VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 439
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 31
ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ค่ะ
สำหรับตัวเอง รู้ตัวว่าขี้เกียจ เลยวางแผนปฏิบัติในรูปแบบ 10,000 ชั่วโมง
(ประมาณว่า 10-15 ปี) ออกจะสุดโต่งกับคนที่คิดถึงความตายไปหน่อย
แต่ถ้าไม่มีอะไรมากระตุ้นก็มักจะผลัดไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีครูอาจารย์คอยเตือน
ตอนนี้เน้นฟังซีดีและเดินจงกรม ชอบฟังซีดีของหลวงพ่อปราโมทย์ค่ะ ฟังแล้วถึงใจ
ระยะแรกจะเก็บชั่วโมงได้น้อย ไม่ใช่อะไรเป็นเพราะลืมติ๊กนั่นเอง
สำหรับตัวเอง รู้ตัวว่าขี้เกียจ เลยวางแผนปฏิบัติในรูปแบบ 10,000 ชั่วโมง
(ประมาณว่า 10-15 ปี) ออกจะสุดโต่งกับคนที่คิดถึงความตายไปหน่อย
แต่ถ้าไม่มีอะไรมากระตุ้นก็มักจะผลัดไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีครูอาจารย์คอยเตือน
ตอนนี้เน้นฟังซีดีและเดินจงกรม ชอบฟังซีดีของหลวงพ่อปราโมทย์ค่ะ ฟังแล้วถึงใจ
ระยะแรกจะเก็บชั่วโมงได้น้อย ไม่ใช่อะไรเป็นเพราะลืมติ๊กนั่นเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 32
f.escape เขียน:ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ค่ะ
สำหรับตัวเอง รู้ตัวว่าขี้เกียจ เลยวางแผนปฏิบัติในรูปแบบ 10,000 ชั่วโมง
(ประมาณว่า 10-15 ปี) ออกจะสุดโต่งกับคนที่คิดถึงความตายไปหน่อย
แต่ถ้าไม่มีอะไรมากระตุ้นก็มักจะผลัดไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีครูอาจารย์คอยเตือน
ตอนนี้เน้นฟังซีดีและเดินจงกรม ชอบฟังซีดีของหลวงพ่อปราโมทย์ค่ะ ฟังแล้วถึงใจ
ระยะแรกจะเก็บชั่วโมงได้น้อย ไม่ใช่อะไรเป็นเพราะลืมติ๊กนั่นเอง
ผมก็ชอบฟังหลวงพ่อปราโมทย์เหมือนกันครับ เริ่มฟังครั้งแรกตอนปี49 เพื่อนรุ่นพี่เอาซีดีมาให้ รู้สึกว่าจะเป็นแผ่นที่10หร่อ12เนี่ยแหละ จำไม่ได้ครั้งแรกที่ฟังรู้เลยครับว่า"นี่คือสิ่งที่เรารอมานาน" ก่อนหน้านี้ไปวัด ฟังธรรมะเหมือนมันไม่เข้าใจ ไม่มีคนบรีฟให้ ทำไปงงไป ทำได้แต่สมถะ จนมาฟังซีดีหลวงพ่อปราโมทย์นี่แหละครับ ความเข้าใจมากขึ้น พอเรากลับไปฟังธรรมะของครูบาอาจารย์ท่านอื่นแล้วง่ายมากเลยครับ เป็นบุญของผมจริงๆ ตอนนี้เพื่อนคนที่เอาซีดีมาให้เค้าบวชไปแล้วครับผมนึกถึงบุญคุณพี่คนนี้จริงๆ บุญของผมจริงๆ
พอฟังซีดีครั้งแรกผมขอบมากตอนนั้นยังบอกกับเพื่อนที่เอาซีดีมาให้ว่าท่านเทศน์(หลวงพ่อปราโมทย์)ได้ดีมากๆ ธรรมะท่านลึกดี หลังจากนั้นเดือนธค.