เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ พ.ย. 01, 2013 2:53 pm | 0 คอมเมนต์
เกล้า เขียน: สวยมากครับพี่หมอ....ช่วงนี้พี่ๆวีไอเราไปเที่ยวญี่ปุ่นกันพอสมควรเลย...ล่าสุดพี่ simpleBE
เก็บภาพมาไม่แพ้พี่หมอเลยครับ...
น้องเกล้า ไปเที่ยวที่ไหนมา ก็เอาภาพสวยๆมาฝากเพื่อนๆที่กระทู้ได้นะครับ
เอามากระตุ้นต่อมอยากเที่ยวกัน
ลงทุนได้กำไร ก็ต้องหากำไรให้ชีวิตกันด้วยครับ
ไม่รู้คุณ simple BE ไปที่ไหนบ้างนะครับ
เอารูปสวยๆมาฝากที่กระทู้นี้บ้างนะครับ
ตอนนี้กำลังสนใจตลุย Hokkaido อยู่ครับ
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ พ.ย. 01, 2013 2:53 pm | 0 คอมเมนต์
เกล้า เขียน: สวยมากครับพี่หมอ....ช่วงนี้พี่ๆวีไอเราไปเที่ยวญี่ปุ่นกันพอสมควรเลย...ล่าสุดพี่ simpleBE
เก็บภาพมาไม่แพ้พี่หมอเลยครับ...
น้องเกล้า ไปเที่ยวที่ไหนมา ก็เอาภาพสวยๆมาฝากเพื่อนๆที่กระทู้ได้นะครับ
เอามากระตุ้นต่อมอยากเที่ยวกัน
ลงทุนได้กำไร ก็ต้องหากำไรให้ชีวิตกันด้วยครับ
ไม่รู้คุณ simple BE ไปที่ไหนบ้างนะครับ
เอารูปสวยๆมาฝากที่กระทู้นี้บ้างนะครับ
ตอนนี้กำลังสนใจตลุย Hokkaido อยู่ครับ
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ พ.ย. 01, 2013 10:51 pm | 0 คอมเมนต์
เอาความรู้มาฝากครับ
วิธีการวิเคราะห์ธุรกิจ แบบ 5 forces model analysis
1. อำนาจการต่อรองจากผู้บริโภค
The bargaining power of customers
ผู้บริโภคมีส่วนกำหนดทิศทางของแต่ละองค์การ ด้วยลักษณะของสิ่งต่อไปนี้
- การกระจุกตัวของผู้ซื้อ และการกระจุกตัวของบริษัท ? (buyer concentration to firm concentration ratio) เช่น ในสินค้าบางอย่าง ผู้ซื้อที่มีศักยภาพมีการกระจุกตัวอยู่ตามเมืองใหญ่ เมืองที่มีอำนาจเศรษฐกิจ
- อำนาจการต่อรอง ? (bargaining leverage) การมีนโยบายเงินผ่อน ระบบเงินผ่อนมีส่วนในการล่อใจ กลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อ และเป็นกลุ่มใหญ่ สามารถมีอำนาจในการต่อรองสูง
- จำนวนการซื้อ ? (buyer volume) ผู้ซื้อต้องการซื้อจำนวนมาก ราคาก็จะได้ถูกลง ฝ่ายผู้ขายก็ต้องยอมตาม หรือต้องตอบสนอง ก่อนที่ผู้ขายอื่นๆ เจ้าเข้ามาเสนอแข่งได้
- ผู้ซื้อปรับเปลี่ยนไปด้วยราคา เมื่อเทียบกับบริษัทเองก็ต้องปรับเปลี่ยนไปเพราะผู้ป้อนสินค้ามีราคาที่ไม่สามารถเสนอแข่งขันกับตลาดได้ในขณะนั้น(buyer (switching costs relative to firm switching costs) สินค้าบางอย่างราคาขึ้นลงเร็วมาก สินค้าบางอย่างราคาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ถูกลง และคุณภาพดียิ่งขึ้น แข่งขันกันมากขึ้น
- ผู้ซื้อมีข้อมูลมากน้อยเพียงใด ? (buyer information availability) ถ้าผู้ซื้อมีข้อมูลมาก การแข่งขันกันก็จะยิ่งสูงขึ้น ทั้งด้านราคา และคุณภาพ
- ความสามารถในการไปประสมประสานแบบย้อนถอย (ability to backward integrate ) การเข้าไปซื้อหรือเป็นเจ้าของผู้จัดส่ง ลดต้นทุนและอำนาจการต่อรองของระบบผู้จัดส่ง
- การมีของที่ทดแทนได้ (availability of existing substitute products) สินค้าและบริการบางอย่างมีสิ่งทดแทนได้
- ผู้ซื้ออ่อนไหวต่อราคา (buyer price sensitivity ) ราคาสูงมาก ผู้ซื้อไม่สามารถรับได้ แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ซื้ออาจไม่ได้ให้ความสำคัญด้านคุณภาพและอื่นๆ
- ราคาเมื่อซื้อเป็นจำนวนมาก (price of total purchase) ถ้าผู้ซื้อต้องการซื้อเป็นจำนวนมาก ราคาก็ต้องแข่งขันให้ถูกลง
2. อำนาจการต่อรองจากผู้จัดส่ง
The bargaining power of suppliers
- ผู้จัดส่งสินค้าก็มีความสามารถในการต่อรองมากขึ้นในลักษณะดังต่อไปนี้
- ผู้จัดส่งสามารถปรับเปลี่ยนไปได้ด้วยราคาเมื่อเทียบกับบริษัทผู้ซื้อที่ก็มีเปรียบเทียบให้เห็นแตกต่างกัน (supplier switching costs relative to firm switching costs )
- ระดับความแตกต่างในเรื่องของตัวป้อน (degree of differentiation of inputs )
- ตัวป้อนหรือวัตถุดิบที่มีของทดแทนได้หรือไม่ (presence of substitute inputs )
- การกระจุกตัวของผู้จัดส่ง และการกระจุกตัวของบริษัท (supplier concentration to firm concentration ratio )
- การคุกคามด้านการรวมตัวกันของผู้จัดส่ง (threat of forward integration by suppliers relative to the threat of backward integration by firms )
- Forward Integration หมายถึงการเข้าไปจัดการหรือเป็นเจ้าของระบบจัดขาย การเข้าไปให้บริการใกล้กับลูกค้าปลายทางมากขึ้น
- ต้นทุนวัตถุดิบเมื่อเทียบกับราคาขาย (cost of inputs relative to selling price of the product )
- ความสำคัญของจำนวนและปริมาณที่ต้องการจากผู้จัดส่ง (importance of volume to supplier )
