VI หาดใหญ่
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2791
(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60 ครับ
"หุ้นกิจการมีชื่อคล้ายชื่อหนังฮอลลีวู๊ด" ความเสี่ยงของกิจการคือ คน / ให้ข่าวว่า งานค่อนข้างมาก
"หุ้นน้องแป้ง" มีรายได้ 2 ส่วน คือ รายได้การตกแต่ง และ เก็งกำไรที่ดิน มีผลให้ ROE เฉลี่ยของกิจการดี เพราะมีการเก็งกำไรที่ดินเป็นช่วงๆ
"หุ้นปัญญา" บางทีราคาหุ้นอาจไม่ได้สะท้อนจากกำไรอย่างเดียว อาจมีอย่างอื่นด้วย / ราคาปัจจุบัน มี Premium ค่อนข้างมาก เป็นผลมาจากรายการ Mask Singer ต่อไปรายการนี้มี Season 2 ก็อาจไม่กลับมานิยมเหมือนเดิมเท่าไรก็ได้
"หุ้นถุงยาง" ข้อด้อยของหุ้นตัวนี้ คือ ราคาแพงตั้งแต่เข้าตลาด มาร์เก็ตแคปปัจจุบัน ก็ยังค่อนข้างแพง แต่ถ้าลงมาถึงระดับหนึ่ง ก็น่าสนใจ เพราะสินค้าขายถูก (3 ชิ้น 29 บาท ใน Lotus) / อาจต้องรอดูผลงานอีกสัก 1-2 ไตรมาส
สามทหารเสือ กลุ่มโรงแรม
• "ลูกอม หรือ ไอติม" มีโรงแรมและร้านอาหาร / มีการกระจายความเสี่ยงดีที่สุด กระจายไปยังต่างประเทศมาก / มีการบริหารแบบฝรั่งที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ / ระวัง Dilute จากการแปลง W5
• "โรงแรม-มีร้าน KFC" มีโรงแรมและร้านอาหาร แต่มีการกระจายความเสี่ยงไปต่างประเทศน้อยกว่า MINT
• "ช้าง" มีแต่โรงแรม ไม่มีร้านอาหาร
คู่หูเสื้อผ้า
"เบอร์เกอร์" ทำกำไรได้เพิ่ม / มีความเสี่ยงที่ขายสินค้าใน Lotus เยอะ
"เสื้อเจนนี่" ทำกำไรได้พอๆ กับปีที่แล้ว / ฐานกำไร 10 ล้าน พอใช้ได้
"หุ้นกิจการมีชื่อคล้ายชื่อหนังฮอลลีวู๊ด" ความเสี่ยงของกิจการคือ คน / ให้ข่าวว่า งานค่อนข้างมาก
"หุ้นน้องแป้ง" มีรายได้ 2 ส่วน คือ รายได้การตกแต่ง และ เก็งกำไรที่ดิน มีผลให้ ROE เฉลี่ยของกิจการดี เพราะมีการเก็งกำไรที่ดินเป็นช่วงๆ
"หุ้นปัญญา" บางทีราคาหุ้นอาจไม่ได้สะท้อนจากกำไรอย่างเดียว อาจมีอย่างอื่นด้วย / ราคาปัจจุบัน มี Premium ค่อนข้างมาก เป็นผลมาจากรายการ Mask Singer ต่อไปรายการนี้มี Season 2 ก็อาจไม่กลับมานิยมเหมือนเดิมเท่าไรก็ได้
"หุ้นถุงยาง" ข้อด้อยของหุ้นตัวนี้ คือ ราคาแพงตั้งแต่เข้าตลาด มาร์เก็ตแคปปัจจุบัน ก็ยังค่อนข้างแพง แต่ถ้าลงมาถึงระดับหนึ่ง ก็น่าสนใจ เพราะสินค้าขายถูก (3 ชิ้น 29 บาท ใน Lotus) / อาจต้องรอดูผลงานอีกสัก 1-2 ไตรมาส
สามทหารเสือ กลุ่มโรงแรม
• "ลูกอม หรือ ไอติม" มีโรงแรมและร้านอาหาร / มีการกระจายความเสี่ยงดีที่สุด กระจายไปยังต่างประเทศมาก / มีการบริหารแบบฝรั่งที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ / ระวัง Dilute จากการแปลง W5
• "โรงแรม-มีร้าน KFC" มีโรงแรมและร้านอาหาร แต่มีการกระจายความเสี่ยงไปต่างประเทศน้อยกว่า MINT
• "ช้าง" มีแต่โรงแรม ไม่มีร้านอาหาร
คู่หูเสื้อผ้า
"เบอร์เกอร์" ทำกำไรได้เพิ่ม / มีความเสี่ยงที่ขายสินค้าใน Lotus เยอะ
"เสื้อเจนนี่" ทำกำไรได้พอๆ กับปีที่แล้ว / ฐานกำไร 10 ล้าน พอใช้ได้
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2792
(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60 ครับ
"บินทันที" สินค้าที่ไวต่อภาวะเศรษฐกิจมาก (สินค้าฟุ่มเฟือย) พอเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้มีผลต่อรายได้/กำไรของกิจการ ถึงแม้จะมีเพิ่มสาขาก็ตาม ข้อดี มาร์จิ้นสูง เพราะมีแบรนด์ของตนเอง เข้ามาใหม่ๆ มาร์เก็ตแคปสูงเกินไป ราคาเลยร่วงลงมามาก
"ชาเขียวตัน" มีหลายปัจจัยมากระทบ ทั้งภาวะเศรษฐกิจ, อากาศ ที่สำคัญคือ ช่องทางการจำหน่าย ธุรกิจนี้ อันตราย เพราะพึ่งพาคนๆ เดียว
การซื้อหุ้นกลับของผู้บริหาร
ส่วนใหญ่ พอใช้ดูเป็นสัญญาณได้บ้าง แต่บางตัว ผู้บริหารอาจมีการแบ่งขายไปบ้างแล้ว และกลับมาซื้อคืนภายหลัง (แถมไม่ได้รับคืนหมด) ก็มองว่า สัญญาณไม่แรง แค่แบ่งเงินเพียงเล็กน้อยมาซื้อหุ้นคืนเท่านั้น ในกรณีที่ผู้บริหารไม่เคยขายหุ้นเลย แล้วเข้ามาซื้อหุ้นมาก อันนี้จะเป็นสัญญาณแรง น่าสนใจ
"กังหัน" อนาคต ยังไม่ชัดเจน งานเริ่มน้อยแล้ว มาร์เก็ตแคป ปัจจุบันไม่ถูกมาก / มี catalyst ตัวเดียวคือ เอา Wind Farm เข้าตลาดหุ้น
"ปั้มปีเตอร์" ค่าการตลาดไม่ค่อยดี ในขณะที่ Volume ยังสูงเป็นปกติ หาก Volume แย่ ก็ต้องระวัง
"สแตมป์ 7-11" ข้อเสีย อุตสาหกรรมหลัก อยู่ช่วง Down ระยะหลัง รายได้มาจาก Office paper ข้อดี จากสโลแกนใหม่ Morn than Printing คือ ทำธุรกิจที่ไม่ใช่แค่ printing เช่น label และอื่นๆ, มีการขยายไปต่างประเทศ, ถือหุ้น บ.ลูก "ขาย Huawei" อย่างมีนัยสำคัญ (บ.ลูก "ขาย Huawei" ตั้งเป้าการโตมากถึง 20%)
วันนี้ พอเพียงแค่นี้ครับ เอาไว้มาต่อใหม่พรุ่งนี้จนจบมีทติ้งเลยครับ
"บินทันที" สินค้าที่ไวต่อภาวะเศรษฐกิจมาก (สินค้าฟุ่มเฟือย) พอเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้มีผลต่อรายได้/กำไรของกิจการ ถึงแม้จะมีเพิ่มสาขาก็ตาม ข้อดี มาร์จิ้นสูง เพราะมีแบรนด์ของตนเอง เข้ามาใหม่ๆ มาร์เก็ตแคปสูงเกินไป ราคาเลยร่วงลงมามาก
"ชาเขียวตัน" มีหลายปัจจัยมากระทบ ทั้งภาวะเศรษฐกิจ, อากาศ ที่สำคัญคือ ช่องทางการจำหน่าย ธุรกิจนี้ อันตราย เพราะพึ่งพาคนๆ เดียว
การซื้อหุ้นกลับของผู้บริหาร
ส่วนใหญ่ พอใช้ดูเป็นสัญญาณได้บ้าง แต่บางตัว ผู้บริหารอาจมีการแบ่งขายไปบ้างแล้ว และกลับมาซื้อคืนภายหลัง (แถมไม่ได้รับคืนหมด) ก็มองว่า สัญญาณไม่แรง แค่แบ่งเงินเพียงเล็กน้อยมาซื้อหุ้นคืนเท่านั้น ในกรณีที่ผู้บริหารไม่เคยขายหุ้นเลย แล้วเข้ามาซื้อหุ้นมาก อันนี้จะเป็นสัญญาณแรง น่าสนใจ
"กังหัน" อนาคต ยังไม่ชัดเจน งานเริ่มน้อยแล้ว มาร์เก็ตแคป ปัจจุบันไม่ถูกมาก / มี catalyst ตัวเดียวคือ เอา Wind Farm เข้าตลาดหุ้น
"ปั้มปีเตอร์" ค่าการตลาดไม่ค่อยดี ในขณะที่ Volume ยังสูงเป็นปกติ หาก Volume แย่ ก็ต้องระวัง
"สแตมป์ 7-11" ข้อเสีย อุตสาหกรรมหลัก อยู่ช่วง Down ระยะหลัง รายได้มาจาก Office paper ข้อดี จากสโลแกนใหม่ Morn than Printing คือ ทำธุรกิจที่ไม่ใช่แค่ printing เช่น label และอื่นๆ, มีการขยายไปต่างประเทศ, ถือหุ้น บ.ลูก "ขาย Huawei" อย่างมีนัยสำคัญ (บ.ลูก "ขาย Huawei" ตั้งเป้าการโตมากถึง 20%)
วันนี้ พอเพียงแค่นี้ครับ เอาไว้มาต่อใหม่พรุ่งนี้จนจบมีทติ้งเลยครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2793
(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60 ครับ
* อุตสาหกรรมใด ที่ทำได้ดี ก็จะมีคู่แข่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก สุดท้ายกำไรที่ดีของผู้ผลิต ก็จะกลับไปสู่กำไรปกติ ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง, โรงพยาบาล เป็นต้น
"รพ ที่ท่าน Kaiser เคยถือ และเพียงแค่เห็นภาพ นางพยาบาล ก็รู้ว่า เป็น รพ นี้" มีการลงทุนเยอะมากเป็นหมื่นล้าน กว่าจะคืนทุน น่าใช้เวลาเกือบ 10 ปีข้างหน้า ปีแรกๆ คงขาดทุนมหาฬาร
"คอนโดฯ เพลินจิต" ข้อเสีย รายได้มากชั่วคราว / ผถห ทะเลาะกัน / ไม่มีปันผล / DE ก็สูง / สภาพคล่องก็น้อย * ประเด็นที่ 40% ของโนเบิลเพลินจิต ที่ไม่ขาย เพราะกั๊กการขายคอนโดฯ เอาไว้ เพื่อรอขายในราคาสูง ในขณะคอนโดฯ ใหม่ๆ Sold out หลายแห่ง / ควรพิจารณาเรื่องผู้บริหารด้วย
"หุ้นมิซูบิชิ" กำไรของกิจการขึ้นกับบริษัทลูกนอกตลาด ซึ่งส่งงบช่วงมิย/กค. พอบริษัทลูกส่งงบ ก็สามารถไปเช็คงบได้ที่กรมทะเบียนการค้า คัดลอกงบมา พอรู้กำไรของบริษัทลูก ก็พอรู้ว่า ปันผลให้แม่ เท่าไร ก็สามารถ forcast กำไรของบริษัทแม่ได้
"หุ้น T??" (คิดชื่อไม่ออก) กำไรเหวี่ยงบ้าง แต่น่ายังดีอยู่ กล้องขายดี ก็ทำให้ขายของได้และกำไรก็น่ายังดีด้วย
* อุตสาหกรรมใด ที่ทำได้ดี ก็จะมีคู่แข่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก สุดท้ายกำไรที่ดีของผู้ผลิต ก็จะกลับไปสู่กำไรปกติ ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง, โรงพยาบาล เป็นต้น
"รพ ที่ท่าน Kaiser เคยถือ และเพียงแค่เห็นภาพ นางพยาบาล ก็รู้ว่า เป็น รพ นี้" มีการลงทุนเยอะมากเป็นหมื่นล้าน กว่าจะคืนทุน น่าใช้เวลาเกือบ 10 ปีข้างหน้า ปีแรกๆ คงขาดทุนมหาฬาร
"คอนโดฯ เพลินจิต" ข้อเสีย รายได้มากชั่วคราว / ผถห ทะเลาะกัน / ไม่มีปันผล / DE ก็สูง / สภาพคล่องก็น้อย * ประเด็นที่ 40% ของโนเบิลเพลินจิต ที่ไม่ขาย เพราะกั๊กการขายคอนโดฯ เอาไว้ เพื่อรอขายในราคาสูง ในขณะคอนโดฯ ใหม่ๆ Sold out หลายแห่ง / ควรพิจารณาเรื่องผู้บริหารด้วย
"หุ้นมิซูบิชิ" กำไรของกิจการขึ้นกับบริษัทลูกนอกตลาด ซึ่งส่งงบช่วงมิย/กค. พอบริษัทลูกส่งงบ ก็สามารถไปเช็คงบได้ที่กรมทะเบียนการค้า คัดลอกงบมา พอรู้กำไรของบริษัทลูก ก็พอรู้ว่า ปันผลให้แม่ เท่าไร ก็สามารถ forcast กำไรของบริษัทแม่ได้
"หุ้น T??" (คิดชื่อไม่ออก) กำไรเหวี่ยงบ้าง แต่น่ายังดีอยู่ กล้องขายดี ก็ทำให้ขายของได้และกำไรก็น่ายังดีด้วย
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2794
(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60 ครับ
"หุ้นยางรถมอไซด์ไต้หวัน" มีการขยายต่อตลอด และมีบริษัทแม่ต่างประเทศ เลยมีช่องทางการจำหน่ายไปทั่วโลก ก็ได้เปรียบรายอื่น แต่กำไรก็ไม่ค่อยดีเท่าไร
"หุ้นยางอีลาสโตเมอร์" มีชื่อเสียงดี แต่ยอดขายยางรถยนต์ มีราว 20% ไม่ค่อยขยายเท่าไร
เวลาหุ้นลง ทำได้ 3 วิธี
• เงินสดที่มีไปซื้อ
• เปลี่ยนตัว – ขายตัวที่ลงน้อย ไปซื้อตัวที่ลงเยอะ
• ลงต่อเนื่องยาวนาน – เงินสดหมด / เปลี่ยนตัวไม่ได้ สุดท้าย ต้องใช้ มาร์จิ้น (ไม่แนะนำให้ใช้ อันตราย)
"หุ้นบ้านยุ้ย" ทำได้ดีพอสมควร และมีการให้ข่าวเป้ารายได้ราว 3 พันล้าน คงต้องรอดูกำไรปลายปี
"หุ้นทูน่า" ราคาตอนนี้ P/E อยู่ในระดับ Fair (แอบสูงหน่อย) หาก PE สัก 15x น่าจะโอเค / ธุรกิจทูน่า มีตัวแปร เยอะพอสมควร
อย่ารอมชอม ทำตามเกณฑ์ที่เหล่าอาจารย์สอนไว้ อย่ามองแต่ได้อย่างเดียว ให้มองว่า เวลาเสียต้องทำอย่างไร
ซื้อหุ้น ควรมี Limit Position อย่าซื้อหุ้นตัวเดียว อย่าซื้อหุ้นกลุ่มเดียว
อย่าถัวหุ้นจนตัวตาย อย่าถัวมั่วๆ อย่าถัวเพียงเพราะราคาลง ควรดูพื้นฐานด้วยว่า พื้นฐานยังดีอยู่ ก็ถัวได้
จบการจดบันทึกมีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60 เพียงเท่านี้ครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดี ร่ำรวย มีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขในการลงทุนและเรื่องอื่นๆ ทุกด้านครับ
"หุ้นยางรถมอไซด์ไต้หวัน" มีการขยายต่อตลอด และมีบริษัทแม่ต่างประเทศ เลยมีช่องทางการจำหน่ายไปทั่วโลก ก็ได้เปรียบรายอื่น แต่กำไรก็ไม่ค่อยดีเท่าไร
"หุ้นยางอีลาสโตเมอร์" มีชื่อเสียงดี แต่ยอดขายยางรถยนต์ มีราว 20% ไม่ค่อยขยายเท่าไร
เวลาหุ้นลง ทำได้ 3 วิธี
• เงินสดที่มีไปซื้อ
• เปลี่ยนตัว – ขายตัวที่ลงน้อย ไปซื้อตัวที่ลงเยอะ
• ลงต่อเนื่องยาวนาน – เงินสดหมด / เปลี่ยนตัวไม่ได้ สุดท้าย ต้องใช้ มาร์จิ้น (ไม่แนะนำให้ใช้ อันตราย)
"หุ้นบ้านยุ้ย" ทำได้ดีพอสมควร และมีการให้ข่าวเป้ารายได้ราว 3 พันล้าน คงต้องรอดูกำไรปลายปี
"หุ้นทูน่า" ราคาตอนนี้ P/E อยู่ในระดับ Fair (แอบสูงหน่อย) หาก PE สัก 15x น่าจะโอเค / ธุรกิจทูน่า มีตัวแปร เยอะพอสมควร
อย่ารอมชอม ทำตามเกณฑ์ที่เหล่าอาจารย์สอนไว้ อย่ามองแต่ได้อย่างเดียว ให้มองว่า เวลาเสียต้องทำอย่างไร
ซื้อหุ้น ควรมี Limit Position อย่าซื้อหุ้นตัวเดียว อย่าซื้อหุ้นกลุ่มเดียว
อย่าถัวหุ้นจนตัวตาย อย่าถัวมั่วๆ อย่าถัวเพียงเพราะราคาลง ควรดูพื้นฐานด้วยว่า พื้นฐานยังดีอยู่ ก็ถัวได้
จบการจดบันทึกมีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60 เพียงเท่านี้ครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดี ร่ำรวย มีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขในการลงทุนและเรื่องอื่นๆ ทุกด้านครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2795
Krungsri Guru " Millionaire Millenials"
specail guest คุณจักรพงษ์ เมษพันธุ์
หัวข้อ ให้เงินทำงาน ในวันที่อยากสโลว์ไลฟ์สไตล์ Gen M ...
