|0 คอมเมนต์
http://news.sanook.com/education/education_06539.php
ความประทับใจผ่านความทรงจำ"ม.จ.ภีศเดช รัชนี"
โดย komchadluek วัน ศุกร์ ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2549 12:29 น.
เนื่องในวันมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี นับเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก "คม ชัด ลึก" น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
พร้อมกันนี้ขอนำพระราชอารมณ์ขันของพระองค์มานำเสนอ เพื่อให้ผู้อ่านได้รับรู้ในพระราชอารมณ์ขันและพระอัจฉริยภาพด้านต่างๆ ผ่าน "ม.จ.ภีศเดช รัชนี" ในฐานะประธานมูลนิธิโครงการหลวง ซึ่งถวายตัวรับใช้ใกล้ชิดต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาหลายทศวรรษ นับตั้งแต่สมัยยังดำรงพระอิสริยยศเป็นพระอนุชาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 จวบจนปัจจุบัน ม.จ.ภีศเดช ยังต้องเข้าเฝ้าฯ ถวายรายงาน เกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการหลวงที่พระองค์ทรงเป็นผู้ริเริ่มไว้เมื่อ 10 ปีก่อนทุกเดือน
เรื่องราวเมื่อคราวพระองค์เสด็จพระราชดำเนิน เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ช่วยเหลือชาวเขาในถิ่นทุรกันดาร ม.จ.ภีศเดช ผู้ติดตามพระองค์อย่างใกล้ชิด ยังทรงจดจำเรื่องราวพระปรีชาสามารถและพระราชอารมณ์ขันอันคมคาย จากดอยสูงด้วยความประทับใจมิรู้ลืม ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานหญิงชาวเขาให้แก่ ม.จ.ภีศเดช จนเป็นที่โจษจันไปทั่วทั้งขุนเขา !!!
"มีชาวเขามาทูลสมเด็จฯ (สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ) ให้ช่วยเหลือ ซึ่งเขาแต่งงานแล้ว แต่ยังไม่ให้หมูและเงินเลี้ยงดู แล้วยังหนีไปมีคนใหม่อีก จึงขอให้สมเด็จฯ ช่วย สมเด็จฯ ก็ไปทูลท่าน ท่านก็รับสั่งกับชาวเขาว่า อยากจะแต่งงานใหม่ก็ปล่อยเขาไป ท่านจึงพระราชทานเงินใช้ แล้วก็ทรงรับสั่งให้แม้วกับผมมา" "แม้วพูดกันทั่วว่า ม๋อเจ้าเอาเมียแม้ว" ม.จ.ภีศเดช ตรัส เลียนเสียงชาวเขา พร้อมขยายความว่า แม้วที่ท่านพระราชทานมาเป็นเมีย เพราะเงินที่ท่านพระราชทานไปก็เท่ากับว่าซื้อมานั่นเอง "เวลาผมไปนอนตามบ้านแม้ว ผู้หญิงแม้วอ้วนๆ ที่ท่านพระราชทานให้ ก็จะเอาอาหารมาให้เรื่อยๆ" ม.จ.ภีศเดช ตรัสพร้อมแย้มพระสรวล
ม.จ.ภีศเดช ยังแถมด้วยเรื่องเล่าพระราชอารมณ์ขันแบบคมคายของพระองค์จากดอยสูงอีก 2 เรื่อง ชื่อ "ถนนซื่อๆ" กับ "ผีสะดุ้ง" ด้วย "เวลาเสด็จไปทรงงานจะมีเรื่องให้พระราชอารมณ์ขันเยอะ ขอเล่าเป็นเรื่องๆ
