แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 331

โพสต์

กำลังซื้อตอนนี้ที่บ่นกันจริงบ่นกันจัง ว่าประชาชนไม่มีเงินซื้อข้าวซื้อของนั้น
แต่มีธุรกิจบางอย่างที่มีขายคล่องมากในช่วงนี้คือ พวกธนบัตรและเหรียญที่ระลึก
ธนบัตรเก่าและเหรียญเก่าๆ จริงอยู่มีมูลค่าตามเวลาที่เพิ่มขึ้น แต่ทว่าในช่วงนี้
ทั้งสองสิ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้น ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 เป็นต้นมา
จากเดิมที่กรมธนารักษ์ รับแลกต่างๆมีประชาชนน้อยมากๆ เจ้าหน้าที่นั่งตบยุง
เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ความต้องการสูงมากๆ เรียกได้ว่ามีเท่าไรแลกหมด
ธนบัตรก็เกิดปรากฏการณ์ต่อคิวกันตอนตีสองตีสาม เหมือนยุคหนึ่งสมัยหนึ่งที่นอนจองหุ้นจอง
ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์เลยทีเดียว
เรียกได้ว่าเปิดแลกเมื่อไร ธนบัตรที่ระลึกนั้นมีคนต่อคิวยาวจนล้นออกมา

ดังนั้นไม่ใช่ ประชาชนไม่มีเงินที่จับจ่ายแต่ทว่าช่วงนี้เป็นช่วงของการสะสมธนบัตรเก่าและเหรียญที่ระลึกนั้นเอง
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 332

โพสต์

ช่วงนี้ธุรกิจอะไรเป็นดาวรุ่ง ในช่วงที่เศรษฐกิจโต 3.3-3.5% แบบนี้ลองนึกกันดู
สิ่งที่ผมนึกได้ และได้เขียนไว้ข้างบนคือ ธุรกิจแลกเหรียญและธนบัตรที่ระลึก ในโอกาสต่างๆ
ที่ราคาในการแลกซื้อตอนนี้สูงกว่า 3 เท่านั้น ของมูลค่าหน้าเหรียญหรือธนบัตรเหล่านั้น
ธุรกิจต่อมาที่เป็นดาวรุ่งคือ ร้านอัดรูป ที่กำลังดีในช่วงนี้เพราะ รูปที่มีทุกบ้าน นั้นเอง
เมื่อมีธุรกิจของร้านอัดรูปเป็นรูปที่มีค่อนข้างใหญ่แล้ว ต้องเอามาใส่กรอบเป็นที่เคารพ ทั้งแบบแขวนหรือแบบตั้งโต๊ะ
ก็ต้องเอารูปดังกล่าวไปใส่กรอบนั้น ทำให้ร้านใส่กรอบรูปช่วงนี้ งานหนักมากๆๆ ทำกันไม่ทัน เลยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วธุรกิจที่เกี่ยวข้องในเรื่องหนังสือที่ระลึก ก็ต้องจัดพิมพ์ ต้องรวบรวมข้อมูล รวบรวมรูปภาพ
ก็ขายดิบขายดี รวมถึงหนังสือการ์ตูน ที่ราคาเบาๆๆไม่แพง ฮิตทั้งบ้านทั้งเมือง เรียกได้ว่า พิมพ์ซ้ำกันเลยทีเดียว ในส่วนนี้
และหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในช่วงนี้ก็ขายดิบขายดี นั้นคือ ทั้งร้านหนังสือ,สายส่ง,โรงพิมพ์กลับมา เริ่มตาอ้าปากอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ซบเซามานาน คนไม่ค่อยเดินร้านหนังสือ เป็นการดูดเงินออกจากกระเป๋าของประชาชนได้ดีในช่วงนี้

ดังนั้น ธุรกิจที่ดีในช่วงนี้ก็มี แต่ทว่าคุณสังเกตรอบตัวคุณหรือเปล่า

อนึ่งในส่วนของธุรกิจที่แย่ในช่วงนี้คืออะไร
คือร้านบันเทิงเริงรมทั้งหลาย ที่แย่ เนื่องจาก ภาวะชะงักงันมีรายการพิเศษตลอด 30-31 วันที่ผ่านมา
ห้ามเปิดเพลงภายนอกร้าน ทำให้ประชาชนไม่มีกิจกรรมบันเทิง ลานเบียร์ปลายปีก็ไม่มีการประชาสัมพันธ์ ว่ามีกิจกรรม
สังเกตได้ว่า ลานใหญ่ของกรุงเทพไม่มีการจัดลานเบียร์เช่น หน้า CTW ,สยาม ,เพชรบุรี หรือตามหน้าโรงแรม ก็ไม่มีปรากฏให้เห็น ยอดขายน้ำยอดข้าว ก็โดนกระทบหรือเปล่า รอดูตัวเลขอีกครั้งหนี่ง
ผลกระทบดังกล่าวอาจจะเป็นการกระทบช่วงคราว นั้นคือโอกาสของนักลงทุนที่เข้าไปดูว่า กระทบแล้วกิจการปรับตัวอย่างไร
ผมเชื่อว่า รัฐก็เข้ามายุ่งเกี่ยว ให้ประคับประคองกิจการที่กำลังแย่ไม่ให้ล้มลงไป หรือทำให้เกิดความพอดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้นเอง

เราขอออกตัวว่า เรามองตรงกับความจริงเป็นอยู่ มิใช่ เขียนเพื่อให้เกิดอะไร เขียนเพื่อให้สังเกต
เกิดการมองว่า บ้างครั้งกิจกรรมที่เราไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเรานั้น มันรุ่งเรืองหรือเปล่า ดีแต่คนอื่นแย่หรือไม่
มองให้ออก มองให้ทะลุ แล้วคุณจะหาหุ้น Turn around หรือกิจกการที่ดีในช่วงเวลาหนี่ง ที่ตลาดให้ PE ,PEG หรือ Premium ที่ผิดปกติจากธรรมดาของอุตสาหกรรมหรือไม่

:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 333

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ 2017
อาจจะกล่าวคำว่าสวัสดีปีใหม่ 2017 ช้าไป แต่อย่างไรก็ปีใหม่เข้าสู่ปีไก่ แล้ว
ปี 2017 ตรุษจีน วันที่ 28 มกราคม 2017 มาเร็วกว่าทุกๆปี ที่อยู่ราวเดือนกุมภาพันธ์ นั้นเอง
ปี 2017 เปิดมาก็เกิดภาวะน้ำท่วมทางภาคใต้ เป็นรอบที่สองในช่วงระยะเวลา 2 เดือน คือ เดือนธันวาคม 2016 รอบหนึ่งและก็เกิดรอบเดือน มกราคม 2017 อีกรอบหนึ่ง งานนี้ต้องบอกว่า ถอยก่อนแล้วค่อยฟื้นอีกครั้งหรือไม่ เหมือนครั้นที่เกิดกับมหาอุทกภัย 2554 อีกไหม หนอน่าคิด Infrastructure พังอย่างมากมาย และไม่เพียงแค่นั้นกระทบถึงความเป็นอยู่ประชาชนอย่างยิ่งในช่วงนี้
น่าคิดว่า รอบมหาอุทกภัยนั้น ระยะเวลาการฟื้นตัวมันสั้นมากๆ ไม่เกิน 1 ปีก็กลับมาแล้ว ทุกหน่วยลงไปช่วยเหลือ
ไม่เพียงแค่นั้น พนักงานบริษัท ก็ได้เงินพิเศษในการช่วยเหลือ เป็นสมาชิกสหกรณ์ต่างๆก็ได้เงินพิเศษ และรัฐก็ให้เงินช่วยเหลืออีกต่างหาก แต่รอบนี้ยังไม่ค่อยมีอะไรคืบหน้าเท่าไร เพียงแค่ออกแค่มาตราการภาษี มาเท่านั้นที่ให้ 1.5 เท่าของเงินบริจาค
น้ำท่วมภาคใต้รอบนี้ สิ่งที่น่าสังเกตคือ จังหวัดสงขลา ที่เป็นจังหวัดหัวใจของภาคใต้ไม่กระทบหนักเหมือนครั้นในอดีตที่ผ่านมา
เป็นไข่แดงที่ไม่โดนในรอบนี้
ส่วนเรื่องที่น่าสนใจช่วงนี้ พุ่งประเด็นไปในเรื่องของ Facebook live ที่ตอนนี้ บุคคลที่เป็นหัวหอกในเรื่องการรายงานข่าวน้ำท่วมปี 2554 นั้น ได้ออกสื่อผ่าน Facebook live เพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิดว่า สื่อหลัก คือ ไม่ว่าเป็นทางโทรทัศน์ ,ทางวิทยุ, ทางหนังสือพิมพ์ ไม่ค่อยได้ดำเนินการนำเสนอข่าวความเดือดร้อนของประชาชนเลย แต่ทว่าพอหัวหอกขยับตัวเท่านั้นแหละ ทุกอย่างระดม เหมือนรอคนจุดพลุ (รอคนจุดประเด็น) เท่านั้นแหละทุกอย่างระดมลงไปช่วยเหลืออย่างจริงจังเลย มันก็น่าแปลกใจว่า ตอนนี้ โลกเดิมที่เราอยู่กัน กับ โลกใหม่ที่เป็นดิจิตอล มันเข้าใจกันทุกๆทีเลย แทบแยกไม่ได้ออกระหว่าง Physical กับ Digital เข้าไปทุกที
น่าคิดเป็นการบ้านล่ะกัน สำหรับเพื่อนๆนักลงทุนครับ
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 334

