากคุณธันวาว่า ตอนที่ตอบรับเป็นกรรมการ ไม่ได้ดูเรื่องผลตอบแทนซึ่งไม่สูง แต่ตั้งใจ
มาเพื่อนำความรู้ที่เคยทำงานในองค์กรเอกชนมาช่วยทำให้บริษัทเจริญก้าวหน้าขึ้น
อันนี้ถือเป็นแบบอย่างที่เพื่อนนักลงทุนน่าจะศึกษาและทำตาม

ผมเองก็ได้เรียนรู้ในด้านการลงทุนมาก่อนจาก webboard thaivi และศึกษาอย่างเต็มรูปแบบ
โดยได้เข้ารับการอบรมcourse Thaivi เมื่อต้นปี2557 หลังจากนั้นก็ได้แชร์ข้อมูลเรื่องการลงทุน
จากสัมมนาที่เคยไปฟังมา ส่วนการประชุมผู้ถือหุ้นก็เริ่มเข้าประชุมในปีเดียวกัน
และเริ่มโพสลงwebboard thaivi ติดต่อกันตั้งแต่ปี2557 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนรายการMoney Talk ต้องขอบคุณ อาจารย์ไพบูลย์ ที่ให้โอกาสมาช่วยเรื่องการสรุปเนื้อหาสัมมนา
ร่วมกับน้องบิ๊ก i-salmon ซึ่งตอนสรุปก็มีการอัดเสียงไว้ เพื่อทบทวน แก้ไข ก่อนโพสลงwebboard thaivi
เมื่อปีที่แล้ว ก็เกิดไอเดียว่า ความรู้เรื่องลงทุน นอกจากหุ้นแล้ว ยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีกมาก สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ หรือ ผู้ที่ต้องการวางแผนทางด้านการเงิน สำหรับเกษียณ หรือ การศึกษาของลูก

ผมเลยได้เปิด Facebook Page ชื่อว่า Seminar Knowledge by Amorn ขึ้น เพื่อเป็นที่ๆจะให้ความรู้กับคนทั่วไป ซึ่งเพจนี้พึ่งมีอายุแค่ 1 ปี ยังต้องพัฒนาเรียนรู้อีกเยอะ พยายามฟังความต้องการของผู้เข้าชมว่าต้องการให้เขียนเรื่องอะไรบ้าง จะได้เขียนให้ตรงกับที่เขาต้องการ
อันนี้ผมได้จากเจ้านายที่บริษัทเก่าสอนมาว่า คุณจะpresentอะไรออกไป คุณต้องคิดหรือสำรวจก่อนว่าคนฟังต้องการอะไรจากเรา


มีคนถามเหมือนกันทำแบบนี้จะได้อะไร ส่วนตัวผมว่า ผมได้ความรู้มากขึ้นนะจากการสรุปเนื้อหาที่ไปฟังมา
เพราะกว่าจะได้เนื้อหาที่จะเขียนลง ต้องมีการทวน เรียบเรียง หรือ หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อทำให้ผู้อ่านเข้าใจ
มากขึ้น สุดท้ายคนที่ได้ความรู้เยอะที่สุดคือผมนั่นเอง

สรุป การทำอะไรที่ไม่ได้หวังผลตอบแทน สุดท้ายคนที่ได้ผลประโยชน์มากสุดก็คือคุณนั่นเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3011

โพสต์

มีทติ้งวีไอหาดใหญ่ Q3/60

ช่วงเช้า ก็มีพี่อมรได้สรุปไปหลายส่วนแล้วครับ โดยเฉพาะเรื่องหลักการลงทุน ก็ขออนุญาตข้ามตรงนั้นไป เนื้อหาจะได้ไม่ซ้ำซ้อนกันอีกครับ
ก็ขอเอาส่วนที่หายไปมาสรุปให้อ่านกันครับ

1. บ.ประกันแห่งหนึ่ง - อาจารย์เจอหุ้นตัวนี้จากการอ่าน นสพ. กรุงเทพธุรกิจ พบว่า ผบห ให้ข่าวว่า จะเพิ่มสัดส่วนในบริษัทประกันภัย และราคาหุ้นก็ลงมาเหลือ 30 ต้นๆ และได้ yield ราว 5% ก็พอไหว ถึงกำไรไม่โต เลยมองว่า เป็นหุ้นแนวดันโด ไม่มีไรเสีย และโอกาสลง น่าน้อยมาก ก็เลยลงทุนตัวนี้ พอซื้อไปได้สัก 2 สัปดาห์ ก็มีข่าวการเทคกิจการ
o การเทค คิดว่า ไม่ได้ประโยชน์ไม่มาก ถึงแม้ว่า ราคาในการแลกหุ้นประมาณ 53 บาท ราคาตลาดราว 30-35 บาท ราคาที่ไปซื้อกิจการ บริษัทจ่ายไป 5 พันล้าน แต่กลับได้ส่วนแบ่งกลับมาประมาณ ร้อยล้าน คิดว่า ไม่คุ้ม เป็นการแลกหุ้นในราคาค่อนข้างแพง
o หากมีการติดตามข่าวตลอด เวลากิจการมีข่าวอะไร ก็สามารถที่จะประเมินและตัดสินใจได้ทันที (ก็จะไม่พลาดตกรถ)

2. หุ้นท่าเรือน้องใหม่ - ช่วงนี้ ตลาดหุ้นดี ดังนั้น หุ้น IPO ค่อนข้างแพงหมดทุกตัว วันที่เข้าตลาดวันแรก ก็แพงอีก (ราคา IPO ก็แพงอยู่แล้ว) ตอนนี้ PE ค่อนข้างสูงอยู่มาก แต่บริษัทเริ่มมีการไปร่วมกับบริษัทเดืนเรือใหญ่ๆ ปีหน้า น่าจะทำกำไรได้มากขึ้น อีกเรื่องคือ ผบห ได้ศึกษาหาความรู้แนววีไอด้วย ก็น่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ ผบห อาจจะเข้าใจ นลท ก็ได้ หรืออาจเป็นกรณีอื่นก็ได้เช่นกัน (อันนี้ พี่อมร น่ามีโพสแล้ว แต่เห็นว่า เป็นเรื่องหุ้นรายตัว เลยขอเอามาลงอีกรอบครับ)

3. การหาหุ้นที่งบเน่าๆ (กำไรไม่ดี) อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่ต้องพิจารณางบแสดงฐานะการเงินประกอบด้วย ไม่งั้นจะพลาดได้ ตัวอย่างเช่น บริษัทอิเล็คฯ แห่งหนึ่ง (หุ้นทำร้ายอาจารย์บาดเจ็บเล็กน้อย) ที่งบแสดงฐานะการเงินค่อนข้างย่ำแย่ มีโอกาสที่จะเจ๊งด้วย แถมกำไรก็ไม่ดีด้วย (ขาดทุน) / ดังนั้น ควรที่จะหาหุ้นที่มีงบแสดงฐานะการเงินแข็งแกร่ง รวมทั้งงบกำไรขาดทุนแย่ แต่เป็นปัญหาชั่วคราว และคาดว่าจะดีในปีถัดไป / มีอีกเคสหนึ่ง บริษัทอิเล็คฯ เช่นกัน (หุ้นกิ๊กเก่าอาจารย์) งบออกมา กำไรตกค่อนข้างมาก ก็น่าสนใจ แต่ว่า ถ้ามองถึงกิจการ ก็พบว่า กิจการมีตัวแปรเยอะมากเกินไปและไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เราคาดการณ์กำไรค่อนข้างยากเกินไป

4. หุ้นที่มีสัมปทาน ต้องระมัดระวังเรื่องการหมดอายุของสัญญาสัมปทาน เช่น "หุ้นที่คนโดยสารแน่นมากๆๆๆ" ถึงมีกำไรเพิ่มขึ้นตลอด แต่ก็มีความเสี่ยงของสัมปทานที่จะหมดเร็วๆ นี้ เพราะพอหมดอายุ กำไรก็หายไปเลย / บางคน อาจมองแง่ดีเกินไปว่า น่าจะต่อสัญญาสัมปทานได้ การต่อสัญญากับภาครัฐฯ น่าจะมีเงื่อนไขในการต่อสัญญาหลากหลายอีกด้วย