3. การคุกคามจากผู้เข้าสู่วงการใหม่
The threat of new entrants
- การมีอุปสรรคในการเข้าสู่ระบบ ( the existence of barriers to entry )
- ขนาดของธุรกิจ (economies of scale) ขนาดยิ่งใหญ่ ต้นทุนก็จะถูกลง คนผลิตของจำนวนมากๆ ราคาต่อหน่วยโดยธรรมชาติก็จะลดลง
- ความแตกต่างของสินค้า (proprietary product differences) สินค้าที่มีเจ้าของ มีลิขสิทธิที่แตกต่างกัน
- ความเท่าเทียมกันด้านชื่อ (brand equity) ยี่ห้อมีราคา แต่ยี่ห้อต่างๆ ก็อาจมีของทดแทนได้
-
- ราคาและต้นทุนที่ปรับเปลี่ยน (switching costs) ต้นทุนในสินค้าต่างๆ มีการปรับเปลี่ยน ราคาสินค้าก็มีการปรับเปลี่ยนแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา
- ความจำเป็นด้านเงินทุน (capital requirements )
- วิธีการจัดส่งและกระจายสินค้า (access to distribution )
- ความได้เปรียบด้านราคา (absolute cost advantages )
- ความได้เปรียบด้านการเรียนรู้ (learning curve advantages )
- การคาดการณ์การตอบโต้จากฝ่ายตรงกันข้าม (expected retaliation )
- นโยบายของรัฐ (government policies )
4. การคุกคามจากผลิตภัณฑ์ทดแทน
The threat of substitute products
การคุกคามจากผลิตภัณฑ์ทดแทน มีดังต่อไปนี้
- ความชอบของผู้ซื้อที่จะใช้ของแทน (buyer propensity to substitute )
- คุณภาพและราคาของสินค้าทดแทน (relative price performance of substitutes )
- การปรับเปลี่ยนของผู้ซื้อต่อราคา (buyer switching costs )
- การรับรู้ในความแตกต่างของสินค้า (perceived level of product differentiation )
5. ความรุนแรงของการแข่งขัน
The intensity of competitive rivalry
- อำนาจของผู้ซื้อ (power of buyers )
- อำนาจของผู้จัดหา หรือผู้ส่งของ (power of suppliers )
- การคุกคามจากผู้เข้าใหม่ (threat of new entrants )
- การคุกคามจากการมีสิ่งทดแทนได้ (threat of substitute products )
- การเติบโตของอุตสาหกรรม (industrial growth )
- ความสามารถในการผลิตล้น (industry overcapacity )
- อุปสรรคในการออกจากตลาด (exit barriers )
- ความหลากหลายของผู้แข่งขัน (diversity of competitors )
- ความซับซ้อนและไม่เท่าเทียมกันของข้อมูล (informational complexity and asymmetry )
- ความเท่าเทียมด้านยี่ห้อสินค้า (brand equity )
- ราคาตายตัวกับการสร้างมูลค่าเพิ่ม (fixed cost allocation per value added )
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ พ.ย. 01, 2013 10:53 pm | 0 คอมเมนต์
ช่วยประชาสัมพันธ์ให้พี่เด็กใหม่ไฟแรงครับ
กำหนดการออกอากาศ
"หุ้นเด่น MegaTrend"
ออกอากาศ 2 สัปดาห์ติดต่อกันในสถานีต่างๆดังนี้ครับ
1. tnn2 วันพฤหัส31ตค 22.30-2330 น.
ฉายซ้ำวันศุกร์ 1 พย 8.30-930น.
2. nation channel วันเสาร์ 2 พย 15-16 น.
ฉายซ้ำ 2-3 น. วันอาทิตย์
3. money channel วันอาทิตย์ 3 พย 10-11 น.
ฉายซ้ำ 1730-1830 น. วันอาทิตย์
และ 17-18 น. วันจันทร์
ตอน1 ออกอากาศสัปดาห์นี้ครับ เริ่มพรุ่งนี้วันพฤหัส 31 ตค
ตอน2 ต่อสัปดาห์หน้า เริ่มพฤหัส 7 พย
reiter
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2308
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ พ.ย. 03, 2013 8:52 am | 0 คอมเมนต์
สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆ ชาวหมอวีไอ ขอแวะมากราบสวัสดีทุกท่านหลังจากหายหน้าไปนาน
ช่วงนี้ผมกำลังตระเวนหาที่เรียนเฟลโลอยู่ครับ มีโอกาสได้ไปที่ University of Nebraska at Omaha มาด้วย เลยขออนุญาตเอารูปสวยๆมาฝากครับ
reiter
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2308
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ พ.ย. 03, 2013 9:00 am | 0 คอมเมนต์
ลงเครื่องมาก็เจอปู่เลยคับ แกคงเป็นของคู่บ้านคู่เมืองไปแล้ว
reiter
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2308
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ พ.ย. 03, 2013 9:03 am | 0 คอมเมนต์
เข้าเมืองไปก็ไปเจอที่ประชุม AGM ของเบิร์คไชร์ครับ ถ้าได้เรียนที่นี่ ปีหน้าคงต้องหาโอกาสมาประชุม (ท่าอาจจะต้องขายหุ้นที่ไทยหมดพอร์ต ถึงจะมีปัญญาถือหุ้นเบิร์คไชร์
)
แวะไปเยี่ยมปู่ที่บ้านคับ
ค่ำๆ สารถี พาไปกินร้านในตำนานของปู่
reiter
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2308
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ พ.ย. 03, 2013 9:07 am | 0 คอมเมนต์
บรรยากาศในร้านครับ นั่งชะเง้อไปมา เผื่อจะโชคดีเจอปู่จิบเชอรรี่โค้กอยู่ใกล้ๆ
เมนูคับ
วีไออย่างเราจะสั่งอะไรได้ นอกจาก........
