มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
เกล้า
Verified User
โพสต์: 1165
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4501

โพสต์

Paul VI เขียน:ประสบการณ์การลงทุนวีไอ กว่า 20 ปี ของ นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ ให้เคล็ดลับการลงทุนไว้ว่า หัวใจของ VI มี 2 ข้อหลักๆ คือ 1. เราต้องลงทุนเปรียบเสมือนเป็นเจ้าของธุรกิจ 2. เราต้องซื้อหุ้นให้มีความปลอดภัย ติดตามชมสไตล์การลงทุนของคุณหมอท่านนี้ได้ ในวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย.56 เวลา 17.30 น. ทางกรุงเทพธุรกิจทีวี

https://www.facebook.com/photo.php?v=247444105403450
รอชมครับ...พี่หมอมุขไม่สบายหายดีแล้วเหรอครับ...รักษาสุขภาพและหายป่วยไวๆครับพี่หมอ :D
ควรทุ่มเทเจริญให้มาก..ในงานที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง..
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4502

โพสต์

Paul VI เขียน:
รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติเช่นกันครับ

ผมเป็นคนซื่อๆตรงๆครับ รู้สึกยังไงก็เขียนไปตามนั้นครับ มีอะไรก็พยายามบอกครับ

แต่ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยมีอะไรจะเขียนเพิ่มเลยไม่ได้ update กระทู้นี้ คุณนุช มีอะไรก็มา update ที่กระทู้นี้ได้เลยครับ ยินดีมากครับ

คุณนุช ได้ดูรายการ VI สายดำ หรือเปล่าครับ ทาง กรุงเทพธุรกิจทีวี รายการนี้ กรรมการของสมาคมเรา คือ น้องหลินจือ Linchi กับ น้องกานต์ Mario เป็นคนคอยดูแล ออกอากาศวันอาทิตย์ตอนเย็น 17.25 น โดยประมาณ

อาทิตย์ เป็นคิวที่ผมเคยไปบันทึกเทปไว้ได้ซักเกือบ 2 เดือนแล้วครับ เชิญคุณนุช และเพื่อนๆน้องๆดูได้นะครับ
ชมตัวอย่างไปแล้ว...ต้องติดตามชื่นชมแน่นอนค่ะ ขอบคุณมากนะคะ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4503

โพสต์

เกล้า เขียน:
Paul VI เขียน:ประสบการณ์การลงทุนวีไอ กว่า 20 ปี ของ นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ ให้เคล็ดลับการลงทุนไว้ว่า หัวใจของ VI มี 2 ข้อหลักๆ คือ 1. เราต้องลงทุนเปรียบเสมือนเป็นเจ้าของธุรกิจ 2. เราต้องซื้อหุ้นให้มีความปลอดภัย ติดตามชมสไตล์การลงทุนของคุณหมอท่านนี้ได้ ในวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย.56 เวลา 17.30 น. ทางกรุงเทพธุรกิจทีวี

https://www.facebook.com/photo.php?v=247444105403450
รอชมครับ...พี่หมอมุขไม่สบายหายดีแล้วเหรอครับ...รักษาสุขภาพและหายป่วยไวๆครับพี่หมอ :D
ขอบคุณมากครับ น้องเกล้า ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วครับ หายเกือบ 100 % แล้วครับ

เพิ่งรู้ว่าพออายุเรามากขึ้น เราหายยากกว่าเดิม แถมต้องพักฟื้นนานกว่าเดิมเยอะเลยครับ
:D
theenuch เขียน:
Paul VI เขียน:
รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติเช่นกันครับ

ผมเป็นคนซื่อๆตรงๆครับ รู้สึกยังไงก็เขียนไปตามนั้นครับ มีอะไรก็พยายามบอกครับ

แต่ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยมีอะไรจะเขียนเพิ่มเลยไม่ได้ update กระทู้นี้ คุณนุช มีอะไรก็มา update ที่กระทู้นี้ได้เลยครับ ยินดีมากครับ

คุณนุช ได้ดูรายการ VI สายดำ หรือเปล่าครับ ทาง กรุงเทพธุรกิจทีวี รายการนี้ กรรมการของสมาคมเรา คือ น้องหลินจือ Linchi กับ น้องกานต์ Mario เป็นคนคอยดูแล ออกอากาศวันอาทิตย์ตอนเย็น 17.25 น โดยประมาณ

อาทิตย์ เป็นคิวที่ผมเคยไปบันทึกเทปไว้ได้ซักเกือบ 2 เดือนแล้วครับ เชิญคุณนุช และเพื่อนๆน้องๆดูได้นะครับ
ชมตัวอย่างไปแล้ว...ต้องติดตามชื่นชมแน่นอนค่ะ ขอบคุณมากนะคะ :D
ขอบคุณมากครับ

อาทิตย์ที่ 29 มีต่อตอน 2 ตอนเจาะลึก หุ้นกลุ่มรับเหมา ครับ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4504

โพสต์

โลกในมุมมองของ Value Investor 21 กันยายน 2556
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Fund Flow

​ตัวเลขที่นักเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยติดตามมากที่สุดตัวหนึ่งนอกจากดัชนีตลาดก็คือ ข้อมูลการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติประจำวัน นอกจากนั้น นักวิเคราะห์หุ้นเองก็มักจะคอยดูว่านักลงทุนต่างชาติกำลังขายหรือกำลังซื้อหุ้นสุทธิอยู่และก็อาจจะนำไปพยากรณ์ว่าวันพรุ่งนี้หุ้นจะขึ้นหรือหุ้นจะลง เหตุผลก็คือ คนที่อยู่ในวงการหุ้นแทบทุกคนต่างก็เชื่อว่า ถ้านักลงทุนต่างชาติซื้อ หุ้นก็จะขึ้น และถ้าพวกเขาขาย หุ้นก็จะลง อิทธิพลของนักลงทุนต่างชาตินั้นค่อนข้างสูง เหตุผลก็เพราะว่าพวกเขามักจะเข้ามาซื้อหรือขายพร้อม ๆ กันในหุ้นตัวใหญ่ที่มีผลต่อดัชนีตลาดสูง ดังนั้น ถ้ารู้ว่าพวกเขาจะเข้ามาซื้อ หุ้นก็จะขึ้น นักลงทุนไทยก็จะเข้าไปซื้อด้วยเพื่อที่จะ “เกาะกระแส” การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ตรงกันข้าม ถ้า “ฝรั่ง” ขาย เราก็ต้อง “โกย” แต่ประเด็นก็คือ เราจะสามารถเล่นหุ้นหรือลงทุนตาม “Fund Flow” หรือการเข้ามาซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติได้หรือไม่? และต่อไปนี้คือความเห็นของผมเกี่ยวกับเรื่องของ Fund Flow ซึ่งไม่จำกัดอยู่ที่การไหลเข้าตลาดหุ้นของ “เงินฝรั่ง”หรือ “เงินไทย”

