VI หาดใหญ่

[syj]

AP : mediaน่าสนมั้ย
GW : ก็รู้ๆกันว่า content ไม่เคยกำไรดี ไปเจ๊งจากช่องทางอีเล็กทรอนิคส์หมด สุดท้ายเหลือแค่พวกfinal distribute (pipeline) ก็คือ comcast กับ verizon เป็น local monopoly
ไม่มีใครทำ infrastructure มาแข่งอีกแล้ว ประเด็นคือ ยังทำราคาจากธุรกิจสื่อสารได้อีกมั้ย
เราชอบcomcastที่สุด แต่มันหักอกเราจากจากความงี่เง่า(13% earning return)เพราะดันตัดค่าเสื่อมมากไป
มันน่าจะเรียกราคาได้อีกมากจากธุรกิจสื่อสาร แต่หวังว่ามันคงปรับตัวได้แบบcokeกับpepsi

** Earnings Return 13% คือ P/E Ratio = 7.7 ครับ

(ข้างล่างเป็น การแปลและตีความของส่วนของผมเองนะครับ)
คือประเด็นของ Comcast ในบทสัมภาษณ์นี้
คือมันเป็นหุ้นที่ถูกมาก PE จริงๆ ประมาณ 7 กว่าๆ
เพราะที่จริงๆ แล้วมันกำไรมากกว่านั้น แต่ดันไป
ตัดค่าเสื่อมสูงๆ (ทำให้กำไรที่รายงานน้อย
กว่าความเป็นจริง ทำให้ PE ที่เห็นสูงกว่าความเป็นจริง)

แล้ว Comcast ควรมีความสามารถ
ในการตั้งราคาที่สูงกว่านี้ แต่ดันไปเจาะตลาดธุรกิจ
ขนาดเล็ก ที่เป็นถิ่นทำมาหากินของ บ.โทรศัพท์
(น่าจะหมายถึง AT&T, Bell ต่างๆ, Sprint เป็นต้น)
ซึ่งน่าจะทำให้เกิดการตัดราคากันขึ้น แทนที่จะ
อยู่กันแบบร่วมมือร่วมใจกัน อย่าง โค้กกับเป๊ปซี่

GW เลยบอกว่า "Stupidity" แปลตรงๆ ก็ "งี่เง่า"
อย่างที่ท่าน dr1 แปลหล่ะครับ

[amornkowa]

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=60796
สรุป AGM60 ของนักลงทุนหลายท่านรวม อ โจ มาฝากครับ

[syj]

คุณหมอ dr1 ก็แปลถอดใจความสำคัญๆ มาได้เกือบหมดครับ
แต่ผมขอแก้นิดนึง ... เพราะตรงนี้อาจไม่ชัดเจนและความหมายผิดจากต้นฉบับ

3. แม้จะกระจายผอร์ทแล้ว เกิดขาดทุนแค่3-4%ขึ้นมา จาก macro economicsกระเพื่อม รึอะไรก็ตาม
การขาดทุนชั่วคราวนี้ จะกลายเป็นขาดทุนถาวรได้ จาก "leverage"
ถ้าจะleverage ต้องได้อัพไซด์5-6เท่า และดาวน์ไซด์=0

"We’ve learned that if you want to do a stub, which is a highly leveraged position, you want a five- to six-times upside, because the downside is zero."

ตรงนี้ น่าจะเป็นว่า

เราได้เรียนรู้ว่าถ้าหากคุณต้องการที่จะทำอะไรสักอย่างที่มีการ Leverage สูงๆ คุณจะต้องมีอัพไซด์ห้าถึงหกเท่า เพราะว่า ดาวน์ไซด์คือ "สูญ"

ผม ... วีไอหนุ่ม(เหลือ)น้อย ศิษย์สองโคลัมเบีย (แต่ไม่ใช่ Columbia University นะครับ
เป็น Columbia, Missouri กับ Columbia, South Carolina) ชอบกินโค(คาโคล่า) ... รายงาน

[romee]

งบไตรมาสนี้ ดูเหมือนตลาดไม่เล่นด้วยกับหุ้นPEสูงๆเกิน20-30เท่า หลายๆตัวเทกระจาดทั้งนั้นเลยนะครับ
นี่ขนาดงบยังออกไม่หมดนะฮะ
แถมบางตัวงบลงมานิดนึง แต่ราคาพี่ทิ้งดิ่งยังกะโกรธกันมาแต่ชาติปางไหน
บางตัวเห็นเพื่อนลง เอ๊า กรูลงกะเขาบ้าง

ไม่ว่าจะสาหร่ายติดคอ, ปั้มเบรกแตก, น้ำผลไม้ลุงตัน ลุงเป้, กลุ่มอสังหา, รถเช่า, ถุงยาง, หุ้นสินเชื่อนักร้อง

บางตัวก็ลงตามชื่อหุ้นเลย ชื่อหุ้นคือโลก....วันนี้พี่ก็ลงมาแนบพื้นฟลอร์โลกซะงั้น T_T

สินเชื่อบางตัวก็งบกำไรดีนะ แต่แค่เซียนออกแล้ว ราคาเลยลงต่อ -"-

มีใครโดนเข้ากะตัวไหนบ้างมั้ยฮะ แบ่งปันความเจ็บปวดมาให้ฟังกันได้ครับ

Capture.PNG

[AnieLee]

เท่าที่ดูสรุปผลประกอบการ Q1/60 ส่วนใหญ่ผลประกอบการไม่ค่อยดี เมื่อเทียบ Q1/59

บางกิจการ กำไรลดมากมาย แต่ก็มีบางกิจการที่กำไรมหาศาล เช่น SGP ที่กำไรมากถึง พันกว่าล้านบาทใน Q1/60 ในขณะที่ Q1/59 กำไรเพียง 40 ล้านบาท (ความเห็นส่วนตัว คิดว่า กิจการนี้ น่าคาดเดารายได้/กำไรได้ยากครับ) และยังมี VNT ที่กำไรก็โตแบบมากมาย เป็นต้น

ช่วงประกาศงบฯ เหมือนดูผลสอบเลยครับ

ปล. เท่าที่สังเกตุ พบว่า ราคาหุ้นขึ้นลง ก่อนงบออก มีหลายตัวมากมายในตลาดฯ (ก็คงเป็นแบบนี้เสมอมั้งครับ)

[b4solid]

เป็นภาคบังคับ สำหรับไตรมาสนี้ ต้องโต ไม่โตตาย โตน้อยก็ตายครับ

[arica]

C ตัวใหญ่ ราคาตรงนี้ น่า ดันโด กันไหมครับ ไม่ต้องตีแตก ก็ได้ น่าสนไหมครับ /โอกาสเอาออก 100%

[rainforce]

อ้าวเพิ่งเห็นว่ามีห้องนี้ด้วย เพิ่งเคยเปิดเข้ามา ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ

[romee]

เอา20หุ้นที่ราคาสวิงเยอะๆ ในช่วงอาทิตย์ที่ก่อน ถึงเมื่อวานนี้ มาให้ดูครับ

Capture.PNG

อันนี้เน้นที่สวิงลงนะ สวิงขึ้นดีๆก็มีเหมือนกัน แบบPK, ส่วนCCNอันนี้ก็ลากขึ้นยังกะบั้งไฟพญานาค ไม่อยากจะนับมัน

สังเกตหลายตัวก็หุ้นในกระแสช่วงนึงเลยนะครับ เหอๆๆ

สำหรับพี่ arica เรื่องหุ้นCใหญ่ ที่จะออกจากตลาด ถ้ากำไรคุ้มพอค่าเหนื่อยพวกยื่นเอกสาร ก็เอาเลยฮะ ยุส่ง

ส่วนพี่ rainforce ยินดีต้อนรับเข้าสู่ ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อในโรงเจครับ (ผมละช๊อบชอบฉายานี้จัง)

ปล.หุ้นก็ตัวแดง หวยก็ถูกแด* เอาไงดีว้าาา

หวยกิน.jpg

[AnieLee]

มีทติ้งหาดใหญ่เพิ่งจบไปเมื่อวานครับ สถานที่จัดแห่งใหม่ ร้านไวน์ วิลเลท ครับ การตกแต่งของห้องที่จัดมีทติ้งค่อนข้างสวยงามตามภาพ (เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายมุมกว้างมา มีโคมไฟสวยงาม) ไฟแสวสว่างพอใช้ (สว่างอีกหน่อย ก็จะเหมาะกับการเขียน/จดสมุดโน๊ต) ภาพรวมสถานที่ ถือว่า โอเค ครับ อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของมีทติ้ง อยู่ที่เนื้อหา ไม่ใช่สถานที่ครับ จะจัดสถานที่ไหน ขอให้มีมี อ.โจ และทีมงาน ก็พอแล้วครับ เน้นที่เนื้อหาเป็นสำคัญครับ

สำหรับเนื้อหามีทติ้ง ก็เปี่ยมคุณภาพ สาระ สนุกสนานเหมือนที่ผ่านมาครับ ยังไงก็พยายามจะเอาเนื้อหามีทติ้งมาโพสให้เหมือนรอยที่ผ่านมาครับ ขอเวลานิดนึงนะครับ อดใจรออ่านนิดนึงนะครับ

ปล. รอบนี้มี พี่หมอหนึ่ง พี่สุบรรณ พี่สายชล และคิดว่า คงมีอีกหลายท่านในห้องนี้ (ที่ไม่ได้กล่าวถึง) มาร่วมมีทติ้งด้วยครับ

[arica]

เมื่อ เทรนรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามา พี่ๆ คิดว่า ประเทศไทย ธุรกิจไหนจะได้รับผลกระทบ ด้านบวก และลบ หนักสุดครับ ?