T bone สุดโปรดของปู่
จบอาหารค่ำก็แวะเวียนไปดูกิจการ NFM กันต่อ
reiter
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2308
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ พ.ย. 03, 2013 9:11 am | 0 คอมเมนต์
จบแล้วคับ ได้เรียนที่ไหนจะมาอัพเดตอีกทีนะคับ
หวานกับแวว
Verified User
โพสต์: 86
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ย. 04, 2013 11:17 am | 0 คอมเมนต์
Paul VI
เอาความรู้มาฝากครับ
วิธีการวิเคราะห์ธุรกิจ แบบ 5 forces model analysis
ขอบคุณค่ะ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
kotaro
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1495
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ย. 04, 2013 11:44 am | 0 คอมเมนต์
เข้ามาทักทายหมอแป๊ะ และขอบคุณที่เอาภาพมาฝากครับ
ผมก็หวังไว้สักวัน ว่าจะมีโอกาสไปประชุม AGM ของ Berkshire ก่อนที่ปู่บัฟเฟตและปู่มังเจอร์ จะไปสวรรค์ครับ
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ย. 04, 2013 4:45 pm | 0 คอมเมนต์
kotaro เขียน: เข้ามาทักทายหมอแป๊ะ และขอบคุณที่เอาภาพมาฝากครับ
ผมก็หวังไว้สักวัน ว่าจะมีโอกาสไปประชุม AGM ของ Berkshire ก่อนที่ปู่บัฟเฟตและปู่มังเจอร์ จะไปสวรรค์ครับ
ขอบคุณหมอแป๊ะนะครับที่เอาภาพ Reality Nebraska มาฝาก
หมอมาร์ชครับ ถ้าจะไปเมื่อไหร่ บอกพี่ด้วยนะ จะได้มีเพื่อนไปด้วยกัน
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร พ.ย. 05, 2013 8:52 am | 0 คอมเมนต์
reiter เขียน: จบแล้วคับ ได้เรียนที่ไหนจะมาอัพเดตอีกทีนะคับ
สรุปว่าน้องหมอแป๊ะ ต่อ Fellow ต่อเหรอครับ
นึกว่ากลับปีหน้าซะอีก แล้วจะต่อ fellow ด้านไหนล่ะครับ
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร พ.ย. 05, 2013 8:54 am | 0 คอมเมนต์
เอามาแชร์ครับ
ไอเดียบางไอเดียก็เอาไปใช้ได้ดีครับ บางไอเดียก็ดูๆเอาไว้ละกันครับ
5 เรื่องที่คนรวยคิดไม่เหมือนกับคนทั่วไป
credit : Thailand investment forum
เนื้อหานี้แปลมาจากบทความ “5 Ways Rich People Think Differently From the Rest of Us” ของ Michele Lerner ซึ่งเป็นการสรุปจากหนังสือ “How Rich People Think” ของ Steve Siebold
(1) คนทั่วไปเน้นการออม คนรวยเน้นสร้างรายได้ -- ในปี 2012 คนอเมริกันโดยเฉลี่ยมีรายได้ปีละ $38,000 ถ้าออมได้ 10% สิ้นปีเราก็จะมีเงินเหลือ $3,800 แต่เราจะไม่รวยขึ้นจริง ๆ จัง ๆ ขึ้นมาจากการทำแบบนั้น (เราต้องหารายได้ให้มากขึ้น) ... ความจริงแล้วคนรวยก็ออม แต่เขาเน้นที่การสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นก่อน ซึ่งสัดส่วนของเงินออมจะสูงขึ้นมาก (โดยเฉพาะถ้าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนที่น้อยลง)
(2) คนทั่วไปมองการเริ่มธุรกิจส่วนตัวว่าเป็นความเสี่ยง แต่คนรวย (และคนที่มีโอกาสรวย) จะมองเป็นเส้นทางสู่ฐานะที่มั่งคั่ง – คนทั่วไปมองเงินมองด้วยสมการเส้นตรง เช่น สมมติทำงานได้ชั่วโมงละ $X ถ้ายอมทำงานเยอะขึ้น ก็จะได้เงินมากขึ้น แม้แต่ผู้ที่มีการศึกษาดี ก็คิดว่าการเรียน MBA จะช่วยให้ได้เงินมากขึ้น (ก็จริง แต่ก็เป็นการมองแบบเส้นตรงเช่นกัน คือให้เวลากับการเรียน เพื่อสุดท้ายจะเอาวุฒิไปต่อรองรายได้ให้มากขึ้น) ... ส่วนคนรวยจะมองที่ไอเดีย โดยเฉพาะไอเดียที่จะช่วยแก้ปัญหา (และตอบโจทย์ความต้องการ) ของผู้คนได้ และทำเงินจากเรื่องเหล่านี้ ... แต่ถึงกระนั้น คนรวยก็ไม่ได้กระโดดเข้าใส่ไอเดียอย่างไม่ลืมหูลืมหา เขาจะศึกษาความเสี่ยงอย่างดีก่อนที่จะลงมือทำ
(3) คนทั่วไปมองเงินทองด้วยอารมณ์ แต่คนรวยจะมองด้วยเหตุผล – คนทั่วไปมักจะกลัวที่จะขาดทุน/เสียเงิน เมื่อจะทำอะไรใหม่ ๆ แต่คนรวย (และที่มีโอกาสรวย) จะมองเงินว่าเป็นเครื่องมือที่นำมาซึ่งทางเลือกและโอกาส
(4) คนทั่วไปตั้งเป้าหมายอย่างเลื่อนลอย แถมยังผัดวันประกันพรุ่ง ส่วนคนรวยจะตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและยืดมั่นจริงจังกับเส้นตาย – คนทั่วไปอาจลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างแบบสะเปะสะปะ แต่คนรวยจะจดจ่อจริงจังอยู่กับธุรกิจเพียงอย่างเดียวที่กำลังปลุกปั้นอยู่ในตอนนั้น และทำทุก ๆ ทาง (ขอให้เป็นทางที่ชอบธรรม) เพื่อให้สำเร็จตามเวลาที่ตั้งใจไว้ (ถ้าทำงานแรกไม่สำเร็จซะที ยอมผัดไปเรื่อย ๆ ก็จะปิดโอกาสในการเริ่มทำงานต่อ ๆ)
