VI บ้าน ๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 812
ขอบคุณมากเลยค่ะพี่หมอมุขPaul VI เขียน:เข้ามาทักทายคุณ นุชครับ
ไม่ได้เข้ามาทักทายกันนานเลยนะครับ
แม้งานจะยุ่งมากขึ้นพี่หมอมุขยังแวะมาทักทายนุชอยู่เสมอ
เขินเลยที่ไม่ได้เข้าไปแวะเยี่ยมกระทู้พี่หมอมุขบ่อยๆ เหมือนเคย
กระทู้ตัวเองก็เว้นวรรคครั้งละนานๆ เหมือนกันค่ะ
เห็นพี่วิ เชิญพี่หมอมุขอ่านหนังสือ 10 เล่มด้วย (พี่วิให้เกียรตินุชด้วย)
นุชตอบ 10 เล่ม ของนุชไปแล้ว...และรออ่านของพี่หมอมุขอยู่ด้วยค่ะ
ยังไม่เห็น...เลยคิดว่าพี่หมอมุขคงจะยุ่งๆ อยู่แน่เลยค่ะ
นุชจองไปเที่ยวปีใหม่ไว้แล้วนะคะ ขึ้นไปเหนืออีกแล้ว
คราวนี้เลาะขึ้นไปทางตาก แม่ฮ่องสอน และอาจวนกลับทางน่านค่ะ
ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวา ต่อเนื่องไปถึงปีใหม่ จองที่พักไว้ 2-3 คืนแล้ว ยังไม่ครบเลยค่ะ
พี่หมอมุขวางแผนไปรับอากาศหนาวเย็นที่ไหนหรือยังคะ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 813
ตุลานี้ ไปตลุย Hong Kong ไปไหว้พระ และไปลุยหม่ำร้านอร่อยครับ
พาเด็กๆไป A380 Business class ครับ
พอดีเค้ามีราคาพิเศษ ตามสไตล์ vi เรา ของคุณภาพ ราคาถูกลง ไม่พลาดครับ
ส่วนปีใหม่ยังไม่ plan ครับ
แต่ Summer ปีหน้า จองตั๋ว NZ เรียบร้อยแล้วครับ
ส่วนทั้ง ice ทั้ง book bucket ที่โดนเทียบเชิญมา ยังไม่ตอบสนองใคร ซักคนเลยครับ คุณนุช
พาเด็กๆไป A380 Business class ครับ
พอดีเค้ามีราคาพิเศษ ตามสไตล์ vi เรา ของคุณภาพ ราคาถูกลง ไม่พลาดครับ
ส่วนปีใหม่ยังไม่ plan ครับ
แต่ Summer ปีหน้า จองตั๋ว NZ เรียบร้อยแล้วครับ
ส่วนทั้ง ice ทั้ง book bucket ที่โดนเทียบเชิญมา ยังไม่ตอบสนองใคร ซักคนเลยครับ คุณนุช
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 814
ทั้งงาน ทั้งโปรแกรมเดินทางเยอะเลยเยอะเลยPaul VI เขียน:ตุลานี้ ไปตลุย Hong Kong ไปไหว้พระ และไปลุยหม่ำร้านอร่อยครับ
พาเด็กๆไป A380 Business class ครับ
พอดีเค้ามีราคาพิเศษ ตามสไตล์ vi เรา ของคุณภาพ ราคาถูกลง ไม่พลาดครับ
ส่วนปีใหม่ยังไม่ plan ครับ
แต่ Summer ปีหน้า จองตั๋ว NZ เรียบร้อยแล้วครับ
ส่วนทั้ง ice ทั้ง book bucket ที่โดนเทียบเชิญมา ยังไม่ตอบสนองใคร ซักคนเลยครับ คุณนุช
รักษาสุขภาพด้วยนะคะพี่หมอมุข
รอชมรูป Hong Kong NZ ด้วยคนค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 816
อย่ายอมให้ใคร “ดับฝัน”
(Theenuch_Team Money Talk 4)
.................. คงเคยฟังนิทานเรื่อง "กบหูหนวกที่กระโดดสูงสำเร็จ" เพราะ
ไม่ได้ยินคำว่า “ทำไม่ได้” ที่เพื่อนๆ ร้องระงมอยู่รอบตัว
นิทาน..เผื่อใครไม่เคยอ่านค่ะ
http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=1892
.................
สังคมไทยสอนไม่ให้พูดเรื่องความฝัน ความสำเร็จ
หากพูดออกไป อาจ "ถูกดับฝัน” จากคนรอบข้าง
โอ๊ยยาก..ทำไม่ได้หรอก..พร้อมเหตุผลต่างๆ นานา
จนไม่กล้าที่จะฝันต่อ (บางคนไม่กล้าแม้แต่แอบฝัน)
(ที่จริงน่าจะสอน "ไม่ให้พูดดับฝันใคร" มากกว่า)
..................
นักดับฝันมักไม่เคยสำเร็จครั้งใหญ่ เพราะ (เขาไม่ได้บอก..แต่เราแอบรู้มาว่า) ไม่ลงมือทำ
ทำอะไรไม่จริงจัง..และเลิกกลางครัน..ใช้เวลาส่วนใหญ่พูดและเสนอภาพจนไม่มีเวลาลงมือทำ
(แล้วจะสำเร็จได้ยังไง) คิดลบ จึงทำแต่เรื่องลบๆ จึงเป็นไปตามความคิดความเชื่อของตัวเอง
เมื่อตัวเองไม่สำเร็จ ก็คิดว่าคนอื่นต้องไม่สำเร็จเหมือนกัน (นักดับฝันแพ้ทางคนมุ่งมั่นและมีเหตุผลค่ะ)
.................
มาดูกัน “นักดับฝัน” มักจะพูดอะไร (บางทีก็พูดทั้งที่เราไม่ได้ถาม)
(มีทุกวงการ..แต่ขอเน้นการเงินและการลงทุนค่ะ)
บางครั้งเสียงส่วนใหญ่..ไม่ใช่เสียงที่ถูกเสมอไป
(ว่าแต่...เสียงของนักดับฝันกลายเป็นเสียงส่วนใหญ่ไปแล้วหรือ
เราจึงได้ยินประโยคแบบนี้กันจนชินหู..หลายคนก็เชื่อและพูดตามไปแล้ว)
.
>>คนรวยเขารวยอยู่แล้ว เงินน้อยๆ อย่างเราเก็บให้ตายก็ไม่มีทางรวย<<
>>เงินน้อยๆ ลงทุนกี่ชาติถึงจะรวย คนที่เขาทำได้เขามีทุนเยอะกว่า<<
(ว่าแล้วก็ใช้ให้หมด..อย่าไปเก็บไปออมมันเลย...เหตุแห่งความจนโดยแท้)
.
>>จะหาเงิน เก็บเงิน ไปทำไม ตายไปก็เอาไปไม่ได้<<
(ถ้าเงินหมดแล้วเราไม่ตายล่ะ่..เขาจะอุปการะเราหรือ?
บางทีตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าจะให้ใครอุปการะ...ถ้าเงินหมดแล้วเขาไม่ตาย)
.
>>คนรวยใช่ว่าจะมีความสุขเสมอไป (แสดงว่าคนจนมีความสุขกว่าสินะ)<<
คนพูดคงเคยเจอแต่ *คนรวยไม่จริง*...เพราะสังคมวัตถุนิยมชอบมองอะไรฉาบฉวย
เสื้อผ้าที่ดูมีรสนิยม รถยนต์คันโก้ (ที่ขาดส่งไป 2 งวดแล้ว)
หรือบ้านหรูที่คนอยู่หนี้ท่วม (กู้เพิ่มแล้ว เพิ่มอีก ทันที่ที่แบงค์ยื่นข้อเสนอให้กู้เพิ่ม)
ไหนจะหนี้บัตรเครดิตอีก (ย่อมเห็นเขาหน้าหมองเป็นธรรมดา..จะมีความสุขยังไงไหว)
.
ในทางกลับกัน คนที่แต่งตัวบ้านๆ ใช้รถเก่าๆ ที่เดินยิ้มมีความสุขผ่านหน้าเราไป..แน่ใจหรือว่าเขาจน
.
(หมายเหตุ_การกู้ซื้อบ้านหรือรถเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเป็นไปเพื่ออยู่อาศัยและใช้งาน
ไม่ใช่เพื่อแสดงความโก้หรูเกินฐานะทั้งที่ไม่พร้อม)
..................
งานวิจัยหลายชิ้นสรุปตรงกันว่า *ปัญหาทางเศรษฐกิจ* เป็นปัญหาใหญ่ลำดับต้นๆ ของครอบครัว
นำมาซึ่งปัญหาอื่นๆ จะกินอยู่ ท่องเที่ยวพักผ่อน รักษาตัวยามป่วย หรือดูแลคนที่เรารัก มีข้อจำกัดมากกว่าไปหมด
.
โรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้เขียน "พ่อรวยสอนลูก" บอกว่า
ปัญหาการเงินมีสองแบบ คือ "1.มีเงินไม่พอ" กับ "2.มีเงินมากเกิน"
เราอยากมีปัญหาแบบไหน...(แปลกแต่จริง) นักดับฝันชอบแบบที่ 1
.
ลองใช้คณิตศาสตร์เบื้องต้นประเมินสัดส่วนอย่างง่าย
คนที่ไม่มีความสุขน่าจะเป็นแบบที่ 1 หรือ แบบที่ 2 มากกว่ากัน
พิจารณาเองดีๆ ก่อนจะเชื่อนักดับฝันและนำ "คำพูดของนักดับฝัน" ไปพูดต่อจนชินปาก
หูของเราอยู่ใกล้ปากตัวเองที่สุดค่ะ ยิ่งพูดกลายเป็นยิ่งย้ำตัวเอง (ในที่สุดจะฝังลงในจิตใต้สำนึก)
.
ความคิดเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม_ถ้าเราคิดและเชื่อเรื่องความรวยแบบผิดๆ
เราย่อมทำแต่สิ่งที่พรากตัวเองออกจากความรวย ("ดับฝันตัวเอง..ซะงั้น!")
.................
นักดับฝันชอบพูดเหมือนว่า "เงินไม่มีค่า"
ถ้าใครคิดกับเงินแบบนั้น เงินของเขาก็จะไม่มีค่าไปตามความคิดจริงๆ
คนกลุ่มนี้จึงไม่ชอบมีเงินอยู่กับตัว ชอบจ่ายเงินออกไป ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ชอบเก็บออม
(ก็เพราะเงินไม่มีค่าไง...ความรวยก็ไม่เห็นจะดี)
.
เงินรักคนที่เห็นคุณค่าของมัน ถ้าได้อยู่กับคนที่เห็นคุณค่า
จะชวนเพื่อนมาอยู่เพิ่ม และออกลูกออกหลานให้ด้วยค่ะ
................
วิธีสนทนากับนักดับฝัน (หากจำเป็น)...ให้ใช้วิธีย้อนถามกลับอย่างมีเหตุผล
ถ้าเขาตอบไม่สมเหตุสมผล..ก็คิดเอาเองว่าเราควรเชื่อเขาดีหรือไม่?
แต่ดีที่สุดคือ อย่าไปฟังมาก เอาเวลาที่มีค่าของเราไปทำอย่างอื่นดีกว่าค่ะ
..................
มีเพลงมาฝากด้วยค่ะ
[youtube]TACLsYE0Y04[/youtube]
(Theenuch_Team Money Talk 4)
.................. คงเคยฟังนิทานเรื่อง "กบหูหนวกที่กระโดดสูงสำเร็จ" เพราะ
ไม่ได้ยินคำว่า “ทำไม่ได้” ที่เพื่อนๆ ร้องระงมอยู่รอบตัว
นิทาน..เผื่อใครไม่เคยอ่านค่ะ
http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=1892
.................
สังคมไทยสอนไม่ให้พูดเรื่องความฝัน ความสำเร็จ
หากพูดออกไป อาจ "ถูกดับฝัน” จากคนรอบข้าง
โอ๊ยยาก..ทำไม่ได้หรอก..พร้อมเหตุผลต่างๆ นานา
จนไม่กล้าที่จะฝันต่อ (บางคนไม่กล้าแม้แต่แอบฝัน)
(ที่จริงน่าจะสอน "ไม่ให้พูดดับฝันใคร" มากกว่า)
..................
นักดับฝันมักไม่เคยสำเร็จครั้งใหญ่ เพราะ (เขาไม่ได้บอก..แต่เราแอบรู้มาว่า) ไม่ลงมือทำ
ทำอะไรไม่จริงจัง..และเลิกกลางครัน..ใช้เวลาส่วนใหญ่พูดและเสนอภาพจนไม่มีเวลาลงมือทำ
(แล้วจะสำเร็จได้ยังไง) คิดลบ จึงทำแต่เรื่องลบๆ จึงเป็นไปตามความคิดความเชื่อของตัวเอง
เมื่อตัวเองไม่สำเร็จ ก็คิดว่าคนอื่นต้องไม่สำเร็จเหมือนกัน (นักดับฝันแพ้ทางคนมุ่งมั่นและมีเหตุผลค่ะ)
.................
มาดูกัน “นักดับฝัน” มักจะพูดอะไร (บางทีก็พูดทั้งที่เราไม่ได้ถาม)
(มีทุกวงการ..แต่ขอเน้นการเงินและการลงทุนค่ะ)
บางครั้งเสียงส่วนใหญ่..ไม่ใช่เสียงที่ถูกเสมอไป
(ว่าแต่...เสียงของนักดับฝันกลายเป็นเสียงส่วนใหญ่ไปแล้วหรือ
เราจึงได้ยินประโยคแบบนี้กันจนชินหู..หลายคนก็เชื่อและพูดตามไปแล้ว)
.
>>คนรวยเขารวยอยู่แล้ว เงินน้อยๆ อย่างเราเก็บให้ตายก็ไม่มีทางรวย<<
>>เงินน้อยๆ ลงทุนกี่ชาติถึงจะรวย คนที่เขาทำได้เขามีทุนเยอะกว่า<<
(ว่าแล้วก็ใช้ให้หมด..อย่าไปเก็บไปออมมันเลย...เหตุแห่งความจนโดยแท้)
.
>>จะหาเงิน เก็บเงิน ไปทำไม ตายไปก็เอาไปไม่ได้<<
(ถ้าเงินหมดแล้วเราไม่ตายล่ะ่..เขาจะอุปการะเราหรือ?
บางทีตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าจะให้ใครอุปการะ...ถ้าเงินหมดแล้วเขาไม่ตาย)
.
>>คนรวยใช่ว่าจะมีความสุขเสมอไป (แสดงว่าคนจนมีความสุขกว่าสินะ)<<
คนพูดคงเคยเจอแต่ *คนรวยไม่จริง*...เพราะสังคมวัตถุนิยมชอบมองอะไรฉาบฉวย
เสื้อผ้าที่ดูมีรสนิยม รถยนต์คันโก้ (ที่ขาดส่งไป 2 งวดแล้ว)
หรือบ้านหรูที่คนอยู่หนี้ท่วม (กู้เพิ่มแล้ว เพิ่มอีก ทันที่ที่แบงค์ยื่นข้อเสนอให้กู้เพิ่ม)
ไหนจะหนี้บัตรเครดิตอีก (ย่อมเห็นเขาหน้าหมองเป็นธรรมดา..จะมีความสุขยังไงไหว)
.
ในทางกลับกัน คนที่แต่งตัวบ้านๆ ใช้รถเก่าๆ ที่เดินยิ้มมีความสุขผ่านหน้าเราไป..แน่ใจหรือว่าเขาจน
.
(หมายเหตุ_การกู้ซื้อบ้านหรือรถเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเป็นไปเพื่ออยู่อาศัยและใช้งาน
ไม่ใช่เพื่อแสดงความโก้หรูเกินฐานะทั้งที่ไม่พร้อม)
..................
งานวิจัยหลายชิ้นสรุปตรงกันว่า *ปัญหาทางเศรษฐกิจ* เป็นปัญหาใหญ่ลำดับต้นๆ ของครอบครัว
นำมาซึ่งปัญหาอื่นๆ จะกินอยู่ ท่องเที่ยวพักผ่อน รักษาตัวยามป่วย หรือดูแลคนที่เรารัก มีข้อจำกัดมากกว่าไปหมด
.
โรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้เขียน "พ่อรวยสอนลูก" บอกว่า
ปัญหาการเงินมีสองแบบ คือ "1.มีเงินไม่พอ" กับ "2.มีเงินมากเกิน"
เราอยากมีปัญหาแบบไหน...(แปลกแต่จริง) นักดับฝันชอบแบบที่ 1
.
ลองใช้คณิตศาสตร์เบื้องต้นประเมินสัดส่วนอย่างง่าย
คนที่ไม่มีความสุขน่าจะเป็นแบบที่ 1 หรือ แบบที่ 2 มากกว่ากัน
พิจารณาเองดีๆ ก่อนจะเชื่อนักดับฝันและนำ "คำพูดของนักดับฝัน" ไปพูดต่อจนชินปาก
หูของเราอยู่ใกล้ปากตัวเองที่สุดค่ะ ยิ่งพูดกลายเป็นยิ่งย้ำตัวเอง (ในที่สุดจะฝังลงในจิตใต้สำนึก)
.
ความคิดเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม_ถ้าเราคิดและเชื่อเรื่องความรวยแบบผิดๆ
เราย่อมทำแต่สิ่งที่พรากตัวเองออกจากความรวย ("ดับฝันตัวเอง..ซะงั้น!")
.................
นักดับฝันชอบพูดเหมือนว่า "เงินไม่มีค่า"
ถ้าใครคิดกับเงินแบบนั้น เงินของเขาก็จะไม่มีค่าไปตามความคิดจริงๆ
คนกลุ่มนี้จึงไม่ชอบมีเงินอยู่กับตัว ชอบจ่ายเงินออกไป ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ชอบเก็บออม
(ก็เพราะเงินไม่มีค่าไง...ความรวยก็ไม่เห็นจะดี)
.
เงินรักคนที่เห็นคุณค่าของมัน ถ้าได้อยู่กับคนที่เห็นคุณค่า
จะชวนเพื่อนมาอยู่เพิ่ม และออกลูกออกหลานให้ด้วยค่ะ
................
วิธีสนทนากับนักดับฝัน (หากจำเป็น)...ให้ใช้วิธีย้อนถามกลับอย่างมีเหตุผล
ถ้าเขาตอบไม่สมเหตุสมผล..ก็คิดเอาเองว่าเราควรเชื่อเขาดีหรือไม่?
แต่ดีที่สุดคือ อย่าไปฟังมาก เอาเวลาที่มีค่าของเราไปทำอย่างอื่นดีกว่าค่ะ
..................
มีเพลงมาฝากด้วยค่ะ
[youtube]TACLsYE0Y04[/youtube]
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 818
ไม่ต้องเสียใจ หรือเสียกำลังใจนะคุณลูกหินลูกหิน เขียน:ขอบคุณมากครับคุณนุช ตรงใจจริงๆผมเจอบ่อยๆครับ
คิดบวก...แล้วตั้งใจทำตามแผนของเราต่อไป
บทความวันพฤหัสหน้า "แข่งกับตัวเอง...เท่านั้น"
เพื่อให้เราทุกคนจดจ่ออยู่กับเป้าหมายของเราค่ะ...รออ่านนะคะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1959
- ผู้ติดตาม: 1
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 822
พี่นุชครับ
ถ้าแข่งกับตัวเอง ผมชอบรูปนี้มากครับ ได้จาก pantip ถ้าเข้าไปดูในเว็บที่บอกไว้ในรูป ก็มีเยอะครับ
ปล. ผมออกกำลังกายด้วยการวิ่งครับ เลยรู้ถึงอารมณ์นี้
ถ้าแข่งกับตัวเอง ผมชอบรูปนี้มากครับ ได้จาก pantip ถ้าเข้าไปดูในเว็บที่บอกไว้ในรูป ก็มีเยอะครับ
ปล. ผมออกกำลังกายด้วยการวิ่งครับ เลยรู้ถึงอารมณ์นี้
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 823
น้อง jverakul พี่ขอใช้ "ข้อความนี้" ประกอบบทความ "แข่งกับตัวเอง...เท่านั้น" เลยแล้วกันนะคะjverakul เขียน:พี่นุชครับ
ถ้าแข่งกับตัวเอง ผมชอบรูปนี้มากครับ ได้จาก pantip ถ้าเข้าไปดูในเว็บที่บอกไว้ในรูป ก็มีเยอะครับ
ปล. ผมออกกำลังกายด้วยการวิ่งครับ เลยรู้ถึงอารมณ์นี้
ขอบคุณมากๆ เลย ตอนนี้พี่ก็ออกกำลังกายโดยการเดินเร็ว และมีวิ่งด้วย
ช่วงกลางๆ นอกนั้นเดินค่ะ (แบบว่าเริ่มสูงวัยแล้ว...ชักจะวิ่งไม่ไหว )
น้อง jverakul วิ่งต่อเนื่องไปตั้งแต่ตอนนี้ดีแล้วค่ะ จะอยู่ตัว
พี่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายวันแรกๆ ไปวิ่งจะแย่เลยค่ะ
ตอนนี้พอจะเข้าที่เข้าทางแล้ว...พี่เลิกกาแฟด้วยนะ
และนอนเร็วขึ้น...เปลี่ยนระบบใหม่หมด ประมาณ 1 สัปดาห์มาแล้ว...คิดว่าทำได้ค่ะ
แต่เวลาไปห้าง...ได้กลิ่นกาแฟ โห...จาแย่
แรกๆ ก็เดินหลบเลี่ยง แต่ร้านกาแฟในห้างก็เยอะ ชอบตั้งอยู่ตรงกลางๆ หอม..
เลยเปลี่ยนเป็นยืนดมไปซะเลยแต่ไม่ซื้อ...และไม่ชงเอง...ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วค่ะ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 825
แล้วหุ่นยนต์ล่ะ
[youtube]8-PKEURFDWo[/youtube]
[youtube]8-PKEURFDWo[/youtube]
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 828
พี่ไปอ่านเรื่องของ Wilma Rudolph แล้วtheenuch เขียน:น้อง jverakul พี่ขอใช้ "ข้อความนี้" ประกอบบทความ "แข่งกับตัวเอง...เท่านั้น" เลยแล้วกันนะคะjverakul เขียน:พี่นุชครับ
ถ้าแข่งกับตัวเอง ผมชอบรูปนี้มากครับ ได้จาก pantip ถ้าเข้าไปดูในเว็บที่บอกไว้ในรูป ก็มีเยอะครับ
ปล. ผมออกกำลังกายด้วยการวิ่งครับ เลยรู้ถึงอารมณ์นี้
ขอบคุณมากๆ เลย ตอนนี้พี่ก็ออกกำลังกายโดยการเดินเร็ว และมีวิ่งด้วย
ช่วงกลางๆ นอกนั้นเดินค่ะ (แบบว่าเริ่มสูงวัยแล้ว...ชักจะวิ่งไม่ไหว )
น้อง jverakul วิ่งต่อเนื่องไปตั้งแต่ตอนนี้ดีแล้วค่ะ จะอยู่ตัว
พี่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายวันแรกๆ ไปวิ่งจะแย่เลยค่ะ
ตอนนี้พอจะเข้าที่เข้าทางแล้ว...พี่เลิกกาแฟด้วยนะ
และนอนเร็วขึ้น...เปลี่ยนระบบใหม่หมด ประมาณ 1 สัปดาห์มาแล้ว...คิดว่าทำได้ค่ะ
แต่เวลาไปห้าง...ได้กลิ่นกาแฟ โห...จาแย่
แรกๆ ก็เดินหลบเลี่ยง แต่ร้านกาแฟในห้างก็เยอะ ชอบตั้งอยู่ตรงกลางๆ หอม..
เลยเปลี่ยนเป็นยืนดมไปซะเลยแต่ไม่ซื้อ...และไม่ชงเอง...ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วค่ะ
ทีแรกอยากใช้ประกอบบทความ "แข่งกับตวัเอง...ท่านั้น" ของพี่
พอไปอ่านประวัติของ Wilma Rudolph แล้วพบว่า ประโยคนี้ ดีเกินบทความของพี่
พี่ว่า..พี่คงเขียนถึง Wilma Rudolph ซักตอนนึงเลยดีกว่าค่ะ
มีชีวิตที่น่าทึ่งมากๆ แล้วพี่ค่อยใช้ประโยคของเค้าลงตอนนั้น
ขอบคุณ น้อง jverakul มาก...ที่ทำให้ได้รู้จักบุคคลที่น่าทึ่งอีกท่านนึง
-
- Verified User
- โพสต์: 1959
- ผู้ติดตาม: 1
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 829
ขอบอกตามตรงครับพี่นุชtheenuch เขียน:พี่ไปอ่านเรื่องของ แล้วtheenuch เขียน:น้อง jverakul พี่ขอใช้ "ข้อความนี้" ประกอบบทความ "แข่งกับตัวเอง...เท่านั้น" เลยแล้วกันนะคะjverakul เขียน:พี่นุชครับ
ถ้าแข่งกับตัวเอง ผมชอบรูปนี้มากครับ ได้จาก pantip ถ้าเข้าไปดูในเว็บที่บอกไว้ในรูป ก็มีเยอะครับ
ปล. ผมออกกำลังกายด้วยการวิ่งครับ เลยรู้ถึงอารมณ์นี้
ขอบคุณมากๆ เลย ตอนนี้พี่ก็ออกกำลังกายโดยการเดินเร็ว และมีวิ่งด้วย
ช่วงกลางๆ นอกนั้นเดินค่ะ (แบบว่าเริ่มสูงวัยแล้ว...ชักจะวิ่งไม่ไหว )
น้อง jverakul วิ่งต่อเนื่องไปตั้งแต่ตอนนี้ดีแล้วค่ะ จะอยู่ตัว
พี่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายวันแรกๆ ไปวิ่งจะแย่เลยค่ะ
ตอนนี้พอจะเข้าที่เข้าทางแล้ว...พี่เลิกกาแฟด้วยนะ
และนอนเร็วขึ้น...เปลี่ยนระบบใหม่หมด ประมาณ 1 สัปดาห์มาแล้ว...คิดว่าทำได้ค่ะ
แต่เวลาไปห้าง...ได้กลิ่นกาแฟ โห...จาแย่
แรกๆ ก็เดินหลบเลี่ยง แต่ร้านกาแฟในห้างก็เยอะ ชอบตั้งอยู่ตรงกลางๆ หอม..