[dr1]

ขออนุญาตตอบท่านarica สำหรับหนังสือแนะนำดีๆให้เพื่อนๆห้องนี้ตลอดนะฮะ

หุ้นที่ไม่น่ามีผลจากEVในมีตติ้งเที่ยวนี้คือ
1. หุ้นยางใหญ่(กิ๊กเก่าผม ยังไม่ได้ซื้อกลับเลย มาบิลท์เผื่อพี่K-TAWตอบแทนไอติมหวานอร่อยนะฮะ กับเผื่อท่านamornkowaตอบแทนเลคเชอร์ดีๆจากวงในไฮโซโห่ฮิ้วทางกรุงเทพ)
คือทั้งรถไฟฟ้ารึน้ำมันก็ต้องใช้ยาง ตกลงข้อพิพาทเรื่องโรงงานถุงมือยางได้แล้วโดยยอมซื้อหุ้นกลับแพงๆ
ไม่แน่ใจว่ายังผลิตได้ดีมั้ยแต่เห็นว่ายังขายดีอยู่ สวนยางห้าหมื่นไร่ก็เริ่มกรีดได้
พี่K-TAWว่าทางเมืองจีนมีกฎใหม่ที่ต้องต่อรถพ่วงบรรทุกเพิ่มซึ่งต้องใช้ยางขนาดใหญ่เยอะ(ไม่ได้ถามว่าขนของทางรถไฟรึรถบรรทุกมากกว่ากัน ราคาน้ำมันต่ำๆจะมีผลต่อราคายางเยอะมั้ย)
รถออกแล้วจะโดดขึ้นเลย รึรอให้ถอยมาทับก่อนก็คำนวนmosกันดูนะฮะ
2. หุ้นปั๊มปีเตอร์(ตอบแทนท่านsaichonคนหล่อนิ่งๆพันธ์อึดทะลุฟ้า(หมายถึึงความสูงยอดดอย..))
น้ำมันที่ปั๊มนี้ส่วนใหญ่เป็นดีเซล ซึ่งรถใหญ่ เครื่องจักรเกษตร พวกนี้ค่าพลังงานต่อน้ำหนักของแบตเตอรี่ยังแพ้น้ำมันดีเซลฮะ เรื่องขยายปั๊มก็เป็นเบอร์1ได้แน่นอน แต่เรื่องส่วนแบ่งการตลาดทำได้ป่าวนี่ไม่เกี่ยวกันนะจ๊ะ
ไตรมาส1ค่าการตลาดดีเซลลดลง กำไรลด ราคาร่วง ลงมาเกือบครึ่ง คำนวนmosกันดูนะฮะ
สองตัวนี้คือหุ้นน่าสนใจ2ใน6ตัวที่ให้ไปศึกษาดูฮะ อีก4จำไม่ใด้..

เข้าประชุมเที่ยวนี้ ผมไปสายแถมหลงสถานที่อีกฮะ รอท่านAnieLeeมาใบ้หุ้นตามระเบียบนะฮะ
จองนาทีแรกเต็ม แปลว่าคุณภาพและอุปสงค์สูงมั่กๆ อ.ก็ทำท่าจะเสนอให้จับสลาก แต่สมาชิกก็บอกว่าเอาแบบนี้แหละ แย่งกันมันส์ดี(สู้ชีวิตจริงๆ)
บางท่านก็แนะให้เช่าโรงยิมทำแบบเบิร์กเชียร์ไปเลย จะได้กระจายความรู้ให้ทั่วถึง ไหนๆอ.ก็เสียเวลา เสียน้ำลายแล้ว ได้เงินเยอะขึ้นก็บริจาคใด้หลายแห่งมากขึ้นไงฮะ
ผมขอเสนอให้รับสมาชิกเพิ่มนะฮะ เอาแบบจองทันclass Aนั่งแถวใน ถามคำถามได้ จองไม่ทันclass B
นั่งแถวนอกไม่มีอาหารให้ ฟังเฉยๆรึใช้ให้class Aถามให้ ดีมั้ยฮะ (ใครลองทำpoleดูมั้ยอ่ะ)

Theme ฤ หุ้นลงจนมีmosแล้วยัง?
อ.ลูกอิสาน(ฟังมาไม่ครบ ไม่ได้จด ช่วยเสริมให้ด้วยนะฮะ)
หุ้นลงทำได้สามสเตป
1. ถัว
ต้องมั่นใจว่าหุ้นนั้น พื้นฐานไม่เปลี่ยน ราคาลงจากนายตลาด ห้ามถัวจนสัดส่วนมากเกิน%ที่ควรถือ
เช่นหุ้นห้าตัว ไม่ควรถัวจนเกิน20%ไปมากๆ จนเป็นผู้ถัวหุ้นรายใหญ่จนตัวตาย(อันหลังผมเติมให้)
เพราะถ้าเกิดblack swan ก็เจ๊งเลย
วีไอควรกำไรน้อยๆหรือมากๆบ่อยๆ ขาดทุนทีละน้อยนานๆครั้ง ไม่ใช่กำไรทีละน้อยแต่ขาดทุนครั้งละมากๆ(ท่านsaichonหัวเราะก๊าก สงสัยขำตัวเอง..)
2. เปลี่ยนหุ้น
ขายตัวที่ลงน้อยๆ ไปซื้อตัวที่ลงเยอะๆ(มีmosมากกว่า)
3. กู้มาซื้อหุ้น
เช่นใช้มาร์จิ้น ระวังโดนforcesale เพราะต่ำกว่าฟลอร์ยังมีชั้นใต้ดิน
รึยืมเงินเมียมาซื้อหุ้น แล้วเอาตัวไปปรนนิบัติขัดดอกแทน(นี่ก็ผมเติมให้..)

อ.worapong
ยังลงทุนหุ้นเมกาเป็นส่วนใหญ่ แต่คิดว่าจะแบ่งเงินบางส่วนไปลงกองทุนดัชนีvanguardบ้างแล้ว
เพราะค่าธรรมเนียม0.04%!!(เทียบกับไทย0.5%!!แถมดูเหมือนมีบางกองลักไก่ขึ้นแพงกว่านั้น กลต.จะถือว่าค้ากำไรเกินควรมั้ยเอ่ย..)
เพราะอ.บัฟเฟต์ยังสั่งเสียเมียคนใหม่ว่า ถ้าไม่อยู่แล้วให้ขายหุ้นเบิร์กเชียร์ไปซื้อแวนการ์ดก็แล้วกัน
เมืองไทยไปดูกองทุนroyal lotus ten powerเห็นผลย้อนหลังดี15%ไม่รู้ข้อมูลไม่เท่าเทียมกันป่าว
ถ้าใครลงทุนมาหลายปีแล้วไม่เวิร์ค การซื้อกองทุนอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าฝากเงิน
ส่วนในเมืองไทยเริ่มกลับมาลงทุน(แปลว่าเริ่มมีmosมั้ยฮะ)หุ้นแบบพีอีต่ำ ปันผลใช้ได้ pbvโอเค ได้ผลใช้ได้
ฟังไม่ทันว่ามีสหพัฒน์ทั้งสองตัว แล้วอะไรอีกสองสามตัวช่วยมาเติมให้ด้วยเน้อ..
อ.ศึกษาเลือกหุ้นแบบงานวิจัยอ.ไพบูลย์(ถ้าจำไม่ผิดpe<10pbv<1div>3%ซื้อหว่านแล้วเปลี่ยนตัวทุกปี)ยังผลตอบแทนไม่ค่อยดีนัก(แปลว่าหุ้นยังแพงอยู่มั้ยฮะ)

วีไอสายสนิท(absolutely late)ไม่มีสนม รายงานน้ำจิ้มมีตติ้งจร้า..