มโนกันไปหรือทำได้จริง
ชอบคุณหนุ่ม Money coach พูดในช่วงสอนลูกวัย 8 ขวบให้รู้จักการลงทุน
โดยการพูดคุยกับลูกหลังจากดอกเบี้ยเงินฝากออกมาหลังจากฝากครบปี
เพื่อที่จะให้ลูกเข้าใจ ก็หยิบธนบัตรใบละร้อยบาทจากลูก และ บอกว่าฝากไว้กับพ่อ
หนึ่งปี จะได้ดอกเบี้ย เป็นเหรียญห้าสิบสตางค์ และไม่ใช่ได้เดี่ยวนี้แต่จะได้
ในอีกหนึ่งปีข้างหน้าจากธนาคาร ลูกถามว่ามีทางอื่นที่จะได้มากกว่านี้ไหม
คุณหนุ่มบอกว่า มีอีกวิธีคือเป็นเจ้าของธนาคาร และ พนักงานเป็นลูกน้องของเรา
ผลตอบแทนดีกว่ามากโดยการลงทุนในหุ้น ส่วนเครื่องมือที่ใช้คือ Jitta
ซึ่งดูว่าหุ้นไหนดีจาก 2 ข้อ คือ 1. Score สูง 2. กราฟราคาต่ำกว่า Jitta line
แต่ลูกต้องสะสมเงินสักช่วงเพราะไม่สามารถซื้อแค่ 1 หุ้นได้ ต้องซื้อ 100 หุ้น
เป็นอย่างต่ำ เป็นการสอนให้สะสมเงินก่อน มีเงินเพียงพอแล้วค่อยลงทุน
ซึ่งคล้ายกับ เราต้องมีเงินเก็บเพียงพอเพื่อสร้างฐานให้แน่นก่อน
แล้วค่อยเอาเงินไปลงทุนให้ออกดอกออกผลมาให้เรา
นี่คือตัวอย่างของ พ่อรวยสอนลูก อีกวิธีหนึ่งที่เอาไปใช้ได้
ขอบคุณ Krungsri kuru ที่จัดสัมมนาดีๆแบบนี้ครับ
specail guest คุณจักรพงษ์ เมษพันธุ์
หัวข้อ ให้เงินทำงาน ในวันที่อยากสโลว์ไลฟ์สไตล์ Gen M ...
มโนกันไปหรือทำได้จริง
ชอบคุณหนุ่ม Money coach พูดในช่วงสอนลูกวัย 8 ขวบให้รู้จักการลงทุน
โดยการพูดคุยกับลูกหลังจากดอกเบี้ยเงินฝากออกมาหลังจากฝากครบปี
เพื่อที่จะให้ลูกเข้าใจ ก็หยิบธนบัตรใบละร้อยบาทจากลูก และ บอกว่าฝากไว้กับพ่อ
หนึ่งปี จะได้ดอกเบี้ย เป็นเหรียญห้าสิบสตางค์ และไม่ใช่ได้เดี่ยวนี้แต่จะได้
ในอีกหนึ่งปีข้างหน้าจากธนาคาร ลูกถามว่ามีทางอื่นที่จะได้มากกว่านี้ไหม
คุณหนุ่มบอกว่า มีอีกวิธีคือเป็นเจ้าของธนาคาร และ พนักงานเป็นลูกน้องของเรา
ผลตอบแทนดีกว่ามากโดยการลงทุนในหุ้น ส่วนเครื่องมือที่ใช้คือ Jitta
ซึ่งดูว่าหุ้นไหนดีจาก 2 ข้อ คือ 1. Score สูง 2. กราฟราคาต่ำกว่า Jitta line
แต่ลูกต้องสะสมเงินสักช่วงเพราะไม่สามารถซื้อแค่ 1 หุ้นได้ ต้องซื้อ 100 หุ้น
เป็นอย่างต่ำ เป็นการสอนให้สะสมเงินก่อน มีเงินเพียงพอแล้วค่อยลงทุน
ซึ่งคล้ายกับ เราต้องมีเงินเก็บเพียงพอเพื่อสร้างฐานให้แน่นก่อน
แล้วค่อยเอาเงินไปลงทุนให้ออกดอกออกผลมาให้เรา
นี่คือตัวอย่างของ พ่อรวยสอนลูก อีกวิธีหนึ่งที่เอาไปใช้ได้
ขอบคุณ Krungsri kuru ที่จัดสัมมนาดีๆแบบนี้ครับ
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2796
ขอบคุณพี่อมร และพี่anielee ครับ ที่มาแชร์และแบ่งปัน เห็นจากโพสและคะแนนบวก พี่สองคนคงเป็นอันดับ1-2 เก็บคะแนนเข้าคลับแน่นอนครับ
เผลอๆคะแนนส่วนใหญ่ของพี่ทั้ง2 คงมาจากห้องนี้ละฮะ
เห็นพี่ๆในห้องนี้เน้นเสมอเรื่อง MOS....อย่างกางเกงในรูป ถือว่าซื้อแบบมีMOS มั้ยครับพี่ๆ
เผลอๆคะแนนส่วนใหญ่ของพี่ทั้ง2 คงมาจากห้องนี้ละฮะ
เห็นพี่ๆในห้องนี้เน้นเสมอเรื่อง MOS....อย่างกางเกงในรูป ถือว่าซื้อแบบมีMOS มั้ยครับพี่ๆ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2797
ขอลองแกะดูนะครับ
น้องดาต้า = COMAN
e-custom = ???
รถเช่าชื่อธนาคารรัฐฯ = KCAR
เร็วสุดเท่าที่เป็นได้ = ASAP
ทั้งรถเช่าทั้งสอง ที่ไม่ใช่ "เร็วสุดเท่าที่เป็นได้ = PL
ไฟฟ้าจากขยะ = BWG
ไฟฟ้าโรงปูน = TPIPP
ปาล์มใต้ = UVAN???
ปั้มปีเตอร์ = PTG
หุ้นยางใหญ่ = STA
Holding Company ของโบรคเกอร์หุ้น = FNS
เบาะหนัง = IHL
ก่อสร้างพลังไฟฟ้า = TPOLY
เรือเก่า = AMA
พรมวิเศษ = TCMC
เหมืองแม่เมาะ = SQ
หุ้นทำธุรกิจทดสอบ = TNDT
หุ้นทำโครงสร้างเหล็ก มั่งคั่ง = BTW
ยาทาให้เด็กคัดจมูกตอนนอน =WIIK
นักร้อง = SINGER
ปล่อยกู้เกษตรกร = GCAP
เครื่องกรองน้ำแปลงร่าง = TSR
โรงพ่นสีพ่นพิษใส่กิจการ = ???
นักลงทุนวีไออาวุโส = ???
หุ้นลูกชิ้นปลา = ???
หุ้นวุ้นเส้น = TWPC
หุ้นเหล็กเฟอร์ไฟฟ้า = SIAM
โรงปูน พลังไฟฟ้า = TPIPP
หุ้นชื่อสถาบันการศึกษา ย่านปทุมฯ = ???
หุ้นทำเกี่ยวกับตู้โทรศัพท์ = ???
โลก = EARTH
โรงกลั่นน้ำมันจิ๋ว = RPC
พี่เบิ้มน้ำมัน = PTT
หุ้นกิจการมีชื่อคล้ายชื่อหนังฮอลลีวู๊ด = ???
หุ้นน้องแป้ง = BKD
หุ้นปัญญา = WORK
หุ้นถุงยาง = TNR
ลูกอม หรือ ไอติม = MINT
โรงแรม-มีร้าน KFC = CENTEL
ช้าง = ERW
เบอร์เกอร์ = ???
เสื้อเจนนี่ = ???
บินทันที = FN
ชาเขียวตัน = ICHI
กังหัน = DEMCO
สแตมป์ 7-11 = TKS
รพ ที่ท่าน Kaiser เคยถือ และเพียงแค่เห็นภาพ นางพยาบาล ก็รู้ว่า เป็น รพ นี้ = ???
คอนโดฯ เพลินจิต = NOBLE
หุ้นมิซูบิชิ = KYE
หุ้น T?? = TMW
หุ้นยางรถมอไซด์ไต้หวัน = HFT
หุ้นยางอีลาสโตเมอร์ = ???
หุ้นบ้านยุ้ย = ???
หุ้นทูน่า = TU
น้องดาต้า = COMAN
e-custom = ???
รถเช่าชื่อธนาคารรัฐฯ = KCAR
เร็วสุดเท่าที่เป็นได้ = ASAP
ทั้งรถเช่าทั้งสอง ที่ไม่ใช่ "เร็วสุดเท่าที่เป็นได้ = PL
ไฟฟ้าจากขยะ = BWG
ไฟฟ้าโรงปูน = TPIPP
ปาล์มใต้ = UVAN???
ปั้มปีเตอร์ = PTG
หุ้นยางใหญ่ = STA
Holding Company ของโบรคเกอร์หุ้น = FNS
เบาะหนัง = IHL
ก่อสร้างพลังไฟฟ้า = TPOLY
เรือเก่า = AMA
พรมวิเศษ = TCMC
เหมืองแม่เมาะ = SQ
หุ้นทำธุรกิจทดสอบ = TNDT
หุ้นทำโครงสร้างเหล็ก มั่งคั่ง = BTW
ยาทาให้เด็กคัดจมูกตอนนอน =WIIK
นักร้อง = SINGER
ปล่อยกู้เกษตรกร = GCAP
เครื่องกรองน้ำแปลงร่าง = TSR
โรงพ่นสีพ่นพิษใส่กิจการ = ???
นักลงทุนวีไออาวุโส = ???
หุ้นลูกชิ้นปลา = ???
หุ้นวุ้นเส้น = TWPC
หุ้นเหล็กเฟอร์ไฟฟ้า = SIAM
โรงปูน พลังไฟฟ้า = TPIPP
หุ้นชื่อสถาบันการศึกษา ย่านปทุมฯ = ???
หุ้นทำเกี่ยวกับตู้โทรศัพท์ = ???
โลก = EARTH
โรงกลั่นน้ำมันจิ๋ว = RPC
พี่เบิ้มน้ำมัน = PTT
หุ้นกิจการมีชื่อคล้ายชื่อหนังฮอลลีวู๊ด = ???
หุ้นน้องแป้ง = BKD
หุ้นปัญญา = WORK
หุ้นถุงยาง = TNR
ลูกอม หรือ ไอติม = MINT
โรงแรม-มีร้าน KFC = CENTEL
ช้าง = ERW
เบอร์เกอร์ = ???
เสื้อเจนนี่ = ???
บินทันที = FN
ชาเขียวตัน = ICHI
กังหัน = DEMCO
สแตมป์ 7-11 = TKS
รพ ที่ท่าน Kaiser เคยถือ และเพียงแค่เห็นภาพ นางพยาบาล ก็รู้ว่า เป็น รพ นี้ = ???
คอนโดฯ เพลินจิต = NOBLE
หุ้นมิซูบิชิ = KYE
หุ้น T?? = TMW
หุ้นยางรถมอไซด์ไต้หวัน = HFT
หุ้นยางอีลาสโตเมอร์ = ???
หุ้นบ้านยุ้ย = ???