เลยเปลี่ยนเป็นยืนดมไปซะเลยแต่ไม่ซื้อ...และไม่ชงเอง...ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วค่ะ
ทีแรกอยากใช้ประกอบบทความ "แข่งกับตวัเอง...ท่านั้น" ของพี่
พอไปอ่านประวัติของ Wilma Rudolph แล้วพบว่า ประโยคนี้ ดีเกินบทความของพี่
พี่ว่า..พี่คงเขียนถึง Wilma Rudolph ซักตอนนึงเลยดีกว่าค่ะ
มีชีวิตที่น่าทึ่งมากๆ แล้วพี่ค่อยใช้ประโยคของเค้าลงตอนนั้น
ขอบคุณ น้อง jverakul มาก...ที่ทำให้ได้รู้จักบุคคลที่น่าทึ่งอีกท่านนึง
ผมไม่ได้ไปค้นคว้าต่อว่า Wilma Rudolph เป็นใครครับ พอรูปนี้สะกิตใจ เลยไม่ได้คิดอย่างอื่นต่อครับ ส่วนกาแฟ ผมคิดว่าผมเสพติดแล้วครับ วันใหนไม่ได้กินปวดหัวแทบทั้งวันเลยครับ
จุดประสงค์ในการวิ่งของผม ก็คือเพื่อออกกำลังกายให้แข็งแรง หลังจากผมกลับมาเริ่มวิ่งอีกครั้งประมาณสักปีกว่า แล้วไม่รู้ว่าตัวเราพัฒนาการวิ่งไปได้แค่ใหนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความเหนื่อยจากการวิ่ง หรือ ระยะเวลาที่ทำได้ เหมือนมันไม่มีแรงจูงใจในการวิ่ง ดังนั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์ จึงไปลองลงแข่งวิ่งมินิมาราธอน 10 กม. ซึ่งครั้งแรกเหนื่อยจนแทบจะเป็นลม จึงทำให้ผมรู้ว่าที่ผมวิ่งมาทั้งหมดยังไม่ดีพอ บางครั้งเราเหนื่อยเราก็หยุด แต่พอลงแข่งผมต้องฝีนใจตัวเองเพื่อให้เข้าเส้นชัยให้ได้ ไม่ใช่ต้องการรางวัลนะครับ แต่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง พอแข่งครั้งต่อมาก็เริ่มดีขึ้น ผมจึงตั้งเป้าหมายตัวเองให้ลงแข่งมินิมาราธอน อย่างน้อย 3 ครั้ง/ปี
เมื่อผมได้เห็นรูปนี้และอ่าน แล้วรู้สึกว่าการลงแข่งวิ่งไม่จำเป็นต้องแข่งกับใคร เราแข่งกับตัวเองว่าเวลาที่เราทำได้ในครั้งนี้ดีกว่าครั้งก่อนไหม ส่วนวิธีการวิ่ง เราแค่วิ่งตามสเต็ป หรือ แนวทางที่เราวิ่งทุกวัน หรือฝึกซ้อมทุกวัน เราก็จะไม่ต้องกังวลมากนักว่าเราจะทันหรือไม่ทันคนอื่นๆ เพราะเจอบ่อยว่าตอนออกสตาร์ทนี้วิ่งเร็วมาก พอไปสัก 1-2 กม. เริ่มหมดแรง
ถ้าถามว่าทำไมต้องไปลงแข่ง ในเมื่อคิดว่าวิ่งเพื่อสุขภาพ ผมก็อยากจะบอกว่าผมยังติด กับดักที่ว่ามนุษย์ต้องการเป็นบุคคลสำคัญ หรือ ให้คนอื่นมาสนใจอยู่ รวมทั้งยังเป็นคนที่ชอบแข่งขันอยู่ เมื่อลงแข่งวิ่งเราจะได้แรงบันดาลใจจากคนอื่นๆ ที่ลงแข่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นอายุของพวกเขาและเธอที่แตกต่างจากเรามากๆ ยังทำได้ แล้วเราทำไมจะทำไม่ได้ ประมาณนี้แหละครับ
ซึ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้น ผมมาคิดดูแล้วมันคล้ายๆ กับแนวทางของ VI ครับ เสียแต่ว่าผมยังทำตามแนวทางการลงทุนแบบ VI ได้ไม่เหมือนเท่ากับการวิ่งครับ 555
หมายเหตุ : ถ้าท่านใดสนใจการวิ่งมินิมาราธอน ลองเข้าไปดูใน http://www.patrunning.com นะครับ เขาจะรวบรวมสถานที่ วันและเวลาที่จัด ตามที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ค่าสมัครก็ไม่เกิน 500 ครับ มีอาหารเช้าให้ต่างหาก
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 830
แข่งกับตัวเอง...เท่านั้น
(Theenuch_Team Money Talk 4)
................ เคย “วิ่งมินิมาราธอน” กีฬาสาธารณสุข ทีมเราเป็นเจ้าภาพ
รถพยาบาลที่แล่นคลอๆ กับกลุ่มนักกีฬา จึงรู้จักคุ้นเคยกัน
พี่ๆ จึงชวนบ่อยๆ “ไม่ไหว...ก็ขึ้นรถเลย!”
.
วิ่งไป วิ่งมา เหลือคนเดียว รถพยาบาลต้อง ว.บอก เส้นชัย
"รอเดี๋ยว..เหลืออีกคน" เส้นชัยจึงถูกขึงขึ้นอีกครั้ง
.................
>> ผล_ประเภททีม ทีมเราได้เหรียญทอง...ซะด้วย <<
เพราะ...มีทีมที่ **เข้าเส้นชัยครบ 3 คน** แค่ไม่กี่ทีม
หญิง&ชายเดี่ยว ทีมเราเข้าที่ 1 ทำเวลาได้ดีมากทั้งคู่
.
แม้เข้าสุดท้าย..แต่ผลการ "เข้าเส้นชัย" ต่างกับ "ไม่เข้า" มาก
>> ผลต่อทีมอย่างที่เล่าไป <<
>> ผลต่อตัวเอง ย้ำเรื่อง “ถ้าซ้อมมาดีและตั้งใจก็สำเร็จได้” <<
>> ฝึกอดทดต่อเสียงชวนให้เลิกวิ่ง ทั้งที่เหนื่อยสุดๆ
และเห็นคนที่ถอดใจ ขึ้นรถพยาบาลไปหลายคน <<
>> ฝึกจดจ่อกับเป้าหมาย แม้เห็นคนอื่นแซงไป
คนแล้วคนเล่า ก็ไม่รู้สึกอะไร "แข่งกับตัวเอง” เท่านั้น <<
................
ถ้าทำเรื่องยากสำเร็จซักเรื่อง เรื่องต่อๆ มาจะง่าย...จริงๆ ค่ะ
คือเหตุผลที่ เราควรฝืนใจตัวเองทำเรื่องยากๆ เสียบ้าง
................
การวิ่งมาราธอนคล้ายการลงทุน..คือ แข่งกับตัวเอง
แม้วิ่งเป็นกลุ่มใหญ่...แต่เราไม่ได้วิ่งแข่งกับใคร
ท่ามกลางนักลงทุนมากมาย..เราไม่ได้ลงทุนแข่งกับใคร
ถ้า..เลิกวิ่งก็ไม่ถึงเส้นชัย ถ้า...เลิกลงทุนก็ไม่ถึงเป้าหมาย
.................
บ่อยครั้ง...ยกตัวอย่างว่าเราประหยัด ออม และลงทุน
จนมี passive Income ให้พอเลี้ยงตัวได้อย่างไร
แทนที่จะจินตนาการถึงวันที่จะมี Passive Income
พอเลี้ยงตัวได้บ้าง บางคนกลับคิด “ปันผลเลี้ยงตัวได้”
port ใหญ่แค่ไหนนะ?...เงินทุนคงมากสินะ...เพื่อ?