[AnieLee]

ขออนุญาตแชร์เนื้อหามีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60 ครับ

ข้อดีของการเป็นนักลงทุน คือ เวลาธุรกิจไม่ดี เราสามารถขายหุ้นออกไปได้ แต่เจ้าของธุรกิจ ไม่สามารถจะทำแบบนักลงทุนได้ นักลงทุนมีความยืดหยุ่นได้

ปีนี้ อ.โจ ชอบ เพราะเป็นตลาดไซด์เวย์ หุ้นจะขึ้นหรือลง ขึ้นกับตัวของกิจการเอง ตัวที่ดี ราคาก็ขึ้นได้ ตัวที่ไม่ดี ราคาก็ลง เป็นตลาดที่วัดกันที่ฝีมือจริงๆ

จากข้อมูลของภาครัฐฯ ที่บอกว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ กำไรจากบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นนั้น เป็นกำไรที่กระจุกตัว เฉพาะกลุ่ม เช่น ปิโตรเคมี เป็นต้น กลุ่มอื่นๆ ค่อนข้างแย่ทั้งหมด ตลาดหุ้นจึงไม่ไปไหน ราคาหุ้นขึ้นกับผลประกอบการของกิจการ ประเทศไทยในอนาคต มีการเติบโตของ GDP ค่อนข้างต่ำมาก

หุ้น Turnaround เป็นหุ้นที่เป็นท่ายากพอสมควร หุ้น Turnaround เป็นหุ้นที่เริ่มจะกลับมาดี ต้องมีความชัดเจนว่า รอดแน่ๆ และมีปัจจัยที่จะทำให้มันฟื้นได้ชัดเจน และมีตัวเลขทางการเงินที่เริ่มดีขึ้น ต้องมีแนวโน้มที่จะ Turnaround ได้จริง ไม่ใช่แค่มีแต่ความคาดหวัง เช่น หุ้นวุฒิศักดิ์ หุ้นโซล่าร์ ที่ไม่มีอะไรชี้ชัดว่า Turnaround อย่างจริงจัง คนมโนไปเองว่าจะ Turn ทำให้เกิดความเสียหาย

หากมีการผิดพลาดในการลงทุน ต้องมีวิธีการจัดการทันที อย่าให้รุกลามไปมาก ต้องรู้จักแพง อย่าปล่อยให้เสียหายหนักมาก ปีนี้ มีหุ้น Growth ที่โดนกันเยอะมาก เช่น GL เป็นต้น ดังนั้น การลงทุนที่ค่อนข้างโอเค น่าเป็นการลงทุนที่ไปเรื่อยๆ ไม่แตกแถว การลงทุนก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ รอให้ผลของดอกเบี้ยทบต้นทำงานเอง อาจใช้เวลาหลายปีหน่อย

สำหรับผลตอบแทนในภาวะตลาด Sideway ได้สัก 15% -20% ต่อปี ควรที่จะทำได้ โดยให้วัดผลตอบแทนเป็นปี อย่าไปวัดผลรายไตรมาส ทำให้โฟกัสระยะสั้นมากเกินไป ราคาหุ้น อาจนิ่งถึง 3-4 ปี แต่ราคาหุ้นอาจขึ้นไปได้เป็นเท่าๆ ภายใน 1 สัปดาห์ ก็ได้เช่นกัน ในการตั้งผลตอบแทนที่กล่าวถึง เป็นผลตอบแทนระยะยาวเฉลี่ยทบต้น ไม่ใช่เป้าผลตอบแทนรายปี เรา(นักลงทุน) ควรพยายามทำไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องไปตลอด สุดท้ายก็น่าประสบความสำเร็จได้ ถึงแม้จะช้าหน่อย ถ้าอยากสบายใน 10 ปีข้างหน้า เราต้องทำวันนี้

การประเมินรายได้ฯ ของอสังหาฯ ที่มีรายได้ไม่แน่นอน ค่อยข้างจะประเมินยาก เพราะรายได้ไม่สม่ำเสมอ หากคอนโดฯ ของกิจการนั้น เป็นโครงการที่มีกำไรแบบมีนัยยะ ก็กล้าที่จะลงทุน แต่ราคาต้องไม่แพงเกินไป สำหรับรายได้ฯ ก็อย่าไปหวังว่าจะดีต่อเนื่อง เช่น กำไรของกิจการที่จะได้มาในปีนั้น คิดเป็น forward P/E 3 เท่า ก็น่าลงทุน แต่ถ้าคิดได้ forward P/E 10 เท่า ก็ไม่น่าสนใจลงทุน

[AnieLee]

(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60

(แชร์โดยพี่กานต์) จากการดูคลิปต่างๆ บรรยากาศการประชุมของ Berkshire Hathaway แตกต่างกันของบ้านเรา จะมีการนำสินค้าของกิจการต่างๆ มาตั้งบูทขายของหลายอย่าง ผู้มาร่วมประชุม มีมากมายหลายหมื่นคนมาคอยเข้าคิวยาว เริ่มต้นการประชุม มีนักลงทุนคนหนึ่ง ต่อต้านการถือหุ้นโค้ก ให้ขายไป เพราะกินแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ ปู่และคู่หูของปู่ ก็ให้เหตุผลว่า กินทุกวันไม่เห็นเป็นอะไรเลย หากกินโค้กทุกวันแล้วอายุสั้นลง 1 ปี ก็ไม่เป็นไร ถ้าต้องกินบล็อคโครี่ตลอดชีวิต ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ วอเรน แนะนำคนๆ หนึ่ง เป็นผู้ก่อตั้งกองทุนรวม Vanguard กองทุน Index Fund จากระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา Index Fund ให้ผลตอบแทน 7% ทบต้น ส่วน Active Fund ให้ผลตอบแทนเพียง 3% ทบต้น ในการประชุมครั้งนี้ วอเรน แนะนำการลงทุนใน Index Fund เพราะถือแล้วสบายใจ และสามารถมีเวลาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้นอีกด้วย ก็นับเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน


Q: เกี่ยวกับหุ้นเพิ่มทุน ทั้งแนว IPO, dividend stock, เพิ่มทุนปกติ จะพิจารณาอย่างไรในการลงทุนเมื่อเทียบอัตราการเพิ่มทุนและอัตราการเติบโตของกิจการ
A: หามาร์เก็ตแคปของกิจการ (หุ้นเพิ่มทุน บวกหุ้นปัจจุบัน มาคำนวณ) และพิจารณาการเอาเงินเพิ่มทุนไปใช้ลงทุนให้เกิดประโยชน์เพียงใด ได้ผลตอบแทนได้เพียงใด และพิจารณาว่า ได้ forward P/E เท่าไร ดูสัก 2-3 ปี ถ้าดูเพียงปีเดียว ทำอะไรไม่ได้เท่าไร (หุ้นที่มี D/E สูง มีโอกาสที่จะเพิ่มทุนได้)

Q: พิจารณาว่า กิจการเอาเงินเพิ่มทุนไปใช้อะไรที่ได้ผลตอบแทนได้สมเหตุสมผล
A: อาจดูได้จาก ROE ของกิจการได้ หากกิจการที่จ่ายปันผลเป็นหุ้นนั้น จะเห็นได้ว่า กิจการเชื่อว่า เอาเงินไปทำผลตอบแทนได้มาก สำหรับ ROE อาจดูจากอดีตหรือ forecast ก็ได้

- หุ้น Growth ที่ปรับตัวลงมา มีบางตัวที่มี P/E เริ่มสมเหตุสมผลแล้ว โดยมอง forward P/E ราวๆ 25 เท่า(จากประสบการณ์ที่ผ่านมา) / ยิ่งต่ำยิ่งดี (โอกาสที่หุ้น Growth ลงมาต่ำกว่า 20 เท่า ค่อนข้างที่จะยากมาก หากต่ำกว่า 20 เท่า ต้องซื้อเลย ตัวอย่างเช่น HMPRO ในสมัยก่อน ตอน 6 บาท)

- กรณีเพิ่มทุนของ LHBANK ที่เพิ่มทุนมากกว่าราคาตลาด มีผลดีต่อผู้ถือหุ้นเดิม พิจารณาหุ้นแบงค์ ควรใช้ bookในการพิจารณา ปัญหาไดรูทเกิดขึ้นทันที ในขณะที่เงินที่เพิ่มมา จะเอาไปหาผลตอบแทนได้เท่าไร ในอนาคต

[AnieLee]

(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60 ครับ

"น้องดาต้า" เป็นบริษัทที่ดี, ทำ Software (ในตลาดหุ้น มี "e-custom" และ "น้องดาต้า" เมื่อเทียบกับ "e-custom" ที่เทรด PE ค่อนข้างสูงกว่า "น้องดาต้า" แต่ทาง "e-custom" มีรายได้ต่อเนื่องดีกว่า "น้องดาต้า" ที่มีรายได้มีสม่ำเสมอ) ข้อดีของกิจการ "น้องดาต้า" คือ อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นดาวรุ่ง / ในอดีต เจาะตลาด 3-4 ดาว และจะมาเจาะตลาด 2 ดาวลงมา งบการเงินดี งบกำไรฯ ไตรมาสแรก ไม่ดีเท่าไร แต่การคาดการณ์กำไรรายไตรมาสของกิจการ ทำได้ยาก ดังนั้น จึงควรดูกำไรเป็นรายปี

* หลักการถัวหุ้น จะถัวหุ้นเฉพาะตัวที่เราชัวร์เท่านั้น แต่ก็ต้องมี Limit ว่า ไม่เกินเท่าไร % ของพอร์ต (limit ที่ใช้ ราว 30%) อย่าถัวจนตัวตาย

Q: หุ้นรถเช่า 3 คันในตลาด เลือกตัวไหนดี
A: "รถเช่าชื่อธนาคารรัฐฯ" ทำ ROE ได้สูง มีบริการครบวงจร เช่ารถ พอคืนมา ก็เอาไปปรับปรุง และไปขายต่อ เจ้าของเป็นมืออาชีพ
A: "เร็วสุดเท่าที่เป็นได้" มาร์แคปขนาดนี้ กำไรขนาดนี้ อีกนานกว่าจะเข้าเกณฑ์ที่ซื้อ
A: ทั้งรถเช่าทั้งสอง ที่ไม่ใช่ "เร็วสุดเท่าที่เป็นได้" เป็นกิจการที่ใช้ได้ทั้งสองตัว แต่ช่วงนี้ มีเรื่องปัจจัยทางภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง (งบลงทุน สามารถนำมาหักภาษีได้เพิ่มขึ้น) ทำให้วิเคราะห์ยากนึดนึง
A: โดยรวม ไม่ว่าหุ้นตัวไหนที่ราคาลดลง ความเสี่ยงก็ลดลงตาม