5. Valuation เป็นหัวใจของการลงทุน เราจำเป็นต้องทราบมูลค่า ถึงจะสามารถพิจารณาการลงทุนได้
o หุ้นเติบโตดี ก็สามารถให้ PE สูงได้ ถ้าไม่เติบโต ก็ควรให้ PE ต่ำ เท่าที่ติดตาม ดร. พบว่า ดร. ชอบหุ้นเติบโต แต่มักซื้อตอนที่ PE ไม่ค่อยสูงด้วยโดยที่จังหวะซื้อ อาจเกิดจากเหตุการณ์ชั่วคราวบางอย่างพอดีหรือตลาดไม่ค่อยดี เพราะคนไม่มั่นใจในตลาด / ประเมินมูลค่า ก็เรื่องหนึ่ง แต่การซื้อ ควรซื้อให้ต่ำไว้ก่อนจะดีกว่า หากซื้อหุ้นใน PE ที่สูง ก็จะอันตรายได้ หากเกิดอะไรขึ้น พวก PE 60-70 เท่า น่าจะรับไม่อยู่แน่นอน
o ไม่มีสูตรตายตัวว่า ต้องซื้อที่ PE เท่าไร อย่างหุ้นที่เติบโตสูง ก็อาจซื้อที่ PE สูงได้ เพราะกำไรมากๆ PE สูง ก็จะมาเป็น PE ต่ำเอง ในขณะที่ PE ต่ำ ก็อาจเป็น PE สูงได้ หากกำไรไม่ดี / ช่วงนี้ ยอมซื้อหุ้น PE สูงบ้าง เท่าที่สังเกตุ หุ้นที PE ต่ำ มักมีคุณภาพไม่ค่อยดีแล้ว และมักไม่ค่อยได้กำไรเท่าไร จึงยอมซื้อหุ้นในระดับ PE ที่สูงมากขึ้น แต่ไม่สูงเกินไป และชอบพิจารณา Passion ของผู้บริหาร อีกอย่าง เราต้องพิจารณาตนเองด้วยว่า ลงทุนแนวไหน จะได้เลือกการลงทุนให้เหมาะสม อีกอย่าง ต้องพิจารณสถานการณ์ด้วย ตัวอย่างเช่น ในอดีต มองพวกตัวเลขอัตราส่วนทางการเงินทั้งหลาย pe pbv เป็นต้น มาใช้ได้ เพราะมีช่องว่างอยู่มาก แต่ในปัจจุบัน คนเก่งมากขึ้น ก็เริ่มมีความยากลำบากมากขึ้น ก็ต้องมองถึงคุณภาพกิจการมากขึ้นด้วย เปรียบเหมือนการเล่นเกมส์ให้สนุก ทุกคนก็ต้องพัฒนาตนเองและปรับความคิดไปเรื่อยๆ ในการหาธุรกิจที่เติบโตนั้น ไม่ว่ากิจการใด ย่อมมีคู่แข่งขันทั้งนั้น แต่ตัวที่สำคัญสุด ก็น่าเป็นความมุ่งมั่นและความตั้งใจของผู้บริหาร รวมทั้งธุรกิจของเค้าด้วย

6. หุ้น "แป้งโหด" ค่อนข้างแปลกๆ ดูยาก แต่บริษัทนี้ มีชื่อเสียงพอสมควร ดีใช้ได้ แต่ตอนนี้ PE ค่อนข้างสูง และงานค่อนข้างเต็มประสิทธิภาพ การที่จะเติบโตไปอีก น่าจะยากขึ้น

7. หุ้น "ของขวัญ" มีแผนจะเอาวัตถุดิบไปทำเครื่องสำอาง และจะสร้างแบรนด์ของตนเอง คิดว่า ยังเป็นแค่ช่วงริเริ่ม ไม่ชัดเจน คิดว่า ไม่ต้องรีบ ไม่น่ามีนัยยะอะไร รอได้

8. กรณีที่ธุรกิจไม่มีอะไรชัดเจน ราคายังถูกอยู่ กับ ธุรกิจที่ชัดเจนแล้ว ราคาแพงแล้ว จะพิจารณาอย่างไร
o ควรคิดแบบว่า ตนเองเป็นวอเรน บัฟเฟตต์ นั่นคือ ควรซื้อกิจการ เมื่อมีความชัดเจน ถึงแม้ว่า จะแพงหน่อยก็ตาม ย่อมดีกว่า ที่จะไปซื้อกิจการที่ยังไม่ชัดเจน
o ยกเว้น การลงทุนใน Startup โดยใช้กลยุทธ์ในการลงทุนแบบกระจายหลายๆ ตัว เช่น กำไร 1 ตัว ก็สามารถให้ผลตอบแทนมาก และกลบตัวที่ขาดทุนได้หมด และยังได้กำไรอยู่
o สุดท้าย ถ้าคิดว่า เป็น นลท วีไอ ที่รอบคอบ - การที่เราขาดทุน จะยากที่จะเอากำไรคืนมากกว่า จึงคิดว่า รอดีกว่า

9. การลงทุน Warrant
o หาก Warrant Out of Money จะค่อนข้างเสี่ยง ควรมอง Warrant แบบ In the Money
o หุ้นแม่ มีโอกาสที่ราคาจะขึ้นไปสูง ก็น่าสนใจซื้อ Warrant นั้น
o * อย่ายุ่งกับ Warrant ที่เป็นการเก็งกำไรสูง โดยเฉพาะ Warrant ที่มีโอกาสการใช้สิทธิน้อย เป็นวิธีการที่สำเร็จวันนี้เพื่อที่จะไปล้มเหลววันหน้า หากเกิดติดใจวิธีการนี้ แล้วไปทำอีกในอนาคต หากพลาด ก็จะเสียหาย
o “ชนะความโลภ ด้วยความรู้ ความยับยั้งชั่งใจ”
o หากต้องการเก่งแบบคนที่ประสบความสำเร็จ อย่างเช่น วอเรน บัตเฟตต์ ก็ลองคิดว่า ตนเองเป็นวอเรน บัตเฟตต์ และคิดต่อว่า จะไปเก็งกำไร warrant แบบนี้ไหม ซึ่งวอเรน คงไม่ทำแน่

10. การที่เสี่ย "???" มาซื้อ หุ้น "นิคมฯ" คิดว่า ยังไม่น่ามีอะไรชัดเจน ส่วนตลาดของโกดัง ก็ไม่มีอะไรหวือหวาแล้ว แตกต่างกันในอดีตที่ดี พอมีคู่แข่งเข้ามามาก กำไรก็ไม่ดี ถึงเฟเซอร์เข้ามา ก็ยังไม่น่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าใดนัก ถึงแม้ว่าจะซื้อหุ้นมาในราคาแพง แต่ก็คงเพราะเป็นการซื้อล๊อตใหญ่

11. แนวทางการขายหุ้น ไม่มีอะไรซับซ้อนตรงไหน คิดว่า ความยากอยู่ตรงการซื้อมากกว่า อย่างเช่น เราต้องพยายามซื้อหุ้นในราคาที่มันผิดพลาดดีกว่า คือ ซื้อหุ้นในราคาที่ถูกกว่าราคาที่ควรจะเป็น ส่วนการขาย ถ้าหุ้นที่เติบโตได้เรื่อยๆ ก็อาจถือยาวๆ ได้ หรืออาจขายเพื่อเปลี่ยนไปหุ้นตัวใหม่ที่ดีกว่า ถูกกว่า ก็ได้

12. หุ้นที่มีปัจจัยเยอะ และคาดการไม่ได้ ก็ไม่ควรลงทุน ควรลงทุนในหุ้นที่คาดการได้ดีกว่า ค่อนข้างชัวร์หน่อย กำไรน้อยไม่เป็นไร

จบการเสริมเนื้อหาของมีทติ้งช่วงเช้าครับ

รออ่านต่อโพสถัดไปในวันอื่นนะครับ นอนหลับฝันดีทุกท่านครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3012

โพสต์

(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q3/2560

โพสแรกค่อนข้างยาวไปหน่อย พอกลับไปดู ผมเห็นข้อความยาวๆ แล้ว บางทีจะขี้เกียจรีบอ่าน เลยคิดว่า ขอโพสข้อความแบบไม่ยาวมากดีกว่า แต่โพสหลายๆ โพส อย่างที่ผ่านๆ มาในรอบก่อนๆ นะครับ โอเค เราเริ่มกันเลยนะครับ

1. หุ้น "ธนาคารที่ดินและบ้าน" ได้รับเงินเพิ่มทุนแล้ว แต่ทำไมยังไม่โต
o เพิ่งรับเงินเพิ่มทุนเอง คงต้องใช้เวลาสักพัก
o เป้าผู้บริหาร เติบโต 10-15% น่าโตได้ถึง 4-5 ปี
o พวกแบงค์ ต้องระวัง ต่อไปจะมีอะไรมาเปลี่ยนแปลงไหม เช่น ค่าธรรมเนียม
o เงินใหม่ก้อนใหญ่ที่เข้ามา สำคัญมาก น่าทำให้โตได้อีกหลายปี

2. หุ้น "แก้วบุตตา" น่าโตได้อีกมาก ก็โต YoY แต่ว่า ช่วงนี้ อาจชะงักบ้าง เพราะมีการปรับโครงสร้างร่วมกับ หุ้น "พอดี" มา (เท่าที่โบรคฯ แจ้งไว้ แต่จริงๆ เป็นอย่างไร ไม่ทราบ)

3. หุ้น IPO ที่เข้ามา ส่วนใหญ่แพงทั้งนั้น แบบว่า IPO เข้ามา 20 ตัว มีดีๆ สัก 1 ตัว

4. หุ้นน้องใหม่ "รองเท้า" มีความเสี่ยงจากมาร์จิ้นลดลง เพราะปีหน้า เปลี่ยนจากการผลิต Converse มาเป็นนำเข้าแทน และผลิตยี่ห้อใหม่ PONY แทน

5. หุ้น "ทันสมัย" ไม่ค่อยได้ติดตาม เท่าที่ทราบ Q ที่ผ่านมา ก็เติบโตดี เพราะขายได้เยอะ/มีการส่งมอบเยอะ ส่วนด้าน Health care ค่อนข้างดีขึ้น แต่ฐานยังต่ำมาก
o มีผู้เข้าสัมมนาท่านหนึ่งให้ความเห็นเพิ่มว่า ปีนี้ น่ามีโอกาส Turn เพราะมี Backlog กลับมาแล้ว และปีหน้า น่ามี catalyst ที่จะ Spin off บ.ลูก / ส่วนธุรกิจสุขภาพ มีหนี้สินค่อนข้างต่ำ และผู้บริหารมี Passion พอสมควร
o ราคาก็ไม่ค่อยถูกมากเท่าไร เพียงแต่ช่วงนี้ มีการส่งมอบมากหน่อย ส่วนบริษัทลูก ก็ไม่รู้ว่า จะโตได้อีกมากแค่ไหน และไม่แน่ใจตลาดในประเทศจะโตแค่ไหน ก็มีคนมาทำเยอะเกี่ยวกับธุรกิจโรงพยาบาล เค้าอาจได้ประโยชน์ก็ได้

