ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 1
ติดแทปเลต มือถือ
แล้วแก้ไงดี คุณหมอ
แล้วแก้ไงดี คุณหมอ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 4
ติดด้วยครับ ทำไงดี
หลังๆ พยายาม กลับไป ซื้อหนังสือเป็นเล่มๆ อ่านแทน กด tablet
ผลลัพธ์ ดีขึ้นบ้างครับ
หลังๆ พยายาม กลับไป ซื้อหนังสือเป็นเล่มๆ อ่านแทน กด tablet
ผลลัพธ์ ดีขึ้นบ้างครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 5
วิชาที่แก้การติดสิ่งต่างๆ ใช้ถอนการยึดมั่นถือมั่นในทุกๆ เรื่อง คือ การเจริญสติปัฏฐาน 4 ครับ
สติที่พัฒนาขึ้นจะทำให้เห็นความเป็นจริงในสิ่งต่างๆ มากยิ่งขึ้นๆ จนเข้าไปถึงอาการของไตรลักษณ์ของสิ่งต่างๆ จนเข้าไปเห็นสภาวะทุกข์จากการติดนั้นๆ เลยทำให้ไถ่ถอนจากการติดออกมาได้ เป็นการแก้การติดด้วยการเห็นทุกข์ของการติด ไม่ใช่การแก้การติดสิ่งหนึ่งด้วยการไปติดอีกสิ่งหนึ่งแทน
สติที่พัฒนาขึ้นจะทำให้เห็นความเป็นจริงในสิ่งต่างๆ มากยิ่งขึ้นๆ จนเข้าไปถึงอาการของไตรลักษณ์ของสิ่งต่างๆ จนเข้าไปเห็นสภาวะทุกข์จากการติดนั้นๆ เลยทำให้ไถ่ถอนจากการติดออกมาได้ เป็นการแก้การติดด้วยการเห็นทุกข์ของการติด ไม่ใช่การแก้การติดสิ่งหนึ่งด้วยการไปติดอีกสิ่งหนึ่งแทน
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 7
แก้ไม่ยากเลยครับ เพราะถ้าไม่มีก็ไม่ติดครับNevercry.boy เขียน:ติดแทปเลต มือถือ
แล้วแก้ไงดี คุณหมอ
ผมไม่ได้พูดกวนนะครับ เพราะว่าผมก็เป็นคนหนึ่งที่น่าจะเหลือน้อยแล้ว ที่ไม่ได้ใช้ของพวกนั้น
ไม่ใช่เพราะเสียดายเงินหรือว่าอะไรนะครับ
มือถือผมต้องการแค่โทรออกกับรับสายครับ ส่วน line นั้น ผมไม่ได้ need ผมว่าส่วนใหญ่ที่ส่งกัน น่าจะเป็นเรื่องความบันเทิงยามว่าง เช่น อยู่บนรถไฟฟ้า ไม่มีอะไรทำก็ส่งไปคุยกัน ที่ใช้คุยเรื่องงานจริง ๆ ก็คงมี เพียงแต่งานผมมันไม่ต้องใช้ ก็เลยไม่รู้ว่าจะมีไปเพื่ออะไร
ส่วนแทปเลต ผมมี notebook ถือมาที่ทำงาน ต่อเน็ตที่ทำงานได้ ผมเคยลองใช้งานเน็ตทางมือถือหลายครั้ง แต่ก็ไม่ชอบ เพราะว่าผมพิมพ์ดีดแบบสัมผัสเป็น ถ้าผมจะพิมพ์ข้อความยาว ๆ ผมใช้ notebook ผมจะพิมพ์เร็วกว่ามากครับ ทำให้ใช้เวลาน้อย พิมพ์ได้มาก ลดปัญหาการจ้องหน้าจอโทรศัพท์ พิมพ์ผิด ๆ ถูก ๆ
ปัญหาที่ผมเจอก็คือ พอผมไม่มีสิ่งเหล่านี้ ก็มักจะโดนคนรู้จักถามว่า "ทำไมถึงไม่มี" ผมก็ได้แต่ยิ้ม ๆ แต่ก็นึกในใจว่า "แล้วทำไมถึงต้องมี" ผมยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ ในทางกลับกัน จริง ๆ ผมเคยประเมินดูแล้วครับ ถ้าผมมีสิ่งเหล่านั้น เวลาของผมก็คงหมดไปกับสิ่งเหล่านั้นเพิ่มขึ้นอีก จากเดิมที่เวลาที่ต้องทำอะไรต่าง ๆ ก็ไม่ค่อยจะเหลืออยู่แล้ว ผมก็คงต้องเพ่งสายตามองโทรศัพท์มากขึ้น ปวดตามากขึ้น ใช้เวลาพิมพ์มากขึ้น สุดท้ายคนที่เคยถามว่า "แล้วทำไมผมถึงไม่มี" เค้าก็เริ่มชินและก็เลิกถามครับ
สมัยเป็นนักศึกษา ผมเคยติดเกม CM เคยชอบเล่น chat ซึ่งตอนนั้นเป็นของใหม่และนิยมกันมาก สุดท้ายพอเราผ่านตรงนั้นมา ก็เคยมานั่งคิดว่า "สมัยนั้นตรูเป็นบ้าอะไรวะ" นั่งเล่นได้เป็นวัน ๆ สุดท้ายก็เหมือนไม่ได้อะไรที่เป็นประโยชน์เลย จะว่า ๆ ได้ความบันเทิงก็ไม่เชิง เพราะพอมันมากเกินความพอดี มันก็กลายเป็นทำลายสุขภาพไปซะงั้น อดนอน ปวดตา ไม่มีสังคม