[AnieLee]

(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60 ครับ

หุ้น "ไฟฟ้าจากขยะ" พื้นฐานธุรกิจกำลังเปลี่ยน / รายได้กำจัดขยะ เริ่มลดลง / หลัง "ไฟฟ้าโรงปูน" เข้าตลาด ทาง "ไฟฟ้าโรงปูน" รับขยะมา ไม่คิดค่ากำจัดขยะ คนที่ส่งขยะ แค่จ่ายค่าขนส่งขยะเองเท่านั้น / ดังนั้น ต่อไป ขยะที่ส่งให้ "ไฟฟ้าจากขยะ" น้อยลงก็ได้ อาจเหลือแค่ขยะที่อันตรายเท่านั้น

"ปาล์มใต้" โดยรวม ต้องลุ้นอยู่ เพราะมีปัจจัยเสี่ยงบางอย่าง Project ใหม่ที่จะเริ่มผลิต ตั้งติดกับ ปาล์มคอมเพล็กซ์ ของ "ปั้มปีเตอร์" อาจต้องแย่งซื้อกับ "ปั้มปีเตอร์" ถึงแม้มีปาล์มของตนเอง แต่ก็ไม่น่าจะพอ ปีที่ผ่านมา ได้ผลผลิตน้อย 9-3 เพราะมีการเปลี่ยนพันธ์เก่าเป็นพันธ์ใหม่ ปี 60 จะให้ผลผลิตมากขึ้น ปี 59 จะต่ำสุด หลังจากนี้ จะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นตลอด ไตรมาส 1 ไม่ดี เพราะผลปาล์มแพง แต่บริษัทกลั่นน้ำมันปาล์มไม่ดี เพราะต้นทุนจะสูง

ตลาดหุ้นไทย ปัจจุบัน ไม่ได้ถูกมาก แต่ก็ไม่ได้แพงมาก ก็พอหาหุ้นได้บ้าง คงต้องดูเป็นรายตัว เลือกซื้อเป็นรายตัว เลือกตัวดี ทิ้งตัวที่แย่ไป โดยไม่ดูภาวะของตลาดรวม ตามหลักการของแก่น VI ที่มองหุ้นเป็นธุรกิจ, ประเมินมูลค่าให้เป็น, มีส่วนเผื่อความปลอดภัย, และอย่ากลัวความผันผวนของตลาด(ใช้ประโยชน์จากการผันผวนของตลาด)

แค่นี้ก่อนครับ ไว้มาต่อคืนพรุ่งนี้ครับ ^ ^

[amornkowa]

ขออนุญาตตอบท่านarica สำหรับหนังสือแนะนำดีๆให้เพื่อนๆห้องนี้ตลอดนะฮะ

หุ้นที่ไม่น่ามีผลจากEVในมีตติ้งเที่ยวนี้คือ
1. หุ้นยางใหญ่(กิ๊กเก่าผม ยังไม่ได้ซื้อกลับเลย มาบิลท์เผื่อพี่K-TAWตอบแทนไอติมหวานอร่อยนะฮะ กับเผื่อท่านamornkowaตอบแทนเลคเชอร์ดีๆจากวงในไฮโซโห่ฮิ้วทางกรุงเทพ)
คือทั้งรถไฟฟ้ารึน้ำมันก็ต้องใช้ยาง ตกลงข้อพิพาทเรื่องโรงงานถุงมือยางได้แล้วโดยยอมซื้อหุ้นกลับแพงๆ
ไม่แน่ใจว่ายังผลิตได้ดีมั้ยแต่เห็นว่ายังขายดีอยู่ สวนยางห้าหมื่นไร่ก็เริ่มกรีดได้
พี่K-TAWว่าทางเมืองจีนมีกฎใหม่ที่ต้องต่อรถพ่วงบรรทุกเพิ่มซึ่งต้องใช้ยางขนาดใหญ่เยอะ(ไม่ได้ถามว่าขนของทางรถไฟรึรถบรรทุกมากกว่ากัน ราคาน้ำมันต่ำๆจะมีผลต่อราคายางเยอะมั้ย)
รถออกแล้วจะโดดขึ้นเลย รึรอให้ถอยมาทับก่อนก็คำนวนmosกันดูนะฮะ
2. หุ้นปั๊มปีเตอร์(ตอบแทนท่านsaichonคนหล่อนิ่งๆพันธ์อึดทะลุฟ้า(หมายถึึงความสูงยอดดอย..))
น้ำมันที่ปั๊มนี้ส่วนใหญ่เป็นดีเซล ซึ่งรถใหญ่ เครื่องจักรเกษตร พวกนี้ค่าพลังงานต่อน้ำหนักของแบตเตอรี่ยังแพ้น้ำมันดีเซลฮะ เรื่องขยายปั๊มก็เป็นเบอร์1ได้แน่นอน แต่เรื่องส่วนแบ่งการตลาดทำได้ป่าวนี่ไม่เกี่ยวกันนะจ๊ะ
ไตรมาส1ค่าการตลาดดีเซลลดลง กำไรลด ราคาร่วง ลงมาเกือบครึ่ง คำนวนmosกันดูนะฮะ
สองตัวนี้คือหุ้นน่าสนใจ2ใน6ตัวที่ให้ไปศึกษาดูฮะ อีก4จำไม่ใด้..

เข้าประชุมเที่ยวนี้ ผมไปสายแถมหลงสถานที่อีกฮะ รอท่านAnieLeeมาใบ้หุ้นตามระเบียบนะฮะ
จองนาทีแรกเต็ม แปลว่าคุณภาพและอุปสงค์สูงมั่กๆ อ.ก็ทำท่าจะเสนอให้จับสลาก แต่สมาชิกก็บอกว่าเอาแบบนี้แหละ แย่งกันมันส์ดี(สู้ชีวิตจริงๆ)
บางท่านก็แนะให้เช่าโรงยิมทำแบบเบิร์กเชียร์ไปเลย จะได้กระจายความรู้ให้ทั่วถึง ไหนๆอ.ก็เสียเวลา เสียน้ำลายแล้ว ได้เงินเยอะขึ้นก็บริจาคใด้หลายแห่งมากขึ้นไงฮะ
ผมขอเสนอให้รับสมาชิกเพิ่มนะฮะ เอาแบบจองทันclass Aนั่งแถวใน ถามคำถามได้ จองไม่ทันclass B
นั่งแถวนอกไม่มีอาหารให้ ฟังเฉยๆรึใช้ให้class Aถามให้ ดีมั้ยฮะ (ใครลองทำpoleดูมั้ยอ่ะ)

Theme ฤ หุ้นลงจนมีmosแล้วยัง?
อ.ลูกอิสาน(ฟังมาไม่ครบ ไม่ได้จด ช่วยเสริมให้ด้วยนะฮะ)
หุ้นลงทำได้สามสเตป
1. ถัว
ต้องมั่นใจว่าหุ้นนั้น พื้นฐานไม่เปลี่ยน ราคาลงจากนายตลาด ห้ามถัวจนสัดส่วนมากเกิน%ที่ควรถือ
เช่นหุ้นห้าตัว ไม่ควรถัวจนเกิน20%ไปมากๆ จนเป็นผู้ถัวหุ้นรายใหญ่จนตัวตาย(อันหลังผมเติมให้)
เพราะถ้าเกิดblack swan ก็เจ๊งเลย
วีไอควรกำไรน้อยๆหรือมากๆบ่อยๆ ขาดทุนทีละน้อยนานๆครั้ง ไม่ใช่กำไรทีละน้อยแต่ขาดทุนครั้งละมากๆ(ท่านsaichonหัวเราะก๊าก สงสัยขำตัวเอง..)
2. เปลี่ยนหุ้น
ขายตัวที่ลงน้อยๆ ไปซื้อตัวที่ลงเยอะๆ(มีmosมากกว่า)
3. กู้มาซื้อหุ้น
เช่นใช้มาร์จิ้น ระวังโดนforcesale เพราะต่ำกว่าฟลอร์ยังมีชั้นใต้ดิน
รึยืมเงินเมียมาซื้อหุ้น แล้วเอาตัวไปปรนนิบัติขัดดอกแทน(นี่ก็ผมเติมให้..)

อ.worapong
ยังลงทุนหุ้นเมกาเป็นส่วนใหญ่ แต่คิดว่าจะแบ่งเงินบางส่วนไปลงกองทุนดัชนีvanguardบ้างแล้ว
เพราะค่าธรรมเนียม0.04%!!(เทียบกับไทย0.5%!!แถมดูเหมือนมีบางกองลักไก่ขึ้นแพงกว่านั้น กลต.จะถือว่าค้ากำไรเกินควรมั้ยเอ่ย..)
เพราะอ.บัฟเฟต์ยังสั่งเสียเมียคนใหม่ว่า ถ้าไม่อยู่แล้วให้ขายหุ้นเบิร์กเชียร์ไปซื้อแวนการ์ดก็แล้วกัน
เมืองไทยไปดูกองทุนroyal lotus ten powerเห็นผลย้อนหลังดี15%ไม่รู้ข้อมูลไม่เท่าเทียมกันป่าว
ถ้าใครลงทุนมาหลายปีแล้วไม่เวิร์ค การซื้อกองทุนอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าฝากเงิน
ส่วนในเมืองไทยเริ่มกลับมาลงทุน(แปลว่าเริ่มมีmosมั้ยฮะ)หุ้นแบบพีอีต่ำ ปันผลใช้ได้ pbvโอเค ได้ผลใช้ได้
ฟังไม่ทันว่ามีสหพัฒน์ทั้งสองตัว แล้วอะไรอีกสองสามตัวช่วยมาเติมให้ด้วยเน้อ..
อ.ศึกษาเลือกหุ้นแบบงานวิจัยอ.ไพบูลย์(ถ้าจำไม่ผิดpe<10pbv<1div>3%ซื้อหว่านแล้วเปลี่ยนตัวทุกปี)ยังผลตอบแทนไม่ค่อยดีนัก(แปลว่าหุ้นยังแพงอยู่มั้ยฮ

วีไอสายสนิท(absolutely late)ไม่มีสนม รายงานน้ำจิ้มมีตติ้งจร้า..