6. หุ้นน้องใหม่ "ท่อบุหรี่" ทำท่อเคลือบต่างๆ ดูเหมือนว่า กำไรทำได้ดีมาก แต่ไตรมาสหลังๆ กำไรหายไปเยอะมาก บริษัทแนวนี้ นลท วีไอ ควรระมัดระวัง สาเหตุก็น่าจะแบบว่า บริษัทเหล่านี้ เอาเข้าตลาดในช่วงที่ได้กำไรดีที่สุด มีอยู่ช่วงหนึ่ง ราคาเหล็กถูก ก็มีการสต๊อคเหล็กเอาไว้ แล้วก็เอากำไรที่ได้ตรงนั้น มาคิด PE แล้วเอาเข้าตลาด แต่พอสต๊อคหมด และเหล็กราคาขึ้น กำไรก็หายไปเยอะ การเติบโต ทางบริษัท ก็มีแผนการผลิตที่ชัดเจนดี เพียงแต่ว่า ราคาวันนี้ ไม่ถูก ไม่แพง คงต้องติดตามดูว่า แผนการผลิตจะทำได้แค่ไหน และสินค้าใหม่จะขายได้หรือไม่

วันนี้พอแค่นี้ครับ อ่านโพสสั้นๆ ดีกว่าอ่านยาวๆ รวดเดียวครับ
อ่านวันละนิด ชีวิตแจ่มใสครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
amornkowa
Verified User
โพสต์: 2195
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3013

โพสต์

Meeting VI หาดใหญ่ ตอนที่4

Q: หุ้นที่ไม่ชัดเจนราคาไม่แพง กับ หุ้นชัดเจนราคาแพงแล้ว อันไหนน่าสนใจมากกว่ากัน
A: คิดว่าคุณวอร์เรน บัฟเฟตจะซื้อหุ้นที่ไม่ชัดเจนหรือเปล่า
คำตอบคือ ไม่ใช่ รอซื้อแพงหน่อยตอนชัดเจนน่าจะดีกว่า
หรือ ปีเตอร์ ลินซ์ ซื้อแพงกว่า1เท่าเมื่อเหตุการณ์ชัดเจน แต่ได้อีก 10 เท่าในอนาคต
ยกเว้นเรามีกลยุทธ์ในบริษัทไม่ชัดเจน ผ่านstartup 100 บริษัท ซึ่งจะมีรอดเพียงไม่กี่บริษัท
เราเป็นวีไอ รอให้มีความแน่นอนดีกว่าค่อยเข้าไปลงทุน

Q: อยากทราบหลักการในการดูWarrantว่าน่าลงทุนหรือไม่
A: Warrant ที่ out of money ไม่น่าสนใจ
(หมายถึง ราคาที่ซื้อwarrantบวกกับราคาที่exerciseหรือราคาแปลงมากกว่าราคาตลาดปัจจุบัน)
หุ้นแม่ที่โอกาสไปต่อได้สูง และราคาแปลงwarrant รวมราคาwarrantแล้วใกล้เคียงจะน่าสนใจ
สมมติให้เราเป็นวอร์เรน บัฟเฟต์ แล้วตัดสินใจแบบเขาว่า
การซื้อwarrant out of money เขาจะทำไหม
สรุปคือถ้าต้องการลงทุนwarrant ให้ลงทุนแบบ in the money

Q: คุณโจถามคุณตี้ ซึ่งเป็นนักลงทุนแนววีไออีกท่านที่หาดใหญ่เรื่องแนวคิดในการขายหุ้น
A: ตอบว่า ไม่มีอะไรซับซ้อน มันยากตอนซื้อมากกว่า
เราซื้อตอนราคาผิดพลาด หุ้นPEต่ำ สุดท้ายก็ได้กำไร
สรุป ต้องดูที่ราคาตอนซื้อ
ต่อมา เราจะขายตอนไหนก็ได้
ถ้าบริษัทเติบโตไปเรื่อยๆ ก็ถือต่อ แต่จะหาบริษัทแบบค้าปลีกห้องแถวปากซอยก็ยากมาก

Q: คุณโจถามคุณวรพงษ์เรื่องแนวทางในการลงทุน
A: เวลาไปซื้อของให้ลูก ก็ไปที่กรุงเทพซื้อ เพราะราคาถูกกว่าที่หาดใหญ่
คุณวรพงษ์จะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับกองทุนรวม
กองทุนรวมSET50 เมื่อก่อน SCBAM คิดค่าธรรมเนียม0.4% ตอนนี้ขึ้นเป็น 0.9% ทำให้
SCBAM ไม่ใช่บริษัทที่คิดค่าใช้จ่ายต่ำสุดแล้ว
TMBSET50 ค่าใช้จ่าย 0.63% performance 15%
ผลประกอบการตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ผลตอบแทน 14-15%
ผลตอบแทนย้อนหลัง 8% ต่อปี

(ผมขอเสริมจากที่ไปตรวจสอบข้อมูลพบว่า เมื่อก่อน SCBSET50 คิดค่าธรรมเนียมการจัดการ 0.394295%
ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนการคิดค่าธรรมเนียมของpassive fund ทั้งหมดเป็น 0.72% ซึ่งปรากฏว่า
ค่าธรรมเนียมของSET50เพิ่มขึ้น แต่ไปลดของSCBSETลงจาก0.993495%เป็น 0.72% )

คุณวรพงษ์ค่อนข้างละเอียดกับปลีกย่อยค่าธรรมเนียม ซึ่งเป็นหลักการที่ถูกต้องเพราะpassive fund (index fund)

สรุป เวลาลงทุนต้องหากองทุนที่มีค่าบริหารจัดการต่ำสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3014

โพสต์

(ต่อ) มีทติ้งวีไอหาดใหญ่ Q3/60

มาต่อเนื้อหามีทติ้งกันนะครับ เข้าเรื่องเลยนะครับ

• หุ้น "ยางรถ" เป็นบริษัทแดนสนธยา โดยรวม ก็เป็นบริษัทที่ OK แต่ก็มีช่วงของกิจการ คือ ช่วงไหน ราคายางตกต่ำ อีก 3-4 เดือนข้างหน้า กำไรจะดี แต่ถ้าราคายางสูงขึ้น อีก 6-7 เดือน กำไรก็จะแย่ ส่วนการเติบโต ก็มีการซื้อที่ดินสร้างโรงงานใหม่ทั้งไทยและอินโดฯ คงต้องติดตามดูกันไป เท่าที่ทราบ ผบห บอกว่า ขยายเท่าไร ก็ขายได้หมด หาก ผบห บอกแบบนี้ ก็คิดว่า น่าจะขายได้ แต่มาร์จิ้นจะดีหรือไม่ คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

• หุ้น "อสังหาฯ อยู่ในตลาดมายาวนาน" ราคาหุ้นต่ำกว่า Book
o ได้มีโอกาสไปทานข้าวกับ นลท ชื่อดัง ซึ่งชอบตัวนี้มากโดยให้เหตุผลว่า ถ้ารถไฟฟ้าไปถึง น่าจะขายสินค้าได้ง่ายขึ้น กำไรได้เยอะ ผบห ก็ซื้อหุ้นเรื่อยๆ / ความเห็นส่วนตัวของอาจารย์ หากดูแบบวีไอ สินทรัพย์มีมาก 1-2 หมื่นล้าน แต่ทำกำไรได้ค่อนข้างน้อยมาก คงต้องมีอะไรที่เป็นจุดเปลี่ยนของกิจการมากกว่า

• หุ้น "น้ำแข็ง" ทำไมถึงทำกำไรได้ดี แถมค่อนข้างเสถียรในหลายไตรมาสอีกด้วย เมื่อเทียบรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
o ถ้าตอบลึกๆ เลย ก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้เลย ดังนั้น ถ้าไม่รู้เลย ก็อย่าไปยุ่ง ก็จบ หากพิจารณาอัพไซด์ ก็ไม่เยอะมากเท่าไร PE ก็สูงระดับหนึ่งเช่นกัน / บางที ก็คิดว่า กำไรอาจจะดีเกินจริงหรือไม่ รวมถึงผบห. ด้วย ไม่ค่อยอยากเสี่ยงไปลงทุนเท่าไร เพราะถือหุ้นแล้วไม่สบายใจด้วย เพราะเกรงว่า สักวันหนึ่งอาจมีอะไรปิดไม่มิด ถ้าเราถือหุ้นที่ดีมากๆ โอกาสที่จะดีมากกว่านี้อีก ก็แทบจะไม่มี อัพไซด์ก็จะน้อย และถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็จะมีความเสี่ยงมาก แต่ถ้าไปซื้อกิจการที่กำไรบางมากๆ ก็มีโอกาสที่ราคาหุ้นเหวี่ยงขึ้นลง โอกาสที่จะเสี่ยงมากๆ ก็ไม่ค่อยมี

• หุ้น "ท่อน้ำ" กิจการเค้าก็ OK ขายท่อส่งน้ำ/ท่อระบายน้ำ (คนไทยเทคกิจการไปแล้ว)
o ขายท่อ เป็นสัดส่วน 80% อีกส่วน เป็นรายได้จากการขายน้ำประปาให้กับนิคมฯ ซึ่งส่วนนี้จะเป็น Recurring Income และกำไรใช้ได้
o PE ไม่ถูก ไม่แพง ประมาณ 14x
o มีประเด็นตรง กลางปีหน้า Warrant จะหมดอายุ หากบริษัทต้องการเงินทุนจริงๆ ก็ต้องจูงใจให้แปลงสิทธิ Warrant
o ถ้าคิดว่า PE ปกติ ต่ำระดับหนึ่ง และ Warrant ไม่ได้ใช้สิทธิ ก็ไม่เป็นไร ไม่มี Dilution อีกด้วย Downside ก็แทบไม่มี หากคิดแง่นี้ ก็น่าสนใจ
o ความเสี่ยง ผบห.