โพสต์

ตลาดมือถืออิ่มตัวหรือเปล่า
ตอนนี้สังเกตได้ว่า รอบตัว มีแต่สายชาร์จประเภท USB ของ Anroid ไม่ค่อยเจอเจอะคนที่ใช้ Iphone เท่าไร
สินค้าของ Anroid ตอนนี้ไม่ได้แข่งขันกันที่ใครมี แต่แข่งขันกันทุกอย่าง ไล่ตั้งแต่ ราคาของเครื่องกับ Feature ของเครื่องที่ให้ ยุคนี้ต้องกล้องชัด ใช้แล้วลื่น ไม่ใช่ เปิดอะไรที่นั่งคอย จาก Anroid ต้นฉบับก็เกิดการโมดี้ฟรายให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ของแค่ละยี่ห้อ เป็นตัวเฉพาะบนพื้นฐานของ Anroid แล้วรุ่นก็ออกมาเพียบเลย ค่ายเดียวกัน ออกมาเป็น 10 รุ่น
ปัญหาของผู้บริโภคคือ เมื่อ ออกมามากรุ่น แล้วการบำรุงรักษามีผลกระทบ ในเมื่อไม่ได้เป็น Mass product มันก็ไม่ได้เกิด ต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลงเมื่อผลิตจำนวนมากๆ อะไหล่ทดแทนก็หาได้อยากมากๆ อย่างเช่น คนใกล้ตัว จอแตกไปถามคลองถม เดินหาทุกร้านเจอะเจอร้านเดียว ราคานี้ เพิ่มอีกไม่กี่พันซื้อเครื่องใหม่ได้ แต่พอไปศูนย์บริการที่มาบุญครอง ถูกกว่าไม่เท่าไร ได้ราคาครึ่งหนึ่งของเครื่อง เนี่ยแค่จอแตกอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนอีกค่ายหนึ่งคือ iphone ไม่ต้องพูดถึง อะไหล่เพียบ ตอนนี้ยังซ่อมพวก iphone4 หรือ 4s ได้อยู่เลย มีอะไหล่ครบที่คลองถม
อันนี้เปรียบเทียบให้ชัดเจนเหมือนรถยนต์ที่ประเทศไทย มองไปทางไหนก็มี โตโยต้า ครองตลาด มันทำให้อะไหล่ของโตโยต้าเพียบ เดินไปแหล่งอะไหล่รถยนต์มีแต่โตโยต้า ทั้งของแท้และของเทียมเพียบ แต่หากเป็นค่ายเฉพาะ งานนี้ก็ยากหน่อย บางที่รออะไหล่ส่งจากเมืองนอกเป็นเดือนเลย
บางที่สินค้าที่อยู่ในตลาดแล้วออกสินค้าใหม่มา ก็ทำให้สินค้าเดิมขายได้น้อยลงกว่าเดิม
อย่างเช่น ยอดขายของ Ipad กับยอดขายของ Iphone 6s plus หรือ iphone 7plus น่าสงสัยว่า ผู้บริโภคไม่ได้ซื้อ iPad แต่หันไปซื้อ iphone 6s plus หรือ iphone 7 plus เป็นตัวทดแทนหรือเปล่า
หรือ Notebook กับ Microsoft Surface ตัวนี้เห็นได้ว่า Microsoft Surface มีขนาดหน้าจอเท่ากัน แต่ทว่าไม่มีพอ Keyboard จุดนี้ทำให้ยอดขายของ Notebook ร่วงหนักเข้าไปใหญ่หรือเปล่า
สิ่งที่เขียนหรือแบ่งปันไป มันเป็นเรื่องที่น่าคิดอยู่
กลับมาสู่เรื่องของมือถือต่อ Anroid รุ่นเดียวกัน แต่ทว่า เปิดใช้งาน ที่เก็บรูปภาพไม่เหมือนกัน อันนี้หากเป็นโปรแกรมจะรู้ คำสั่งเดียวกันเลย แตกต่างกันที่คนละยี่ห้อเท่านั้นแหละ สิ่งที่ได้แตกต่างกัน ผลลัพธ์ออกแตกต่างกัน อันนี้ต้องระวังไว้ด้วย
อนาคตเมื่อเกิดความยุ่งยากในเรื่องมากเท่าไร อาจจะทำให้ ผู้พัฒนาหนี หรือ ผู้พัฒนาจับมือกับผู้ผลิต ส่วน Anroid ก็จะลดบทบาทลงไปอีก เป็นเรื่องที่น่าคิดว่า อิทธิของ Anroid ที่กำหนดทิศทางลดลง เนื่องจากผู้ผลิตมือถือ ซึ่งเมื่อก่อนนี้ Anroid เป็นผู้กำหนดอุปกรณ์ที่นำมาใช้งานได้ เป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกัน
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 335

โพสต์

ยอดเช็คลดลงเพราะ Prompt pay ใช่หรือเปล่า

ถ้าใครติดตามข่าวเรื่องการใช้ Prompt pay นั้น ตอนนี้ Prompt pay ได้ผูกกับบัตรประชาชน และ เบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ เข้ากับบัญชีธนาคาร แต่ทว่า นิติบุคคลยังไม่ได้เปิดใช้งาน นิน่า แล้วยอดเช็คลดลงนั้น มาจากส่วนของกรมสรรพากรที่ออกข่าวในการคืนภาษีแก่ประชาชนในปีภาษี 2559 ที่ยื่นในปี 2560 นั้น หากประชาชนได้ดำเนินการลงทะเบียน Prompt pay แล้วไซร้ กรมสรรพากรก็อำนวยความสะดวกในการคืนเงินภาษีได้รวดเร็วขึ้น
สิ่งนี้แหละที่ทำให้ยอดการใช้เช็คที่ลดลง มิใช่ ยอดเช็คที่นิติบุคคลใช้งานกัน
หากเป็นการซื้อขายบุคคลธรรมดานั้น ใช้ผ่านการโอนเงินสด ระหว่างกันหรือฝากเงินเข้าบัญชี
มิใช่ใช้เช็คมากขึ้น ถ้าหากไม่ได้ซื้อของที่มูลค่าสูงอย่างเช่น รถจักรยานยนต์ รถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ เพราะยอดการโอน Prompt pay ก็มีเพดานอยู่เหมือนกัน

ลองดูละกันข่าวแบบนี้จะมาเป็นระลอกๆ
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 336

โพสต์

ธนาคารไม่ปล่อยกู้อสังหาริมทรัพย์ ได้ยินข่าวออกมาเป็นช่วงๆ
มันเป็นคำถามคาใจว่า เมื่อไม่ปล่อยกู้แล้วอสังหาริมทรัพย์ก็ไม่มีใครซื้อ บริษัทก็เดี้ยงหรือเปล่า
แต่ทว่า สิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้คือ การไม่ปล่อยกู้อสังหาริมทรัพย์นั้นคือ การปล่อยกู้รายย่อย
ซึ่งธนาคารไม่ต้องการที่ปล่อยกู้เท่าไรอยู่แล้ว ต้องการรายที่เป็นรายใหญ่เข้ามากู้ เพื่อได้ติดตามง่าย
ไม่ต้องเสียกำลังคนในการติดตาม ดังนั้น เมื่อมองอีกด้านคือ ตอนนี้โครงการขนาดใหญ่ที่ต้องการใช้เงิน หรือกำลังระดมเงิน ทำให้ธนาคารมองว่า ไม่ต้องเหนื่อยแรงที่ปล่อยกู้รายย่อย นั้นเอง
อีกด้านคือ ความร้อนแรงของที่ดิน เมื่อไม่กู้ราคาที่ดินหรือราคาอสังหาริมทรัพย์ก็ไม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหรือรุนแรงนั้นเอง การเพิ่มขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นบ่อเกิดทำให้ฟองสบู่ในระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งมันจะลุกลามไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจได้ เช่น ใน ทศวรรษที่1980 ของญี่ปุ่น ,วิกฤติต้มยำกุ้งของไทย,วิกฤติ subprime ของ US ก็มาจากการปล่อยกู้อสังหาริมทรัพย์เป็นสาเหตุหนึ่งของต้นเหตุวิกฤติเหล่านั้นด้วย

มองให้ดีๆๆละ
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 337

โพสต์

คนกำลังจะตายต้องช่วยเหลือก่อน
เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2560 นั้น มีการรักษาภายใน 72 ชั่วโมงสำหรับผู้ป่วยที่เข้าขึ้นวิกฤติ
ไม่ว่าประชาชนคนนั้นอยู่ในกองทุนอะไรก็ตาม หรือไม่มีสิทธิ์อะไรเลย ก็ต้องช่วยเหลือ
ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน ไม่มีการปฏิเสธ โดยมีกลุ่มอาการป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่จะสามารถใช้สิทธิ แบ่งเป็น 6 กลุ่มดังนี้ ...

1. หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
2. หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง
3. ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม
4. เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง
5. แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
6. มีอาการอื่นร่วมที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข
นั้นคืออะไร คนกำลังจะตายต้องช่วยเหลือก่อน เรื่องเงินๆทองๆ ว่ากันที่หลังจาก 72 ชั่วโมงแล้ว นั้นเอง
ชีวิตคนสำคัญเสมอ ไม่ใช่ว่า เงินมาก่อน แล้วค่อยรักษา
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 338

โพสต์

ได้ link มาในเรื่องผู้ป่วยฉุกเฉินมีดังนี้
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... 131/32.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... 107/41.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... /094/4.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... /094/5.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... /094/8.PDF
นี้คือความยุ่งยากในการหากฏหมายของไทย มัน Link กันไป link กันมา
ถ้ากฏหมายออกมาแบบนี้ Thailand 4.0 คงเกิดขึ้นได้ยาก
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 339

โพสต์

มีญาติผู้ใหญ่ได้เข้าโรงพยาบาลช่วงนี้ โดยใช้สิทธิ์ฉุกเฉินตามที่ประกาศไว้
เนื่องจากล้มแล้วมีอาการอ่อนแรงซีกซ้าย ทั้งแขนและขา
ปรากฏว่า เลือดออกในสมอง ผ่าตัดสมอง
ถ้าไม่ได้ประกาศ ของ กระทรวงสาธารณสุขชุดนี้ ญาติก็ต้องเข้าขบวนการเดิม
และเป็นภาระแก่ญาติ เลยทีเดียว