​ข้อสังเกตของผมเรื่องแรกก็คือ ผมไม่แน่ใจว่าการซื้อหรือขายหุ้นสุทธิของนักลงทุนต่างชาติประจำวันนั้น ถ้าดูตามสถิติแล้วมีผลต่อดัชนีหุ้นไทยจริง ๆ หรือไม่ ผมเองเคยศึกษาเรื่องนี้นานมาแล้วในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังเล็กและยังไม่เป็นที่นิยมของคนไทยมากนักย้อนหลังไปน่าจะไม่ต่ำกว่า 20 ปี ในครั้งนั้นผมจำได้ว่าตัวเลขออกมาชัดเจนขนาดบอกได้ว่า ถ้าต่างชาติซื้อสุทธิ 1,000 ล้านบาท ดัชนีขึ้นไป 7 จุด อะไรทำนองนี้ แต่ในช่วงหลังผมไม่แน่ใจว่ายังมีผลหรือไม่ ถ้าจะให้เดา ผมคิดว่าไม่มีผลแล้วในยามที่คนไทยโดยเฉพาะนักลงทุนส่วนบุคคลมีการซื้อขายหุ้นในปริมาณที่มากล้น จริงอยู่ ในบางช่วงที่ต่างชาติซื้อสุทธิในปริมาณที่มากเป็น 2-3,000 ล้านบาทต่อวันขึ้นไป เราอาจจะเห็นว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างโดดเด่นเป็นเลขสองหลัก แต่ถ้าพวกเขาซื้อหรือขายสุทธิเพียงเล็กน้อยในระดับไม่เกิน 5-600 ล้านบาทต่อวัน ผลที่มีต่อดัชนีอาจจะไม่ชัดเลยในทางสถิติ และถ้าเป็นแบบนี้ การซื้อขายหุ้นสุทธิของนักลงทุนต่างชาติจึงอาจจะไม่มีผลอะไรเลยยกเว้นแต่ว่าเป็นการซื้อหรือขายสุทธิในปริมาณที่มากกว่าปกติ เช่น เกินหนึ่งพันล้านบาทต่อวันขึ้นไป นี่เป็นประเด็นแรก

​ประเด็นที่สองที่ตามมาก็คือ ถ้าต่างชาติซื้อสุทธิมากและหุ้นจะขึ้นเป็นเรื่องจริง เราก็อาจจะไม่สามารถทำเงินจากการซื้อขายหุ้นได้ถ้าเราไม่ได้ซื้อหุ้นไว้ก่อน การที่เราจะเข้าไปซื้อหุ้นหลังจากที่เห็นข้อมูลการซื้อขายหุ้นประจำวันแล้วกลับจะเป็นการเข้าไปซื้อหุ้นในราคาที่สูงขึ้นไปแล้ว ผลก็คือ เราอาจจะขาดทุนได้ ดังนั้น การซื้อขายหุ้นโดยอิงกับข้อมูลการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติประจำวันจึงไม่มีประโยชน์ถ้าเราไม่รู้ว่าเขายังจะซื้อหุ้นสุทธิหรือขายหุ้นสุทธิมาก ๆ อีกหรือเปล่าในวันพรุ่งนี้หรือวันต่อ ๆ ไป

​ข้อถกเถียงของคนที่เชื่อในการเล่นหุ้นตาม Fund Flow ของต่างชาติก็คือ เราสามารถคาดการณ์ “การเคลื่อนย้ายของเงินต่างชาติ” ได้ และการเคลื่อนย้ายนี้จะมาเป็นระลอก ไม่ใช่มาวันเดียวจบ ดังนั้น ถ้าเราเห็นเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาซื้อหรือขายหุ้นหนัก ๆ ติดต่อกันหลายวัน เราก็น่าจะสามารถบอกได้ว่าแนวโน้มจะยังเป็นเช่นนั้นต่อไปอีกระยะหนึ่ง และการเล่นหุ้นตามกระแสเงินไหลเข้าออกของต่างชาติน่าจะทำให้เราสามารถทำกำไรได้ คนที่ถกเถียงเรื่องแบบนี้นั้นยังมักจะมีเหตุผลในเชิงการเงินและเศรษฐกิจประกอบอีกมาก อย่างเช่นในช่วงนี้ก็พูดถึงเรื่อง “การผ่อนคลายเชิงปริมาณ” ของอเมริกาหรือ QE ว่าจะมีผลต่อการเคลื่อนย้ายของกระแสเงินกันอย่างไร เป็นต้น โดยส่วนตัวผมเองนั้น ผมคิดว่าการพยากรณ์เรื่อง Fund Flow เป็นเรื่องที่ยาก หรือถึงแม้จะพยากรณ์ได้ถูกต้องแต่ก็อาจจะไม่มีประโยชน์ถ้าคนอื่นหรือคนส่วนใหญ่ก็พยากรณ์ได้ถูกต้อง ตัวอย่างเช่นเรื่องของ QE นั้น ทุกคนก็รู้ว่าในที่สุดธนาคารกลางของสหรัฐก็ต้องลดอยู่ดี แต่ในวันที่ประกาศลด เงินลงทุนต่างชาติที่อยู่ในตลาดหุ้นไทยอาจจะไม่ได้ไหลออกก็ได้ เหตุผลก็เพราะนักลงทุนที่กลัวเรื่องนี้ต่างก็ถอนตัวออกไปหมดก่อนหน้านี้แล้วเพราะเขาคาดว่าการทำ QE นั้นจะต้องลดลงในที่สุด เขาจึง “หนี” ก่อน

​สิ่งที่ผมสนใจเกี่ยวกับเรื่องของ “Fund Flow” จริง ๆ นั้นอยู่ที่กระแสเงินที่ไหลเข้าตลาดหุ้นในระยะยาวโดยเฉพาะของคนในประเทศ เหตุผลก็เพราะว่า การเคลื่อนย้ายเงินจากสถาบันการเงินหรือจากที่ไหนก็ตามเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นในขณะที่จำนวนหุ้นจดทะเบียนมีการเพิ่มขึ้นน้อยมากนั้น จะเป็นพลังที่สำคัญในการผลักดันราคาหุ้นให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องยาวนาน พูดง่าย ๆ ความต้องการหรือ Demand ของหุ้นมีมาก แต่ Supply หรือจำนวนหุ้นที่มีไว้ขายมีน้อย หุ้นก็ขึ้น