พอแค่นี้ครับ ไว้ต่อเนื่อหาเพิ่มในวันถัดไปครับ
ทยอยอ่านกันไปครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3015

โพสต์

(ต่อ) มีทติ้งวีไอหาดใหญ่ Q3/2560

• หุ้นอสังหาฯ "ผบห เจ้าบุญทุ่ม"
o การแปลง Warrant ของ ผบห ในราคาแปลงสิทธิที่ 2.5 บาท ในขณะที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาแปลง อาจเป็นได้ว่า ผบห ชี้นำราคาหุ้น และถ้า ผบห ใช้สิทธิแปลงจริง ก็จะส่งผลต่อ Dilution แน่ แต่ต้องดูสัดส่วนการแปลง Warrant ว่า มีนัยยะหรือไม่ ถ้าเยอะมาก ก็มีผลต่อ Dilution มาก

• หุ้น "โรงไฟฟ้า พันธ์ปูน" มีโอกาสไป disrupt ธุรกิจอะไรไหม
o อาจไป disrupt ธุรกิจของหุ้นขยะ เพราะในอดีต จะมีโรงงานทั้งหลาย จะมีการจ้างให้หุ้นขยะ ฝังกลบขยะพลาสติก/เคมี/อุตสาหกรรม แต่ในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องจ้างฝังกลบขยะแล้ว เพียงแค่ไปส่งขยะให้แก่โรงไฟฟ้าที่เป็น RDF ได้แบบไม่มีค่าใช้จ่ายก็จบแล้ว ซึ่งส่วนของ หุ้น "โรงไฟฟ้า พันธ์ปูน" ก็มีส่วนโรงไฟฟ้า RDF ด้วย ต่อไป ธุรกิจรับฝังกลบขยะ ก็น่าจะแย่
o ต้นทุนของโรงไฟฟ้าขยะ ยังค่อนข้างสูง รัฐฯ ควรมี Adder ให้ และมีค่ากำจัดขยะให้ด้วย
o ปัจจุบัน ราคาหุ้นไม่ไปไหน เพราะทุกคนคิดว่า ไม่มีการเติบโตแล้ว โครงการใหม่ไม่มี ปีหน้า คิดว่า มีกำไรไตรมาสปีละ 1500 ให้ PE ราว 11 ก็ค่อนข้างต่ำ หากไม่มีความเติบโต ก็ไม่มีความหมาย ราคาก็ไม่ไปไหน ดังนั้น ผบห ควรหาโครงการใหม่มาให้ได้ เพื่อขับเคลื่อนราคาหุ้น คิดว่า ไม่น่ายากในการหาโครงการใหม่ๆ เพราะมีเงินทุนมาก
o งบการเงินดีมาก เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าอื่น มองว่า เค้าสามารถเติบโตได้อีกเยอะเลย ข้อเสียก็มี 1. Adder แต่กว่าจะหมดอายุ ก็อีกนาน 2. ไม่มีโครงการใหม่ 3. ไม่มั่นใจ ผบห (คุณประชัย)
o ไม่น่าเชื่อว่า กำไรดีมาก คิดว่า โรงไฟฟ้า 100mw น่าจะมี Adder เยอะ / การทำโรงไฟฟ้าขยะ ค่อนข้างยาก เพราะขยะของไทย ค่อนข้างหลากหลายมาก คนที่ประมูลไป ทำได้แค่ครึ่งหนึ่ง ในบริษัทที่ทำได้ ก็คือ หุ้น "โรงไฟฟ้า พันธ์ปูน" มีจุดแข็งในการพัฒนาได้ดี
o แง่มูลค่า ค่อนข้างต่ำไป ณ PE 11x
o กรณีที่ไม่มี Adder ธุรกิจเสถียร กำไรราวๆ นี้ PE 11x ส่วนกลับ ก็ได้ yield 9% และถ้าเค้าปันผลเต็ม ก็นับว่าเยอะ หุ้นก็น่าจะขึ้นด้วย แต่ในความเป็นจริง มี Adder ด้วย
o มีการประกาศขยายโรงไฟฟ้า RDF อีก 3-4 แห่งในแต่ละภาค คิดว่า เค้าน่าพยายามไปจับจองขยะไว้ก่อน ถือเป็นกลยุทธ์ในการจองแหล่งวัตถุดิบ

• หุ้น "มนุษย์"
o ครองส่วนแบ่งการตลาดราว 60% คิดว่า หากตลาด Mature แล้ว โอกาสเติบโตก็น้อย คาดว่า ตลาดตอนนี้ น่าจะยังไม่ Mature / ต้องไปดูโอกาสในการเติบโตของตลาดด้านการบริหารบุคคลว่า ยังมีการเติบโตได้อีกหรือไม่ / Human มีแต่ลูกค้ารายใหญ่ๆ อาจต้องมาเจาะตลาดบริษัทระดับกลาง-เล็กลงมา
o แง่ PE ระหว่าง หุ้น "บริการอีทั้งหลาย", หุ้น "ดาต้าโหด", หุ้น "มนุษย์" ตลาดคงให้ PE กลางๆ กับหุ้น "มนุษย์" ในระดับกลางระหว่าง หุ้น "บริการอีทั้งหลาย" (ให้ pe สูงสุด) กับ หุ้น "ดาต้าโหด" (ให้ pe น้อยสุด)

จบเพียงแค่นี้ก่อนครับ ไว้ต่ออีกในวันถัดไปครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3016

โพสต์

ขออนุญาติคั่นข่าวอาหาร "Michelin Guide Bangkok" สอดแทรกรายการมีทติ้งวีไอหาดใหญ่นะครับ
IMG_1582.JPG
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3017

โพสต์

(ต่อ) มีทติ้งวีไอหาดใหญ่ Q3/2560

• หุ้น "คุณศุภจี" Join โครงการกับ CPN มีโอกาสเป็น Asset Play ไหม
o มีโอกาส แต่คงเป็น 10-20 ปีข้างหน้า
o ช่วงนี้ ขาดทุนแน่นอน เพราะมีการปรับเปลี่ยนมาก ทั้งทุบโรงแรมและสร้างใหม่
o ไม่แน่ใจด้วยว่า เป็น Asset Play ไหม ที่ดิน ก็เป็นการเช่าด้วย

• หุ้น "เรือปาล์ม"
o ควรดูกำไรเป็นรายปี เพราะการซ่อมเรือ เป็นเรื่องปกติของกิจการ
o สันนิฐานว่า 1. เรือใหญ่ ได้กำไรน้อย เพราะได้มาร์จิ้นต่ำกว่า เรือเล็ก 2. มีความเสื่อมราคาที่ต้องตัดมากกว่า เรือเล็กอาจตัดไปหมดแล้ว 3. กำไรไม่เพิ่ม เพราะค่าระวางไม่ค่อยดี
o ปัจจัยดีตรง ปีหน้า น้ำมันปาล์มเพียบ เพราะฝนดี ผลผลิตจะเยอะ / การขนส่งก็น่าจะดีด้วย แต่จะมีผลต่อ AMA ไหม ไม่แน่ใจ
o PE ค่อนข้างแพง ณ ระดับ PE 40x สุดท้าย คุณภาพบริษัท ต้องหารกับราคาด้วย จึงเป็นความคุ้มค่า

• กรณีที่คิดไม่ออกว่า จะซื้อหุ้นอะไร แนะนำลงทุนในกองทุนรวม ตอนนี้ กองทุน TMB SET50 คิดค่าใช้จ่ายต่ำสุด อยู่ที่ 0.63% ต่อปี โดยมี performance พอใช้ได้ ปีนี้ ราว 15% ผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ย 10 ปี อยู่ที่8.6% ในขณะที่กองทุน SCB SET50 ที่เคยแนะไป มีการเพิ่มค่าใช้จ่าย ทำให้ผลตอบแทนไม่ค่อยดี / เวลาซื้อกองทุน ให้หากองทุนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วน่าดีกว่าที่จะมองหากองทุนที่มีผลตอบแทนดีเพียงอย่างเดียว

• หุ้น ก่อนหน้ามีการซื้อหุ้นเน้นปันผล ก็ซื้อมาเรื่อยๆ หลายๆ ตัว ผลตอบแทนก็พอใช้ได้ ก็เลยคิดว่า ลงทุนในหุ้นปันผลและพอเติบโตบ้าง ก็น่าใช้ได้
o หุ้น "มือถือค่ายเขียว" ราคาปัจจุบัน 180 บาท PE 18x หุ้นปันผลที่ให้ประมาณ 5% ที่สนใจเพราะกิจการเริ่มจาก 2G ก็กำไรดี ต่อมา 3G ก็กำไรดีเช่นกัน พอใบอนุญาตล่าสุด ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก เพราะเกิดจากการตัดจ่ายใบอนุญาต รวมถึงการลงทุนในโครงข่ายใหม่ แถมย้ายลูกค้าคลื่น 900 มาไม่หมด จนต้องอุดหนุนค่าเครื่องฯ จนถึง Q3/60 พบว่า ค่าใช้จ่ายต่างๆ เริ่มคงที่แล้ว รายได้ที่โตมา ก็เริ่มทันกับค่าใช้จ่ายแล้ว รายได้เลยโตมาเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แง่ความเสี่ยงของใบอนุญาตของคลื่นใหม่ "มือถือค่ายฟ้า" น่าต้องการที่สุด ทาง "มือถือค่ายเขียว" ไม่น่าจำเป็นต้องเอาอีกแล้ว ถ้าถูกก็อาจจะเอา หากประมูลได้ในราคา 1 แสนล้านบาท มูลค่าของ "มือถือค่ายเขียว" ก็จะด้อยลงไป 1 แสนล้านบาท นอกจากนี้ "มือถือค่ายเขียว" ยังมี Fibre Boardband ที่เริ่มเติบโตมาบ้างแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ ฐานยังเล็กอยู่ ในอนาคต ผู้ใช้เน็ตที่เป็นทองแดง น่าเปลี่ยนมาใช้เน็ตที่เป็น Fibre มากขึ้นก็ได้