(ของเราพอเลี้ยงตัวได้...แบบไม่ฟุ่มเฟือยค่ะ)
................
คนที่ชอบแข่งหรือเทียบกับคนอื่น จะมองออกจากตัวเอง
แทนที่จะมองว่า การวิ่งทำให้เราได้ซ้อม ได้ออกกำลังกาย
ได้สะสมพลัง ได้ออก start จากจุดเริ่ม ได้เข้าใกล้เป้าหมาย
**ถ้าไม่เลิกวิ่งเสียเอง** เข้าเส้นชัยแน่..ไม่ต้องสนลำดับที่
.
เรื่องการออม การลงทุนก็เช่นกัน...ตั้งใจทำเหตุให้ดี
เงินเริ่มต้น/เงินสะสมเพิ่ม "น้อย" หรือ "มาก" ไม่สำคัญเท่า
เราตั้งใจสะสมและทำให้งอกเงยตามสัดส่วนที่ควรหรือเปล่า?
.
ก้าวยาวกว่าของคนอื่น...ไม่สำคัญเท่าก้าวเล็กๆ ของเรา
เพราะก้าวของเรา..ทำให้ตัวเราเคลื่อนไปข้างหน้าได้จริงค่ะ
...............
การไม่แข่งขันมีข้อดีอีกประการ..คือ
เห็นใครสำเร็จ เราจะชื่นชม และมีพลังไปด้วย
เมื่อนั้น...คนสำเร็จ คนต่อไปอาจเป็นเรา
.
แต่ถ้าแข่งขันเมื่อใด...สภาพจิตใจจะเปลี่ยน
เวลาเห็นใครสำเร็จแทนที่จะมีพลัง เรียนรู้จากเขา
กลับรู้สึกด้อย / ท้อ ผลเสียตกแก่ตัวเอง..คนเดียวเลย
หลายกรณี..คนที่ถูกแข่งไม่รู้ตัว หรืออาจจะรู้แต่ไม่สน
โดยเฉพาะคนสำเร็จ ซึ่งเขามักจะ “แข่งกับตัวเอง” เท่านั้น
................
ในทางทฤษฎี...หากจะชนะต้องประเมินคู่แข่งเป็น
ถ้าอย่างนั้นเราจะเลือกแบบไหน?
"แข่งกับคนอื่น" มีคู่แข่งที่ต้องประเมินเพียบ..จะดีหรือ?
หรือจะ "แข่งกับตัวเอง"? คนที่เรารู้จักดีที่สุด..คนเดียว
(อย่างหลังง่ายกว่าเยอะ..ถ้าเรารู้จักตัวเองดีพอ)
..................
ถึงตรงนี้อยากถามผู้อ่านว่า
.
เส้นชัยในชีวิตของเราคืออะไร? กลยุทธ์ล่ะมีไหม?
เราออกตัวหรือยัง? ถ้ายังจะออกเมื่อไหร่?
ถ้าออกตัวแล้ว..เราใกล้ถึงหรือยัง?
ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใดๆ หรือไม่?
เรามุ่งไปทิศทางเดียวกับเส้นชัยหรือไม่?
หรือมัวออกนอกลู่นอกทางอยู่ (ถ้าใช่..กลับเข้ามาให้ไว!)
.
ทั้งหมด...ตอบตัวเองค่ะ ^__^
.
(Theenuch_Team Money Talk 4)
................ เคย “วิ่งมินิมาราธอน” กีฬาสาธารณสุข ทีมเราเป็นเจ้าภาพ
รถพยาบาลที่แล่นคลอๆ กับกลุ่มนักกีฬา จึงรู้จักคุ้นเคยกัน
พี่ๆ จึงชวนบ่อยๆ “ไม่ไหว...ก็ขึ้นรถเลย!”
.
วิ่งไป วิ่งมา เหลือคนเดียว รถพยาบาลต้อง ว.บอก เส้นชัย
"รอเดี๋ยว..เหลืออีกคน" เส้นชัยจึงถูกขึงขึ้นอีกครั้ง
.................
>> ผล_ประเภททีม ทีมเราได้เหรียญทอง...ซะด้วย <<
เพราะ...มีทีมที่ **เข้าเส้นชัยครบ 3 คน** แค่ไม่กี่ทีม
หญิง&ชายเดี่ยว ทีมเราเข้าที่ 1 ทำเวลาได้ดีมากทั้งคู่
.
แม้เข้าสุดท้าย..แต่ผลการ "เข้าเส้นชัย" ต่างกับ "ไม่เข้า" มาก
>> ผลต่อทีมอย่างที่เล่าไป <<
>> ผลต่อตัวเอง ย้ำเรื่อง “ถ้าซ้อมมาดีและตั้งใจก็สำเร็จได้” <<
>> ฝึกอดทดต่อเสียงชวนให้เลิกวิ่ง ทั้งที่เหนื่อยสุดๆ
และเห็นคนที่ถอดใจ ขึ้นรถพยาบาลไปหลายคน <<
>> ฝึกจดจ่อกับเป้าหมาย แม้เห็นคนอื่นแซงไป
คนแล้วคนเล่า ก็ไม่รู้สึกอะไร "แข่งกับตัวเอง” เท่านั้น <<
................
ถ้าทำเรื่องยากสำเร็จซักเรื่อง เรื่องต่อๆ มาจะง่าย...จริงๆ ค่ะ
คือเหตุผลที่ เราควรฝืนใจตัวเองทำเรื่องยากๆ เสียบ้าง
................
การวิ่งมาราธอนคล้ายการลงทุน..คือ แข่งกับตัวเอง
แม้วิ่งเป็นกลุ่มใหญ่...แต่เราไม่ได้วิ่งแข่งกับใคร
ท่ามกลางนักลงทุนมากมาย..เราไม่ได้ลงทุนแข่งกับใคร
ถ้า..เลิกวิ่งก็ไม่ถึงเส้นชัย ถ้า...เลิกลงทุนก็ไม่ถึงเป้าหมาย
.................
บ่อยครั้ง...ยกตัวอย่างว่าเราประหยัด ออม และลงทุน
จนมี passive Income ให้พอเลี้ยงตัวได้อย่างไร
แทนที่จะจินตนาการถึงวันที่จะมี Passive Income
พอเลี้ยงตัวได้บ้าง บางคนกลับคิด “ปันผลเลี้ยงตัวได้”
port ใหญ่แค่ไหนนะ?...เงินทุนคงมากสินะ...เพื่อ?
(ของเราพอเลี้ยงตัวได้...แบบไม่ฟุ่มเฟือยค่ะ)
................
คนที่ชอบแข่งหรือเทียบกับคนอื่น จะมองออกจากตัวเอง
แทนที่จะมองว่า การวิ่งทำให้เราได้ซ้อม ได้ออกกำลังกาย
ได้สะสมพลัง ได้ออก start จากจุดเริ่ม ได้เข้าใกล้เป้าหมาย
**ถ้าไม่เลิกวิ่งเสียเอง** เข้าเส้นชัยแน่..ไม่ต้องสนลำดับที่
.
เรื่องการออม การลงทุนก็เช่นกัน...ตั้งใจทำเหตุให้ดี
เงินเริ่มต้น/เงินสะสมเพิ่ม "น้อย" หรือ "มาก" ไม่สำคัญเท่า
เราตั้งใจสะสมและทำให้งอกเงยตามสัดส่วนที่ควรหรือเปล่า?
.
ก้าวยาวกว่าของคนอื่น...ไม่สำคัญเท่าก้าวเล็กๆ ของเรา
เพราะก้าวของเรา..ทำให้ตัวเราเคลื่อนไปข้างหน้าได้จริงค่ะ
...............
การไม่แข่งขันมีข้อดีอีกประการ..คือ
เห็นใครสำเร็จ เราจะชื่นชม และมีพลังไปด้วย
เมื่อนั้น...คนสำเร็จ คนต่อไปอาจเป็นเรา
.
แต่ถ้าแข่งขันเมื่อใด...สภาพจิตใจจะเปลี่ยน
เวลาเห็นใครสำเร็จแทนที่จะมีพลัง เรียนรู้จากเขา
กลับรู้สึกด้อย / ท้อ ผลเสียตกแก่ตัวเอง..คนเดียวเลย
หลายกรณี..คนที่ถูกแข่งไม่รู้ตัว หรืออาจจะรู้แต่ไม่สน
โดยเฉพาะคนสำเร็จ ซึ่งเขามักจะ “แข่งกับตัวเอง” เท่านั้น
................
ในทางทฤษฎี...หากจะชนะต้องประเมินคู่แข่งเป็น
ถ้าอย่างนั้นเราจะเลือกแบบไหน?