​ในช่วงเวลาหนึ่งของประเทศใดประเทศหนึ่งนั้น อาจจะมีช่วงเวลาที่คนในประเทศมีเงินสดมากกว่าปกติ ในขณะที่มีภาระค่าใช้จ่ายน้อยกว่าปกติ ทำให้คนหรือประเทศมีเงินเหลือมาก ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยต่ำลงมาก ดังนั้น เงินบางส่วนก็ถูกผันไปลงทุนในตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ผลก็คือราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น กระบวนการนี้อาจจะเกิดขึ้นนาน อาจจะเนื่องจากมันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของสังคมที่ไม่ใช่เรื่องชั่วคราว ผมกำลังบอกว่าอายุของประชากร ซึ่งสัมพันธ์กับรายได้และรายจ่ายของคนในประเทศอาจจะมีส่วนสำคัญต่อเรื่องของ Fund Flow ที่ไหลเข้าออกจากตลาดหุ้นมากจนทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีทิศทางและแนวโน้มทางใดทางหนึ่งต่อเนื่องยาวนาน

​ถ้าเราลองคิดถึงว่าคน ๆ หนึ่งนั้น ช่วงเวลาในชีวิตของเขาที่เริ่มทำงาน แต่งงาน มีลูก เงินที่เขาหาได้นั้น มักจะต้องถูกใช้จ่ายไปแทบจะไม่เหลือสำหรับคนที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมาก แต่เมื่อลูก ๆ โตและทำงานได้แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาที่เขามีอายุประมาณ 45-60 ปี เขาก็จะมีเงินเหลือมากทีเดียวเนื่องจากไม่ต้องเลี้ยงดูลูกและไม่ต้องผ่อนบ้านที่ผ่อนไปจนหมดแล้ว นอกจากนั้น เขาก็ต้องเริ่มเก็บและ “ลงทุน” เพื่อการเกษียณที่จะตามมา ดังนั้น เงินนี้บางส่วนก็จะ “ไหล” เข้าตลาดหุ้น ประเด็นก็คือ ถ้าประเทศใดประเทศหนึ่งนั้น มีอัตราการเกิดของเด็กใหม่ที่ลดลงและทำให้สังคมประกอบไปด้วยคนที่มีอายุระหว่าง 45-60 ปีมากขึ้น นี่ก็จะส่งผลให้มีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นมากเป็นพิเศษ และการไหลนี้จะต่อเนื่องประมาณ 10-15 ปี จนกว่าคนจะแก่และเลิกทำงานซึ่งทำให้มีเงินน้อยลงและเงินก็อาจจะเริ่มไหลออกจากตลาดหุ้นไปเรื่อย ๆ

​อาการเงินไหลเข้าตลาดหุ้นยาวนานและทำให้ดัชนีหุ้นขึ้นเป็นสิบปีขึ้นไป และหลังจากนั้นหุ้นก็โตช้าลงยาวนานนั้น เคยเกิดขึ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์คในช่วงทศวรรษ ปี 1991-2000 ที่หุ้นปรับตัวขึ้นจาก ประมาณ 2600 จุดเป็น 10450 จุด หรือประมาณ 4 เท่าในเวลา 10 ปี คิดเป็นการเพิ่มขึ้นปีละ 15% แบบทบต้น ซึ่งถือว่าเป็น“ประวัติการณ์” ครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลา 13 ปี ดัชนีดาวโจนส์ขึ้นมาอยู่ที่เพียง 15450 จุดหรือขึ้นมาแค่ 50% คิดเป็นผลตอบแทนทบต้นเพียงปีละ 3% เท่านั้น

​ตลาดหุ้นไทยนั้น ตั้งแต่ต้นปี 2544 ที่ดัชนีตลาดอยู่ที่ประมาณ 270 จุด จนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 13 ปี ได้ปรับขึ้นเป็น 1500 จุด หรือประมาณ 5.5 เท่า คิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 14.5% นับเป็นการเติบโตต่อเนื่องยาวนานและสอดคล้องกับอายุของประชากรที่ดูเหมือนว่ากำลังมีรายได้สูง ลูกโต และกำลังใกล้เกษียณดังที่กล่าวไว้ อนาคตของตลาดหุ้นไทยนั้น ถ้าเชื่อในทฤษฎีดังกล่าว ประกอบกับการที่คนไทยกำลังเข้าสู่สังคมคนสูงอายุในเวลาอาจจะ 10-20 ปีข้างหน้า ผมก็คิดว่าในที่สุดผลตอบแทนการลงทุนก็จะลดลงไปยาวนาน แต่ในระหว่างนี้ กระแสเงินจากคนไทยก็น่าจะยังไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไม่น้อยและน่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยดีต่อไปได้อีกระยะหนึ่งอาจจะ 5-10 ปี แต่หลังจากนั้นเราก็อาจจะต้องไปลงทุนในตลาดอื่นที่คนยังหนุ่มและเพิ่มขึ้นเร็วอย่างในประเทศ AEC ส่วนใหญ่ เพื่อที่จะให้ได้ผลตอบแทนที่ดีต่อไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4505

โพสต์

เอามาฝากให้เพื่อนๆน้องๆ ครับ

youtube ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนแรกของ vi สายดำ

[youtube]YrGy1WhJ7qI[/youtube]
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4506

โพสต์

สวัสดีพี่น้องทุกคน ในวันมหิดล ครับ

เอาเกร็ดของ วันมหิดล มาฝากพวกเราครับ
วันมหิดล ตรงกับวันที่ 24 กันยายนของทุกปี อันเป็นวันคล้ายวันสวรรคต[1]ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (สมเด็จฯ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์) พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ประกาศให้วันดังกล่าวเป็นวันมหิดล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2494 ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินทรงวางพวงมาลา ณ พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จฯ พระบรมราชชนก ภายในโรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ที่เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2493[2]
กิจกรรมรับบริจาคสมทบทุนศิริราชมูลนิธิ[แก้]