(5) คนทั่วไปใช้ชีวิตเกินฐานะที่แท้จริง แต่คนรวยใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะ – ถึงจะมีคนรวยมาก ๆ บางราย ที่แสดงการใช้ชีวิตอย่างสุดหรู (To be fair, อาจจะต่ำกว่าฐานะจริง ๆ ของเขาก็ได้ เช่น มีเงินพันล้านเหรียญ แต่ยังนั่งเฟิร์สคลาส ซึ่งก็หรูแล้วสำหรับคนทั่วไป ส่วนอีกคนมีร้อยล้านเหรียญ ก็มี private แล้ว) ... แต่คนรวยโดยทั่วไป ใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะที่แท้จริง ... คนรวยส่วนใหญ่ (แต่ไม่ใช่ทั้งหมด – เพราะเราจะเห็นแต่คนชีวิตของคนรวยบางส่วนที่เขาแสดงให้เห็นต่อสาธารณะ ส่วนคนรวยที่รวยเงียบ ๆ เราก็จะไม่มีโอกาสได้เห็น แต่ไม่ใช่ไม่มีอยู่) จะไม่ไหลไปตามกระแสวูบวาบ พวกเขาต้องการอิสระทางการเงิน และจะไม่เป็นทาสของสิ่งต่าง ๆ
http://pantip.com/topic/31198261
kotaro
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1495
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร พ.ย. 05, 2013 9:14 am | 0 คอมเมนต์
Paul VI เขียน:
หมอมาร์ชครับ ถ้าจะไปเมื่อไหร่ บอกพี่ด้วยนะ จะได้มีเพื่อนไปด้วยกัน
ได้เลยครับพี่
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
reiter
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2308
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร พ.ย. 05, 2013 10:15 am | 0 คอมเมนต์
Rheumatology คับ
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร พ.ย. 05, 2013 5:40 pm | 0 คอมเมนต์
เป็นหนึ่งในมุมมองที่ดีมากสำหรับเรื่อง Trend และ Megatrend ครับ สำหรับนักลงทุนแนว VI แล้ว ถ้าต้องการลงทุนแบบสบายใจ ไม่ต้องเปลี่ยนตัวหุ้นบ่อย ไม่ต้องกังวลกับการขึ้นลงมากของราคาหุ้น. การเกาะติดอยู่กับหุ้นที่จะเป็น Megatrend นั้น จะทำให้เรากินอิ่ม นอนหลับ อย่างมีความสุขกับชีวิตครับ.....มั่งคั่งด้วยหุ้น. ลงทุนอย่างมีคุณค่าครับ
ร้านวีดีโอ สมัยที่ผมยังเด็ก ธุรกิจที่ดีที่สุด คือ ธุรกิจร้านวีดีโอ สมัยนั้นที่บ้านกำลังสร้างตัว อยู่กันอย่างลำบาก ผมอิจฉาลูกชายเพื่อนพ่อผมที่มีของเล่นครบทุกอย่าง ส่วนผมไม่มี พ่อของเค้าได้ทำเลสวยในเมืองจันท์เปิดร้านเช่าวีดีโอ พร้อมกับคำพูดติดปากว่า "ตราบใดที่คนยังดูหนังอยู่ ธุรกิจร้านวีดีโอก็ไม่มีวันเจ๊ง" แต่การเข้ามาของซีดี และดีวีดี สะเทือนร้านวีดีโอได้พอสมควร เมื่อซีดีที่ก็อบง่าย สามารถก็อบปี้ผิดลิขสิทธิมาขายได้ในราคาถูก แต่ร้านวีดีโอของเพื่อนพ่อผมก็เปลี่ยนมาเป็นร้านวีซีดีแทน ก็ยังพออยู่ได้บ้าง เพียงแต่ปรับขนาดร้านให้เล็กลง แต่ตอนนี้ร้านวีดีโออันยิ่งใหญ่หายไปแล้ว เพราะทุกคนดูผ่านเน็ท ไม่จำเป็นต้องเช่า พอจะมีร้านขายเหลืิิออยู่บ้าง แต่คือธุรกิจที่เป็นขาลงแล้ว
วงจรนี้ เหมือนๆกับ ธุรกิจเพลง RS ผู้ซึ่งเป็นผู้ตามแกรมมี่ในธุรกิจเพลงมาตลอด สามารถปรับตัวมาธุรกิจ Content ได้ก่อน ส่วนแกรมมี่นั้นขาดทุนอย่างหนักกับการที่ยังเน้นการขายซีดีหรืิอซื้อเพลงอยู่ ซึ่งในความเป็นจริงคนไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเพลงแล้ว สามารถดาวน์โหลดเพลงฟรีๆได้ ตัวรายได้ของค่ายเพลงควรมาจากตรงอื่นที่ไม่ใช่การขายเพลง
ในช่วงก่อนยุคปี 2006 อดีตแม่ของแฟนเก่าผม เรียกได้ว่า เธอคือมือหนึ่งของวงการจัดหางานของเมืองไทย เมื่อไรก็ตามที่ผมเจอกับเธอนั้น คำพูดที่ติดปากของเธอคือ "ตราบใดที่มีคนทำงาน ตราบนั้นธุรกิจจัดหางานก็ยังคงรุ่งเรือง" นี้เป็นคำพูดในช่วงหลายสิบปีก่อน ที่ธุรกิจจัดส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศนั้นรุ่งเรืองมาก บริษัทจัดหางานของแม่แฟนเก่าผม มีพนักงานถึง 60 คน และรายได้ต่อปี มากกว่า 50 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทของเธอมีพนักงานอยู่ 3 คน รวมเธอเอง และอีกหนึ่งคนทำทั้งหน้าที่เป็นพนักงานในบริษัทและพี่เลี้ยงของลูกชายผม นั้นหมายความว่าปัจจุบัน ในบริษัทของเธอนั้น มีพนักงานจริงๆเพียงหนึ่งคนเท่านั้น ความมั่นใจในธุรกิจของเธอในปัจจุบันแทบจะไม่มี