ปี49ก็ได้มีโอกาสไปกราบท่านเป็นครั้งแรก ครั้งแรกที่เจอท่านรู้สึกชอบ ถูกชะตามากๆ แต่ก็ยังไม่ได้ส่งการบ้าน ด้วยความขี้เกียจเหมือนกันครับ เลยยังไม่ยอมภาวนาขอเที่ยวอีกสักหน่อยเหอะ ^^ ไปส่งการบ้านครั้งแรก(น่าจะปี52ต้นปี ) ท่านบอกว่าผมตื่นแล้วนะ ปี53 วันที่31มค. ไปส่งการบ้านครั้งที่2 ผมได้พูดถามถึงสภาวะนั้นด้วยแต่หลวงพ่อท่านไม่ยอมบอกว่ามันคืออะไร(ท่านรู้ แต่ท่านไม่บอก)บอกแต่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นสิ่งนั้นดับไป แต่นิสัยผมมันอยากรู้เวลาอยากรู้อะไรมันต้องรู้ให้ได้เลยไปถามครูบาอาจารย์ท่านอื่น ท่านก็บอก(ดังที่เล่าไว้เมื่อตอนที่แล้ว) ครั้งที่3วันที่29สค2553 คราวนี้มีเสียงในซีดีด้วยนะครับ แผ่นที่36 นาทีที่52.3 ครั้งที่4 ที่สนามบินสุวรรณภูมิวันที่7มิย2554(มีเสียงในซีดีด้วยนะครับ นาทีที่39)
ท่านสอนได้ลึกมากนะครับตอนที่มีเรื่องผมสงสารท่านมากๆเลย ช่วงนั้นผมไปที่สวนสันติธรรมบ่อยมาก คือเป็นห่วงท่านน่ะครับ แต่ท่านกลับบอกว่าไม่ต้องห่วงหลวงพ่อนะ ให้ภาวนาไป สังสารวัตรมันน่ากลัวแบบนี้แหละ เราไม่ทำเขาๆก็ทำเรามันเบียนกันตลอดทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ สีหน้าท่านไม่ได้เป็นกังวลเลยครับ ท่านยังบอกอีกว่าถ้าหลวงพ่อไม่ภาวนาคงผูกคอตายไปแล้ว(เพราะมีคนหาเรื่องมาให้ท่านขนาดนั้น)
ผมเอาเรื่องการภาวนาไปถามครูบาอาจารย์ท่านอื่นไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าผมทำผิด คนที่บอกว่าหลวงพ่อปราโมทย์สอนไม่ถูกนี่ไม่ได้เรื่องเลยนะครับ ผมกล้ายืนยันเลยว่าท่านสอนไม่ผิดหรอกคนที่บอกว่าสอนผิดเนี่ยผมว่ามันหาเรื่องมากกว่า ถ้าไม่หาเรื่องก็ไม่ได้เรื่องเองทำไม่เป็นแล้วบอกว่าท่านสอนผิดมันใช้ไม่ได้ แย่มากๆจะลงนรกเอา
นอกจากผมจะฝึกตามแบบที่หลวงพ่อปราโมทย์สอนผมยังไปเรียนกับครูบาอาจารย์ท่านอื่นด้วยนะครับ ไม่ใช่อะไรหรอกคือเวลาที่ได้ผลอะไรมา เราจะได้รู้ว่าสอนถูกหรือป่าว ถ้าท่านบอกถูกอีกท่านบอกว่าผิดมันก็จะยังไงๆอยู่นา แต่ว่าไม่เคยมีครูบาอาจารย์ท่านไหนเลยที่บอกว่าผิด
อ้อ มีครั้งนึงตอนนั้นจิตผมมันฟุ้งกระจายมาก ไปกราบหลวงปู่จันเรียนที่วัดถ้ำสหาย คือสภาวะตอนนั้นเรามันฟุ้ง หลวงปู่บอกว่ามันใช้ไม่ได้ ยืนเดินนั่งนอนก็ให้มีสติไปสิ ทำอะไรก็ให้มีสติ เราก็งงมากเราก็ทำอย่างที่หลวงปู่บอกนี่นา(ตอนนั้นงงมาก ครูบาอาจารย์ท่านอื่นบอกว่าดีแล้ว แต่ทำไมหลวงปู่บอกว่าใช้ไม่ได้ พอมานึกดูถึงได้รู้ว่าตอนนั้นเราฟุ้งมาก)
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 33
ผมก็ถูกจริตกับซีดีพระอ.ปราโมทย์เหมือนกันครับ
ไปกราบท่านระยะห่างๆสองสามครั้ง เข้าคิวรอปฏิบัติไว้เหมือนกัน ไม่รู้อีกกี่ปี
เวลาอาจารย์เขา..ไม่ทราบว่าจะใช้คำว่าอะไรดี "แนวทาง ความเห็นต่างกัน"
ลูกศิษย์แบบผมก็ได้แต่ยึดคำสอนดีๆ ความเมตตา ที่แต่ละท่านมีให้
แถบนั้นมีพระอาจารย์สุชาติอีกท่านนึง อ่านหนังสือ"กำลังใจ"ของท่านแล้วถูกจริตดีครับ
กำลังหาแนวทางตัวเองอยู่ ตอนแรกเข้าใจว่าท่านcobainใช้เทคนิคพุท โธ อย่างเดียว