เวลาท่านเสด็จฯ ไปบนภูเขาหมู่บ้านขุนวัง มีถนนรถยนต์ขึ้นไปได้ แต่ทางมันคดเคี้ยวเลี้ยวไปเลี้ยวมา กว่าจะไปถึงบนนั้นได้ก็ลำบาก แม้วจึงขอถนนจากพระเจ้าอยู่หัว ท่านก็รับสั่งว่า 'ถนนมีแล้วนี่' แม้วก็บอกว่าถนนมันเลี้ยวไปเลี้ยวมาอยากได้ถนนซื่อๆ ซึ่งคำว่า ซื่อๆ หมายถึง ถนนที่เป็นทางตรงนะ ก็ขันดี ท่านก็บอกว่า ทำไม่ได้หรอกมันอันตราย" "แล้วก็เรื่องหมู่บ้านแม้ว ที่ท่านจะทำรางให้น้ำไหลมาหมู่บ้าน เพื่อให้หมู่บ้านได้มีใช้ แล้วก็มีคลองน้ำอยู่เป็นเนินนูน เขาก็บอกว่าเอาน้ำเข้ามาทางนี้ไม่ได้ รางผ่านตรงนี้ไปไม่ได้ เพราะว่าผีจะสะดุ้ง เขาว่าอย่างงั้น ท่านก็ใช้รางน้ำผ่านบนเนินนั้นแล้วก็เอาดินกลบ พวกแม้วก็ดีใจ 'อุ้ยดีใจผีไม่สะดุ้งแล้ว' สุดท้ายก็ได้ใช้น้ำกันทั้งหมู่บ้าน"
"เวลาท่านเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรท่านจะขึ้น ฮ. ท่านจะสนพระทัยชีวิตผู้คนมาก เมื่อคราวเสด็จฯ ไปแถวๆ แม่ฮ่องสอน ที่ท่านพระราชทานยาให้เด็กชาวเขา ผู้ใหญ่บ้านชาวมูเซอชื่อแสนคำลือ คนที่อุ้มเด็กอยู่อายุไม่ถึงขวบ และมีผู้หญิงสาวนั่งอยู่ข้างๆ ท่านทรงถามว่า 'นี่ลูกเหรอ' เขาก็บอกว่า 'ไม่ใช่ลูก' ผู้ใหญ่มีเมียหลายคนเหรอ ผู้ใหญ่บอกมีคนเดียว ผู้สาวนี้แหละ คนอื่นมันแก่ตายหมดแล้ว" ม.จ.ภีศเดช ค่อยๆ ขยายความทรงจำ
"ต่อจากนั้นก็เชิญท่านเสด็จฯ ไปแอ่วบ้าน พอไปถึงบ้านเขาก็เอาที่นอนมาปูให้ท่านประทับ แล้วเอาเหล้าใส่ถ้วยตะไลเล็กๆ มาให้ท่านเสวย แต่แก้วมันสกปรก มีสีดำๆ ผมก็ทูลท่านว่า ทำเหมือนเสวยแล้วส่งมาพระราชทานผม แต่ท่านก็เสวยเองหมดเลย ท่านบอกว่าเหล้ามันแรง ฆ่าเชื้อโรคหมดแล้ว" "แสนคำลือ" ผู้ใหญ่บ้านชาวมูเซอ ยังบอกพระองค์อีกว่า การที่เขาแข็งแรงเพราะกินเหล้าแบบนี้ โดยมีสูตรพิเศษใส่เขากวางอ่อน ใส่พริกไทย 3 เม็ด กระดูกเสือใส่ไปด้วย พอตกเย็น ม.จ.ภีศเดช ก็หาพริกไทยมาถวาย ซื้อกระดูกมาจากร้านยาจีน แต่ไม่ใช่กระดูกเสือมาถวาย ถือเป็นอาหารที่พระองค์ทรงทำเป็นครั้งแรก "ผมเคยเป็นลูกเรือท่านมาก่อน เคยช่วยทำถวาย เอาเตาเล็กๆ มาถวาย ท่านก็ทรงปิ้ง ใส่เหล้า ใส่วอดก้า ท่านก็ทรงทำ คืนนั้นมีพระราชทานเลี้ยง เสร็จแล้วมีบรั่นดี แต่ท่านก็ไปเอาที่ท่านทำมา นี่แหละที่เห็นท่านทำก็มีอยู่อย่างเดียว"
นอกจากความประทับใจจากการถวายตัวใกล้ชิด ยามพระองค์ทรงงานบนดอยสูงแล้ว ยามทรงกีฬาที่พระองค์ท่านทรงโปรด ม.จ.ภีศเดช ก็มีรับใช้ใกล้ชิด และเปรียบเสมือนเป็นครูของพระองค์ เมื่อคราวทรงหัดเล่นเรือใบหรือการต่อเรือด้วยพระองค์เองเป็นครั้งแรก "ผมเป็นครู 2 ภาษา" ม.จ.ภีศเดช ตรัสก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมว่า "ครูภาษาฝรั่งที่สะกดว่า ซีอาร์อีดับเบิลยู (crew) แปลว่า ลูกเรือ และครูภาษาไทย ที่คอยแนะนำ" เมื่อพูดถึงการแข่งเรือใบกีฬาที่พระองค์ทรงโปรดปราน ม.จ.ภีศเดช ย้อนความหลังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม จากความทรงจำที่แจ่มชัด แม้จะมีชันษาครบปีที่ 84 เนื่องจาก 'ท่านภีศ' ชื่นชอบกีฬาแข่งเรือใบเช่นเดียวกัน
