VI หาดใหญ่

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2611

โพสต์

เราเปลี่ยนทิศทางลมไม่ได้ แต่เราปรับใบเรือได้
JANUARY 21, 2017 / ANONTAWONG MARUKPITAK

I can’t change the direction of the wind, but I can adjust my sails to always reach my destination.
– Jimmy Dean

เมื่อความไม่แน่นอนคือความแน่นอน

และเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปดั่งใจ แต่เป็นไปตามเหตุปัจจัย

เราจึงต้องพร้อมที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

เมื่อลมเปลี่ยนทิศ เราจึงไม่ควรตัดพ้อให้เสียเวลา

ทรงตัวให้ดีๆ ชำเลืองดูอีกทีว่าจุดหมายอยู่ตรงไหน แล้วหาทางใช้ลมนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด

จะถึงช้ากว่าที่ตั้งใจไว้ก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะความเร็วไม่สำคัญเท่าทิศทาง

ตราบใดที่สมองยังคิด ตราบใดมือยังทำ การเดินทางนี้คราวนี้คงไม่สูญเปล่า

Cr. https://anontawong.com/2017/01/21/wind/
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2612

โพสต์

ลองอ่านกันครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
romee
Verified User
โพสต์: 1850
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2613

โพสต์

นี้มันเวบเดียวกันใช่ป่ะครับ :la:

ดูแล้วห้องข้างนอกเชียร์กันเย้วๆ....หาตัวที่เจ๋งๆ แล้วอัดเลยโฟกัสสิ โฟกัส, ไรว้าาา ไม่ใจเรยยย

แต่ในนี้ อ่านอาจารย์แต่ละคน ให้ตั้งการ์ดสูงไว้ก่อน ให้ระวังเอาไว้ ไอ้ที่เขาพูดๆกัน มันก็มีพวกคนตายไม่ได้พูดนะเว้ย....ไรงี้

ทักจน บางทีถ้าผมจะเคาะซื้อตามกะเขา = ทำผิดศีลข้อหนักซะงั้น :rofl:

อ่านที่อาจารย์โพสในนี้แล้วห่อเหี่ยว
ว่าจะไปลงทุนสินแร่อันอื่นแทนละครับ (cr.ตามรูปเลย) :oops:
gold.jpg
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
You only live once, but if you do it right, once is enough.
ภาพประจำตัวสมาชิก
romee
Verified User
โพสต์: 1850
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2614

โพสต์

ลืมฮะ ช่วยเวบทำมาหากินแวบนึง

เปิดโหวตบริษัทที่สมาชิก Thai VI สนใจไป Company Visit ปี 2560

com visit ของทางเวบปีนี้ เห็นว่าอยากให้สมาชิกมีส่วนร่วม ช่วยกันโหวตได้ ว่าอยากให้เวบจัดไปบริษัทไหนดี
ได้ข่าวว่าปีนี้ ทางเวบจะทำสรุปในบริษัทที่ไปแต่ละที่ แบบไม่ต้องกังวลว่าจะผิดกฎ กลต. หรือไม่

เผื่อข้อมูลที่เราได้จาก com visit จะทำให้เราฉลาดเลือกในการลงทุน...แบบในรูปเนอะ :ep:
การลงทุน.jpg
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
You only live once, but if you do it right, once is enough.
dr1
Verified User
โพสต์: 842
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2615

โพสต์

สวัสดีปีใหม่จีนทุกท่านฮะ

ปีนี้เป็นปีไก่ ขออย่าเป็นไก่จิกตีกันในเข่งที่รอไปเชือด แบบที่อ.ประเวศบอกไว้นะฮะ รู้รักสามัคคีกันไว้มั่กๆนะจ๊ะ
แจ้งข่าวอ.ลูกอิสานให้สมาชิกกะลูกศิษย์สบายใจนะฮะ อ.ผ่านการตัดติ่งธัยรอยด์เรียบร้อยปลอดภัยดีฮะ
รอดมาได้จากความสะอาดในห้องผ่าตัดระดับที่cleanroomอุตสาหกรรมอีเล็กฯยังส่ายหน้า
รอดมาได้จากความปลอดภัยระดับที่หนังสือsix sigmaว่าไว้ว่า ถ้าอุตสาหกรรมการบินใช้มาตรฐานนี้ จะมีเรือบินตกวันละสองสามลำ(อ๊ะจึ๋ยย..)
นอนโรงบาลคืนเดียวกลับบ้านได้ ท่อระบายก็ไม่ต้องใส่(อดทดสอบสินค้าบ.ที่เพิ่งIPOไปเลย)
เด๋วนี้เค้ามีผ่าแบบใหม่ไร้แผลเป็น ผ่านจั๊กกะแร้บ้าง ผ่านในปากบ้าง แต่อ.เลือกแบบแผลปกติฮะ(หล่อแมนจิงๆ)
แต่ถ้าเกิดแผลเป็น ผมขอเสนอเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส โดยสักมังกรทับแผลเป็น กรณีอ.เกิดปีมะโรง
(หวังว่าอ.คงไม่ได้เกิดปีจอ..กรณีนั้นน่าจะสักรูปกู๊ฟฟี่ฮะ น่ารักไปอีกแบบ)

แล้วก็มาส่งการบ้านท่านRomee(ได้ข่าวว่าroamingเข้าสมาคมแล้ว)ด้วยฮะ(นี่มันห้องเดียวกันแน่นะ..มีทั้งธรรมะท่านดำ สลับเกร็ดชีวิตครอบครัวท่านromee หลากรส..)
Comvisitขอเสนอเป็นสองแบบนะฮะ ใครอยากได้เพิ่มเติมแบบใหนมาแนะนำกันได้

1. แบบขอลองสินค้าบริการ ไม่สนผู้บริหาร (ไม่ต้องมาเจอนะจ๊ะ ปล่อยพวกเราไว้ก็พอ)

จำปีม่วง ขอลองA380ชั้นเฟิร์สคลาส
หมอนวด ขอลองคอร์สใหญ่ที่สุด จะอาบน้ำแร่แช่น้ำปัสสาวะ นวดหน้าด้วยฝ่าเท้าอะไรก็ว่าไป
ควายแดง ขอคอนเสริตคาราบาวเต็มวงแบบเอ๊กซ์คลูสีพ (แถมคอร์สหัดโซโล่กีต้าร์น้าเล็กด้วยก็เอานะ)
หุ้นอากู๋ อาเฮีย ทีวีคุ้มค่าทุกนาที ขอคอนเสริท์จ๊ะ คันหอย, บอดี้สลัม,yanni รึใครก็แล้วแต่สมาขิกจะรีเคว็ดกันมา
หุ้นอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าอยากดูการถ่ายทำหนังสือalure
หุ้นIFAKE ขอลองห้องสวีทโรงแรมstardivaอาทิตย์นึง(วงพิณเปิ๊ยะบรรเลงที่ล็อบบี้ยังอยู่มั้ยอ่ะ)
หุ้นปลากระป๋องชื่อเหมือนชื่อเล่นนายก ขอไปกินred lobster เอาสาขาที่เมกานะจ๊ะ
หุ้นสาระแหน่ ขอลองพักเต๊นท์ที่อัฟริกา หรือมัลดีฟ หรือที่ไหนก็ได้ไกลๆหน่อยนึง ไอติมพิซซ่านั่นไม่ต้อง ไม่งกกินจ้ะ

2. แบบขอคุยกับเจ้ามือ เอ๊ยเจ้าของ,ผบห. เรียนรู้วิธีคิด กลยุทธ ปล่อยข่าว สับขาหลอก วิธีกระชากราคาหุ้นขึ้นลง วิธีชวนเสี่ยมาถือหุ้น วิธีจะได้หุ้นPPถูกๆ(อยากได้กะเค้ามั่ง..)และอื่นๆ สินค้าบริการไม่สนจร้า..

มะลิ ขอคุยเรื่องวิธีทำให้ผถห.,ตลท.,คู่แข่ง,ลูกน้อง มึนงงและเอ๋อเหรอ(error)
โชว์ห่วย ขอคุยเรื่องวิธีเก็บเงินริมทาง..เอ๊ยไม่ใช่ วิธีเล่นโกะ
ทุย อยากรู้วิธีเพิ่มทุนไม่รู้จบจากทั่วโลก คุยยังไงให้เค้าเอาตังค์มาถมหลุมเรื่อยๆ
และก็พวกผบห. สาวโสด หนุ่มโสด สวยๆหล่อๆ(บมจ.ไรมั่งก็ไม่รุ) เพื่อความรื่นเริงบันเทิงชื่นใจ

และก็ถ้ามีพวกผจก.กองทุนเก่งๆก็น่าจะมีfund manger visitนะฮะ ไปคุยคอนเส็ปการลงทุน
จะได้รู้ว่าเก่งจริง รึเฮงจัง

เสี่ยปู๋ยักษ์ (ชื่อมาจากเซียนcan,grandfather,giantรวมกัน ตรุษจีนนี้อยากเป็นเสี่ยกะเค้ามั่ง..) ส่งการบ้าน
samatah
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2616