ต้องขอบคุณที่มีพรบ แบบนี้
:)
:)
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 340

โพสต์

พระคุ้มครอง บุญรักษาคับ
show me money.
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 341

โพสต์

nut776 เขียน:พระคุ้มครอง บุญรักษาคับ
ตอนนี้รู้สึกตัวแล้วครับ
ขอบคุณครับ
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 342

โพสต์

ไปดู fast and furious 8
หนังเรื่องนี้เป็นการสะท้อนว่า ความสะดวกความสบายที่นำเทคโนโลยี่ มาใช้งานแต่สิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานเทคโนโลยี่เหล่านั้น
สิ่งหนึ่งที่หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การ Hack ระบบความปลอดภัยของบรรดาสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตของเรา ไล่ตั้งแต่ รถยนต์หรูขนาดไหน โดนหมด ,ระบบความรักษาความปลอดภัย ไล่ตั้งแต่ CCTV ของสาธารณะจนกระทั่ง CCTV ที่ติดตั้งที่ตู้ ATM ก็ยังโดนเลย ,การติดตามตัวบุคคล ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ก็สามารถค้นหาได้ ว่าคุณทำอะไรที่ไหน ,ระบบขับเคลื่อนเรือดำนำนสามารถโดนควบคมุจากระยะไกล ,เครื่องมือที่ทำให้ไฟฟ้าหยุดการทำงาน ทำให้เมืองไม่มีไฟฟ้าใช้ อุปกรณ์ทุกอย่างที่ต้องใช้ไฟฟ้าหยุดการทำงาน ทั้งหมดสั่งการมาจากเครื่องบินเพียงลำเดียว ที่เป็นเครื่องบินสอดแนม
สิ่งหนึ่งที่หนังได้แอบอยู่เนื่องๆคือการสอดแทรกโฆษณาของสินค้า ในหนังที่จับได้ตั้งแต่ตอนต้นคือ Coke เห็นกันจ๊ะ
ส่วน brand อื่นๆที่โดนคือ แบรนด์รถยนต์ที่โดนกันหลายแบรนด์เลย ไล่ตั้งแต่ โตโยต้า ,JEEP Cherokee เป็นต้น
และประโยคเด็ดดวงในหนังเรื่องนี้คือ
"รถแรงแค่ไหน ก็ไม่สำคัญ เท่ากับคนที่อยู่หลังพวงมาลัย" ในตอนเริ่มต้นของหนัง
ลองไปดูละกัน
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 343

โพสต์

ก้อนเมฆ (Cloud)
อันนี้ต้องไว้ก่อนว่า เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนก็ได้ แต่ทว่าต้องเขียนไว้ให้รับรู้กันเลย เพราะโลกมันเปลี่ยนแปลงไปจริงๆ เปลี่ยนแปลงแบบเร็วมากๆๆด้วย
สิ่งแรกที่ต้องยอมรับคือ กระแสของ Sharing Economy มันผลักดันให้เกิดการแบ่งปันทรัพยากรกันใช้งาน ไม่ปล่อยให้ทรัพย์สินที่มีอยู่ไม่ได้ใช้งาน ปล่อยให้สูญเสียโดยใช้เหตุ ตัวอย่างเช่น รถของประชาชนทั่วไป วิ่งไปกลับบ้าน เส้นทางเดิม ทำอย่างไรหนอให้มีคนขึ้นร่วมทางและสร้างรายได้ด้วย หรือ ปล่อยจอดไว้เฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร หารายได้เสมอโดยยังคงเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล ไม่ต้องไปทำแท็กซี่ (ทำลวดลายใหม่ ไปจดทะเบียนใหม่) แบบนี้แหละที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

สิ่งที่สองคือ Free (ของฟรี) อันนี้ต้องเล่าย้อนกลับไปก่อนว่า ก่อนหน้านี้ ยุคของ Microsoft ครองเป็นเจ้าระบบปฏิบัติการของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ PC นั้น ในยุคนั้นได้กำเนิดระบบปฏิบัติที่ใช้งานได้ฟรี ตัวหนึ่งคือ Linux (สัญลักษณ์ของมันคือ เพกวิน ตัวดำๆๆ) พร้อมทั้งสิทธิ์การใช้งานอยู่ภายใต้ GNU นั้นเอง แต่ทว่าตอนนั้น ระบบปฏิบัติการที่ได้รับชัยชนะคือ MS Windows แต่ทว่ายุคต่อมาเป็นยุคของ Mobile ผู้ชนะกลับกลายเป็นลูกหลานของ Linux คือ Anroid และ iOS ที่ต่อยอดมาจากLinux นั้นเอง

สิ่งที่สามคือ IT มีปัญหาเรื่องของอุปกรณ์ที่เกิน 5 ปีไปแล้ว เจ้าของผลิตภัณฑ์ไม่สนับสนุน แต่ต้องใช้งานมันต่อ จนกว่า ตลาดมือสองหรือ ไม่สามารถอะไหล่มาทดแทนได้ หรือ ต้องเปิดไม่ได้ หรือเจ๊งคามือ นั้นเอง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เมื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ต้องพัฒนาใหม่ที่ เกิดความยุ่งยากไปหมด ย้ายมันไปอยู่บนอะไรก็ได้ ที่ให้มันทำงานได้ โดยที่อุปกรณ์เป็นรุ่นใหม่ แต่ไส้นั้นเป็นของเดิมทั้งหมด จึงเกิดเป็นระบบ Virtual Machine ขึ้นมา (เกิดมาในราวๆปี 1999 เกิดมาได้) นั้นคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ

สิ่งที่สี่ เมื่อเกิด Virtual Machine แล้ว (Virtual Machine 1 ตัว =1VM นั้น เปรียบเสมือน เครื่องคอมพิวเตอร์ 1 ชุดที่ใช้งาน หรือเรียกว่า 1 เคส)มันก็เกิดความคิดว่า เอา Virtual Machine หลายตัว จับมันทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกัน ได้ไหม ก็พัฒนากันต่อไปจนกระทั่งสามารถดำเนินการได้ ก็ต้องใช้เวลาอยู่นานๆที่สามารถตอบสนองได้

ต่อมาไม่เพียงแค่นั้น ผู้ใช้งานเจอเจอะปัญหาว่า Virtual Machine นั้น ผู้ผลิตก็ผลิตออกมาหลายค่ายเลย (เหมือนรถยนต์เลย ที่รถยนต์เหมือนกัน แต่ทว่ามีหลายค่าย ที่ผลิตออกมานั้นเอง) ผู้ใช้งานใช้ของค่าย A แล้วเปลี่ยนไปใช้งานค่าย B ไม่ได้ จึงต้องจัดการให้มันสามารถย้ายข้ามค่ายกันได้

ไม่เพียงแค่นั้น แรงที่มาบีบอีกอย่างคือ กิจการขนาดใหญ่มีปัญหาว่า เมื่อระบบหลักไม่สามารถทำงานได้ ก็ต้องมีระบบสำรองไว้ใช้งาน ยังจำตอนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ได้ไหม หลายๆท่านประสบเจอะเจอว่า ไม่สามารถเข้าไปทำงานที่ตึกได้ /ไม่สามารถเข้าบ้านที่อยู่ได้ จำเป็นต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราว ไปทำงานที่ตึกที่ไม่มีภัยน้ำท่วม หรือ บ้านชั่วคราว นั้นคือ การทำงานก็ต้องไปได้ไม่ว่าอยู่ภาวะอะไรก็ตาม นั้นเอง แต่ทว่า คำว่าทำงานได้ ที่ระบบสำรองมิใช้งาน ทุกอย่างที่ระบบหลักทำงาน ย้ายไปทำงานระบบสำรองได้ทั้งหมด ถ้าเป็นแบบนี้แล้วไซร้ เหมือนทำระบบหลัก 2 ชุดเลย แต่จริงๆ แล้วระบบสำรองนั้น ทำงานบางส่วนของระบบหลักเท่านั้น เองเฉพาะที่สำคัญๆๆ ไม่ทั้งหมด เพื่อที่จะให้กลับไปซ่อมแซมระบบงานหลักได้นั้นเอง

สิ่งเหล่านี้เมื่อประกอบรวมกัน แล้วหาผู้ดำเนินการจัดการได้ แล้วให้ผู้อื่นๆสามารถใช้งานรวมกันได้ และแรงกดดันด้านการมีระบบสำรองไว้ใช้งาน Cloud จึงเกิดขึ้นมา
Cloud นั้นผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องรู้ว่า อยู่ที่ไหน,ใช้งานอะไรที่เป็นเบื้องหลัง,ไม่ต้องรู้ว่า ใช้งานที่ระบบหลักหรือระบบสำรอง แต่ขอเพียงว่า ให้บริการได้ เมื่อเราต้องการใช้งาน

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจำสำคัญคือ การมาของ Concept ของการเช่า ไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์ เพราะอะไรหรือ
เรื่องการซ่อมบำรุงรักษาที่ไม่ต้องเป็นภาระว่า ต้องต่อ Maintenance (ต่อสัญญาซ่อมบำรุงรักษา) ,การซ่อมบำรุงรักษาเป็นหน้าที่ใคร , ค่าเสื่อมตัดอย่างไรดี ,การจัดหาทดแทนอุปกรณ์ที่หมดอายุ ,อยากทดลองก่อนใช้งานจริงว่าใช้งานได้หรือเปล่า ตรงกับสิ่งที่ต้องการหรือเปล่า,ฯลฯ มากมายมหาศาล มันเลยเป็นแรงผลักดันให้เกิดแรงผลักดันว่า ไม่ทำเอง ทำให้ Cloud เกิดขึ้นเลย และเกิดได้อย่างรวดเร็วด้วย

ปล. ไม่ได้เชียร์หุ้นแต่ทว่า เขียนให้นักลงทุนเข้าใจว่า ที่มาที่ไปมันคืออะไร
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาก่อนการลงทุน
:)
:)
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 344