หุ้นทูน่า = TU
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 995
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2798
มาเดาที่เหลือจากคุณ leky
e-custom netbay
โรงพ่นสีพ่นพิษใส่กิจการ pjw
หุ้นลูกชิ้นปลา sorkon
นักลงทุนวีไออาวุโส threl
หุ้นชื่อสถาบันการศึกษา ย่านปทุมฯ ait มั้ง
หุ้นทำเกี่ยวกับตู้โทรศัพท์" ajd
หุ้นกิจการมีชื่อคล้ายชื่อหนังฮอลลีวู๊ด อะไรหว่า cnt ผิดแหง
เบอร์เกอร์" งง mc ปล่าว
เสื้อเจนนี่ = bgt
หุ้นยางอีลาสโตเมอร์ ไม่แน่ใจ epg
หุ้นบ้านยุ้ย sena
e-custom netbay
โรงพ่นสีพ่นพิษใส่กิจการ pjw
หุ้นลูกชิ้นปลา sorkon
นักลงทุนวีไออาวุโส threl
หุ้นชื่อสถาบันการศึกษา ย่านปทุมฯ ait มั้ง
หุ้นทำเกี่ยวกับตู้โทรศัพท์" ajd
หุ้นกิจการมีชื่อคล้ายชื่อหนังฮอลลีวู๊ด อะไรหว่า cnt ผิดแหง
เบอร์เกอร์" งง mc ปล่าว
เสื้อเจนนี่ = bgt
หุ้นยางอีลาสโตเมอร์ ไม่แน่ใจ epg
หุ้นบ้านยุ้ย sena
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2801
เห็นแกะชื่อกันใกล้หมดแล้ว เลยมาช่วยแก้ไขเพิ่มเติมครับ
หุ้นทำเกี่ยวกับตู้โทรศัพท์ = forth
หุ้นกิจการมีชื่อคล้ายชื่อหนังฮอลลีวู๊ด = k (ชื่อคล้ายหนังเรื่อง Kingsman)
หุ้น "เบอร์เกอร์" ถูกต้องแล้วครับ = MC
หุ้นยางอีลาสโตเมอร์ ถูกต้องแล้วครับ = IRC
รพ ที่ท่าน Kaiser เคยถือ และเพียงแค่เห็นภาพ นางพยาบาล ก็รู้ว่า เป็น รพ นี้ = M-CHAI
นักลงทุนวีไออาวุโส = SVI (Senior Value Investor ตัดเอาแต่ตัวหน้า ก็จะได้ SVI) ^ ^
การตั้งชื่อ ก็สนุกๆ ครับ เข้ารหัสตามที่คิดได้ บางตัวก็ไม่เกี่ยวกับธุรกิจของกิจการเลยครับ แต่ก็พยายามเอาเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการก่อนครับ
หุ้นทำเกี่ยวกับตู้โทรศัพท์ = forth
หุ้นกิจการมีชื่อคล้ายชื่อหนังฮอลลีวู๊ด = k (ชื่อคล้ายหนังเรื่อง Kingsman)
หุ้น "เบอร์เกอร์" ถูกต้องแล้วครับ = MC
หุ้นยางอีลาสโตเมอร์ ถูกต้องแล้วครับ = IRC
รพ ที่ท่าน Kaiser เคยถือ และเพียงแค่เห็นภาพ นางพยาบาล ก็รู้ว่า เป็น รพ นี้ = M-CHAI
นักลงทุนวีไออาวุโส = SVI (Senior Value Investor ตัดเอาแต่ตัวหน้า ก็จะได้ SVI) ^ ^
การตั้งชื่อ ก็สนุกๆ ครับ เข้ารหัสตามที่คิดได้ บางตัวก็ไม่เกี่ยวกับธุรกิจของกิจการเลยครับ แต่ก็พยายามเอาเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการก่อนครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2802
กฎแห่งความมั่งคั่ง 9 ประการ ของ คุณ หนุ่ม The Money Coach ฉบับปรับปรุง
ที่คุณหนุ่มมาพูดใน Money coach on stage
1. หยุดแสร้งทำเป็นรวย
เราต้องแสดงตัวตนให้ตรงกับความเป็นจริง
อย่าแสร้งทำเป็นรวย โดย กู้เงินมาซื้อรถ ซื้อบ้าน เพื่อทำตัวเป็นคนรวย
เราจะสามารถเก็บเงินได้ โดยการไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพื่อสร้างทรัพย์สิน
2. ใช้ทรัพย์สินซื้อความสุข
คนทั่วไป อยากได้สิ่งของก็จะวิธีการผ่อน ซึ่งถือเป็นหนี้ไม่ดี
คุณหนุ่มแนะให้สร้างทรัพย์สินที่ให้กระแสเงินสด ก่อนก่อหนี้ไม่ดี
และนำกระแสเงินสดมาซื้อความสุขภายหลัง
3. อย่าเสียเวลาค้นหา “ทางลัด”
ไม่มีความสำเร็จใดที่ได้มาอย่างง่าย หรือ มีทางลัดรวยเร็วได้
ต้องหมั่นสะสมความรู้ ปฏิบัติ และ แก้ไขตลอดเวลา
4. ลงทุนในความรู้เป็นอันดับแรก
เราต้องอุทิศเวลา ทำความรู้จัก และ ทำความเข้าใจกับการลงทุนที่คุณสนใจให้ดี
ระวังคำแนะนำที่ได้มาฟรี เราต้องสร้างการลงทุนของตัวเองให้เป็น
ต้องสามารถคิด วางแผน และ ตัดสินใจทุกการลงทุนด้วยปัญญาที่สะสมอยู่ในตัว
5. สร้างพลังทวีจาก connection
ตอนคุณหนุ่ม อยู่ในช่วงสร้างตัว เช่น เรียนที่จุฬา 6 ปี หรือ เคยทำงาน MLM
ได้รู้จักผู้คนมากมาย และ ตอนนี้หลายคนก็มาช่วยงานคุณหนุ่ม ทั้งที่ปรึกษากฎหมาย
ที่ปรึกษาทางภาษี หรือ เพื่อนที่จุฬาก็มาชวนทำ Talk show หลังจากฟังคุณหนุ่มพูด
6. ทำ 1 วันให้มีมากกว่า 24 ชั่วโมง
เราสามารถทำงานโดยมีเวลามากกว่า 24ชั่วโมงใน 1 วัน โดย ใช้เวลาของคนอื่น
เราสามารถมอบหมายงานบางอย่างให้คนอื่นช่วยงานได้ โดยให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม
ทำให้เราสามารถทำงานได้มากขึ้น หรือ สามารถใช้ชีวิตกับครอบครัวได้มากขึ้น
7. คิด ทำ เรียนรู้
กูรูส่วนมากจะบอกว่า ให้คิด ทำ แล้วประสบความสำเร็จ
ชีวิตจริง อาจไม่ราบรื่น คิด ทำ อาจมีอุปสรรคระหว่างทาง ให้เราเรียนรู้ไปเรื่อยๆ
ท้ายสุดก็จะประสบความสำเร็จเอง หลายคน คิด ทำ แล้วล้มเหลว ก็เลิกไป
จริงๆแล้วอาจจะมีเส้นกั้นความสำเร็จอยู่ ถ้าเราทลายไปได้ เราก็ประสบความสำเร็จ
8. รวยไม่ได้ ถ้าให้ไม่เป็น
คนที่ประสบความสำเร้๗ ต้องเป็นคนให้กับคนอื่นด้วย ไม่จำเป็นต้องให้เป็นเงินทอง
เป็นความรู้ที่ให้กับคนอื่น เพื่อช่วยแก้ปัญหาเช่นหนี้สิน หรือ การวางแผนเกษียณ ก็ได้
9. จงเป็นผู้สร้าง คุณค่า แล้ว ความมั่งคั่ง จะตามมาเอง
เราต้องสร้างสิ่งที่มีคุณค่า ต่อตัวเองและคนอื่น ท้ายสุด ความมั่งคั่งจะมาหาเอง
ส่วนคำพูดที่บอกว่า ทำในสิ่งที่รัก แล้ว ความมั่งคั่งจะมา ไม่จริงถ้าสิ่งที่รักไม่มีคุณค่าต่อคนอื่น
สิ่งที่ทำเป็นแค่งานอดิเรกเท่านั้น
ขอบคุณ คุณหนุ่มที่มาให้ความรู้ครับ
ที่คุณหนุ่มมาพูดใน Money coach on stage
1. หยุดแสร้งทำเป็นรวย
เราต้องแสดงตัวตนให้ตรงกับความเป็นจริง
อย่าแสร้งทำเป็นรวย โดย กู้เงินมาซื้อรถ ซื้อบ้าน เพื่อทำตัวเป็นคนรวย
เราจะสามารถเก็บเงินได้ โดยการไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพื่อสร้างทรัพย์สิน
2. ใช้ทรัพย์สินซื้อความสุข
คนทั่วไป อยากได้สิ่งของก็จะวิธีการผ่อน ซึ่งถือเป็นหนี้ไม่ดี
คุณหนุ่มแนะให้สร้างทรัพย์สินที่ให้กระแสเงินสด ก่อนก่อหนี้ไม่ดี
และนำกระแสเงินสดมาซื้อความสุขภายหลัง
3. อย่าเสียเวลาค้นหา “ทางลัด”
ไม่มีความสำเร็จใดที่ได้มาอย่างง่าย หรือ มีทางลัดรวยเร็วได้
ต้องหมั่นสะสมความรู้ ปฏิบัติ และ แก้ไขตลอดเวลา
4. ลงทุนในความรู้เป็นอันดับแรก
เราต้องอุทิศเวลา ทำความรู้จัก และ ทำความเข้าใจกับการลงทุนที่คุณสนใจให้ดี
ระวังคำแนะนำที่ได้มาฟรี เราต้องสร้างการลงทุนของตัวเองให้เป็น
ต้องสามารถคิด วางแผน และ ตัดสินใจทุกการลงทุนด้วยปัญญาที่สะสมอยู่ในตัว
5. สร้างพลังทวีจาก connection
ตอนคุณหนุ่ม อยู่ในช่วงสร้างตัว เช่น เรียนที่จุฬา 6 ปี หรือ เคยทำงาน MLM
ได้รู้จักผู้คนมากมาย และ ตอนนี้หลายคนก็มาช่วยงานคุณหนุ่ม ทั้งที่ปรึกษากฎหมาย
ที่ปรึกษาทางภาษี หรือ เพื่อนที่จุฬาก็มาชวนทำ Talk show หลังจากฟังคุณหนุ่มพูด
6. ทำ 1 วันให้มีมากกว่า 24 ชั่วโมง
เราสามารถทำงานโดยมีเวลามากกว่า 24ชั่วโมงใน 1 วัน โดย ใช้เวลาของคนอื่น
เราสามารถมอบหมายงานบางอย่างให้คนอื่นช่วยงานได้ โดยให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม
ทำให้เราสามารถทำงานได้มากขึ้น หรือ สามารถใช้ชีวิตกับครอบครัวได้มากขึ้น
7. คิด ทำ เรียนรู้
กูรูส่วนมากจะบอกว่า ให้คิด ทำ แล้วประสบความสำเร็จ
ชีวิตจริง อาจไม่ราบรื่น คิด ทำ อาจมีอุปสรรคระหว่างทาง ให้เราเรียนรู้ไปเรื่อยๆ
ท้ายสุดก็จะประสบความสำเร็จเอง หลายคน คิด ทำ แล้วล้มเหลว ก็เลิกไป
จริงๆแล้วอาจจะมีเส้นกั้นความสำเร็จอยู่ ถ้าเราทลายไปได้ เราก็ประสบความสำเร็จ
8. รวยไม่ได้ ถ้าให้ไม่เป็น
คนที่ประสบความสำเร้๗ ต้องเป็นคนให้กับคนอื่นด้วย ไม่จำเป็นต้องให้เป็นเงินทอง
เป็นความรู้ที่ให้กับคนอื่น เพื่อช่วยแก้ปัญหาเช่นหนี้สิน หรือ การวางแผนเกษียณ ก็ได้
9. จงเป็นผู้สร้าง คุณค่า แล้ว ความมั่งคั่ง จะตามมาเอง
เราต้องสร้างสิ่งที่มีคุณค่า ต่อตัวเองและคนอื่น ท้ายสุด ความมั่งคั่งจะมาหาเอง
ส่วนคำพูดที่บอกว่า ทำในสิ่งที่รัก แล้ว ความมั่งคั่งจะมา ไม่จริงถ้าสิ่งที่รักไม่มีคุณค่าต่อคนอื่น
สิ่งที่ทำเป็นแค่งานอดิเรกเท่านั้น
ขอบคุณ คุณหนุ่มที่มาให้ความรู้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2803
*รมว.คมนาคม เตรียมเสนอโครงการรถไฟ 3 เส้นทางให้ครม.พิจารณาในอีก 2 เดือน-รถไฟฟ้า 6 สายใน H2/60
Source: IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ | 9 Jun 2017 16:58
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 60)--นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมนำโครงการรถไฟ จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่, โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงบ้านไผ่-นครพนม และช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 2 เดือน
พร้อมกับเตรียมนำโครงการรถไฟฟ้าอีก 6 เส้นทาง เข้าครม.ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ได้แก่ สายสีส้มฝั่งตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-ตลิ่งชัน, สายสีม่วงส่วนต่อขยาย ช่วงเตาปูน-ราษฏร์บูรณะ, สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4, สายสีเขียวส่วนต่อขยายเหนือ-ใต้ 2 เส้นทาง คือ ช่วงคูคต-ลำลูกา และช่วงสมุทรปราการ-บางปู และโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเชื่อมต่อท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง
โดยในปีนี้กระทรวงคมนาคมมั่นใจว่าการนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางในกรุงเทพฯและปริมณฑลตามแผนแม่บท ฉบับที่ 1 จะสามารถทำได้ครบถ้วนภายในปีนี้ และปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมจัดทำแผนแม่บท ฉบับที่ 2 ของโครงการรถไฟฟ้าที่เป็นโครงข่ายย่อยในเส้นทางกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายหลัก และเป็นการรองรับในช่วงที่เครือข่ายหลักมีปัญหาหรือเกิดเหุตขัดข้อง และช่วยให้การเชื่อมต่อสมบูรณ์ ประกอบกับมีเส้นทางที่หลากหลายให้ประชาชนได้เลือกใช้เดินทางเพิ่มขึ้น โดยในเบื้องต้นมีโครงการรถไฟฟ้า 2 สี ในแผนแม่บทฉบับที่ 2 คือ สายสีเงิน (ตลิ่งชัน-ชัยพฤกษ์) และสายสีทอง (กรุงธนบุรี-ประชาธิปก) ซึ่งจะส่งต่อไปให้รัฐบาลในชุดต่อไปเดินหน้าต่อ
ส่วนโครงการรถไฟไทย-จีน หลังจากที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้แนะให้ใช้มาตรา 44 เพื่อเร่งการดำเนินงานของโครงการ ขณะนี้ความคืบหน้ายังอยู่ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หารือเกี่ยวกับแนวทางในการทำงานร่วมกัน รวมถึงเร่งให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการเร่งรัดโครงการดังกล่าวร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาวิศวกร สภาสถาปนิก และฝ่ายจีน เข้ามาเจรจาและร่วมมือกันผลักดัน ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะหนึ่งก่อนที่เได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
ด้านโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน ได้แก่ ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา เพื่อเป็นการเสริมศักยภาพของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) คาดว่าภายใน 3 เดือนจะได้ข้อสรุปผลการศึกษาร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น และจะเพิ่มเติมเส้นทางไปเชื่อมต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นข้อเสนอแนะของพันธมิตรญี่ปุ่นที่มองเห็นโอกาส เพราะจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นหนึ่งในฐานการผลิตสินค้าของผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่เป็นที่ตั้งโรงงานนอกเหนือจากพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด จึงทำให้เป็นโอกาสที่จะสามารถศึกษาต่อยอดโครงการเชื่อมต่อ 3 สนามบินได้ เพื่อให้มีการเชื่อมต่อที่ครอบคลุม และคาดว่าจะได้ข้อสรุปผลการศึกษาภายใน 3 เดือนเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้โครงการลงทุนขนาดใหญ่สำหรับการลงทุนระบบคมนาคมของภาครัฐ ไม่รวมการลงทุนที่อยู่ในงบประมาณประจำปี มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2.3 ล้านล้านบาท โดยมีระยะเวลาลงทุนจำนวน 8 ปี ตั้งแต่ปี 58-65 ซึ่งกระทรวงคมนาคมคาดว่าภายในปี 62 จะเห็นการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆได้อย่างเป็นรูปธรรม และคาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการในช่วงปี 65-67 โดยการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของประเทศไทยในครั้งนี้เป็นการกลับมาลงทุนอีกครั้งหลังจากปี 49 ที่ได้ลงทุนโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่
รมว.คมนาคม เชื่อว่าการลงทุนดังกล่าวจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนมีการลงทุนตามภาครัฐ อีกทั้งการลงทุนโครงการคมนาคมจะทำให้การเดินทางของประชาชนในประเทศสะดวกสบายมากขึ้นและใช้ระยะเวลาในการเดินทางที่น้อยลง ส่วนภาคการขนส่งจะมีตัวเลือกและรูปแบบในการขนส่งที่เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันการขนส่งของประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป๊นการขนส่งทางถนนเป็นหลัก และช่วยให้ต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยในอนาคตลดลงต่ำกว่าปัจจุบันอยู่ที่ 14% ของจีดีพี
--อินโฟเควสท์ โดย จีรายุทธ จันทรงสกุล/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
All rights reserved. INFORMATION DISCLAIMER applies (http://goo.gl/4mfKZ3).