อย่างสังคมคนก้มหน้านั้น ในความเห็นผม ถ้าเราทำโดยไม่รู้ตัว และมากจนเกินไปมันก็ไม่ดีนะครับ เพื่อนผมเคยนัดเจอกัน แต่พอมาเจอกันเพื่อนบางคนกลับมัวแต่ก้มหน้ากด BB ไม่พูดคุย คุยด้วยก็เหมือนไม่มีสมาธิ ผมว่าถ้าเราเสพติดกับสิ่งเหล่านี้มากจนเกินไป บางทีมันก็เป็นผลเสียต่อเราโดยไม่รู้ตัวครับ บางคนหนักไปถึงเวลางานก็ก้มหน้ากดโทรศัพท์ ลูกค้า เจ้านายมาเห็นก็รู้สึกว่าวัน ๆ ไม่ทำงาน วัน ๆ เอาแต่เล่นโทรศัพท์ แบบนี้ไม่ดีแน่ครับ บางคนเลยเถิด มีอะไรก็ต้องอัพลง FB แบบแทบจะอัพลงทุก ๆ เรื่อง จนแยกไม่ออกว่าโลก online กับชีวิตจริงมันคืออะไร อะไรที่ควรเป็นส่วนตัว อะไรที่ควรเป็น online แบบนี้ก็ต้องระวังเหมือนกันครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 8
ผมคิดว่า... ความแยกไม่ออกของสังคมออนไลน์จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และฝืนกระแสได้ยากนะครับ เพราะ ในอนาคตจะเป็นยุคที่เรียกว่า Internet of Things แทบจะทุกสิ่งทุกอย่างจะเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตหมด ในร่างกายของเราจะมี Sensor คอยตรวจสภาพ Condition ของร่างกาย อาหารที่กินเข้าไป การแตกตัวของยา ผลของยา เป็นต้นleky เขียน:แก้ไม่ยากเลยครับ เพราะถ้าไม่มีก็ไม่ติดครับNevercry.boy เขียน:ติดแทปเลต มือถือ
แล้วแก้ไงดี คุณหมอ
ผมไม่ได้พูดกวนนะครับ เพราะว่าผมก็เป็นคนหนึ่งที่น่าจะเหลือน้อยแล้ว ที่ไม่ได้ใช้ของพวกนั้น
ไม่ใช่เพราะเสียดายเงินหรือว่าอะไรนะครับ
มือถือผมต้องการแค่โทรออกกับรับสายครับ ส่วน line นั้น ผมไม่ได้ need ผมว่าส่วนใหญ่ที่ส่งกัน น่าจะเป็นเรื่องความบันเทิงยามว่าง เช่น อยู่บนรถไฟฟ้า ไม่มีอะไรทำก็ส่งไปคุยกัน ที่ใช้คุยเรื่องงานจริง ๆ ก็คงมี เพียงแต่งานผมมันไม่ต้องใช้ ก็เลยไม่รู้ว่าจะมีไปเพื่ออะไร
ส่วนแทปเลต ผมมี notebook ถือมาที่ทำงาน ต่อเน็ตที่ทำงานได้ ผมเคยลองใช้งานเน็ตทางมือถือหลายครั้ง แต่ก็ไม่ชอบ เพราะว่าผมพิมพ์ดีดแบบสัมผัสเป็น ถ้าผมจะพิมพ์ข้อความยาว ๆ ผมใช้ notebook ผมจะพิมพ์เร็วกว่ามากครับ ทำให้ใช้เวลาน้อย พิมพ์ได้มาก ลดปัญหาการจ้องหน้าจอโทรศัพท์ พิมพ์ผิด ๆ ถูก ๆ
ปัญหาที่ผมเจอก็คือ พอผมไม่มีสิ่งเหล่านี้ ก็มักจะโดนคนรู้จักถามว่า "ทำไมถึงไม่มี" ผมก็ได้แต่ยิ้ม ๆ แต่ก็นึกในใจว่า "แล้วทำไมถึงต้องมี" ผมยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ ในทางกลับกัน จริง ๆ ผมเคยประเมินดูแล้วครับ ถ้าผมมีสิ่งเหล่านั้น เวลาของผมก็คงหมดไปกับสิ่งเหล่านั้นเพิ่มขึ้นอีก จากเดิมที่เวลาที่ต้องทำอะไรต่าง ๆ ก็ไม่ค่อยจะเหลืออยู่แล้ว ผมก็คงต้องเพ่งสายตามองโทรศัพท์มากขึ้น ปวดตามากขึ้น ใช้เวลาพิมพ์มากขึ้น สุดท้ายคนที่เคยถามว่า "แล้วทำไมผมถึงไม่มี" เค้าก็เริ่มชินและก็เลิกถามครับ
สมัยเป็นนักศึกษา ผมเคยติดเกม CM เคยชอบเล่น chat ซึ่งตอนนั้นเป็นของใหม่และนิยมกันมาก สุดท้ายพอเราผ่านตรงนั้นมา ก็เคยมานั่งคิดว่า "สมัยนั้นตรูเป็นบ้าอะไรวะ" นั่งเล่นได้เป็นวัน ๆ สุดท้ายก็เหมือนไม่ได้อะไรที่เป็นประโยชน์เลย จะว่า ๆ ได้ความบันเทิงก็ไม่เชิง เพราะพอมันมากเกินความพอดี มันก็กลายเป็นทำลายสุขภาพไปซะงั้น อดนอน ปวดตา ไม่มีสังคม