ขอบคุณมากๆครับ ถ้ามีสัมมนาดีๆจะมาแชร์ครับ
วันเสาร์ที่ผ่านมาไปฟัง ดร ภาพร มา เรื่องกลภาษี ไว้จะขอรวบรวมมาลงให้ครับ

[arica]

(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60

(แชร์โดยพี่กานต์) จากการดูคลิปต่างๆ บรรยากาศการประชุมของ Berkshire Hathaway แตกต่างกันของบ้านเรา จะมีการนำสินค้าของกิจการต่างๆ มาตั้งบูทขายของหลายอย่าง ผู้มาร่วมประชุม มีมากมายหลายหมื่นคนมาคอยเข้าคิวยาว เริ่มต้นการประชุม มีนักลงทุนคนหนึ่ง ต่อต้านการถือหุ้นโค้ก ให้ขายไป เพราะกินแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ ปู่และคู่หูของปู่ ก็ให้เหตุผลว่า กินทุกวันไม่เห็นเป็นอะไรเลย หากกินโค้กทุกวันแล้วอายุสั้นลง 1 ปี ก็ไม่เป็นไร ถ้าต้องกินบล็อคโครี่ตลอดชีวิต ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ วอเรน แนะนำคนๆ หนึ่ง เป็นผู้ก่อตั้งกองทุนรวม Vanguard กองทุน Index Fund จากระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา Index Fund ให้ผลตอบแทน 7% ทบต้น ส่วน Active Fund ให้ผลตอบแทนเพียง 3% ทบต้น ในการประชุมครั้งนี้ วอเรน แนะนำการลงทุนใน Index Fund เพราะถือแล้วสบายใจ และสามารถมีเวลาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้นอีกด้วย ก็นับเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน


Q: เกี่ยวกับหุ้นเพิ่มทุน ทั้งแนว IPO, dividend stock, เพิ่มทุนปกติ จะพิจารณาอย่างไรในการลงทุนเมื่อเทียบอัตราการเพิ่มทุนและอัตราการเติบโตของกิจการ
A: หามาร์เก็ตแคปของกิจการ (หุ้นเพิ่มทุน บวกหุ้นปัจจุบัน มาคำนวณ) และพิจารณาการเอาเงินเพิ่มทุนไปใช้ลงทุนให้เกิดประโยชน์เพียงใด ได้ผลตอบแทนได้เพียงใด และพิจารณาว่า ได้ forward P/E เท่าไร ดูสัก 2-3 ปี ถ้าดูเพียงปีเดียว ทำอะไรไม่ได้เท่าไร (หุ้นที่มี D/E สูง มีโอกาสที่จะเพิ่มทุนได้)

Q: พิจารณาว่า กิจการเอาเงินเพิ่มทุนไปใช้อะไรที่ได้ผลตอบแทนได้สมเหตุสมผล
A: อาจดูได้จาก ROE ของกิจการได้ หากกิจการที่จ่ายปันผลเป็นหุ้นนั้น จะเห็นได้ว่า กิจการเชื่อว่า เอาเงินไปทำผลตอบแทนได้มาก สำหรับ ROE อาจดูจากอดีตหรือ forecast ก็ได้

- หุ้น Growth ที่ปรับตัวลงมา มีบางตัวที่มี P/E เริ่มสมเหตุสมผลแล้ว โดยมอง forward P/E ราวๆ 25 เท่า(จากประสบการณ์ที่ผ่านมา) / ยิ่งต่ำยิ่งดี (โอกาสที่หุ้น Growth ลงมาต่ำกว่า 20 เท่า ค่อนข้างที่จะยากมาก หากต่ำกว่า 20 เท่า ต้องซื้อเลย ตัวอย่างเช่น HMPRO ในสมัยก่อน ตอน 6 บาท)

- กรณีเพิ่มทุนของ LHBANK ที่เพิ่มทุนมากกว่าราคาตลาด มีผลดีต่อผู้ถือหุ้นเดิม พิจารณาหุ้นแบงค์ ควรใช้ bookในการพิจารณา ปัญหาไดรูทเกิดขึ้นทันที ในขณะที่เงินที่เพิ่มมา จะเอาไปหาผลตอบแทนได้เท่าไร ในอนาคต

กราบขอบพระคุณครับ

[arica]

ขออนุญาตตอบท่านarica สำหรับหนังสือแนะนำดีๆให้เพื่อนๆห้องนี้ตลอดนะฮะ

หุ้นที่ไม่น่ามีผลจากEVในมีตติ้งเที่ยวนี้คือ
1. หุ้นยางใหญ่(กิ๊กเก่าผม ยังไม่ได้ซื้อกลับเลย มาบิลท์เผื่อพี่K-TAWตอบแทนไอติมหวานอร่อยนะฮะ กับเผื่อท่านamornkowaตอบแทนเลคเชอร์ดีๆจากวงในไฮโซโห่ฮิ้วทางกรุงเทพ)
คือทั้งรถไฟฟ้ารึน้ำมันก็ต้องใช้ยาง ตกลงข้อพิพาทเรื่องโรงงานถุงมือยางได้แล้วโดยยอมซื้อหุ้นกลับแพงๆ
ไม่แน่ใจว่ายังผลิตได้ดีมั้ยแต่เห็นว่ายังขายดีอยู่ สวนยางห้าหมื่นไร่ก็เริ่มกรีดได้
พี่K-TAWว่าทางเมืองจีนมีกฎใหม่ที่ต้องต่อรถพ่วงบรรทุกเพิ่มซึ่งต้องใช้ยางขนาดใหญ่เยอะ(ไม่ได้ถามว่าขนของทางรถไฟรึรถบรรทุกมากกว่ากัน ราคาน้ำมันต่ำๆจะมีผลต่อราคายางเยอะมั้ย)
รถออกแล้วจะโดดขึ้นเลย รึรอให้ถอยมาทับก่อนก็คำนวนmosกันดูนะฮะ
2. หุ้นปั๊มปีเตอร์(ตอบแทนท่านsaichonคนหล่อนิ่งๆพันธ์อึดทะลุฟ้า(หมายถึึงความสูงยอดดอย..))
น้ำมันที่ปั๊มนี้ส่วนใหญ่เป็นดีเซล ซึ่งรถใหญ่ เครื่องจักรเกษตร พวกนี้ค่าพลังงานต่อน้ำหนักของแบตเตอรี่ยังแพ้น้ำมันดีเซลฮะ เรื่องขยายปั๊มก็เป็นเบอร์1ได้แน่นอน แต่เรื่องส่วนแบ่งการตลาดทำได้ป่าวนี่ไม่เกี่ยวกันนะจ๊ะ
ไตรมาส1ค่าการตลาดดีเซลลดลง กำไรลด ราคาร่วง ลงมาเกือบครึ่ง คำนวนmosกันดูนะฮะ
สองตัวนี้คือหุ้นน่าสนใจ2ใน6ตัวที่ให้ไปศึกษาดูฮะ อีก4จำไม่ใด้..

เข้าประชุมเที่ยวนี้ ผมไปสายแถมหลงสถานที่อีกฮะ รอท่านAnieLeeมาใบ้หุ้นตามระเบียบนะฮะ
จองนาทีแรกเต็ม แปลว่าคุณภาพและอุปสงค์สูงมั่กๆ อ.ก็ทำท่าจะเสนอให้จับสลาก แต่สมาชิกก็บอกว่าเอาแบบนี้แหละ แย่งกันมันส์ดี(สู้ชีวิตจริงๆ)
บางท่านก็แนะให้เช่าโรงยิมทำแบบเบิร์กเชียร์ไปเลย จะได้กระจายความรู้ให้ทั่วถึง ไหนๆอ.ก็เสียเวลา เสียน้ำลายแล้ว ได้เงินเยอะขึ้นก็บริจาคใด้หลายแห่งมากขึ้นไงฮะ
ผมขอเสนอให้รับสมาชิกเพิ่มนะฮะ เอาแบบจองทันclass Aนั่งแถวใน ถามคำถามได้ จองไม่ทันclass B
นั่งแถวนอกไม่มีอาหารให้ ฟังเฉยๆรึใช้ให้class Aถามให้ ดีมั้ยฮะ (ใครลองทำpoleดูมั้ยอ่ะ)

Theme ฤ หุ้นลงจนมีmosแล้วยัง?
อ.ลูกอิสาน(ฟังมาไม่ครบ ไม่ได้จด ช่วยเสริมให้ด้วยนะฮะ)
หุ้นลงทำได้สามสเตป
1. ถัว
ต้องมั่นใจว่าหุ้นนั้น พื้นฐานไม่เปลี่ยน ราคาลงจากนายตลาด ห้ามถัวจนสัดส่วนมากเกิน%ที่ควรถือ
เช่นหุ้นห้าตัว ไม่ควรถัวจนเกิน20%ไปมากๆ จนเป็นผู้ถัวหุ้นรายใหญ่จนตัวตาย(อันหลังผมเติมให้)
เพราะถ้าเกิดblack swan ก็เจ๊งเลย
วีไอควรกำไรน้อยๆหรือมากๆบ่อยๆ ขาดทุนทีละน้อยนานๆครั้ง ไม่ใช่กำไรทีละน้อยแต่ขาดทุนครั้งละมากๆ(ท่านsaichonหัวเราะก๊าก สงสัยขำตัวเอง..)
2. เปลี่ยนหุ้น
ขายตัวที่ลงน้อยๆ ไปซื้อตัวที่ลงเยอะๆ(มีmosมากกว่า)
3. กู้มาซื้อหุ้น
เช่นใช้มาร์จิ้น ระวังโดนforcesale เพราะต่ำกว่าฟลอร์ยังมีชั้นใต้ดิน
รึยืมเงินเมียมาซื้อหุ้น แล้วเอาตัวไปปรนนิบัติขัดดอกแทน(นี่ก็ผมเติมให้..)