Source: IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ | 9 Jun 2017 16:58
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 60)--นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมนำโครงการรถไฟ จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่, โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงบ้านไผ่-นครพนม และช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 2 เดือน
พร้อมกับเตรียมนำโครงการรถไฟฟ้าอีก 6 เส้นทาง เข้าครม.ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ได้แก่ สายสีส้มฝั่งตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-ตลิ่งชัน, สายสีม่วงส่วนต่อขยาย ช่วงเตาปูน-ราษฏร์บูรณะ, สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4, สายสีเขียวส่วนต่อขยายเหนือ-ใต้ 2 เส้นทาง คือ ช่วงคูคต-ลำลูกา และช่วงสมุทรปราการ-บางปู และโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเชื่อมต่อท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง
โดยในปีนี้กระทรวงคมนาคมมั่นใจว่าการนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางในกรุงเทพฯและปริมณฑลตามแผนแม่บท ฉบับที่ 1 จะสามารถทำได้ครบถ้วนภายในปีนี้ และปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมจัดทำแผนแม่บท ฉบับที่ 2 ของโครงการรถไฟฟ้าที่เป็นโครงข่ายย่อยในเส้นทางกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายหลัก และเป็นการรองรับในช่วงที่เครือข่ายหลักมีปัญหาหรือเกิดเหุตขัดข้อง และช่วยให้การเชื่อมต่อสมบูรณ์ ประกอบกับมีเส้นทางที่หลากหลายให้ประชาชนได้เลือกใช้เดินทางเพิ่มขึ้น โดยในเบื้องต้นมีโครงการรถไฟฟ้า 2 สี ในแผนแม่บทฉบับที่ 2 คือ สายสีเงิน (ตลิ่งชัน-ชัยพฤกษ์) และสายสีทอง (กรุงธนบุรี-ประชาธิปก) ซึ่งจะส่งต่อไปให้รัฐบาลในชุดต่อไปเดินหน้าต่อ
ส่วนโครงการรถไฟไทย-จีน หลังจากที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้แนะให้ใช้มาตรา 44 เพื่อเร่งการดำเนินงานของโครงการ ขณะนี้ความคืบหน้ายังอยู่ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หารือเกี่ยวกับแนวทางในการทำงานร่วมกัน รวมถึงเร่งให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการเร่งรัดโครงการดังกล่าวร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาวิศวกร สภาสถาปนิก และฝ่ายจีน เข้ามาเจรจาและร่วมมือกันผลักดัน ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะหนึ่งก่อนที่เได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
ด้านโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน ได้แก่ ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา เพื่อเป็นการเสริมศักยภาพของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) คาดว่าภายใน 3 เดือนจะได้ข้อสรุปผลการศึกษาร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น และจะเพิ่มเติมเส้นทางไปเชื่อมต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นข้อเสนอแนะของพันธมิตรญี่ปุ่นที่มองเห็นโอกาส เพราะจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นหนึ่งในฐานการผลิตสินค้าของผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่เป็นที่ตั้งโรงงานนอกเหนือจากพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด จึงทำให้เป็นโอกาสที่จะสามารถศึกษาต่อยอดโครงการเชื่อมต่อ 3 สนามบินได้ เพื่อให้มีการเชื่อมต่อที่ครอบคลุม และคาดว่าจะได้ข้อสรุปผลการศึกษาภายใน 3 เดือนเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้โครงการลงทุนขนาดใหญ่สำหรับการลงทุนระบบคมนาคมของภาครัฐ ไม่รวมการลงทุนที่อยู่ในงบประมาณประจำปี มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2.3 ล้านล้านบาท โดยมีระยะเวลาลงทุนจำนวน 8 ปี ตั้งแต่ปี 58-65 ซึ่งกระทรวงคมนาคมคาดว่าภายในปี 62 จะเห็นการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆได้อย่างเป็นรูปธรรม และคาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการในช่วงปี 65-67 โดยการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของประเทศไทยในครั้งนี้เป็นการกลับมาลงทุนอีกครั้งหลังจากปี 49 ที่ได้ลงทุนโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่
รมว.คมนาคม เชื่อว่าการลงทุนดังกล่าวจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนมีการลงทุนตามภาครัฐ อีกทั้งการลงทุนโครงการคมนาคมจะทำให้การเดินทางของประชาชนในประเทศสะดวกสบายมากขึ้นและใช้ระยะเวลาในการเดินทางที่น้อยลง ส่วนภาคการขนส่งจะมีตัวเลือกและรูปแบบในการขนส่งที่เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันการขนส่งของประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป๊นการขนส่งทางถนนเป็นหลัก และช่วยให้ต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยในอนาคตลดลงต่ำกว่าปัจจุบันอยู่ที่ 14% ของจีดีพี
--อินโฟเควสท์ โดย จีรายุทธ จันทรงสกุล/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
All rights reserved. INFORMATION DISCLAIMER applies (http://goo.gl/4mfKZ3).
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2805
ครับ มีคนเคยบอกว่า เรือจะเก่าๆ น่ากลัวๆๆๆ ^ ^forward เขียน:เรือผี = RP ? ซื้อเพราะได้ปันผล เยอะ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2807
ภาพรวมอุตสาหกรรมโรงพยาบาลปี 2560
ก่อนอื่นมาดูที่โครงสร้างการให้บริการสุขภาพในประเทศไทย
Health service infrastructure
1. Government health services
2. Private medical sector
3. Non profit health services รพ เปิดให้บริการไม่มุ่งหวังผลกำไร แต่มีการเก็บเงินคนไข้
เช่น รพ กรุงเทพคริสเตียน รพ หัวเฉียว รพ เซนต์หลุยส์
ส่วนที่ 1 Government health servicesและ 2 Private medical sectorแบ่งออกเป็น
Cash & Insurance ซึ่งแบ่งได้เป็น Premium , Mid-tier
Managed care schemes (สวัสดิการภาครัฐ) ( ข้อมูลปีล่าสุด คือ ปี 56)
แบ่งเป็น
1.ประกันสังคม คิดเป็น 74.4% รพเอกชน เข้าร่วม 36 แห่ง
2.บัตรทอง 30 บาท คิดเป็น 15.4% รพเอกชน เข้าร่วม 36 แห่ง
3.สวัสดิการข้าราชการ หรือ ข้าราชการบำนาญรัฐวิสาหกิจ คิดเป็น 8.6% รพ เอกชนเข้าร่วม 216 แห่ง
จุดสังเกตว่า รพ เอกชน เข้าร่วมโครงการประกันสังคม มากกว่า บัตรทอง เพราะได้ค่าเหมาจ่ายสูงกว่า
ค่าใช้จ่ายดูแลสุขภาพในปี 47-56
ส่วนภาครัฐ โต 13% ต่อปี
ภาคเอกชน ประกันสุขภาพ โต 11.3% ต่อปีก สอดคล้องกับประชากรที่มีประกันสุขภาพโต 12.7% ต่อปี
และเบี้ยประกันสุขภาพ CAGR 13.4% ต่อปี
ปัจจัยบวกต่อธุรกิจ รพ
1. การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างประชากรและอายุเฉลี่ยที่สูงขึ้น
2. การเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้มีรายได้ระดับปานกลาง
3. การขยายตัวของชุมชนเมือง
4. จำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษามากขึ้น
5. การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยต่างชาติ
ปัจจัยเสี่ยงต่อธุรกิจ รพ
1. ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ทำให้ผู้มีรายได้ปานกลางอาจเลือกใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลจากภาครัฐแทน
2. การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ไทยมีแพทย์ 4 คน ต่อประชากร 10,000 คน เทียบกับสิงคโปร์ 19 คน
3. แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรง มีโรงพยาบาลจะเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกหลายแห่ง
วิธีการรับรู้รายได้
1.สำหรับประกันสังคมมีการจ่ายผลตอบแทนให้กับโรงพยาบาล แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
1. Fixed payment
2. Statistics
2.1 IPD AdjRW>=2 , AdjRW<2
2.2 OPD เฉพาะ 26 โรคร้ายแรง
3. Per Special Medical Service
ประกันสังคมปรับเรื่องการจ่ายผลประโยชน์ให้กับโรงพยาบาลมากขึ้น มีผล 1 กค 17
รายการที่ปรับมี 4 ข้อ คือ
1. เหมาจ่ายรายหัว Fixed paymentเพิ่มจาก 1,460 บาท เป็น 1,500 บาท ต่อ คน ต่อปี
โรงพยาบาลที่สามารถยกระดับการรักษาโรคยากเป็น HA Level II จะได้เพิ่มอีก คนละ 40 บาทต่อปี
ถ้าเพิ่มเป็นHA Level III จะได้เพิ่มอีก คนละ 80 บาทต่อปี
( HA เป็นมาตรฐานของโรงพยาบาลไทย )
2. การบันทึกโรคยากซับซ้อนสูงจะได้เพิ่มขึ้นอีกถ้าเป็นเคสIPD
Adj มากกว่าหรือเท่ากับ 2 เป็นโรคซับซ้อน จะได้เฉลี่ย 10,000 บาทต่อ RW
Adj น้อยกว่า 2 หรือ เป็นเคส OPD 26 โรคร้ายแรง จะได้เฉลี่ย 432 บาท ต่อคนต่อปี
3. สำหรับการใช้เครื่องมือพิเศษ จะคิดจากรายได้หารด้วยจำนวนผู้ใช้บริการจริง
4.case บางอันค่ารักษาเกิน 1ล้านบาท ส่วนที่เกินเบิกได้ 80% ซึ่งช่วย รพ ได้มาก แต่เคสที่เจอะไม่ค่อยเยอะ
2. วิธีรับรู้รายได้สำหรับผู้ป่วยเงินสด
รายได้ผู้ป่วย OPD=Number of OPD visits per day * revenue per visit
รายได้ผู้ป่วย IPD=Average daily census * revenue per admission
สุดท้ายขอขอบคุณ หทัยชนก มูลวงศ์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล Phillip ครับ
ก่อนอื่นมาดูที่โครงสร้างการให้บริการสุขภาพในประเทศไทย
Health service infrastructure
1. Government health services
2. Private medical sector
3. Non profit health services รพ เปิดให้บริการไม่มุ่งหวังผลกำไร แต่มีการเก็บเงินคนไข้
เช่น รพ กรุงเทพคริสเตียน รพ หัวเฉียว รพ เซนต์หลุยส์
ส่วนที่ 1 Government health servicesและ 2 Private medical sectorแบ่งออกเป็น
Cash & Insurance ซึ่งแบ่งได้เป็น Premium , Mid-tier
Managed care schemes (สวัสดิการภาครัฐ) ( ข้อมูลปีล่าสุด คือ ปี 56)
แบ่งเป็น
1.ประกันสังคม คิดเป็น 74.4% รพเอกชน เข้าร่วม 36 แห่ง
2.บัตรทอง 30 บาท คิดเป็น 15.4% รพเอกชน เข้าร่วม 36 แห่ง
3.สวัสดิการข้าราชการ หรือ ข้าราชการบำนาญรัฐวิสาหกิจ คิดเป็น 8.6% รพ เอกชนเข้าร่วม 216 แห่ง
จุดสังเกตว่า รพ เอกชน เข้าร่วมโครงการประกันสังคม มากกว่า บัตรทอง เพราะได้ค่าเหมาจ่ายสูงกว่า
ค่าใช้จ่ายดูแลสุขภาพในปี 47-56
ส่วนภาครัฐ โต 13% ต่อปี
ภาคเอกชน ประกันสุขภาพ โต 11.3% ต่อปีก สอดคล้องกับประชากรที่มีประกันสุขภาพโต 12.7% ต่อปี
และเบี้ยประกันสุขภาพ CAGR 13.4% ต่อปี
ปัจจัยบวกต่อธุรกิจ รพ
1. การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างประชากรและอายุเฉลี่ยที่สูงขึ้น
2. การเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้มีรายได้ระดับปานกลาง
3. การขยายตัวของชุมชนเมือง
4. จำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษามากขึ้น
5. การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยต่างชาติ
ปัจจัยเสี่ยงต่อธุรกิจ รพ
1. ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ทำให้ผู้มีรายได้ปานกลางอาจเลือกใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลจากภาครัฐแทน
2. การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ไทยมีแพทย์ 4 คน ต่อประชากร 10,000 คน เทียบกับสิงคโปร์ 19 คน
3. แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรง มีโรงพยาบาลจะเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกหลายแห่ง
วิธีการรับรู้รายได้
1.สำหรับประกันสังคมมีการจ่ายผลตอบแทนให้กับโรงพยาบาล แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
1. Fixed payment
2. Statistics
2.1 IPD AdjRW>=2 , AdjRW<2
2.2 OPD เฉพาะ 26 โรคร้ายแรง
3. Per Special Medical Service
ประกันสังคมปรับเรื่องการจ่ายผลประโยชน์ให้กับโรงพยาบาลมากขึ้น มีผล 1 กค 17
รายการที่ปรับมี 4 ข้อ คือ
1. เหมาจ่ายรายหัว Fixed paymentเพิ่มจาก 1,460 บาท เป็น 1,500 บาท ต่อ คน ต่อปี
โรงพยาบาลที่สามารถยกระดับการรักษาโรคยากเป็น HA Level II จะได้เพิ่มอีก คนละ 40 บาทต่อปี
ถ้าเพิ่มเป็นHA Level III จะได้เพิ่มอีก คนละ 80 บาทต่อปี
( HA เป็นมาตรฐานของโรงพยาบาลไทย )
2. การบันทึกโรคยากซับซ้อนสูงจะได้เพิ่มขึ้นอีกถ้าเป็นเคสIPD
Adj มากกว่าหรือเท่ากับ 2 เป็นโรคซับซ้อน จะได้เฉลี่ย 10,000 บาทต่อ RW
Adj น้อยกว่า 2 หรือ เป็นเคส OPD 26 โรคร้ายแรง จะได้เฉลี่ย 432 บาท ต่อคนต่อปี
3. สำหรับการใช้เครื่องมือพิเศษ จะคิดจากรายได้หารด้วยจำนวนผู้ใช้บริการจริง
4.case บางอันค่ารักษาเกิน 1ล้านบาท ส่วนที่เกินเบิกได้ 80% ซึ่งช่วย รพ ได้มาก แต่เคสที่เจอะไม่ค่อยเยอะ
2. วิธีรับรู้รายได้สำหรับผู้ป่วยเงินสด
รายได้ผู้ป่วย OPD=Number of OPD visits per day * revenue per visit
รายได้ผู้ป่วย IPD=Average daily census * revenue per admission
สุดท้ายขอขอบคุณ หทัยชนก มูลวงศ์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล Phillip ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2808
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2809
ภาพบรรยากาศและสรุปสัมมนาMoneytalk@set 18/6/17
https://www.facebook.com/MoneyTalkTV/po ... 6237801856
https://www.facebook.com/MoneyTalkTV/po ... 6237801856
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2810
แวบมาขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ยังเข้ามาโพสให้ห้องคึกคักครับ
ตั้งแต่มีพี่ anilee, พี่amornkowa ห้องหาดใหญ่ก็ดูมีองค์ความรู้ขึ้นมาทีเดียวครับ
ปล.เด็กมันใสซื่อเนอะ คิดไงก็พูดแบบนั้น 555555
ตั้งแต่มีพี่ anilee, พี่amornkowa ห้องหาดใหญ่ก็ดูมีองค์ความรู้ขึ้นมาทีเดียวครับ
ปล.เด็กมันใสซื่อเนอะ คิดไงก็พูดแบบนั้น 555555
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
You only live once, but if you do it right, once is enough.