ธงที่ระลึกแบบแรกสุด

เมื่อปี พ.ศ. 2503 ศาสตราจารย์นายแพทย์กษาณ จาติกวณิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช มีดำริให้จัดทำของที่ระลึกขึ้น เพื่อมอบเป็นสิ่งตอบแทน แก่ผู้บริจาคช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ของโรงพยาบาล เป็นธงรูปสามเหลี่ยม ทำจากผ้าต่วนสีขาว พิมพ์ภาพพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จฯ พระบรมราชชนก ล้อมรอบด้วยอักษรข้อความ "ที่ระลึกวันมหิดล - วันที่ ๒๔ กันยายน" อยู่ส่วนบน และข้อความ "โรงพยาบาลศิริราช" อยู่ส่วนล่าง โดยทั้งหมดเป็นสีเขียว สำหรับผู้บริจาคตั้งแต่ 10 บาทขึ้นไป และแถบริบบินสีต่างๆ พิมพ์ภาพ(อยู่ซ้ายมือ)และข้อความ(เป็นแนวตรงเรียงแถวสามบรรทัดอยู่ขวามือ)เช่นเดียวกับบนผืนธง สำหรับผู้บริจาคตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ซึ่งทางโรงพยาบาลมอบหมายให้สโมสรนักศึกษาแพทย์ จัดสรรแก่หน่วยนักศึกษาแพทย์และนักเรียนพยาบาล ที่อาสาออกรับเงินบริจาคในวันที่ 24 กันยายนเพียงวันเดียว แต่ก็ได้รับบริจาคมาเป็นเงิน 69,758 บาท 45 สตางค์[3]

ในปีถัดมา (พ.ศ. 2504) มีการผลิตธงเพิ่มเป็นสามขนาด โดยจะมอบธงขนาดใหญ่ ให้แก่ผู้บริจาคตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป พร้อมทั้งเพิ่มธงสีเขียว พิมพ์ภาพและข้อความด้วยสีขาว อีกลักษณะหนึ่งด้วย จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 จึงเริ่มใช้สีธงตามวันในสัปดาห์ที่ตรงกับวันที่ 24 กันยายน โดยในปีนั้นตรงกับวันเสาร์ จึงผลิตธงด้วยผ้าสักหลาดสีม่วงขึ้นเป็นครั้งแรก และใช้หลักการดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเริ่มการจัดทำเสาไม้สีขาวพร้อมติดธง เพื่อมอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้บริจาคตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไปอีกด้วย[4] ต่อมาภายหลัง ก็ยกเลิกการผลิตริบบิน และเปลี่ยนมาเป็นแผ่นสติกเกอร์ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีต่างๆ ซึ่งมีภาพและข้อความเช่นเดียวกันขึ้นทดแทน รวมถึงกลุ่มนักศึกษาแพทย์และนักเรียนพยาบาล ก็จัดเพิ่มวันออกหน่วยรับบริจาค เนื่องจากมีผู้บริจาคมากขึ้นเรื่อยๆ

จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2520 ธงที่ระลึกซึ่งเตรียมไว้ มีไม่เพียงพอกับการมอบให้ผู้บริจาค กลุ่มอาสามหาวิทยาลัยมหิดล (ก่อตั้งเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2510 ด้วยชื่อเริ่มต้นว่า กลุ่มอาสามหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์) จึงร่วมแรงร่วมใจกันช่วยจัดทำ จนมีพอเพียงกับความต้องการของผู้บริจาค ในปีต่อมา โรงพยาบาลศิริราชจึงจัดจ้างกลุ่มอาสาฯ ให้เป็นหน่วยหลักในการผลิตธงที่ระลึก มาจนถึงทุกวันนี้[5] ปัจจุบัน กิจกรรมออกหน่วยรับบริจาค ของคณะนักศึกษาแพทย์และนักเรียนพยาบาลศิริราช จะนำเงินเข้าสมทบทุนศิริราชมูลนิธิ (ก่อตั้งเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2512) โดยเมื่อบริจาคตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป จะได้รับธงที่ระลึกวันมหิดลขนาดใหญ่ เมื่อบริจาคตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป จะได้รับธงที่ระลึกวันมหิดลพร้อมเสาธง เมื่อบริจาคตั้งแต่ 20 บาท จะได้รับธงที่ระลึกวันมหิดล และเมื่อบริจาคสมทบทุน จะได้รับสติกเกอร์ที่ระลึกวันมหิดล
รูปภาพ

ปีนี้ อย่าลืมช่วยอุดหนุนบริจาค ธงวันมหิดล นะครับ

ปีนี้ สีชมพู ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4507

โพสต์

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ย. 56)-

-นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า จากการเปิดรับซื้อไฟฟ้าหลังจากโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) วันแรก(23 ก.ย.-11 ต.ค.)

โครงการ Solar Pv Rooftop ทั้งอาคารบ้านเรือนและอาคารโรงงานจะเปิดให้ยื่นเสนอขายไฟ 200 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นภาคธุรกิจ 100 เมกะวัตต์ บ้านที่อยู่อาศัย 100 เมกะวัตต์ เปิดให้ยื่นได้ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)ตามเขต 120 เมกะวัตต์ และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)จำนวน 80 เมกะวัตต์ วันแรกมีกลุ่มอาคารธุรกิจหรือโรงงานที่สนใจยื่นที่ กฟภ.จำนวนทั้งสิ้น 842 ราย แบ่งเป็นภาคเหนือ 123 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 184 ราย ภาคกลาง 443 ราย ภาคใต้ 92 ราย ส่วนกลุ่มบ้านอยู่อาศัย ของ กฟภ. 12 เขตทั่วประเทศ ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล

ส่วนที่ กฟน. มีผู้ยื่นคำขอขายไฟฟ้าทั้งสิ้น 424 ราย แบ่งเป็น กลุ่มอาคารธุรกิจหรือโรงงาน ยื่น ณ กฟน.สำนักงานใหญ่ เพลินจิต 312 ราย และกลุ่มบ้านอยู่อาศัยยื่น 18 เขต มีจำนวนทั้งสิ้น 111 ราย

ทั้งนี้ หากกลุ่มอาคารธุรกิจหรือโรงงานมีผู้มายื่นคำขอจนเกิดอัตราที่กำหนดไว้ที่ 100 เมกะวัตต์ จะทำการเก็บรายชื่อผู้ยื่นแบบคำขอที่ในส่วนที่เกินไว้รอจนกว่าจะมีนโยบายเพิ่มเติม แต่ในส่วนของอัตรารับซื้อไฟฟ้า(Feed in Tariff) อาจมีการปรับเปลี่ยน

สำหรับแนวทางการกำกับดูแลการคัดเลือกผู้ขายไฟฟ้าในระบบ Solar PV Rooftop จะใช้วิธีการคัดเลือกโดยเรียงลำดับตามคำขอที่ได้รับเอกสารที่ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยพิจารณาจากคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ประกาศกำหนด ใครมาก่อนและมีความพร้อมจะได้รับสิทธิก่อน ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดระบบขั้นตอนการยื่นแบบคำขอเป็นไปด้วยความโปร่งใสและยุติธรรม รวมถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยและอำนวยความสะดวก รวดเร็วให้กับผู้ที่มายื่นแบบคำขอ จึงได้มอบหมายให้ กฟน. และ กฟภ. เป็นผู้บริหารจัดการการรับแบบคำขอขายไฟฟ้าตามความเหมาะสมและจำเป็น จากนั้นการไฟฟ้าจะทำการเรียงคำขอแต่ละพื้นที่จนครบ 100 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นการให้ความเป็นธรรมกับผู้สนใจจะผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าทุกราย