อ.worapong
ยังลงทุนหุ้นเมกาเป็นส่วนใหญ่ แต่คิดว่าจะแบ่งเงินบางส่วนไปลงกองทุนดัชนีvanguardบ้างแล้ว
เพราะค่าธรรมเนียม0.04%!!(เทียบกับไทย0.5%!!แถมดูเหมือนมีบางกองลักไก่ขึ้นแพงกว่านั้น กลต.จะถือว่าค้ากำไรเกินควรมั้ยเอ่ย..)
เพราะอ.บัฟเฟต์ยังสั่งเสียเมียคนใหม่ว่า ถ้าไม่อยู่แล้วให้ขายหุ้นเบิร์กเชียร์ไปซื้อแวนการ์ดก็แล้วกัน
เมืองไทยไปดูกองทุนroyal lotus ten powerเห็นผลย้อนหลังดี15%ไม่รู้ข้อมูลไม่เท่าเทียมกันป่าว
ถ้าใครลงทุนมาหลายปีแล้วไม่เวิร์ค การซื้อกองทุนอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าฝากเงิน
ส่วนในเมืองไทยเริ่มกลับมาลงทุน(แปลว่าเริ่มมีmosมั้ยฮะ)หุ้นแบบพีอีต่ำ ปันผลใช้ได้ pbvโอเค ได้ผลใช้ได้
ฟังไม่ทันว่ามีสหพัฒน์ทั้งสองตัว แล้วอะไรอีกสองสามตัวช่วยมาเติมให้ด้วยเน้อ..
อ.ศึกษาเลือกหุ้นแบบงานวิจัยอ.ไพบูลย์(ถ้าจำไม่ผิดpe<10pbv<1div>3%ซื้อหว่านแล้วเปลี่ยนตัวทุกปี)ยังผลตอบแทนไม่ค่อยดีนัก(แปลว่าหุ้นยังแพงอยู่มั้ยฮะ)

วีไอสายสนิท(absolutely late)ไม่มีสนม รายงานน้ำจิ้มมีตติ้งจร้า..

กราบขอบพระคุณครับผม

[amornkowa]

ขออนุญาตแชร์เนื้อหามีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60 ครับ

ข้อดีของการเป็นนักลงทุน คือ เวลาธุรกิจไม่ดี เราสามารถขายหุ้นออกไปได้ แต่เจ้าของธุรกิจ ไม่สามารถจะทำแบบนักลงทุนได้ นักลงทุนมีความยืดหยุ่นได้

ปีนี้ อ.โจ ชอบ เพราะเป็นตลาดไซด์เวย์ หุ้นจะขึ้นหรือลง ขึ้นกับตัวของกิจการเอง ตัวที่ดี ราคาก็ขึ้นได้ ตัวที่ไม่ดี ราคาก็ลง เป็นตลาดที่วัดกันที่ฝีมือจริงๆ

จากข้อมูลของภาครัฐฯ ที่บอกว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ กำไรจากบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นนั้น เป็นกำไรที่กระจุกตัว เฉพาะกลุ่ม เช่น ปิโตรเคมี เป็นต้น กลุ่มอื่นๆ ค่อนข้างแย่ทั้งหมด ตลาดหุ้นจึงไม่ไปไหน ราคาหุ้นขึ้นกับผลประกอบการของกิจการ ประเทศไทยในอนาคต มีการเติบโตของ GDP ค่อนข้างต่ำมาก

หุ้น Turnaround เป็นหุ้นที่เป็นท่ายากพอสมควร หุ้น Turnaround เป็นหุ้นที่เริ่มจะกลับมาดี ต้องมีความชัดเจนว่า รอดแน่ๆ และมีปัจจัยที่จะทำให้มันฟื้นได้ชัดเจน และมีตัวเลขทางการเงินที่เริ่มดีขึ้น ต้องมีแนวโน้มที่จะ Turnaround ได้จริง ไม่ใช่แค่มีแต่ความคาดหวัง เช่น หุ้นวุฒิศักดิ์ หุ้นโซล่าร์ ที่ไม่มีอะไรชี้ชัดว่า Turnaround อย่างจริงจัง คนมโนไปเองว่าจะ Turn ทำให้เกิดความเสียหาย

หากมีการผิดพลาดในการลงทุน ต้องมีวิธีการจัดการทันที อย่าให้รุกลามไปมาก ต้องรู้จักแพง อย่าปล่อยให้เสียหายหนักมาก ปีนี้ มีหุ้น Growth ที่โดนกันเยอะมาก เช่น GL เป็นต้น ดังนั้น การลงทุนที่ค่อนข้างโอเค น่าเป็นการลงทุนที่ไปเรื่อยๆ ไม่แตกแถว การลงทุนก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ รอให้ผลของดอกเบี้ยทบต้นทำงานเอง อาจใช้เวลาหลายปีหน่อย

สำหรับผลตอบแทนในภาวะตลาด Sideway ได้สัก 15% -20% ต่อปี ควรที่จะทำได้ โดยให้วัดผลตอบแทนเป็นปี อย่าไปวัดผลรายไตรมาส ทำให้โฟกัสระยะสั้นมากเกินไป ราคาหุ้น อาจนิ่งถึง 3-4 ปี แต่ราคาหุ้นอาจขึ้นไปได้เป็นเท่าๆ ภายใน 1 สัปดาห์ ก็ได้เช่นกัน ในการตั้งผลตอบแทนที่กล่าวถึง เป็นผลตอบแทนระยะยาวเฉลี่ยทบต้น ไม่ใช่เป้าผลตอบแทนรายปี เรา(นักลงทุน) ควรพยายามทำไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องไปตลอด สุดท้ายก็น่าประสบความสำเร็จได้ ถึงแม้จะช้าหน่อย ถ้าอยากสบายใน 10 ปีข้างหน้า เราต้องทำวันนี้

การประเมินรายได้ฯ ของอสังหาฯ ที่มีรายได้ไม่แน่นอน ค่อยข้างจะประเมินยาก เพราะรายได้ไม่สม่ำเสมอ หากคอนโดฯ ของกิจการนั้น เป็นโครงการที่มีกำไรแบบมีนัยยะ ก็กล้าที่จะลงทุน แต่ราคาต้องไม่แพงเกินไป สำหรับรายได้ฯ ก็อย่าไปหวังว่าจะดีต่อเนื่อง เช่น กำไรของกิจการที่จะได้มาในปีนั้น คิดเป็น forward P/E 3 เท่า ก็น่าลงทุน แต่ถ้าคิดได้ forward P/E 10 เท่า ก็ไม่น่าสนใจลงทุน

ขอบคุณพี่เปี๊ยกครับ ไว้รอตามต่อคืนนี้ครับ

[AnieLee]

ขอบคุณมากๆครับ ถ้ามีสัมมนาดีๆจะมาแชร์ครับ
วันเสาร์ที่ผ่านมาไปฟัง ดร ภาพร มา เรื่องกลภาษี ไว้จะขอรวบรวมมาลงให้ครับ

ขอบคุณครับ พี่อมร

[amornkowa]

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=49&t=60910

เชิญชวนคนที่อยู่กรุงเทพในวันที่ 26 มิย 17 11.00-12.00
CV CPALL
ลงทะเบียนตั้งแต่10.00 วันนี้ที่webboard ครับ
ที่นั่ง12คนเท่านั้น

แล้วเจอกันนะครับ

[amornkowa]

กลบัญชี ภาคพิเศษ โดย ดร ภาพร
ดร ภาพร มาพูดถึงการตกแต่งบัญชีของต่างประเทศ

1. Lotxx UK ปี 2014 แต่งรายได้กว่า $263M ในช่วงที่รายได้ตก ก็ตกลงก็คนขาย
ว่าจะโปรโมทสินค้าให้ โดยการรับเงินล่วงหน้าแล้วนำมารับรู้รายได้ ทำให้รายได้โตเกินจริง
หลังจากที่ตรวจพบ Lotxx จ่ายค่าปรับ $162M + ค่าชดเชยให้กับนักลงทุนที่ขาดทุน
จากการลงทุนในหุ้นบริษัทนี้ เพราะหลงเชื่อว่ารายได้โต