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2812
romee เขียน:แวบมาขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ยังเข้ามาโพสให้ห้องคึกคักครับ
ตั้งแต่มีพี่ anilee, พี่amornkowa ห้องหาดใหญ่ก็ดูมีองค์ความรู้ขึ้นมาทีเดียวครับ
ปล.เด็กมันใสซื่อเนอะ คิดไงก็พูดแบบนั้น 555555
แต่เดิม ห้องหาดใหญ่ ก็มีองค์ความรู้มากมายอยู่แล้วนะครับ ผมไล่อ่านตั้งแต่หน้าแรกหมดแล้วครับ
พี่ๆ แต่ละท่าน ล้วนเก่งมากๆ ทั้งนั้นครับ ผมแค่มีโอกาสได้มาแชร์ข้อมูลให้เท่านั้นเองครับ ตามรอยพี่ๆ ที่เคยทำไว้ดีแล้ว โดยเฉพาะพี่หมอหนึ่งครับ พี่ Romee เองก็สุดยอดเช่นกันนะครับ ต้องหาโอกาสดูดความรู้จากพี่ๆ ทั้งหลายครับ
ปล มือใหม่หัดลงทุน ฮ่าๆๆๆๆ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2813
ผมยังมือใหม่เหมือนกันขอฝากตัวด้วยเหมือนพี่เปี๊ยก
เมื่อวันก่อนได้ไปฟังAIS พูดที่ asiaplusเลยนำมาฝากครับ
Q: มองการแข่งขันเป็นอย่างไร ตัวเลขการตลาดจุดไหนเริ่มเห็นการย่อลดลง
A: การแข่งขันไม่ได้ขึ้นกับAISคนเดียว การsupportเครื่องของเราลดลง การเติบโตของprepaidเพิ่มขึ้น
ต่ำกว่าคู่แข่ง แต่ยังไม่ได้โต้ตอบ มาดูผลกระทบกับสเกลของเราก่อน เรามีฐานลูกค้าถึงจุดนึงไม่คุ้ม ถึงจะโต้ตอบ
เห็น true subsidize เครื่องในระบบเติมเงินและรายเดือน dtacก็ยังทำอยู่
เราจะset ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด 2.5%ของรายได้ ปกติก็จะเกินเพราะมีค่า phone subsidizeด้วย
ตอนนี้ ลูกค้า prepaid/net add ลดลง แต่ยังไม่กระทบรายได้ ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆก็จะกระทบต่อรายได้
แต่ prepaidเป็นตลาดใหญ่ 75%ของทั้งหมด เราละเลยไม่ได้ ยังmonitorต่อไป
Q: มองcontentช่วยเรื่องsubsidizeหรือไม่
A: เป็นการสร้างความแตกต่างสำหรับ กลุ่ม high end , medium end เราสร้างความแตกต่างด้วยคุณภาพการบริการ
ลูกค้าเซเลเนดทำให้เราผ่านวิกฤตที่ไม่มี4Gมาได้ ก็เพราะเรื่องสิทธิพิเศษ
Q:รายได้serviceใหม่ในแง่รายได้ กำไร ชัดเจนในช่วงไหน
A: HBO ใช้งานไม่มาก เราทดลองตลาด ไม่ได้ bundleไปกับตลาด รายได้ยังไม่ชัดเจนในปีนี้
Q: สอบถามเรื่อง โครงสร้างรายได้ของ HBO กับ Netflix
A: cost HBO มี Fix cost เป็นประกันรายได้ขั้นต่ำ แต่ Netflix เป็น Revenue sharing
Q: เราจะลงทุนหรือเช่าโครงข่าย ในอนาคต
A: เรามองอยู่ การสร้างโครงข่ายสำหรับเรา เรามีnodeในเมืองห่างกันไม่เกิน1กมระยะทางไม่ไกลมาก
สามารถเลือกจุดไหนลากเข้าบ้านลูกค้าได้
Q: เรามีโอกาสทำ Infra fund หรือไม่
A: ต้นทุนเราอยู่ที่3% แต่infraต้องจ่ายสูงกว่า และ มีคนเช่าคือเราเจ้าเดียว เลยไม่มีความจำเป็น
เมื่อวันก่อนได้ไปฟังAIS พูดที่ asiaplusเลยนำมาฝากครับ
Q: มองการแข่งขันเป็นอย่างไร ตัวเลขการตลาดจุดไหนเริ่มเห็นการย่อลดลง
A: การแข่งขันไม่ได้ขึ้นกับAISคนเดียว การsupportเครื่องของเราลดลง การเติบโตของprepaidเพิ่มขึ้น
ต่ำกว่าคู่แข่ง แต่ยังไม่ได้โต้ตอบ มาดูผลกระทบกับสเกลของเราก่อน เรามีฐานลูกค้าถึงจุดนึงไม่คุ้ม ถึงจะโต้ตอบ
เห็น true subsidize เครื่องในระบบเติมเงินและรายเดือน dtacก็ยังทำอยู่
เราจะset ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด 2.5%ของรายได้ ปกติก็จะเกินเพราะมีค่า phone subsidizeด้วย
ตอนนี้ ลูกค้า prepaid/net add ลดลง แต่ยังไม่กระทบรายได้ ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆก็จะกระทบต่อรายได้
แต่ prepaidเป็นตลาดใหญ่ 75%ของทั้งหมด เราละเลยไม่ได้ ยังmonitorต่อไป
Q: มองcontentช่วยเรื่องsubsidizeหรือไม่
A: เป็นการสร้างความแตกต่างสำหรับ กลุ่ม high end , medium end เราสร้างความแตกต่างด้วยคุณภาพการบริการ
ลูกค้าเซเลเนดทำให้เราผ่านวิกฤตที่ไม่มี4Gมาได้ ก็เพราะเรื่องสิทธิพิเศษ
Q:รายได้serviceใหม่ในแง่รายได้ กำไร ชัดเจนในช่วงไหน
A: HBO ใช้งานไม่มาก เราทดลองตลาด ไม่ได้ bundleไปกับตลาด รายได้ยังไม่ชัดเจนในปีนี้
Q: สอบถามเรื่อง โครงสร้างรายได้ของ HBO กับ Netflix
A: cost HBO มี Fix cost เป็นประกันรายได้ขั้นต่ำ แต่ Netflix เป็น Revenue sharing
Q: เราจะลงทุนหรือเช่าโครงข่าย ในอนาคต
A: เรามองอยู่ การสร้างโครงข่ายสำหรับเรา เรามีnodeในเมืองห่างกันไม่เกิน1กมระยะทางไม่ไกลมาก
สามารถเลือกจุดไหนลากเข้าบ้านลูกค้าได้
Q: เรามีโอกาสทำ Infra fund หรือไม่
A: ต้นทุนเราอยู่ที่3% แต่infraต้องจ่ายสูงกว่า และ มีคนเช่าคือเราเจ้าเดียว เลยไม่มีความจำเป็น
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
- IndyVI
- Verified User
- โพสต์: 3530
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2815
ขอบคุณพี่ลูกหินที่ให้มุมมองและข้อคิดที่ดีมากครับ
และเหมือนที่พี่ลูกหินเคยเตือนเอาไว้
กับคนที่ปฏิบัติธรรม(บางคน) เราก็ต้องฟังหูไว้หูเหมือนกัน
และเหมือนที่พี่ลูกหินเคยเตือนเอาไว้
กับคนที่ปฏิบัติธรรม(บางคน) เราก็ต้องฟังหูไว้หูเหมือนกัน
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
Investment success doesn’t come from “buying good things,” but rather from “buying things well.