• หุ้นที่แปลกใจมากที่ PE ต่ำมาก เพียง 10x และเป็นหุ้น Bluechip ด้วย นั่นคือ หุ้น "1 ใน 8 กิจการ ที่จดทะเบียน ตั้งแต่มีการตั้งตลาดหุ้นไทย" ควรไปพิจารณาว่า ที่ PE 10x เพราะอะไร เช่น กำไรพิเศษ, ยังอยู่ในช่วงวัฏจักรไม่ดี, กำลังการผลิตใหม่ไม่มี (จะมีกำลังผลิตเพิ่มในอีก 4-5 ปีข้างหน้าที่เวียดนามและอินโดฯ) แต่ที่แปลกใจคือ PE 10x ในขณะที่ Yield 4% / ให้ดู NPM ว่าเป็นกี่ % ของยอดขาย / ปัจจุบัน กิจการมีกำไร 70% เป็นส่วนของเคมี / ควรไปหาดูว่า มีอะไรที่ไม่ดี

ยังไม่จบนะครับ แต่เอาไว้ต่อเนื้อหามีทติ้งใหม่ในวันถัดไปครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3018

โพสต์

(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q3/2560

• หุ้น "เครื่องกรองน้ำ"
o รายได้ที่ ผบห บอก ก็ทำไม่ได้ตามที่บอก ข้อดีคือ NPL น้อยลง คิดว่า น่าอยู่ในช่วงการปรับบริษัทให้เสถียร / มีประเด็นคือ Warrant ที่จะแปลง โดยราคาใช้สิทธิ 1.8 บาท น่าทำให้มี Dilution พอสมควร
o จากประสบการณ์ที่ใช้บริการเครื่องกรองน้ำของกิจการแห่งนี้ ดูไม่ค่อยเป็นมืออาชีพเท่าไรนัก และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน/ล้างไส้กรอง รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก สรุปแล้ว ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมาก เลยไม่แน่ใจว่า Model แบบนี้ จะประสบความสำเร็จหรือไม่

• เรื่อง EEC คิดว่า ก็เหมือนกับ AEC สมัยก่อน ไม่น่ามีผลอะไร / ECC ยังไม่มีรูปร่างชัดเจน / หากไม่มีผู้บริโภค (กำลังซื้อ) จะผลิตไปขายใคร จะมีก็แต่ประเด็นภาษีเท่านั้น

• หุ้น "นิคมฯ " สัดส่วนถือ หุ้น "โกดัง" ไม่มีนัยยะ / หนี้สินค่อนข้างเยอะ / นิคมฯ แถวอยุธยา ก็มีความเสี่ยงน้ำท่วม

• หุ้นน้องใหม่ "อ่าว" มีความเสี่ยงฟ้องร้องคดีความกับภาครัฐฯ และคดีนี้มีความเสี่ยงต่อรายได้ของบริษัท 70% / หากมีความเสี่ยงแบบนี้ โอกาสที่กองทุนจะไปซื้อหุ้น จะมีหรือไม่

• หุ้น "เครื่องสำอางเงินกู้" ผบห คงทราบว่า "สวย" ทำผลงานห่างจากเค้าไปมาก เนื่องจาก Biz Model แตกต่างกัน ตลาดให้ PE กับหุ้นตัวนี้ต่ำ เพราะแทนที่จะเอาเงินไปขยาย/พัฒนากิจการ กลับเอาไปปล่อยกู้แทน อย่างไรก็ตาม น่าเริ่มรู้ตัวแล้ว ก็เริ่มมีการขยายสาขา ระยะหลังผลิตภัณฑ์เด่นไม่ค่อยมี แต่ "สวย" มี

• หุ้น "ปลาทาโร่บุกจีน" ที่ผ่านมา ราคาหุ้นขึ้นมา เพราะตลาดให้ความหวังต่อตลาดในจีน ข้อสังเกตุคือ กำไรไม่มา และ ไม่แน่ใจว่าจะประสบความสำเร็จในจีนหรือไม่

• หุ้น "นิคมฯ" กำไร 3 ไตรมาสที่ผ่านมาเกิดจากการขายน้ำ/ขายไฟ ยังไม่รวมการขายที่ดินในไตรมาสที่ 4 เลย กำไรก็จะโตขึ้นมาก แต่ว่า ควร focus ที่ recurring income มากกว่า เพราะการขายที่ดิน จะเป็นเมื่อไร ก็ไม่แน่นอน ส่วนเรื่อง recurring income มี 2 ประเด็นคือ 1. ไฟ มีส่วนขยายเพิ่มอีก 62MW และ 2. น้ำ มีความเสี่ยงเกี่ยวกับภาษีน้ำ

• ผลกระทบจากภาษีน้ำตาล - ตัวที่มีความเสี่ยงมากสุด น่าเป็น หุ้น "ชาเขียวลุยอินโดฯ" ในขณะที่ตัวอื่น มีความเสี่ยงน้อยกว่า

ค่อยๆ อ่านไป เพลินๆ นะครับ รออ่านเพิ่มเติมในวันถัดไปครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3019

โพสต์

(ต่อ) มีทติ้งวีไอหาดใหญ่ Q3/2560

• หุ้น "ควายแดง" มองลำบากว่า จะประสบความสำเร็จในประเทศจีนหรือไม่ และถ้าหากทำไม่ได้ ราคาหุ้นก็จะปรับตัวลงมามาก เนื่องจากราคาหุ้นวิ่งตอบรับไปล่วงหน้าแล้ว

• หุ้น "มีอภิชาติบุตรเป็น distributor" ในอดีต เทรดกันที่ PE 12x แต่ปัจจุบัน เทรดกันที่ 15-16x ดังนั้น แง่การคำนวณมูลค่า ควรคิดอย่างไร
o ปัจจุบัน SET เทรดกันที่ PE 18x ในขณะที่งบแข็งแกร่งขึ้นทุกปี ก็ต้องมีการขยับ PE ขึ้นมาบ้าง คงต้องเป็น Dynamic หากสถานการณ์เปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยน

• หุ้น 2 เสาเข็มเจาะ
o หากพิจารณา PE ราคาค่อนข้างไม่ถูก
o Backlog ค่อนข้างดูยาก เพราะธุรกิจพวกนี้ หมุนไวมาก เนื่องจากงานเสาเข็มเสร็จเร็วมาก คงต้องมองภาพใหญ่ว่า ยังมีงานเสาเข็มอีกมากไหม

• หุ้น "ก่อสร้างคอนโดฯ" เป็นธุรกิจก่อสร้างคอนโดฯ PE 9x ดูตัวเลขอะไรก็ดี ราคาหุ้นก็ถูกตามตัวเลขจริงๆ / ตลาดคอนโดฯ ก็ยังเติบโตได้ และ Backlog ก็น่าจะ New High / กิจการก็ไปซื้อคอนโดฯ แถวทองหล่อ เอามา Renovate ในอนาคต ก็จะมีกำไรพิเศษมาเรื่อยๆ / ประเด็นที่ต้องคิดคือ ตัวเร่งอะไรที่จะมาดันราคาหุ้น และจ่ายปันผลไม่เยอะด้วย เพราะกิจการชอบเก็บเงินลงทุนต่อ

• หุ้น "เหมืองไฟฟ้า" อยู่ช่วงเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจสังกะสีเอาไปทำธุรกิจพลังงานทดแทน คิดว่า รายได้จากพลังงานทดแทน ยังไม่น่าทดแทนได้ อีกอย่าง ตระกูล ผบห ไม่น่าไว้ใจ

• หุ้น "พี่สาว" เคส Tender Offer บางส่วน หากทำ Tender Offer 100% เราถึงควรไปซื้อ เมื่อพิจารณาแล้วว่า มีเงินมาซื้อแน่ๆ และราคาสูงกว่าราคาตลาด น่าสนใจ เพราะมีความเสี่ยงน้อยมาก แต่หุ้น "พี่สาว" Tender Offer บางส่วน อาจทำให้เราขายได้ไม่ครบด้วยก็ได้ นอกจากนี้ ราคาตลาด แพงกว่า Tender Offer ก็ไม่ต้องสนใจ ยกเว้นว่า การที่ทำ Tender Offer ผถห ใหญ่ สามารถเปลี่ยนแปลงธุรกิจเช่น เอาไปขยายธุรกิจต่อ อย่างเคสของหุ้น "แก้วบุตตา" ที่เทค หุ้น "พอดี" และ หุ้น "อาลก" ที่เทค หุ้น "อานุช" ดังนั้น ต้องพิจารณาว่า คนที่มาเทค หุ้น "พี่สาว" เค้าจะเอาไปทำอะไรต่อ

ยังไม่จบนะครับ รอต่อในวันถัดไปครับ
ให้เดาๆ หุ้นกันไปก่อนครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
taothiam
Verified User
โพสต์: 33
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3020

โพสต์

วันนี้อาจารย์โจและทีมงาน VI หาดใหญ่ได้นำเงินที่เหลือจากการมีทติ้งวีไอภาคใต้และเงินสมทบทุนส่วนตัวบางส่วน ไปมอบให้โรงพยาบาลสงขลา ในนาม สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่าแห่งประเทศไทย สาขาภาคใต้ จำนวน 120,000 บาท ขอให้ทุกท่านรับผลบุญกุศลโดยทั่วกันครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3021