"ที่ผ่านมา สำนักงาน กกพ. ได้ประสานความพร้อมในการเปิดจุดรับยื่นคำขอจำหน่ายไฟฟ้ากับทั้ง 2 การไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มีการออกประกาศคณะกรรมการกำกับกิจพลังงาน ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยได้แยกสถานที่การยื่นแบบคำขอขายไฟฟ้าของกลุ่มอาคารธุรกิจหรือโรงงานในพื้นที่ของ กฟน.ให้มายื่นแบบคำขอขายไฟฟ้า ณ ที่ทำการ การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เพลินจิต เท่านั้น ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวกต่อการยื่นแบบคำขอขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น" นายดิเรก กล่าว

และหลังจากวันที่ 14 ต.ค.56 เป็นต้นไป ทั้ง 2 การไฟฟ้าฯ จะทยอยประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก โดยหลังจากที่มีการประกาศผลการรับซื้อแล้ว ผู้ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการสามารถเริ่มดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตประเภทต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยโครงการที่อยู่ในพื้นที่ของ กฟน. สามารถติดต่อขอรับแบบฟอร์มต่างๆ เช่น แบบแจ้งขอดัดแปลงอาคาร แบบคำขอรับใบอนุญาตให้ผลิตพลังงานควบคุม แบบแจ้งขอยกเว้นไม่ต้องขอรับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า และแบบฟอร์มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ที่ สำนักงาน กกพ. อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น19 ฝ่ายใบอนุญาต ส่วนโครงการที่อยู่พื้นที่ของ กฟภ.สามารถติดต่อขอรับเอกสารดังกล่าวได้ที่ สำนักงาน กกพ. ประจำเขตทั้ง 13 เขต ทั่วประเทศ

กรณีต้องขออนุญาตดัดแปลงอาคาร ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถยื่นแจ้งดัดแปลงอาคารได้ที่ สำนักงาน กกพ. หรือ สำนักงาน กกพ. ประจำเขตทั้ง 13 เขต และเมื่อได้ใบรับแจ้งการดัดแปลงอาคารแล้วหรือเป็นอาคารที่เข้าข่ายไม่ต้องขอรับใบอนุญาตดัดแปลงอาคาร ผู้เข้าร่วมโครงการจะสามารถเริ่มติดตั้งระบบ Solar PV Rooftop ได้โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน ซึ่งเมื่อติดตั้งระบบแล้วเสร็จให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ผลิตพลังงานควบคุม (พค.2) และแบบแจ้งการประกอบกิจการพลังงานที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอรับใบอนุญาต ได้ที่ สำนักงาน กกพ. หรือ สำนักงาน กกพ. ประจำเขต 13 เขต หลังจากที่ได้รับใบอนุญาต พค.2 แล้ว ให้แจ้งการไฟฟ้าฯ เพื่อตรวจสอบการเชื่อมต่อระบบ ซึ่งหากเป็นไปตามมาตรฐานที่การไฟฟ้าฯ กำหนดก็จะสามารถเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้ ทั้งนี้ต้องเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบภายในวันที่ 31 ธ.ค.56
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4508

โพสต์

ใกล้ปีใหม่แล้ว ส่วนตัวผมเป็นคนชอบท่องเที่ยวมากๆๆๆๆๆ

ปีนี้เลยจะมาถามว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เตรียมไปเที่ยวปีใหม่ X Mas กันที่ไหนบ้างครับ

ปีที่แล้วช่วงปีใหม่ ผมไปเที่ยว ญี่ปุ่น จำได้ว่า ว่างๆจะมารีวิว เที่ยวให้แล้วก็ไม่ว่างๆซะที จนลืมไปเลยครับ

งั้นตั้งแต่วันีี้จะทะยอยๆเอารูปไปเที่ยว พร้อมรีวิว เท่าที่จำได้มาทะยอยลงครับ

ภาพนี้ถ่ายตอนนั่งบนรถทัวร์ กำลังจะไปสกี รีสอร์ท ที่ตีนเขา ฟูจิครับ เอามาเรียกน้ำย่อยกันก่อนครับ :mrgreen:
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4509

โพสต์

เริ่มเดินทางกันเลยนะครับ

คราวนี้ ผมเลือกเดินทางไปกับทัวร์ก่อนครับ ไว้คราวหน้าคงไปกันเอง

อยากเดินทางสบายๆ ไม่ต้องเตรียมการเองเยอะ แต่แน่นอนก็อาจจะต้องเจอ ระบบ 6-7-8 ใครไปเที่ยวบ่อยๆ คงพอคุ้นๆกับรหัสนี้จากไกด์นะครับ 555

หรือไม่ก็เที่ยวแบบชะโงก กับ ชะแวบ ทัวร์ จะหยุดตามใจชอบเพื่อเที่ยวที่ชอบนานไม่ค่อยได้ แต่ก็เอาเถอะ ขอให้เที่ยวเป็นพอ สำหรับผม :mrgreen:
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4510

โพสต์

วันแรกเดินทางถึง สนามบิน คันไซ อากาศเย็นได้ใจเลย เริ่มมีหิมะโปรยปรายมานิดหน่อย

จากนั้นก็เดินทางไป ที่เมืองนารา เมืองหลวงแห่งแรกของญี่ปุ่น สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1253

แล้วเราก็ไป วัดโทไดจิ

เป็นวัดที่มีความสำคัญที่สุดในเมืองนารา มีเสาถึง 18 ต้น รองรับหลังคา เป็นสถาปัตยกรรมชิ้นงามสมัยคามาคุระ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1286 สิ่งสำคัญที่ล้ำค่าที่สุดของวัดนี้คือ หลวงพ่อโตไดบุสสึ สร้างด้วยทองสัมริดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่อโต ซึ่งหลังเดิมถูกไฟไหม้ และสร้างขึ้นใหม่ถึง 2 ครั้ง ซึ่งวิหารหลังปัจจุบันมีขนาดเพียง 2 ใน 3 ของหลังเดิม และยังได้ชื่อว่าเป็นวิหารไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ไปถึงก็ต้องหาอะไรร้อนๆ มาชิมหน่อย คลายหนาว :wink:
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4511