# Howard Mark #
# Howard Mark #
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2816
งานสัมมนาวิเคราะห์เจาะลึกหุ้นเด่นกลุ่มบริการและสินค้าอุตสาหกรรม
โดยคุณ สยาม ติยานนท์ บล ฟิลลิป ประเทศไทย
อุตสาหกรรม TV Digital หลังจากเปิดประมูลเมื่อปลายปี56 และเริ่มออกอากาศ
วันที่ 1 เมษายน 2557 ช่องทีวีจาก 6 ช่อง บวกกับช่องใหม่อีก 24 ช่องรวมเป็น 30 ช่อง
Demand เท่าเดิม แต่ supplyเพิ่มอีก 24 ช่อง คนดูทีวีเท่าเดิม ก็เกิดการแข่งขันกันสูง
ช่วง Q4 16 มีการหยุดออกอากาศมากกว่า 1 เดือน ทำให้ผลประกอบการลดลง
ต้นปี 60 ภาพรวมดีขึ้น agencyมองว่ายังดี แต่กำลังซื้อชะลอตัวลง เม็ดเงินโฆษณาลดลง6%
คนในอุตสาหกรรมโฆษณาคิดว่าชะลอตัวลงจนถึงกันยายน และจะโตโดดเด่นในQ4
ส่วนปีหน้า แนวโน้มเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น กำลังซื้อค่อยๆกลับมา อุตสาหกรรมทีวีจะค่อยๆกลับมา
หลังจากทีวีดิจิตอลโตมาตลอด โดย Rating WP,Mono,RS อยู่อันดับต้นของอุตสาหกรรม
หุ้น workpoint เป็นช่องแรกที่มีกำไร และ MONO เริ่มจะมีกำไรในQ1 17
ตัวถัดไปนักวิเคราะห์มองว่าเป็น RS ซึ่งได้Ratingอันดับที่5 = 0.5-0.6
รายการที่เป็นจุดเด่นคือ ละคร กีฬามวย วาไรตี้ ซึ่งมีเม็ดเงินเข้ามาโฆษณาสูงขึ้น
แถมยังมีสื่อประเภทอื่นขายเป็นแพตเกต เช่น ทีวีดาวเทียม และ รายการวิทยุ
ช่วงปี58 มีผู้ผลิตสินค้าเสริมความงามมาเช่าเวลา เพื่อโปรโมตสินค้า เห็นว่าดี
เลยลองทำดู ซึ่งปีแรกรายได้กว่า 200 ล้านบาท ปีที่2รายได้ทรงตัวไปมุ่งmodern trade
ไม่ได้ตามเป้า และ ใช้งบโฆษณาสูง ขาดทุนจากการดำเนินงาน
ส่วนปีนี้ภาพกลับกัน
รายได้ในส่วน H&B ในQ1 199 ลบซึ่งดีกว่าเดิมคือทั้งปี16 ได้แค่ 230 ลบ
ส่วนQ2น่าจะได้มากขึ้นกว่าQ2 16
ตอนนี้ผู้บริหารปรับเป้ารายได้ส่วน H&B เป็น 1,100 ลบในปีนี้
โดย สินค้าในหมวดนี้จะเพิ่มจาก 7 SKU เป็น 15 SKU
ส่วน call center เพิ่มคนจาก 40 เป็น 250 คนเพื่อรองรับลูกค้า
ส่วนGP 70% NP 20% ซึ่งบริษัทยังขายสินค้าน้อยเมื่อคิดถึงมูลค่าอุตสาหกรรมความงาน
2.8 แสนล้านบาท ถือว่าใหญ่สุดในอาเซียน
ธุรกิจใหม่น่าจะเป็นดาวเด่น ปีหน้าจะโดดเด่นทั้ง TV Digital และ H&B
ปีนี้ผลประกอบการน่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว รวมถึงภาพรวมก็เติบโตอย่างมีนัยยะ
โดยคุณ สยาม ติยานนท์ บล ฟิลลิป ประเทศไทย
อุตสาหกรรม TV Digital หลังจากเปิดประมูลเมื่อปลายปี56 และเริ่มออกอากาศ
วันที่ 1 เมษายน 2557 ช่องทีวีจาก 6 ช่อง บวกกับช่องใหม่อีก 24 ช่องรวมเป็น 30 ช่อง
Demand เท่าเดิม แต่ supplyเพิ่มอีก 24 ช่อง คนดูทีวีเท่าเดิม ก็เกิดการแข่งขันกันสูง
ช่วง Q4 16 มีการหยุดออกอากาศมากกว่า 1 เดือน ทำให้ผลประกอบการลดลง
ต้นปี 60 ภาพรวมดีขึ้น agencyมองว่ายังดี แต่กำลังซื้อชะลอตัวลง เม็ดเงินโฆษณาลดลง6%
คนในอุตสาหกรรมโฆษณาคิดว่าชะลอตัวลงจนถึงกันยายน และจะโตโดดเด่นในQ4
ส่วนปีหน้า แนวโน้มเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น กำลังซื้อค่อยๆกลับมา อุตสาหกรรมทีวีจะค่อยๆกลับมา
หลังจากทีวีดิจิตอลโตมาตลอด โดย Rating WP,Mono,RS อยู่อันดับต้นของอุตสาหกรรม
หุ้น workpoint เป็นช่องแรกที่มีกำไร และ MONO เริ่มจะมีกำไรในQ1 17
ตัวถัดไปนักวิเคราะห์มองว่าเป็น RS ซึ่งได้Ratingอันดับที่5 = 0.5-0.6
รายการที่เป็นจุดเด่นคือ ละคร กีฬามวย วาไรตี้ ซึ่งมีเม็ดเงินเข้ามาโฆษณาสูงขึ้น
แถมยังมีสื่อประเภทอื่นขายเป็นแพตเกต เช่น ทีวีดาวเทียม และ รายการวิทยุ
ช่วงปี58 มีผู้ผลิตสินค้าเสริมความงามมาเช่าเวลา เพื่อโปรโมตสินค้า เห็นว่าดี
เลยลองทำดู ซึ่งปีแรกรายได้กว่า 200 ล้านบาท ปีที่2รายได้ทรงตัวไปมุ่งmodern trade
ไม่ได้ตามเป้า และ ใช้งบโฆษณาสูง ขาดทุนจากการดำเนินงาน
ส่วนปีนี้ภาพกลับกัน
รายได้ในส่วน H&B ในQ1 199 ลบซึ่งดีกว่าเดิมคือทั้งปี16 ได้แค่ 230 ลบ
ส่วนQ2น่าจะได้มากขึ้นกว่าQ2 16
ตอนนี้ผู้บริหารปรับเป้ารายได้ส่วน H&B เป็น 1,100 ลบในปีนี้
โดย สินค้าในหมวดนี้จะเพิ่มจาก 7 SKU เป็น 15 SKU
ส่วน call center เพิ่มคนจาก 40 เป็น 250 คนเพื่อรองรับลูกค้า
ส่วนGP 70% NP 20% ซึ่งบริษัทยังขายสินค้าน้อยเมื่อคิดถึงมูลค่าอุตสาหกรรมความงาน
2.8 แสนล้านบาท ถือว่าใหญ่สุดในอาเซียน
ธุรกิจใหม่น่าจะเป็นดาวเด่น ปีหน้าจะโดดเด่นทั้ง TV Digital และ H&B
ปีนี้ผลประกอบการน่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว รวมถึงภาพรวมก็เติบโตอย่างมีนัยยะ
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2817
คุณประชา งานธนชาติ 25-6-60
1.ดูroe roicเป็นหลัก roeสูงแต่หนี้ต่ำไม่นับเจ้าหนี้การค้า
ดูปัจจุบันสะท้อนไปรึยัง อนาคตจะดีขึ้นอีกไหม
ไส้ในดูการใช้cap.เทียบด้วย เคสbdms bgh bh
ตอนนั้นbdms10%ค่าเสื่อมของrev เจ้าอื่น5% เพราะลงทุนเยอะโอกาสมีช่องให้ไปอีก
Roeต่ำต้องวิเคราะห์ อาจจะมีเงินสดเยอะไป จริงๆกี่ปีคืนทุนคือroeของเค้า nature จริงๆเช่น 7 3ปีคืนทุนอันนี้คือroeจริงๆ
2.ดูcash cycle / cash flow กำไรโตเงินไม่เข้าไม่โอ ต้องเก็บลูกหนี้ได้ด้วยไม่งั้นมันจะไม่ยั่งยืน
กระแสเงินสดดีสอดคล้องcash cycle
ถ้าต้องกู้ในการขยายโอกาสขยายจะไปได้ช้ากว่าความแตกต่างจะเกิด และโอกาสปันผลได้มากกว่า
การมีcycleดีถึงจะบวกอ่อนก็น่าสนใจความเสี่ยงก็จะน้อยกว่า
กรณีตัวอย่าง tkn ว่าตอนนั้นมองยังไง แชร์มุมมอง
มองผบห.คาแรคเตอร์น่าสนใจสู้งาน
อ่านfilling ชอบ1.roeสูง 2.cash cycle ลบแกมองหายากเพราะเทียบเจ้าอื่ยอย่าง tf sauce พวกนี้บวก60-70วันแปลว่าพึ่งพาmodern tradeเยอะมาก แต่tknบวกอ่อน ดีสุดเป็นเบอร์2ของconsumer product
ยอดขายในจีนโตดีมาก
ดูคุณภาพผบห. เคสนี้มองดีมาก
มองหาธุรกิจที่มีโอกาสดีกว่าค่าเฉลี่ย potential ตอนนั้นมีโอกาสดีกว่าไหม
ที่cycleดีเพราะขยับจาก7มาส่งออก เพราะส่งออกรับเงินสด ตอนนี้สัดส่วน7 23%ที่เหลือtraditional กับexport
ศึกษาธุรกิจ ว่าจะมีใช้อย่างต่อเนื่องไหม
ทำการเทียบขนมในอุต เลย์กะของคนไทย แล้วดูnature ของธุรกิจ
ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ดี ให้ผบห.ไม่บุ่มบ่าม ถ้าหาโปรดักดีได้เหลือที่mkt distributed
เคสผิดพลาด aot
ถ้าหุ้นดีtarget เป็นเรื่องรอง ถือไปเรื่อยๆจนอิ่มตัว หรือเจออะไรที่ไม่ดีแล้ว
หุ้นจะทำนิวไฮได้กำไรต้องนิวไฮแน่นอน
พัฒนาความรู้ตลอดเวลา ศึกษาธรรมชาติธุรกิจให้ท่องแท้ เวลามองภาพให้เห็นคร่าวๆ3ปี
มองดาวไซก่อน ถ้าพลาดจะโดนยังไง ยั่งยืนแค่ไหน
ใช้จุดแข็งของเราทุกคนที่มี supply เป็นยังไง
มองแบงค์ ความเสี่ยงมีcycle nplกำไรหดตัวโอกาสเสี่ยงตลอด ประกันเสี่ยงน้อยกว่าการจัดการดีภาพใหญ่ดูดี
รีวิวหลักการ เรื่อยๆ สงสัยความเชื่อของตัวเอง ไม่มีสูตรสำเร็จ พัฒนาตัวเองหาความรู้ตลอดเวลา จะเกิดวิวัฒนาการของตัวเราเอง ไม่ประมาทความเชื่อเดิม
Cr page อ่านและแชร์หุ้น
1.ดูroe roicเป็นหลัก roeสูงแต่หนี้ต่ำไม่นับเจ้าหนี้การค้า
ดูปัจจุบันสะท้อนไปรึยัง อนาคตจะดีขึ้นอีกไหม
ไส้ในดูการใช้cap.เทียบด้วย เคสbdms bgh bh
ตอนนั้นbdms10%ค่าเสื่อมของrev เจ้าอื่น5% เพราะลงทุนเยอะโอกาสมีช่องให้ไปอีก
Roeต่ำต้องวิเคราะห์ อาจจะมีเงินสดเยอะไป จริงๆกี่ปีคืนทุนคือroeของเค้า nature จริงๆเช่น 7 3ปีคืนทุนอันนี้คือroeจริงๆ
2.ดูcash cycle / cash flow กำไรโตเงินไม่เข้าไม่โอ ต้องเก็บลูกหนี้ได้ด้วยไม่งั้นมันจะไม่ยั่งยืน
กระแสเงินสดดีสอดคล้องcash cycle
ถ้าต้องกู้ในการขยายโอกาสขยายจะไปได้ช้ากว่าความแตกต่างจะเกิด และโอกาสปันผลได้มากกว่า
การมีcycleดีถึงจะบวกอ่อนก็น่าสนใจความเสี่ยงก็จะน้อยกว่า
กรณีตัวอย่าง tkn ว่าตอนนั้นมองยังไง แชร์มุมมอง
มองผบห.คาแรคเตอร์น่าสนใจสู้งาน
อ่านfilling ชอบ1.roeสูง 2.cash cycle ลบแกมองหายากเพราะเทียบเจ้าอื่ยอย่าง tf sauce พวกนี้บวก60-70วันแปลว่าพึ่งพาmodern tradeเยอะมาก แต่tknบวกอ่อน ดีสุดเป็นเบอร์2ของconsumer product
ยอดขายในจีนโตดีมาก
ดูคุณภาพผบห. เคสนี้มองดีมาก
มองหาธุรกิจที่มีโอกาสดีกว่าค่าเฉลี่ย potential ตอนนั้นมีโอกาสดีกว่าไหม
ที่cycleดีเพราะขยับจาก7มาส่งออก เพราะส่งออกรับเงินสด ตอนนี้สัดส่วน7 23%ที่เหลือtraditional กับexport
ศึกษาธุรกิจ ว่าจะมีใช้อย่างต่อเนื่องไหม
ทำการเทียบขนมในอุต เลย์กะของคนไทย แล้วดูnature ของธุรกิจ
ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ดี ให้ผบห.ไม่บุ่มบ่าม ถ้าหาโปรดักดีได้เหลือที่mkt distributed
เคสผิดพลาด aot
ถ้าหุ้นดีtarget เป็นเรื่องรอง ถือไปเรื่อยๆจนอิ่มตัว หรือเจออะไรที่ไม่ดีแล้ว
หุ้นจะทำนิวไฮได้กำไรต้องนิวไฮแน่นอน
พัฒนาความรู้ตลอดเวลา ศึกษาธรรมชาติธุรกิจให้ท่องแท้ เวลามองภาพให้เห็นคร่าวๆ3ปี
มองดาวไซก่อน ถ้าพลาดจะโดนยังไง ยั่งยืนแค่ไหน
ใช้จุดแข็งของเราทุกคนที่มี supply เป็นยังไง
มองแบงค์ ความเสี่ยงมีcycle nplกำไรหดตัวโอกาสเสี่ยงตลอด ประกันเสี่ยงน้อยกว่าการจัดการดีภาพใหญ่ดูดี
รีวิวหลักการ เรื่อยๆ สงสัยความเชื่อของตัวเอง ไม่มีสูตรสำเร็จ พัฒนาตัวเองหาความรู้ตลอดเวลา จะเกิดวิวัฒนาการของตัวเราเอง ไม่ประมาทความเชื่อเดิม
Cr page อ่านและแชร์หุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2818
คุณเบน หยวนต้ากำลังแนะนำหุ้น TKS: Top pick in SMID Cap.
ดร. วิศิษฐ์: macro trend 7 กลุ่ม outperform
ดร. show Utility index -- Manufacturing->export->stocking->steel->container
Export leads to private investment
คุณสยาม: ยกหุ้นกลุ่ม TV Digital
TKS ถือ SYNNEX 38% ลูกดีมาก, TKS พิมพ์กระดาษพิเศษ พิมพ์บัตรเลือกตั้งปีหน้า, พิมพ์ฉลาก label กับไลน์การผลิตลูกค้า จึ้น commercial 3Q, งาน IT ลาว รับรู้ปีหน้า, สรุป ลูกค้า outperform กำไรดีมาตลอด จากนี้ไปแม่ turnaround จะโต 30-35%, PE 12x
SYNNEX PE 20x, choice คือซื้อ TKS ที่ของเหมือนกันแม้ไม่ 100%
ราคาตลาด 13.7
TP 17.4
คุณสยาม: แนะ RS สื่อฟื้นตัว + ธุรกิจความงามสุขภาพโดดเด่น 2 ธุรกิจหลักรวม 80-90%
สื่อ: รายได้หลักมาจากช่อง 8 rating อันดับ 5 รองจาก WORK, MONO ซึ่ง B/E ไปก่อน คาด RS จะตามมา
ความงาม: เริ่ม 2558 จากการทดลอง เห็นผู้ผลิตสินค้าความงามมาเช้าเวลา และ Call Center เลยลองทำ ปีแรกได้กำไรมา 200 ล้านบาท ปีที่สองไปลง modern trade ไม่ได้ตามเป้า และขาดทุน มาปีนี้ปรับใหม่ ไตรมาสแรกไตรมาสเดียวได้มา 199 ล้าน คาดครึ่งปีได้ 300 ผู้บริหารจึงได้ปรับเป้าอย่าง Aggressive มาก ปรับทั้งปี เป็น 1,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปได้ เพิ่ม 15 SKU (สินค้าย่อย) Call center รับคนจาก 40 คน เป็น 250 คน โตเร็วและค่อนข้างสูง margin 70% net margin 25-30%
สรุป ธุรกิจใหม่ RS ดาวเด่นปีนี้ได้แก่ สุขภาพและความงาม
ราคาพื้นฐาน: เต็มมูลค่าแล้ว เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาขึ้นจนเกินเป้าหมาย
ดร วิศิษฐ์: ให้ดู slide หาหุ้น outperform
ให้ดู ROE, Dividend yields, PE ทำ ranking
กลุ่มอาหาร outperform ได้ตัว ASAIN
กลุ่ม property มีหลายบริษัท ที่ราคาขึ้นมา 10%
อ. เห็น VNT Yield 5.8, ROE 11.1, EPS growth 65%
ข้อมูล ณ เมื่อวาน VNT ranking ขึ้นมาเป็นอันดับ 2
อ. อธิบาย เคมีภัณฑ์ของ VNT ทั้ง PVC และ Ethelene ที่ราคา correlation กับ oil 80%
กำลังอธิบายสถานการณ์ PVC ในจีนที่หายไป เชื่อว่า PVC จะ outperform
ตอนนี้กำลังพูดถึง caustic soda ที่อยู่ในอุตสาหกรรมดูดความชื้น Textile, Pulp and paper
ซึ่ง supply chain นี้กำลังขาดแคลน
อ.ตั่งข้อสังเกตว่า กลุ่มนี้น่าจะได้ประโยชน์ จากการที่ราคา PVC เพิ่มขึ้น และ Caustic Soda เพิ่มขึ้น
สรุป VNT ราคา under value
Market cap THB 23 bn, Enterprise value THB 21 bn ธุรกิจ VNT เป็น net cash
คุณเบน: มองตลาดครึ่งปีหลังจะกลับตัวขึ้นไป แต่ไม่มาก 1,680
ความเชื่อมั่นจาก Thailand big strategic move.