"ผมเล่นแข่งเรือใบกับพระองค์ท่านมานานมาก จนพระองค์ท่านประชวรก็ไม่ค่อยมีโอกาสเล่น" "พอถึงช่วงหน้าร้อน ที่หัวหินจะมีการแข่งเรือใบกันเสมอ จะแข่งกันทุกวัน ทุกเช้าเลย สู้กันเต็มที่ ถ้าใครอ่อนข้อ ท่านจะกริ้ว เรารู้เลย ไม่มีใครกล้าอ่อนข้อให้ มันไม่เป็นกีฬา" "ผมเคยชนะท่านมา 3 ปี จากนั้นท่านเก่งขึ้นเรื่อยๆ 3 ปีหลังท่านชนะตลอด แต่ก็ผลัดแพ้ชนะ ท่านไม่ได้ชนะทุกครั้ง" "อย่าไปยอมท่าน ท่านกริ้วแน่ เราไม่กล้ายอม บางทีเราก็ชนเรือท่าน ท่านต้องหลบเรา แล้วท่านไม่หลบก็เลยโดนเรือผม ท่านก็ออกจากการแข่งขัน เพราะผิดกติกา แต่เหตุการณ์นี้เกิดไม่บ่อยเพราะท่านเก่งมาก" "มีครั้งหนึ่งแข่งเรือราชปะแตนเล่นกัน 2 คน เรือนำอยู่ ผมก็ทูลท่าน โอ้ยชนะแน่ ท่านกริ้วเลย ตรัสว่า อย่าโม้ให้ตั้งใจ"
ม.จ.ภีศเดช ย้อนความทรงจำเจือรอยยิ้มบนใบหน้าและตรัสเสริมว่า "ตลกดี" "ตอนอยู่ที่หัวหินแข่งกันทุกเช้าเลย พอตอนบ่ายออกไปวิ่งเล่น ท่านเก่งเรื่องน้ำ" พร้อมกับย้อนช่วงค่ำคืนที่พระองค์ทรงต่อเรือใบฝีพระหัตถ์จนดึกดื่น "ผมเฝ้าท่านนานถึง 2 ยามเชียว ท่านโปรดจะทำเรือด้วยฝีพระหัตถ์" ม.จ.ภีศเดช ปูพื้นว่า "เมื่อสมัยพระองค์ท่านเรียนอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เคยเลือกเรียนวิชาช่างไม้มาก่อน พอดีท่านเห็นผมต่อเรือใบเอง พอท่านจะทรงเรือใบก็ทรงต่อด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง"
"เรื่องเล่นเรือใบมีเรื่องสนุกเยอะ" ม.จ.ภีศเดช รำลึกถึงตอนที่พระองค์ทรงแข่งเรือใบจากพัทยาไปเกาะล้าน เพื่อพระราชทานเลี้ยงเจ้าชายฟิลิปส์ ดยุค แห่งเอดินเบอระ แต่ไม่ทรงประทับเรือพระที่นั่ง กลับนัดแข่งเรือกัน "เราสตาร์ทดีมาก พอผ่านเส้นเริ่ม เราเข้าใกล้ลมที่สุด จากพัทยาไปถึงเกาะล้าน ไม่ต้องเลี้ยวเลย แม้ว่ามืดแล้ว ท่านนำไปแล้ว ท่านถือท้ายเรือ เวลาออกนอกทางท่านก็ปรับทิศทางนิดเดียว ฝีพระหัตถ์ท่านดีมาก" ม.จ.ภีศเดช รำลึกความประทับใจ ยามล่องเรือใบกลางทะเลกับพระองค์ท่าน
แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่ ม.จ.ภีศเดช ประทับใจที่สุดในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครองราชย์ครบ 60 ปี ก็คือวันที่เห็นพสกนิกรแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ด้วยการ "ใส่เสื้อเหลือง" เช่นเดียวกับวันนี้ที่ 'ท่านภีศ' สวมเสื้อโปโลสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ครองราชย์ครบ 60 ปี ที่อกซ้าย และ 'ท่านภีศ' ยังทรงรู้สึกประทับใจที่พสกนิกรทั่วประเทศไปชมงานที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีอย่างเนืองแน่นทุกวัน
"งานที่เมืองทองธานีมีคนไปแน่นขนัด บางคนไปอยู่หน้าพระบรมรูปร้องไห้ก็มี" ม.จ.ภีศเดช ตรัสถึงความประทับใจที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับหยิบหนังสือ "ชีวิตชั้นๆ" ที่เขียนเกี่ยวกับอัตชีวประวัติของท่าน มีบางช่วงชีวิตที่มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "นี่ๆ" ม.จ.ภีศเดช แย้มพระสรวลอย่างอารมณ์ดี ชี้ภาพเหตุการณ์เก่าๆ เมื่อคราวเข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านอย่างใกล้ชิด !!!