โพสต์

(ต่อ) มีทติ้งวีไอหาดใหญ่ Q3/2560

ก่อนอื่น ขออนุโมทนาสำหรับการทำบุญกุศลในครั้งนี้ด้วยครับ ขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่ร่วมด้วยช่วยกันมาตลอดครับ และขอให้พวกเราทุกท่าน ประสบความสำเร็จในการลงทุนตามรอย อ.โจ ด้วยครับ และขอให้ อ.โจ และอาจารย์ทุกท่าน รวมทั้งทีมงาน มีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขตลอดไปด้วยครับ (ปล. ลูกศิษย์ทุกท่านขอเกาะตามรอยอาจารย์ไปด้วยครับ อิอิ)

มาต่อเรื่อง มีทติ้งวีไอหาดใหญ่ ครับ

• หุ้น "ดิจิม่อนทีวี ย่านพระราม 9" คนดูรายการช่องนี้น้อยมาก / เรื่องที่ดิน มีปัจจัยที่คุมไม่ได้เยอะมาก / เงินชดเชยคลื่น ไม่ทราบข้อมูลเรื่องนี้ / หากไม่รู้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปยุ่ง

• การจะซื้อหุ้นที่ทราบความเสี่ยง/รู้กิจการแน่นอน ถ้าลงทุนได้ผลตอบแทน 5% หรือได้ปันผล 7%10 ปี ก็ไม่เอา แต่ถ้ามีปันผล 5% 7% และมีการเติบโตด้วย ก็น่าสนใจที่จะลงทุน

• กับดักของวีไอ คือ ชอบเงินปันผล สิ่งที่พลาดไป คือ Capital Gain หากมองว่า เราไม่ได้ปันผล แต่ได้ Capital Gain สุดท้าย เงินปันผลก็มาเอง / เงินปันผล ก็คือเงาของ Capital Gain เพราะขึ้นกับผลประกอบการ

• หุ้น "กิ๊กตัวแรกๆ ของ อ.โจ" น่าสนใจในแง่การเพิ่มกำลังการผลิตและปรับการผลิตให้เป็น MDF มากขึ้น / PE ก็ไม่น่าเกลียดมาก งบก็ดีขึ้น และมีโรงไฟฟ้าใหม่ / มีปัญหาเดียวที่กังวลคือ เป็นหุ้นวัฏจักร คือ ตอนแย่ๆ กำไรขั้นต้นจะแย่ ช่วงนี้ กำไรขั้นต้นดีขึ้น ก็เลยไม่แน่ใจว่า เป็นหุ้นวัฏจักรไหม / ช่วงนี้ กำไรดี แต่ไม่แน่ใจอนาคตอีก 4-5 ปีข้างหน้า แบบนี้ ต้องระวัง โดยเฉพาะพวกขยายกำลังผลิต เช่น หุ้นน้องใหม่ทำMDF ที่ขยายเท่าตัว และ ตัวนี้ก็ขยายเช่นกัน

• การเป็นนักลงทุนที่ดี ต้องเรียนรู้จากการผิดพลาด และรอบคอบให้มากขึ้นทุกครั้ง ต่อไปก็จะสามารถลดความผิดพลาดได้จนน้อยลง

• หุ้น "นักร้องปล่อยกู้" กิจการแย่ แต่ก็ไม่แน่ใจว่า แย่เพราะกำลังซื้อลดลง หรือถูกทางแม่ดูดไป เพราะเคยได้ยินข่าวว่า ทางแม่เอาของแพงๆ ให้ขาย ซึ่งไม่แมทกับกลุ่มลูกค้าของกิจการ

เดี๋ยวๆ ยังไม่จบ แต่ขอต่อในวันทำการถัดไปนะครับ ^ ^
ทยอยอ่านของเดิม และตีความชื่อหุ้นกันไปก่อนนะครับ
สุขสันต์วันหยุดยาว 3 วัน ครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3022

โพสต์

(ต่อ) มีทติ้งวีไอหาดใหญ่ Q3/2560

หยุดกันไป 3 วันนะครับ ก็มาต่อเนื้อหามีทติ้งกันครับ

• หุ้น "อภิชาติบุตรของหุ้นไอที" ไม่ค่อยได้ตาม กำไรก็เติบโตดี แต่ก็มีความเสี่ยงของกิจการ เช่น ไปซื้อ Invoice ปลอม หรือควบคุมความเสี่ยงไม่ดี เจอลูกค้ารายใหญ่แย่ๆ ก็เสียหายเหมือนกัน นอกจากนี้ มี Warrant ด้วย ก็ต้องระวังเรื่อง Dilute จากการแปลง

• หุ้นที่ใช้ตราสารอนุพันธ์ โดยปกติ อนุพันธ์เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยง แต่อาจมีการนำไปใช้ในการเก็งกำไร บางธุรกิจ อาจเอาไปใช้เก็งกำไร ก็จะไม่ดี ส่วนหุ้น "ยาง" แย่ไปหน่อย เพราะ เวลากำไร กำไรหลักร้อยล้าน แต่เวลาเสีย เสีย 2 พันล้าน เป็นการบริหารที่แปลก ทั้งๆ ที่เป็นมืออาชีพ

• หุ้น "บ.ลูกของเรือเสี่ยเนสกาแฟ" หุ้นขายปุ๋ย ตอนนี้ PE ค่อนข้างต่ำ ไตรมาสล่าสุด รัฐบาลเวียดนามขึ้นภาษี ทางกิจการก็แก้โดยการตุนปุ๋ยไว้ล่วงหน้า / ตัวที่น่าสนใจ คือ โกดักให้เช่า นับเป็นธุรกิจที่ดีมาก ปีนี้ ก็มีการขยายพื้นที่ให้เช่าอีกด้วย ก็เข้ามาช่วยธุรกิจหลักได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจปุ๋ย ก็ยังเป็นธุรกิจหลักอยู่ ไม่ดีตรงถูกรัฐฯ แทรกแซง

• หุ้น "เสริมสวยผ่านจอ" ปรับธุรกิจมาทำเครื่องสำอางดีไหม
o ไม่ค่อยได้ติดตามธุรกิจ
o ราคาหุ้นขึ้นมาค่อนข้างมาก ร้อยกว่าเปอร์เซนต์
o Model ที่เอานักร้องและช่องของตนเอง มาเป็นช่องทางโฆษณา ก็ขึ้นกับชื่อเสียงนักร้องและเรทติ้งของทีวีด้วย
o มีผู้แชร์ความเห็นแนวคิดของ ผบห มีการปรับธุรกิจเพลง เอาเฉพาะคนที่ขายได้ ส่วนคนที่ขายไม่ได้ก็ปล่อยเป็นอิสระไป
o ข้อสังเกตุคือ ธุรกิจอะไรดีๆ ก็จะมีคู่แข่งเข้ามาตาม เหมือนอย่างธุรกิจโรงพยาบาล / สุดท้าย การแข่งขันมากๆ คนที่ได้ประโยชน์ก็คือ ผู้บริโภค

• กำไรของกลุ่มยานยนต์ที่ขึ้นมา น่าเป็นระยะสั้น เพราะ
o มีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
o มีรถไฟฟ้าเข้ามาทดแทน
o หลายรายโดนบีบจากลูกค้า

วันนี้จบเพียงแค่นี้ครับ ไว้มาต่อใหม่ครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3023

โพสต์

(ต่อ) มีทติ้งวีไอหาดใหญ่ Q3/2560

• ข้อห้ามในการลงทุน
o เป็นเทรดเดอร์ – ค่าคอมฯ ข่าวสาร
o ซื้อหุ้นปั่น
o ซื้อหุ้นด้วยมาร์จิ้น ระยะยาว ไม่รอด
o ชอบรวยเร็วๆ คือ ไม่สามารถที่จะอดทนรอได้ / ต้องใช้เวลาที่จะรวย โดยเฉพาะการลงทุน
o เหตุผล ควรทำในสิ่งที่มีเหตุผลเหมาะสม (ส่วนใหญ่ก็มักมีเหตุผลทุกคน แต่เป็นเหตุผลที่เข้าท่าหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) / บริษัทที่ดี ถือยาวๆ ซื้อไม่แพง รับรองว่า ไม่พลาดแน่ๆ
o ทำอารมณ์ให้นิ่งๆ โดยเฉพาะเวลาหุ้นลง ก็ต้องนิ่งๆ ก็ต้องมาหาสาเหตุดูว่า ลงเพราะอะไร ถ้าเรารู้จักธุรกิจ และซื้อมาในราคาไม่แพง สุดท้าย ราคามันก็ขึ้น หากธุรกิจมันดีจริงๆ
o เกิดความผิดพลาดอะไร ก็ควรโทษตนเองก่อน

• หุ้น "แก้วบุตตา"
o ยกพอร์ตลูกค้ารายใหม่ทั้งหมดให้ หุ้น "พอดี" (ทั้งๆ ที่ถือหุ้นแค่ 36%) เพราะ หุ้น "พอดี" มีเงินทุนค่อนข้างมาก ประมาณ 2 พันล้าน มีลูกหนี้เพียงนิดเดียว มีสำรองเยอะ (ราว 70-80%) ใครที่ซื้อกิจการของหุ้น "พอดี" สามารถเอาเงินทุนไปขยายธุรกิจได้อีกมาก และ กิจการของหุ้น "พอดี" สามารถรับเงินฝากได้ ก็จะมีต้นทุนเงินทุนที่ต่ำมาก (สัก 2-5%) ถ้าเอาไปปล่อย ได้ดอกเบี้ย 36% ก็นับว่ามาก
o หุ้น "แก้วบุตตา" มีสาขา ในขณะที่ หุ้น "พอดี" ไม่มีสาขา
o หุ้น "พอดี" จ่ายค่าบริหารจัดการการปล่อยสินเชื่อให้ หุ้น "แก้วบุตตา" (ราว 2 ปี 2 พันล้าน)
o หุ้น "แก้วบุตตา" มีสาขาที่จะมาช่วย หุ้น "พอดี" ในการปล่อยสินเชื่อ
o หุ้น "แก้วบุตตา" ก็ได้รายได้จากค่าบริหารจัดการและส่วนแบ่งกำไรฯ 36%
o ราคาปัจจุบัน ค่อนข้างอันตราย