ดร วิศิษฐ์: ปีนี้ตลาดให้ผลตอบแทนเพียง 2.6% เทียบ TIP 9% ซึ่ง under และ sideway ยาว สิ่งที่จะทำให้ตลาด sideway ต่อเพราะราคาน้ำมันที่ลง ทำให้เกิดการ mark to market อ.แนะนำให้ selective และระวัง tail risks หากทาง US เกิดอะไรขึ้น ตลาดจะ pricing เร็ว ให้ระวังใน Q3
จบการสัมมนา. Cr. @Kittipoom 24/6/2017 บันทึกงานสัมมนา เวลานี้เหมาะซื้อหุ้นหรือยัง วิทยากร ดร.วิศิษฐ์ และ คุณเบน มยุรี
Cr:คุณหน่อง
Chakkarin
ดร. วิศิษฐ์: macro trend 7 กลุ่ม outperform
ดร. show Utility index -- Manufacturing->export->stocking->steel->container
Export leads to private investment
คุณสยาม: ยกหุ้นกลุ่ม TV Digital
TKS ถือ SYNNEX 38% ลูกดีมาก, TKS พิมพ์กระดาษพิเศษ พิมพ์บัตรเลือกตั้งปีหน้า, พิมพ์ฉลาก label กับไลน์การผลิตลูกค้า จึ้น commercial 3Q, งาน IT ลาว รับรู้ปีหน้า, สรุป ลูกค้า outperform กำไรดีมาตลอด จากนี้ไปแม่ turnaround จะโต 30-35%, PE 12x
SYNNEX PE 20x, choice คือซื้อ TKS ที่ของเหมือนกันแม้ไม่ 100%
ราคาตลาด 13.7
TP 17.4
คุณสยาม: แนะ RS สื่อฟื้นตัว + ธุรกิจความงามสุขภาพโดดเด่น 2 ธุรกิจหลักรวม 80-90%
สื่อ: รายได้หลักมาจากช่อง 8 rating อันดับ 5 รองจาก WORK, MONO ซึ่ง B/E ไปก่อน คาด RS จะตามมา
ความงาม: เริ่ม 2558 จากการทดลอง เห็นผู้ผลิตสินค้าความงามมาเช้าเวลา และ Call Center เลยลองทำ ปีแรกได้กำไรมา 200 ล้านบาท ปีที่สองไปลง modern trade ไม่ได้ตามเป้า และขาดทุน มาปีนี้ปรับใหม่ ไตรมาสแรกไตรมาสเดียวได้มา 199 ล้าน คาดครึ่งปีได้ 300 ผู้บริหารจึงได้ปรับเป้าอย่าง Aggressive มาก ปรับทั้งปี เป็น 1,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปได้ เพิ่ม 15 SKU (สินค้าย่อย) Call center รับคนจาก 40 คน เป็น 250 คน โตเร็วและค่อนข้างสูง margin 70% net margin 25-30%
สรุป ธุรกิจใหม่ RS ดาวเด่นปีนี้ได้แก่ สุขภาพและความงาม
ราคาพื้นฐาน: เต็มมูลค่าแล้ว เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาขึ้นจนเกินเป้าหมาย
ดร วิศิษฐ์: ให้ดู slide หาหุ้น outperform
ให้ดู ROE, Dividend yields, PE ทำ ranking
กลุ่มอาหาร outperform ได้ตัว ASAIN
กลุ่ม property มีหลายบริษัท ที่ราคาขึ้นมา 10%
อ. เห็น VNT Yield 5.8, ROE 11.1, EPS growth 65%
ข้อมูล ณ เมื่อวาน VNT ranking ขึ้นมาเป็นอันดับ 2
อ. อธิบาย เคมีภัณฑ์ของ VNT ทั้ง PVC และ Ethelene ที่ราคา correlation กับ oil 80%
กำลังอธิบายสถานการณ์ PVC ในจีนที่หายไป เชื่อว่า PVC จะ outperform
ตอนนี้กำลังพูดถึง caustic soda ที่อยู่ในอุตสาหกรรมดูดความชื้น Textile, Pulp and paper
ซึ่ง supply chain นี้กำลังขาดแคลน
อ.ตั่งข้อสังเกตว่า กลุ่มนี้น่าจะได้ประโยชน์ จากการที่ราคา PVC เพิ่มขึ้น และ Caustic Soda เพิ่มขึ้น
สรุป VNT ราคา under value
Market cap THB 23 bn, Enterprise value THB 21 bn ธุรกิจ VNT เป็น net cash
คุณเบน: มองตลาดครึ่งปีหลังจะกลับตัวขึ้นไป แต่ไม่มาก 1,680
ความเชื่อมั่นจาก Thailand big strategic move.
ดร วิศิษฐ์: ปีนี้ตลาดให้ผลตอบแทนเพียง 2.6% เทียบ TIP 9% ซึ่ง under และ sideway ยาว สิ่งที่จะทำให้ตลาด sideway ต่อเพราะราคาน้ำมันที่ลง ทำให้เกิดการ mark to market อ.แนะนำให้ selective และระวัง tail risks หากทาง US เกิดอะไรขึ้น ตลาดจะ pricing เร็ว ให้ระวังใน Q3
จบการสัมมนา. Cr. @Kittipoom 24/6/2017 บันทึกงานสัมมนา เวลานี้เหมาะซื้อหุ้นหรือยัง วิทยากร ดร.วิศิษฐ์ และ คุณเบน มยุรี
Cr:คุณหน่อง
Chakkarin
-
- Verified User
- โพสต์: 2195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2819
สัมมนา ดร กอบศักดิ์ ผู้ริเริ่ม EEC
ที่มาของประเทศไทย 4.0
-GDP และ Export ลดลงมาตลอด ในช่วงที่ผ่านมา นั่นเป็นเพราะ ประเทศไทย ขายของล้าสมัย ถ้าเทียบกับบริษัท ก็เหมือน ไทย เราเป็น Nokia เป็น Blackberry ขายของไม่ค่อยออก ทำให้ Export ลดลงมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา
-ถ้าเปรียบกับ การประกวดนางงาม ประเทศไทย เปรียบเสมือน ผู้หญิงวัยกลางคนแล้ว เดี๋ยวนี้ Investors เค้าสนใจไปลงทุนใน จีน, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ลาว, พม่า ฯลฯ กันมากกว่า
ต้องทำอะไรเพิ่มบ้าง??
-ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
*ช่วงที่ผ่านมา ดีเลย์ มาตลอด เพราะ เกิด กีฬาสี / การเมือง
-Advance and Innovative industries
-เรากินบุญเก่ามาตลอด มีแต่อุตฯ เดิมๆ เช่น ปิโตรเคมี , ยานยนต์ , อิเล็กทรอนิกส์
-ดังนั้นเราต้องสร้างอุตฯ ดาวรุ่งใหม่ๆ ขึ้นมา โดยเฉพาะบน พื้นที่ EEC
-Better Livelihood of Our People Local Economy and HRD
-New Set of Laws and Institutions
กฏหมายยังโบราณ ฉุดการเติบโต เศรษฐกิจของบ้านเรา
จุดแข็ง/โอกาส ของประเทศไทยคืออะไร??
-เราเป็นประตูสู่อาเซียน 230 ล้านคน (CLMV + Thailand) เราเป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียน
note ไว้ว่า เราส่งออกไป CLMV แทบจะเยอะที่สุดแล้ว (ถ้ารวมรายการนอกบัญชีอีก เราคิดว่า เยอะที่สุด แน่ๆ)
-บังคลาเทศ 160 ล้านคน ก็ไม่ถูกกับ เมียนม่า และ อินเดีย >> นี่ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาส ที่เค้าจะมาร่วม และเชื่อมกับ CLMV + Thailand >> รวมเป็น 400 ล้านคน
-รัฐบาลนำเรื่องนี้ไปขาย story กับ Foreign Investors จะชอบเรื่องนี้กันมาก เพราะ ตลาดมันใหญ่มากจริงๆ
-เราเป็นส่วนที่สำคัญ ของนโยบาย One Belt One Road ของ จีน
รถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เป็นส่วนสำคัญ ของนโยบายนี้ของจีน เพราะ เชื่อมไปกับ จีน (ลาว เริ่มก่อสร้างแล้ว ) >> และจะเชื่อม มาบกะเบา มา แหลมฉบัง ด้วย >>> ถ้าสำเร็จเสร็จสิ้น มันจะเชื่อมจาก London มา China มา Laos มา Thailand >> Malaysia
-ถนน Indochina มีการเชื่อมกันเป็นใยแมงมุม กันมากขึ้นเยอะมาก เช่น เส้น R3A , R12 (นครพนม ไป เวียดนาม ชายฝั่ง ห่างเพียง 270km ) ฯลฯ
-นครพนม สามารถส่งออกได้ 100bn/ปี !!! ภายหลัง สะพาน ไทย - ลาว สร้างเสร็จ และ R12 สร้างเสร็จ
เราทำอะไรไปแล้วบ้าง?? และกำลังจะทำอะไร อีกบ้าง??
-ประมูล 4G ไปแล้ว
-รถไฟทางคู่ 2 เส้น ก่อสร้างแล้ว (เป็น project แรกที่ bid ได้แล้ว construct ได้ทันทีใน 1 mth)
-หลังจาก ร.5 สิ้นไป 150 ปี สร้างรถไฟได้แค่ 75 km เท่านั้นเอง
แต่รัฐบาลนี้ approve ไปแล้ว 1,000km >> เอาเส้นทางเดิมมาทำเป็นทางคู่ เพื่อให้มันขนส่งสินค้าได้
-ในปี 2017F-18F รัฐบาลจะ approve เพิ่มเติมอีก 7 เส้นทาง 1,000km ซึ่งจะเป็นรถไฟทางคู่ เส้นทางใหม่ !! (ครั้งแรกในรอบ 150 ปี !!!)
-motorway 3 เส้น ก่อสร้างไปแล้ว
East-west corridor เริ่มแล้ว (วิ่งผ่าน ขอนแก่น, พิษณุโลก, แม่สอด) >> จะพลิกโฉม ศก. จังหวัดเหล่านี้ ถ้าสร้างเสร็จ
-กรุงเทพ-หนองคาย และ กรุงเทพ-ระยอง เตรียม เริ่ม bidding ในปี 2017-18F นี้
-เตรียมขยายสนามบินอีก 400bn กว่า เพราะปัจจุบันใช้เกิน capacity ไปปีละ 23 ล้านคน !! (อาจจะขยายเพิ่มในส่วน BKK phase 2 , กระบี่, อุดรธานี ฯลฯ)
-รถไฟฟ้า 10 เส้นทาง + รถไฟที่ตัดผ่านพื้นที่ชั้นใน กทม จะยกระดับทั้งหมด >> เพื่อลด ต้นทุนการเดินทาง ใน กรุงเทพฯ ลง
-โดยสรุป ก็คือ หลังจากที่พูดกันมาเป็นสิบปี มันเกิดขึ้นจริงแล้ว และจะยังทำมากขึ้นเรื่อยๆ !!
ทำไปเพื่ออะไร??
*เพื่อการเชื่อมโยง เพราะตอนนี้เราอยู่ระหว่าง การพัฒนาครั้งมโหฬารใน CLMV
-เกิดเมืองใหม่ๆ มากขึ้น เช่น
เชียงราย จะเป็นเมืองหน้าด่านกับ เมืองจีน
แม่ฮ่องสอน จะเชื่อม มัณฑะเล เป็นเมืองใหญ่ของ พม่า
แม่สอด เป็นประตู สู่ย่างกุ้ง
กาญจนบุรี กลายเป็นเมืองหน้าด่าน กับ พม่า เช่นกัน
พัทยา เป็นเมืองแห่ง Mice
ขอนแก่น เป็นเมืองแห่ง Bioeconomy
ฯลฯ
-เพื่อเป็นศูนย์กลางของ CLMV + thailand ประชากร รวมกันกว่า 230 ล้านคน (ถ้ารวมบังคลาเทศ ก็ 400 ล้านคน)
ตัวอย่าง เช่น บริษัท Minibea เดิมมีฐานผลิตอยู่ที่ไทย เพิ่งจะขยายไป พนมเปญ ที่ เขมร เพราะ ถนนหนทาง มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อผลิตสินค้า high value ที่ Thailand แล้วส่งไปประกอบ ที่ เขมร แทน
อีกตัวอย่างคือ กล้อง Nikon ก็นอกใจไทย ไปเปิดโรงงานที่ ลาว แล้วเช่นกัน
หรือ อย่าง บริษัทยานยนต์ , สิ่งทอ เค้าก็ไปเหมือนกัน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่มันต้องเกิดสำหรับประเทศที่จะก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ประเทศไทย ต้องยกระดับตัวเอง ขึ้นเป็น Thailand 4.0 ให้ได้ ผลิตสินค้า High value added
EEC คืออะไร??
*EEC คือประตูสู่อาเซียน และคนที่เข้ามาลงทุน จะได้ตลาด CLMV + บังคลาเทศ ด้วย ซึ่งเราต้องลง infrastructure เพื่อเชื่อมโยง ประเทศเหล่านี้ เป็น network เดียวกัน
*มันคือ Eastern Seaboard Season 2
*ข้อได้เปรียบ คือ เรามี อุตฯ ปิโตรเลียม + ชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตฯ ต้นน้ำ ไปพัฒนาสินค้าอื่นๆ ต่อได้อีกเยอะ
*จะ focus บนพื้นที่ แหลมฉบัง ท่าเรือสัตหีบ มาบตะพุด (ขนาดจะประมาณ 2x ของ SG) ไม่ถึงขนาด พื้นที่ทั้งหมด สามจังหวัด ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา
*หัวใจของ EEC คือสนามบินอู่ตะเภา (ที่ผ่านมา ทัพเรือ ไม่เคยอนุญาตซักที) >>
- One airport Two mission >> มีพื้นที่ 15k ไร่ จะแบ่งครึ่งๆ เพื่อ ความมั่นคง และ เพื่อ commercial (รถไฟความเร็วสูง จะวิ่งผ่านมาทางนี้ด้วย) >>
- Airbus มาขอจีบตลอดในช่วงที่ผ่านมา (เค้าบอกจะเอาศูนย์ซ่อมที่ทันสมัยที่สุด + โรงเรียนการบิน) >> บริษัทชิ้นส่วนอากาศยาน กว่า 10 แห่ง สนใจเข้ามาใน อู่ตะเภา
- สายการบิน จำนวนมหาศาล จะเข้ามาบนพื้นที่ อู่ตะเภา ข้อได้เปรียบคือ ประหยัดเวลาเยอะมาก ถ้ามาศูนย์ซ่อมบำรุงที่ อู่ตะเภา (แทนที่จะเป็น ชางฮี SG)
- เราไม่ได้สร้างสนามบิน แต่สร้าง เมืองแห่งการบิน ต่างห่าง (Sky city / Airport city / Aerotropolis) คือพัฒนาพื้นที่ commercial/ medical hub/ real estate นู่นนี่ เพิ่มเติมไปเลย เพื่อให้ Head office อยู่ใกล้ Airport ที่สุด ประหยัดเวลาได้เยอะมาก ฯลฯ
-อีกหน่อย นักท่องเที่ยว ที่จะไปหัวหิน สามารถมาลง อู่ตะเภา แล้วนั่งท่าเรือ สัตหีบ ไปหัวหิน ได้เลย ภายใน 1.5 ชม.