อย่างสังคมคนก้มหน้านั้น ในความเห็นผม ถ้าเราทำโดยไม่รู้ตัว และมากจนเกินไปมันก็ไม่ดีนะครับ เพื่อนผมเคยนัดเจอกัน แต่พอมาเจอกันเพื่อนบางคนกลับมัวแต่ก้มหน้ากด BB ไม่พูดคุย คุยด้วยก็เหมือนไม่มีสมาธิ ผมว่าถ้าเราเสพติดกับสิ่งเหล่านี้มากจนเกินไป บางทีมันก็เป็นผลเสียต่อเราโดยไม่รู้ตัวครับ บางคนหนักไปถึงเวลางานก็ก้มหน้ากดโทรศัพท์ ลูกค้า เจ้านายมาเห็นก็รู้สึกว่าวัน ๆ ไม่ทำงาน วัน ๆ เอาแต่เล่นโทรศัพท์ แบบนี้ไม่ดีแน่ครับ บางคนเลยเถิด มีอะไรก็ต้องอัพลง FB แบบแทบจะอัพลงทุก ๆ เรื่อง จนแยกไม่ออกว่าโลก online กับชีวิตจริงมันคืออะไร อะไรที่ควรเป็นส่วนตัว อะไรที่ควรเป็น online แบบนี้ก็ต้องระวังเหมือนกันครับ
Trend นี้เป็นเทรนสำคัญที่จะมีผลต่อวิถีการใช้ชีวิตของมนุษย์ตลอดศตวรรษนี้ และเป็นเทรนใหญ่ที่มีโอกาสในการลงทุนแฝงอยู่เต็มไปหน่อย สำหรับผมที่เป็นนักปฏิบัติธรรมที่จำเป็นต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการลงทุนไปด้วย ยังรู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องทดลองใช้ Product ต่างๆ ศึกษา ติดตามข่าว รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคเหล่านี้อยู่ แต่หากวันหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการลงทุนแล้ว การตัดขาดจากโลก เลิกออนไลน์ได้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 1217
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 9
ผมยังไม่มี FB เลยครับล้าสมัยสุดๆ เห็นคนรอบๆข้างเล่นผมก็ลองขอเล่นดู พอดูเสร็จแล้วก็ตัดสินใจได้ว่ายังไม่เล่นดีกว่าครับ เสียเวลามากๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมเสียเวลาและสังเกตุพฤติกรรมจริงของมนุษย์ทั่วไปได้น้อยลง นั้นหมายถึงความสามารถในการวิเคราะห์และลงทุนลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นภัยมหันสำหรับนักลงทุนครับ ผมไม่ปฏิเสธเทคโนโลยี แต่ผมขอแค่เอามาใช้ประโยชน์ แล้วข้ามไปเป็นช่วงๆ เช่นผมไม่เคยเล่น bb hi5 twitter skype fb แต่ผมเล่น line โดยถ้ามีใครส่งข้อความมายาวๆลักษณะส่งต่อกันมา ผมอ่านแค่บรรทัดแรก ถ้าผมไม่สนใจผมไม่อ่านต่อเลยครับ มือถือที่ใช้ก็เช่นเดียวกันครับ จะกระโดดข้ามทีหลายๆรุ่น หลายๆปีแล้วค่อยเปลี่ยนทีนึงครับ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 10
ผมไม่มี FB
มี line คุยกับภรรยาคนเดียว จริง ๆ นะ
มี line คุยกับภรรยาคนเดียว จริง ๆ นะ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 11
ผมเห็นด้วยครับ ว่าเรื่องของโลก online มันแยกไม่ออกจากชีวิตเรา ผมเองก็ใช้เวลาดูอินเตอร์เน็ต ติดตามข่าวสาร วันหนึ่งก็พอสมควร หลัง ๆ ก็ไม่ได้ดูทีวี ก็ตามข่าวตามเว็บเอา ส่วนหนึ่งก็ได้อ่านเรื่องความคิดเห็นของคนอื่นด้วย ต่างกับทีวีที่จะมีแต่ข่าวที่เป็นข้อเท็จจริงเป็นหลัก
แต่ที่ผมบอกไปในโพสต์ข้างบน ผมหมายถึงการติดในแบบที่มัน "เกินความพอดี" ครับ หลายคนก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังเป็นแบบนั้นอยู่ ถ้าใครจำเป็นต้องใช้เพราะเรื่องงาน หรือความจำเป็นเรื่องอื่น ๆ อันนี้ก็ไม่มีปัญหาครับ