"แข่งกับคนอื่น" มีคู่แข่งที่ต้องประเมินเพียบ..จะดีหรือ?
หรือจะ "แข่งกับตัวเอง"? คนที่เรารู้จักดีที่สุด..คนเดียว
(อย่างหลังง่ายกว่าเยอะ..ถ้าเรารู้จักตัวเองดีพอ)
..................
ถึงตรงนี้อยากถามผู้อ่านว่า
.
เส้นชัยในชีวิตของเราคืออะไร? กลยุทธ์ล่ะมีไหม?
เราออกตัวหรือยัง? ถ้ายังจะออกเมื่อไหร่?
ถ้าออกตัวแล้ว..เราใกล้ถึงหรือยัง?
ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใดๆ หรือไม่?
เรามุ่งไปทิศทางเดียวกับเส้นชัยหรือไม่?
หรือมัวออกนอกลู่นอกทางอยู่ (ถ้าใช่..กลับเข้ามาให้ไว!)
.
ทั้งหมด...ตอบตัวเองค่ะ ^__^
.
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 831
คิดเหมือนๆ มากๆ เลยjverakul เขียน: ขอบอกตามตรงครับพี่นุช
ผมไม่ได้ไปค้นคว้าต่อว่า Wilma Rudolph เป็นใครครับ พอรูปนี้สะกิตใจ เลยไม่ได้คิดอย่างอื่นต่อครับ ส่วนกาแฟ ผมคิดว่าผมเสพติดแล้วครับ วันใหนไม่ได้กินปวดหัวแทบทั้งวันเลยครับ
จุดประสงค์ในการวิ่งของผม ก็คือเพื่อออกกำลังกายให้แข็งแรง หลังจากผมกลับมาเริ่มวิ่งอีกครั้งประมาณสักปีกว่า แล้วไม่รู้ว่าตัวเราพัฒนาการวิ่งไปได้แค่ใหนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความเหนื่อยจากการวิ่ง หรือ ระยะเวลาที่ทำได้ เหมือนมันไม่มีแรงจูงใจในการวิ่ง ดังนั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์ จึงไปลองลงแข่งวิ่งมินิมาราธอน 10 กม. ซึ่งครั้งแรกเหนื่อยจนแทบจะเป็นลม จึงทำให้ผมรู้ว่าที่ผมวิ่งมาทั้งหมดยังไม่ดีพอ บางครั้งเราเหนื่อยเราก็หยุด แต่พอลงแข่งผมต้องฝีนใจตัวเองเพื่อให้เข้าเส้นชัยให้ได้ ไม่ใช่ต้องการรางวัลนะครับ แต่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง พอแข่งครั้งต่อมาก็เริ่มดีขึ้น ผมจึงตั้งเป้าหมายตัวเองให้ลงแข่งมินิมาราธอน อย่างน้อย 3 ครั้ง/ปี
เมื่อผมได้เห็นรูปนี้และอ่าน แล้วรู้สึกว่าการลงแข่งวิ่งไม่จำเป็นต้องแข่งกับใคร เราแข่งกับตัวเองว่าเวลาที่เราทำได้ในครั้งนี้ดีกว่าครั้งก่อนไหม ส่วนวิธีการวิ่ง เราแค่วิ่งตามสเต็ป หรือ แนวทางที่เราวิ่งทุกวัน หรือฝึกซ้อมทุกวัน เราก็จะไม่ต้องกังวลมากนักว่าเราจะทันหรือไม่ทันคนอื่นๆ เพราะเจอบ่อยว่าตอนออกสตาร์ทนี้วิ่งเร็วมาก พอไปสัก 1-2 กม. เริ่มหมดแรง
ถ้าถามว่าทำไมต้องไปลงแข่ง ในเมื่อคิดว่าวิ่งเพื่อสุขภาพ ผมก็อยากจะบอกว่าผมยังติด กับดักที่ว่ามนุษย์ต้องการเป็นบุคคลสำคัญ หรือ ให้คนอื่นมาสนใจอยู่ รวมทั้งยังเป็นคนที่ชอบแข่งขันอยู่ เมื่อลงแข่งวิ่งเราจะได้แรงบันดาลใจจากคนอื่นๆ ที่ลงแข่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นอายุของพวกเขาและเธอที่แตกต่างจากเรามากๆ ยังทำได้ แล้วเราทำไมจะทำไม่ได้ ประมาณนี้แหละครับ
ซึ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้น ผมมาคิดดูแล้วมันคล้ายๆ กับแนวทางของ VI ครับ เสียแต่ว่าผมยังทำตามแนวทางการลงทุนแบบ VI ได้ไม่เหมือนเท่ากับการวิ่งครับ 555
หมายเหตุ : ถ้าท่านใดสนใจการวิ่งมินิมาราธอน ลองเข้าไปดูใน http://www.patrunning.com นะครับ เขาจะรวบรวมสถานที่ วันและเวลาที่จัด ตามที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ค่าสมัครก็ไม่เกิน 500 ครับ มีอาหารเช้าให้ต่างหาก
สีแดงๆ นั่นน้อง jverakul และเพื่อนๆ ได้ลงมือทำแล้ว
นั่นคือสื่งที่เยี่ยมแล้วค่ะ...สู้ๆ กันต่อไปนะคะ...ขอให้สำเร็จตามที่ตั้งใจค่ะ
ขอบคุณน้อง jverakul สำหรับข้อมูลการวิ่งมินิมาราธอน ด้วยค่ะ ^__^
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 832
(เขียนในวาระครบรอบวันเกิดของตนเอง)
พศิน อินทรวงค์
.............
1. แม่ไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุด แต่แม่เป็นคนที่รักเรามากที่สุด เราไม่ใช่คนที่ดีที่สุด แต่เราเป็นคนที่แม่รักมากที่สุด
2. ถ้ามีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับชีวิต อย่าโทษคนอื่นก่อนโทษตนเอง ให้แก้ไขที่ตนเองก่อน แล้วค่อยไปแก้ไขที่คนอื่น
3. ทำดีได้ดี ไม่ได้แปลว่าทำดีแล้วรวย แต่แปลว่าทำดีแล้วมีความสุข มีชีวิตร่มเย็น ไม่เดือดร้อนตนเองและผู้อื่น
4. ถ้าเวลาคือเงินพันล้าน คนส่วนใหญ่ก็เอาเงินพันล้านไปเผาไฟเล่นอยู่เป็นประจำ
5. ความทะเยอทะยานทำให้เราสำเร็จได้ แต่นำมาซึ่งความทุกข์เป็นของแถม
ถ้าอยากประสบความสำเร็จโดยไร้ความทุกข์ เปลี่ยนแรงขับเคลื่อนจากความทะเยอทะยานเป็นความรักจะดีกว่า
6. เป้าหมายสูงสุดในชีวิตนั้น ตั้งครั้งเดียวใช้ไปจนตาย ถ้าต้องเปลี่ยนเป้าหมายบ่อยๆ แปลว่า เรามาผิดทางแล้ว
7. ชีวิตเป็นเรื่องของการสร้างเหตุ ไม่ใช่การหวังผล เราออกไปรดน้ำต้นไม้ทุกวันได้
แต่เราจะคาดหวังให้ต้นไม้โตอย่างใจเราไม่ได้
8. พระพุทธเจ้าทำดียังถูกตำหนิ แล้วเราเป็นใครจะหนีการนินทาพ้น
9. สิ่งที่เรารู้น้อยมากถ้าเทียบกับสิ่งที่เราไม่รู้ และสิ่งที่มากที่สุดก็คือ "สิ่งที่เราไม่รู้ว่าไม่รู้"
โลกนี้ไม่มีใครฉลาดจริงหรอก อ่อนน้อมถ่อมตนไว้จะดีที่สุด
10. คำพูดส่งผลใหญ่หลวงต่อชีวิต ถ้าพูดไม่ดี เงียบไว้จะดีกว่า
11. สนใจเรื่องผู้อื่นให้น้อย สนใจเรื่องตนเองให้มาก
พูดเรื่องคนอื่นไม่มีอะไรดี มีแต่เสีย เอาเวลาวิจารณ์คนอื่นมาพัฒนาตนเองดีกว่า
12. โลกนี้ยุติธรรมเสมอ ถ้าอยากมีความสุขต้องเป็นคนใจดี
ถ้าอยากมีความทุกข์ก็เป็นคนใจร้ายต่อไป ความเป็นคนใจดีสำคัญกว่าที่คิด
เมื่อทำใจให้ดีแล้วตนเองได้ประโยชน์ทางตรง ส่วนผู้อื่นได้ประโยชน์ทางอ้อม
13. การแบ่งปันคือสิ่งสำคัญที่ต้องทำอยู่เสมอ ถ้าเรารวยอยู่คนเดียวในซอย เตรียมตัวถูกโจรยกเค้าได้เลย
14. กำลังใจนั้นเป็นเหมือนแสงเทียน จุดง่ายและดับง่าย เมื่อจุดมาแล้วเราต้องรู้จักวิธีรักษาเอาไว้
