หรือ อาจจะเป็นเพราะความรู้อันน้อยนิดของผมทำให้ขอบเขตในการลงทุนอยู่ในวงกลมเล็กๆ
แต่ก็เป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ได้หยุดพักไปเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อรอวันที่จะหาหุ้นดีๆในราคาเหมาะสมได้อีกครั้ง
ป.ล.ขอสมัครเป็นแฟนคลับ อ.never.cryboy กับ อ.leky หน่อยนะครับ

สงสัยต้องไปดูบ้างซะแล้ว ดูน่าสนใจทีเดียวครับarica เขียน:เล่ม นี้ไม่ทราบ อาจารย์ ท่านใด เคยอ่านแล้วบ้างครับ ดีไหมครับ
เมื่อคนอื่นหดหู่ เราจะสดใสเมื่อหมีมาเยือน เขียน:สวัสดีครับอาจารย์หมอหนึ่ง ยอดนักลงทุนวัยอาวุโสผมมีคำถามอยากจะถามอาจารย์ และ พี่ๆหน่อยครับ ถ้าภาพใหญ่มีโอกาสที่ประเทศของเราจะเริ่มโตช้าลง และ ไทย ใกล้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ไม่ได้เตรียมตัว(มีคนแก่ที่ไม่ได้เตรียมตัวเกษียณ)เต็มไปหมดเราจะลงทุนอย่างไร เรายังพัฒนาประเทศได้ไม่ดีพอ อีกทั้งธุรกิจที่เน้นนวัตกรรมยังมีอยู่น้อยมากๆ ผมยังมองไม่เห็นหนทางที่สดใสเลยครับ หลักๆที่มองออกตอนนี้คือการเป็นเจ้าของสุดยอดกิจการที่มีโอกาสไปเติบโตที่ประเทศอื่นๆรอบเรา หรือ เป็นเจ้าของกิจการที่ทุกคนในประเทศต้องใช้ แต่กิจการเหล่านี้ตลาดรับรู้แล้วและแพงมากแล้ว สงสัยผมคงต้องล่าส่วนต่างไปเรื่อยๆอยากได้คำชี้แนะหน่อยครับ
ชาบูๆดำ เขียน:ยอดเยี่ยมครับNevercry.boy เขียน:เมื่อคนอื่นหดหู่ เราจะสดใส
เมื่อมันน่าเบื่อ มันจึงน่าสนใจ
เมื่อวีไอเต็มตลาด เราจะเก็งกำไร
และเมื่อวีไอถอดใจ ผมจะกลับมาลงทุนอีกครั้ง
สุดยอด ครับNevercry.boy เขียน:เมื่อคนอื่นหดหู่ เราจะสดใสเมื่อหมีมาเยือน เขียน:สวัสดีครับอาจารย์หมอหนึ่ง ยอดนักลงทุนวัยอาวุโสผมมีคำถามอยากจะถามอาจารย์ และ พี่ๆหน่อยครับ ถ้าภาพใหญ่มีโอกาสที่ประเทศของเราจะเริ่มโตช้าลง และ ไทย ใกล้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ไม่ได้เตรียมตัว(มีคนแก่ที่ไม่ได้เตรียมตัวเกษียณ)เต็มไปหมดเราจะลงทุนอย่างไร เรายังพัฒนาประเทศได้ไม่ดีพอ อีกทั้งธุรกิจที่เน้นนวัตกรรมยังมีอยู่น้อยมากๆ ผมยังมองไม่เห็นหนทางที่สดใสเลยครับ หลักๆที่มองออกตอนนี้คือการเป็นเจ้าของสุดยอดกิจการที่มีโอกาสไปเติบโตที่ประเทศอื่นๆรอบเรา หรือ เป็นเจ้าของกิจการที่ทุกคนในประเทศต้องใช้ แต่กิจการเหล่านี้ตลาดรับรู้แล้วและแพงมากแล้ว สงสัยผมคงต้องล่าส่วนต่างไปเรื่อยๆอยากได้คำชี้แนะหน่อยครับ
เมื่อมันน่าเบื่อ มันจึงน่าสนใจ
เมื่อวีไอเต็มตลาด เราจะเก็งกำไร
และเมื่อวีไอถอดใจ ผมจะกลับมาลงทุนอีกครั้ง