จริง ๆ แล้วนอกจากเรื่อง "การก้มหน้า" แล้ว สิ่งที่ผมมักเห็นอีกแบบหนึ่งก็คือ คนที่ติดมาก ๆ บางครั้งก็มีอาการอีกอย่างหนึ่งครับ เช่น ไปหลบอยู่หลังเสาเพื่อกดโทรศัพท์ หรือบางทีเปิดประตูห้องน้ำชายไปเจอผู้หญิงหรือห้องมืดแล้วไปจ๊ะเอ๋กันก็มีครับ ซึ่งผมก็เข้าใจครับว่าเค้าอาจจะไม่สบายใจที่มากดโทรศัพท์ในเวลาทำงานซึ่งจะทำให้คนที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือเจ้านายรู้สึกไม่ดีครับ เลยต้องพยายามทำไปแบบหลบ ๆ
ในความเห็นของผม ก็เลยคิดว่าเทคโนโลยีทุกชนิดมันมีประโยชน์ในตัวของมันเองอยู่แล้วครับ แต่ถ้ามันเกินความพอดี เช่นเล่นมากจนเสียสุขภาพ เล่นในเวลาขับรถ เล่นจนลืมโลกแห่งความเป็นจริง อันนี้มันก็อาจจะให้โทษครับ
เดือนก่อนผมไปเจอรุ่นพี่คนหนึ่งในงานประชุม แกบอกว่าแกคงจ้องแทปเล็ตมากเกินไป เพราะเริ่มมองเห็นภาพซ้อน รุ่นพี่ของเค้าที่ทำงานที่เดียวกัน กลายเป็นต้อกระจกตั้งแต่อายุ 50 ซึ่งถือว่าเร็วมาก เค้าบอกผมว่าเพราะจ้องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ มากเกินไป สุดท้ายก็ต้องไปผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ ผมเองก็ตอบไม่ได้ว่ามันจริงหรือไม่นะครับ
แม้แต่เรื่องการลงทุนเอง บางวันที่ผมยุ่ง ๆ ไม่ได้เปิดดูราคาหุ้น บางทีผมก็กลับรู้สึกว่ามันก็ดีเหมือนกัน เพราะบางครั้งพอห่างไกลหน้าจอบ้าง มันก็ไม่มีสิ่งเร้ามาทำให้เราอยากซื้อขายหุ้น ไม่กังวลกับการเคลื่อนไหวของราคารายวัน บางทีมันก็ทำให้เรากลับถือหุ้นได้ทนขึ้นจริง ๆ ครับ
และที่ผมพยายามห่าง ๆ สิ่งเหล่านี้บ้าง เพราะอยากเก็บเวลาอันมีค่าไว้ให้มาก ๆ ครับ เอาไปเล่นกับลูก ทำอะไรอีกหลายอย่าง เพราะผมก็รู้ว่าถ้าผมมีสิ่งเหล่านั้น ผมก็ต้องเสียเวลาของผมไปอีกจำนวนหนึ่งเลยครับ
แต่ที่ผมบอกไปในโพสต์ข้างบน ผมหมายถึงการติดในแบบที่มัน "เกินความพอดี" ครับ หลายคนก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังเป็นแบบนั้นอยู่ ถ้าใครจำเป็นต้องใช้เพราะเรื่องงาน หรือความจำเป็นเรื่องอื่น ๆ อันนี้ก็ไม่มีปัญหาครับ
จริง ๆ แล้วนอกจากเรื่อง "การก้มหน้า" แล้ว สิ่งที่ผมมักเห็นอีกแบบหนึ่งก็คือ คนที่ติดมาก ๆ บางครั้งก็มีอาการอีกอย่างหนึ่งครับ เช่น ไปหลบอยู่หลังเสาเพื่อกดโทรศัพท์ หรือบางทีเปิดประตูห้องน้ำชายไปเจอผู้หญิงหรือห้องมืดแล้วไปจ๊ะเอ๋กันก็มีครับ ซึ่งผมก็เข้าใจครับว่าเค้าอาจจะไม่สบายใจที่มากดโทรศัพท์ในเวลาทำงานซึ่งจะทำให้คนที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือเจ้านายรู้สึกไม่ดีครับ เลยต้องพยายามทำไปแบบหลบ ๆ
ในความเห็นของผม ก็เลยคิดว่าเทคโนโลยีทุกชนิดมันมีประโยชน์ในตัวของมันเองอยู่แล้วครับ แต่ถ้ามันเกินความพอดี เช่นเล่นมากจนเสียสุขภาพ เล่นในเวลาขับรถ เล่นจนลืมโลกแห่งความเป็นจริง อันนี้มันก็อาจจะให้โทษครับ
เดือนก่อนผมไปเจอรุ่นพี่คนหนึ่งในงานประชุม แกบอกว่าแกคงจ้องแทปเล็ตมากเกินไป เพราะเริ่มมองเห็นภาพซ้อน รุ่นพี่ของเค้าที่ทำงานที่เดียวกัน กลายเป็นต้อกระจกตั้งแต่อายุ 50 ซึ่งถือว่าเร็วมาก เค้าบอกผมว่าเพราะจ้องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ มากเกินไป สุดท้ายก็ต้องไปผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ ผมเองก็ตอบไม่ได้ว่ามันจริงหรือไม่นะครับ