ไม่ใช่แม่ของแฟนเก่าผมเท่านั้นที่หมดความมั่นใจในธุรกิจ แต่พ่อของเพื่อนผมอีกคนหนึ่งก็กำลังประสบปัญหาเดียวกัน ในช่วงวัยหนุ่มที่สามารถทำงานได้ (ผมถือว่าตั้งแต่อายุ 25 ถึง 50ปี) พ่อของเพื่อนผมลงทุนไปในหลายธุรกิจ แต่ธุรกิจหลักที่ทำจริงๆคือธุรกิจโทรทัศน์และวิทยุ เนื่องจากการเป็นทนาย รายการส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการให้คำปรึกษาทางกฎหมาย ซึ่งในช่วงที่ธุรกิจสื่อสารมวลชนบูมนั้น อะไรๆมันก็ดีไปหมด แม้ว่าคุณจะเป็นรายการทีวีที่ไม่มีชื่อเสียงก็ตาม แต่ในปัจจุบัน พ่อของเพื่อนผมกำลังหมดสภาพคล่องทางการเงิน และจำเป็นที่จะต้องทยอยขายสมบัติเก่าเพื่อรักษาบริษัทเอาไว้ เพราะไม่สามารถตอบโจทย์ ความต้องการจริงๆของลูกค้าได้ ผมจึงสังเกตุว่า เมื่อใดที่มีคนพูดคำว่า "ตราบใด...ยังคงอยู่ ธุรกิจของฉันก็ไม่มีวันเจ๊ง" มักจะเจ๊งทุกราย ความสำคัญของธุรกิจ ไม่ได้อยู่แค่ที่ Need ของผู้บริโภค แต่การตอบสนอง Need ของลูกค้านั้นมีความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำตลอดคือ การปรับตัว และลงทุนสู่อนาคต
ผม copy มาจากที่ผมแชร์มาจากใน fb ของผมครับ. ได้มุมมองที่ดีเลยทีเดียว เอามาฝากพี่น้อง VI ครับ
https://www.facebook.com/paul.vi1/posts ... 2601734814
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร พ.ย. 05, 2013 6:38 pm | 0 คอมเมนต์
Paul VI เขียน: ผมจึงสังเกตุว่า เมื่อใดที่มีคนพูดคำว่า "ตราบใด...ยังคงอยู่ ธุรกิจของฉันก็ไม่มีวันเจ๊ง" มักจะเจ๊งทุกราย ความสำคัญของธุรกิจ ไม่ได้อยู่แค่ที่ Need ของผู้บริโภค แต่การตอบสนอง Need ของลูกค้านั้นมีความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำตลอดคือ การปรับตัว และลงทุนสู่อนาคต
ผม copy มาจากที่ผมแชร์มาจากใน fb ของผมครับ. ได้มุมมองที่ดีเลยทีเดียว เอามาฝากพี่น้อง VI ครับ
https://www.facebook.com/paul.vi1/posts ... 2601734814
เป็นข้อสังเกตที่ดีมากเลยค่ะ
มารายงานตัวว่าไปสัมครเป็นผู้ติดตาม fb ของพี่หมอมุขเรียบร้อยแล้วค่ะ
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร พ.ย. 05, 2013 10:26 pm | 0 คอมเมนต์
theenuch เขียน: Paul VI เขียน: ผมจึงสังเกตุว่า เมื่อใดที่มีคนพูดคำว่า "ตราบใด...ยังคงอยู่ ธุรกิจของฉันก็ไม่มีวันเจ๊ง" มักจะเจ๊งทุกราย ความสำคัญของธุรกิจ ไม่ได้อยู่แค่ที่ Need ของผู้บริโภค แต่การตอบสนอง Need ของลูกค้านั้นมีความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำตลอดคือ การปรับตัว และลงทุนสู่อนาคต
ผม copy มาจากที่ผมแชร์มาจากใน fb ของผมครับ. ได้มุมมองที่ดีเลยทีเดียว เอามาฝากพี่น้อง VI ครับ
https://www.facebook.com/paul.vi1/posts ... 2601734814
เป็นข้อสังเกตที่ดีมากเลยค่ะ
มารายงานตัวว่าไปสัมครเป็นผู้ติดตาม fb ของพี่หมอมุขเรียบร้อยแล้วค่ะ
ขอบคุณครับ ผมว่า add เป็น friend เลยก็ดีครับ
ผมจะได้ติดตามคุณนุชด้วย
คุณนุชมีปรัชญาการดำเนินชีวิตดีมากครับ
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0
พุธ พ.ย. 06, 2013 2:08 am | 0 คอมเมนต์
Paul VI เขียน: theenuch เขียน:
มารายงานตัวว่าไปสัมครเป็นผู้ติดตาม fb ของพี่หมอมุขเรียบร้อยแล้วค่ะ
ขอบคุณครับ ผมว่า add เป็น friend เลยก็ดีครับ
ผมจะได้ติดตามคุณนุชด้วย
คุณนุชมีปรัชญาการดำเนินชีวิตดีมากครับ
ขอบคุณสำหรับคำชม...รู้สึกปลื้มใจมากเลยค่ะ
นุชไม่ค่อยได้ update fb ค่ะ
เขียนเล่าอะไรเล็กๆ น้อยๆ อยู่ในกระทู้วีไอบ้านๆ
และเขียนสำหรับ fb/money talk บ้างนิดหน่อย
ได้แต่ชื่นชม fb ของเพื่อนๆ ไปเรื่อย เพลินดีค่ะ
ที่จริงอยากมาบอกว่าขอติดตาม fb พี่หมอมุขก็พอ
แต่ไปเห็นพี่หมอมุข add นุชเป็น friend แล้ว...
เลยมารายงานตัวว่า confirm ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
พุธ พ.ย. 06, 2013 8:59 am | 0 คอมเมนต์
reiter เขียน: Rheumatology คับ
แล้ว Onco ล่ะหมอแป๊ะ
หรือ 2 subspecialty ?