อันนั้นเป็นการลงทุนโดยมองที่ภาพกว้าง ๆ แต่ในความเป็นจริง เราอาจจะมองที่หุ้นรายตัวก็ได้ครับ เพราะไม่จำเป็นว่าหุ้นที่ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็นเทรนด์ของภาพกว้าง มันจะไม่มีโอกาสโตครับเมื่อหมีมาเยือน เขียน:สวัสดีครับอาจารย์หมอหนึ่ง ยอดนักลงทุนวัยอาวุโสผมมีคำถามอยากจะถามอาจารย์ และ พี่ๆหน่อยครับ ถ้าภาพใหญ่มีโอกาสที่ประเทศของเราจะเริ่มโตช้าลง และ ไทย ใกล้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ไม่ได้เตรียมตัว(มีคนแก่ที่ไม่ได้เตรียมตัวเกษียณ)เต็มไปหมดเราจะลงทุนอย่างไร เรายังพัฒนาประเทศได้ไม่ดีพอ อีกทั้งธุรกิจที่เน้นนวัตกรรมยังมีอยู่น้อยมากๆ ผมยังมองไม่เห็นหนทางที่สดใสเลยครับ หลักๆที่มองออกตอนนี้คือการเป็นเจ้าของสุดยอดกิจการที่มีโอกาสไปเติบโตที่ประเทศอื่นๆรอบเรา หรือ เป็นเจ้าของกิจการที่ทุกคนในประเทศต้องใช้ แต่กิจการเหล่านี้ตลาดรับรู้แล้วและแพงมากแล้ว สงสัยผมคงต้องล่าส่วนต่างไปเรื่อยๆอยากได้คำชี้แนะหน่อยครับ
ผมไม่แน่ใจว่าน้องมีแนวทางในการลงทุนอย่างไร แต่ผมจะบอกว่าถ้าน้องยังหาแนวทางไม่ได้ ก็น่าจะกำหนดแนวทางกว้าง ๆ ไว้ก่อนครับ เพราะที่พวกเราคุยกันมาตั้งแต่ต้นนั้น ละไว้ในฐานที่เข้าใจกันว่า เหมือนผสมผสานครับ ผมเองไม่ใช่สายเทคนิค แต่ก็ฟังได้ครับ ไม่ได้คัดค้าน แต่ถ้าชั่วโมงบินสูง ๆ คราวนี้มันจะมีรูปแบบหลายวิธีแล้ว ไม่ยึดติดครับเมื่อหมีมาเยือน เขียน:ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ![]()
ดูจากที่เล่ามา อนาคตมีแววสดใสมากเลยครับเมื่อหมีมาเยือน เขียน:ขอบคุณพี่lekyมากครับ ผมพึ่งเข้าตลาดมาได้2ปี หลักการที่ผมยึดถือมาโดยตลอด2ปีที่ผ่านมาคือการลงทุนแบบเน้นคุณค่าครับ พอดีหนังสือหุ้นเล่มแรกที่ผมอ่านคือตีแตกครับ เมื่อประมาณ5ปีที่แล้วสมัยยัง ม.ปลาย และ ผมไม่เข้าใจเรื่องทางด้านเทคนิคคอลเลย ขอยึดหลักการเดียวครับ ตอนช่วงที่ลงทุนปีแรกผมซื้อแต่หุ้น pe ต่ำ และ pb ต่ำ กว่า1 โดยตัดหุ้นวัฏจักรออกไป และ ต้องเป็นหุ้นที่ปันผลสูงสม่ำเสมอ ในรอบ10ปี ที่ผ่านมาต้องแทบไม่ขาดทุน หนี้สินระยะยาวมีน้อย เป็นกิจการที่ผมต้องพอทำความเข้าใจธุรกิจได้ครับ (ผมไม่ซื้อธุรกิจที่ไม่เข้าใจครับแต่ก็พยายามขยายขอบเขตครับ)แต่ในรอบ2ปีที่ผ่านมาหุ้นที่ผมลงทุนได้ขึ้นมาในราคาที่ผมคิดว่าสูงเกินพื้นฐาน ผลตอบแทนสูงๆที่ผ่านมาผมคิดว่าเป็นเพราะโชคมากกว่าฝีมือเลยเลือกที่จะมาหาความรู้เพิ่มเติมครับแล้วอีกอย่างวิธีการเดิมที่ผ่านมาผมคิดว่ายังมีข้อผิดพลาดคือ ผมซื้อโดยยังเข้าใจธุรกิจไม่ดีพอ และใส่ใจเรื่องคุณภาพน้อยไปครับ อีกทั้ง ณ ตอนนี้หุ้นที่ผมพอทำความเข้าใจได้ถูกดันไปจนไม่เหลือmos เลยครับ เลยเข้ามาขอมุมมองใหม่ๆจากพวกพี่ๆครับ แต่ผมยังโชคดีที่อายุยังน้อยผมอดทนรอได้ครับเมื่อคนส่วนใหญ่หดหู่ผมจะกลับมาครับ ขอบคุณจริงๆที่ชี้แนะครับ