แม้แต่เรื่องการลงทุนเอง บางวันที่ผมยุ่ง ๆ ไม่ได้เปิดดูราคาหุ้น บางทีผมก็กลับรู้สึกว่ามันก็ดีเหมือนกัน เพราะบางครั้งพอห่างไกลหน้าจอบ้าง มันก็ไม่มีสิ่งเร้ามาทำให้เราอยากซื้อขายหุ้น ไม่กังวลกับการเคลื่อนไหวของราคารายวัน บางทีมันก็ทำให้เรากลับถือหุ้นได้ทนขึ้นจริง ๆ ครับ
และที่ผมพยายามห่าง ๆ สิ่งเหล่านี้บ้าง เพราะอยากเก็บเวลาอันมีค่าไว้ให้มาก ๆ ครับ เอาไปเล่นกับลูก ทำอะไรอีกหลายอย่าง เพราะผมก็รู้ว่าถ้าผมมีสิ่งเหล่านั้น ผมก็ต้องเสียเวลาของผมไปอีกจำนวนหนึ่งเลยครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 12
แต่ถ้าพูดถึงเทคนิคในการตัดอารมณ์ไม่ให้หนักกับกิจกรรมหนึ่งนานจนเกินไป ตอนนี้ผมเริ่มทดลองวิธีการใหม่ๆ กับตัวผมเอง โดยผมจะแบ่งการใช้เวลาในชีวิตเป็น Time Slot โดยให้ Slot และประมาณ 50 นาที เพราะ เคยอ่านมาว่าคนเราจะมีสมาธิได้ประมาณ 50 นาที หลังจาก 50 นาทีประสิทธิภาพในการรับรู้ เรียนรู้ หรือทำอะไรสักอย่างจะลดลง
โดยผมจะตั้ง Timer เอาไว้ที่ 50 นาที จะอ่านหนังสือ เล่น WEB ศึกษา ทำกิจกรรมอะไรแต่ละอย่างก็ทำทีละคาบ (เหมือนเรียนหนังสือ) พอจบคาบ ก็ลุกขึ้นไปเดินจงกรม พักสมองสัก 10 นาที แล้วก็เปลี่ยนกิจกรรมไปทำหัวข้ออื่น
เคยดู TED Talk อันนี้
[youtube]5MgBikgcWnY[/youtube]
พูดถึงการใช้เวลาในการเรียนรู้สิ่งๆ หนึ่ง เค้าว่าเราจะใช้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมง ในการที่จะมีความสามารถในการที่จะเก่งอะไรสักอย่าง โดยแบ่งเวลาวันละ 45 นาทีในการทำมันเป็นเวลา 1 เดือน
ดังนั้นในการเปลี่ยนกิจกรรม หรือสิ่งที่เรียนรู้หลังจากจบทีละคาบเป็นเรื่องที่โอเคสำหรับผม แต่จะให้ดีกิจกรรมที่เปลี่ยน ควรที่จะเป็นทักษะที่มีความแตกต่างกันพอสมควร น่าจะช่วยให้ได้ทักษะที่หลากหลาย อีกทั้งเป็นการใช้กฎ 80/20 ให้ทำน้อยแต่ได้มาก และได้ทักษะหลายๆ อย่างเพิ่มขึ้น
ตอนนี้พึ่งเริ่มทำครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ผลหรือไม่ แต่คิดว่าอีกสัก 1-2 ปี ค่อยวัดผลก็ไม่สาย ซึ่งถึงจุดนั้นจะสามารถพัฒนาตัวเองไปได้สักขนาดไหนก็รู้ดูกันต่อไป
โดยผมจะตั้ง Timer เอาไว้ที่ 50 นาที จะอ่านหนังสือ เล่น WEB ศึกษา ทำกิจกรรมอะไรแต่ละอย่างก็ทำทีละคาบ (เหมือนเรียนหนังสือ) พอจบคาบ ก็ลุกขึ้นไปเดินจงกรม พักสมองสัก 10 นาที แล้วก็เปลี่ยนกิจกรรมไปทำหัวข้ออื่น
เคยดู TED Talk อันนี้
[youtube]5MgBikgcWnY[/youtube]
พูดถึงการใช้เวลาในการเรียนรู้สิ่งๆ หนึ่ง เค้าว่าเราจะใช้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมง ในการที่จะมีความสามารถในการที่จะเก่งอะไรสักอย่าง โดยแบ่งเวลาวันละ 45 นาทีในการทำมันเป็นเวลา 1 เดือน
ดังนั้นในการเปลี่ยนกิจกรรม หรือสิ่งที่เรียนรู้หลังจากจบทีละคาบเป็นเรื่องที่โอเคสำหรับผม แต่จะให้ดีกิจกรรมที่เปลี่ยน ควรที่จะเป็นทักษะที่มีความแตกต่างกันพอสมควร น่าจะช่วยให้ได้ทักษะที่หลากหลาย อีกทั้งเป็นการใช้กฎ 80/20 ให้ทำน้อยแต่ได้มาก และได้ทักษะหลายๆ อย่างเพิ่มขึ้น