แล้วอย่างนี้น้องชายจะอยู่อีกกี่ปีล่ะครับ
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
พุธ พ.ย. 06, 2013 9:00 am | 0 คอมเมนต์
theenuch เขียน: Paul VI เขียน: theenuch เขียน:
มารายงานตัวว่าไปสัมครเป็นผู้ติดตาม fb ของพี่หมอมุขเรียบร้อยแล้วค่ะ
ขอบคุณครับ ผมว่า add เป็น friend เลยก็ดีครับ
ผมจะได้ติดตามคุณนุชด้วย
คุณนุชมีปรัชญาการดำเนินชีวิตดีมากครับ
ขอบคุณสำหรับคำชม...รู้สึกปลื้มใจมากเลยค่ะ
นุชไม่ค่อยได้ update fb ค่ะ
เขียนเล่าอะไรเล็กๆ น้อยๆ อยู่ในกระทู้วีไอบ้านๆ
และเขียนสำหรับ fb/money talk บ้างนิดหน่อย
ได้แต่ชื่นชม fb ของเพื่อนๆ ไปเรื่อย เพลินดีค่ะ
ที่จริงอยากมาบอกว่าขอติดตาม fb พี่หมอมุขก็พอ
แต่ไปเห็นพี่หมอมุข add นุชเป็น friend แล้ว...
เลยมารายงานตัวว่า confirm ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
ยินดีอย่างยิ่งครับ
หินจะคมก็ต้องเอาหินมาลับกับหินลับมีด
สมองจะคม ก็ต้องเอามาลับกับสมอง ครับ
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
พุธ พ.ย. 06, 2013 10:03 am | 0 คอมเมนต์
เอามาฝากพวกเราครับ
คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ร่ำรวย
คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ
แต่คนที่มีความสุขที่สุดในโลกคือ คนที่มีความสบายใจเท่านั้นเอง
และความหมายของความสบายใจ คือ
- เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เชื่อว่าคุณมีดี คุณน่าคบหา และคุณทำได้
- รู้จักตัวเอง ยอมรับในข้อบกพร่องของตัวเอง และพร้อมจะปรับปรุงเสมอ
- ไม่ดื้อดึง ถ้าวันวานคุณเคยทำผิดพลาด คุณก็ยินยอมเปลี่ยนแปลงและรับฟังคนอื่น
- เห็นค่าของตัวเอง คุณไม่คิดว่าตัวเองช่างไร้ค่า คุณจึงมีความสุขในใจเสมอ
- วิ่งหนีความทุกข์ เมื่อรู้ตัวว่าตกลงไปในความทุกข์ คุณก็รีบหาทางหลุดพ้น ไม่จมอยู่กับมัน
- กล้าหาญเสมอ คุณกล้าเปลี่ยนแปลงและกล้ารับมือกับสิ่งแปลกใหม่หรือปัญหาต่างๆ
- มีความฝันใฝ่ เมื่อชีวิตมีจุดหมาย คุณก็จะเดินไปบนถนนชีวิตอย่างมีความหวัง ไม่เลื่อนลอย มีน้ำใจอาทร คุณพบความสุขในใจเสมอถ้าเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
- นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองด้วยการลดคุณค่าและทำในสิ่งที่เสื่อมเสียต่อตัวเอง
- เติมสีสัน สร้างรอยยิ้มให้ชีวิตของคุณและคนรอบข้าง รู้จักหยอกล้อคนอื่นๆ และตัวเองด้วย
ความสุขนั้นคือพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง
และวางฝันของตัวเองตามกำลังที่ตนทำได้
การได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ทำให้คุณพึงพอใจและยกระดับฐานะของคุณเท่านั้น
เป็นการสร้างเสริมความสุขเพียงภายนอก
และมันมิได้อยู่กับคุณอย่างมั่นคงถาวรตลอดไป
เพราะคนเรานั้นย่อมมีความต้องการเพิ่มขึ้นเสมอไม่มีวันหยุดนิ่ง
ความสุขที่แท้จริงเกิดจากข้างในจิตใจของคนเรา และถ้าจิตใจของคุณไม่ว่าง
เต็มไปด้วยอารมณ์อันตรายต่าง ๆ ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง
เพราะความสุขนั้นมักเกิดขึ้นท่ามกลางความสงบเสมอ
ชีวิตของคนเรานั้นไม่ยืนยาวนัก
คุณสามารถหาความสุขให้ตัวเองได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้
ไม่ต้องมุ่งหวังยามแก่เฒ่า ค่อยอยู่อย่างสงบสุขอย่างที่หลายคนเชื่อกัน
เชื่อเถอะ เราจะสามารถมีความสุขที่สุดในโลกได้ ในตอนนี้
ถ้าเราเริ่มจากตัวเราเอง
reiter
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2308
ผู้ติดตาม: 0
พุธ พ.ย. 06, 2013 10:41 am | 0 คอมเมนต์
Paul VI เขียน: reiter เขียน: Rheumatology คับ
แล้ว Onco ล่ะหมอแป๊ะ
หรือ 2 subspecialty ?
แล้วอย่างนี้น้องชายจะอยู่อีกกี่ปีล่ะครับ
specialty เดียวครับ แต่เรื่องมันยาวมาก
กลับเมืองไทยงวดนี้ผมเล่าให้ฟังครับ (กลับประมาน ปลาย พค.)
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ พ.ย. 08, 2013 5:23 pm | 0 คอมเมนต์
reiter เขียน:
specialty เดียวครับ แต่เรื่องมันยาวมาก
กลับเมืองไทยงวดนี้ผมเล่าให้ฟังครับ (กลับประมาน ปลาย พค.)
ครับน้องแป๊ะ
ขอให้โชคดีประสบความสำเร็จในการได้ที่เรียนต่อครับ
ว่าแต่กว่าจะกลับ พค.57 เลย ?? แล้วเรียนเมืองเดิมหรือเมืองใหม่แล้ว ??