โพสต์

รบกวน เล่า เรื่อง switching cost ของ cloud ต่อด้วย ได้ไหมคับ อยากฟัง
show me money.
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 345

โพสต์

nut776 เขียน:รบกวน เล่า เรื่อง switching cost ของ cloud ต่อด้วย ได้ไหมคับ อยากฟัง
คำตอบนั้นมีอยู่สองสามส่วนคือ
1. การออกแบบนั้นดีแล้วหรือยัง ถ้าหาก ใช้ Cloud แล้วบนนั้นทำตัวเหมือน เป็น Virtual Server (สร้าง VM ซ่อนไปอีก) แบบนี้ย้ายได้ง่าย แต่ถ้าหากทำตัวเป็นเหมือนเครื่องหนึ่งเครื่องแล้วลงทุกอย่างลงไป ย้ายยากหน่อย
2. อันนี้โดนทุกรายถ้าหากย้าย คือ การตั้งค่าเครือข่าย(Network) ทำอย่างไรให้เหมือนเดิม
โจทย์หนักเลย เพราะถ้าหากตั้งค่า ไม่เหมือนเดิม การบริการก็ไม่สามารถทำได้นั้นเอง
3. พวกมากลากไป คือ ผิดเหมือนคนอื่นๆ อันนี้เทียบได้กับตอนยุค Intel inside คือทุกเครื่องมีโลโก้นี้ถึงใช้งานรวมกันได้ สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล สอดคล้องกับการเกิด Economy of scale นั้นเอง
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 346

โพสต์

ประกาศของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ล่าสุด
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... 122/19.PDF
หลักเกณฑ์การกํากับดูแลโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ของประชาชนที่มีเจ้าหนี้หลายราย
งานนี้กระทบกันหมด แต่ทว่าใครจริงใจหรือจริงโจ้ ก็ดูตอนนี้แหละ
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 347

โพสต์

ความเสี่ยงเรื่องภัยคอมพิวเตอร์ที่มาตามช่องโหว่ง
เรื่องนี้เกิดจากประสบการณ์เมื่อประมาณ 2008 ตอนนั้นยังเป็นไวรัส ที่เชื่อ Conficker หรือ Downadup เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่กระจายโดยใช้ช่องโหว่งภายในระบบปฏิบัติการ MS Windows XP,2003,2000 ในการแพร่กระจาย หลังจากแพร่กระจายตัวแล้ว ก็ทำให้ ระบบสื่อสารที่เชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นล่ม (ไม่สามารถตอบสนองการใช้งานได้) มันสามารถกระจายข้ามเครือข่ายได้ ในระยะเวลารวดเร็ว ช่วงเวลานั้น ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมีระบบการป้องกันไวรัส ติดตั้งไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ทว่าสิ่งที่พบเจอะเจอคือ โปรแกรมดังกล่าวตรวจจับไม่พบ มากกว่า 1 ยี่ห้อ กว่าที่ โปรแกรมต่อต้านไวรัสสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ออกตัวป้องกันออกมา ใช้ระยะเวลา 1-7 วัน แล้วแต่บริษัทผู้ผลิตเลยทีเดียว
แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ได้พบเจอะเจอคือ ช่องโหว่งที่เป็นช่องในการโจมตรี นั้นเป็นช่องที่ MS Windows ได้ออก Patch ตั้งแต่ต้นปี 2008 เป็นระดับ Critical เลยทีเดียว มิใช่ระดับสำคัญหรือระดับที่เพิกเฉยได้ แต่ทว่าสิ่งที่ผลออกมาคือ ไม่มีเวลาแม้นกระทั่งติดตั้ง Patch ตัวที่ป้องกันเลย โจมตรีทันทีทันใดเลยทีเดียว
หลังจากจุดนี้ก็เกิดสิ่งที่เรียกว่า การย้ายระบบปฏิบัติการครั้งใหญ่ เกิดขึ้นเลยทีเดียว จาก MS Windows ก็เริ่มเป็น ระบบปฏิบัติอื่นๆ พวก UNIX/Linux เพิ่มขึ้นมา
ถ้าหากมองอีกด้านหนึ่ง พวกระบบปฏิบัติใหม่ๆ หรือเก่ามากๆ ไม่โดนผลกระทบดังกล่าวเลยทีเดียว เช่น พวกที่ทำงานอยู่บนระบบ MS DOS
ในปีนี้ 2017 ก็คล้ายเดิม แต่คราวนี้มีเวลาในการจัดการ คือสามารถ Patch ได้ ตอนนี้เจอะเจอ WannaCrypt เข้าโจมตรีกัน ปรากฏการณ์คลับคล้ายกับ Conficker หรือ Downadup ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมานั้นเอง
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 348

โพสต์

เดิมพันของรัฐ ในเรื่องน้ำท่วม
เพิ่งเลยวันวิสาขบูชาไม่นาน ประมาณ 7-8 วันมาเนี่ย ข่าวน้ำท่วมเริ่มเผยแพร่ออกสื่อหลักกันแล้ว
ไล่ตั้งแต่ที่พะเยาะ ที่สุโขทัย ที่เชียงใหม่
ทำให้คิดถึง มหาอุทกภัย 2554 สถานการณ์ตอนนั้น ก็เริ่มจากทางภาคเหนือ กับภาคตะวันตก
มวลน้ำเริ่มสะสมเรื่อยๆ โดยที่เขื่อนเองก็เก็บกักน้ำไว้ จนเต็ม จนต้องปล่อยให้ล้น เลยทีเดียว
มาปีนี้ ยังเพิ่งเริ่มต้นก็มีข่าวคราวในเรื่องน้ำท่วมออกมาแล้ว
ดังนั้น การเดิมพันของรัฐ มันสูงในเรื่องน้ำท่วม จากผลกระทบปี 2554 ทุกประเทศที่ลงทุนในประเทศไทยนั้น
กดดันรัฐอย่างมากมาย ในเรื่องนี้
ดังนั้น ปีนี้ก็เป็นอีกปีหนึ่งที่ต้องจำตาว่า เมื่อพ้นไปแล้ว น้ำในเขื่อนจะมีเท่าไร แล้ว
ปีหน้า จะรับมือได้หรือไม่ ต้องดูกันต่อไป
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 349

โพสต์

เรื่องของอากาศใครว่าไม่สำคัญ
ปี 2559 เป็นอีกหนึ่งปีที่อากาศร้อนและอากาศแห้งแล้งในประเทศไทยยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา
ปีที่แล้วนั้น มีการขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร น้ำกินน้ำใช้ จนรัฐบาลต้องออกนโยบายประหยัดน้ำเลยทีเดียว
รู้น้ำหยดไหลออกมาจากก๊อกที่ละหยด ทีละหยดกลับมาหลอกหลอนประชาชนทั่วไป เพื่อให้ประชาชนประหยัดน้ำ
หากดูไปแล้วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีหลายอุตสาหกรรมที่ได้ผลดีจากอากาศที่ร้อนดังกล่าว
ยอดขายถล่มทลาย จากสิ่งเหล่านั้น ไม่พอยังทำให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องดีไปด้วย
แต่ทว่า ปี 2560 เหตุการณ์มันกลับตาลปัตร อากาศไม่ร้อน ไม่แห้งแล้งดังที่คาดการณ์ไว้ ในเดือนมีนาคม ถึง ต้นเดือนเมษายน 2560 อากาศยังไม่ร้อนจัด มาร้อนจัดหลังสงกรานต์เท่านั้น แล้วร้อนไม่นาน แค่ร่วมเดือนเท่านั้น ให้ยอดการขายสินค้าที่เคยดีในปีที่แล้วนั้น ยอดขายไม่ได้ พอคราวนี้ในเมื่อทุกธุรกิจก็ฝากความหวังไว้กับหน้าร้อนว่าปีนี้ร้อนเท่ากับหรือมากกว่าปีที่แล้ว ก็เกิดการผลิตที่สูงมาเพื่อเตรียมการไม่ให้ขาดแคลนหรือการเร่งผลิตจนต้นทุนเพิ่มขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นจากอากาศไม่ร้อนนั้นคือ ที่ผลิตมันเก็บไว้ไหนละเนี่ย ผลิตแล้วประชาชนทั่วไปไม่ซื้อ เงินจมอยู่อยู่สินค้าที่ผลิตไว้แล้ว จมงานไปก็ไม่ได้ เพราะเงินมันต้องใช้ เจ้าหนี้ก็เรียกเก็บเงินที่นำมาผลิต พนักงานขายจากนอนตีพุงสบายใจ ฝันวิมานไว้ว่าปีนี้ ยอดขายถล่มทลาย รวยเหมือนปีที่แล้ว รับทรัพย์แน่นอน กลายเป็นฝันสลาย ต้องเร่งคิดหาทางแก้ไข จนต้องออก Promotion ลดแลกแจกแถม ทางการตลาดออกมาให้ทัน เพราะหน้าร้อนกำลังจะไปแล้ว ให้ระบายสินค้าให้มากที่สุด เอาทุนมาก็ยังดี กำไรน้อยหน่อยก็ได้ หรือขาดทุนเล็กน้อยก็ได้ งานนี้ก็กระทบไปถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้เหมือนกัน
ดังนั้น เรื่องอากาศก็อีกเรื่องหนึ่งที่นักลงทุนควรศึกษาให้ดีกว่า ธุรกิจของเราที่ซื้อนั้น มีความเชื่อมโยงกับอากาศหรือไม่ ถ้าไม่เชื่อมโยงก็ดูเรื่องลูกค้าด้วย ว่าหากลูกค้าขายไม่ได้ หรือลดรายจ่ายลง กระทบหรือไม่