• หุ้น "ส้ม 24 ลูก"
o ถึงแม้มีการขยายกำลังการผลิตน้ำดื่ม กำไรก็ไม่มีนัยยะ เพราะ 1. กำไรหลักๆ มาจากส่วนแบ่งกำไรฯ จากบริษัทลูก 2. ธุรกิจของตนเอง กำไรหลักจากน้ำสัปปะรด น้ำผลไม้ ไม่ใช่น้ำดื่ม+ไม่น่ากำไรได้ดีจากน้ำดื่ม เพราะคู่แข่งมาก 3. น้ำดื่มรายอื่นๆ ก็เหมือนๆ กัน ไม่มีแบรนด์ ไม่มี Royalty มาก ตลาดน้ำแร่ ก็แคบลงอีก

• หุ้น "บุญรัตน์"
o เป็นหุ้นที่อันตราย เวลาปรับอะไร ก็ไม่ค่อยบอก เช่น ตอนน้ำท่วมใหญ่ ที่มีคนอื่นมาจ้างผลิต ผบห ก็ไม่บอก รู้ว่า กำไรจะโต ก็แอบไปซื้อหุ้น พอกำไรมา อธิบายไม่ละเอียด พอสถานการณ์กลับมาปกติ คนอื่นก็ไม่จ้างผลิตแล้ว กำไรก็หายไป แต่ ผบห ก็ขายไปก่อนหน้าแล้ว ผบห ไม่แฟร์
o การปรับเปลี่ยนอะไรของกิจการ ก็ต้องรอดูต่อไป

ยังไม่จบครับ ไว้ต่อใหม่วันถัดไปครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3024

โพสต์

(ต่อ) มีทติ้งวีไอหาดใหญ่ Q3/2560

• หุ้น "ตู่"
o ผบห เก่ง
o ราคาหุ้นตกลงมามาก ในขณะที่ธุรกิจก็ไม่ได้เปลี่ยนมาก
o ราคาปลาทูน่าขึ้น ลูกค้าก็ชะลอการสั่งซื้อ อาจเป็นปัญหาชั่วคราว
o ธุรกิจเกษตร ก็มีตัวแปรมากมาย ต้องพิจารณาด้วย รวมทั้งค่าเงินด้วย
o ราคาอาจจะนิ่งไปอีกก็ได้ เพียงแต่ราคาอยู่โซนค่อนข้างต่ำ

• อาจารย์ตี้แชร์ความคิดเห็น
o การลงทุนในกองทุนดัชนีที่มีต้นทุนต่ำๆ ก็เป็นทางเลือกที่ดี สำหรับบางคน เช่น ไม่มีเวลาในการลงทุน หรือลงทุนหลายปี ไม่ได้กำไร เป็นต้น สำหรับการลงทุนด้วยตนเอง ให้เน้นเรื่องการเติบโตมากกว่าเงินปันผล ทั้งนี้เพราะธุรกิจมีโอกาสที่จะเติบโตไปมากที่จะโต 20-30% ส่วนการไปหาหุ้นนั้น หุ้นถูกๆ มากๆ ที่ได้ dividend yield สูงๆ 7-8% ก็เยอะแล้ว ถ้าเยอะกว่านั่น น่าเป็นหุ้นที่อาจจะเจ๊งหรือตกลงก็ได้ แต่ถ้าเรามีกรอบความคิดลักษณะนี้ ในระยะยาวแล้ว ผลตอบแทนอาจไม่โต ซึ่งก็อาจเป็นผลของกรอบความคิดของเราเองก็เป็นได้ ในทางกลับกัน หากเราเน้นการเติบโตของผลตอบแทนสูงๆ อาจทำให้พอร์ตของเราเติบโตได้ในระยะยาว ดังนั้น ควรลงทุนในธุรกิจที่แข็งแกร่ง ให้ผลตอบแทนสูงๆ ดีกว่าการมองเงินปันผลเพียงอย่างเดียว แต่ก็เป็นการยากที่จะมองหุ้นที่เติบโต/ยากที่จะคาดการการเติบโตของกำไร ต้องพยายามเลือกกิจการให้ดีๆ
o การลงทุนในเวียดนาม เป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวม เพราะไม่ทราบรายละเอียดของหุ้นทุกตัว เพียงแต่เชื่อว่า เวียดนามกำลังเติบโตดีเหมือนคนอื่นๆ โดยไปลงทุนมาแล้วประมาณ 2 ปีครึ่ง เป็นการลงทุนกองทุนส่วนบุคคล โดยได้กำไรเฉลี่ยปีละ 9% (หลังแปลงเป็นเงินไทยแล้ว) / โดนผลกระทบการขาดทุนของค่าเงินมากพอสมควร ทำให้กำไรเฉลี่ยลดลง

• หุ้น "ลิสซิ่งมี IR น่าตาดีมาออก OppDay"
o กำไรทรงๆ ทรุดๆ และ PE ค่อนข้างสูง

• หุ้น "ช่วงช่วง-หลินหุ้ย"
o หากงบดุลแข็งแกร่ง และขายที่ดินได้เงินสดมาก ก็จะน่าสนใจ แต่วันนี้ ธุรกิจกำลังจะแย่ จึงจำเป็นต้องขายที่ดินออกไป คิดว่า ไม่น่าสนใจ

• หุ้น "รับเหมาก่อสร้าง/ระบบวิศวกรรม"
o ที่ขายที่ดินออกไป 2 พันกว่าล้าน ก็จะทำให้งบการเงินดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่ถึงกับดีมาก

เท่านี้ก่อนครับ ไว้ต่อในวันถัดไปนะครับ ^ ^
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3025

โพสต์

(ต่อ) มีทติ้งวีไอหาดใหญ่ Q3/2560

มาต่อเนื้อหามีทติ้งกันครับ ใกล้จบแล้วครับ พรุ่งนี้จะเป็นโพสจบครับ

• หุ้น "อะคริลิค"
o น่าสนใจ มีเคสขายสินทรัพย์ออกไป ได้เงินสดมาพอสมควร
o ขายที่ดิน 23 ไร่ ได้เงินสุทธิประมาณ 200 กว่าล้าน ปลายปีจะมีการบุ๊คกำไรที่ดินราว 100 กว่าล้าน
o Market cap 900 ล้าน ในขณะที่มีเงินสดอีก 100 กว่าล้าน
o ธุรกิจมีผลกระทบจากสินค้าจีน เพราะขึ้นราคาไม่ได้ แต่วัตถุดิบขึ้นราคา
o กำไรที่ได้จากการขายที่ดิน ไม่รู้ว่า กิจการจะเอาเงินไปทำอะไร แต่เดาว่า อาจเอามาปันผล
o ข้อเสีย: สภาพคล่องต่ำ

• หุ้น "สี"
o เป็นหุ้นที่ไม่มี Growth / ธุรกิจสี ใช้ Sovent-พลาสติก เป็นวัตถุดิบค่อนข้างเยอะ / สังเกตุว่า หลายบริษัทที่มีวัตถุดิบเป็นพลาสติก เช่น tpbi, epg เป็นต้น เพราะต้นทุนสูง กำไรไม่ค่อยดี / เมื่อไรที่กิจการทำกำไรได้ดีกว่าปกติ ให้ระวังเรื่องปัจจัยชั่วคราวที่ทำให้กำไรดีเกินไป

• หุ้น "ปั้มปีเตอร์"
o ใช้กลยุทธ์ปั้มชุมชน เน้นขยายทุกทิศทั่วไทย ทำให้เกิดความสะดวกต่อผู้ใช้บริการน้ำมัน เป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้อง และมีการโปรโมทการใช้บัตรสมาชิกด้วย

• หุ้น "ก่อสร้างพลังไฟฟ้า"
o ธุรกิจก่อสร้าง ดีกว่าคาด / CEO ใหม่ ใช้ได้
o ธุรกิจไฟฟ้า ผิดคาด มีการล่าช้ามากขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น ปัญหาด้านวัตถุดิบเพิ่ม และมีค่าจัดการเพิ่มขึ้น
o ข้อระวัง: Warrant ใกล้หมดอายุปีหน้า คาดว่า น่ามีการแปลงสิทธิ เพราะเป็น Warrant in-the-money

พอแค่นี้ก่อนครับ รอตอนจบพรุ่งนี้ครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3026

โพสต์

(ต่อ) มีทติ้งวีไอหาดใหญ๋ Q3/2560

วันนี้ ก็สรุปเนื้อหาจนจบมีทติ้งแล้วนะครับ ก็พยายามเดากันให้สนุกสนานนะครับ ไม่ต้องเครียดมากครับ ฮ่าๆๆๆๆ

• หุ้น "โรงไฟฟ้าลูกก่อสร้าง"
o เป็นโรงไฟฟ้าที่มีเขื่อนมาก
o ปี 62 น่าจะรับรู้รายได้ ในระยะยาว น่าจะกำไรดี เพราะผลิตได้ 24 ชม. (ถ้ามีน้ำ) และต้นทุนค่อนข้างต่ำ
o มี 2 เขื่อน เขื่อนน้ำงึม และไซยบุรี
o ลงทุนสูงเป็นแสนล้าน ไม่รู้ว่า กำไรจะคุ้มหรือไม่ รวมทั้งดอกเบี้ยเงินกู้อีกมหาศาล ก็ต้องดูว่า เริ่มผลิตแล้ว จะเป็นอย่างไร