โพสต์

ขอบพระคุณท่านพี่dr1ที่มาอัพเดทข่าวการผ่าตัดของพี่โจให้พวกเราได้ทราบครับ

ผมไม่มีโอกาสได้เจอพี่โจ
เลยขอมาฝากความคิดถึงและฝากข้อความเป็นกำลังใจในกระทู้นี้(เผื่อพี่มาอ่าน)
ให้พี่หายเป็นปกติโดยเร็ววัน
พวกเรารักและระลึกถึงบุญคุณของพี่เสมอน๊ะครับ :wink:
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2617

โพสต์

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงาน ในวัย 30 กว่าๆ
.
ในวัย 30-40 ปี ผมเชื่อว่าหลายๆคน คงรู้ว่าวัยนี้เป็นวัยที่ Hot ที่สุดในชีวิต เพราะมีทั้ง Energy ประสบการณ์ และพลังสมอง และช่วงวัยแบบนี้นี่เอง ที่เราจะเห็นคนหลายๆคนประสบความสำเร็จในชีวิต และเริ่มจะ contribute บางอย่างคืนให้กับสังคม
.
พอดีนั่งว่างๆ ได้มีโอกาสลอง list ประสบการณ์ต่างๆออกมา และคิดว่าหลายอย่างในนี้เป็นประโยชน์ ก็เลยอยากจะเอามาแชร์ให้ได้อ่านกันซัก 10 เรื่อง
.
.
1. การทำงานแบบ Multitask เหมือนจะดี
.
ใน life style ยุค digital หนึ่งในพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปก็คือ การทำงานแบบ “Multitask” ซึ่งถ้าดูแบบผิวเผินแล้วเหมือนจะดี เพราะดูเหมือนว่าจะทำงานหลายๆหน้า หลายๆอย่างได้พร้อมๆกัน ได้ปริมาณงานมากกว่า แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ดี จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องของคนสมาธิสั้น เวลาทำงานจะไม่ได้ focus จริงจังซักงาน เพราะจะมีเรื่องอื่นๆมาคั่นสมาธิอยู่ตลอด ทำให้งานออกมาโอกาสที่จะมีประสิทธิภาพสูงเท่าการ focus ทีละ job น้อยกว่ามาก
.
.
2. การทำ to do list เป็นประโยชน์มาก
.
เขียนลงสมุดหรือกระดาษทุกวัน มองให้เห็นภาพรวมว่างานเรามีอยู่ในหน้าตักอะไรบ้าง และลำดับความสำคัญจากความสำคัญมากสุดไปน้อยสุด แล้วเลือกทำจากงานที่มีความสำคัญมากกว่า เป็นอันดับแรก แล้วทำให้เสร็จเป็นอย่างๆไป
.
.
3. สิ่งที่ดีที่สุดในงานบริหาร คือการใช้คนที่เก่งกว่ามาทำงานแทนเรา
.
การใช้คนเก่งกว่า และ specialist ในงานนั้นๆมาทำงานแทน ไม่ใช่หมายความว่าเราทำงานไม่เป็น แต่งานบริหารคือการจัดแจง จัดระเบียบงานต่างๆให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้น skill สำคัญมากของผู้บริหารคือ การบริหารคนและการบริหารเวลา เพราะว่าเวลามีจำกัด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ leverage จากคนที่เก่งกว่ามาช่วยให้เราประหยัดเวลาขึ้น (และช่วยให้งานนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่า) ดึงงาน routine ออกไปจากมือให้มากที่สุด และใช้เวลาที่เหลือมากขึ้นไปคิดและพัฒนา project ใหม่ๆ ที่มีคุณค่ามากกว่า
.
.
4. ทักษะเรื่องการสื่อสารก็สำคัญ
.
เมื่อเรามีการสื่อสารที่ดี ก็ยิ่งทำให้การเจรจาต่างๆง่ายขึ้น ยิ่งถ้าต้องทำงานกับ public [jvpq ในฐานะนักบริหาร ยิ่งต้องเพิ่ม skill การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ
.
.
5. ยิ่งสูง ต้องยิ่งลงต่ำ
.
มีรุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าเก่าเคยสอนมาตลอด ว่าให้นอบน้อมถ่อมตัวไว้ไม่ว่าจะเจอใครที่ไหน การแสดงความนอบน้อม ถือเป็น กิริยาที่ nice สำหรับทุกคน ทั้งคู่ค้าเอง ทั้งลูกค้าเอง หรือแม้แต่พนักงานในองค์กร การนอบน้อมไม่ใช่อ่อนแอ แต่เป็นการรู้จักวางตัวให้เหมาะสม เมื่อเรา nice คนรอบๆข้างก็มักจะให้เกียรติเราเสมอๆเช่นกัน
.
.
6. โอกาส มีครั้งเดียว
.
ในชีวิตจริง เราไม่มีทางรู้ได้ว่าโอกาสจะมาหาเราเมื่อไหร่ หรือทุกๆเรื่องจะมีโอกาสที่ 2 หรือ 3 ให้เราหรือเปล่า เท่าที่เห็นมาตลอดชีวิตคือหลายๆคนจะใช้โอกาสในชีวิตฟุ่มเฟือยมาก ทิ้งๆขว้างๆและชิลไปหน่อย ด้วยความเข้าใจที่ว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยเอาใหม่ก็ได้ สิ่งที่อยากบอกคือเมื่อโอกาสมาถึงเราแล้ว จงทำโอกาสนั้นให้ดีที่สุดในทุกๆครั้ง ทำเหมือนว่าทุกโอกาสจะพาเราไปสู่ชีวิตที่ดีที่สุดเสมอ (แต่ก่อนหน้านั้นก็ต้องเตรียมตัว เตรียมสติปัญญาและทักษะให้พร้อมเสมอๆ เพื่อสร้าง และรับโอกาสที่จะเข้ามาแบบไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน)
.
.
7. คุณสมบัติของการนิ่ง และการรอ
.
การนิ่งและการรอ เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่จะ control อารมณ์ของเราไม่ให้ทำอะไรวู่วาม ผลีผลาม ใจร้อน จนเกิดความผิดพลาดในเรื่องสำคัญ หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม บางครั้งวู่วามแล้วเกิดการผิดพลาดในเรื่องเล็กจนลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ การนิ่งไม่ใช่การไม่ทำอะไรเลย แต่เป็นการรอจังหวะที่ดีที่จะ action อะไรบางอย่าง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่สูงที่สุด เช่นเดียวกัน ในการเจรจาหรือต่อรองอะไรบางอย่าง การนิ่งก็เป็นหนึ่งในกลยุทธที่มีประสิทธิภาพเช่นกัน
.
.
8. สมการของคนรวย = [ความสามารถในการหาเงิน + ความสามารถทางการเงินและการลงทุน]
.
ในหมู่คนที่เคยประสบพบพานมา ผมเห็นหลายๆคนมาก ที่มีความสามารถในการหาเงินอยู่ในระดับสูงมาก (บางคนอยู่ในระดับ 7-8 หลักต่อเดือน) แต่ก็เช่นเดียวกัน หลายคนที่หาเงินได้เก่งมาก กลับขาดความรู้ทางการเงินและการลงทุน ทำให้เงินที่หามาถูกบริหารอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เงินเข้ามาแล้วก็รั่วออกไป หนึ่งในความลับที่ลับที่สุดบนโลก ที่จะทำให้ wealth ของเราเพิ่มขึ้นไปตลอดก็คือ “ความสามารถทางการเงินและการลงทุน” และนั่นเอง เป็นสิ่งที่ทุกคนควรเริ่มศึกษาตั้งแต่ตอนนี้เลยครับ
.
.
9. การเปิด fb ในขณะที่ทำงานไปด้วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด
.
fb จะดึงสมาธิเราออกจากงานที่ focus อยู่ตลอดเวลา และทำให้งานไม่คืบหน้า (การเปิดหน้าจอหุ้นค้างไว้ตอนทำงานก็เช่นกัน) ดังนั้น ปิดมันเถอะ
.
.
10. จงหาที่ปรึกษาเก่งๆ
.
อีกเรื่องหนึ่งในการที่จะช่วยให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากการใช้ leverage จากเวลาของคนอื่นมาช่วยดูแลงานแทนเราแล้ว การใช้ leverage จาก”มันสมอง” และ”สติปัญญา”ของที่ปรึกษาเก่งๆ จะช่วยให้งานของเราติด speed แรงทะลุโลกได้ ผู้บริหารที่มีความสามารถในการบริหาร จะมองหาที่ปรึกษาที่มีความรู้และความสามารถในการวิเคราะห์+วางแผน ในเรื่องต่างๆ เพราะในโลกของการแข่งขัน ความสำเร็จมันเฉือนกันที่ไอเดีย, กลยุทธ และการนำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
.
.
10.5 (ส่วนแถม) จงส่งต่อสิ่งดีๆคืนกลับสู่สังคม
.
เมื่อถึงจุดนึง เมื่อคุณได้รับจนถึงระดับนึงแล้ว คุณจะรู้สึกอยากส่งต่อสิ่งดีๆให้คนอื่น สิ่งที่เป็นประโยชน์ทางความรู้ ทางความคิด และสิ่งที่จะช่วยยกระดับและพัฒนาสังคมให้ก้าวหน้าขึ้นไปได้ ดังนั้น เมื่อคุณเริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว อยากเชิญชวนให้ลองพิจารณาเรื่องการส่งต่อบางอย่างที่ดีและเป็นประโยชน์คืนให้กับสังคมด้วยครับ
.
.
เรื่องราวก็มีประมาณนี้ครับ จากที่สรุปและตกตะกอนได้ จริงๆแล้วเชื่อว่าหลายคนคงรู้เรื่องพวกนี้และใช้ในชีวิตประจำวันกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่อยากแชร์ไอเดียไว้เป็นวิทยาทานสำหรับคนหนุ่มสาว ที่กำลังขีดเขียน “The Big Story” ในชีวิตของตัวเอง
.
ประสบการณ์เหล่านี้ผมเชื่อว่ามีมูลค่ามาก แต่เราก็สามารถแบ่งปันให้กันได้แบบไม่ต้องมีมูลค่า เพราะหลายๆเรื่องผมก็ได้รับการถ่ายทอด และเก็บเกี่ยวมาจากผู้ใหญ่, ครูบาอาจารย์ และเพื่อนฝูงคนรอบตัวหลายๆท่านที่เคยพบเจอในชีวิตมาแบบฟรีๆ เช่นกัน
.
ดังนั้น ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้ว คิดว่ามันมีประโยชน์ ก็ขอให้แชร์ไปให้เพื่อนๆของทุกคนได้อ่านกันครับ

https://www.facebook.com/rockonpeople/p ... 3994353882
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
K-TAW
Verified User
โพสต์: 131
ผู้ติดตาม: 1

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2618

โพสต์

ขอบคุณมากค่ะคุณดำ :bow: ต้องรีบเขียนขอบคุณ อ่านแล้วnoteเก็บไว้เลยค่ะ แถมเข้าไปในFB Follow คุณดำด้วยค่ะ :-P
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2619

โพสต์

K-TAW เขียน:ขอบคุณมากค่ะคุณดำ :bow: ต้องรีบเขียนขอบคุณ อ่านแล้วnoteเก็บไว้เลยค่ะ แถมเข้าไปในFB Follow คุณดำด้วยค่ะ :-P
เจ้าของ FB ไม่ใช่ผมคร้าบบบ ผมแค่ copy มาแปะ เขียนแบบนั้นไม่เป็น แถมแก่กว่าเค้าด้วยคร้าบบ
เข้าใจผิดแบบนี้เดี๋ยวเจ้าของบทความจะเสียหาย 55
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2620

โพสต์

ขอเอามาโพสต์ในที่นี้ดีกว่า อยากขอพูดเรื่อง "ความเสี่ยง" หน่อยครับ

ผมอ่านเรื่องความเสี่ยงมาหลายกระทู้ ผมว่าบางครั้งนลท.บางท่านยังมีความเข้าใจในเรื่องความเสี่ยงไม่ถูกต้องซะทีเดียว เช่น

การซื้อหุ้นเพียงตัวเดียว แต่เรารู้จักหุ้นตัวนั้นเป็นอย่างดีมาก ๆ ถือว่า เสี่ยงน้อยกว่าซื้อหุ้นหลายตัว แต่ตัวที่เหลือดีน้อยกว่าหุ้นตัวเลือกแรก

ผมว่าการมองในลักษณะแบบนี้เหมือนมองในมุมเดียวเท่านั้น

สำหรับผม ความเสี่ยงนั้นบางครั้ง มันก็เหมือนสิ่งที่เราจะรู้ได้ว่ามันเสี่ยง ก็ต่อเมื่อมันปรากฎตัวขึ้น ในบางครั้ง เราอาจจะทำอะไรบางอย่างที่จริง ๆ มันเสี่ยง แต่มันไม่ได้เกิด "เรื่อง"ขึ้น เราจึงคิดว่ามันไม่เสี่ยง

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราขับรถด้วยความเร็วมากกว่า 200 กม.ต่อชม. แล้วไม่เกิดอุบัติเหตุ แบบนี้เรียกว่าเราทำสิ่งที่ไม่เสี่ยงหรือไม่ ในทางกลับกันถ้ามันเกิดอุบัติเหตุขึ้น แน่นอน เราจะโดนต่อว่าทันทีว่าเรากำลังทำสิ่งที่เสี่ยง

เรื่องเดียวกัน แต่ทางหนึ่งสิ่งเลวร้ายไม่เกิดขึ้น แต่อีกทางหนึ่งเกิดสิ่งเลวร้ายขึ้น ถามว่าจริง ๆ แล้ว มันเป็นเรื่องเดียวกันมั๊ย

ใช่ครับ จริง ๆ มันคือเรื่องเดียวกัน เพียงแต่ในผลลัพธ์แรก มันไม่เกิดเรื่องร้าย เราจึงคิดว่ามันไม่เสี่ยง

ในประเด็นแรกนี้ ผมต้องการจะบอกว่า หลายคน กำลังทำสิ่งที่เรียกว่าเสี่ยง แต่หลงผิดคิดว่าสิ่งนั้น ไม่เสี่ยง แบบนี้อันตรายมาก แม้ว่าบางเรื่องโอกาสเกิดมันอาจจะน้อย แต่ถ้าเกิดแล้ว แทบจะเรียกว่า "ล้มทั้งกระดาน" ยกตัวอย่างเช่น กรณีของโรงงาน SVI ไฟไหม้ ซึ่งในกรณีของ SVI ยังดีที่บ.ยังกลับมาได้แม้จะใช้เวลานาน แต่ถ้าเป็นกรณีของโรงงาน SUE ไฟไหม้ มันเกิดขึ้นพร้อมกับการหายไปของบ.นี้จากตลาด

ประเด็นต่อมา คือ "การป้องกันความเสี่ยง" ในมุมมองผม นลท.ส่วนหนึ่งมักจะละเลยการป้องกันความเสี่ยง ซึ่งอาจจะมีความหมายเดียวกับ MOS

ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เวลาที่เราเดินเข้าตึกใหญ่ ๆ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่แทบจะไม่สนใจว่าบันไดหนีไฟอยู่ตรงไหน ทั้ง ๆ ที่มีแผนที่หรือป้ายบอกทางชี้ให้ดู ถังดับเพลิงอยู่ตรงไหน

แต่ถ้าเมื่อไหร่ เกิดไฟไหม้ขึ้นนะครับ เราถึงจะเห็นคุณค่าของ บันไดหนีไฟและถังดับเพลิง

นั่นแปลว่า การป้องกันความเสี่ยงจะเผยให้เห็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อ ความเสี่ยงนั้นได้เกิดขึ้น และจะดู "ไร้ค่า" ไปในทันที ถ้ามันไม่เกิดอะไรขึ้น

ตัวอย่างในกรณีของหุ้น ก็คือ ในบางครั้งที่ตลาดอยู่ในภาวะกระทิง นลท.มักจะหักห้ามใจไม่ให้ซื้อหุ้นไม่ได้ การ์ดมวยที่ตั้งสูงจึงมักจะลดต่ำ มีการกำหนด MOS ที่ลดลง ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริง มันควรจะสูงขึ้น หลายครั้งจึงทำให้นลท.ซื้อหุ้นในราคาที่ไม่ถูกไปจนถึงขั้นแพง เมื่อตลาดเปลี่ยนจากกระทิงเป็นหมี หุ้นทั้งตลาดร่วงลง หรือเวลาที่เกิดตลาดแพนิค ราคาทุนของหุ้นที่ซื้อมาแพง จึงต้านเอาไว้ไม่อยู่

ผมยังคงท่องไว้ขึ้นใจเสมอ หุ้นนั้นไม่ใช่ไม่ขายไม่ขาดทุน แต่มันควรจะเป็นไม่ซื้อไม่ขาดทุนครับ

safety first ครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
"Become a risk taker, not a risk maker"
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2621

โพสต์

ผมเข้าใจว่า risk management นี่มันแทบจะเป็นวิชา วิชานึง
ที่ต้องเรียนกันเป็นเรื่องเป็นราว
แต่เวลาเอามาพูดกัน พูดกันสั้นๆ เหมือนมันง่าย
ทั้งที่ in detail ผมว่ามันกะซับซ้อนกัน พอๆกับ ด้านการลงทุนเลย
เหมือนตอนเราเริ่มลงทุนใหม่ๆ
ฟังแต่ quote เท่ๆ กับ basic ความรู้ เรากะคิดว่ามันไม่ยาก
ยกตัวอย่างเรื่อง pe ความเข้าใจ มัน simple
แต่ practical คนละเรื่อง พอเริ่มลงทุนแล้วเอาไปใช้ กะเงิบกันไป


สำคัญ ผมคิดว่าไม่ได้อยู่ที่คนพูด หรือคนที่ส่งสาส์น
แต่อยู่ที่ ผู้รับสาร ฟังเอากำลังใจ เอามัน เอาสนุกได้
ถึงเวลาจริง จะเอาไปใช้ตามเค้า คงต้องระวังมากๆ
อย่างที่ พี่ leky บอก ขนาดคนที่เขามีความรู้มากๆ ยังเจอเรื่องไม่คาดฝัน
แล้วเรา ยังทำมาหากินกับ ข้อมูลชาวบ้าน หรือ ข้อมูลทุติยภูมิ
ถ้าจะไป เปิด risk exposure อย่างนั้น มันควรหรือไม่
show me money.
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2622

โพสต์

ไหน ๆ ก็มาเปิดประเด็นเรื่อง "ความเสี่ยง" กันแล้ว

เคยมีใครสงสัยเหมือนที่ผมเคยสงสัยบ้างมั๊ยในเรื่องของ margin of safety (MOS) ว่ามัน "วัดยังไง"

ผมเชื่อว่าเวลาเราได้ยินคนพูดถึงเรื่อง MOS เราจะได้ยินไม่กี่เรื่อง เช่น "ซื้อหุ้นให้มี MOS", ."MOS เป็นเรื่องสำคัญของการลงทุน" ฯลฯ บลาบลา

คนฟังเองก็ฟังมาว่าเราก็ต้องซื้อหุ้นให้มี MOS

แต่คำถาม "MOS นี่วัดกันยังไง" แล้วถ้าจะต่อยอดออกไปอีก "MOS เท่าไหร่ถึงจะพอ" ?????

การใช้ตัวเลขทางการเงินบางอย่างใช้ได้ไหม เช่น ซื้อหุ้น PE ต่ำ ยิ่งต่ำถือว่ายิ่งมี MOS มันใช้ได้ไหม

ตัวผมเองก็เคยพยายามหาคำตอบ แม้แต่ในหนังสือบางเล่มที่เน้นเขียนถึงเรื่องนี้ ก็ไม่ยอมตอบ 555

ผมก็เลยได้ข้อสรุปแบบง่าย ๆ ว่า น่าจะเป็นลักษณะแบบ "เอาที่สบายใจ"

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ผมยกตัวอย่างแล้วกันครับ

หุ้น A ราคา 20 บาท ถ้าเราไปคุยกับนายก.ว่าต้องการซื้อที่ราคาเท่าไหร่ นายก.อาจจะตอบว่า ผมขอส่วนลด 25% คือ 15 บาท แต่ถ้าเราไปคุยกับนายข. อาจจะได้คำตอบว่า 10 บาท พอไปคุยกับนายค. บอกว่าขอ 5 บาท

ถามว่าทุกคนมี MOS มั๊ย คำตอบคือ มี เพียงแต่มันไม่เท่ากัน

ถ้าเป็นนายก. โอกาสซื้อหุ้นได้ก็คงมีมากกว่านายค. ในกรณีของนายค.บางครั้งราคาหุ้นที่เราอยากซื้อ อาจจะต้องรอไปอีก 5-10 ปี เรารับได้มั๊ย ถ้าจะรอนานขนาดนั้นเทียบกับโอกาสที่จะกำไรจากการถือหุ้นตัวนั้น

แล้วยังมีอีกประเด็นหนึ่ง ต่อให้ได้หุ้นตัวนั้นที่ราคาต่ำขนาดนั้นมา แน่ใจได้ไงว่าพื้นฐานมันไม่เปลี่ยนไปแล้วหรือไม่ ราคามันถึงลงมาขนาดนี้

ผมจึงพอจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าที่ตำราแทบจะไม่เคยเขียนไว้มันเพราะสาเหตุนี้คือ "เอาที่สบายใจแล้วกัน"

มาต่อครับ แล้วจะวัดกันยังไงดีล่ะ

อันนี้ผมว่านะ จากเท่าที่พยายามหาคำตอบมาคงต้องตอบว่า "เอาที่ถนัดแล้วกัน"

บางคนอาจจะดูการเคลื่อนไหวของราคา เช่น ราคาลดลงมาจากจุดสูงสุด 50%, ราคาลงมาใกล้จุดต่ำสุดเดิม, PE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PE ของหุ้นตัวนี้ ฯลฯ อีกสารพัด หรือบางคนอาจจะใช้กราฟเทคนิคมาเป็นตัวจับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คงต้องเข้าใจก่อนว่า ราคาหุ้นและกำไรของบ. มันเป็นเรื่อง dynamic ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะเอาค่าเฉลี่ยของ PE มาจับ หุ้นตัวหนึ่งเดิมซื้อขายที่ PE เฉลี่ย 20 สมมติ PE ขึ้นไป 30 เราจะซื้อหุ้นตัวนี้ได้หรือไม่

ผมคงตอบว่า "อาจจะได้" แปลกมั๊ยครับ ตามความรู้สึก PE ที่สูงขึ้นมันน่าจะแปลว่าหุ้นแพงขึ้น แต่ทำไมถึง "อาจจะได้"

ต้องย้อนกลับมาที่ความเป็น dynamic ของมันนั่นเอง เช่น ถ้า PE ที่สูงขึ้นนั้น มันเกิดจากกำไรที่ลดลง จากสาเหตุบางอย่าง ที่มันเป็นแค่ชั่วคราวและอาจจะแก้ไขได้ บางครั้ง ราคาหุ้นอาจจะลดลง แต่ EPS มันลดลงมากกว่า เราก็อาจจะเห็น PE ที่มันสูงขึ้นได้ นี่อาจจะเป็นจังหวะที่ควรซื้อ ถ้าเรามองว่าบ.อาจจะแก้ปัญหาชั่วคราวนี้ได้

อันนี้เป็นตัวอย่างครับ

บทสรุปของ MOS วัดยังไง และควรจะมีค่าเท่าไหร่ มันจึงมีข้อสรุปสำหรับตัวผมนะ ที่พยายามจะหาคำตอบของมัน ก็คือ

"ไม่ได้มีอะไรตายตัว" "เอาที่เราถนัดที่จะประเมินและสบายใจ"

แต่เรื่องหนึ่งที่ผมเคยพยายามประเมินตัวเองนะครับ ทุกครั้งที่ซื้อหุ้นไม่ว่าสุดท้ายจะลงท้ายด้วยกำไรหรือขาดทุนหรือแม้แต่เวลาที่ผม "ตกรถ" ผมจะประเมินตัวเองเสมอว่า เพราะอะไร การขาดทุนบางครั้งก็แปลว่าเราให้ MOS ต่อหุ้นตัวนั้นน้อยเกินไป เช่นกัน การตกรถ บางครั้งก็แปลว่าเราให้ MOS ต่อหุ้นนั้นมากเกินไป

สิ่งที่เราจะต้องประเมินตัวเราเอง ก็คือ มันผิดพลาดหรือเปล่า หรือมันถูกแล้ว เมื่อเทียบกับ downside กับ upside ของหุ้นตัวนั้น

สุดท้ายถ้าเรามีประสบการณ์ที่มากพอ เราก็ต้องจูนสิ่งเหล่านี้ให้มันเหมาะสมและให้มันถูกจริตกับนิสัยของเราครับ

อย่างตัวผม เคยออกตัวเสมอว่า "ไม่ชอบการคัทลอส" นั่นจึงแปลว่า ปรัชญาการลงทุนของผมในข้อแรก ๆ ก็คือ "ผมจะไม่พยายามเอาตัวเองไปสู่จุดที่มีโอกาสจะขาดทุนตั้งแต่แรก" และจึงเป็นที่มาของคำว่า "ไม่ซื้อไม่ขาดทุน"

แต่สำหรับนลท.บางท่าน เค้าอาจจะพอรับได้กับเรื่องนี้ เค้าอาจจะให้ความสำคัญกับ upside มากกว่า ถ้าเค้าพลาดเค้าก็สามารถที่จะ "กดปุ่ม" คัทลอสได้ไม่ยากนัก

ตรงนี้คงไม่มีใครถูกผิดครับ แต่วิธีการต้องถูกกับจริตนิสัย อย่าไปฝืนตัวเองมากจนเกินไป ยกเว้นว่าสิ่งที่ทำมันจะเป็นผลเสียอย่างรุนแรงที่ต้องแก้ไขจริง ๆ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2623

โพสต์

อาจารย์เริ่มประเด็น ศิษย์ขอร่วมสานต่อ...

ผมว่า MOS มันคล้ายๆ ซื้อประกัน บางทีซื้อไปแล้วแต่ไม่เกิดอะไรขึ้น ก็อาจถูกมองเหมือนเอาเงินไปเผาทิ้งเฉยๆ แต่พอมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น กลายเป็นคุ้มมากๆ ที่จะทำ

ประเด็นมันอยู่ที่ว่าตอนตัดสินใจทำประกัน ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตหรือไม่ ดังนั้นการที่มาตัดสินเมื่อเห็นผลอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นไปแล้ว จึงเข้าข่าย "รู้งี้"

MOS จึงเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ Scenario Analysis ในความเห็นของผมคือ ถ้าออกหัวเราพอใจ แต่ถ้าออกก้อยเราต้องรอดได้เช่นกันครับ
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2624

โพสต์

ดำ เขียน:อาจารย์เริ่มประเด็น ศิษย์ขอร่วมสานต่อ...

ผมว่า MOS มันคล้ายๆ ซื้อประกัน บางทีซื้อไปแล้วแต่ไม่เกิดอะไรขึ้น ก็อาจถูกมองเหมือนเอาเงินไปเผาทิ้งเฉยๆ แต่พอมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น กลายเป็นคุ้มมากๆ ที่จะทำ

ประเด็นมันอยู่ที่ว่าตอนตัดสินใจทำประกัน ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตหรือไม่ ดังนั้นการที่มาตัดสินเมื่อเห็นผลอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นไปแล้ว จึงเข้าข่าย "รู้งี้"

MOS จึงเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ Scenario Analysis ในความเห็นของผมคือ ถ้าออกหัวเราพอใจ แต่ถ้าออกก้อยเราต้องรอดได้เช่นกันครับ
พูดถึงเรื่องประกัน ผมได้ยินเรื่องแบบนี้มาสองสามครั้ง

ครั้งแรก เพื่อนผมทำประกันรถชั้นหนึ่งมาตลอด เค้าก็รู้สึกว่ามันไม่เคยมีอะไร ทำไมต้องจ่ายแพง ตอนหลังตัดสินใจไปทำประกันชั้นสาม ทำได้ไม่นาน รถวิ่งลงข้างทาง

ครั้งที่สอง อู่เล่าให้ฟัง มีคนต่างจังหวัด ไม่ชินทางกทม. ขับรถไปชน เสียหายไปหลายคัน ค่าเสียหายเป็นแสน ต้องขายที่ไปใช้หนี้ สุดท้ายเลยทำประกัน ช่างบอกว่า "แบบนี้มันวัวหายล้อมคอก" แล้ว

พูดถึงเรื่องความเสี่ยง ผมว่านลท.ในตลาดมักมีความเชื่อว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นเค้าจะหนีทัน แต่ในชีวิตจริง ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงยังขาดทุน บางครั้งขายคัทลอส หุ้นลงจริงรอดตัว บางครั้งขายปุ๊บหุ้นเด้งกลับ สุดท้ายกลายเป็นสะเปะสะปะ เวลาควรขายกลายเป็นไม่ขาย เวลาไม่ควรขายกลายเป็นขาย

ส่วนคนที่อ้างว่ารู้จักหุ้นเป็นอย่างดี รู้ว่าจะหนีเมื่อไหร่ ยังไงถ้ามีเรื่องร้ายก็เอาตัวรอดได้แน่

ถ้าจะมาดูคนขับรถสูตรหนึ่งหรือมอเตอร์ไซด์แข่งขัน ทุกคนฝีมือขับรถขั้นเทพทุกคน แต่ทำไมถึงยังมีข่าวนักแข่งรถเกิดอุบัติเหตุ บางคนถึงกับเสียชีวิต

ผมยกตัวอย่างสด ๆ ร้อน ๆ นะ

หุ้นการบินที่เป็นเจ้าของสนามบิน ใครจะคิดว่าอยู่ ๆ มีข่าวว่าจะโดนยึดที่ทำสนามบิน

หุ้นที่ออกตั๋ว BE ใครจะคิดว่าอยู่ ๆ จะโดนเข้มงวดเรื่องการออกตั๋ว ไหนจะมีหนี้ระยะสั้นที่ต้องเคลียร์กันอีก

หุ้นพลังงานทางเลือก ใครจะคิดว่าอยู่ ๆ จะโดนเรื่องสปก

ผมว่าเรื่องพวกนี้แม้แต่ผบห.เองก็ยังคิดไม่ถึงครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2625

โพสต์

เรื่องวัวหายล้อมคอกนี่จะว่าไปมันคือส่วนนึงของวิวัฒนาการของมนุษยชาตินะครับ อย่างในตลาดหุ้น คนจะกลัวก็หลังจากที่เห็นว่าหมีโผล่ออกมายืนต่อหน้าแล้ว ไม่ใช่กลัวตอนที่ยังลูบเขากระทิงอยู่

พูดถึงความเสี่ยงของธุรกิจ หุ้นบางตัวไปเติบโตที่ประเทศกำลังพัฒนาอย่างกัมพูชา มีแผนจะไปโตต่อเมียนมาร์ อินโด หรือแม้แต่อัฟริกา :shock:

แต่ก็ยังมีนลท.ที่มั่นใจกับแผนอนาคต และเชื่อว่าตัวเองนั้น "เอาอยู่" ทั้งที่ธุรกิจนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เกี่ยวข้องกับประชาชนผู้บริโภค

เอาแค่เรื่องกฎหมายที่บังคับใช้แค่เรื่องเดียวก็พอครับ มั่นใจได้ยังไงว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งที่แม้แต่กฎหมายของไทยเองหลายครั้งในอดีตก็ทำเอานักลงทุนหงายเงิบมาแล้ว
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2626

โพสต์

ดำ เขียน:เรื่องวัวหายล้อมคอกนี่จะว่าไปมันคือส่วนนึงของวิวัฒนาการของมนุษยชาตินะครับ อย่างในตลาดหุ้น คนจะกลัวก็หลังจากที่เห็นว่าหมีโผล่ออกมายืนต่อหน้าแล้ว ไม่ใช่กลัวตอนที่ยังลูบเขากระทิงอยู่

พูดถึงความเสี่ยงของธุรกิจ หุ้นบางตัวไปเติบโตที่ประเทศกำลังพัฒนาอย่างกัมพูชา มีแผนจะไปโตต่อเมียนมาร์ อินโด หรือแม้แต่อัฟริกา :shock:

แต่ก็ยังมีนลท.ที่มั่นใจกับแผนอนาคต และเชื่อว่าตัวเองนั้น "เอาอยู่" ทั้งที่ธุรกิจนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เกี่ยวข้องกับประชาชนผู้บริโภค

เอาแค่เรื่องกฎหมายที่บังคับใช้แค่เรื่องเดียวก็พอครับ มั่นใจได้ยังไงว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งที่แม้แต่กฎหมายของไทยเองหลายครั้งในอดีตก็ทำเอานักลงทุนหงายเงิบมาแล้ว
หุ้นตัวที่อ.ดำพูดถึง ผมไม่เคยไปศึกษาดูนะ แต่จากที่เคยซื้อหุ้นธุรกิจแบบนี้ ผมกลัวอยู่สองเรื่อง

เรื่องแรก เกณฑ์การตั้งค่าหนี้เสีย ตรงนี้เหมือนยังไม่มีกฎเกณฑ์ชัดเจน พูดตรง ๆ เลยนะครับ ถ้าผบห.เค้าเกิดบ้าจี้อยากเปลี่ยนขึ้นมาให้มันเสี่ยงน้อยลง คือ ตั้งค่าเหล่านี้มากขึ้น กำไรมันพร้อมจะหดลงอย่างรุนแรง พูดง่าย ๆ คือ ชะตากรรมอยู่ในมือผบห.

เรื่องที่สอง บ.ที่จะไปลุยประเทศใน AEC ก่อนหน้าที่จะเข้า AEC ช่วงสั้น บูมกันมากเรื่องการออกไปหากินใน AEC แต่ถ้ามันง่ายแบบนั้น ทำไมก่อนหน้านั้นถึงไม่ค่อยมีคนไป หรือแม้แต่ตอนที่ AEC เริ่มแล้ว หลายบ.ก็ออกอาการติด ๆ ขัด ๆ การออกไปหากินนอกประเทศ เราเข้าใจกฎหมายเค้าดีแค่ไหน เราแน่ใจได้ไงว่าเค้าไม่มี "เจ้าถิ่น" ของเค้าอยู่มาก่อน

ผมเองก็ไม่ทราบนะครับ ว่าผถห.เค้ามั่นใจเรื่องนี้กันแค่ไหน
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
romee
Verified User
โพสต์: 1850
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2627

โพสต์

ขอเห็นต่างเรื่องเคสหุ้นตัวที่พี่ดำ และพี่leky นะครับ...เพราะบางทีเราซื้อหุ้นเพราะ ผู้บริหารบอกเหตุผลA แล้วมันฟัง+ตรวจสอบข้อมูลแล้วโอเค ว่าถ้ามันเป็นจริง ราคา ณ วันนี้ยังต่ำอยู่ เราก็ถือ

และพอผ่านไปกำไรก็มาตามนัด และเหตุผลAเขาก็ทำได้จริงตามที่พูด และถ้ามันยังเหลือเหตุผลAให้รับรู้กำไรอีก50-60% แล้วจู่ๆเขาก็ออกเหตุผลเพิ่มเป็น "เหตุผลB" ซึ่งถ้าดูแล้วผมก็อาจจะยังไม่ขายก็ได้ เพราะเหตุผลAที่ทำให้ผมเข้าซื้อ ทางผู้บริหารยังทำไม่ครบเลย

ผมอาจจะไม่เห็นด้วยกับเหตุผลB ก็ได้...แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผมจำเป็นต้องขายทั้งหมดนี้ครับ, อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับผมละ ว่าจะbetกับมันยังไง

(แต่ถ้าผมเชียร์ให้คนรอบข้าง หรือคนอื่นๆมาซื้อตาม เพราะจิตอกุศล อันนี้ผมควรโดนประนาม)

อีกเรื่องคือสิ่งที่ยากในสังคมเวบบอร์ดเมืองไทย คือการยอมให้มีพื้นที่เห็นต่างกับสิ่งที่เราเชื่อ แล้วคนพิมพ์เห็นต่างจะไม่โดนด่า โดนจวก

จริงๆแล้วพี่หลายคนในนี้ ผ่านเหตุการยุคต้มยำกุ้งกันหลายคน ก็เลยเน้นระวังมาก ซึ่งในระยะยาวผมก็เห็นว่าดี เพียงแต่รูปแบบการพูดคุยให้คนอื่นๆระวังๆนี่แหละฮะ ที่จะอึดอัด ไปๆมาๆคนก็หนี ไม่อยากโพส
กลายเป็นความเห็นด้านอวยอย่างเดียว เอาข่าวมาแปะอย่างเดียวซะเยอะ

โน้ต อุดม เคยบอกว่า "หน้าที่ของเบรคในรถยนต์ ไม่มีใครอยากไปเป็นหรอก เพราะมันเจ็บตัวที่สุด แต่รถทุกคันก็ต้องมีเบรคกันทั้งนั้น"

อีกเรื่องของความเสี่ยง ผมก็เห็นด้วยกับพี่ nut776 เรื่อง risk exposure นะครับ
ถ้ามีโอกาส อยากให้พี่nut776 มาแชร์เรื่องพวกนี้ อีกบ่อยๆ (เรียกแขกเข้าห้อง 55555)
Black_Swan_bg.jpg
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
You only live once, but if you do it right, once is enough.
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2628

โพสต์

romee เขียน:ขอเห็นต่างเรื่องเคสหุ้นตัวที่พี่ดำ และพี่leky นะครับ...เพราะบางทีเราซื้อหุ้นเพราะ ผู้บริหารบอกเหตุผลA แล้วมันฟัง+ตรวจสอบข้อมูลแล้วโอเค ว่าถ้ามันเป็นจริง ราคา ณ วันนี้ยังต่ำอยู่ เราก็ถือ

และพอผ่านไปกำไรก็มาตามนัด และเหตุผลAเขาก็ทำได้จริงตามที่พูด และถ้ามันยังเหลือเหตุผลAให้รับรู้กำไรอีก50-60% แล้วจู่ๆเขาก็ออกเหตุผลเพิ่มเป็น "เหตุผลB" ซึ่งถ้าดูแล้วผมก็อาจจะยังไม่ขายก็ได้ เพราะเหตุผลAที่ทำให้ผมเข้าซื้อ ทางผู้บริหารยังทำไม่ครบเลย

ผมอาจจะไม่เห็นด้วยกับเหตุผลB ก็ได้...แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผมจำเป็นต้องขายทั้งหมดนี้ครับ, อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับผมละ ว่าจะbetกับมันยังไง

(แต่ถ้าผมเชียร์ให้คนรอบข้าง หรือคนอื่นๆมาซื้อตาม เพราะจิตอกุศล อันนี้ผมควรโดนประนาม)
ผมว่ามันคงต้องดูเป็นกรณี ๆ ไปครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อหุ้นมาที่ต้นทุนไม่แพง ราคาหุ้นที่บวกความคาดหวังอยู่ในข่ายที่รับได้เราก็อาจจะเลือกที่จะถือต่อเพื่อดูผล หรือต่อให้ราคาหุ้นขึ้นไปสูงมาก เราก็อาจจะเลือกถือแล้วดูว่าราคาจะไปได้จากแรงผลักดันด้วยปัจจัยอื่น ๆ จนถึงเมื่อไหร่ แต่เราต้องเตือนสติตัวเองตลอดเวลาว่า ถ้าราคาเริ่มที่จะร่วงลง เราก็พร้อมจะสละเรือ เพราะในบางช่วงเวลาตลาดก็อาจจะให้ราคาหุ้นสูงกว่าความเป็นจริงได้มาก ๆ

ในทางกลับกัน สำหรับคนที่ไม่มีหุ้น ถ้าเป็นผม ๆ คงหลีกเลี่ยงครับ

อีกประเด็นหนึ่ง สิ่งที่เราต้องระวังอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ผบห.บางบ.ผมมีความรู้สึกว่าเค้า "รู้จักการเล่นกับสื่อ" จริงอยู่การให้ข่าวของบ.โดยเฉพาะข่าวดี ถ้าเรามีหุ้นอยู่มันก็ช่วยให้ราคาหุ้นมีโอกาสเคลื่อนไหวได้สูงขึ้น แต่เราต้องระวังเสมอ ถ้าต้องไปเจอกับข่าวที่ทำให้เกิดอาการ "เคลิ้ม" ทั้ง ๆ ที่เรื่องบางเรื่อง มีโอกาสเกิดจริงได้ยากหรืออาจจะเกิดได้แต่คงต้องใช้เวลาอีกนาน ในขณะที่ราคาหุ้นขึ้นไปรอรับล่วงหน้า

เหมือนเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง ที่มีคนตายถูกพาไปสวรรค์ แต่เนื่องจากสวรรค์เต็มไปด้วยคน จึงไม่มีที่ว่าง เค้าจึงตะโกนว่า "ในนรกมีทองคำ" หลังจากนั้นไม่นานคนในสวรรค์ต่างวิ่งไปยังนรก เพื่อจะไปเอาทองคำ สุดท้ายแม้แต่คนที่ตะโกนก็วิ่งไปด้วย พร้อมกับบอกกับยมทูตว่า "สงสัยในนรกจะมีทองคำอยู่จริง ๆ"
romee เขียน:อีกเรื่องคือสิ่งที่ยากในสังคมเวบบอร์ดเมืองไทย คือการยอมให้มีพื้นที่เห็นต่างกับสิ่งที่เราเชื่อ แล้วคนพิมพ์เห็นต่างจะไม่โดนด่า โดนจวก

จริงๆแล้วพี่หลายคนในนี้ ผ่านเหตุการยุคต้มยำกุ้งกันหลายคน ก็เลยเน้นระวังมาก ซึ่งในระยะยาวผมก็เห็นว่าดี เพียงแต่รูปแบบการพูดคุยให้คนอื่นๆระวังๆนี่แหละฮะ ที่จะอึดอัด ไปๆมาๆคนก็หนี ไม่อยากโพส
กลายเป็นความเห็นด้านอวยอย่างเดียว เอาข่าวมาแปะอย่างเดียวซะเยอะ
เรื่องนี้ผมน่าจะเคยพูดถึงหลายครั้ง ถ้าเราไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ การที่เราไปโพสต์เตือนอะไรก็แล้วแต่ โดยเฉพาะตามห้องที่มีนักลงทุนซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งด้วยกัน บางครั้งกลายเป็นการนำมาซึ่งความปวดหัว ได้เครื่องหมายลบบ้าง เจอคำถามที่พยายามถามให้เข้าไปตอบบ้าง เหมือนต้องมีหลักฐานจะมาพูดลอย ๆ ไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ถ้าเป็นเรื่องบวก อาจจะไม่มีเรื่องในทำนองดังกล่าว สุดท้ายผมว่าคนที่โดนก็มักจะรู้สึกว่า "เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอซะนี่" ซึ่งเรื่องนี้มันอาจจะมีเหตุผลที่มาหลาย ๆ อย่าง เช่น คนที่ถือหุ้นตัวนั้นอยากเสพแต่เรื่องดี ๆ แบบกำลังเคลิ้ม ๆ ฟิน ๆ ไม่อยากให้มีใครมาขัดจังหวะ หรือ บางคนอาจจะกลัวทำหุ้นเสียราคาเพราะเค้ามีหุ้นตัวนั้นอยู่

ผมกลับมีมุมมองอีกมุมนึงนะครับ ห้องของหุ้นเป็นแนวคิดที่ดี เพียงแต่การเข้าไปเสพข้อมูลนั้นต้องทำด้วยความระมัดระวังที่จะเกิด bias เนื่องจาก คนที่เข้าไปโพสต์มักจะเป็นคนที่มีหุ้นตัวนั้นอยู่ ดังนั้นโอกาสที่จะมองแต่เรื่องบวก (รักหุ้น) หรืออยากจะโชว์แต่เรื่องบวกย่อมมีมากกว่าเรื่องลบ นั่นแปลว่าบางครั้งคนที่เห็นเรื่องทางลบของหุ้นตัวนั้น เค้าอาจจะไม่เข้ามาโพสต์อะไร

นอกจากนั้น การวิเคราะห์ข้อมูล เราควรวิเคราะห์จาก "ข้อเท็จจริง" ก่อน ด้วยความรู้ที่เรามีอยู่ หลังจากนั้น ค่อยพิจารณาเอาเรื่องที่เป็น "ความคิดเห็นส่วนตัวของคนอื่น" เข้ามาประกอบ ผมว่ามันจะทำให้เรามี "ภูมิต้านทาน" ต่อการเสพข่าวสารมากขึ้นครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2629

โพสต์

ความเสี่ยงที่น่ากลัวสุดคือความไม่รู้ในสิ่งที่เราทำ

เพราะหากเราตั้งสมมุติฐานเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ที่ผิดแล้ว
เวลาเหตุการณ์จริงเกิดขึ้นไม่ตรงกับสมมุติฐานที่เราเชื่อเหมือนกรณีเกิดblack swanซึ่งเราไม่เคยเชื่อมาก่อนว่าจะมี

เราก็จะไม่สามารถบริหารความเสี่ยงนั้นได้เลยและต้องยอมจำนนรับสภาพนั้น

เพราะความเสี่ยงเป็นเรื่องเหตุการณ์ในอนาคต ไม่สามารถกำจัดได้หมดแม้ความเสี่ยงที่รุนแรงตามความจริงจะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย

แต่การลงทุนที่รอบคอบระมัดระวังไม่ประมาท ก็สามารถใช้วิธีบริหารเพื่อลดระดับความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เรายอมรับได้
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2630

โพสต์

quote นี้ ถูกใจผมมากๆ ครับ :D
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2631

โพสต์

ในอดีตใครที่เคยผ่านประสบการณ์ fin-1 มาก่อนจะได้บทเรียนที่ควรแก่การจดจำเป็นอย่างยิ่ง
ลองอ่านข้อมูลนี้ดู

https://web.facebook.com/SEHJuInvestmen ... 823:0?_rdr

ราคาหุ้น FIN1 ใช้เวลา 5 ปี วิ่งจาก 3฿ ขึ้นไปพีคที่ราคา 213฿ เมื่อวันที่ 6/1/37 แล้วจบรอบใหญ่พร้อม SET Index ที่ค่าเฉลี่ยของพีอีตลาดที่ 25 เท่า(รวมหุ้นทุกตัว) แล้วก็ตกลงมาจาก 213฿ เหลือ 0฿ ใน 3 ปีต่อมา

ค่า P/E ratio ที่เทรดกันในวันที่ราคาพีคที่สุดอยู่ที่ 76.14 เท่า ส่วนค่า P/BV ก็ไม่น้อยหน้า ไปเทรดกันถึง 14.7 เท่า
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
arica
Verified User
โพสต์: 1112
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2632

โพสต์

หนังสือออกใหม่ครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2633

โพสต์

"คุณไม่ควรเอาพอร์ตของคุณไปเสี่ยงกับหุ้นตัวเดียว มันเป็นอะไรที่เสี่ยงมากเกินไป!
.
ผมได้บทเรียนเรื่องนี้จากการ’ เกือบ’ ขาดทุนหนักเมื่อช่วงต้นทศวรรษ 1990 ตอนนั้นผมกำลังคิดจะซื้อหุ้นตัวหนึ่ง มันน่าจะมีชื่อว่า Healthcare of America แต่ผมไม่ได้ซื้อมัน เช้าวันต่อมา หุ้นเปิดโดดลงไป 80%
.
ตั้งแต่นั้นมา ผมสำนึกเลยว่าผมไม่สามารถนำเงินทั้งหมดของผมมาเสี่ยงกับหุ้นตัวเดียวได้ แต่ถ้าผมถือหุ้นอยู่ 25-30% ของพอร์ต มันก็ถือว่าเป็นการโฟกัสที่มากพอที่จะสามารถทำกำไรก้อนโตให้เราได้ หรือหากมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้หุ้นตกลงไปแรงมาก ผลขาดทุนของมันก็ยังสามารถกู้คืนกลับมาได้ไม่ยากด้วย"
.
- Mark Minervini -
"ผมเคย ‘อัดหมดพอร์ต’ แค่ครั้งเดียว และมันเกือบทำให้ผมเจ๊งหมดตัว หุ้นของบริษัทหนึ่งเคยเทรดอยู่ที่ 27 เหรียญในวันศุกร์ แล้วพอวันจันทร์มันลงไปเหลือแค่ 6 เหรียญ หลังจากนิตยสาร Barron’s ลงบทความว่าหุ้นตัวนั้นมันเป็นบริษัทที่โกงวิธีการบันทึกบัญชี
.
ต้องขอบคุณพระเจ้าที่หุ้นตัวนั้นใช้มาร์จิ้นซื้อไม่ได้ ไม่งั้นผมคงต้องได้ไปอยู่ต่อหน้าผู้พิพากษาในคดีล้มละลายแล้วละ
.
- Dan Zanger -
"ปกติผมจะไม่ถือหุ้นตัวไหนมากกว่า 25% ของพอร์ตครับ แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่ผมอาจจะถือหุ้นตัวเดียวถึง 50% ของพอร์ต ผมไม่สนับสนุนการอัดหุ้นตัวเดียวหมดพอร์ตและก็ไม่เคยทำมันด้วย
.
ผมจะมีหุ้นในสัดส่วนที่มากก็ต่อเมื่อผมเริ่มมีกำไรจากมันแล้วเท่านั้น สรุปก็คือผมจะทยอยเพิ่มสัดส่วนหุ้นมากขึ้นเรื่อยๆถ้าการเทรดหุ้นตัวนั้นมันยังให้ผลลัพธ์ที่ดีเท่านั้นครับ"
.
- Mark Ritchie II -
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2634

โพสต์

ผมว่านลท.ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะสายไหนก็ตาม เริ่มแรกของการลงทุนมักจะถูกสอนหรือถูกทำให้คล้อยตามมองเรื่องของ upside เป็นเรื่องแรก ทำให้รู้สึกว่าถ้าเราไม่ซื้อหุ้นตัวนั้น เราจะเสียโอกาสได้กำไรงาม ๆ

เพราะอะไร???

ถ้าลองดูสิ่งรอบตัวนะครับ มันสนับสนุนให้เรามีความคิดแบบนั้น เช่น บทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ จะมีลักษณะของการเน้นที่ upside เป็นหลัก เช่น ราคาเป้าหมายซึ่งมักจะสูงกว่าราคาปัจจุบัน

หรือแม้แต่การวิเคราะห์หุ้นตามสื่อต่าง ๆ มักจะมองไปที่กำไรในอนาคต

สิ่งที่มักจะไม่ค่อยพูดถึงคือ "ราคาที่เหมาะสม"

เพราะการมองถึง upside เป็นอันดับแรก มันจะทำให้เราคิดไปถึงว่า เราต้องซื้อวันนี้ และรอให้ราคามันวิ่งขึ้นไปถึงเป้า

แต่เราจะไม่ค่อยมองกลับมาอีกด้านหนึ่งว่า แล้วเราจะ "ต่อราคา" ได้ไหม

จะว่าไปแล้ว การ "ต่อราคา" หุ้น นอกจากจะทำให้ downside ลดลงแล้ว มันยังมีประโยชน์อีกด้านหนึ่งด้วย คือ เพิ่ม upside ทางอ้อม

ยกตัวอย่าง หุ้น A ราคา 10 บาท ประเมินว่า น่าจะไปได้ที่ 15 บาท ถ้าเราซื้อที่ราคา 10 บาท นั่นแปลว่าเราหวัง upside 5 บาท

แต่..... ถ้าเราต่อราคาหุ้นซักหน่อย ซื้อที่ราคา 8 บาท ถ้าหุ้นสามารถไปที่ 15 บาทได้จริง upside เราจะเพิ่มขึ้นจาก 5 บาท มา 7 บาท

"หุ้นนี่ถ้าซื้อผิดราคาตั้งแต่แรก มันก็มักจะสร้างปัญหาให้เราในอนาคตครับ"
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2635

โพสต์

ปกติผมกลัวตกรถมั๊ย ??? ผมไม่ค่อยกลัวนะ

เพราะตกรถมันมีสองแบบ

แบบแรกตกรถแบบว่าไม่ทันได้ขึ้น อย่างมากก็รอคันใหม่ ไม่เจ็บตัวอะไร เสียดายบ้าง เสียเวลาบ้าง

แต่ถ้าเป็นแบบที่สองคือ ตกลงจากรถ แบบนี้ผมไม่เอา เพราะนอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังเจ็บตัวอีกต่างหาก

หุ้นก็เช่นกัน หลายครั้งที่ผมตกรถ เพียงเพราะแค่ผมไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง ทั้ง ๆ ที่บางครั้งหุ้นบางตัวราคาก็ต่ำพอสมควร

ยกตัวอย่างสด ๆ ร้อน ๆ

หุ้นแช่แข็งหาดใหญ่ ราคา 110+ ดูแล้วอาจจะฟื้นได้บ้าง ราคาลงมาต่ำมาก โทรไปคุยกับ IR ปัญหากุ้งน่าจะดีขึ้น ติดแต่เรื่องกำแพงภาษีที่ยุโรป น่าจะอีกนาน เลยเลือกปล่อยผ่าน วันนี้ราคา 200

หุ้นสังกะสี ราคาสิบกลาง ๆ ทั้ง ๆ ที่ตามดูราคาสังกะสี เห็น ๆ ว่าขยับขึ้น กำไรน่าจะดีแน่ ติดอยู่เรื่องเดียวคือไม่รู้ว่าจะมีการตั้งค่าที่เกี่ยวกับการเลิกกิจการเหมืองหรือเปล้า โทรไปถาม IR อีกเช่นกัน บอกว่าไม่มีแล้ว แต่ก็ไม่ไว้ใจ เลยเลือกปล่อยผ่าน วันนี้ราคา 20+

กำไรของทั้งสองบ.ดูฟื้นขึ้นจริง

ถามว่าเสียดายไหม ผมก็เสียดายครับ แต่ก็ช่างมัน เพราะถ้าเหตุการณ์ที่เราระวังไว้มันเกิดขึ้น เราก็อาจจะติดหุ้น

ปกติผมจะมีลิสต์หุ้นที่สนใจอยู่จำนวนหนึ่ง พร้อมเวลาที่น่าสนใจที่จะซื้อ ดังนั้น ถึงพลาดหุ้นตัวนี้ไปผมก็ยังมีตัวสำรองให้เลือกครับ

ปกติผมจะมีแผนไว้คร่าว ๆ เช่น หุ้นที่น่าสนใจตัวนี้ มีอะไรน่าสนใจ ตัวเร่งจะทำงานเมื่อไหร่ งบน่าจะดีตอนไหน เราควรจะซื้อเวลาไหน ราคาที่เหมาะสมน่าจะเป็นเท่าไหร่ ถ้าตัวเร่งทำงานราคาจะไปได้แค่ไหน จะถือนานแค่ไหน ระหว่างถือหุ้นติดตามดูอะไรบ้าง เป็นลักษณะของแผนแบบกว้าง ๆ ไว้ครับ

และแน่นอน ถ้าเป็นการลงทุนที่หวังผล ผมจะใช้ข้อมูลจาก "ข้อเท็จจริง" เป็นหลัก ตั้งสมมติฐาน หาข้อมูลมาหักล้าง ถ้าเป็นไปได้ประเด็นที่ติดใจก็จะถามไปที่บ.โดยตรง มันจะทำให้เราซื้อขายหุ้นได้มั่นใจขึ้นครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
"Become a risk taker, not a risk maker"
syj
Verified User
โพสต์: 4241
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2636

โพสต์

^ ขอนอกเรื่องนิดหน่อย

จากรูปที่คุณหมอ Leky โพสข้างบน

นึกถึงตัวเอง ตอนที่ขึ้นไปเรียนที่กรุงเทพฯ (พ.ศ.2528) โหนรถเมล์แบบนี้เลยครับ
บางทีเหลือขาแค่ข้างเดียวที่เหยียบบันได ไม่รู้รอดชีวิตมาได้ยังไง ...
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2637

โพสต์

โหนแบบนี้ผมก็เคยครับ ถ้าให้เสียวถึงใจต้องมินิบัสสีเขียวครับ เวลาเข้าโค้งได้อารมณ์กว่ากันเยอะ :mrgreen:
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
chanathan
Verified User
โพสต์: 19
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2638

โพสต์

โหน สาย 8 44 92 ก็เด็ดครับ ไม่รู้ว่ารอดมาได้อย่างไรเหมือนกัน 555 อาจารย์ LEKY มีหุ้นบริษัทไหนที่กำลังศึกษาอยู่บ้างครับ ผมขอศึกษาด้วยคน ถือว่าช่วยสอนลูกศิษย์ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2639

โพสต์

เจ็บปวดเพราะความจริง ดีกว่าโดนปลอบใจด้วยคำโกหก

“But better to get hurt by the truth than comforted with a lie.”
― Khaled Hosseini

การยอมรับความจริงเป็นเรื่องที่เจ็บปวด

เราถึงหลีกเลี่ยงที่จะไม่เผชิญหน้ามันอยู่เสมอๆ

แต่ถ้าใจแข็งพอยอมจะสบตากับความจริง เราจะเจ็บแค่หนเดียว

แต่ถ้าเราซ่อนอยู่ในโลกแห่งการเข้าข้างตัวเอง เราจะเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า

พระท่านบอกว่า ที่คนเราเป็นทุกข์ เพราะเรายอมรับความจริงไม่ได้

เมื่อเราป่วย แต่เราไม่อยากให้ป่วย เราก็เลยทุกข์

เมื่อความรักจืดจาง เรายังอยากให้เขารักเราอยู่ เราจึงเป็นทุกข์

โลกมันทุกข์ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ยอมรับความจริงอีกก็เท่ากับทำร้ายตัวเองซ้ำสอง

ดังนั้น ถ้าอยากหลุดออกจากความทุกข์เร็วๆ ก็ต้องเริ่มต้นจากการยอมรับความจริงก่อน

ยอมรับไม่ได้แปลว่ายอมจำนน เพราะยอมจำนนคือไม่สู้ แต่ยอมรับแล้วยังสู้ได้

ยิ่งยอมรับความจริงได้ดีแค่ไหน เราก็ยิ่งสู้ได้ดีขึ้นแค่นั้นครับ

Cr. https://anontawong.com/2017/02/16/้hurt-by-the-truth/
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
dr1
Verified User
โพสต์: 842
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 2640

โพสต์

ขอบคุณ อ.lekyและอ.ทุกท่านเรื่องไอเดียความเสี่ยงฮะ
เรื่องเสี่ยงสุดเว็กซ์สำหรับผม สังขารไม่ให้มานานจนจำไม่ได้ล่ะฮะ

ท่านchanathanฮะ
ปกติ อ.lekyท่านไม่ค่อยให้หุ้นใคร เพราะไม่อยากพาใครไปตายท่ายากน่ะฮะ ลองแซะๆศิษย์เอก(ท่านดำ)ให้ปอกผลไม้พิษรับขวัญศิษย์น้องซะหน่อยก็ได้นะฮะ
ถ้าอยากลองแลกเปลี่ยนไอเดียดู ลองหาหุ้นมาส่งการบ้านให้อ.วิจารณ์ดูกันสิฮะ หลักการอ.lekyคร่าวๆก็ราวๆ
1. หาหุ้นที่เงียบๆนอกสายตา หน้าหลังๆของร้อยคนร้อยหุ้นยิ่งดี(ไปหาปลาบ่อจระเข้ เอ๊ย บ่อปลาร้าง)
2. Downsideหรือโอกาสหุ้นจะตกลงอีกมีน้อย อ.จะใช้คำว่าผ่านstress testได้ คือไม่ว่าจะมีข่าวร้ายของตัวหุ้นเอง หรือข่าวร้ายทั้งตลาด ราคาก็ไม่ลงอีก เพราะลงจนไม่รู้จะลงไงอีกแล้ว (อยู่ชั้นใต้ดิน คือต่ำกว่าฟลอร์)
3. มีตัวเร่งให้เป็นupside ต้องแรงพอด้วย และมาแน่ๆ ช่วงนี้ตัวเร่งมักจะเป็นspin off
4. Timingจังหวะเวลา อ.มักจะรอได้ ถ้าซื้อหุ้นมีคุณสมบัติตามข้อ1.,2.,3.ที่ราคาต่ำๆ โดยยึดหลัก"หุ้น ไม่ซื้อไม่ขาดทุน" (ไม่ใช่ติดดอยไม่ขาย ไม่ขาดทุนแบบที่เป็นกันนะจ๊ะ) และเจ้ามือ เอ๊ย กรรมการ,ผบห.บางคนซื้อขายหุ้นจะเป็นสัญญานบอกได้ว่าได้เวลาแล้วฮะ

เนื่องในเดือนกุมภาแห่งมาฆะและราคะบูชา มีข่าวมาเม้ามอยกันจร้า..

: ขอกราบนมัสการสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ของไทยครับ
: ผมไปเรียนหลักสูตรญานสาสมาธิต่อฮะ ครั้งที่แล้วเจอพี่charan ท่านให้หุ้นกระป๋องแกลลอนน้ำมันกะหุ้นประกันชีวิตชื่อเมืองหลวงที่สอง(กรุงเทพน่ะเมืองหลวงที่สี่นะจ๊ะ) เที่ยวนี้ท่านเล่าว่าขายหมูหุ้นไปหลายตัวทั้งท่อแอร์,อีเล็คไฟใหม้น้ำท่วม),สิ่งพิมพ์พิเศษแล้ว
: สำนักจานบินที่เคยสอนว่านิพพานคืออัตตา แต่ตอนนี้หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านแสดงปฏิหารว่านิพพานคืออนัตตา
ไม่มีตัวตน ตำรวจหลายพันคนก็หาท่านไม่เจอ..(ศิษยานุศิษย์ท่านบอกว่า"หลวงพ่ออยู่ในใจเราและในยูทูป" ตอบได้ซึ้งมากฮะ)

: กระทรวงสาสุข แจกยาบำรุงให้ชาวบ้าน หวังจะให้มีลูกมากขึ้น
: durex ยอดขายตก ซื้อdumex เพื่อdiworsifyธุรกิจ
: หนัง50shades of dark (ภาคสองของgrey และปีหน้าจะมีภาคสามของfreedอีก)เข้าแล้ว ไม่รุจะตื่นเต้นกันแบบหนัง 9 1/2weeks ,wild orchid ตอนโน้นน..มั้ย
: หมอไทยไปเกย์โลกแล้ว โดยการสนับสนุนจากนิตยสารattitude(อ่านว่า อัดที่ตรูด ถูกมั้ยหว่า..)
: สุดท้าย ขอแสดงความยินดีกับท่านเลขาmarioของสมาคมเรา ประกาศสละโสดแล้ว เห็นในรูปเจ้าสาวใส่ชุดขาว(แสดงถึงความบริสุทธิ์)เจ้าบ่าวใส่ชุดดำ(แสดงถึงความสุข) เจ้าสาวจับมือเจ้าบ่าวฟัน(ในรูปดูเหมือนดาบมากกว่ามีด)เค้กแต่งงาน(แสดงถึงธรรมเนียม สาว"เจ้า"คู่กับบ่าว"ไพร่"มั้ยฮะ..)
ในงานมีอาจารย์สมาคมไปกันเพียบ ใครได้หุ้นอะไรมาใบ้กันมั่งเน้อ..

สมาชิกสมาคม ผ่านพิธีประกาศฉีกพรหมจรรย์ตัวเองอย่างเป็นทางการมาน้าน..นาาาานนน จนจำไม่ได้แล้ว รายงาน
samatah