ตอนนี้พึ่งเริ่มทำครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ผลหรือไม่ แต่คิดว่าอีกสัก 1-2 ปี ค่อยวัดผลก็ไม่สาย ซึ่งถึงจุดนั้นจะสามารถพัฒนาตัวเองไปได้สักขนาดไหนก็รู้ดูกันต่อไป
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- Highway_Star
- Verified User
- โพสต์: 440
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 13
ผมนี่ไม่ติด smartphone เลยครับ เรียกได้ว่านานๆ หยิบที อย่างมากก็เล่นเกม/ลงโปรแกรม
เพราะถ้าท่องเนท ผมใช้ PC เร็วกว่า อ่านสบายกว่าด้วย เกมก็มันกว่า
เดาเอาว่าที่ไม่ค่อยติดเพราะผมไม่มี 3G ครับ ผมใช้วิธีสมัครของทรูเอา เค้ามีของฟรีให้ใช้ (ผมใช้ดีแทคแต่ก็ใช้ได้อยู่ดี มันฟรีสำหรับทุกคนครับ)
เดือนนึงไม่จำกัด MB แต่จำกัดความเร็วที่ 2Mbps ซึ่งถ้าอยู่นอกบ้านก็ต้องหาสัญญาณเอาเอง
แต่โดยปกติที่ 7-11 จะมีครับ
พอผมทำแบบนี้เลยทำให้ผมไม่เข้าใจพฤติกรรมของคนซื้อของผ่านมือถือซักเท่าไหร่ 555
แต่เอาเถอะ งานวิจัยบอกมายังไงก็เชื่อไปตามนั้นครับเขาบอกว่าคนซื้อของผ่านมือถือกันเยอะแยะเชียว
วิธีแก้ติดคอม (ผมติด PC แทนที่จะเป็น smartphone) คือ ออกไปเดินเล่นข้างนอกครับ
ผมโดนแดดอ่อนๆ แล้วรู้สึกมีชีวิตชีวามาก (เป็นมาแต่เด็กแล้ว)
ความรู้สึกที่โดนแดดเผาเบาๆ บนผิวหนังแล้วหลับตาค่อยๆ ไล่ไปทีละส่วนนี่มันสุดยอดจริงๆ
รู้สึกเหมือนชีวิตมันเปี่ยมไปด้วยพลัง คิดแบบนี้ได้ทีไร ออกไปยืนข้างนอกทุกทีครับ
อีกอย่างคือเล่นพวกนี้มากๆ แล้วผมปวดตาครับ อันนี้ร่างกายบอกเองเลยว่าหยุดเล่นได้แล้ว
คิดแค่นี้ก็อยากลางานตอนนี้แล้วหนีไปเที่ยวแล้วครับ 555
เพราะถ้าท่องเนท ผมใช้ PC เร็วกว่า อ่านสบายกว่าด้วย เกมก็มันกว่า
เดาเอาว่าที่ไม่ค่อยติดเพราะผมไม่มี 3G ครับ ผมใช้วิธีสมัครของทรูเอา เค้ามีของฟรีให้ใช้ (ผมใช้ดีแทคแต่ก็ใช้ได้อยู่ดี มันฟรีสำหรับทุกคนครับ)
เดือนนึงไม่จำกัด MB แต่จำกัดความเร็วที่ 2Mbps ซึ่งถ้าอยู่นอกบ้านก็ต้องหาสัญญาณเอาเอง
แต่โดยปกติที่ 7-11 จะมีครับ
พอผมทำแบบนี้เลยทำให้ผมไม่เข้าใจพฤติกรรมของคนซื้อของผ่านมือถือซักเท่าไหร่ 555
แต่เอาเถอะ งานวิจัยบอกมายังไงก็เชื่อไปตามนั้นครับเขาบอกว่าคนซื้อของผ่านมือถือกันเยอะแยะเชียว
วิธีแก้ติดคอม (ผมติด PC แทนที่จะเป็น smartphone) คือ ออกไปเดินเล่นข้างนอกครับ
ผมโดนแดดอ่อนๆ แล้วรู้สึกมีชีวิตชีวามาก (เป็นมาแต่เด็กแล้ว)
ความรู้สึกที่โดนแดดเผาเบาๆ บนผิวหนังแล้วหลับตาค่อยๆ ไล่ไปทีละส่วนนี่มันสุดยอดจริงๆ
รู้สึกเหมือนชีวิตมันเปี่ยมไปด้วยพลัง คิดแบบนี้ได้ทีไร ออกไปยืนข้างนอกทุกทีครับ
อีกอย่างคือเล่นพวกนี้มากๆ แล้วผมปวดตาครับ อันนี้ร่างกายบอกเองเลยว่าหยุดเล่นได้แล้ว
คิดแค่นี้ก็อยากลางานตอนนี้แล้วหนีไปเที่ยวแล้วครับ 555
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 14
ลองดูงานวิจัยนี้ครับ
Excessive Facebook Use Can Damage Relationships, MU Study Finds
Using Facebook too much can lead to cheating, breakup and divorce
June 06, 2013
Story Contact(s):
Nathan Hurst, [email protected], 573-882-6217