ถ้าเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกัน น้องเริ่มได้ดีกว่าผมมากครับเมื่อหมีมาเยือน เขียน:ขอบคุณพี่lekyมากครับ ผมพึ่งเข้าตลาดมาได้2ปี หลักการที่ผมยึดถือมาโดยตลอด2ปีที่ผ่านมาคือการลงทุนแบบเน้นคุณค่าครับ พอดีหนังสือหุ้นเล่มแรกที่ผมอ่านคือตีแตกครับ เมื่อประมาณ5ปีที่แล้วสมัยยัง ม.ปลาย และ ผมไม่เข้าใจเรื่องทางด้านเทคนิคคอลเลย ขอยึดหลักการเดียวครับ ตอนช่วงที่ลงทุนปีแรกผมซื้อแต่หุ้น pe ต่ำ และ pb ต่ำ กว่า1 โดยตัดหุ้นวัฏจักรออกไป และ ต้องเป็นหุ้นที่ปันผลสูงสม่ำเสมอ ในรอบ10ปี ที่ผ่านมาต้องแทบไม่ขาดทุน หนี้สินระยะยาวมีน้อย เป็นกิจการที่ผมต้องพอทำความเข้าใจธุรกิจได้ครับ (ผมไม่ซื้อธุรกิจที่ไม่เข้าใจครับแต่ก็พยายามขยายขอบเขตครับ)แต่ในรอบ2ปีที่ผ่านมาหุ้นที่ผมลงทุนได้ขึ้นมาในราคาที่ผมคิดว่าสูงเกินพื้นฐาน ผลตอบแทนสูงๆที่ผ่านมาผมคิดว่าเป็นเพราะโชคมากกว่าฝีมือเลยเลือกที่จะมาหาความรู้เพิ่มเติมครับแล้วอีกอย่างวิธีการเดิมที่ผ่านมาผมคิดว่ายังมีข้อผิดพลาดคือ ผมซื้อโดยยังเข้าใจธุรกิจไม่ดีพอ และใส่ใจเรื่องคุณภาพน้อยไปครับ อีกทั้ง ณ ตอนนี้หุ้นที่ผมพอทำความเข้าใจได้ถูกดันไปจนไม่เหลือmos เลยครับ เลยเข้ามาขอมุมมองใหม่ๆจากพวกพี่ๆครับ แต่ผมยังโชคดีที่อายุยังน้อยผมอดทนรอได้ครับเมื่อคนส่วนใหญ่หดหู่ผมจะกลับมาครับ ขอบคุณจริงๆที่ชี้แนะครับ
dr1 เขียน: นึกถึงการบ้าน"อิสรภาพทางการเงิน คืออะไร" ที่อ.NBถามไว้ในห้องใหญ่ เลยขอลองมาตอบนะฮะ
อิสรภาพ คือไม่ยึดเกี่ยวติดกัน ต่างคนต่างไปตามทางตัวเอง
เงิน คือตัวแทนของวัตถุ แต่ก่อนคือโลหะมีค่า(silver) ตอนนี้เป็นแค่สัญญานกระแสอิเล็คทรอนิคส์ในรูปตัวเลข
(แปลกดี จากของมีตัวตนจับต้องได้ เป็นของไม่มีตัวตนจับต้องไม่ได้ แต่ใช้แทนวัตถุนอกกาย ยังกะควอนตัมฟิสิกส์(มั้ง))
1. ช่วงแรกเงินกะเราเป็นอิสระต่อกัน คือเงินมันเป็นอิสระต่อเรา ต่างคนต่างไป แต่เราก็พยามไปตามล่าหาเงินมา
2. ต่อมาเราก็เก่งขึ้น สร้างระบบให้เงินมาหาเรา แล้วเราก็บอกว่า"เรามีอิสรภาพทางการเงินแล้ว"(แต่เงินไม่มีอิสรภาพต่อเราแฮะ)
พอสักพักเงินมันก็มาถมใส่เรามากขึ้น ยิ่งเยอะยิ่งมีอิสรภาพมาก รึยิ่งมีภาระมากก็ไม่รุ จนเราไม่รู้จะเอาเงินไปทำไร
เพราะปกติพวกวีไอใช้เงินน้อยอยู่แล้ว รวยเท่าไรก็ไม่ได้กินเพราะหมอห้าม ยิ่งกินยิ่งใช้ยิ่งตายเร็ว
3. เราก็ปล่อยเงินให้มีอิสรภาพอีกครั้ง (รึพยามทำตัวเราให้มีอิสรภาพจากเงินกองใหญ่มั้ง)โดยบริจาคมั่ง ตั้งมูลนิธิมั่ง เผลอๆยิ่งให้ยิ่งได้อีก แล้วมันจะมีอิสรภาพจากเงินตอนไหนเนี่ย..