อีกเหตุการณ์ที่เกิดในปี 2559 คือ ทองคำดำลดลงอย่างฮวบเลย คร่าวนี้ บริษัทที่เป็นต้นน้ำของทองคำดำก็ลดค่าใช้จ่าย แต่ทว่างานนี้กลางน้ำกับปลายน้ำสบาย เพราะราคาไม่ลดลงตาม ยังลดช้ากว่า แต่ทว่ากิจการที่บริษัทต้นน้ำเป็นลูกค้าของเค้า งานเข้า อยู่ดีๆๆ รายรับหดตัว เพราะบริษัทต้นน้ำลดยอดการใช้จ่ายลดเฉยเลย
เหตุการณ์ในปีเดียวกันเลย

งานนี้มันไม่ใช่ว่าผิดที่ไหนหรอก ผิดที่ก๊าซโซฮอลล์อีกเช่นเคย
5555555555
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 350

โพสต์

รถยนต์ในไทยอย่างย่อ
ในอดีตกรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีคลองมากมาย เรียกอีกชื่อหนึ่งเลยคือ วานิชตะวันออก
แต่จริงๆแล้ว วานิช นั้นเป็นศูนย์กลางค้าขายด้วย สินค้าที่มากจากเอเชียก็ดี สินค้าที่มาจากแอฟริกาก็ดี
มาขนถ่ายกระจายสินค้าที่นี้ด้วย นอกเรื่องเสียแล้วเรา
การที่กรุงเทพมหานครมีคลองจำนวนมากๆนั้น เนื่องจาก โครงสร้างมาจากการทับถมของดินปากแม่น้ำเจ้าพระยา
ฤดูน้ำหลากก็แม่น่้ำ ปิง วัง ยม น่าน แม่น้ำป่าสัก มารวมกัน แล้วไล่ลงมาเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ลงสู่อ่าวไทยแล้วไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิค นั้นเอง
แต่อย่างไรเสีย จากการพัฒนาการขนส่ง จากเดิมที่ใช้เรือเป็นหลักต่อมาก็เริ่มมีรถลาก รถม้าเข้ามา ทำให้คลองเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นถนนหนทาง โดยรถยนต์เริ่มปรากฏใช้ในราชสำนักในสมัยรัชกาลที่ 5 เริ่มเฟื่องฟูในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการจดทะเบียนรถยนต์ รถยนต์ได้รับชื่อพระราชทาน จนกระทั่งเปลี่ยนแปลงเป็น หมายเลข และหมวดในที่สุด
เวลานั้นรถยนต์ มีแต่คหบดี หรือ เจ้านาย หรือ ขุนนาง ที่มีเท่านั้น ทั้งหมดเป็นการนำเข้าทั้งสิ้น
เมื่อมีรถยนต์ก็มีการตัดถนน โดยการตัดถนนนั้นก็เริ่มเฟื่องฟูมากขึ้นตามลำดับ เพราะมีรถยนต์ก็ต้องมีถนนให้วิ่ง
เมื่อรถยนต์เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงฐานะ กาลเวลาต่อมา ก็ผ่านไป สู่ช่วงสงคราม และสงครามสงบ
ในช่วงสงครามนั้น การพัฒนาที่สำคัญคือ เริ่มนำเครื่องจักรมาใช้ในการสงครามมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเลิกสงครามก็ต้องมีสิ่งที่เหลือใช้ ไม่ได้ใช้ในสงคราม หนึ่งในนั้นคือรถยนต์ ก็ออกขายกัน
รถยนต์หลังสงครามนั้นเรียกว่า รถยนต์สหประชาชาติ ก็ต้องนำเข้าอีกเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วก็เข้าสู่ยุคของการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า ค่อยสร้างรถยนต์ในประเทศ แล้วเริ่มตั้งกำแพงภาษีรถยนต์นำเข้า จุดนี้แหละเริ่มต้นของวงการรถยนต์ในประเทศไทย
แต่ที่สังเกตคือประเทศไทยนั้นไม่มีรถยนต์ตัวแทนของประเทศไทย นอกจากตุ๊กตุ๊ก ที่สร้างมาจากเครื่องยนต์มือสอง เอามาดัดแปลงเป็นตุ๊กตุ๊กก็เริ่มขึ้นมาพร้อมกันการชดเชยการนำเข้าของประเทศไทย
ดังนั้นอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เราเห็นในประเทศไทยนั้น อุตสาหกรรมมีระยะเวลาพัฒนาในประเทศไทยประมาณ 60-80 ปีเห็นจะได้นั้นเอง
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 351

โพสต์

ไปสัมมนา TVI ของรุ่น 12 ในรอบของคุณชาย และ อจ ไพบูลย์
ทำไมเลือก วันที่ไม่มีใครไปฟังบรรยาย เพราะ ว่าไปฟังคุณชาย บรรยาย เพราะไม่เคยได้ฟังแบบเต็มๆแบบเป็นทางการซักครั้งหนึ่ง แต่รู้ว่า คนนี้บรรยายได้ ถึงแก่นสาร เพราะที่รู้ว่า (ได้ฟังมาจากในรายการ Money Talk ที่พี่ชายไปออกนั้น ) พี่ชายเป็นนักการตลาด (Sales) มาก่อน ถ้าเป็นนักลงทุนได้ต้องมีดี และไม่เพียงแค่นั้น ได้อ่านผลงานการเขียนของพี่ชาย มาซักระยะหนึ่งแล้ว สิ่งที่ได้คือวิธีการคิดในการลงทุนที่ไม่เหมือนใคร เขียนให้อ่านแบบหมดไส้หมดพุง ขอไปนั่งฟัง แล้วได้ฟังบรรยายของ อจ.ไพบูลย์เป็นของแถมอีกต่างหาก
ไปเที่ยวนี้ไม่เสียหาย ได้ตามที่คาดหวังไว้ อธิบายและชี้ให้เห็นว่า ทุกอย่างมีคำตอบถ้านักลงทุนคิด โดยใช้เวลา จากการประมวลผลของสิ่งที่ได้เห็นได้ฟังได้อ่านมา (เสียเวลาปลูกแล้วเราต้องได้กินผล) หลายต่อหลายคำถามในช่วง Assignment ตอนท้ายเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เกิดการฝึกสมองอย่างมากๆครับ

จบจากช่วงของคุณชาย ไปทานข้าว อาหารอร่อยและหลากหลายกว่า หลากต่อหลายครั้งที่ได้ไปร่วมงาน TVI กินอิ่มหนังตาหย่อนเลยทีเดียว แต่วิธีการคือไปเดินเข้าฟอร์จูนไปจ่ายค่าบริการหน่อย
สิ่งที่เห็นที่ฟอร์จูนคือ คนน้อยมากๆ ร้าน IT ที่ขายคอมพิวเตอร์หดตัวไปอย่างน่าใจหาย ตอนนี้สิ่งที่เห็นคือ มีโซนกล้องที่เพิ่มพื้นที่ขึ้น (น่าเสียดายที่หุ้นตัวนี้อ่านออกแค่ช่วง Turn Around คิดไปไกลกว่านั้น ติดปัญหาว่า มองแล้วว่า กล้องมันสู้มือถือไม่ได้ มันเป็นจริงแบบนั้นหรือเปล่ารอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไป) จ่ายค่าบริการยังไม่ครบแต่ต้องเดินกลับแล้วไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยกลับมาจ่ายใหม่อีกครั้งละกัน

นั่งฟังบรรยาย อจ ไพบูลย์ ต้องขอบคุณเพลง เงิน เงิน เงิน ของ คุณเพลิน พรหมแดน (ดูได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=baM0Elk9NvI) ที่คุณตรีนุชหามาให้ได้ฟังในการบรรยายครั้งนี้
แล้วก็บทสวดอภิญญหปัจจเวก (ฟังได้จากที่นี้ https://www.youtube.com/watch?v=LkwU9BEbEjA) ตอนบวชอยู่ก็ไม่รู้ว่าชื่อบทคืออะไร เพิ่งจะมารู้ตอนนี้
สิ่งที่อาจารย์ไพบูลย์ บรรยายครั้งนี้ ไม่เหมือนครั้งที่ผมไปอบรมกับ TVI ในรุ่นที่ 3 เมื่อหลายปีที่แล้ว ฟังรอบนี้ดีขึ้นกว่ารอบที่แล้ว ที่ไม่เข้าหัวเลยแต่ทว่า สิ่งที่ได้คือ ทางโลกกับทางธรรมนั้น ทำอย่างไรให้มันไปด้วยกันให้ได้ แต่ในความเป็นจริงนั้น ไปด้วยกันไม่ได้เลย

รอบนี้ถือว่า ได้ความรู้เพิ่มขึ้น ตามที่คาดหวังไว้

ปล มีแต่นักลงทุนหน้าใหม่ๆ ไม่คุ้นหน้าจริง นอกจากกรรมการ TVI แหละที่คุ้นหน้ากันประจำ

:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 352

โพสต์

ประกาศของคปภ ที่สำคัญในช่วงนี้
ช่วงนี้มีประกาศที่สำคัญของ คปภ ในส่วนของการถือครองหุ้นของชาวต่างชาติมากกว่ากฏหมายกำหนด
โดยเพิ่มไม่เกินร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิในการออกเสียงและจําหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยเป็น บริษัทประกันวินาศภัย จำนวน 2 บริษัท และบริษัทประกันชีวิตอีก 1 แห่งตามลิงค์ด้านล่างนี้
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... 146/30.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... 146/31.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... 146/32.PDF
โดยก่อนหน้านี้มีบริษัทประกันภัยต่อจำนวน 2 แห่ง ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยต่อและบริษัทประกันชีวิตต่อนั้น
เหมือนกัน และมีบริษัทวินาศภัยที่จำนวนหนึ่งที่ให้ชาวต่างชาติ ถือครองเกิน ร้อยละ 49 เป็นช่วงที่จ่ายค่าเครมประกันจากกรณีมหาอุทกภัยนั้นเอง
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 353