พอทราบว่ามีวิธีอื่น เช่นดูจิตเข้าไปตรงๆเลย ๆลๆ
ก็ขอปูเสื่อรออ่านไปเรื่อยๆนะครับ
ตามประสาคนยังไม่เคย"รู้ ตื่น เบิกบาน"กะเค้าเลย เฮ้อ..
ไปกราบท่านระยะห่างๆสองสามครั้ง เข้าคิวรอปฏิบัติไว้เหมือนกัน ไม่รู้อีกกี่ปี
เวลาอาจารย์เขา..ไม่ทราบว่าจะใช้คำว่าอะไรดี "แนวทาง ความเห็นต่างกัน"
ลูกศิษย์แบบผมก็ได้แต่ยึดคำสอนดีๆ ความเมตตา ที่แต่ละท่านมีให้
แถบนั้นมีพระอาจารย์สุชาติอีกท่านนึง อ่านหนังสือ"กำลังใจ"ของท่านแล้วถูกจริตดีครับ
กำลังหาแนวทางตัวเองอยู่ ตอนแรกเข้าใจว่าท่านcobainใช้เทคนิคพุท โธ อย่างเดียว
พอทราบว่ามีวิธีอื่น เช่นดูจิตเข้าไปตรงๆเลย ๆลๆ
ก็ขอปูเสื่อรออ่านไปเรื่อยๆนะครับ
ตามประสาคนยังไม่เคย"รู้ ตื่น เบิกบาน"กะเค้าเลย เฮ้อ..
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 4241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 34
แฉผีช่วยผู้โดยสาร ขนหัวลุก สาวชุดไทยห่มสไบ
หึ่งบินไทย-สุวรรณภูมิ ขณะแอร์บัสไถลรันเวย์ อดีตผอ.ทอท.ก็ยอมรับ
ฮือ ฮา ว่อนการบินไทย-สนามบินสุวรรณภูมิ หลังผู้โดยสารการบินไทยเที่ยวบินไถลออกนอกรันเวย์ระบุมีแอร์โฮสเตสแต่งชุด ไทย ห่มสไบ เข้าช่วยเหลือผู้โดยสาร ทั้งที่พนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินดังกล่าวยืนยันไม่มีใครแต่งชุดไทย ขณะที่อดีตผู้บริหาร ทอท.ยอมรับมีเรื่องชวนขนหัวลุกจริง พร้อมแฉที่มาของการตั้งศาลเจ้าที่ 6 แห่งรอบสนามบิน ลูกน้องมาร้องเรียนถูกผีหลอกประจำ และช่วงทำพิธีสงฆ์เปิดสนามบิน จู่ๆ “พ่อปู่มิ่ง” มาเข้าร่างพนักงานให้สร้างศาลเพียงตาให้อยู่ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุปั่นป่วน
เรื่องลี้ลับเกี่ยวกับเหตุการณ์ เครื่องบินของการบินไทยไถลออกนอกรันเวย์ กำลังเป็นที่โจษขานในโลกออนไลน์ขณะนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ว่า จากกรณีที่มีการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินแอร์บัสเอ 330-300 ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบิน ทีจี 679 เกิดอุบัติเหตุไถลออกจากทางวิ่งเมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง โดยบุคคลซึ่งระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าว นั่งอยู่ตรงกลางด้านซ้ายหมายเลข 42 บี บอกเล่าผ่านรายการวิทยุรายการหนึ่งเกี่ยวกับบรรยากาศช่วงที่มีการอพยพผู้ โดยสารออกจากเครื่องอย่างโกลาหล ว่าช่วงเกิดเหตุชุลมุนไม่ปรากฏว่ามีลูกเรือคนใดแสดงความห่วงใยให้ความช่วย เหลือผู้โดยสารในช่วงที่เกิดเหตุจนช่วงสิ้นสุดเหตุการณ์ เท่าที่สังเกตเห็นมีเพียงแอร์โฮสเตสที่แต่งชุดไทยเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่พยายามให้ความช่วยเหลือผู้โดยสาร ในขณะที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเที่ยวดังกล่าว สวมชุดยูนิฟอร์มสีม่วงในช่วงที่เครื่องบินทำการบินลง