• หุ้น "หุ้นก่อสร้างมีลูกมากมาย"
o เมื่อเทียบกับหุ้นก่อสร้างตัวอื่นแล้ว ดีที่สุด
o มีบริษัทลูกมาก และมี Synergy กับบริษัทลูกด้วย
o มีเมกะโปรเจคมาเรื่อยๆ
o ราคาหุ้นไม่ค่อยถูก

• หุ้น "หุ้นก่อสร้างของยุ่น"
o แค่มีการประกาศข่าวเรื่องโรงไฟฟ้า ก็มีคนประท้วงแล้ว
o อีก 2ปี จะได้ ppa และกว่าจะสร้างเสร็จ ก็ใช้เวลาราว 5 ปี รวมๆ อีก 7 ปีข้างหน้า ถึงจะมีรายได้ เป็นอะไรที่มีความไม่แน่นอนสูง / ส่วนการที่ราคาขึ้นมา ตอนประกาศข่าว เป็นการเก็งกำไรตามข่าวมากกว่า สุดท้าย ราคาหุ้นก็ลงมา งบก็ห่วย หนี้ก็มาก งานใหม่ก็ไม่มี

• หุ้น "โรงไฟฟ้าในนิคมฯ"
o การเติบโตของกิจการไม่เท่าไร / มีการโอนธุรกิจขายน้ำจากบ.ลูกนิคมฯ มาด้วย และมีกำไรพิเศษอีกด้วย
o โรงไฟฟ้าใหม่ๆ เป็น Co-Gen ก็ได้กำไรไม่ค่อยดีเท่าไร ที่ผ่านมา น่าเป็นการโหนกระแสที่ ดร. ลงทุนในหุ้นโรงไฟฟ้า ก็เลยดึงราคาหุ้นในกลุ่มให้ขึ้นมา
o ตอนนี้ PE 20 ราคาปัจจุบัน ก็ไม่ถูกเท่าไร ในอดีต PE แค่ 10 ด้วยซ้ำ
o ควรระวังผู้บริหารด้วย

• งบ Q3 ที่ออกมา หลายๆ ตัว ก็ดีขึ้น แต่โดยรวม น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาด / กลุ่มอสังหาฯ ค่อนข้างน่ากลัวมาก เพราะแต่ละเจ้า ค่อนข้าง aggressive มาก / มีหลายตัวที่ถูกๆ ก็ซื้อมาบ้าง และตัวที่ขึ้นมา ก็มีขายออกไปบ้างเช่นกัน

ขอจบการสรุปเนื้อหามีทติ้ง Q3/2560 นะครับ ก็หวังว่า หลายๆ ท่านจะได้รับประโยชน์จากเนื้อหาที่สรุปให้บ้างนะครับ (คิดว่า น่าเอาข้อมูลไปใช้ แล้วคงกำไรและเอาตัวรอดได้ในตลาดหุ้นอันโหดร้ายนะครับ แต่ถ้าใครเอาไปใช้ แล้วขาดทุน ก็ต้องโทษตัวเองครับ หุหุ)

สุดท้าย ก็ขอขอบคุณอาจารย์โจ อาจารย์ตี้ อาจารย์วรพงศ์ พี่จรัล พี่แมว พี่บัวดิน ที่จัดมีทติ้งดีๆ อย่างต่อเนื่อง และให้ความรู้แก่พวกเราอย่างดีที่สุดตลอดมาครับ และก็ขอขอบคุณ พี่เจี๊ยบ พี่ปุ๊ก พี่หมอหนึ่ง น้องบี น้องเตียง และพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ อีกหลายท่าน ที่มีส่วนร่วมในการมีทติ้งครั้งนี้ด้วยครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
Zhuge Liang
Verified User
โพสต์: 11
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3027

โพสต์

ขอบคุณพี่ AnieLee มากๆครับสำหรับการสรุป เป็นโอกาสที่จะได้ไปคิดต่อสำหรับคนที่ไม่ได้ไปร่วมงานครับ

ผมขอเดา แต่ก็คงไม่ได้ครบทุกตัวนะครับ อยากให้พี่ๆมาช่วยกัน ร่วมเดา เพื่อที่จะนำการบ้านเหล่านี้ไปคิด วิเคราะห์ต่ออีกทีนะครับ

บริษัทประกันแห่งหนึ่ง - ayu_
หุ้นท่าเรือน้องใหม่ - por_
บริษัทอิเลค ทั้งสองตัว - ....
หุ้นที่มีสัมปทาน - bt_
หุ้นแป้งโหด - bk_
หุ้นของขวัญ - gif_
หุ้นธนาคารที่ดินและบ้าน - lhban_
หุ้นแก้วบุตตา - sawa_
หุ้นน้องใหม่รองเท้า - rs_
หุ้นทันสมัย - moder_
หุ้นน้องใหม่ ท่อบุหรี่ - ....
หุ้นยางรถ - hf_
หุ้น "อสังหาฯ อยู่ในตลาดมายาวนาน" - ....
หุ้น "น้ำแข็ง" - ....
หุ้น "ท่อน้ำ" - wii_
หุ้นอสังหาฯ "ผบห เจ้าบุญทุ่ม" - sir_
หุ้น "โรงไฟฟ้า พันธ์ปูน" - tpip_
หุ้น "มนุษย์" - huma_
หุ้น "คุณศุภจี" - dt_
หุ้น "เรือปาล์ม" - am_
หุ้น "มือถือค่ายเขียว" - advan_
หุ้นที่แปลกใจ pe ต่ำ - sc_
หุ้น "เครื่องกรองน้ำ" - ts_
หุ้น "นิคมฯ " - ....
หุ้นน้องใหม่ "อ่าว" - gul_
หุ้น "เครื่องสำอางเงินกู้" - kamar_
หุ้น "ปลาทาโร่บุกจีน" - p_
หุ้น "นิคมฯ" - nnc_
หุ้น "ชาเขียวลุยอินโดฯ" - ich_
หุ้น "ควายแดง" - cb_
หุ้น "มีอภิชาติบุตรเป็น distributor" - tk_
หุ้น 2 เสาเข็มเจาะ - seafc_,pylo_
หุ้น "ก่อสร้างคอนโดฯ" - .....
หุ้น "เหมืองไฟฟ้า" - pd_
หุ้น "พี่สาว" - si_
หุ้น "ดิจิม่อนทีวี ย่านพระราม 9" - ....
หุ้น "กิ๊กตัวแรกๆ ของ อ.โจ" - .....
หุ้น "นักร้องปล่อยกู้" - singe_
หุ้น "อภิชาติบุตรของหุ้นไอที" - li_
หุ้น "ยาง" - st_
หุ้น "บ.ลูกของเรือเสี่ยเนสกาแฟ" - pmt_
หุ้น "เสริมสวยผ่านจอ" - r_
หุ้น "ส้ม 24 ลูก" - tipc_
หุ้น "บุญรัตน์" - ....
หุ้น "ตู่" - t_
หุ้น "ลิสซิ่งมี IR น่าตาดีมาออก OppDay" - .....
หุ้น "ช่วงช่วง-หลินหุ้ย" - .....
หุ้น "รับเหมาก่อสร้าง/ระบบวิศวกรรม" - .....
หุ้น "อะคริลิค" - .....
หุ้น "สี" - to_
หุ้น "ปั้มปีเตอร์" - pt_
หุ้น "ก่อสร้างพลังไฟฟ้า" - tpol_
หุ้น "โรงไฟฟ้าลูกก่อสร้าง" - ck_
หุ้น "หุ้นก่อสร้างมีลูกมากมาย" -c_
หุ้น "หุ้นก่อสร้างของยุ่น" - ttc_
หุ้น "โรงไฟฟ้าในนิคมฯ" - .....

ขอบคุณพี่ๆทุกคนนะครับ ฝากทุกคนช่วยกันตรวจคำตอบหน่อยนะครับ

ขอบคุณห้อง vi หาดใหญ่ครับ เป็นโพสแรกของผม ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับพี่ๆ :)
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3028

โพสต์

Zhuge Liang เขียน: หุ้น "ลิสซิ่งมี IR น่าตาดีมาออก OppDay" - .....
หุ้น "ช่วงช่วง-หลินหุ้ย" - ..... p r a nda?
หุ้น "รับเหมาก่อสร้าง/ระบบวิศวกรรม" - ..... p le?
หุ้น "อะคริลิค" - ..... t p a?

show me money.
luk
Verified User
โพสต์: 26
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3029

โพสต์

หุ้นน้องใหม่ ท่อบุหรี่ - ....?
หุ้น "อสังหาฯ อยู่ในตลาดมายาวนาน" - ....BLAN-
หุ้น "น้ำแข็ง" - ....Pกล
หุ้น "นิคมฯ " สัดส่วนถือ หุ้น "โกดัง" ไม่มีนัยยะ ...?
หุ้น "ก่อสร้างคอนโดฯ" -ซื้อคอนโดฯ แถวทองหล่อ เอามา Renovate ...?
หุ้น "ดิจิม่อนทีวี ย่านพระราม 9...?
หุ้น "กิ๊กตัวแรกๆ ของ อ.โจ" ...VNจ-
หุ้น "บุญรัตน์" - ....?
ลิสซิ่งมี IR น่าตาดีมาออก OppDay ...aca-
หุ้น "โรงไฟฟ้าในนิคมฯ" - .....?
amornkowa
Verified User
โพสต์: 2195
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 3030

โพสต์

ตอนนี้ใครคิดจะลาออกมาเป็นนักลงทุนแบบFull time
ลองดูแนวคิดของผมว่า มีหลักเกณฑ์อะไรบ้างในการตัดสินใจจะออกจากงาน
https://www.facebook.com/dr.surachai/vi ... 615452334/