สรุปว่าทั้ง1,2,3 คืออิสรภาพทางการเงินในรูปแบบต่างๆกันมั้งฮะ ยิ่งตอบยิ่งงงแฮะ..
dr1 เขียน: นึกถึงการบ้าน"อิสรภาพทางการเงิน คืออะไร" ที่อ.NBถามไว้ในห้องใหญ่ เลยขอลองมาตอบนะฮะ
อิสรภาพ คือไม่ยึดเกี่ยวติดกัน ต่างคนต่างไปตามทางตัวเอง
เงิน คือตัวแทนของวัตถุ แต่ก่อนคือโลหะมีค่า(silver) ตอนนี้เป็นแค่สัญญานกระแสอิเล็คทรอนิคส์ในรูปตัวเลข
(แปลกดี จากของมีตัวตนจับต้องได้ เป็นของไม่มีตัวตนจับต้องไม่ได้ แต่ใช้แทนวัตถุนอกกาย ยังกะควอนตัมฟิสิกส์(มั้ง))
1. ช่วงแรกเงินกะเราเป็นอิสระต่อกัน คือเงินมันเป็นอิสระต่อเรา ต่างคนต่างไป แต่เราก็พยามไปตามล่าหาเงินมา
2. ต่อมาเราก็เก่งขึ้น สร้างระบบให้เงินมาหาเรา แล้วเราก็บอกว่า"เรามีอิสรภาพทางการเงินแล้ว"(แต่เงินไม่มีอิสรภาพต่อเราแฮะ)
พอสักพักเงินมันก็มาถมใส่เรามากขึ้น ยิ่งเยอะยิ่งมีอิสรภาพมาก รึยิ่งมีภาระมากก็ไม่รุ จนเราไม่รู้จะเอาเงินไปทำไร
เพราะปกติพวกวีไอใช้เงินน้อยอยู่แล้ว รวยเท่าไรก็ไม่ได้กินเพราะหมอห้าม ยิ่งกินยิ่งใช้ยิ่งตายเร็ว
3. เราก็ปล่อยเงินให้มีอิสรภาพอีกครั้ง (รึพยามทำตัวเราให้มีอิสรภาพจากเงินกองใหญ่มั้ง)โดยบริจาคมั่ง ตั้งมูลนิธิมั่ง เผลอๆยิ่งให้ยิ่งได้อีก แล้วมันจะมีอิสรภาพจากเงินตอนไหนเนี่ย..
สรุปว่าทั้ง1,2,3 คืออิสรภาพทางการเงินในรูปแบบต่างๆกันมั้งฮะ ยิ่งตอบยิ่งงงแฮะ..
ว่าจะพิมพ์บทสรุปอีกนิดหน่อย แต่ยุ่ง ๆ เลยเว้นมาหลายวันleky เขียน:หลังจากนั้น ก็เติมเรื่องจิตวิทยาในตลาดหุ้น และฝึก "มุมมอง"
เราคงเคยได้ยินมาว่า 80% ของคนในตลาดขาดทุน เอาเป็นว่าผมขอใช้คำว่า ไม่ค่อยประสบความสำเร็จแล้วกัน ซึ่งจะรวมพวกที่ขาดทุนและไม่ขาดทุนแต่ไม่ค่อยจะกำไรเข้าไปด้วย
นั่นแปลว่า ถ้าเรามองเหมือนคนส่วนใหญ่ มันก็คงหนีไม่พ้นที่เราจะอยู่ในกลุ่มคน 80% นั้นครับ
อ.หนึ่งครับ ผมเลือดไหลไม่หยุดเลยครับ อ่านแล้วมัน "คมมาก" ครับdr1 เขียน: 1. ช่วงแรกเงินกะเราเป็นอิสระต่อกัน คือเงินมันเป็นอิสระต่อเรา ต่างคนต่างไป แต่เราก็พยามไปตามล่าหาเงินมา
2. ต่อมาเราก็เก่งขึ้น สร้างระบบให้เงินมาหาเรา แล้วเราก็บอกว่า"เรามีอิสรภาพทางการเงินแล้ว"(แต่เงินไม่มีอิสรภาพต่อเราแฮะ)
พอสักพักเงินมันก็มาถมใส่เรามากขึ้น ยิ่งเยอะยิ่งมีอิสรภาพมาก รึยิ่งมีภาระมากก็ไม่รุ จนเราไม่รู้จะเอาเงินไปทำไร
เพราะปกติพวกวีไอใช้เงินน้อยอยู่แล้ว รวยเท่าไรก็ไม่ได้กินเพราะหมอห้าม ยิ่งกินยิ่งใช้ยิ่งตายเร็ว
3. เราก็ปล่อยเงินให้มีอิสรภาพอีกครั้ง (รึพยามทำตัวเราให้มีอิสรภาพจากเงินกองใหญ่มั้ง)โดยบริจาคมั่ง ตั้งมูลนิธิมั่ง เผลอๆยิ่งให้ยิ่งได้อีก แล้วมันจะมีอิสรภาพจากเงินตอนไหนเนี่ย..