COLUMBIA, Mo. — Facebook and other social networking web sites have revolutionized the way people create and maintain relationships. However, new research shows that Facebook use could actually be damaging to users’ romantic relationships. Russell Clayton, a doctoral student in the University of Missouri School of Journalism, found that individuals who use Facebook excessively are far more likely to experience Facebook–related conflict with their romantic partners, which then may cause negative relationship outcomes including emotional and physical cheating, breakup and divorce.
In their study, Clayton, along with Alexander Nagurney, an instructor at the University of Hawaii at Hilo, and Jessica R. Smith, a doctoral student at St. Mary’s University in San Antonio, surveyed Facebook users ages 18 to 82 years old. Participants were asked to describe how often they used Facebook and how much, if any, conflict arose between their current or former partners as a result of Facebook use. The researchers found that high levels of Facebook use among couples significantly predicted Facebook-related conflict, which then significantly predicted negative relationship outcomes such as cheating, breakup, and divorce.
“Previous research has shown that the more a person in a romantic relationship uses Facebook, the more likely they are to monitor their partner’s Facebook activity more stringently, which can lead to feelings of jealousy,” Clayton said. “Facebook-induced jealousy may lead to arguments concerning past partners. Also, our study found that excessive Facebook users are more likely to connect or reconnect with other Facebook users, including previous partners, which may lead to emotional and physical cheating.”
Clayton says this trend was particularly apparent in newer relationships.
“These findings held only for couples who had been in relationships of three years or less,” Clayton said. “This suggests that Facebook may be a threat to relationships that are not fully matured. On the other hand, participants who have been in relationships for longer than three years may not use Facebook as often, or may have more matured relationships, and therefore Facebook use may not be a threat or concern.”
In order to prevent such conflict from arising, Clayton recommends couples, especially those who have not been together for very long, to limit their own personal Facebook use.
“Although Facebook is a great way to learn about someone, excessive Facebook use may be damaging to newer romantic relationships,” Clayton said. “Cutting back to moderate, healthy levels of Facebook usage could help reduce conflict, particularly for newer couples who are still learning about each other.”