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ พ.ย. 08, 2013 6:12 pm | 0 คอมเมนต์
เอามาฝากพวกเรากันครับ
ช่วงนี้มีเหตุการณ์บ้านเมืองเกิดขึ้นหลายอย่าง
มีทั้งจริงทั้งหลอก
ในจริงมีเท็จ ในเท็จมีจริง
สำคัญมากที่สุดตอนนี้คือ "สติ" ครับ
เด็กกลัวความมืด ! จะเด็กเฮี้ยว เด็กซน เด็กกล้าแค่ไหนแต่พอไฟดับ ความมืดมาเยือนเป็นได้ต้องวิ่งหาพ่อ หาแม่ หรือหาเพื่อนเกาะกันไว้แน่น หรือหากหาใครไม่เจอก็หาผ้าห่มมุดคลุมโปงกัน จะบอกว่าเด็กกลัวผีก็ไม่ใช่ เพราะเด็กบางคนเกิดมายังไม่เคยได้ยินเรื่องผีเลย จะว่าไปเด็กบางคนอาจนึกว่าผี (ถ้ามีและเจอ) เป็นเพื่อนหรือตุ๊กตาแสนน่ารักด้วยซ้ำ
“ถ้าเด็กยังกลัวผีไม่เป็น แล้วทำไมเด็กต้องกลัวความมืด?” คำตอบคือเด็กกลัวความ “ไม่รู้” ครับเขาเพิ่งเกิดมาทุกสิ่งบนโลกล้วนเป็นของใหม่ เขาต้องค่อยๆ สะสมความรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ค่อยๆ เรียนรู้ว่าอะไรปลอดภัย อะไรอันตราย เขายังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะบอกได้ว่าเหตุการณ์ต่อไปอะไรจะเกิด ดังนั้นเมื่อมืดมิดหมดแสง ความกลัวที่มาจากความไม่รู้นี้จึงเกิดขึ้น ขณะที่ผู้ใหญ่ผ่านมืด ผ่านสว่างมามากจนรู้แล้วว่าในความมืดก็ไม่มีอะไร เพียงเปิดไฟมีแสงมาทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติ หรืออาจพูดได้ว่าที่ผู้ใหญ่ไม่กลัวมืดก็เพราะ “รู้” แล้ว
แต่แม้ผู้ใหญ่ไม่กลัวความมืด ผู้ใหญ่ก็ยังมีความกลัวที่ไม่ต่างจากเด็กคือผู้ใหญ่ยังคงกลัวความ “ไม่รู้” อยู่นั่นเอง ที่เด่นชัดที่สุดเห็นจะไม่มีอะไรเกินความกลัว “ชีวิตหลังความตาย” จึงไม่แปลกที่บั้นปลายชีวิตของคนเกือบทั้งหมดมุ่งมาให้น้ำหนักกับความสบายใจของตนในช่วงก่อนจะตายมุ่งหาหลักประกันในชาติต่อไปผ่านพิธีกรรมทางศาสนา ผ่านการทำบุญทำทานแต่อย่างไรความกลัวนี้ก็ยังไม่หายขาด เพราะยังไม่ได้แก้ถึงต้นตอของความกลัว คือเมื่อกลัวเพราะไม่รู้จะแก้ก็ต้องทำให้ “รู้” ดังนั้นวิธีการแก้ความกลัวชนิดถึงรากก็ต้องมาศึกษา หาข้อมูลให้ชัดว่าตายแล้วจะเป็นอย่างไร จะไปไหน อะไรเป็นเหตุให้ไปดี อะไรเป็นเหตุให้ไปร้าย
เมื่อใดที่มีความรู้เหล่านี้ เมื่อนั้นถึงจะไม่มีความกลัวชีวิตหลังความตายอีก เพราะเหมือนได้เปิด “ไฟฉาย” ที่ส่องทะลุเข้าไปในทางที่มืดมิดนั้นจนกระจ่างแล้ว เห็นแล้วว่าข้างหน้าเป็นอย่างไร หุบเหวอยู่ทางไหน สัตว์ร้ายที่คอยจ้องเขมือบเราซุ่มอยู่พุ่มไม้ไหน โจรที่คอยดักฉกของเราหลบอยู่มุมตึกใด ที่เหลือคืออาจจะมีความหวาดอยู่บ้างตรงไม่แน่ใจว่าจะจัดการกับมันได้ไหม
เปรียบก็เหมือนเราจะเดินทางจากบ้านไปยังสถานที่ที่เราไม่เคยไป ถ้าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเส้นทางและสถานที่นั้นเราก็จะกลัว แต่ถ้าเรารู้ชัดแล้วอาจจากหนังสือแนะนำสถานที่ แผนที่แสดงเส้นทาง หรือรูปถ่ายที่เพื่อนส่งมาให้ เราก็จะไม่กลัวการเดินทางนั้น เพียงแต่หวั่นว่ายามไปจริงถนนนั้นมันจะเป็นตามรูปไหม เมืองนั้นมันจะใช้ชีวิตเป็นไปตามหนังสือไหม จะมีอุปสรรคอะไรที่นึกไม่ถึงไหม ฯลฯ ปัญหาคือ แล้วจะรู้แผนที่การเดินทางของชีวิตหลังความตายได้อย่างไร คำตอบสำหรับชาวพุทธเราก็คือการศึกษาจากคัมภีร์ที่มีบอกเส้นทางการเปลี่ยนสภาพช่วงรอยต่อของการตายไว้หลากหลายซึ่งก็พอจัดเป็นกลุ่มได้ว่าหากขณะตายจิตเป็น โทสะ สิ่งที่จะไปพบเจอก็คือสภาพของ นรก หรือ อสุรกาย หากขณะตายจิตเป็น โลภะ สิ่งที่จะไปพบเจอก็คือสภาพของ เปรต หากขณะตายจิตเป็น โมหะ สิ่งที่จะไปพบเจอก็คือสภาพของสัตว์ เดรัจฉาน
แม้จะมีทางแยกย่อยอีกมาก แต่โดยรวมแล้วก็คือหากก่อนตายจิตเป็นอกุศลสภาพต่อจากนั้นย่อมไม่น่าชื่นใจแน่นอนในทางกลับกันคือ หากขณะตายจิตใจเป็น บุญกุศล สิ่งที่จะไปพบเจอก็คือสภาพที่ดีเช่นกลับมาเป็น มนุษย์ เทวดา พรหม หรือแม้แต่พ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง คือ นิพพาน ไปเลย และหากเรารู้คำตอบแล้วก็เหมือนมีแผนที่ ได้อ่านหนังสือแนะนำเส้นทาง แล้วว่าทางไหนพาไปเมืองใด คราวนี้ก็เหลือแต่ยามถึงเวลาจริงต้องเดินให้ถูกทางอย่าไปทางที่เขาก็ติดป้ายเตือนแล้วว่าลงเหว
ซึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่าการฝึกซ้อมให้ชำนาญทาง ในเมื่อเรารู้แล้วว่าหากขณะตายจิตเป็นอกุศล คือ โลภะโทสะโมหะ เราย่อมไปไม่ดี ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นสังเกตบ่อยๆ ว่าจิตใจเราขณะต่างๆ นั้นเป็นเช่นไร หากเป็นอกุศลดั่งว่าก็รีบกำจัดเสียเหมือนรู้ว่าผิดทางก็กลับรถย้อนมาทางที่ถูก ซึ่งนอกจากจะได้ความชำนาญแล้วยังเป็นความปลอดภัยไม่ต้องเสี่ยงว่า อยู่ดีๆ อาจมีเครื่องบินตกมาทับตายขณะกำลังหลงเพลินกับแมวที่บ้านอยู่ตัวเลยต้องกลายเป็นลูกแมวไปขณะเดียวกันก็ต้องซ้อมเดินทางถูกให้คล่อง หมั่นทำใจให้เป็นกุศล จะด้วยการหมั่นระลึกถึงความดีที่ตนทำไว้ให้บ่อยๆ หมั่นสวดมนต์ ฟังเทศน์ ฟังธรรม ฟังเรื่องดีๆ พยายามให้ใจคุ้นอยู่กับเส้นทางสายนี้ หากนั่งอยู่ในบ้านดีๆ มีรถบรรทุกพุ่งชนตายตอนนั้นอาจได้ขึ้นสวรรค์ ตามสภาพกำลังบุญของจิตขณะนั้นกันเลย
อยากพ้นจากความเป็นเด็กกลัวความมืดกัน ก็มาฝึกสติให้รู้เท่าทันจิตใจและปรับจิตปรับใจให้เป็นบุญกุศลกันนะครับ
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ พ.ย. 08, 2013 11:16 pm | 0 คอมเมนต์