โพสต์

กวาง เยอะมาก เดินไป เดินมา อย่างเชื่องเลยครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4512

โพสต์

สิ่งสำคัญที่ล้ำค่าที่สุดของวัดนี้คือ หลวงพ่อโตไดบุสสึ สร้างด้วยทองสัมริดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่อโต ซึ่งหลังเดิมถูกไฟไหม้ และสร้างขึ้นใหม่ถึง 2 ครั้ง

ภาพความทรงจำ นึกว่าหลวงพ่อโตไดบุสึ จะเป็นอีกองค์ แต่ที่มารู้นั่นคือ เป็นองค์ไดบุสึ ที่วัดคามาคุระ ซึ่งผมก็เดินทางไปไหว้ แต่เป็นวันหลังๆครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4513

โพสต์

อ่านและชมภาพแล้วเหมือนได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยเลยค่ะ

วัดนี้ ที่มีกวางเดินไปเดินมา....
เคยดูในสารคดีและในรูปบ่อยๆ
อยากไปมากๆ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไป

ครอบครัวน่ารักมากๆ เลยค่ะ
ภรรยาพี่หมอมุขน่ารักจัง หน้าเหมือนสาวญี่ปุ่นเลย :D

ถ้าไปเที่ยวเองข้อดีก็คือได้เถลไถลไปเรื่อยค่ะ
แต่ข้อเสียก็คือหลงทางบ้าง ลูกหายบ้าง
นุชเคยต้องใช้บริการตำรวจที่ญี่ปุ่นเลย
กว่าจะหาคนกลางที่ใช้ภาษาอังกฤษมาช่วยคุย
กับตำรวจได้ก็แทบแย่เลยค่ะ

รอติดตามชื่นชมตอนต่อไปด้วยคนค่ะ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4514

โพสต์

แฟนผมเป็น หมอเด็ก จบที่เดียวกันครับ คุณนุช
มีคนทักเค้าบ่อยครับ ตอนไปเที่ยวที่ไหนซักแห่ง ก็มีคนทักว่านึกว่าเป็นคนญี่ปุ่น :D

ประสบการณ์คุณนุช เรื่องหลงทาง กับ ลูกหาย นี่ตื่นเต้นดีนะครับ

ยิ่งลูกหาย ที่เมืองนอกด้วย ยิ่งตื่นเต้นหนักแน่ๆ ( แต่ผมว่าปนเครียดมากกว่า )

หลายปีก่อน เคยพาลูกไปเที่ยวที่ Central World ตอนนั้นเจ้าลูกชายคนเล็ก เดินเข้าไปใน Toy R Us เอง แล้วไม่มีใครรู้ ก็ให้บังเอิญผมไปทำธุระที่ชั้นล่าง แฟนผมโทรมาบอก เสียงตื่นเต้นและสั่นมาก

ไม่ต้องพูดถึงผมวิ่งจากชั้น 2 สวนบันไดเลื่อนทีเดียวขึ้นชั้น 6 เลย ( เหมือนในหนังเปี๊ยบ) ตกใจมาก เพราะมันกว้างมาก ในใจคิดไปต่างๆนาๆ

โชคดีมีนักท่องเที่ยว ฮ่องกง หรือไต้หวันจำไม่ได้ มาบอกให้ว่า ใช่ เด็กคนนึงที่อยู่ใน Toy หรือเปล่า เข้าไปถึงเจ้าลูกชายคนเล็กยังไม่รู้เลยว่า พ่อแม่นี่แทบใจสลายกันเลยทีเดียว

อ้าวไปเรื่องอื่นซะนาน เดี๋ยวพักใหญ่ๆจะมาอัพรูปเที่ยวญี่ปุ่นต่อครับ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4515

โพสต์

บรรยากาศรอบๆวัด เย็นสบาย สงบ และหนาวครับ :wink:
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4516

โพสต์

หลังจากนั้นก็เดินทางไปหม่ำข้าวเที่ยงกัน

จริงๆ ง่วงเหมือนกันครับ ผู้ใหญ่ สบายๆ แต่เด็กๆนี่ หลับๆตื่นๆเลย คงเป็นเพราะหลับมาบนเครื่องไม่สบายตัวเท่าไหร่ สงสัยคราวหน้าต้องนั่ง Business ( แต่ไม่ VI เท่าไหร่ อิอิ )

เจ้าตัวเล็กตื่นมาเจอหิมะตกโปรยปราย ตื่นเต้นใหญ๋

พอดีถ่ายมาแต่ VDO รูปที่ถ่ายมาจากรถเลยเล็กไปหน่อยครับ

หลังจากนั้นเดินไปหม่ำข้าว หิมะตกไม่ขาดสายเลยทีเดียว หนาวใช้ได้เลย

ที่แน่ๆ เห็นตู้พวกซื้อสินค้าแบบอัตโนมัติ ตั้งเพียบเลยทีเดียว
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4517

โพสต์

ลูกหายในต่างแดน ตื่นเต้นมากจริงๆ ค่ะ
ตอนนั้นเค้าอายุ 9 ขวบ (คุณพ่อลางานยาวไม่ได้เลยไปกันแค่ 2 คนแม่ลูก)

ลูกหายไปในฝูงชนขณะเดินเที่ยวงานประดับไฟ
เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่โกเบค่ะ

ค่อนข้างมั่นใจว่าลูกจำทางเก่ง
เลยเดินย้อนไปที่ Mac Donald ที่แวะล่าสุด

ใจตรงกันจริงๆ ลูกเดินกลับไปที่นั่น
แต่นุชเองที่หา Mac ไม่เจอ (เดินวุ่นอยู่คนเดียวเลย)
ลูกรออยู่ที่ Mac นานเลยเดินย้อนกลับไปที่งานเทศกาลเองอีก

ส่วนนุชก็มัวไปถามทางไป Mac อยู่
มาทราบทีหลังว่าคนญี่ปุ่นไม่เรียก Mac ค่ะ
ถามหา police station หรือ police box เค้าก็ไม่เข้าใจ
เมื่อเค้าไม่สื่อสารด้วย Eng กับเราได้ เค้าก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
ตอนหลังถามหาสถานี JR โชคดีที่เค้ารู้คำว่า JR
เค้าไม่สามารถบอกทางได้อีก...แต่มีน้ำใจพาเดินไปเลยค่ะ