This study is forthcoming in the Journal of Cyberpsychology, Behavior and Social Networking.
--30--
Published by the MU News Bureau, 329 Jesse Hall, Columbia, MO 65211 | Phone: 573-882-6211 | Fax: 573-882-5489 | E-mail: [email protected]
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 15
มือถือนี้ติดตัวตลอดครับ แต่ไม่ได้ก้มตลอดนะครับ มี line มี FB คุยกับครอบครัว เดี๋ยวนี้แทบไม่เสียค่าโทรศัพท์
แต่ก็ยังชินกับการใช้ Notebook อยู่ครับ
แต่ก็ยังชินกับการใช้ Notebook อยู่ครับ
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
- JobJakraphan
- Verified User
- โพสต์: 749
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 16
อาจไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่ครับ
[youtube]t9cmoT_wb0A[/youtube]
[youtube]t9cmoT_wb0A[/youtube]
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 19
รุ่นนี้ไม่รวยจริงใช้ไม่ได้นะครับdr1 เขียน:วันนี้มีเพื่อนร่วมงานมาให้ข้อสังเกตุ
ว่าสมาชิกสังคมก้มหน้าเนี่ย ชาติก่อนคงเกิดเป็นไก่
ชาตินี้เลย ก้มหน้าเขี่ยๆคุ้ยๆ
ปล.ผมใช้โนเกีย3310 แต่ก็คุ้ยเขี่ยไอแผด1 อยู่ตลอดๆฮะ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 20
- IndyVI
- Verified User
- โพสต์: 3530
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นส่วนนึงของสังคมก้มหน้ามั่ง
โพสต์ที่ 24
ผมอีก 1 คนที่เหมือนคุณลูกหิน ครับลูกหิน เขียน:ผมยังไม่มี FB เลยครับล้าสมัยสุดๆ เห็นคนรอบๆข้างเล่นผมก็ลองขอเล่นดู พอดูเสร็จแล้วก็ตัดสินใจได้ว่ายังไม่เล่นดีกว่าครับ เสียเวลามากๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมเสียเวลาและสังเกตุพฤติกรรมจริงของมนุษย์ทั่วไปได้น้อยลง นั้นหมายถึงความสามารถในการวิเคราะห์และลงทุนลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นภัยมหันสำหรับนักลงทุนครับ ผมไม่ปฏิเสธเทคโนโลยี แต่ผมขอแค่เอามาใช้ประโยชน์ แล้วข้ามไปเป็นช่วงๆ เช่นผมไม่เคยเล่น bb hi5 twitter skype fb แต่ผมเล่น line โดยถ้ามีใครส่งข้อความมายาวๆลักษณะส่งต่อกันมา ผมอ่านแค่บรรทัดแรก ถ้าผมไม่สนใจผมไม่อ่านต่อเลยครับ มือถือที่ใช้ก็เช่นเดียวกันครับ จะกระโดดข้ามทีหลายๆรุ่น หลายๆปีแล้วค่อยเปลี่ยนทีนึงครับ
จบวิศวะโทรคมฯ เคยทำงานโทรคมฯ แต่ไม่เล่น bb hi5 twitter skype fb & line
มือถือ ก็ยังใช้แค่ 2.5G อยู่เลยครับ
ปล.ทราบมาว่าพี่โจ ลูกอีสาน ก็ไม่เล่น fb ครับ
ผมก็เจอปัญหานี้ครับ หลังๆขี้เกียจอธิบาย ผมใช้วิธีเลี่ยงไปคุยเรื่องอื่นๆleky เขียน:
ปัญหาที่ผมเจอก็คือ พอผมไม่มีสิ่งเหล่านี้ ก็มักจะโดนคนรู้จักถามว่า "ทำไมถึงไม่มี" ผมก็ได้แต่ยิ้ม ๆ แต่ก็นึกในใจว่า "แล้วทำไมถึงต้องมี" ผมยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ ในทางกลับกัน จริง ๆ ผมเคยประเมินดูแล้วครับ ถ้าผมมีสิ่งเหล่านั้น เวลาของผมก็คงหมดไปกับสิ่งเหล่านั้นเพิ่มขึ้นอีก จากเดิมที่เวลาที่ต้องทำอะไรต่าง ๆ ก็ไม่ค่อยจะเหลืออยู่แล้ว ผมก็คงต้องเพ่งสายตามองโทรศัพท์มากขึ้น ปวดตามากขึ้น ใช้เวลาพิมพ์มากขึ้น สุดท้ายคนที่เคยถามว่า "แล้วทำไมผมถึงไม่มี" เค้าก็เริ่มชินและก็เลิกถามครับ
Investment success doesn’t come from “buying good things,” but rather from “buying things well.
# Howard Mark #
# Howard Mark #