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ต.ค. อยู่ที่ 76.6 ลดลง ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ต่ำสุดรอบ 19 เดือน หวั่นการเมืองฉุด GDP ปีนี้โตแค่ 3.2%
นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. 56 อยู่ที่ 76.6 ลดลงจากเดือนก่อนที่ 77.9 ซึ่งเป็นการลดลงเดือนที่ 7 ติดต่อกันและต่ำสุดในรอบ 19 เดือน เนื่องจากความกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองไทย และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจไทย ภายหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปรับลดจีดีพีลง
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและรายได้ของผู้บริโภคในอนาคตด้วย ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจโดยรวมเดือนต.ค. 56 อยู่ที่ 66.6 ลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 67.9ซึ่งปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 7 เดือน และเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 19 เดือน นับตั้งแต่เดือนเม.ย. 55 เป็นต้นมา
โดยดัชนียังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 100 แสดงว่าผู้บริโภคยังคงขาดความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องมาจากผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจไทยที่จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้บริโภคในอนาคต
ด้าน ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หากปัญหาทางการเมืองยังมีการยืดเยื้อไปจนถึงสิ้นปีก็อาจจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจโตเพียง 3.2% จากเดิมที่คาดว่าจะมีการขยายตัวอยู่ที่ 3.5%
โดยปัญหาทางการเมืองขณะนี้ส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคมีความกังวลและไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย รวมถึงจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะทำให้การขยายตัวของการท่องเที่ยวต่อเดือนลดลง 10-20% และมองว่าในสิ้นปีนี้จะมีความเสียหายประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้หากปัญหาทางการเมืองยืดเยื้อไปจนถึงสิ้นปีหน้าอาจจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศลดลงเหลือ 4.8-5.0% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 5.1%
ส่วนกรณียุบสภาของทางรัฐบาลจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ในเบื้องต้นยังไม่สามารถตอบได้ แต่มองว่าจะยังคงมีโอกาสและเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร
"หากสถานการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อจนถึงสิ้นปี จะมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจประมาณ 0.1-0.2%จึงทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 3.2% และหากยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้าก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 4.8-5.0% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 5.1%" ผศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าว
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ย. 11, 2013 8:03 pm | 0 คอมเมนต์
ขออนุญาตพวกเราเปลี่ยนชื่อกระทู้อีกครั้งนะครับ
ช่วงนี้รู้สึกการลงทุนของตัวเอง เป็นแบบ chill chill ไม่ค่อยได้ซื้อขายอะไรกับเค้าเลยซักเกือบ 4 เดือนได้แล้วมั้งครับ
เพิ่งมีมาเก็บหุ้นบางตัวที่อยากได้. ตอนหุ้นปรับตัวลงมา 2-3 วันที่ผ่านมานี่เองครับ
ขอบคุณการลงทุนแนว VI ที่ให้ความรู้สึกสบายใจและมั่นคงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาครับ
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร พ.ย. 12, 2013 9:29 am | 0 คอมเมนต์
Paul VI เขียน: ขอบคุณการลงทุนแนว VI ที่ให้ความรู้สึกสบายใจและมั่นคงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาครับ
มาทักทายชื่อใหม่ "มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า" เป็นชื่อที่ความหมายดีมากเลยค่ะ
และขอขอบคุณการลงทุนแนว VI เหมือนพี่หมอมุขด้วยค่ะ
(ยังไม่ค่อยมั่งคั่งเท่าไหร่...แต่ก็จะทำให้ดีที่สุดตามศักยภาพของตนเองค่ะ )
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร พ.ย. 12, 2013 11:56 am | 0 คอมเมนต์
theenuch เขียน: Paul VI เขียน: ขอบคุณการลงทุนแนว VI ที่ให้ความรู้สึกสบายใจและมั่นคงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาครับ
มาทักทายชื่อใหม่ "มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า" เป็นชื่อที่ความหมายดีมากเลยค่ะ
และขอขอบคุณการลงทุนแนว VI เหมือนพี่หมอมุขด้วยค่ะ
(ยังไม่ค่อยมั่งคั่งเท่าไหร่...แต่ก็จะทำให้ดีที่สุดตามศักยภาพของตนเองค่ะ )
ยินดีมากครับ
แนวคิดการใช้ชีวิตของคุณนุช ดีมากครับ น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน
วันนี้เผลอดูเพิ่งเห็นว่ากระทู้นี้มีคน view ไป จะ 190000 กว่า view แล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าจะ 2 แสนแล้ว
ตอนเริ่มตั้งกระทู้นี้ ก็เป็นกระทู้ตั้งเพื่อมาบ่น ว่าแนว VI นี้ยากเหลือเกิน
ไปๆมาๆ ก็อยู่รอดมาได้ ถึงทุกวันนี้