พอถึงสถานี JR ก็ไปหาคนที่พูด Eng ได้ก่อน
จากนั้นค่อยให้คนนี้ช่วยพาไปสถานีตำรวจ
และช่วยแปล Eng เป็นญี่ปุ่นให้ตำรวจทราบ
สักครู่ก็มีตำรวจที่พูด Eng ได้มาช่วยค่ะ
ตำรวจคนนี้เรียนจบจาก US และดีใจใหญ่
ที่มีคนพูดภาษาอังกฤษได้มาให้ได้คุยด้วยบ้าง

และสักครู่เค้าบอกว่าเราเจอลูกคุณแล้วอยู่ไม่ห่างจากจุดที่หลงกันมาก
ทีแรกนึกว่าจะได้นั่งรถตำรวจเหมือนในหนังแล้ว
ที่ไหนได้เค้าพาเดินกลับไปค่ะ แถมชมเราอีกว่าเดินเก่ง
(เพราะไกลจากจุดนั้นถึง 2 สถานีรถ JR ค่ะ)

พอไปเจอลูกนั่งวาดรูประบายสีอยู่ต้องชมเลยว่าทีมเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างดี
หลังคุยกับ จนท. แล้ว ตำรวจท่านนั้นก็มาแปลเป็น Eng ให้ฟังว่า
เค้าให้ลูกคุณเป็นคนกระตุกปิดสวิทช์ไฟของงานเพื่อให้คนกลับค่ะ
(มันเป็นเวลาใกล้เลิกงานพอดีค่ะ) และหาเจ้าที่ผู้หญิงมาดูแล

กลับมาจากญี่ปุ่นครั้งนั้น จึงได้เขียนจดหมายไปที่สถานทูตญี่ปุ่นที่ไทย
เล่าให้ฟังและฝากชื่นชม ทางสถานทูตแปลจดหมายเป็นภาษาญี่ปุ่นให้
และดำเนินการเอาไปส่งต่อจนถึงมือทีมงาน
จนเรื่องราวของนักท่องเที่ยว 2 แม่ลูกที่หลงทาง
และได้รับความช่วยเหลืออย่างดีได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
ทางสถานทูตได้ส่ง mail มาให้ดูด้วย เป็นรูปตำรวจและเจ้าที่ได้ลงหนังสือพิมพ์
พร้อมมีบทสัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์นั้นไว้ด้วยค่ะ

ประมาณ 1 เดือนหลังจากนั้น มีเอกสารส่งมาจากโกเบ
เปิดมาน้ำตาซึมเลย เป็นจดหมายขอบคุณที่แวะมาร่วมระลึกถึงเหตุการณ์
คราวนี้เป็นภาษาอังกฤษมาแล้วค่ะ ค่อนข้างยาวและยังบรรยายถึง
ความรู้สึกของชาวญี่ปุ่นและชาวโกเบว่านานแค่ไหนก็ไม่เคยลืมภาพของเหตุการณ์
พร้อมทั้งของที่ระลึกงานเทศกาลของปีก่อนๆ และยังมีแฟ้มใส่เอกสารพลาสติก
มีโน๊ตเพลงงานดังกล่าวที่เค้าบอกว่าให้นำไปให้คนที่เล่นดนตรีได้เล่นให้ฟัง
ลูกชายนำไปให้ครูสอนเปียโนชาวญี่ปุ่นเล่นให้ฟังลูกบอกคุณครูน้ำตาคลอด้วย

เหตุการณ์ยิ่งทำให้ทราบว่าคนญี่ปุ่นมีความลึกซึ้งมากๆ

ตอนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์แผ่นดินไหว เข้าไปดู VDO พอรู้ว่าเป็นนักท่องเที่ยว
ต่างชาติเค้าจะแจกหูฟังเพื่อให้ฟังเป็นภาษาอักฤษด้วย
ดูจบแล้วเดินตาแดงออกมาเลย เจ้าหน้าที่ก็ดีมากมาบอกว่าเข้าใจนะว่าเศร้า
ตัวเค้าเองนั้นไม่สามารถดูได้เลยค่ะเพราะเค้าสูญเสียครอบครัวไปจากเหตุการณ์นั้น

เล่าไปเล่ามายาวไปแล้ว...รอติดตามเที่ยวญี่ปุ่นจากพี่หมอมุขต่อดีกว่าค่ะ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4518

โพสต์

คุณนุช เก่งมากเลยครับ

แล้วก็ต้องชมเจ้าตัวเล็กว่าเก่งมากๆ สมารถประครองสติ ตัวเองได้อยู่หมัดเลย ตอนนั้นเค้าอายุเท่าไหร่ครับ เก่งจังครับ :cool:

หัวอกแม่ ผมว่าตอนนั้น ไม่ต้องพูดถึง ใครไม่เคยมีลูก ไม่เข้าใจหรอกครับ ว่าระยะเวลาที่เกิดตอนนั้น มันช่างทรมานใจแค่ไหน :roll:

คุณนุช เอารูปญี่ปุ่นมาแจมๆ กันได้เลยนะครับ รวมมิตรญี่ีปุ่นกันซะเลย สนุกดีออกครับ :D
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4519

โพสต์

ตอนที่หลง 9 ขวบค่ะ
ปกติไม่เคยดูคนจากภายนอก
วันนั้นที่สถานี JR ต้องดูเลยค่ะ
เลือกคนใส่สูทผูกไทด์เลยค่ะ
เพราะต้องหาคนที่พูดภาษาอังกฤษได้
ในเวลาจำกัดค่ะ เพราะเริ่มดึกแล้ว

พอเจอกันถามว่าตกใจมั้ยเค้าบอกก็ตกใจ
แต่มั่นใจว่าคุณแม่สามารถแก้ปัญหาได้ค่ะ...(ปลื้มเลย)

ตอนเค้า 7 ขวบ เราก็เคยไปมาครั้งนึง พักบ้านเพื่อนค่ะ
เพื่อนก็พาเที่ยวได้เป็บางวันเพราะลูกเค้าไม่ปิดเทอม

ด้วยความที่เค้าก็ดีกับเรามากๆ แถมไม่ยอมให้ช่วยจ่ายอะไรเลย
วันนึงขากลับจากปราสาทฮิเมจิ ก็ตั้งใจจะแวะซื้อพวกวัตถุดิบทำอาหารและนม
และอื่นๆ เข้าบ้านด้วย ไม่งั้นไม่ทราบจะหาจังหวะไหนช่วยออกเงินค่ะ

พอลงสถานีที่มี Jusco อยู่ มองไปเห็น Jusco ต้องเดินไกล
ลูกคงคำนวณดูแล้วต้องใช้เวลานาน
เค้าบอกว่าอยากกลับเร็วไปเล่นกับพี่กาย (ลูกเพื่อน)
เค้าเสนอว่าเค้าขอกลับเองได้มั้ย