15 . ความรัก ความฝัน สองสิ่งนี้คือเรือที่ต้องอาศัยข้ามฝั่ง เป็นสิ่งที่มีคุณค่าแต่เราไม่ควรยึดมั่น
16. อดีตผ่านไปแล้ว อนาคตไม่มีจริง ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้ววันพรุ่งนี้จะดูแลตัวมันเอง
และการทำปัจจุบันที่ทรงอานุภาพที่สุดไม่มีอะไรดีไปกว่า การสังเกตลมหายใจ และความคิดของเราเอง
17. คนฉลาดกิเลสหนา สร้างปัญหามากกว่าคนโง่กิเลสน้อย โลกนี้ลุกเป็นไฟเพราะความฉลาดที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
18. สร้างความทรงจำดีๆ ให้ผู้อื่น เป็นการสร้างความทรงจำดีๆ ให้ตนเองด้วย
19. ทุกอย่างมีสองด้าน ในร้ายมีดีในดีมีร้าย ในได้มีเสียในเสียมีได้
ความจริงของโลกเป็นอย่างนี้ นี่คือทักษะที่เราต้องฝึกมองให้ทะลุจนเห็นความธรรมดาของชีวิต
20 . ทุกข์เกิดจากยึด ไม่ยึดก็ไม่ทุกข์
นี่คือคำพูดเชยๆ สำหรับบางคน
แต่มันคือเรื่องจริงที่เราไม่อาจปฏิเสธ
คำสอนที่ทรงปัญญาที่สุดในชีวิตที่เคยได้ยินมาคือ
"สิ่งทั้งหลายทั้งปวง อันบุคคลไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น"
เรียนรู้อะไรมากมาย ฝึกฝนอะไรมากมาย
ไม่เรียนรู้สิ่งนี้ ไม่เคยฝึกฝนตนเองให้รู้จักปล่อยวาง
ก็เท่ากับชีวิตสูญเปล่า
การเกิดชาตินี้เป็นการเกิดที่เสียชาติเกิดไปโดยปริยาย
พูดคุย หรือติดตามผลงาน "พศิน อินทรวงค์" ได้ที่... https://www.facebook.com/talktopasin2013
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 292
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 833
ผมได้เกษียณอายุ ตามคุณนุช ตามความฝันแล้วครับ
บอสท่านจัดให้เองด้วยความกรุณา..
คุณก็ใกล้เกษียณแล้ว ไปเขียนใบลาออกมา ผมจะเซ็นให้ จะสมนาคุณที่รับใช้มาอย่างซื้อสัตย์เต็มที่
โอ พระเจ้า ที่คิดฝันไว้ เป็นความจริงแล้ว
คงเห็นผมอึ้ง ด้วยหัวใจพองโต บอสเลยบอกว่าคุณคงช็อคมากอย่าคิดไรมาก ผมเองจะโดนวันไหนก็ไม่รู้
ผมเลยต้องปลอบใจเค้าว่า ไม่เป็นไร I'm OK, It's way of life.
ผมทำงานมา 31 ปี ย้ายที่ทำงานมา 13 แห่ง น่าจะพอเพียงแล้ว
แต่ต้องวางแผนการเงินให้ดี เพื่อจะอยู่ได้ต่อไป ในชึวิตที่เหลืออยู่
บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ..เพราะมีนาอยู่เล็กน้อย
มีบ้านให้เช่า เป็นรายได้ประจำ ค่าอาหาร
เหลือลูก 1 คนยังเรียนมหาลัย อีก 2 ปี คงแบ่งเงินชดเชยไปฝากประจำเป็นทุนเพื่อส่งเสียให้เรียนจนจบ
พอร์ต ของผมตอนนี้ก็เกิน 200 เท่าของค่ากินอยูประจำวันแล้ว
ยังเหลือเงินชดเชย อาจได้มาเพิ่มเงินลงทุน หรือซืื้อกองทุนรวมอีกส่วนหนึ่ง
..ถ้าไม่โดนภรรยาหักไปฝากประจำก่อน
แต่ภรรยาผมยังทำงาน มีรายได้ประจำอยู่ ..พออุ่นใจ
ผมพยายามคิดทางบวก แม้ใจจะยังหวั่นๆ อยู่ เมื่อต้องออกมาใช้ชิวิตลงทุนจริงๆ
บอสท่านจัดให้เองด้วยความกรุณา..
คุณก็ใกล้เกษียณแล้ว ไปเขียนใบลาออกมา ผมจะเซ็นให้ จะสมนาคุณที่รับใช้มาอย่างซื้อสัตย์เต็มที่
โอ พระเจ้า ที่คิดฝันไว้ เป็นความจริงแล้ว
คงเห็นผมอึ้ง ด้วยหัวใจพองโต บอสเลยบอกว่าคุณคงช็อคมากอย่าคิดไรมาก ผมเองจะโดนวันไหนก็ไม่รู้
ผมเลยต้องปลอบใจเค้าว่า ไม่เป็นไร I'm OK, It's way of life.
ผมทำงานมา 31 ปี ย้ายที่ทำงานมา 13 แห่ง น่าจะพอเพียงแล้ว
แต่ต้องวางแผนการเงินให้ดี เพื่อจะอยู่ได้ต่อไป ในชึวิตที่เหลืออยู่
บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ..เพราะมีนาอยู่เล็กน้อย
มีบ้านให้เช่า เป็นรายได้ประจำ ค่าอาหาร
เหลือลูก 1 คนยังเรียนมหาลัย อีก 2 ปี คงแบ่งเงินชดเชยไปฝากประจำเป็นทุนเพื่อส่งเสียให้เรียนจนจบ
พอร์ต ของผมตอนนี้ก็เกิน 200 เท่าของค่ากินอยูประจำวันแล้ว
ยังเหลือเงินชดเชย อาจได้มาเพิ่มเงินลงทุน หรือซืื้อกองทุนรวมอีกส่วนหนึ่ง
..ถ้าไม่โดนภรรยาหักไปฝากประจำก่อน
แต่ภรรยาผมยังทำงาน มีรายได้ประจำอยู่ ..พออุ่นใจ
ผมพยายามคิดทางบวก แม้ใจจะยังหวั่นๆ อยู่ เมื่อต้องออกมาใช้ชิวิตลงทุนจริงๆ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 834
ขอคารวะครับddoo7 เขียน:ผมได้เกษียณอายุ ตามคุณนุช ตามความฝันแล้วครับ
บอสท่านจัดให้เองด้วยความกรุณา..
คุณก็ใกล้เกษียณแล้ว ไปเขียนใบลาออกมา ผมจะเซ็นให้ จะสมนาคุณที่รับใช้มาอย่างซื้อสัตย์เต็มที่
โอ พระเจ้า ที่คิดฝันไว้ เป็นความจริงแล้ว
คงเห็นผมอึ้ง ด้วยหัวใจพองโต บอสเลยบอกว่าคุณคงช็อคมากอย่าคิดไรมาก ผมเองจะโดนวันไหนก็ไม่รู้
ผมเลยต้องปลอบใจเค้าว่า ไม่เป็นไร I'm OK, It's way of life.
ผมทำงานมา 31 ปี ย้ายที่ทำงานมา 13 แห่ง น่าจะพอเพียงแล้ว
แต่ต้องวางแผนการเงินให้ดี เพื่อจะอยู่ได้ต่อไป ในชึวิตที่เหลืออยู่
บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ..เพราะมีนาอยู่เล็กน้อย
มีบ้านให้เช่า เป็นรายได้ประจำ ค่าอาหาร
เหลือลูก 1 คนยังเรียนมหาลัย อีก 2 ปี คงแบ่งเงินชดเชยไปฝากประจำเป็นทุนเพื่อส่งเสียให้เรียนจนจบ
พอร์ต ของผมตอนนี้ก็เกิน 200 เท่าของค่ากินอยูประจำวันแล้ว
ยังเหลือเงินชดเชย อาจได้มาเพิ่มเงินลงทุน หรือซืื้อกองทุนรวมอีกส่วนหนึ่ง
..ถ้าไม่โดนภรรยาหักไปฝากประจำก่อน
แต่ภรรยาผมยังทำงาน มีรายได้ประจำอยู่ ..พออุ่นใจ
ผมพยายามคิดทางบวก แม้ใจจะยังหวั่นๆ อยู่ เมื่อต้องออกมาใช้ชิวิตลงทุนจริงๆ
พี่ dd007 สุดยอดครับ สู้ ๆ ครับ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
ทุก ๆ การเปลี่ยนแปลงนำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ และสิ่งดี ๆ เสมอครับ
มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The first Billion is The Hardest เขียนโดย T. Boone Pickens
เค้าเล่าว่าชีวิตที่เริ่มต้นในวัยมาก ๆ เป็นอย่างไร?