โพสต์

ป.ปลานั้นหายาก ต้องลำบากออกเรือไป
ขนส่งจากแดนไกล ใช้น้ำแข็งเปลืองน้ำมัน
แช่เย็นก็เสียไฟ หุงต้มไซร้แก๊สทั้งนั้น
พลังงานต้องหมดกัน โอ้ลูกหลานจำจงดี
จากโฆษณา “ RESTAURANT รางวัลเหรียญทองประเภทโฆษณาส่งเสริมเยาวชน ๒๕๓๙-๒๕๔๐

โค้ด: เลือกทั้งหมด

https://www.youtube.com/watch?v=k25mvoe2jAQ
วันนี้ขึ้นมาด้วยโฆษณาที่ฮือฮามากๆ โฆษณาหนึ่งของไทย
เพราะอะไรที่ใช้โฆษณาชิ้นนี้ เพราะว่า เมื่อก่อนนี้เมืองไทย มียุคที่รุ่งโรจน์ในเรื่องของพลังงานก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย แต่ในปัจจุบันนั้น กลับกลายเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้งานแล้ว
ดังนั้น อุตสาหกรรมที่ต่อเนื่อง ก็ต้องย้ายฐานไปยังประเทศที่มีแหล่งวัตถุดิบนั้นเอง
ไม่เพียงแค่ตัวอย่างนี้ แต่ทว่า สิ่งหนึ่งที่ซ้อนไว้ในเรื่องของพลังงานคือ เมื่อเผาพลังงานแล้วได้ผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งคือ Carbon Di Oxide (ถ้าหากเผาสมบูรณ์) อาจจะได้ Carbon monoxide ได้ด้วย
ตัวนี้แหละที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน มาจากก๊าซที่ปล่อยออก เรียกก๊าซจำพวกนี้ว่าเป็นก๊าซเรือนกระจก
เมื่อแสงแดดจากดวงอาทิตย์มายังโลก บางส่วนของแสงจะสะท้อนกลับ แต่ทว่าก๊าซพวกนี้ทำให้แสงไม่อาจจะหลุดออกจากชั้นบรรยายกาศกลับไปสู่อวกาศได้อีกครั้ง ทำให้สะท้อนกลับมายังพื้นโลกอีก ทำให้ร้อนขึ้นร้อนขึ้นนั้นเอง
เมื่อทุกประเทศเล็งเห็นผลกระทบอันนี้ ก็ได้ทำสนธิสัญญาลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ซึ่งสิ่งที่นำมาเผากัน มีตั้งแต่ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน น้ำมัน ... เผาเพื่อให้ได้วัตถุดิบ คือพลังงาน,น้ำมัน ,ปิโตรเคมี ในการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้นเอง
ดังนั้นมีเกิดสนธิสัญญานี้เกิดขึ้น ทำให้พลังงานทางเลือก เช่น พลังงานแสงแดด ลม น้ำ ... ได้รับการส่งเสริมมากขึ้น ประกอบกับผลเรื่องซึนามิทำให้โรงงานพลังงงานนิวเคลียร์ ฟุกุชิมะไดอิชิ แท่งปฏิกรณ์หลอมละลาย จนเดี๋ยวนี้ยังเก็บกู้ยังไม่แล้วเสร็จ และการงดการส่งออกเชื้อเพลิงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของจีน (แหล่งใหญ่มี ที่จีนและออสเตรเลียในการนำมาทำแท่งเชื้อเพลิงปฏิกรณ์นิวเคลียร์) ทำให้พลังงานพวกนี้บูมขึ้นมา จนในขณะนี้บางประเทศ ไม่มีโรงงานไฟฟ้าจากถ่านหินในประเทศ เช่นที่ เยอรมันนี เป็นต้น เพื่อลดปัญหาดังกล่าว

มันคือที่มาที่ไปว่า ทำไมตอนนี้พลังงานถ่านหิน น้ำมัน นิวเคลียร์ถึงได้ราคาถูกกัน
แล้วมามองที่เมืองไทย ช่วงนี้ โรงไฟฟ้าพลังานถ่านหินใหม่ ก็ไม่สามารถสร้างได้ เพราะประชาชนต่อต้าน
มีแต่โรงไฟฟ้าที่แม่เมาะเท่านั้น ที่ดำเนินการได้ ในเขตของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต

ปล. ที่เขียนคือให้รู้ว่า ภาพพลังงานทำไม เป็นเช่นนี้ในปัจจุบัน
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 354

โพสต์

ประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุนที่ ทจ. ๔๐/๒๕๖๐
เรื่อง การยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์(ฉบับที่ ๑๓)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... 160/12.PDF

ประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุนที่ ทจ. ๔๑/๒๕๖๐
เรื่อง ข้อกําหนดเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นที่ออกโดยบริษัทต่างประเทศซึ่งไม่มีหุ้นเป็นหลักทรัพย์ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ (ฉบับที่ ๕)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... 160/13.PDF

ประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุนที่ ทจ. ๓๙/๒๕๖๐
เรื่อง การขออนุญาตและการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่(ฉบับที่ ๒)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... /160/9.PDF

ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์ที่ สจ. ๓๐/๒๕๖๐ เรื่อง แบบคําขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่และวิธีการยื่นคําขออนุญาต
(ฉบับที่ ๒)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... /160/5.PDF

ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่ สจ. ๓๑/๒๕๖๐ เรื่อง แบบคําขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกโดยบริษัทต่างประเทศ
ซึ่งไม่มีหุ้นเป็นหลักทรัพย์ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ
และวิธีการยื่นคําขออนุญาต(ฉบับที่ ๔)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... /160/7.PDF
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 355

โพสต์

เรื่องของการป้องกันการทุ่มตลาดของเหล็ก

1.เหล็กแผ่นรีดร้อน (ไม่เจือ) ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน
14 ประเทศ
หลายอัตราตั้งแต่ร้อยละ 0 จนถึงร้อยละ 128.11 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.
23 พ.ค. 2558 ถึง 22 พ.ค. 2563

2.เหล็กแผ่นรีดร้อน (ไม่เจือ) ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน
จีนและมาเลเซีย
จีน อัตราร้อยละ 30.91 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.,
มาเลเซีย อัตราร้อยละ 23.57 - 42.51 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.
12 ส.ค. 2559 ถึง 11 ส.ค. 2560*
(*กลุ่มอุตสาหกรรมภายในได้ยื่นคำร้องขอต่อกรมการค้าต่างประเทศพร้อมข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (antidumping) ต่อไปอีก 5 ปี และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2559 (เผยแพร่ลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 23 มิถุนายน 2559) “เปิดการทบทวนความจำเป็นเพื่อขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศมาเลเซียต่อไป” ซึ่งเป็นการเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด โดยมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายมีส่วนร่วมในกระบวนการทบทวนดังกล่าว และในระหว่างการพิจารณาทบทวนดังกล่าวมีการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไปอีกเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาบังคับใช้มาตรการเดิมเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2559)

3.เหล็กแผ่นรีดร้อนเจือโบรอนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน
จีน
อัตราร้อยละ 14.28 - 19.47 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.
26 ธ.ค. 2555 ถึง 25 ธ.ค. 2560

4.เหล็กแผ่นรีดร้อน (ไม่เจือ) ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน
บราซิล, อิหร่าน และ ตุรกี
บราซิล อัตราร้อยละ 34.40 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ,
อิหร่าน อัตราร้อยละ 7.37 - 38.27 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ,
ตุรกี อัตราร้อยละ 7.09 - 38.52 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ
16 พ.ย. 2559 ถึง 15 พ.ค. 2560**
(**กลุ่มอุตสาหกรรมภายในได้ยื่นคำร้องขอต่อกรมการค้าต่างประเทศพร้อมข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้พิจารณาบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (antidumping) และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2559 (เผยแพร่ลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 18 มกราคม 2559) “เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน และสาธารณรัฐตุรกี” ซึ่งเป็นการเริ่มต้นกระบวนการไต่สวนการทุ่มตลาดเพื่อบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด โดยมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายมีส่วนร่วมในกระบวนการไต่สวนดังกล่าว และในระหว่างกระบวนการไต่สวนดังกล่าว ทางกรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 (เผยแพร่ลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2559) “การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน และสาธารณรัฐตุรกี” กำหนดให้มีการใช้มาตรการชั่วคราว โดยการเรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ เป็นกำหนดเวลา 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2560 (เผยแพร่ลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 14 มีนาคม 2560) ให้มีการขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการชั่วคราวออกไปอีก 2 เดือน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 15 มีนาคม 2560 เป็นสิ้นสุดวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 )

5.เหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่นๆ(โบรอน โครเมียม หรือธาตุอื่นๆ) ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน
ทุกประเทศ ยกเว้นประเทศกำลังพัฒนาที่มีสัดส่วนส่งออกมาประเทศไทยไม่ถึงร้อยละ 3 ของปริมาณการนำเข้ารวมของสินค้าชนิดนี้
-นำเข้า 27 ก.พ. 2559 - 26 ก.พ. 2560 อัตราร้อยละ 41.67 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.
-นำเข้า 27 ก.พ. 2560 - 26 ก.พ. 2561 อัตราร้อยละ 40.42 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.
-นำเข้า 27 ก.พ. 2561 - 26 ก.พ. 2562 อัตราร้อยละ 39.21 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.
27 ก.พ. 2559 ถึง 26 ก.พ. 2562