พอดีอย่างที่บอกว่าเค้าเป็นเด็กที่จำทางเก่งมาก
ก็เลยลองถามทวนๆ ดูว่าจำได้มั้ยต้องไปเปลี่ยน
จาก JR rapid เป็น JR local ที่สถานีไหน
เค้าบอกว่าจำได้ ท่าทีมั่นใจมากๆ

โทรไปปรึกษาเพื่อนๆ บอกญี่ปุ่นปลอดภัย
และเค้าคิดว่าน้องทำได้ สังเกตเห็นว่าจำทางแม่นดี

เลยให้เค้าไปค่ะ และให้เหรียญไปหยอดของเล่นเล็กๆ
ที่ร้านชุมชนทางเดินขึ้นเขาไปบ้านเพื่อนด้วยค่ะ

สักชั่วโมงกว่าต่อมา เพื่อนโทรมาบอกว่าเค้ากลับถึงแล้วนะ

ขอบคุณพี่หมอมุขที่อนุญาตให้เอารูปมาแจมได้...เดี๋ยวลองหามาลงค่ะ
เผื่อมีใครกำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นอยู่อาจได้ไอเดีย :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4520

โพสต์

เจ้าตัวเล็ก ของคุณ นุช นี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เก่งและมีไหวพริบดีมากครับ :D
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4521

โพสต์

Paul VI เขียน:เจ้าตัวเล็ก ของคุณ นุช นี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เก่งและมีไหวพริบดีมากครับ :D
ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ :D

ลูกท้ังสองของพี่หมอ
เชื่อแน่ว่าต้องไม่ธรรมดาแน่นอนกันค่ะ
มีทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่เก่งและดีขนาดนี้
รอชื่นชมความสำเร็จได้เลยค่ะ

คิดว่าเด็กๆ ทุกคนเกิดมาพร้อมกับความเก่งในตัวค่ะ
ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง บางคนก็เก่งหลายด้านเลย
หรือเราอาจเรียกมันว่า "ความถนัด" จะดีกว่า
สิ่งสำคัญที่สุด...นอกจากนั้นคือโอกาสค่ะ

เหมือนๆ ต้องมี จุด meet point ที่ลงตัว
ระหว่าง "ความถนัด" และ "โอกาส"
ถ้าใครโชคดีเจอ meet point นั้น...ก็จะรุ่งเร็วค่ะ

ดูเทปพี่หมอมุขแล้วเยี่ยมมากๆ ค่ะ
บังอาจมาชมผู้หลักผู้ใหญ่หรือเปล่าเนี่ยเรา

คือไม่ทราบจะบรรยายยังไงดีค่ะ
พบว่าผู้สำเร็จหลายๆ ท่านมีความสอดคล้องกันอยู่มาก
เมื่อวันก่อนดู "คุณโจ_ลูกอิสาน" ก็เช่นกันค่ะ
พบลักษณะร่วมกันของผู้ประสพความสำเร็จอยู่หลายประการ

คิดว่าแนวทางที่จะทำให้เราสำเร็จบ้าง
คือต้องเรียนรู้จากผู้สำเร็จและนำหลักการมาใช้ค่ะ
นุชก็ชอบดูเทปของแต่ละท่านนะคะ
อ่านหนังสืออัตชีวประวัติก็เป็นอีกทางที่ดี

สรุปแล้วนอกจากได้ประโยชน์แก่ตัวเราแล้ว
ยังเอาไว้สอนลูกได้ด้วย หลายเทปถ้ามีโอกาสก็จะให้ลูกดูด้วยค่ะ
รอติดตามตอนต่อไปที่พี่หมอมุขคงจะ
นำ link มาไว้ในกระทู้นี้ด้วยค่ะ...ขอบคุณมากค่ะ :D
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4522

โพสต์

ทางเดินไปฮิเมจิ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4523

โพสต์

Ferris Wheel ฉากหลังคือ osaka aquarium ค่ะ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4524

โพสต์

หน้าพิพิธภัณฑ์ earthquake ค่ะ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4525

โพสต์

นี่ไม่ใช่พวกเรานะคะ เขาคือ homeless ค่ะ
เดี๋ยวนี่ที่ญี่ปุ่นมีเพิ่มมากขึ้นแล้วค่ะ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4526

โพสต์

แค่นี้ดีกว่าค่ะปรับรูปไม่ค่อยเป็นเดี๋ยวเล็กเดี๋ยวใหญ่...เกรงใจค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4527

โพสต์

ภาพสุดท้าย

เห็นแล้ว สะอึกเลยนะครับ :cry:

ไม่ว่าจะทุนนิยมขนาดไหน ก็ต้องมีบางคน ที่เดินหมากรุกของชีวิต ผิดคาดไปจากที่ตัวเองคิด... :roll:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4528

โพสต์

นำเที่ยวต่อครับ กองทัพเดินด้วยท้อง :mrgreen:

มื้อใหญ่ มื้อแรกที่แตะญี่ปุ่น ภายหลังการเดินทางฝ่าความหนาว และหิมะที่โปรยปรายมา

อาหารร้อนๆ และความหิว ทำให้ความอร่อยเพิ่มทวีคูณเลยทีเดียว :ep:
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4529

โพสต์

หลังจากกินจนอิ่มแปล้ และหายหนาวแล้ว พวกเราก็เดินทางสู่ วัดคิโยมิสึ หรือ วัดน้ำใส

วัดคิโยมิสึ หรือ วัดน้ำใส มีอายุเก่าแก่ยิ่งกว่าเมืองเกียวโต คือมีอายุยาวนานกว่า 1,200 ปี จุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของวัดคือ ห้องโถงใหญ่ สร้างยื่นออกจากหน้าผา มีเสาไม้ขนาดใหญ่ 139 ต้น ค้ำยัน และสิ่งที่น่าอัศจรรย์ คือ สร้างโดยไม่ได้ใช้ตะปูเลย ดังนั้นองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลงทุนอย่างเพียงพอ แบบชาวหมอ VI

โพสต์ที่ 4530

โพสต์

นอกจากให้ข้อคิดการลงทุน (ที่จริงๆ แล้วแสนยาก)
ให้ผู้ที่ได้ชมเทปสัมภาษณ์พี่หมอมุขสามารถเข้าใจง่ายขึ้นมากๆ แล้ว

พี่หมอมุขยังเล่าเรื่องการท่องเที่ยวผ่านภาพการท่องเที่ยวที่น่ารักของครอบครัว
ได้อย่างน่าติดตามมากๆ ค่ะ ...ขออนุญาตติดตามไปเรื่อยๆ นะคะ :D