2. Sino-Forxxt เป็นการร่วมทุนระหว่าง Mr Chan ซึ่งจบ แค่ม ปลาย กับ Mr Poon วิศวกร
บริษัทร่วมทุนกับบริษัทในจีน และ รัฐวิสาหกิจ ผลิตไม้ Fibre board สำหรับงานก่อสร้าง
ลวงตลาดด้วยข้อมูลการลงทุน คือ ประกาศซื้อแมนดร้าและป่าไม้ 7.5 แสนไร่ บอกว่าจะได้
กระแสเงินสดเข้ามามาก แต่บริษัทที่ซื้อผิดนัดชำระหนี้อยู่ ซึ่งได้เงินเพิ่มทุนมา $800M
จ่ายเงิน $7.1M ซื้อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับรองประธาน บอกว่ามีสิทธิบัตรที่มีค่ามาก
เปิดเผยสินทรัพย์สูงเกินจริง แจ้งพื้นที่ต้นไม่เกินจริงไป 1ล้านไร่
ผู้บริหาร Mr chan & poon ขายหุ้นทำกำไร เป็นสัญญาณไม่ดีสำหรับหุ้น
หุ้นขึ้น เพราะคนเชื่อว่า เศรษฐกิจดี เป็นการเล่นข่าว
สุดท้ายบริษัทโดนรัฐวิสาหกิจจีนฟ้องว่าทำการไซฟ่อนเงิน $1M

3. บริษัทญี่ปุ่นชื่อดัง Toshixx หลังจากทำธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์
ก็แตกlineไปธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้อง
คือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่เนื่องจากเจอเหตุการณ์โรงไฟฟ้าฮิโรชิม่าระเบิด ทำให้ธุรกิจเดินต่อไม่ได้
ผู้บริหาร คือ ประธาน 3 คน ทำการแต่งบัญชีต่อเนื่องรวม 7 ปี ในส่วนของ นิวเคลียร์ พีซี เครื่องใช้ไฟฟ้า
Semi-conductor แต่งบัญชีสูงเป็นอันดับ 2 รองจากโอลิมปัส
ตัวอย่างการลงทุนในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ใช้เรื่องการบันทึกรายได้ตามสัดส่วนงานที่เสร็จ ซึ่งเป็นช่องทาง
ให้ตกแต่งรายได้เกินจริง สุดท้ายอยู่ในสภาพอาจล้มละลายทั้งบริษัท

4. บริษัท Olymxxx ทำธุรกิจกล้องถ่ายรูป เครื่องส่องกล้องลำไส้
แต่งบัญชีสูงสุดในประวัติการณ์ของญี่ปุ่น มานานเป็นสิบปี โดยร่วมกันระหว่าง ประธานบอร์ด รองประธาน
กับ ผู้สอบภายใน ความแตกจากการแต่งตั้งผู้บริหารชาวอังกฤษมา เขาพบว่า มีหลายธุรกรรมไม่โปร่งใส
เขาถูกเลิกจ้างภายใน 6 เดือนหลังจากรับตำแหน่ง หลังจากนั้นเรื่องจึงถูกเปิดโปงขึ้นมา
วิธีการตกแต่งบัญชี โดย เล่นกับบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วม โดยโอนเงินลงทุนไว้นอกบริษัทระยะหนึ่ง
แล้วค่อยเอากลับเข้าบัญชีตอนงบดีขึ้น เรียกว่า การแต่งบัญชี แบบ โตบาชิ
วิธีการนี้ต้องร่วมกับธนาคารที่จะปล่อยกู้ให้บริษัทบริวาร ไปซื้อบริษัทใหม่
และมาขายให้กับ บริษัทแม่อีกที ซึ่งจะมีค่าความนิยมสูง และ ค่าที่ปรึกษาสูง
ซึ่งในส่วนนี้เป็นช่องทางให้เกิดการทำแบบไม่โปร่งใส

ตัวอย่างทั้ง 4 บริษัทในต่างประเทศ เป็นตัวอย่างที่อาจเกิดขึ้นในประเทศไหนก็ได้ครับ

[AnieLee]

(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60 ครับ

"Holding Company ของโบรคเกอร์หุ้น" p/bv 0.63 ต่ำ ปีก่อน ธุรกิจไม่ดีเท่าไร pe ก็ไม่แพงมาก คนไม่สนใจ ราคาก็ไม่ค่อยไปไหน รอเวลาหน่อย มีไปลงทุนในหุ้นนอกตลาด (มีซื้อหุ้นน้ำยาปรับผ้า Pipe line) และมีไปซื้ออีกแห่ง (จดชื่อบริษัทไม่ทัน แต่มีแจ้งในรายงานประจำปี) ยึดหลักวีไอเท่านั้นเอง ซื้อหุ้นที่ถูกๆ ไม่มีคนสนใจ

ตลาดรถยนต์คงทรงๆ ปีหนึ่งสัก 6 แสนคัน บวกลบแถวนี้ น่าทรงๆ แบบนี้ต่อไป ยอดส่งออก เอาแน่เอานอนไม่ได้

"เบาะหนัง" รายได้ไม่ได้ขึ้นกับรถยนต์อย่างเดียว ยังมีรายได้ที่รับจ้างผลิตมาด้วย ล่าสุดได้รับ Order จากลูกค้ารายใหญ่ ราว 700 ล้านบาท ตัวเร่งของตัวนี้ อยู่ที่ไปทำธุรกิจใหม่ๆ เช่น เอาเศษหนังไปทำโปรตีน เป็นต้น ราคาหุ้นยังแพงอยู่ P/E มากกว่า 15

เวลาดูหุ้น ให้ดู 2 มิติเสมอ (1) คุณภาพ (2) ราคา โดยดูความคุ้มค่าจาก คุณภาพ หารด้วย ราคา

"ก่อสร้างพลังไฟฟ้า" มี 2 ประเด็นที่พิจารณาลงทุน (1) ซื้อธุรกิจไฟฟ้า ไม่ได้มองธุรกิจรับเหมา (2) เปลี่ยนผู้บริหาร ความเสี่ยงคือ การแปลง Warrant ที่จะเกิดไดรูท ด้านธุรกิจรับเหมา หวังว่า น่าจะ Stable แล้ว

กลุ่มรับเหมาฯ น่าได้รับผลประโยชน์กันถ้วนหน้าจากโครงการภาครัฐฯ ผลประกอบการของกิจการ บางแห่งก็ดี บางแห่งก็ไม่ดี ผลการดำเนินงานน่าขึ้นกับ (1) ผู้บริหาร (2) การบริหารจัดการ
ปกติ อ.โจ เลือกหุ้นโดยใช้แนว Bottom Up แต่มีใช้แนว Top Down ในการเลือกหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อนสร้าง ก็สาเหตุมาจากพวกโครงการเมกะโปรเจคมากมายของภาครัฐฯ ที่คาดว่า จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

ปล. ภาพของ Notes ที่จดบันทึก ด้วย iPad Pro + Apple Pencil สะดวกดีครับ ไม่ต้องพกสมุดโน๊ตแบบกระดาษ

[Moopama]

ขอบคุณพี่ๆAnieLee amornkowa dr1 และพี่ๆคนอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึงมากครับ ที่มาแชร์ข้อมูลกัน
ไว้วันหลังสมัครทันจะไปงานด้วยครับผม ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ

[AnieLee]

(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60 ครับ

"เรือเก่า" (มีเพื่อนบางคน เรียก "เรือผี" ฮ่าๆๆๆ เพราะมันเก่ามาก) ข้อเสีย คือ เข้าตลาดมา จ่ายปันผลมากตั้งแต่ต้น ทำให้คนเข้าใจผิดว่า จ่ายปันผลดี และอาจพลาดไปลงทุน และช่วงนั้น ราคาน้ำมันถูก ทำให้มาร์จิ้นดีมาก ในปัจจุบัน ราคาน้ำมันแพง กำไรเลยตกมาก

"พรมวิเศษ" ซื้อเพราะยอดขายในกลุ่มรวมแล้ว 6 พันล้านบาท แต่มาร์เก็ตแคปของเค้าราวๆ 2 พันล้านบาท มองว่าต่ำไปหน่อย ไม่สมศักดิ์ศรีของกิจการ ผบห ค่อนข้างดี มี vision แต่ระยะสั้น ค่าเงินปอนด์อ่อน เนื่องจาก Brexit ทำให้มีขาดทุนค่าเงิน และยังต้องบันทีก Intangible asset ปลายปี ก็น่าจะมากอยู่ ไตรมาส 2 และ 3 น่ากำไรดี แต่พอมีตัด Intangible asset อาจทำให้กำไรตกไปบ้าง ยกเว้นมีกำไรที่มากพอจะชดเชย ก็โอเค

"เหมืองแม่เมาะ" ถึงแม้ว่า มี Backlog ที่ยาวนานเป็น 10 ปีก็จริง แต่ควรระมัดระวังบางช่วงเวลา เช่น เวลาไม่เปิดหน้าเหมือง รายได้ก็อาจหายไปเลย เป็นต้น เวลาซื้อ มอง p/e สัก 12x น่าจะโอเค

[AnieLee]