6.เหล็กแผ่นรีดร้อนไม่เจือชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน
ทุกประเทศ ยกเว้นประเทศกำลังพัฒนาที่มีสัดส่วนส่งออกมาประเทศไทยไม่ถึงร้อยละ 3 ของปริมาณการนำเข้ารวมของสินค้าชนิดนี้
-นำเข้า 7 มิ.ย. 2557 - 23 ธ.ค. 2557 อัตราร้อยละ 34.01 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.
-นำเข้า 24 ธ.ค. 2557 - 6 มิ.ย. 2558 อัตราร้อยละ 21.92 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.
-นำเข้า 7 มิ.ย. 2558 - 6 มิ.ย. 2559 อัตราร้อยละ 21.52 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.
-นำเข้า 7 มิ.ย. 2559 - 6 มิ.ย. 2560 อัตราร้อยละ 21.13 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.
7 มิ.ย. 2557 ถึง 6 มิ.ย. 2560***
(***กลุ่มอุตสาหกรรมภายในได้ยื่นคำร้องขอต่อกรมการค้าต่างประเทศพร้อมข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตรการปกป้องต่อไปอีก 3 ปี ต่อมา กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2559 (เผยแพร่ลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 3 ตุลาคม 2559) “เปิดการทบทวนความจำเป็นเพื่อขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนไม่เจือชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่เพิ่มขึ้น” นับเป็นการเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการปกป้องฯ ซึ่งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายมีส่วนร่วมในกระบวนการ และบริษัทคาดว่ากระบวนการพิจารณาทบทวนมาตรการปกป้องจะเสร็จสิ้นภายในวันสิ้นสุดระยะเวลาบังคับใช้มาตรการปกป้องดังกล่าว (6 มิถุนายน 2560) แล้ว คณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้องจึงจะออกประกาศคำวินิจฉัยสำหรับการพิจารณาทบทวนมาตรการปกป้องเป็นขั้นตอนสุดท้ายต่อไป)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 356

โพสต์

ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน
เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจําเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากระเบื้องปูพื้น
และทางเดิน กระเบื้องปูพื้นเตาหรือติดผนัง ที่เป็นเซรามิกไม่ได้เคลือบและที่เป็นเซรามิกเคลือบแล้ว
รวมทั้งหินโมเสก และของที่คล้ายกัน ที่เป็นเซรามิกไม่ได้เคลือบและที่เป็นเซรามิกเคลือบแล้ว
จะมีสิ่งรองรับหรือไม่ก็ตาม ที่มีแหล่งกําเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๖๐
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... 144/12.PDF
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 357

โพสต์

ฺBitCoin กับ Nvidia
ตอนนี้การ์ดแสดงผลของทั้งค่าย Nvidia และ AMD มีปัญหาว่าขาดแคลน
ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ขาดแคลนในเมื่การผลิตยังไม่มีอะไรกระทบ
มันต้องมีต้นเหตุจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการใช้งานปกติหรือไม่ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาหรือเปล่า
จากแรงพลักดันของการเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในตลาดหรือไม่
แต่ความเป็นจริงคือ มีการคว้านซื้อการ์ดแสดงผลนำไป คำนวณเพื่อให้ได้ เงินอิเล็กทรอนิกส์กันมาพักใหญ่แล้ว
เมื่อเป็นเช่นนั้น มีราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้น มันเป็นตัวเร่งที่ทำให้เกิดการคว้านซื้อผลิตภัณฑ์มากขึ้นตามไปด้วย
ไม่ใช่ซื้อกันแค่ 1 -2 การ์ด เท่านั้น แต่ซื้อเท่ากับปริมาณความจุของ Mainboard รองรับได้จาก 4-6 ใบเลยทีเดียว
สาเหตุนี้ทำให้ การ์ดแสดงผลแคลนตลาดไม่มีจำหน่ายเลย ทีเดียว หรือซื้อต้องซื้ออย่างน้อย2 ใบเป็นอย่างต่ำ ในช่วงเวลานี้ เรียกได้ว่า เกิดการปั่นราคาเกิดขึ้น

ในขณะนี้ ทำให้ Nvidia ซึ่งเป็นหนึ่งในสองบริษัทที่ผลิตการ์ดแสดงผล ต้องออกผลิตภัณฑ์มารองรับ เงินอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ เลยทีเดียว
เรียกได้ว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก และไม่ต้องการให้ตลาดของผู้ใช้งานทั่วไป ไม่มีการ์ดแสดงผลใช้งานในช่วงเวลานี้

สิ่งที่ตามมาจากตัวนี้คือ ปริมาณของการขาย PC ไม่ได้ลดลง ถ้าหากทำ model ออกมาเฉพาะเจาะจง ตอบสนองต่อการใช้งานได้นั้นเอง ใครว่า PC ตายเพราะการมาของ Tablet PC หรือ Mobile ก็ต้องคิดใหม่ในช่วงนี้ เพราะเกิดจากตัวรบกวนคือ Bitcoin นั้นเอง
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 358

โพสต์

เรื่องอยากเขียนมานานสองนานแล้ว แต่ก็ไม่มีเวลาเขียนให้อ่านกัน
พอดีเป็นผู้ใช้บริการ BTS สองสถานีที่คนมากอันดับต้นๆ คือ สถานีวงเวียนใหญ่ กับ สถานีจตุจักรในช่วงเช้า
มีจุดสังเกตคือ พนักงานของหนังสือพิมพ์ฟรี มีสองค่าย คือ M2F ของค่าย Post today กับ NEWs108 อันนี้ค่าย ช่อง 18 ที่กำลังมีปัญหายืดการจ่ายเงินให้ กสทช
ตั้งแต่ครั้งแรกในสงครามนี้ มีสองเจ้านี้ ที่เบียดกันไปมา แต่ที่รู้สึกได้ว่า
M2F นั้น มีความหนากว่า และ ตัวผู้สนับสนุน (สปอร์เซอร์มันหลากหลายมากกว่า มีพิมพ์เป็นกระดาษเคลือบเงาอยู่หลายๆครั้ง โดยเฉพาะวันศุกร์ จากการโปรโมทสินค้าของซุเปอร์มาร์เก็ต)
NEW108 นั้นความบางนั้น ณ ปัจจุบันคือ 2 แผ่น 8 หน้า ผู้สนับสนุนการออกหนังสือพิมพ์นั้น หายไปเพียบ เมื่อก่อนนี้มีโฆษณาทัวร์ต่างประเทศมาลง ตอนนี้หนากว่านี้คือ 2-5 แผ่น (8-20 หน้า)
เมื่อก่อนยืนแจกคู่กันเลย ทั้ง M2F และ NEW108 ปัจจุบัน
M2F มี 3 คนยืนแจก อายุประมาณ 60 ปีขึ้นไป (ใช้มาตรการภาษีในการจ้างผู้สูงอายุอีกต่างหาก)
แต่ New108 นั้น มี 1 หรือไม่มีเลย
ตัวที่วัดได้อย่างดีที่ สถานี BTS จตุจักร ตอน 0800 น. ณ ปัจจุบัน เหลือแต่ M2F ยืนเฝ้าบันได้ เมื่อก่อน มีทั้งคู่
แต่เรายังเห็น คนของ New108 กำลังเก็บของกลับบ้าน เป็นแบบนี้มาซัก 1-2 เดือนแล้ว

ถ้าสังเกตให้ดี หนังสือพิมพ์แจกฟรี ทำไมถึงทำได้ เพราะ
1. ต้นทุนของข่าว M2F นั้นตัวเองมีหนังสือพิมพ์ในเครืออยู่แล้ว เพียงแค่ย่อข่าวให้สั้นลง แล้วรู้วข่าวอันไหนควรขึ้นหน้า 1 แต่ News108 นั้น เป็นช่องข่าว รู้ว่าข่าวอะไรเป็นกระแส แต่ไม่มีข่าวที่พิมพ์เป็นตัวหนังสือ จุดนี้แหละที่เป็นจุดแตกต่าง เอาของที่มีอยู่มาต่อยอด
2. พันธมิตร ที่ออกหนังสือพิมพ์ รายหนึ่ง พันธมิตรหนาแน่น จากหลากหลายวงการ แต่อีกหลายกระจุกตัว
3. จำนวนบุคคลากร เรียกได้ว่า แตกต่างเลยทีเดียว แถมรายหนึ่งใช้มาตรการภาษีที่เน้นไปจ้างงานผู้เกษียณกลับมาทำงานอีกต่างหาก ในช่วงเช้าของทุกวัน เรียกได้ว่าพบปะคน ไม่เป็นโรคซึมเศร้า
4. เจ้าหนึ่งมีเครื่องพิมพ์ อีกเจ้าไปพิมพ์ที่ไหนไม่รู้
5. เจ้าหนึ่งมีบุคคลากรด้านหนังสือพิมพ์ และรายการโทรทัศน์ แต่อีกรายมีแค่โทรทัศน์เท่านั้น

หนังสือแจกฟรีมีอีกหลายเล่มที่ได้อ่าน ถ้าหากเป็นวันพฤ มีอีกเล่ม ที่แจกแต่ในปัจจุบันนั้น ไม่เห็นแล้ว
แต่กลับไปเห็นในปั้ม ปตท (วางไว้ที่ร้านกาแฟอะเมซ่อน) หัวสีน้ำเงิน เล่มจะหนามากๆกว่า M2F และเนื่อกระดาษที่ทำเป็นกระดาษขาว (คุณภาพของกระดาษไม่รู้ว่าดีกว่าหรือเปล่า)

อันนี้ที่อยากเขียน อยากบอก อยากเล่าให้ฟัง แล้วลองไปดูผลประกอบการว่าเป็นเช่นเดียวกับ หนังสือพิมพ์ฟรีหรือเปล่า
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 359

