เรื่องนี้มันเกิดกับผมเมื่อเจ็ดปีก่อน เมื่อชีวิตทำงานมันพลิกผันตามการเมืองในบริษัทฯที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ความสุขจากการทำงานมันลดลงอย่างมาก เงินเดือนหกหลักดูไร้ค่าเมื่อเรามีความรู้สึกว่าจะต้องทนเพื่อทำงานแลกกับมัน
ผมวางแผนด้านการเงินในเวลานั้น เมื่อไหร่เราจะมีอิสระทางการเงินเพื่อหนีสิ่งที่เราไม่ต้องการ? ใช้กรณีเลวร้ายที่สุดเป็นตัวกำหนดรายได้จากเงินเดือนและการลงทุน
มันทำให้เราใจเย็นมากขึ้น เพราะมีเป้าหมายในระยาวชัดเจน....ทุกครั้งที่เกิดปัญหาจากการทำงานโดยเฉพาะความไม่ยุติธรรม ผมจะถามตัวเองว่า "เป้าหมายระยะยาวยังคงสำเร็จในเวลาและจำนวนเงินที่ต้องการหรือไม่"? ถ้าใช่เราจะสนใจมันทำไม...ฮึๆ
ใช่ครับเมื่อภาพมันชัด การตอบสนองกับครอบครัวในเรื่องเวลา หรือสิ่งที่ต้องทำต่างๆมันก็ชัดเจนมาก เราไม่ต้องมาห่วงว่าเราจะเลือกงานหรือความสุขทางใจดี (ครอบครัว...งานอดิเรก ...การออกกำลังกาย)
คำถามมักจะเกิดขึ้นที่ว่า เงินเท่าไหร่? เสียดายรายได้หกหลัก? เราจะเบื่อมั้ยถ้าเลิกทำงาน?
ดังนั้นแผนที่วางไว้ให้ใส่เรื่องเหล่านี้ไว้ด้วยเช่น....
"จะทิ้งเงินเดือนที่เหลือสิบห้าล้านแลกกับอิสระเวลาเพิ่มขึ้น 5ปี + เริ่มงานอดิเรกที่ชอบตั้งแต่วันนี้เพื่อทำต่ออย่างสนุกสนานหลังเลิกงาน โดยมีรายได้จากการลงทุนต่างๆในวันที่หยุดงานประจำเดือนละหกหลัก มีเงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาลมากพอที่จะยอมให้ตลาดหุ้น(ปริมาณเงินปันผล)มีมูลค่าเหลือหนึ่งในสามเป็นเวลาสิบปี และ พอสำหรับค่ารักษาพยาบาลคนในครอบครัว x คนๆละ Y ล้านบาท"
เมื่อทุกอย่างชัด งานประจำก็มีผลกับเราน้อยลง เราเริ่มงานอดิเรกที่ชอบได้ อะไรที่ทำให้เราและครอบครัวมีความสุขเราจะทำทันที โดยตรวจสอบทางเดินชีวิตไว้ตลอดเวลาว่า "เป้าหมายยังไปถึงในเวลาและปริมาณเงินที่กำหนด"...
ตัวอย่างของผมอาจไม่เหมือนคำถามที่ตั้งไว้นัก แต่ผมอยาก share ...ความสำคัญคือ ภาพระยะยาวต้องชัดก่อนครับ
จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
- Paul Octopus
- Verified User
- โพสต์: 798
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากบทความ ทำงานไปลงทุนไปของ อ.นิเวศน์
โพสต์ที่ 31
Disclaimer & Disclosure: The articles posted only represent my personal view. They are by no means a guarantee to the stock performance. Have no plan to change my position to the stock mentioned over the next 72 hrs.