(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60

"หุ้นทำธุรกิจทดสอบ" มีไปทำโรงไฟฟ้า ดูแล้ว เป็นท่ายากเกินไป เพราะกิจการไม่มีความเชื่ยวชาญในด้านนี้ แถมไปทำที่ด้อยพัฒนาอีก (รัฐฉาน) ถ้ากำไรไม่ดี ยังไงราคาก็ไม่ขึ้น

"หุ้นทำโครงสร้างเหล็ก มั่งคั่ง" อาจเป็นตัวหนึ่งที่มีโอกาสขาดทุน คล้ายๆ กับหลายๆ บริษัทที่ผ่านมา เช่น <หุ้นในกลุ่มโครงสร้างเหล็ก> เป็นต้น ภาพรวมของอุตสาหกรรม ไม่ค่อยดีมาก ก็ยังไม่น่าสนใจ

"ยาทาให้เด็กคัดจมูกตอนนอน" ควรพิจารณา Warrant ที่เพิ่มทุนมาด้วย และควรคำนึงถึงต้นทุนเม็ดพลาสติกด้วย / มีผู้ร่วมสัมมนาที่ไป AGM มา ให้ข้อมูลว่า โครงการจัดการน้ำในระยะยาว มองว่าสัดส่วนค่อนข้างน้อย และ ผบห ไม่ได้ให้ข้อมูล Backlog มา ผู้ร่วมสัมมนาท่านนั้น มีความเห็นว่า อาจเป็นเกมส์ที่ไม่ชนะ ก็ไม่เล่นดีกว่า

"นักร้อง" ผบห ให้ข้อมูลดีมาก ก่อนที่งบจะออก แต่งบออกมา ค่อนข้างแย่ คงต้องให้เวลาอีก 1-2 ไตรมาสก่อน โดยรวม มองว่า เหนื่อย เพราะเศรษฐกิจสมัยนี้ ไม่ค่อยดี อีกประเด็นคือ หากมีการยึดมือถือกลับมา ก็นำไปขายต่อได้ยาก หรือได้ราคาไม่ดี

[AnieLee]

(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q1/60

"ปล่อยกู้เกษตรกร" เรื่องฝนที่ตกมามาก ส่งผลดีต่อเกษตร แต่ก็ใช่ว่า ฝนตกมาก จะเหมาะกับทุกผลผลิต โดยรวมถือว่า OK / ส่วนการปล่อยกู้ แบบ Personal Loan ที่ทำดีลไว้ผ่านบริษัทฯ โดยปล่อยกุ้ให้กับพนักงาน นั้น หากพนักงานลาออก จะทำอย่างไรกับเงินกู้ที่ยังค้างชำระ เพราะ Personal Loan ไม่มีหลักประกันเลย ก็มีความเสี่ยงตรงหนี้สูญ

"เครื่องกรองน้ำแปลงร่าง" ฐานลูกค้าเงินผ่อนของเครื่องกรองน้ำ มีจำนวนมาก อาจใช้เป็นฐานในการปล่อยกู้สินเชื่อส่วนบุคคลไหม ก็เป็นสินเชื่อไม่มีหลักประกัน ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เหนื่อยเหมือนกัน เศรษฐกิจแบบนี้ ธุรกิจที่ผ่อนๆ ก็เหนื่อยทั้งนั้น ผบห ตั้งเป้าโต 10% ก็น่าห่วงเหมือนกัน (ที่ผ่านมา ตั้งเป้ามากกว่านี้) และมีการปรับนโยบายการผ่อน ทำให้หนี้เสียลดลงมาก

"โรงพ่นสีพ่นพิษใส่กิจการ" โรงพ่นสี ขาดทุนน้อยลง / ธุรกิจก็ยังไม่ค่อยดี

"นักลงทุนวีไออาวุโส" มีสำรองค่าใช้จ่ายการรับประกัน(โอนกลับ) คือ มีการบันทึกค่าใช้จ่ายไว้เผื่อสำหรับการเคลมสินค้า เช่น สมมุติตั้งไว้ 5% ของสินค้า พอส่งสินค้าไปให้ลูกค้าครบแล้ว ปรากฏว่า มีลูกค้าเคลมสินค้าเพียง 1% น้อยกว่าที่ตั้งไว้ 5% ก็ทำให้มีการบันทึกการโอนกลับ แง่นักลงทุน ไม่ดี (ผู้จด เข้าใจว่า ไม่ใช่กำไรจากการดำเนินงาน นลท จึงมองว่า ไม่ดี) แต่สำหรับบริษัท ดี เพราะผลิตสินค้าได้คุณภาพ จึงมีการเคลมน้อย

วันนี้ พอแค่นี้ก๋อนครับ ที่เหลือ เอาไว้โพสต่อวันพรุ่งนี้ครับ

[AnieLee]

(ต่อ) มีทติ้ง หาดใหญ่ Q1/60 ครับ

"หุ้นลูกชิ้นปลา" เศรษฐกิจแบบนี้ ธุรกิจเค้า เหนื่อย คนบริโภคน้อยลง / แซ่บ Classic แนวโน้มดีขึ้น ส่วนธุรกิจส่วนอื่น ยังเหนื่อยอยู่

"หุ้นวุ้นเส้น" ธุรกิจโดยรวม โอเค ถึงแม้จะมีความผันผวนของต้นทุน (มัน, มันเส้น) / ผบห รุ่นใหม่ ก็ค่อนข้างโอเคมากขึ้น

"หุ้นเหล็กเฟอร์ไฟฟ้า" โดยรวม ต้องใช้เวลาอีก และกว่าจะ COD โรงไฟฟ้าได้ ก็ต้องปี 61 / ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ก็ทรงๆ ทรุดๆ

"โรงปูน พลังไฟฟ้า" มีปัญหาเรื่องคดีฟ้องร้อง 2-3 คดี / ข้อดี มีบริษัทลูก (ขายไฟฟ้า เพิ่งเข้าตลาดฯ) และเมื่อลูกเริ่มมี COD โรงไฟฟ้าใหม่ๆ ก็ช่วยให้บริษัทแม่มีกำไรดีขึ้น / ธุรกิจซีเมนต์ มีการแข่งขันกันสูง / ปี 60 มีการเปลี่ยนนโยบายบัญชี ทำให้ค่าเสื่อมลดลงไปราว 1.2 พันล้าน

"หุ้นชื่อสถาบันการศึกษา ย่านปทุมฯ" วิเคราะห์ง่าย แต่ไม่มีการเติบโต กิจการอาจจะเหนื่อย เพราะแนวโน้มใหม่ บริษัทหลายแห่ง อาจไม่ลงทุน Hardware เท่าไรแล้ว

"หุ้นทำเกี่ยวกับตู้โทรศัพท์" มีบริษัทลูกที่เติบโต โดยรวม แง่ธุรกิจ ก็เข้าใจยาก

[AnieLee]

(ต่อ) มีทติ้งหาดใหญ่ Q160 ครับ

"โลก" ธุรกิจเทรดดิ้ง ต้องใช้กระแสเงินสดมาก Working Cap น่าจะติดลบแน่นอน / แง่มูลค่า ควรมอง PE เป็นหลัก ให้ PE ราว 7-8 ก็พอ (พิจารณาจากกำไรจากผลประกอบการ ไม่รวมกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน) สำหรับคนที่จะลงทุนในจังหวะนี้ ก็ต้องขึ้นกับความเสี่ยงของแต่ละคนว่า รับความเสี่ยงได้มากขนาดไหน

* การลงทุน สุดท้ายเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า คิดถูกหรือไม่ เซียนลงทุน คิดถูกเยอะๆ ถูกบ่อยๆ แต่ผิดน้อยๆ และผิดไม่บ่อย

"โรงกลั่นน้ำมันจิ๋ว" มีคดีสำคัญอยู่ 2 คดี คือ
• "พี่เบิ้มน้ำมัน" ไม่ส่งวัตถุดิบให้ "โรงกลั่นน้ำมันจิ๋ว" โดยอนุญาโตตุลาการ ให้ทาง "โรงกลั่นน้ำมันจิ๋ว" ชนะ แต่ทาง "พี่เบิ้มน้ำมัน" ไม่เห็นด้วย จึงต้องไปฟ้องศาล รอคำตัดสิน
• วัตถุดิบที่ "พี่เบิ้มน้ำมัน" เคยส่งให้ทาง "โรงกลั่นน้ำมันจิ๋ว" ไป ทาง "โรงกลั่นน้ำมันจิ๋ว" ไม่ยอมจ่ายเงินค่าวัตถุดิบให้ เลยโดนทาง "พี่เบิ้มน้ำมัน" ฟ้องเช่นกัน
คดีทั้งสองนี้ เป็นจุดชี้เป็น/ชี้ตายของ "โรงกลั่นน้ำมันจิ๋ว"

"ยางใหญ่" ไม่สามารถดูกำไรรายไตรมาสได้ (ควรดูกำไรรายปี) สวนยาง เริ่มกรีดได้แล้ว / มีสวนยาง 5 หมื่นไร่ / ธุรกิจถุงมือยาง น่าเป็นจุดชี้เป็นชี้ตาย โดยทาง "ยางใหญ่" เข้าซื้อกิจการมาเลย (ตรงนี้อาจเป็น Catalyst ก็ได้) / ปีก่อน ขาดทุนเยอะ เพราะโรงงานไฟไหม้ / ความเสี่ยงที่ต้องคำนึง: ค่าเงิน และ วัตถุดิบ

* เวลาถือหุ้น/ติดดอย พยายามมองเป็นกลาง อย่ามีอคติในการคิด