โพสต์

Internet of things(IoT)
Internet of things (IoT) อันนี้เรียกได้ว่าเป็นกระแส แต่ทว่า ไม่ค่อยมีนักลงทุนรู้ว่ามันคืออะไร จริงจัง ทำไมเป็นแบบนั้น เพราะว่า ไม่มีใครฉายภาพให้เห็นการเปลี่ยนแปลงนั้นเอง
ตัวอย่างที่ IoT นำมาใช้ในปัจจุบัน สิ่งที่ใช้กันมาก และน่าใกล้เคียงมากที่สุดคือ อุปกรณ์สวมใส่ นั้นคือ นาฬิกา ที่สามารถวัดความดัน อัตราการเต้นของหัวใจ (ชีพจร) การเผาพลาญของพลังงาน อัตราการก้าวเดิม จำนวนก้าวเดินของเรา พวกนี้เอาไปคำนวณว่าสุขภาพของเราเป็นเช่นไร ในวันนั้น กินมากไปต้องเผาพลาญมากขึ้นหรือเปล่า
ข้อมูลเหล่านี้ ส่งโดยที่ผู้สวมใส่ไม่รู้ตัวว่า ส่งไปเพื่อประมวลผล ให้เจ้าของดูว่า ข้อมูลเหล่านี้ให้ผลลัพธ์เป็นเช่นไร
Thing คือตัวอุปกรณ์ ไล่ตั้งแต่ นาฬิกา โทรศัพท์เคลื่อยที่ ตำแหน่งที่เราอยู่ กล้องวงจรปิด บลา บล๊าๆ ....
แต่สิ่งพวกนี้ไม่สามารถทำงานได้ หากขาดสิ่งหนึ่งคือ เครือข่ายสื่อสาร ตัวนี้ถ้าหากไม่มีอุปกรณ์ก็มีแต่ข้อมูลเอาข้อมูลไปประมวลไม่ได้ ผู้ใช้งานก็ไม่ได้ข้อมูลที่ประมวลผล มีแต่ข้อมูลดิบๆ เอาไปใช้งานไม่ได้ อุปกรณ์คุยระหว่างกันไม่ได้ ไม่รู้ว่าอุปกรณ์ไหนมีสถานะเป็นเช่นไร ยังอยู่ดีมีสุขหรือเปล่า อุปกรณ์ชนกันหรือไม่
ดังนั้น เครือข่ายสื่อสารสำคัญ แล้วเครือข่ายประเภทไหน ที่สำคัญคือ เครือข่ายไร้สาย โดยเฉพาะ เครือข่ายที่เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น เรียกได้ว่า อุปกรณ์ย้ายไปไหนต่อไหน ก็สามารถติดต่อระหว่างกันได้
เช่นมีสถานีวัดน้ำ วัดว่าวันนี้ฝนตกปริมาณเท่าไร ความเร็วน้ำเท่าไร ความชื้นในอากาศเท่าไร .....ข้อมูลเหล่านี้ส่งกลับมาให้อุปกรณ์ที่กรุงเทพประมวล เพื่อแสดงเตือนภัยให้ประชาชนในพื้นที่ว่า น้ำท่วมหรือไม่ ดินอุ้มน้ำมากเกินไปหรือเปล่า ทำให้เกิดดินถล่มในอนาคตหรือไม่
หรือ อุปกรณ์เตือนภัยซึนามิ ที่ปล่อยในมหาสมุทรอินเดีย ก็วัดที่พื้นมหาสมุทรมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้ามีก็แจ้งเตือนถี่กลับมายังส่วนกลางเพื่อประมวลและแจ้งเตือนต่อไป ผ่านระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม โดยทั่วไปแจ้งข้อมูลการเปลี่ยนแปลงทุกชั่วโมง แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงจนถึงระดับที่มีแนวโน้มการเกิดซึนามิ อุปกรณ์ส่งข้อมูลกลับมานาทีละครั้งเลย ทำให้อุปกรณ์ส่วนกลางต้องประมวลผล แล้วให้มนุษย์ตัดสินใจว่า แจ้งเตือนหรือไม่
หรือ เรารู้ได้ไงว่าเส้นไหนในกรุงเทพรถติดในตอนนี้ นั้นคือ คนบนรถเปิดใช้ Map google แล้วตัวมือถือเป็นตัวส่งข้อมูลว่า ตำแหน่งของอุปกรณ์อยู่ ณตำแหน่งไหน เทียบกับตำแหน่งก่อนหน้า แล้วประมวลผลแสดงบนแผนที่ (รูป) ทำให้คนขับหรือผู้ใช้โทรศัพท์รู้ว่า มันติดขัดขนาดไหนนั้นเอง

เนี่ยแหละ บางส่วนของ Internet of Things (IoT) แต่สุดท้ายหากไม่มีการสื่อสารไร้สาย ทั้งโครงข่ายโทรศัทพ์เคลื่นที่หรือโครงข่ายดาวเทียม มันก็เกิดไม่ได้นั้นเอง
:)
:)
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

Re: แปลกใจ ช่วงนี้นักลงทุนคิดอะไรอยู่

โพสต์ที่ 360

โพสต์

miracle เขียน:Internet of things(IoT)
Internet of things (IoT) อันนี้เรียกได้ว่าเป็นกระแส แต่ทว่า ไม่ค่อยมีนักลงทุนรู้ว่ามันคืออะไร จริงจัง ทำไมเป็นแบบนั้น เพราะว่า ไม่มีใครฉายภาพให้เห็นการเปลี่ยนแปลงนั้นเอง
ตัวอย่างที่ IoT นำมาใช้ในปัจจุบัน สิ่งที่ใช้กันมาก และน่าใกล้เคียงมากที่สุดคือ อุปกรณ์สวมใส่ นั้นคือ นาฬิกา ที่สามารถวัดความดัน อัตราการเต้นของหัวใจ (ชีพจร) การเผาพลาญของพลังงาน อัตราการก้าวเดิม จำนวนก้าวเดินของเรา พวกนี้เอาไปคำนวณว่าสุขภาพของเราเป็นเช่นไร ในวันนั้น กินมากไปต้องเผาพลาญมากขึ้นหรือเปล่า
ข้อมูลเหล่านี้ ส่งโดยที่ผู้สวมใส่ไม่รู้ตัวว่า ส่งไปเพื่อประมวลผล ให้เจ้าของดูว่า ข้อมูลเหล่านี้ให้ผลลัพธ์เป็นเช่นไร
Thing คือตัวอุปกรณ์ ไล่ตั้งแต่ นาฬิกา โทรศัพท์เคลื่อยที่ ตำแหน่งที่เราอยู่ กล้องวงจรปิด บลา บล๊าๆ ....
แต่สิ่งพวกนี้ไม่สามารถทำงานได้ หากขาดสิ่งหนึ่งคือ เครือข่ายสื่อสาร ตัวนี้ถ้าหากไม่มีอุปกรณ์ก็มีแต่ข้อมูลเอาข้อมูลไปประมวลไม่ได้ ผู้ใช้งานก็ไม่ได้ข้อมูลที่ประมวลผล มีแต่ข้อมูลดิบๆ เอาไปใช้งานไม่ได้ อุปกรณ์คุยระหว่างกันไม่ได้ ไม่รู้ว่าอุปกรณ์ไหนมีสถานะเป็นเช่นไร ยังอยู่ดีมีสุขหรือเปล่า อุปกรณ์ชนกันหรือไม่
ดังนั้น เครือข่ายสื่อสารสำคัญ แล้วเครือข่ายประเภทไหน ที่สำคัญคือ เครือข่ายไร้สาย โดยเฉพาะ เครือข่ายที่เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น เรียกได้ว่า อุปกรณ์ย้ายไปไหนต่อไหน ก็สามารถติดต่อระหว่างกันได้
เช่นมีสถานีวัดน้ำ วัดว่าวันนี้ฝนตกปริมาณเท่าไร ความเร็วน้ำเท่าไร ความชื้นในอากาศเท่าไร .....ข้อมูลเหล่านี้ส่งกลับมาให้อุปกรณ์ที่กรุงเทพประมวล เพื่อแสดงเตือนภัยให้ประชาชนในพื้นที่ว่า น้ำท่วมหรือไม่ ดินอุ้มน้ำมากเกินไปหรือเปล่า ทำให้เกิดดินถล่มในอนาคตหรือไม่
หรือ อุปกรณ์เตือนภัยซึนามิ ที่ปล่อยในมหาสมุทรอินเดีย ก็วัดที่พื้นมหาสมุทรมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้ามีก็แจ้งเตือนถี่กลับมายังส่วนกลางเพื่อประมวลและแจ้งเตือนต่อไป ผ่านระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม โดยทั่วไปแจ้งข้อมูลการเปลี่ยนแปลงทุกชั่วโมง แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงจนถึงระดับที่มีแนวโน้มการเกิดซึนามิ อุปกรณ์ส่งข้อมูลกลับมานาทีละครั้งเลย ทำให้อุปกรณ์ส่วนกลางต้องประมวลผล แล้วให้มนุษย์ตัดสินใจว่า แจ้งเตือนหรือไม่
หรือ เรารู้ได้ไงว่าเส้นไหนในกรุงเทพรถติดในตอนนี้ นั้นคือ คนบนรถเปิดใช้ Map google แล้วตัวมือถือเป็นตัวส่งข้อมูลว่า ตำแหน่งของอุปกรณ์อยู่ ณตำแหน่งไหน เทียบกับตำแหน่งก่อนหน้า แล้วประมวลผลแสดงบนแผนที่ (รูป) ทำให้คนขับหรือผู้ใช้โทรศัพท์รู้ว่า มันติดขัดขนาดไหนนั้นเอง

เนี่ยแหละ บางส่วนของ Internet of Things (IoT) แต่สุดท้ายหากไม่มีการสื่อสารไร้สาย ทั้งโครงข่ายโทรศัทพ์เคลื่นที่หรือโครงข่ายดาวเทียม มันก็เกิดไม่ได้นั้นเอง
:)
เคยเจอเรื่องตลก อยู่ครั้งนึง
ทางกลับรถ ใต้สะพาน ข้ามแยก ณ ที่ชานเมืองกรุงเทพแห่งหนึ่ง
ในเวลาประมาณ สี่ถึงห้าทุ่ม
เปิด google map ปรากฏ ขึ้นแถบแดง ที่บริเวณกลับรถดังกล่าว
(น่าจะแปลว่ารถติด) แต่............ ความเป็นจริงคือ .................



รถมันจอด (ปาร์คกิ้ง) กันหลายสิบคัน เพราะถนน มันว่าง คับ
ไม่ใช่รถติด ตามกูเกิลแมพบอก
อัลกอ มันดี และเก่ง จริง แต่ยังไม่สุด 55555
show me money.