ปล. พี่เล่าลงรายละเอียดมากขึ้นได้มั๊ยครับ เป็นวิทยาทานให้คนรุ่นหลัง ๆ (ถ้าพี่มีเวลานะ)
ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 835
เพลงนี้ให้พี่ dd007
คุณนุชและทุก ๆ ท่านครับ
[youtube]0-jjNpj2tdM[/youtube]
คุณนุชและทุก ๆ ท่านครับ
[youtube]0-jjNpj2tdM[/youtube]
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 836
ยินดีด้วยค่ะพี่ ddoo7 ...รู้สึกซึ้งใจ อยากจะน้ำตาซึมddoo7 เขียน:ผมได้เกษียณอายุ ตามคุณนุช ตามความฝันแล้วครับ
บอสท่านจัดให้เองด้วยความกรุณา..
คุณก็ใกล้เกษียณแล้ว ไปเขียนใบลาออกมา ผมจะเซ็นให้ จะสมนาคุณที่รับใช้มาอย่างซื้อสัตย์เต็มที่
โอ พระเจ้า ที่คิดฝันไว้ เป็นความจริงแล้ว
คงเห็นผมอึ้ง ด้วยหัวใจพองโต บอสเลยบอกว่าคุณคงช็อคมากอย่าคิดไรมาก ผมเองจะโดนวันไหนก็ไม่รู้
ผมเลยต้องปลอบใจเค้าว่า ไม่เป็นไร I'm OK, It's way of life.
ผมทำงานมา 31 ปี ย้ายที่ทำงานมา 13 แห่ง น่าจะพอเพียงแล้ว
แต่ต้องวางแผนการเงินให้ดี เพื่อจะอยู่ได้ต่อไป ในชึวิตที่เหลืออยู่
บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ..เพราะมีนาอยู่เล็กน้อย
มีบ้านให้เช่า เป็นรายได้ประจำ ค่าอาหาร
เหลือลูก 1 คนยังเรียนมหาลัย อีก 2 ปี คงแบ่งเงินชดเชยไปฝากประจำเป็นทุนเพื่อส่งเสียให้เรียนจนจบ
พอร์ต ของผมตอนนี้ก็เกิน 200 เท่าของค่ากินอยูประจำวันแล้ว
ยังเหลือเงินชดเชย อาจได้มาเพิ่มเงินลงทุน หรือซืื้อกองทุนรวมอีกส่วนหนึ่ง
..ถ้าไม่โดนภรรยาหักไปฝากประจำก่อน
แต่ภรรยาผมยังทำงาน มีรายได้ประจำอยู่ ..พออุ่นใจ
ผมพยายามคิดทางบวก แม้ใจจะยังหวั่นๆ อยู่ เมื่อต้องออกมาใช้ชิวิตลงทุนจริงๆ
ไม่ใช่อะไรค่ะ...เหมือนๆ พวกเราทั้งหมดคุยๆ กันอยู่ในกระทู้
และมาเล่าสู่กันฟัง เรื่องโน้นเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
เวลาเห็นใครที่ก้าวหน้าใดๆ ไปอีกขั้น หรือมีเรื่องน่าปลื้มใจ
หรือแม้แต่ช่วงท้อๆ อะไรกันก็รู้สึกมีส่วนร่วมค่ะ
................
สีน้ำเงินพี่ทำได้ดีแน่นอนอยู่แล้วค่ะ...ไม่น่าห่วง
สีเขียวนั่นเข้าใจค่ะ 31 ปี กับการทำงานประจำ ก็คงอดรู้สึกไม่ได้นะคะ...สู้ๆ ค่ะพี่
..............
ยินดีด้วยมากๆ เลยค่ะพี่
และเห็นด้วยกัยคุณ NB มากเลยค่ะ...พี่ ddoo7 สุดยอดเลยNevercry.boy เขียน:
ทุก ๆ การเปลี่ยนแปลงนำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ และสิ่งดี ๆ เสมอครับ (ชอบประโยคนี้ค่ะ)
มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The first Billion is The Hardest เขียนโดย T. Boone Pickens
เค้าเล่าว่าชีวิตที่เริ่มต้นในวัยมาก ๆ เป็นอย่างไร?
ปล. พี่เล่าลงรายละเอียดมากขึ้นได้มั๊ยครับ เป็นวิทยาทานให้คนรุ่นหลัง ๆ (ถ้าพี่มีเวลานะ)
ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
และ "พี่เล่าลงรายละเอียดมากขึ้นได้มั๊ยครับ เป็นวิทยาทานให้คนรุ่นหลัง ๆ (ถ้าพี่มีเวลานะ)"
ขอบคุณเพลงเพราะๆ ความหมายเหมาะกับพวกเราทุกคน...จากคุณ NB ด้วย
ขอบคุณทั้งพี่ ddoo7 คุณ NB และเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ
และขอบคุณ web Thaivi สำหรับพื้นที่เล็กๆ นี้ ที่พวกเราได้แวะมาทักทายกันอยุ่เสมอๆ
.............
รู้สึกว่าคำว่า "มิตรภาพ" เป็นสิ่งที่งดงามมากค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1959
- ผู้ติดตาม: 1
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 837
วันก่อนเข้าไปอ่านเจอครับ น่าสนใจดี
ไม่ทราบว่าพี่ NB พอจะเล่าเป็นวิทยาทานได้ไหมครับ ผมอยากรู้ว่าอีโก้ผมจะเหมือนบ้างเหรือเปล่า 555ผมจบปริญญาตรีตอนอายุ 19 เกือบ 20 และเริ่มทำงานมาตั้งแต่วันนั้น (จบช่วง 1992) จนวันนี้ผ่านมาแล้ว 25 ปี จะว่านานก็นาน จะว่าเร็วก็เร็ว
ก็อยากบอกกับน้อง ๆ ว่า ปัจจัยคือ
1 เลือกชีวิตก่อนแล้วค่อยเลือกงาน แล้วงานจะไม่ใช่งานแต่จะเป็นการใช้ชีวิต ผมจบพระจอมเกล้าธนบุรี (บางมด) เรียนไม่เก่ง รีไทร์ ตอนปีหนึ่ง ก่อนออกจากสถาบันผมกราบ อนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 และบอกท่านทุกครั้งว่า ถ้าผมจบไปได้ผมไม่ขออะไร ผมไม่ขอให้ผมรวย ผมไม่ขอเป็นคนมีชื่อเสียง ผมขอให้ความรู้ที่ผมได้ไปจากสถาบันทำให้ผมไปทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ ผมจบวิศวะอุตสาหการ
สุดท้ายผมจบมาได้เมื่อจบมาแล้วจนถึงวันนี้ผมทำงานในสายวิชาวิศวะอุตสาหการ ทั้ง ไอที Operation Research รวมถึง สารพัดวิชาที่เกี่ยวเนื่องผมนำมาใช้ทั้งหมด
2 อย่าท้อ ปัจจุบัน คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ในแต่ละวันเราต้องเจออุปสรรคปัญหามากมาย ตรงนั้นคือความจริง จงกำจัดความท้อ ก้มหน้าสู้ไป อย่าท้อ จงอดทน
3 อยู่กับความเป็นจริง เจ้านายที่ไม่ perfect ชอบกดดัน ลูกค้าจู้จี้ เพื่อนร่วมงานเอาเปรียบ สิ่งนี้เกิดขึ้นทุกที่ ทุกคน ไม่ใช่แค่คุณคนเดียว มันคือความเป็นจริง อยู่กับมันให้ได้
4 อีโก้ คือ ตัวตนของเรา เรื่องนี้ยาวถ้าจะให้เล่าจริง ๆ แต่ถ้าเราไม่ยึดติดบางอย่างได้ ตัวกูของกู ก็จะไม่มี ...
เรื่องนี้ยาวจริง ๆ สำหรับมนุษย์เงินเดือน
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 838
ได้สิครับ ยินดีมาก
แต่ขอเวลาพี่หน่อยนะ จะทะยอย ทะยอย
ส่วนใหญ่ก็เขียนอยู่แถวนี้แหล่ะครับ
แต่ขอเวลาพี่หน่อยนะ จะทะยอย ทะยอย
ส่วนใหญ่ก็เขียนอยู่แถวนี้แหล่ะครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/