*อีกหัวใจนึง คือ "โครงการแหลมฉบัง Phase 3 " เพราะ ถ้าไม่ทำ ในอีก 5 ปี นี้ capacity จะเต็มแล้ว แต่ครั้งนี้เปลี่ยนแนวคิดด้วย จากเดิม เป็น container ให้เป็นท่าเรือ transhipment เพื่อเชื่อมโยงสินค้าจาก ท่าเรือแหลมฉบัง ไปยัง ชายแดน CLMV กระจายสินค้าได้ดี เหมือน ท่าเรือ rotterdam กระจายสินค้าให้ทางยุโรป
ความคืบหน้าอื่นๆ ของ EEC
*ล่าสุด Lazada จะสร้าง E-commerce park ซึ่งเป็นเรื่อง Logistics ที่ใหญ่ที่สุดใน EEC เพราะ ตรงนี้เป็นพื้นที่ ที่ดีที่สุดในการกระจายสินค้า (ส่วน digital park ค่อยเอาไปไว้ที่ มาเลเซีย)
*BMW จะเอา battery ไฟฟ้า มาผลิตที่ Thailand เป็นครั้งแรกที่เค้าเอก technology นี้ออกจาก germany มานอกประเทศ
*กำลังคุยญี่ปุ่น ให้มาลงทุน ในอุตฯ Robot
*กระทรวงวิทฯ เตรียมตั้ง ศูนย์วิจัย ใน EEC ที่ Wang chan Valley 3,000 ไร่ ซึ่งรัฐบาลอนุมัติให้ นักวิจัย + ผู้บริหาร จาก ตปท. จะเสียภาษีแค่ 15% ถ้าเข้ามาทำงานในไทย (vs คนไทย 35%)
โดยสรุป คือ
1.ในอดีต ไทย ตัดสินใจถูกสองเรื่องคือ
*ไทยตัดสินใจไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง ทำให้เรากลายเป็น hub ของยานยนต์
*ไทยตัดสินใจ ลงทุนปิโตรเคมี (ยุคโชติช่วงชัชวาลย์)
2.ไทย ต้องหารายได้ใหม่เข้าประเทศ
*แผนระยะสั้น >> focus 5 อุตฯ
*แผนระยะกลาง >> เป็น logistics hub ของ ASEAN
*แผนระยะยาว >> Advances in innovation & human resources
# HOME THIEN
ที่มาของประเทศไทย 4.0
-GDP และ Export ลดลงมาตลอด ในช่วงที่ผ่านมา นั่นเป็นเพราะ ประเทศไทย ขายของล้าสมัย ถ้าเทียบกับบริษัท ก็เหมือน ไทย เราเป็น Nokia เป็น Blackberry ขายของไม่ค่อยออก ทำให้ Export ลดลงมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา
-ถ้าเปรียบกับ การประกวดนางงาม ประเทศไทย เปรียบเสมือน ผู้หญิงวัยกลางคนแล้ว เดี๋ยวนี้ Investors เค้าสนใจไปลงทุนใน จีน, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ลาว, พม่า ฯลฯ กันมากกว่า
ต้องทำอะไรเพิ่มบ้าง??
-ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
*ช่วงที่ผ่านมา ดีเลย์ มาตลอด เพราะ เกิด กีฬาสี / การเมือง
-Advance and Innovative industries
-เรากินบุญเก่ามาตลอด มีแต่อุตฯ เดิมๆ เช่น ปิโตรเคมี , ยานยนต์ , อิเล็กทรอนิกส์
-ดังนั้นเราต้องสร้างอุตฯ ดาวรุ่งใหม่ๆ ขึ้นมา โดยเฉพาะบน พื้นที่ EEC
-Better Livelihood of Our People Local Economy and HRD
-New Set of Laws and Institutions
กฏหมายยังโบราณ ฉุดการเติบโต เศรษฐกิจของบ้านเรา
จุดแข็ง/โอกาส ของประเทศไทยคืออะไร??
-เราเป็นประตูสู่อาเซียน 230 ล้านคน (CLMV + Thailand) เราเป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียน
note ไว้ว่า เราส่งออกไป CLMV แทบจะเยอะที่สุดแล้ว (ถ้ารวมรายการนอกบัญชีอีก เราคิดว่า เยอะที่สุด แน่ๆ)
-บังคลาเทศ 160 ล้านคน ก็ไม่ถูกกับ เมียนม่า และ อินเดีย >> นี่ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาส ที่เค้าจะมาร่วม และเชื่อมกับ CLMV + Thailand >> รวมเป็น 400 ล้านคน
-รัฐบาลนำเรื่องนี้ไปขาย story กับ Foreign Investors จะชอบเรื่องนี้กันมาก เพราะ ตลาดมันใหญ่มากจริงๆ
-เราเป็นส่วนที่สำคัญ ของนโยบาย One Belt One Road ของ จีน
รถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เป็นส่วนสำคัญ ของนโยบายนี้ของจีน เพราะ เชื่อมไปกับ จีน (ลาว เริ่มก่อสร้างแล้ว ) >> และจะเชื่อม มาบกะเบา มา แหลมฉบัง ด้วย >>> ถ้าสำเร็จเสร็จสิ้น มันจะเชื่อมจาก London มา China มา Laos มา Thailand >> Malaysia
-ถนน Indochina มีการเชื่อมกันเป็นใยแมงมุม กันมากขึ้นเยอะมาก เช่น เส้น R3A , R12 (นครพนม ไป เวียดนาม ชายฝั่ง ห่างเพียง 270km ) ฯลฯ
-นครพนม สามารถส่งออกได้ 100bn/ปี !!! ภายหลัง สะพาน ไทย - ลาว สร้างเสร็จ และ R12 สร้างเสร็จ
เราทำอะไรไปแล้วบ้าง?? และกำลังจะทำอะไร อีกบ้าง??
-ประมูล 4G ไปแล้ว
-รถไฟทางคู่ 2 เส้น ก่อสร้างแล้ว (เป็น project แรกที่ bid ได้แล้ว construct ได้ทันทีใน 1 mth)
-หลังจาก ร.5 สิ้นไป 150 ปี สร้างรถไฟได้แค่ 75 km เท่านั้นเอง
แต่รัฐบาลนี้ approve ไปแล้ว 1,000km >> เอาเส้นทางเดิมมาทำเป็นทางคู่ เพื่อให้มันขนส่งสินค้าได้
-ในปี 2017F-18F รัฐบาลจะ approve เพิ่มเติมอีก 7 เส้นทาง 1,000km ซึ่งจะเป็นรถไฟทางคู่ เส้นทางใหม่ !! (ครั้งแรกในรอบ 150 ปี !!!)
-motorway 3 เส้น ก่อสร้างไปแล้ว
East-west corridor เริ่มแล้ว (วิ่งผ่าน ขอนแก่น, พิษณุโลก, แม่สอด) >> จะพลิกโฉม ศก. จังหวัดเหล่านี้ ถ้าสร้างเสร็จ
-กรุงเทพ-หนองคาย และ กรุงเทพ-ระยอง เตรียม เริ่ม bidding ในปี 2017-18F นี้
-เตรียมขยายสนามบินอีก 400bn กว่า เพราะปัจจุบันใช้เกิน capacity ไปปีละ 23 ล้านคน !! (อาจจะขยายเพิ่มในส่วน BKK phase 2 , กระบี่, อุดรธานี ฯลฯ)
-รถไฟฟ้า 10 เส้นทาง + รถไฟที่ตัดผ่านพื้นที่ชั้นใน กทม จะยกระดับทั้งหมด >> เพื่อลด ต้นทุนการเดินทาง ใน กรุงเทพฯ ลง
-โดยสรุป ก็คือ หลังจากที่พูดกันมาเป็นสิบปี มันเกิดขึ้นจริงแล้ว และจะยังทำมากขึ้นเรื่อยๆ !!
ทำไปเพื่ออะไร??
*เพื่อการเชื่อมโยง เพราะตอนนี้เราอยู่ระหว่าง การพัฒนาครั้งมโหฬารใน CLMV
-เกิดเมืองใหม่ๆ มากขึ้น เช่น
เชียงราย จะเป็นเมืองหน้าด่านกับ เมืองจีน
แม่ฮ่องสอน จะเชื่อม มัณฑะเล เป็นเมืองใหญ่ของ พม่า
แม่สอด เป็นประตู สู่ย่างกุ้ง
กาญจนบุรี กลายเป็นเมืองหน้าด่าน กับ พม่า เช่นกัน
พัทยา เป็นเมืองแห่ง Mice
ขอนแก่น เป็นเมืองแห่ง Bioeconomy
ฯลฯ
-เพื่อเป็นศูนย์กลางของ CLMV + thailand ประชากร รวมกันกว่า 230 ล้านคน (ถ้ารวมบังคลาเทศ ก็ 400 ล้านคน)
ตัวอย่าง เช่น บริษัท Minibea เดิมมีฐานผลิตอยู่ที่ไทย เพิ่งจะขยายไป พนมเปญ ที่ เขมร เพราะ ถนนหนทาง มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อผลิตสินค้า high value ที่ Thailand แล้วส่งไปประกอบ ที่ เขมร แทน
อีกตัวอย่างคือ กล้อง Nikon ก็นอกใจไทย ไปเปิดโรงงานที่ ลาว แล้วเช่นกัน
หรือ อย่าง บริษัทยานยนต์ , สิ่งทอ เค้าก็ไปเหมือนกัน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่มันต้องเกิดสำหรับประเทศที่จะก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ประเทศไทย ต้องยกระดับตัวเอง ขึ้นเป็น Thailand 4.0 ให้ได้ ผลิตสินค้า High value added
EEC คืออะไร??
*EEC คือประตูสู่อาเซียน และคนที่เข้ามาลงทุน จะได้ตลาด CLMV + บังคลาเทศ ด้วย ซึ่งเราต้องลง infrastructure เพื่อเชื่อมโยง ประเทศเหล่านี้ เป็น network เดียวกัน
*มันคือ Eastern Seaboard Season 2
*ข้อได้เปรียบ คือ เรามี อุตฯ ปิโตรเลียม + ชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตฯ ต้นน้ำ ไปพัฒนาสินค้าอื่นๆ ต่อได้อีกเยอะ
*จะ focus บนพื้นที่ แหลมฉบัง ท่าเรือสัตหีบ มาบตะพุด (ขนาดจะประมาณ 2x ของ SG) ไม่ถึงขนาด พื้นที่ทั้งหมด สามจังหวัด ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา
*หัวใจของ EEC คือสนามบินอู่ตะเภา (ที่ผ่านมา ทัพเรือ ไม่เคยอนุญาตซักที) >>
- One airport Two mission >> มีพื้นที่ 15k ไร่ จะแบ่งครึ่งๆ เพื่อ ความมั่นคง และ เพื่อ commercial (รถไฟความเร็วสูง จะวิ่งผ่านมาทางนี้ด้วย) >>
- Airbus มาขอจีบตลอดในช่วงที่ผ่านมา (เค้าบอกจะเอาศูนย์ซ่อมที่ทันสมัยที่สุด + โรงเรียนการบิน) >> บริษัทชิ้นส่วนอากาศยาน กว่า 10 แห่ง สนใจเข้ามาใน อู่ตะเภา
- สายการบิน จำนวนมหาศาล จะเข้ามาบนพื้นที่ อู่ตะเภา ข้อได้เปรียบคือ ประหยัดเวลาเยอะมาก ถ้ามาศูนย์ซ่อมบำรุงที่ อู่ตะเภา (แทนที่จะเป็น ชางฮี SG)
- เราไม่ได้สร้างสนามบิน แต่สร้าง เมืองแห่งการบิน ต่างห่าง (Sky city / Airport city / Aerotropolis) คือพัฒนาพื้นที่ commercial/ medical hub/ real estate นู่นนี่ เพิ่มเติมไปเลย เพื่อให้ Head office อยู่ใกล้ Airport ที่สุด ประหยัดเวลาได้เยอะมาก ฯลฯ
-อีกหน่อย นักท่องเที่ยว ที่จะไปหัวหิน สามารถมาลง อู่ตะเภา แล้วนั่งท่าเรือ สัตหีบ ไปหัวหิน ได้เลย ภายใน 1.5 ชม.
*อีกหัวใจนึง คือ "โครงการแหลมฉบัง Phase 3 " เพราะ ถ้าไม่ทำ ในอีก 5 ปี นี้ capacity จะเต็มแล้ว แต่ครั้งนี้เปลี่ยนแนวคิดด้วย จากเดิม เป็น container ให้เป็นท่าเรือ transhipment เพื่อเชื่อมโยงสินค้าจาก ท่าเรือแหลมฉบัง ไปยัง ชายแดน CLMV กระจายสินค้าได้ดี เหมือน ท่าเรือ rotterdam กระจายสินค้าให้ทางยุโรป
ความคืบหน้าอื่นๆ ของ EEC
*ล่าสุด Lazada จะสร้าง E-commerce park ซึ่งเป็นเรื่อง Logistics ที่ใหญ่ที่สุดใน EEC เพราะ ตรงนี้เป็นพื้นที่ ที่ดีที่สุดในการกระจายสินค้า (ส่วน digital park ค่อยเอาไปไว้ที่ มาเลเซีย)
*BMW จะเอา battery ไฟฟ้า มาผลิตที่ Thailand เป็นครั้งแรกที่เค้าเอก technology นี้ออกจาก germany มานอกประเทศ
*กำลังคุยญี่ปุ่น ให้มาลงทุน ในอุตฯ Robot
*กระทรวงวิทฯ เตรียมตั้ง ศูนย์วิจัย ใน EEC ที่ Wang chan Valley 3,000 ไร่ ซึ่งรัฐบาลอนุมัติให้ นักวิจัย + ผู้บริหาร จาก ตปท. จะเสียภาษีแค่ 15% ถ้าเข้ามาทำงานในไทย (vs คนไทย 35%)
โดยสรุป คือ
1.ในอดีต ไทย ตัดสินใจถูกสองเรื่องคือ
*ไทยตัดสินใจไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง ทำให้เรากลายเป็น hub ของยานยนต์
*ไทยตัดสินใจ ลงทุนปิโตรเคมี (ยุคโชติช่วงชัชวาลย์)
2.ไทย ต้องหารายได้ใหม่เข้าประเทศ
*แผนระยะสั้น >> focus 5 อุตฯ
*แผนระยะกลาง >> เป็น logistics hub ของ ASEAN
*แผนระยะยาว >> Advances in innovation & human resources
# HOME THIEN
- AnieLee
- Verified User
- โพสต์: 1436
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 2820
ต่อไป ร้านค้าปลีก อาจแทบไม่มีพนักงานเลยได้
(เคยอ่านข้าว Amazon ก็มีร้านขายสินค้าที่ไม่มีคนเก็บเงิน ใช้ electronic payment แทน)
(เคยอ่านข้าว Amazon ก็มีร้านขายสินค้าที่ไม่มีคนเก็บเงิน ใช้ electronic payment แทน)
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก