VI บ้าน ๆ

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 991

โพสต์

ยินดีต้อนรับ อ.หมอโคทาโร่

เข้าสู่ห้องคุณนุชครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
jverakul
Verified User
โพสต์: 1959
ผู้ติดตาม: 1

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 992

โพสต์

Nevercry.boy เขียน: ...................

ระยะเวลาจากบ้านไปฟาร์มม้า มากพอสมควร ประมาณ 40 นาที ไม่รวมเวลาพักกิน ไอซ์ชอคโกแลต (ของเด็ก) และกาแฟดำขมปี๋ (ของผม)

คุณนุช ระยะเวลานี้จะเป็นเวลาที่ผมชอบมาก เราได้นั่งคุยกันไป เรื่องโรงเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องครู เรื่องโดนทำโทษ โดนแกล้ง เรื่องเรียนเรื่องใหม่ ๆ เรื่องยาก ๆ เรื่องง่าย ๆ เรื่องไร้สาระ เรื่องการ์ตูน สารพัดสารเพ

ผมรู้สึกดีที่มันเริ่มคุยกับผม ผมก็บอกมันเสมอว่า I'm not just your Dad, I'm your friend too.
ส่วนใหญ่เค้าก็เรียกผมว่า Dad บางทีก็ Big buddy.

เสร็จกิจกรรมหามื้อกลางวันทาน กลับบ้าน ไปว่ายน้ำ ก็เพลียแล้ว เล่านิทานก่อนนอน (ที่ไม่มีที่ไหนในโลก ให้ฟัง เพราะ พ่อแต่งเอง) จนหลับไป

ดูเค้าหลับ บางคืนเห็นเค้าละเมอตื่น ก็ยังนึก ว่าคืนที่เราไม่อยู่ มันจะยังไง
อ่านตรงนี้แล้ว ทำให้นึกถึงหนัง About time เลยครับ ที่ตัวเอกชอบเวลาที่ได้เล่น ได้คุย และทำกิจกรรมร่วมกับพ่อ (ผมชอบที่ พ่อเขาสอนว่าจงอยู่กับปัจจุบัน มีความสุข ณ ปัจจุบัน นะครับ) :D
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 993

โพสต์

jverakul เขียน: อ่านตรงนี้แล้ว ทำให้นึกถึงหนัง About time เลยครับ ที่ตัวเอกชอบเวลาที่ได้เล่น ได้คุย และทำกิจกรรมร่วมกับพ่อ (ผมชอบที่ พ่อเขาสอนว่าจงอยู่กับปัจจุบัน มีความสุข ณ ปัจจุบัน นะครับ) :D
ท่าทางจะเป็นหนังที่อบอุ่นเหมาะกับครอบครัว...น่าหามาดูบ้างแล้ว
ขอบคุณน้อง jverakul ค่ะ
kotaro เขียน:พึ่งเข้ามาอ่านห้องนี้ครับ ดีมากๆเลย

อ่านข้อความที่เป็นแค่เพียงตัวหนังสือ แต่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของมิตรภาพ
อ่านแล้วอิ่มเอิบหัวใจมากครับ

เข้าใจความรู้สึกของพี่ NB ครับ. เวลาอยู่กับลูกจะมีความสุขแค่ไหน

ทุกวันนี้ผมบอกภรรยาบ่อยๆ ว่าตัวเองโชคดีมากๆที่มีลูก

มีลูกแล้ว ความสุขหาง่ายมากๆครับ แค่ได้เห็นลูก ยิ้ม หัวเราะ ก็มีความสุขมากๆแล้ว

สวัสดีพี่นุชด้วยครับ :D
Nevercry.boy เขียน:ยินดีต้อนรับ อ.หมอโคทาโร่

เข้าสู่ห้องคุณนุชครับ
ขอบคุณ คุณ NB ด้วยค่ะ
...................

ยินดีค่ะคุณหมอโคทาโร่

เห็นด้วยเลยค่ะ ลูกนี่เป็นศูนย์กลางของความสุขของทุกบ้านจริงๆ ค่ะ

เรื่องบรรยากาศของมิตรภาพนั้น..."พวกเราทั้งหมด" ช่วยกันสร้างค่ะ
(และตอนนี้ก็นับรวมคุณหมอด้วยเรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ...แวะมาเรื่อยๆ นะคะ ^__^
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 994

โพสต์

จากกระทู้ "ลงทุนเปลี่ยนชีวิต 3" ของพี่วิบูลย์ ขออนุญาตนำมาไว้ในกระทู้บ้านๆ ของพวกเราด้วยค่ะ
theenuch เขียน:
ลูกอิสาน เขียน:เงินลงทุนมาก น้อย ไม่ใช่ประเด็นใหญ่
สำคัญกว่าคือ วิธี และ ความอึด


ขอบคุณที่เป็นแรงบันดาลใจครับ
ขอบคุณ "นายกโจ และคณะกรรมการสมาคมทุกท่าน"
ที่กรุณามอบโอกาสให้ได้ช่วยงานของสมาคม
.
ดีใจที่ได้มีโอกาสตอบแทนสังคมคุณภาพ
ที่แอบเก็บเกี่ยวความรู้มาตั้งแต่เริ่มลงทุนค่ะ
.
ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกๆ ท่าน
หลายๆ ท่านก็เป็น IDOL จะโดยรู้หรือไม่ก็ตาม
ความรู้และประสบการณ์การลงทุนที่เพื่อนๆ ได้นำมาแบ่งปันแลกเปลี่ยนกันนั้น
เป็นโอกาสให้ได้เรียนรู้ เก็บเล็กผสมน้อย นำไปใช้พัฒนาตนเองในการลงทุนเสมอมาค่ะ
กล่าวได้อย่างเต็มปากว่า...สำเร็จได้ (ประมาณหนึ่ง) แบบทุกวันนี้ ส่วนสำคัญก็เพราะสังคมคุณภาพแห่งนี้ค่ะ
.................

ดีใจที่พอจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้บ้าง
ขอเป็นกำลังใจเล็กๆ ให้ทุกๆ ท่านด้วยนะคะ
.................

ขออนุญาตมาช่วยยืนยันตามที่นายกโจบอกค่ะ

"เงินลงทุนมาก น้อย ไม่ใช่ประเด็นใหญ่
สำคัญกว่าคือ วิธี และ ความอึด"


................

และ
GG เขียน:
ปล. ส่วนแรงบันดาลใจของพี่นุช หรือ Role Model ของพี่นุชเท่าที่ผมทราบ ก็น่าจะเป็นพี่โจลูกอีสานน่ะครับ :D :D
ที่น้อง GG จำได้และบอกมานั้น...ถูกต้องเลยค่ะ (ขอบคุณน้อง GG ด้วยค่ะ)

ขอขอบคุณ "นายกโจ_ลูกอิสาน" ที่เป็น Idol คนสำคัญ
และกรุณาสนับสนุนให้ได้รับโอกาสที่ดี หลายๆ เรื่องเลยค่ะ
^__^

...............

และสุดท้าย...ขอกราบขอบพระคุณ "อาจารย์ ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา"
ถ้าไม่มีอาจารย์สนับสนุนในทุกๆ เรื่อง...ก็ไม่มี Theenuch ที่ทุกๆ ท่านรู้จักค่ะ
Nutth147
Verified User
โพสต์: 241
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 995

โพสต์

สวัสดีพี่ๆน้องๆทุกท่านครับ

บทความดีชุดนี้ของพี่วิบูลย์ผมชอบมากอ่านแล้วได้แรงบันดาลใจดีมากเลยครับ

วันนี้ผมได้ดูรายการหนึ่งขอแวบเอามาแป๊ะฝากทุกๆท่านครับ



ว่าด้วยเรื่องผักข้างทางที่เราลืมกัรไปแล้ว
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 996

โพสต์

Nutth147 เขียน:สวัสดีพี่ๆน้องๆทุกท่านครับ

บทความดีชุดนี้ของพี่วิบูลย์ผมชอบมากอ่านแล้วได้แรงบันดาลใจดีมากเลยครับ

วันนี้ผมได้ดูรายการหนึ่งขอแวบเอามาแป๊ะฝากทุกๆท่านครับ



ว่าด้วยเรื่องผักข้างทางที่เราลืมกัรไปแล้ว
น่ารักมาเลยค่ะ ดูแล้วพี่ชอบมาก "ไข่เจียว_พวงชมพู" โห...สุดยอดจริงๆ ค่ะ
พี่เองเคยคิดแบบนี้ ว่าดอกไม้บางอย่างกินได้มั้ยนะ
.....................

แต่ด้วยความที่ทำกับข้าวไม่ค่อยเป็น
จึงหยุดอยู่แค่ "คิด" ค่ะ พอมาเจอ clip ที่น้องนัทนำมาฝากนี้
"อึงไปเลย" และ "ถูกใจมากๆ" เลยหละ
....................

มาเปืดดูดึกมากแล้ว พี่ยังดูไม่ทั้งหมด
แต่ตื่นเต้นอยากรีบบอกน้องนัทว่าพี่ชอบมาก
เด๊่ยวพี่จะดูให้จบค่ะ และจะให้ลูกดูด้วย

ขอบคุณน้องนัทมากๆ เลยจ้า ^__^
Nutth147
Verified User
โพสต์: 241
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 997

โพสต์

ผมชอบตรงมีจัดกิจกรรม ปั่นสำรวจผัก ของมูลนิธิโลกสีเขียว ต้องหาโอกาสไปร่วม ^.^
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
Nutth147
Verified User
โพสต์: 241
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 998

โพสต์

ตอนไปงาน money talk เดือนที่แล้ว ที่ อ ไพบูรณ์ พูดถึงทีมงานรายการเรียวริตี้ ที่มาถ่าย
ผมพึ่งได้ดูรายการนี้ ชื่อ the money ช่อง true4u
อยากจะบอกว่ารายการสนุกมากเลยครับ แนะนำให้ดูเลย



เทปแรกนี้จะพูดถึงชีวิตคนที่เขามาร่วมแต่ละคน บอกตรงๆเจอชีวิตน้องบางคนเข้าไป นี้ผมนืำตาไหลเลยครับ

ลองดูกันน่ะครับ
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 999

โพสต์

Nutth147 เขียน:ตอนไปงาน money talk เดือนที่แล้ว ที่ อ ไพบูรณ์ พูดถึงทีมงานรายการเรียวริตี้ ที่มาถ่าย
ผมพึ่งได้ดูรายการนี้ ชื่อ the money ช่อง true4u
อยากจะบอกว่ารายการสนุกมากเลยครับ แนะนำให้ดูเลย

[youtube]http://youtu.be/ydMmEifvJGo[/youtube]

เทปแรกนี้จะพูดถึงชีวิตคนที่เขามาร่วมแต่ละคน บอกตรงๆเจอชีวิตน้องบางคนเข้าไป นี้ผมนืำตาไหลเลยครับ

ลองดูกันน่ะครับ
ขอบคุณมากเลยค่ะน้องนัท...ยังไม่มีเวลาดูเลยค่ะ
รู้สึกว่าชีวิตยุ่งๆ กับงานด้วยส่วนหนึ่ง

และกับการอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาตัวเองบ้างค่ะ
หลังๆ ก็ออกแนวธรรมะ ปรัชญาต่างๆ แล้วค่ะ...ไม่ค่อยอ่านเรื่องลงทุนมากนักค่ะ

ลดการใช้สื่อ social ลงมาก (เดิมใช่้น้อยอยู่แล้ว...แต่ใช้น้อยลงอีกค่ะ)

ขอบคุณที่นำสิ่งดีมาฝากเสมอนะคะ
ที่จริงพี่แก้ Youtube ด้านบนให้..แต่ทำไมไม่ได้แล้วไม่รู้ค่ะ
จะถามน้องสรวุฒิที่ดูและระบบให้นะคะ

Youtube ที่แล้วพี่ก็อยากจะไปค่ะ....น่าพาลูกไปนะคะ
ได้ความรู้ทั้งเรื่องวิถีชีวิตด้วย เรื่องผักแปลกๆ ด้วย....เค้าเข้าใจจัดกิจกรรมดีนะคะ ^__^
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1000

โพสต์

คุณค่าและความหมายของชีวิต
(Theenuch_Team Money Talk 4)
...................

"แม้หน้าตาจะมอมแมมไปบ้าง
แต่รอยยิ้มของเด็กๆ งดงามเสมอ"
2.PNG
.
ผู้เขียนไป “บ้านสร้างสรรค์เด็ก”
ภายใต้มูลนิธิสร้างสรรค์เด็กมาค่ะ
นำคอมพิวเตอร์เก่า แต่ยังใช้งานได้ดี และของเล่น
ที่ลูกไม่เล่นแล้ว (พวก LEGO) ไปส่งต่อให้น้องเล็กๆ
...................
4.PNG
เด็กๆ มาจากเด็กเร่ร่อน กำพร้า ยากจน
มูลนิธิส่งเรียนใกล้ๆ บ้าน (รังสิตคอลองสาม)
ที่บ้าน...เด็กๆ มีหน้าที่รับผิดชอบ ทำความสะอาดบ้าน
ปลูกผักและพืชกินได้ ทำปุ๋ยมูลไส้เดือนไว้ใช้
เลี้ยงไก่ไข่ไว้บริโภคเอง ถ้าเหลือก็ขายให้คนในชุมชน
....................

อยากชวนผู้อ่านออกจาก “โลกของตัวเอง”
ไปสัมผัสชีวิตอีกแบบที่ต่างจากเราดูบ้าง
โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กค่ะ
.
การศึกษาในโรงเรียนไม่มีคุณค่าใดๆ
หากไม่นำมาเชื่อมโยงกับ “โลกภายนอก”
ถ้าทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองเท่านั้น
โลกของเราจะเป็นอย่างไร?
...................

ผู้เขียนอุปถัมภ์เด็กรายเดือนมาตั้งแต่จบทำงาน
เงินเดือน 2,880 (อุปภัมภ์เด็ก “มูลนิธิเด็ก” 150 บาท/ดือน )
ต่อมารู้จักมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก (บ้านเด็กใกล้วัด)
ใกล้บ้านกว่า (ขี่มอเตอร์ไซค์ แค่สิบกว่า กม.)
จึงเลิกช่วยด้วยเงิน อาสาไปช่วยงานแทน เช่น
หายาพื้นฐานให้ เช่น ยาลดไข้ แก้ปวด ยาหิดเหา ฯลฯ
.
ปัจจุบัน..ยังคงทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด
....................

นำเว็บไซต์ของมูลนิธิสร้างสรรค์เด็กมาฝากด้วยค่ะ
http://www.fblcthai.org/index.php
Picture1.png
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
jverakul
Verified User
โพสต์: 1959
ผู้ติดตาม: 1

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1001

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ทำอย่างไรให้รักตัวเอง : 20 วิธีที่จะสร้างคุณค่าแก่ตนเอง
   บทความโดย - Barrie Davenport แปลโดย - สุนทรี ปานนิลวงศ์
       
       ทำไมเราจึงรู้สึกลำบากใจที่จะรักตัวเอง?
       
       ถึงแม้ว่าเราจะคิดว่าตัวเองมีคุณค่า แต่ในใจของเราอาจจะไม่รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ บ่อยครั้งเมื่อคนที่รักเราชมเราว่า “เธอสวย สง่า และมีความสามารถ” เรามักไม่ค่อยเชื่อ แต่ถ้าหากเสียงกระซิบเบาๆ ภายในใจบอกเราว่า “เราน่าเกลียด โง่ และไม่มีใครรัก” เรากลับเลือกที่จะเชื่อมัน
       
       ภายใต้สภาวะทางอารมณ์หลากหลายที่เราต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นความหดหู่เศร้าใจหรือปัญหาด้านความสัมพันธ์ เรื่องเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้เราต้องดิ้นรนที่จะรักตัวเอง และเมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกด้อยค่า ไม่สามารถยอมรับกับข้อบกพร่องหรือจุดอ่อนของตัวเอง อารมณ์ของเราก็จะขุ่นมัว (ซึ่งแสดงออกด้วยอาการหดหู่หรือตื่นเต้น) หรือไม่ก็แสดงพฤติกรรมในเชิงลบ (ด้วยอาการโกรธขึ้ง ประพฤติตัวก้าวร้าวหรือดื้อเงียบ หรือแม้แต่เกิดความผิดปกติในการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย)
       
       ความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการบรรลุเป้าหมายและความสำเร็จในชีวิต เมื่อเราไม่รักตัวเอง เราก็จะประนีประนอมกับความสัมพันธ์และทุกเรื่องในชีวิตของเรา ซึ่งมันจะทำให้เราไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ และไม่รู้สึกอิ่มเอิบกับความสุขและความสำเร็จได้อย่างแท้จริง ความรู้สึกด้อยค่าเช่นนี้จะกัดกร่อนความสุขของเราด้วยการกระทำหลายรูปแบบที่ล้วนแต่ทำลายตัวของเราเอง เช่น
       
       • อาการอยากได้นั่นนี่ รู้สึกไม่ปลอดภัย และต้องการให้คนเอาใจใส่ (Neediness, insecurity, and people-pleasing)
       • อาการต่อต้าน และมีความไวสูงต่อการตอบสนอง อาจถึงขั้นภูมิแพ้ (Defensiveness and hypersensitivity)
       • ความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงและยุ่งยาก (Difficult, chaotic relationships)
       • อาการกินผิดปกติ (Eating disorders)
       • อาการตื่นตัว ตกใจง่าย และกลัวมากเมื่อกระทำผิด (Hyper vigilance, extreme fear of making mistakes)
       • พฤติกรรมดื้อเงียบ (Passive-aggressiveness)
       • อุดมคตินิยม หรือการพยายามทำตัวให้สมบูรณ์แบบ (Perfectionism)
       • การสร้างระยะห่างหรือพื้นที่ส่วนตัวระหว่างบุคคล (Poor personal boundaries)
       • ทักษะในการติดต่อสื่อสารต่ำ (Poor communication skills)
       • ทักษะในการเข้าสังคมต่ำ (Poor social skills)
       • แสดงความสำส่อนทางเพศ (Promiscuity)
       • ความผิดปกติทางเพศ มีปัญหาทางเพศ (Sexual dysfunction)
       • ทำงานได้ผลงานต่ำกว่าที่ควร ผลสัมฤทธิ์ต่ำกว่าที่ควร (Underachievement)
       • แสดงพฤติกรรมบ้างาน (Workaholic behaviors)
       • ทำตัวไม่น่าเชื่อถือ ดูเสมือนใส่หน้ากาก (Inauthenticity, wearing a mask)
       
       การรักตัวเองอาจเป็นเรื่องยาก เพราะว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่สะท้อนให้เห็นว่าเราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เราอาจยอมรับในหลักการว่าตัวเราเองมีคุณค่าจากการให้กำลังใจและสนับสนุนของครอบครัวและเพื่อนๆ ที่รักเรา แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่เต็มไปด้วยคำวิจารณ์ การเปรียบเทียบ และการตัดสิน เรามักจะถูกบอกว่าเรายังดีไม่พอ และเราก็เชื่อมัน
       
       เรามักลืมที่จะไว้ใจและยึดมั่นกับความเชื่อและวิจารณญาณของตัวเอง แต่ในทางกลับกัน เรากลับนิ่งเฉยและพอใจที่จะให้คนอื่นมาสร้างความภาคภูมิใจให้แก่เรา ถ้าคนเหล่านั้นไม่ชอบในสิ่งที่เราเป็น เราก็จะดิ้นรนเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นอีกคนที่โลกพอใจและอนุญาตให้เราเป็น
       
       การทำแบบนี้จะทำให้เราก้าวไปติดกับดักของ “อคติเชิงลบ” ที่ยิ่งมีมากก็จะทำให้เรามุ่งความสนใจไปกับความเชื่อและการกระทำในด้านลบมากกว่าด้านบวก เราจะถูกเหนี่ยวรั้งให้จดจ่อกับข้อผิดพลาดและจุดอ่อนของตนเองมากกว่าคุณสมบัติเชิงบวกที่เรามีอยู่
       
       การพยายามสร้างคุณค่าในตัวเองเป็นเรื่องที่ท้าทาย มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนจำนวนมากทุกข์ทรมานกับความต่ำต้อยของตัวเอง ดังนั้น หากเราต้องการสร้างคุณค่าในตัวเองอย่างแท้จริง เราต้องเรียนรู้ที่จะคิดหาวิธีการใหม่ๆ และตอบสนองกับข้อมูลที่เราได้รับรอบๆ ตัวเรา
       
       และนี่คือความคิดเห็น / ข้อเสนอแนะที่จะทำให้คุณรู้จักรักตัวเอง
       
       1. กำหนดนิยามของ “คุณค่า” ที่คุณต้องการ (Define worthiness for yourself)
       
       ขอให้คุณตรวจสอบค่านิยมหรือหลักการของตนเอง คิดถึงสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง และระบุให้ชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่คุณเชื่อ บุคคลประเภทไหนที่คุณอยากเป็น และคุณต้องการใช้ชีวิตอย่างไร (ต้องเป็นสิ่งที่ทำได้และเป็นจริงได้เท่านั้น) จากนั้นให้สร้างระบบปฏิบัติการส่วนตัวสำหรับชีวิตของคุณ โดยไม่ต้องสนใจกับสิ่งที่คนอื่นคิดว่าดีที่สุดสำหรับคุณ
       
       2. ตระหนักรู้ในความคิดของตัวเอง (Become aware of your thoughts)
       
       ขอให้คุณเริ่มต้นโดยการให้ความสนใจกับความคิดของตัวเอง และพยายามทบทวนว่าคุณมีความคิดเชิงลบเกี่ยวกับตัวเองบ่อยครั้งหรือไม่ การตระหนักรู้แบบนี้จะทำให้คุณหลุดพ้นจากความคิดแม้เพียง 2-3 นาที ทั้งนี้ คุณต้องพยายามลดทอนความคิดในเชิงลบด้วยการรู้จักกับตัวตนของมัน โดยคุณอาจพูดกับตัวเองว่า “เราคิดในเชิงลบอีกแล้ว ดูสิว่ามันกำลังทำอะไรกับเราอยู่”
       
       3. กลั่นกรองการรับรู้ (Filter your perceptions)
       
       เมื่อคุณรู้จักรูปแบบความคิดของคุณมากขึ้นแล้ว ขอให้คุณเริ่มกลั่นกรองความคิดของคุณโดยการพิจารณาความเป็นจริง จงถามตัวเองว่า “ความคิดของฉันมันเป็นจริงหรือไม่? มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมดหรือเป็นแค่เพียงการรับรู้ความจริงเท่านั้น?” ขอให้คุณพยายามท้าทายความรู้สึกในเชิงลบ และหาเหตุผลที่จะมาโต้แย้งกับความคิดเชิงลบเหล่านั้น จงทำในสิ่งที่ช่วยผ่อนคลายการยึดติดกับความเชื่อที่ทำให้คุณจำกัดตัวเอง
       
       4. สร้างสภาวะแวดล้อมใหม่ๆ (Create new environments)
       
       ถ้าสภาวะแวดล้อมหรือสถานการณ์ใดๆ มีส่วนทำให้คุณรู้สึกด้อยคุณค่า คุณต้องเปลี่ยนสภาวะแวดล้อมเช่นนั้น โดยการนำตนเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกประสบผลสำเร็จ ได้รับการยอมรับ และมีความสุขให้บ่อยขึ้น คุณต้องพยายามใช้จุดแข็งของตัวเองเพื่อทำในสิ่งที่คุณถนัดมากกว่าการดิ้นรนทำในสิ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกแย่และตกต่ำลง
       
       5. คบกับคนที่ทำให้คุณดีขึ้น (Find the right tribe)
       
       ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มของคนที่ชอบวิจารณ์และตัดสินผู้อื่น มันจะยิ่งตอกย้ำให้คุณรู้สึกด้อยค่า ดังนั้น ขอให้คุณคบกับเพื่อนที่พร้อมให้กำลังใจ แสดงความห่วงใย สนุกสนาน และอยู่ด้วยแล้วมีความสุข คุณควรเลิกคบกับคนที่ทำให้คุณรู้สึกต่ำต้อย เป็นพวกชอบควบคุม หรือปฏิบัติกับคุณแบบแย่ๆ ใช่ ! มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำแบบนี้ แต่การเลิกคบเพื่อนที่ไม่ดีแบบนี้เพียงหนึ่งคนจะส่งผลให้ความรู้สึกของคุณดีขึ้นอย่างมากมายในแต่ละวัน
       
       6. พยายามฝึกการมองโลกในแง่ดี (Practice realistic optimism)
       
       ถ้าคุณไม่เชื่อว่าคุณเป็นที่ชื่นชอบ และเชื่อว่าการคิดเช่นนั้นเป็นเรื่องที่ผิด แทนที่คุณจะพูดถึงตัวเองแบบนั้น ขอให้คุณพยายามพูดกับตัวเองด้วยคำพูดในเชิงบวกจะดีกว่า ตัวอย่างเช่น คุณอาจพูดว่า “วันนี้ ฉันอาจจะทำงานไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ แต่ฉันรู้ดีว่าฉันสามารถแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้นและมันทำให้ฉันรู้สึกดี” คิดอยู่เสมอว่าการแก้ไขปรับปรุงเป็นเรื่องที่ทำได้เสมอ และมันจะช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีขึ้นให้กับตัวคุณ
       
       7. เรียนรู้ที่จะยอมรับ (Learn the power of acceptance)
       
       บางครั้งคุณอาจรู้สึกไม่ชอบหน้าตาหรือร่างกายของตัวเอง หรือบางทีคุณดูเป็นคนที่ไม่ร่าเริงหรือน่าสนใจในสายตาของผู้อื่น และเมื่อคุณเห็นคนอื่น คุณก็คิดปรารถนาที่จะเป็นเหมือนพวกเขาเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริง หลายสิ่งในชีวิตมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ คุณมีทางเลือกระหว่างการดิ้นรนเพื่อเป็นเหมือนพวกเขา หรือเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน และหากคุณยอมรับมันได้ คุณก็จะมีพลังงานเหลือเพียงพอที่จะไปทำสิ่งที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์มากขึ้น วิธีที่จะฝึกการยอมรับให้ได้ผล คือการเผชิญหน้ากับข้อบกพร่องของคุณอย่างตรงไปตรงมา และพยายามผ่อนคลายจิตใจของตนเองให้มากขึ้น
       
       8. เปลี่ยนแปลงในสิ่งที่คุณทำได้ (Change what you can)
       
       ขอให้คุณทำอะไรก็ได้ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรม ทางเลือกและการกระทำใดๆ ที่จะทำให้คุณรู้สึกรักตัวเองให้มากขึ้น แต่คุณต้องจำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงภายนอกเพียงอย่างเดียวจะไม่ทำให้คุณชื่นชมตัวเองเพิ่มขึ้นมากนัก คุณจะรู้สึกดีมากขึ้นหากคุณจะลงมือกระทำสิ่งใดๆ ที่จะส่งผลต่อความคิดและความเชื่อของคุณ
       
       9. ภูมิใจกับความแตกต่างหรือเอกลักษณ์ในตัวคุณ (Celebrate your differences)
       
       ในบางครั้ง สิ่งที่เรารู้สึกไม่ชอบใจเกี่ยวกับตัวเองอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและมีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดในสายตาผู้อื่นก็ได้ ถ้าคุณเป็นแกะดำของครอบครัว คุณอาจเชื่อว่าคุณดูแปลกไม่เหมือนคนอื่น แต่เมื่อคุณเติบโตขึ้น คนอื่นอาจมองว่าคุณมีบุคลิกภาพหรือมีวิถีชิวิตที่น่าสนใจและมีเสน่ห์ดึงดูด ดังนั้น อย่าดิ้นรนที่จะเปลี่ยนแปลง แต่จงภูมิใจในเอกลักษณ์ของเรา
       
       10. หมั่นฝึกความกตัญญูหรือการซาบซึ้งในพระคุณของผู้อื่น (Practice gratitude)
       
       ในเวลาที่คุณคิดกับตัวเองในเชิงลบ ขอให้เปลี่ยนหรือหักเหความสนใจไปสู่สิ่งที่ทำให้คุณซาบซึ้งใจ คุณอาจจะจดบันทึกทุกเรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกซาบซึ้งใจ จากที่สำคัญน้อยและไปจนถึงสำคัญมากที่สุด แต่อย่าเพียงแค่จดเนื้อหาเพียงย่อๆ แต่ขอให้ดูรายละเอียดของแต่ละเรื่องและคิดว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรหากไม่เกิดเรื่องเหล่านี้ มีผลการศึกษาที่พิสูจน์ชัดว่าการฝึกความกตัญญูหรือการซาบซึ้งในพระคุณของผู้อื่นจะทำให้คุณมีมุมมองกับชีวิตในเชิงบวกและมีความสุขมากขึ้น
       
       11. รู้จักแสดงความเห็นอกเห็นใจในตัวเอง (Show compassion for yourself)
       
       คุณต้องหัดเสแสร้งว่าคุณคือเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง และรู้จักที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจตนเองเหมือนกับที่คุณทำกับคนอื่นๆ แทนที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกต่ำต้อย คุณต้องใช้คำพูดที่กระตุ้นและให้กำลังใจแก่ตนเอง คุณต้องคิดอยู่เสมอว่าคุณสมควรที่จะได้รับความมีน้ำใจเช่นเดียวกับคนอื่น ดังนั้น คุณต้องปฏิบัติกับตัวเองดีๆ เช่นกัน
       
       12. เรียนรู้ที่จะใช้ทักษการสื่อสารที่ชาญฉลาด (Learn healthy communication skills)
       
       การที่คุณสามารถสื่อสารถึงความรู้สึกและความกลัวของตัวเองแบบมีวุฒิภาวะ ไม่เผชิญหน้ารุนแรง และในแบบที่ชาญฉลาดจะส่งผลต่อความนับถือในตัวคุณ อีกทั้งยังช่วยให้ความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่นดีขึ้นด้วย คนทุกคนมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือไม่มั่นคง แต่แทนที่จะซ่อนหรือลดทอนสิ่งเหล่านี้ลง คุณควรพยายามปรับปรุงสภาวะทางอารมณ์เพื่อลดปฏิกิริยาตอบโต้และสร้างความน่าเชื่อถือให้มากขึ้น
       
       13. พอใจที่จะสร้างขอบเขตของตัวคุณ (Be willing to set boundaries)
       
       เมื่อใดที่คุณไม่รักตัวเอง มันหมายถึงการอนุญาตให้คนอื่นเอาเปรียบตัวคุณ บางครั้งเราอาจไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะเราไม่เคยที่จะกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างสิ่งที่คุณต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติกับคุณกับสิ่งที่คุณไม่ต้องการ การทำแบบนี้อาจดูยากหากคุณปล่อยให้ผู้อื่นทำเช่นนี้จนเคยชิน ดังนั้น ขอให้คุณเริ่มบอกถึงขอบเขตของคุณและพยายามที่จะฝึกการอยู่ในขอบเขตนั้นอย่างแน่วแน่
       
       14. รู้จักพูดเพื่อตัวเอง (Speak up for yourself)
       
       ส่วนหนึ่งในการสร้างและปฏิบัติตัวภายในขอบเขตของตัวคุณคือการรู้จักที่จะพูดเพื่อตัวเอง ถ้าใครพูดหรือทำสิ่งใดที่คุณไม่ชอบ หรือคุณมีความเห็นที่ต้องปิดบังเพราะอาจทำให้คนอื่นกลัวหรือโกรธ คุณต้องพยายามก้าวข้าม “เขตสบาย” (comfort zone) ของตัวเองและกล้าพูดถึงสิ่งที่อยู่ในใจของคุณออกมา คุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างสบายๆ แต่แน่วแน่ ถึงแม้ว่าจะต้องฝืนใจเสแสร้งทำมันในตอนแรกๆ ก็ตาม
       
       15. ดูแลและใส่ใจตัวเอง (Take care of yourself)
       
       คุณควรแสดงความรักและเห็นอกเห็นใจในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติกับร่างกาย จิตใจ หรือแม้แต่อารมณ์ โดยการทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ไปพบแพทย์ ดูแลความสะอาดของร่างกาย และหาวิธีที่จะกระตุ้นจิตใจให้สงบเงียบและสบาย เมื่อคุณทำสิ่งเหล่านี้กับตัวเองเหมือนกับที่ปฏิบัติกับผู้อื่น คุณก็จะรู้สึกมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
       
       16. พยายามทำในสิ่งที่รัก (Find your passion)
       
       เมื่อคุณพบบางอย่างที่คุณรัก ไม่ว่าจะเป็นงานหรือแม้แต่งานอดิเรก คุณจะพบว่าชีวิตต้องการอะไร การได้ทำในสิ่งที่รักทำให้คุณยินดีตื่นแต่เช้าและกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งเหล่านั้นด้วยทักษะและความถนัดที่คุณมีอยู่ และมันจะนำไปสู่การยอมรับในตัวเองโดยที่คุณไม่ต้องเสแสร้งเป็นในสิ่งที่คุณไม่ได้เป็น
       
       17. ทำตัวให้ง่ายและสมดุล (Simplify and create balance)
       
       ชีวิตที่ยุ่งเหยิง สับสน และเร่งรีบล้วนแต่ดูดพลังงานและทำให้คุณเหนื่อยล้า คุณต้องคิดว่าสมดุลชีวิตที่ต้องการเป็นอย่างไร และเริ่มที่จะตัดทิ้งงานหรือภาระผูกพันใดๆ ที่ไม่เกี่ยวกับชีวิตของคุณออกไปบ้าง เพื่อที่จะทำให้คุณมีช่องว่างหรือมีอากาศหายใจพอที่จะทำสิ่งที่คุณรัก ทำงานเพื่อตัวเอง และสามารถจัดสรรเวลาและพลังงานได้ดีขึ้น การปล่อยให้ตัวเองมีช่องว่างบ้างถือเป็นวิธีหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าคุณรักตัวเอง
       
       18. จัดการกับบาดแผลหรือสิ่งที่ทำให้บาดเจ็บในอดีต (Deal with past wounds)
       
       ถ้ามีอะไรในวัยเด็กหรือในอดีตที่ผ่านมาที่ส่งผลกระทบต่อความนับถือในตัวเองของคุณ หรือเป็นข้อจำกัดต่อการรักตัวเอง ขอให้คุณพยายามหาวิธีการที่จะรักษาบาดแผลเหล่านั้น โดยคุณอาจคุยกับที่ปรึกษาที่สามารถช่วยเหลือให้คุณค้นพบถึงอดีตที่เจ็บปวด และร่วมมือกันหาวิธีที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณและผู้อื่นให้ดีขึ้น
       
       19. ฝึกฝนการให้อภัย (Practice forgiveness)
       
       คุณจะรักตัวเองได้ก็ต่อเมื่อคุณรู้จักที่จะให้อภัยตัวเองและผู้อื่นที่ทำให้คุณเสียใจ การให้อภัยตัวเองก็เหมือนกับการที่คุณให้อภัยคนที่คุณรักโดยไม่รู้สึกฝืนใจและทำด้วยความเห็นอกเห็นใจ การตอกย้ำตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร ขอเพียงแค่คุณทำในสิ่งที่ควรทำเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิด ยึดมั่นในความดีงาม ส่วนผลลัพท์จะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยมันไป และถ้ามีใครทำให้คุณเจ็บ ก็รู้จักให้อภัยแก่พวกเขาถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ร้องขอ การรู้จักให้อภัยเป็นก้าวสำคัญสำหรับความนับถือตัวเอง และสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
       
       20. แสดงให้ผู้อื่นเห็นถึงความรักที่คุณต้องการ (Show the love you want to others)
       
       ถ้าคุณอยากได้ความรัก คุณต้องเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และปฏิบัติกับผู้อื่นในแบบเดียวกัน อย่าพยายามให้ความรักเพียงแค่ต้องการทำให้ใครคนหนึ่งรู้สึกว่าเรามีคุณค่า หรือแค่เพียงหวังสิ่งตอบแทน คุณต้องให้ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขโดยไม่คาดหวัง ยิ่งคุณสามารถรักผู้อื่นได้อย่างใจกว้างมากเท่าใด คุณก็จะมีความรักให้กับตัวเองมากเท่านั้น
       
       การเรียนรู้ที่จะรักตัวเองเป็นกระบวนการ เมื่อคุณเริ่มไว้ใจตัวเอง และกำหนดความต้องการและความปรารถนาของตนเองได้แล้ว คุณจะต้องการเหตุผลและการสนับสนุนจากคนอื่นน้อยลง คุณต้องสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับความเชื่อและความปรารถนาที่แท้จริงของตนเอง และมันจะนำคุณไปสู่ความมีคุณค่าและการเป็นที่รักได้อย่างยั่งยืน
       
       ด้วยความพยายามที่เต็มไปด้วยการเอาใจใส่และการเปลี่ยนทัศนคติ คุณจะพบว่าคุณสามารถนับถือตัวเองและควรค่าแก่การได้รับความรักของตนเอง
       
       “คุณมีค่าคู่ควรที่จะได้รับความรักและความชื่นชอบเหมือนกับคนอื่นๆ ในโลกนี้” (You yourself, as much as anybody in the entire universe, deserve your love and affection)
       
       ~Buddha   
http://manager.co.th/iBizChannel/ViewNe ... 0000041294

เราถูกสอนมาว่าอย่าเห็นแก่ตัว แบ่งปันให้คนรอบข้างบ้าง

แต่บางครั้ง...... หรือบ่อยครั้ง เราก็ลืมหรือเผลอเรอไปบ้างว่าเราต้องคอยเติม สรรหา น้ำให้มีอยู่ในแก้วตลอดเวลา เพราะถ้าไม่มีน้ำแล้วไซร้ เวลาเรา หรือคนอื่นกระหายน้ำ ปัจจุบันทันด่วน จะไปหาน้ำจากที่ไหนได้....... :D
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1002

โพสต์

jverakul เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด


เราถูกสอนมาว่าอย่าเห็นแก่ตัว  แบ่งปันให้คนรอบข้างบ้าง    

แต่บางครั้ง...... หรือบ่อยครั้ง เราก็ลืมหรือเผลอเรอไปบ้างว่าเราต้องคอยเติม  สรรหา  น้ำให้มีอยู่ในแก้วตลอดเวลา  เพราะถ้าไม่มีน้ำแล้วไซร้  เวลาเรา หรือคนอื่นกระหายน้ำ ปัจจุบันทันด่วน   จะไปหาน้ำจากที่ไหนได้.......   :D[/quote]
ขอบคุณค่ะน้อง jverakul มีข้อคิดๆ มาฝากเสมอเลย
เห็นด้วยค่ะ..ควรแบ่งปันบ้าง  แต่....อย่าปันจนเข้าเนื้อ
พี่มีความเห็นแบบนี้เช่นกันค่ะ  เหมือนบทความ "กตัญญู อกตัญญู ดูยาวๆ" ที่พี่เขียน
แม้แต่กับพ่อแม่  เรายังต้องประเมินว่าเขาจะเอาเงินไปทำอะไรถ้าสงสัยว่าจะสูญต้องตัดใจไม่ให้ค่ะ

การช่วยเหลือ แบ่งปัน  ไม่ใช่ช่วยหรือแบ่งปันเรื่อยเปื่อย
แบ่งปันก็ไม่ใช่ว่าจะในรูปแบบของเงินอย่างเดียว  ช่วยลงมือทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้ก็ถือว่าช่วยเหมือนกัน

หรือแม้แต่ "อยุู่เฉยๆ ในบางกรณี" ยังเป็นการช่วยเลยค่ะ
เช่นในโลก online การ like หรือ share บางเรื่องเป็นลบมากๆ ต่อผู้ที่เป็นต้นเรือง
หรือเป็นการทำร้ายผู้อื่น...แค่เราไม่ like ไม่ share ต่อ  ก็ถือว่าช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมแล้วค่ะ
......................

ที่บ้านเวลาจะเลือกสุนัขมาเลี้ยง
เราจะไปเลือกจากสถานสงเคราะห์สุนัขเร่ร่อน
ก็ถือว่าได้ช่วยสุนัข และได้ช่วยลดภาระของสถานสงเคราะห์ที่ต้องดูและสุนัขในระยะยาว ไปได้ 1 ตัว

แต่...เราจะไม่ไปเก็บสุนัขมาเลี้ยงโดยไม่จำกัดจำนวน
พี่เคยเห็นคนเก็บสุนัขมาเลี้ยงเป็นสิบๆ ตัว  ลูกส่งเงินให้เท่าไหร่ไม่พอค่าอาหารสุนัข
อันนั้นก็เกินไป สร้างชีวิตไม่ได้ ทั้งตัวเองทั้งลูก...ถือว่าเบียดเบียนตนเอง

และเมื่อพิจารณาฐานของปัญหาสุนัขเร่ร่อนคือ
มีผู้ที่เลี้ยงสุนัขแบบไม่รับผิดชอบ ไม่คุมกำเนิด  
พอมีมากๆ เลี้ยงไม่ไหวก็เอาไปปล่อยทิ้ง  คือต้นกำเนิดของปัญหาสุนัขเร่ร่อน

ตราบเท่าที่คนทิ้งสุนัขก็ยังทิ้งอยู่เช่นนี้  เราคงแก้ปัญหาสุนัขเร่ร่อนไม่ได้
ดังนั้น ที่เราทำได้ก็ทำไปตามกำลังของเรา อาจบริจาคเลี้ยงอาหาร ค่ายา เป้นครั้งคราวได้
แต่เราแก้ปัญหาระบบไม่ได้...ก็ต้องช่วยไปตามนั้น 

การช่วยเหลือผู้อื่น ต้องมีสติในการพิจารณาให้มาก
เมื่อใดก็ตามที่เบียดเบียนตนเอง...เมื่อนั้น  ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องแล้วค่ะ

สรุปพี่เห็นด้วยกับน้อง  jverakul  ค่ะ ^__^
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1003

โพสต์

"clip เสียง_แม่บ้านนักลงทุน VI"
(Theenuch_Team Money Talk 4)

................

วันหยุดสบายๆ นำ clip ที่ได้เคยให้สัมภาษณ์
รายการห้องรับแขก Sweet FM มาฝาก
ขอขอบคุณ "คุณอรอุมา เกษตรพืชผล"
ที่ให้เกียรติได้ไปเยี่ยมห้องรับแขกด้วยค่ะ
................

มี 5 ตอน...ฟังแล้วน่าจะได้ประโยชน์
เรื่องการออม การบริหารเงิน รวมทั้ง
การวางเป้าหมายการลงทุนระยะยาวบ้างค่ะ
(มีเรื่องการสอนลูกเรื่องเงินด้วยค่ะ)
................

และคงจะได้ข้อสรุปตรงกันว่า "บ้านน๊อก บ้านนอก"
แต่น่าจะเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่มีชีวิตธรรมดาๆ
ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง
แต่มีความมุ่งมั่นและพยายามได้บ้างค่ะ ^_*
.
ฟังแล้วได้ประโยชน์หรือไม่ อย่างไร
มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ ^__^
...............

ตอนที่ 1/5
https://www.youtube.com/watch?v=2UFcsCD5-S8
.
ตอนที่ 2/5
https://www.youtube.com/watch?v=jikOiBCT9G8
.
ตอนที่ 3/5
https://youtu.be/zDQcLg4fg-8
.
ตอนที่ 4/5
https://youtu.be/f7vYHzY_YfQ
.
ตอนที่ 5/5
https://youtu.be/yPVqUT53oFc
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1004

โพสต์

ขอนำภาพประทับใจที่อาจารย์ ดร.ไพบูลย์
ท่านนำมาฝากใน fb Money Talk มาฝากพวกเราด้วยค่ะ
.......................

วันนี้เอารูปน้องควาย และลูกหลานควาย
ที่เพิ่งถูกไถ่ชีวิตจากโรงฆ่าสัตว์
เพื่อนำไป3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ชาวนาได้ใช้งาน
ภาพจากงานพิธีที่วัดพระศรีฯ บางเขน
ดูกันสนุกๆในเรื่องที่หลายคนอาจจะเห็นว่าไม่มีสาระครับ -ไพบูลย์-

น้องควาย 1.jpg
น้องควาย 2.jpg
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1005

โพสต์

ชวนอ่าน “ชีวิตมั่งคั่งด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว”
(Theenuch_Team Money Talk 4)


....................
ปก.jpg
...................
ปกหลัง.PNG
หนังสือที่อาจารย์ ดร.สมจินต์ ศรไพศาล แนะนำค่ะ
“ชีวิตมั่งคั่งด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว” (โดย สนพ.วีเลิร์น)
.
แปลได้สละสลวยมากค่ะ...อ่านรวดเดียวจบ
โดยส่วนตัว มีวิธีคิดคล้ายกับหนังสือเล่มนี้อยู่มากค่ะ
...................

“คะเมะดะ จุนอิชิโร” ผู้เขียน เป็น “ผู้สอบบัญชีภาษีอากร”
ช่วงชีวิตของเขาเคยพลิกผันเมื่อบริษัทของพ่อล้มละลาย
เมื่อไม่มีเงิน ก็ไม่มีทางเลือก ชีวิตจึงลำบากอยู่พักใหญ่
ทำให้รู้ว่า “การไม่มีทางเลือกในชีวิตคือการขาดอิสระ”
ตั้งแต่นั้น...เขาตั้งใจเก็บเงินเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการมีอิสระ
ซึ่งเขาให้นิยามไว้ว่า “คือชีวิตที่มีทางเลือก” นั่นเอง
.....................

รูปแบบของ “กระเป๋าสตางค์” ใบยาวๆ
เป็นกุศโลบายที่แยบยล...พิจารณาตามแล้วเชื่อว่า
มีผลทางจิตวิทยา ตามที่ที่ผู้เขียนบอกไว้แน่นอน
ใครเก็บเงินไม่ได้...ต้องการตัวช่วย...เหมาะมากค่ะ
......................

ส่วนคน “คนที่มีจิตใจเข้มแข็ง” อาจไม่จำเป็น
(อ้าว...แล้วจะแนะนำให้อ่านทำไมล่ะเนี่ย? ^__^ )
หมายถึง...ถ้าใครใช้กระเป๋าสตางค์ลักษณะอื่นอยู่
และยังไม่พัง...ก็อาจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตามทันที
**แต่ควรนำแนวคิดในหนังสือ...มาลงมือทำทันทีค่ะ**
......................

นำภาพข้อความจากหนังสือมาฝากเป็นน้ำจิ้มค่ะ
สุดสัปดาห์พอดี..ผู้อ่านที่ไม่มีแผนไปเที่ยวไหน
วันเสาร์ไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน..(ถ้าอ่านจบ)
วันอาทิตย์ก็ไปซื้อกระเป๋าสตางค์ใหม่ (ถ้าจะซื้อ)
วันจันทร์ก็ลงมือทำตามที่หนังสือแนะนำได้ทันทีค่ะ
ได้ผลอย่างไร...มาเล่าสู่กันบ้างฟังนะคะ
1.PNG
2.PNG
3.PNG
ปล. ส่วนตัวใช้กระเป๋าสตางค์สีเหลืองในภาพ
ลูกได้ของขวัญจากคุณครู_3 ช่องซิป ช่องกลางใส่เงิน
ช่องริมใสบัตร ATM /บัตร ปชช. ริมอีกด้านใส่บัตรเครดิต
ชอบสุดตรงที่ “ซักได้”...ใช้นานค่ะ ถ้าซักไม่ได้เน่าแน่ๆ
(ใช้ตั้งแต่ลูก ป.5 ปัจจุบันจะขึ้น ม.3_4 ปีแล้ว ยังไม่พังค่ะ)
Capture.PNG
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
dr1
Verified User
โพสต์: 842
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1006

โพสต์

หนังสือเล่มนั้นเค้าแนะให้เปลี่ยนเป๋าตังค์แบบยาว
ยิ่งแพงยิ่งดี รายได้ต่อปีจะเป็นสองร้อยเท่าราคากระเป๋า
เวลาใส่เงินก็เลือกแบ็งค์ใหม่ๆ เรียงด้านบนล่างกะราคาให้เรียบร้อย
ไม่ใส้บัตร รึเอกสารจนบวมเสียทรง แยกเหรียญไว้อีกใบนึง
เวลาจ่ายเงินก็ให้นึกในใจกะเงินว่า"เด๋วเจอกันใหม่นะ" เงินจะได้กลับมาหาเราอีก

ผมก็จัดมาใบนึงฮะ ไม่แพงเพราะซื้อของลดราคา(ตามระเบียบวีไอ) แต่ก็ยังไม่ได้ใช้เลย
เพราะเป็นคนขี้ลืมมาก ถ้าต้องถือไปมาก็หายแน่นอน
ครั้นจะเอาเป๋าตังค์ยาวใส่เป๋ากางเกงก็ไม่ได้
เป๋าตังค์แบบสั้นใบเดิมของผมก็เลยบวมๆเยินๆแบบของอ.บัฟเฟต์ที่ให้ไปประมูลนั่นล่ะฮะ

คิดอีกที กุศโลบาย ก็คงให้เราแต่งตัวดีีตามเป๋าแพงๆ ใส่สูท แล้วเก็บกระเป๋าใว้ในกระเป๋าสูทด้านในหน้าอก
ตอนควักเป๋าออกมา ก็คงมีมาดเศรษฐี แล้วต่อมาก็รวยตามมาดและกระเป๋าไปเองมั้งฮะ
ท่านtheenuch คงต้องเปลี่ยนเป๋าเหลืองใบนั้นไปใช้ของแพงๆ พิสูจน์ทฤษฎีกระเป๋าแพงดูมั่งมั้งฮะ
samatah
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1007

โพสต์

dr1 เขียน:หนังสือเล่มนั้นเค้าแนะให้เปลี่ยนเป๋าตังค์แบบยาว
ยิ่งแพงยิ่งดี รายได้ต่อปีจะเป็นสองร้อยเท่าราคากระเป๋า
เวลาใส่เงินก็เลือกแบ็งค์ใหม่ๆ เรียงด้านบนล่างกะราคาให้เรียบร้อย
ไม่ใส้บัตร รึเอกสารจนบวมเสียทรง แยกเหรียญไว้อีกใบนึง
เวลาจ่ายเงินก็ให้นึกในใจกะเงินว่า"เด๋วเจอกันใหม่นะ" เงินจะได้กลับมาหาเราอีก

ผมก็จัดมาใบนึงฮะ ไม่แพงเพราะซื้อของลดราคา(ตามระเบียบวีไอ) แต่ก็ยังไม่ได้ใช้เลย
เพราะเป็นคนขี้ลืมมาก ถ้าต้องถือไปมาก็หายแน่นอน
ครั้นจะเอาเป๋าตังค์ยาวใส่เป๋ากางเกงก็ไม่ได้
เป๋าตังค์แบบสั้นใบเดิมของผมก็เลยบวมๆเยินๆแบบของอ.บัฟเฟต์ที่ให้ไปประมูลนั่นล่ะฮะ

คิดอีกที กุศโลบาย ก็คงให้เราแต่งตัวดีีตามเป๋าแพงๆ ใส่สูท แล้วเก็บกระเป๋าใว้ในกระเป๋าสูทด้านในหน้าอก
ตอนควักเป๋าออกมา ก็คงมีมาดเศรษฐี แล้วต่อมาก็รวยตามมาดและกระเป๋าไปเองมั้งฮะ
ท่านtheenuch คงต้องเปลี่ยนเป๋าเหลืองใบนั้นไปใช้ของแพงๆ พิสูจน์ทฤษฎีกระเป๋าแพงดูมั่งมั้งฮะ
............................

555+ อย่างที่บอกค่ะ พี่หมอ dr1

ว่าเรื่องกระเป๋าสตางค์ใบ้ยาวๆ นั้น เป้นเพียงกุศโลบาย
ที่มีผลทางจิตวิทยา...สำหรับคนที่ต้องการค่ะ

แต่ "ถ้าเราจิตใจเข้มแข็งพอ" ก็ไม่ต้องใช้กุศโลบายนั้นค่ะ

ให้ลูกอ่านลูกยังขำ และบอกเหมือนพี่หมอ dr1
ว่า "คุณแม่ไม่ไปซื้อกระเป๋าสตางค์แพงๆ มาทำมาดเศรษฐี" หน่อยหรือ?
เป็นที่ขบขันกันในบ้านเลยค่ะ

บอกลูกว่า คุณแม่เก็บเงินเก่งมาก่อนเจอหนังสือเล่มนี้
แต่ก็ให้ลูกอ่าน...เพราะชอบที่หนังสือสอนเรื่อง"การควบคุมทางออกของเงิน"

และชอบ...เงินกลุ่ม "ผลาญ" ค่ะ...เขากล้าใช้คำตรงไปตรงมา
เพราะตรงกับพฤติกรรมของคนที่เก็บเงินไม่ได้จริงๆ

จำง่ายดี...คนอ่าน อ่านแล้วน่าจะโดนใจ และจำได้ค่ะ :B
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1008

โพสต์

เลี้ยงลูกให้ "รู้คิด"
(Theenuch_Team Money Talk 4)

....................
Capture.PNG
รางวัลยอดเยี่ยมด้าน Philosophy (ปรัชญา)
.
ในภาพคือ "ผล" ค่ะ...อยากเล่า "เหตุ" ให้ทราบ
เผื่อจะมีประโยชน์แก่บ้านที่มีลูกหลานค่ะ
..................

มึคนเคยถามว่า "ลูกชายคนเดียว (ม.2)" ในสังคมยุคนี้
ห่วงเรื่อง การคบเพื่อน ยาเสพติด ฯลฯ หรือไม่?
.
เราตามลูกไปทุกที่ไม่ได้..ควรเลี้ยงให้ "รู้คิด"
ทุกๆ ก้าวของเขาก็จะ "ไม่น่าห่วง" เลยค่ะ
..................

สอนเรื่อง "ผล" ที่ตามมาจาก "เหตุ"ที่ต่างกัน
ฝึกให้ลูกจินตนาการ "ผลที่ต้องการ" หากทำได้
เขาก็จะจินตนาการ "การะบวนการ" ที่จะนำไปสู่ "ผล" นั้นๆ ได้
ทำ "กระบวนการนั้น" ให้ดีแต่ต้น "ผลก็มักจะดี" ค่ะ
.
ลูกจะ "นำตนเองได้" เลือกสิ่งที่มีคุณค่าต่อตัวเอง
ทั้ง "สิ่งเลือกเข้ามา" เช่น "เพื่อน" หรือสิ่งใดก็ตาม
และสิ่งที่ "ใช้ออกไป" เช่น "เงินทอง" และ "เวลา"
...................

ตัวอย่าง...ที่อภิปรายกับลูก เช่น เรื่อง "เงิน" และ "เวลา"
เป็นทรัพยากรที่มีจำกัด...สอนเรื่อง Opportunity cost
ใช้ไปเพื่อสิ่งหนึ่ง ผลคือ "อด"สิ่งอื่น เสมอ
.
เรื่องเงิน_จ่ายเพื่อ "สิ่งหนึ่ง" ก็ "อดสิ่งอื่น"
อยากมีผลเป็น "ภาพใหญ่_ชีวิตที่มั่นคง"
ควร "อด" สิ่งที่ตอบสนอง "ความสุขเฉพาะหน้า"
คือให้รู้จัก "อดเปรี้ยวไว้กินหวาน" นั่นเองค่ะ
.
เรื่องเวลา_ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน
เลือกใช้ไปกับสิ่งหนึ่ง...ผลคือ "เสียโอกาส ที่จะทำสิ่งอื่น"
ดังนั้น ควรพิจารณาให้ดีว่า...
**เวลาที่ "มีค่า" และ "มีจำกัด" นี้ ควรใช้ไปกับสิ่งใด?
.
ฯลฯ
..................

รางวัลที่ลูกได้รับ สะท้อน "ผลของการอภิปราย"
และ "สื่งที่ตกผลึกในตัวเขา" ได้ดีพอสมควร
แนวคิดดี...ปฎิบัติถูกต้อง...ผลการเรียนก็ดีมากตามค่ะ
.
ลูก share เรื่องนี้ไว้ใน fb ของเขา...บอกว่า "ซึ้ง" นำมาฝากด้วยค่ะ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =1&theater

.
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1009

โพสต์

theenuch เขียน:ลูก share เรื่องนี้ไว้ใน fb ของเขา...บอกว่า "ซึ้ง" นำมาฝากด้วยค่ะ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =1&theater

.
Capture.PNG
“พ่อ ขอตังค์ 2 พัน ผมจะออกไปเที่ยว!”
ผมพูดออกไปโดยที่ตายังเพ่งมองไปที่หน้าจอทีวีอยู่
“เมื่อวานพ่อเพิ่งให้แกไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกนะว่าใช้ไปหมดแล้ว?” พ่อถามด้วยน้ำเสียงที่เอือมระอา
“แล้วจะให้หรือเปล่า? ถ้าไม่ให้ ผมจะไปวิ่งราวชาบ้านเองก็ได้!”
พูดเสร็จ ผมก็ยกเท้าพาดขึ้นบนโต๊ะ
“อย่านะ!” สิ้นเสียง พ่อก็เอามือล้วงไปในกระเป๋ากางเกงพร้อมกับหยิบแบงค์ร้อยออกมาหลายใบ
เตรียมนับให้ผม ผมเดินไปหาพ่อพร้อมกับคว้าเงินในมือที่พ่อมีมากำไว้ทั้งหมด จากนั้นก็วิ่งออกบ้านไป

จากนั้นผมก็ควบมอเตอร์ไซค์ที่พ่อซื้อให้ตรงดิ่งไปหาเพื่อนๆ ที่โต๊ะสนุก
“พ่อเอ็งทำงานอะไรวะ ทำไมมีเงินให้แกใช้ทุกวันเลย วันหนึ่งก็ไม่ใช่น้อยๆ” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น
ผมกลัวเพื่อนถามอาชีพของพ่อมาก เพราะผมอาย ผมจะบอกเพื่อนๆได้ยังไง
ว่าพ่อของผมเร่ขายไส้กรอกตามคลับบาร์และหน้าร้านมินิมาร์ททั่วไป

ผมอยู่ที่โต๊ะสนุกกับเพื่อนๆ จนถึงตีสาม หลังจากตกลงกันว่าจะไปต่อที่คาราโอเกะ
ก็พากันเดินลงมา จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกำลังข่มขู่ใครอยู่

“ตกลงมึงจะจ่ายไหม แค่ 2 พัน มึงจะให้หรือไม่ให้?
ไม่ให้เดี๋ยวกูเอามึงตาย ไอ้แก่นี่วอนซะแล้ว!”
“นี่มันเงินของฉัน ฉันหามาด้วยความยากลำบาก พวกแกจะมารีดไถฉันได้ยังไง มือเท้าก็ดีทำไมไม่ไปหางานทำกัน
มาขู่ฉันมากๆเดี๋ยวฉันจะไปแจ้งตำรวจให้มาจับพวกแกไปนอนกินข้าวแดงในคุกละไม่ว่า!”

สิ้นเสียงของชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงของชายคนแรกตะโกนว่า
“มึงอยากตายใช่ไหม? ได้ กูให้สิทธิ์มึงเดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอคิว!”
“ตุ๊บ เพล๊ง” เสียงเหมือนขวดเบียร์ทุบกับอะไรสักอย่างหนึ่งดังขึ้นมา
พอพวกผมเดินลงมาถึงชั้นล่าง ก็เห็นวัยรุ่นรุ่นกลุ่มหนึ่ง กำลังรุมทำร้ายชายวัยกลางคนๆหนึ่ง
เด็กวัยรุ่นทั้งเตะทั้งต่อยทั้งกระโดดถีบ และอีกคนหนึ่งก็ถือขวดเบียร์กระหน่ำตีไปที่ร่างของชายคนนั้น
ที่ตอนนี้แน่นิ่งอยู่กับที่ แต่มือของเขาก็กำอะไรบางอย่างไว้ไม่ยอมปล่อยมือ

“เฮ้ย อย่าไปเสือกเลย เดี๋ยวเหนื่อยเปล่า ไปร้องคาราโอเกะดีกว่า เพลินกว่ากันเยอะ”
เพื่อนผมฉุดแขนผมให้เดินออกมาไม่ให้เข้าไปยุ่งกับกลุ่มอันธพาลนั้น
ก่อนที่ผมจะเดินออกมา ผมอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ชายวัยกลางคนที่นอนอยู่กับพื้นนั้น
เพราะรถพ่วงขายไส้กรอกที่คุ้นตาซะเหลือเกิน เมื่อผมเพ่งมองดีๆ นั่นมันพ่อผมนี่นา!

ผมตะลึงมองพ่อที่ถูกเตะถูกเหยียบอยู่กับพื้น มือกำเงินไว้แน่นไม่ยอมให้พวกอันธพาลแกะเอาไป
อยู่ๆก็นึกถึงพ่อที่เอาเงินให้ผมใช้ทีละ 2-3 พันโดยไม่ปริปากด่าว่าอะไร
แต่ตอนนี้ เงินแค่ 2 พัน พ่อกลับไม่ยอมให้พวกมัน กลับยอมที่จะเอาชีวิตเข้าแลก

ผมตะโกนว่า “พ่อ!” ผมไม่อายใครอีกแล้ว จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาพ่อ
พร้อมเอาตัวกำบังร่างของพ่อที่ปกติผมไม่เคยใส่ใจหรือแยแสใดๆ ผมยอมให้พวกอันธพาลทั้งเตะทั้งถีบ
แต่ความรู้สึกเจ็บที่กายนั้น ไม่เท่ากับความรู้สึกเจ็บที่ใจในตอนนี้ได้เลย ผมทำไมทำสิ่งเลวๆกับพ่อได้ถึงเพียงนี้

โชคดีที่เพื่อนๆของผมเข้ามาช่วยไว้ ไอ้เด็กพวกนั้นจึงพากันวิ่งหนีเตลิดไป
ครู่ต่อมาตำรวจก็เข้ามาควบคุมสถานการณ์ ผมมองไปที่ร่างของพ่อ
ตอนนี้มีเลือดไหลออกจากศีรษะของพ่อ และตอนนี้พ่อก็สลบไปไม่รู้สึกตัว

“ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้ผมด่วน พ่อผมเสียเลือดมาก ช่วยพ่อของผมด้วย!”
ผมอุ้มพ่อขึ้นรถพยาบาลและนั่งอยู่ข้างๆพ่อ ในมือของพ่อยังกำเงินไว้แน่น
ผมร้องไห้ออกมา

“สิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดคุ้มครองพ่อของผมด้วย ถ้าพ่อผมไม่เป็นอะไร
ผมจะกลับตัวกลับใจ ผมจะไม่ทำให้พ่อต้องลำบากอย่างนี้อีก สิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดช่วยพ่อผมด้วยเถิด ผมขอร้อง!”
จู่ๆ พ่อก็สำลักและค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาดูอย่างงๆ
“พ่อ!” ผมจับมือพ่อไว้แน่น
“นี่มันที่ไหน?”
“อยู่บนรถพยาบาล เมื่อกี้พ่อสลบไป” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ภาพนั้นยังติดตาผมอยู่
พ่อค่อยๆ ยกมือขึ้น มองเงินในมือ

“วิท... นี่เงินที่พ่อขายไส้กรอกได้คืนนี้ รับไปสิ เดี๋ยวกลับบ้านลูกไปซื้ออะไรกิน พ่อยังไม่หิว! ”

คำพูดของพ่อกระแทกใจของผมอย่างรุนแรงเหลือเกิน ผมก้มลงกอดพ่อไว้
น้ำตาผมไหลอาบสองแก้ม ผมร้องไห้อย่างไม่อายพี่ๆ ที่นั่งอยู่บนรถ
ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือก่อนที่พ่อจะหมดแรงและหลับตาลงอย่างช้าๆ อีกครั้งว่า...."พ่อครับ....ผมขอโทษ"
..................

กว่าลูกจะสำนึกผิดได้ เกือบต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป

หลายๆคนยังเข้าใจว่าพ่อแม่หาเงินมาให้ลูกๆไว้ใช้จ่ายได้โดยไม่ยาก
ใครจะรู้ว่าพ่อแม่บางคนต้องตรากตรำทำงานอย่างนัก เลือดตาแทบกระเด็น
อดมื้อกินมื้อ ต้องเก็บออมกันทั้งพ่อและแม่ บางทีก็ต้องทำงานรับจ้างอย่างอื่นเพิ่ม เพื่อหล่อเลี้ยงครอบครัว
นี้ก็ใกล้เปิดเทอมอีกแล้ว คงมีอีกหลายๆครอบครัวต้องกู้หนี้ยืมสิน หวังเป็นค่าชุดค่าเทอมให้กับลูกได้ร่ำเรียนหนังสือ
กว่าที่ลูกๆ จะเข้าใจความเหนื่อยยากลำบากของพ่อแม่ บางทีมันก็อาจสายเกินไป
อย่าให้ความหวังสุดท้ายของท่านต้องพังทลาย เพราะการใช้ชีวิตของลูกๆ ในทางที่ผิดอีกเลย
..................

1 แชร์ คือ1 ธรรมทาน. (เผื่อลูกๆหลานๆที่เดินทางผิดได้อ่านเจอ)
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1010

โพสต์

ท่านครับ คนจนมีสิทธิเล่นหุ้นไหมครับ ?
(Theenuch_Team Money Talk 4)

......................

เป็นคำถามจากแฟนรายการใน inbox ค่ะ
.
เห็นคำถามแล้วนึกถึง ประโยคที่หลายคนคุ้นหู
“คนจนเล่นหวย...คนรวยเล่นหุ้น” ตอบไปดังนี้ค่ะ
.......................

ที่จริงการลงทุนในหุ้น...เป็นเรื่องของผู้ที่ใส่ใจการบริหารเงินให้งอกเงยทุกๆ คนค่ะ
.
การซื้อหุ้นแต่ละครั้งมีข้อกำหนดในการซื้อหุ้นขั้นต่ำครั้งละ 100 หุ้น
.
เนื่องจากคำถามถามว่า "คนจน" เลยขอยกตัวอย่างเงินน้อยๆ พอค่ะ
.
สมมติ หุ้นพื้นฐานดี (ที่เราประเมินมูลค่าด้วยความรู้ที่ถูกต้องแล้ว)
ของบริษัทหนึ่งมีราคา 3 บาท/หุ้น (3 บาท x 100 หุ้น = 300 บาท)
ดังนั้นเงินเพียง 300 บาท สามารถใช้สะสมหุ้นดังกล่าวได้ 100 หุ้น
หากเรามีวินัยและทำแบบนี้ไปเรื่อย เราก็มีเงินลงทุนในหุ้นแล้วค่ะ
........................

ถ้า บริษัทดังกล่าวมีการบริหารงานที่ดี มีความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว
ประกาศผลการดำเนินงานออกมา รายได้และกำไรมากขึ้นทุกๆ ไตรมาส หรือทุกปี...
ผู้ถือหุ้นก็มีสิทธิได้รับปันผลตามนโยบายของบริษัท ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ถือ
.

"ผลประกอบการ" คือ "เจ้ามือตัวจริง" (ตามที่ “คุณโจ_ลูกอิสาน” บอกไว้)
หากบริษัทมีผลประกอบการที่ดี ราคาหุ้นอาจขึ้นจาก 3 บาท เป็น 3.20 3.50 หรือ 4, 5, 6, 7 บาท (หรือมากกว่านั้นก็ย่อมได้...ในระยะยาว)
.
อยากให้มองการลงทุนเป็นการเติบโตไปกับกิจการค่ะ
..........................

เงิน 300 บาท เดี๋ยวนี้..จ่ายค่าสังสรรค์ กับเพื่อนมื้อเดียวก็แทบไม่พอแล้วค่ะ หรือ
.
(สมมติ..แบบคนจนเล่นหวย)
ซื้อล็อตเตอรี่ (ที่ขายไม่เกินราคา 80 x 4 = 320 ) ก็ได้ไม่ถึง 4 ใบ
และพร้อมจะเป็น 0 บาท ในพริบตา ถ้าไม่ถูกรางวัล
แต่หุ้นนั้นต่อให้ตลาดผันผวนราคาลงอย่างไร ก็ไม่เป็น 0 ค่ะ
(ต้องเป็นหุ้นที่ผ่านการประเมินมูลค่ามาก่อนเลือกลงทุนด้วยนะคะ)
.
หรือ อื่นๆ ที่ "แค่อดใจไม่จ่ายเงินออกไป...แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไป..ในที่สุด"
(แสดงว่ามันไม่ใช่ "สิ่งจำเป็น" น่ะสิ..จริงป่ะ? ^__*)
.
ใคร “งดจ่าย” ให้กับ "สิ่งไม่จำเป็น" ได้มากกว่า
ก็มีเงินเหลือออมและนำไปลงทุนมากกว่าเป็นธรรมดาค่ะ
.
ยกตัวอย่างเงินน้อยๆ ให้สัมพันธ์กับคำถามค่ะ
แต่...ถ้าใครมีเงินมากกว่านี้ มีรายได้มากๆ แล้วรู้จักประหยัด รู้จักออม
ก็จะมีเงินไปลงทุนมากกว่านี้...ผลลัทพ์ ก็ย่อม มากกว่าค่ะ
.
ประเด็นสำคัญคือ "จะใช้จ่ายให้หมดไป" หรือ "จะออม และลงทุน" บ้าง
........................

ดังนั้น การลงทุนในหุ้น หรือในกองทุนรวม (สำหรับท่านที่ไม่ถนัดลงทุนด้วยตนเอง)
ไม่ได้เป็นทางเลือกสำหรับคนมีเงินมากเท่านั้น แต่สำหรับ "ผู้ที่มุ่งมั่น ขยันหาความรู้ และอยากมีอนาคตที่ดีในระยะยาว_ทุกคน" ค่ะ ^__^
........................
หุ้นไม่ใช่ล็อตเตอรี่.PNG
นำข้อความจากหนังสือ “เหนือกว่า วอลสตรีท”
โดย Peter Lynch (อ.ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร : แปล)
ที่เกี่ยวข้องกับคำตอบนี้อยู่บ้าง...มาฝากด้วยค่ะ
.
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ddoo7
Verified User
โพสต์: 292
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1011

โพสต์

ขอบคุณครับ :idea:
โดยเฉพาะยามหุ้นผันผวน
นายตลาดกำลังอารมณ์หงุดหงิดอย่างนี้
เป็นกำลังใจให้นักลงทุนผู้อดออมได้เป็นอย่างดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1012

โพสต์

คุณนุชครับ

ผมได้หนังสือมาเล่มหนึ่งโดยบังเอิญ
ชื่อ หิมะกลางฤดูร้อน (Snow in the Summer)
คำนิยม โดย ท่าน ว.วชิรเมธี คุณหญิงพรทิพย์ ดังตฤณ
อริยาภรณ์ สิทธิธรรมพิชัย
ภัทริน ซอโสตถิกุล
ดินป่า จีวัน

เขียนโดย พระโชติกะ แปลไปสิบภาษาทั่วโลก

ชื่อเรื่องไม่น่าสนใจ พอพลิกไปอ่าน ถึงกับวางไม่ลง คัดมาช่วงหนึ่งสำหรับช่วงเวลานี้ครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
jverakul
Verified User
โพสต์: 1959
ผู้ติดตาม: 1

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1013

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:คุณนุชครับ


ชื่อ หิมะกลางฤดูร้อน (Snow in the Summer)
เขียนโดย พระโชติกะ แปลไปสิบภาษาทั่วโลก

ชื่อเรื่องไม่น่าสนใจ พอพลิกไปอ่าน ถึงกับวางไม่ลง คัดมาช่วงหนึ่งสำหรับช่วงเวลานี้ครับ
:bow: :bow:

ผมต้องวางหลายๆ รอบ อ่านเป็นเดือนครับ พอจะเข้าใจเนื้อหาสัก 10 %

ธรรมะที่สอน ขอพูดว่าย่อยยากมาก พอๆ กับท่านพุทธทาสเลยครับ ต้องไปอ่านของท่านอื่นๆ

ถึงจะเข้าใจในสิ่งที่ท่านพุทธทาสสอนครับ แต่ก็เข้าใจได้แค่นิดหน่อยเองครับ :oops:
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1014

โพสต์

ddoo7 เขียน:ขอบคุณครับ :idea:
โดยเฉพาะยามหุ้นผันผวน
นายตลาดกำลังอารมณ์หงุดหงิดอย่างนี้
เป็นกำลังใจให้นักลงทุนผู้อดออมได้เป็นอย่างดี
สู้ ๆ "แล้วมันจะผ่านไป" ค่ะพี่ ^__^
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1015

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:คุณนุชครับ

ผมได้หนังสือมาเล่มหนึ่งโดยบังเอิญ
ชื่อ หิมะกลางฤดูร้อน (Snow in the Summer)
คำนิยม โดย ท่าน ว.วชิรเมธี คุณหญิงพรทิพย์ ดังตฤณ
อริยาภรณ์ สิทธิธรรมพิชัย
ภัทริน ซอโสตถิกุล
ดินป่า จีวัน

เขียนโดย พระโชติกะ แปลไปสิบภาษาทั่วโลก

ชื่อเรื่องไม่น่าสนใจ พอพลิกไปอ่าน ถึงกับวางไม่ลง คัดมาช่วงหนึ่งสำหรับช่วงเวลานี้ครับ
.....................
jverakul เขียน:
Nevercry.boy เขียน:คุณนุชครับ


ชื่อ หิมะกลางฤดูร้อน (Snow in the Summer)
เขียนโดย พระโชติกะ แปลไปสิบภาษาทั่วโลก

ชื่อเรื่องไม่น่าสนใจ พอพลิกไปอ่าน ถึงกับวางไม่ลง คัดมาช่วงหนึ่งสำหรับช่วงเวลานี้ครับ
:bow: :bow:

ผมต้องวางหลายๆ รอบ อ่านเป็นเดือนครับ พอจะเข้าใจเนื้อหาสัก 10 %

ธรรมะที่สอน ขอพูดว่าย่อยยากมาก พอๆ กับท่านพุทธทาสเลยครับ ต้องไปอ่านของท่านอื่นๆ

ถึงจะเข้าใจในสิ่งที่ท่านพุทธทาสสอนครับ แต่ก็เข้าใจได้แค่นิดหน่อยเองครับ :oops:
ขอบคุณมากเลยค่ะคุณ NB แต่น้อง jverakul บอกว่ายากนี่ น่าจะยากจริง
และคุณ NB ก็ค่อนข้างมีความเข้าใจลึกซึ้งในหลายเรื่อง

เลยคิดว่าหนังสือเล่มนี้ เป็นอะไรที่ท้าทาย และน่าค้นหา
คงต้องหามาอ่านบ้างแล้วค่ะ

ขอบคุณ คุณ NB และน้อง jverakul มากเลยค่ะ :D

หมายเหตุ - ตอนที่นำมากฝากเหมาะกับนักลงทุนอย่างพวกเรามากๆ เลยนะคะ
คิดว่าเพื่อนๆ คงถูกใจกันหลายคนเลยค่ะ ^__^
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1016

โพสต์

"หุ้นตีแตกต้องมี spec ยังไงบ้าง???"
มือใหม่ Turn Pro 19 ก.พ. 58

............................



การสนทนาแบบสบายๆ แต่ไม่ทิ้งความเฉียบคม ระหว่าง
“พี่หมอพงศ์ศักดิ์” และ “คุณไล้_ประชา ดำรงสุทธิพงศ์ “
ในประเด็น "หุ้นตีแตกต้องมี spec ยังไงบ้าง???"
........................
คุณไล้มีกฎเหล็กมาเล่า
ส่วนของพี่หมอเน้นที่ราคาปัจจุบันถูกกว่าในอนาคตมาก
และต้องคาดการณ์ได้แน่นอน
........................
แต่การจะประเมินความแน่นอนตามที่พี่หมอบอกนั้น
ต้องพิจารณาปัจจัยใดบ้าง?...ทั้งสองท่านมีคำตอบค่ะ
.
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1017

โพสต์

"ตลาดแพงเทรดไปก่อนได้ไหม? แล้วค่อยกลับมาเป็น VI"
วิถี VI_มือใหม่ Turn Pro 12/02/15

…………….....



เมื่อประเมินมูลค่าหุ้นในตลาดแล้วรู้สึกว่าทุกตัวแพงหมด
เก็งกำไรไปพลางๆ ก่อนดีไหม? หลายคนคงเคยคิดแบบนี้
.......................

มาฟังคำตอบ...ผ่านบรรยากาศสนทนากันแบบสบายๆ
ระหว่าง “นายกคุณโจ_ลูกอิสาน” และ “คุณชาย มโนภาส”
“นายก” และ “อุปนายก” สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)
ในหัวข้อ "ตลาดแพงเทรดไปก่อนได้ไหม? แล้วค่อยกลับมาเป็น VI"
......................

ทั้งสองท่านช่วยกันชี้ให้เห็น...หลายๆ สิ่งที่สมเหตุสมผลมากๆ
หากพิจารณาตามอย่างจริงจัง...อาจช่วยให้หลายคนอดทนไหว
ไม่ทิ้งหลักการแล้ววิ่งตามหุ้นปั่น...ที่วิ่งฉิวผ่านหน้าไปเมื่อสักครู่นี้ได้ค่ะ
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1018

โพสต์

อาจารย์ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในรายการ **สังเวียนหุ้น 3 ตอน**

มีสาระ สนุกสนาน แอบดุเดือดเล็กน้อยตามชื่อรายการค่ะ
............................

การเลือกหุ้นสไตล์ VI_6 กุมภาพันธ์ 2558



ถ้าหาหุ้น Super Stock เพื่อลงทุนระยะยาวไม่ได้...พักเงินไว้ที่ไหนดี?
.............................

การลงทุนสไคล์ VI ตอนที่ 1_7 มีนาคม 2558



อยากเป็น VI ควรอ่านหนังสืออะไร?
“ความรู้ในประเมินมูลค่าหุ้น” หลายๆ คนก็รู้...แต่ทำไมทำไม่ได้


..............................

การลงทุนสไคล์ VI ตอนที่ 2_13 มีนาคม 2558



หุ้นคนอื่นขึ้น หุ้นเราไม่ขึ้น...ทำอย่างไร?
ตลาดผันผวนมากๆ มีวิธีคิด และทำใจอย่างไร?
หุ้น VI มีจริงหรือไม่?
เคล็ดลับที่ทำให้อาจารย์ประสบความสำเร็จคือ...?
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1019

โพสต์

theenuch เขียน:เลี้ยงลูกให้ "รู้คิด"
เรื่องเวลา_ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน
เลือกใช้ไปกับสิ่งหนึ่ง...ผลคือ "เสียโอกาส ที่จะทำสิ่งอื่น"
ดังนั้น ควรพิจารณาให้ดีว่า...
**เวลาที่ "มีค่า" และ "มีจำกัด" นี้ ควรใช้ไปกับสิ่งใด?
พี่นุชครับ
ถ้าเรามีเวลา 48 ชม.เพื่อพาเด็กวัย3-4ขวบไปเที่ยว กทม.
พี่นุชว่าเราพาไปเที่ยวที่ไหนบ้างดีครับ :wink:
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 1020

โพสต์

saichon เขียน:
theenuch เขียน:เลี้ยงลูกให้ "รู้คิด"
เรื่องเวลา_ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน
เลือกใช้ไปกับสิ่งหนึ่ง...ผลคือ "เสียโอกาส ที่จะทำสิ่งอื่น"
ดังนั้น ควรพิจารณาให้ดีว่า...
**เวลาที่ "มีค่า" และ "มีจำกัด" นี้ ควรใช้ไปกับสิ่งใด?
พี่นุชครับ
ถ้าเรามีเวลา 48 ชม.เพื่อพาเด็กวัย3-4ขวบไปเที่ยว กทม.
พี่นุชว่าเราพาไปเที่ยวที่ไหนบ้างดีครับ :wink:
พี่มาเห็นช้าไปมั้ยเนี่ย...หวังว่ายังทันนะคะ

น้องสายชลจะคุณแม่ และเด็กๆ มาธุระหรือตั้งใจพามาเที่ยวเลย
จะมากันเมื่อไหร่คะ...มาพักที่บ้านพี่ก็ได้นะ
เด๊่ยวพี่อาสาพาเที่ยวให้ทั้งครอบครัวค่ะ
ว่างงานค่ะ...สามารถและยินดี

เดี่ยวไปคิดโปรแกรมก่อนแล้วจะมาตอบนะคะ ^__^