ผู้สื่อข่าว รายงานอีกว่า ภายหลังจากข้อความดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อย่างกว้างขวาง ได้สร้างความประหลาดใจและชวนขนลุกให้กับพนักงานและเจ้าหน้าที่ของบริษัทการ บินไทยเป็นอย่างมาก แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงและพนักงานการบินไทยยังจับกลุ่มพูดคุยกันถึง เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น โดยเมื่อสอบถามพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินลำดังกล่าว ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าในคืนวันที่เกิดเหตุแอร์โฮสเตสทุกคนใส่ชุด เสื้อแขนสั้นกระโปรงสั้น ไม่มีใครใส่ชุดไทยห่มสไบ และเมื่อรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนเห็นตรงกันว่าหญิงสาวในชุดไทยห่มสไบคนดังกล่าวอาจจะเป็นสิ่งศักดิ์– สิทธิ์ เทพยดา นางฟ้าของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เข้ามาช่วยเหลือผู้โดยสารทุกคนให้แคล้วคลาดปลอดภัย
ผู้สื่อข่าว รายงานอีกว่า จุดที่เกิดเหตุเครื่องบินการบินไทยไถลออกนอกรันเวย์ เป็นพื้นที่บริเวณรันเวย์ตะวันออกด้านใต้ ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีดับเพลิงและกู้ภัย เป็นอาคารที่รวมที่พักของพนักงานเอาไว้ด้วย ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติงานและเข้าเวรในช่วงกลางคืนมักเจอ เหตุการณ์ประหลาด หรือพบเห็นผู้หญิงสวมชุดไทยโบราณเดินไปมาในบริเวณห้องพัก หรือมีเสียงดังรบกวนตลอดเวลา เป็นต้น
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิด เผยจากนายโชติศักดิ์ อาสภะวิริยะ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเนื่องจากได้เข้ามาบริหารงานในช่วงก่อนเปิดสนามบิน ปรากฏว่าพนักงานชุดแรกที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่บริเวณศูนย์ดับเพลิงมาร้อง เรียนกับตนว่าถูกผีหลอกเป็นจำนวนมากทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งยังประสบปัญหาเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ครั้งใหญ่มีผู้บาดเจ็บ 30 คน และช่วงนั้นพบว่าถนนทางเข้าสนามบินบริเวณติดกับรันเวย์ตะวันออกก็มีผู้ประสบ อุบัติเหตุบ่อยครั้ง ทำให้ตนตัดสินใจทำพิธีสร้างศาล รวม 6 แห่ง และให้พนักงานสวดมนต์ทุกวันเสาร์ และมีพิธีทำบุญใหญ่
นายโชติศักดิ์ กล่าวว่า ในพิธีทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2549 ก่อนที่จะเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ ได้นิมนต์พระ 99 รูป สวดพระปริตรและสวดกัมมวาจา 8 ทิศ (ทิศตะวันออก บริเวณอาคารเอเอ็มเอฟ ทิศตะวันออก–เฉียงใต้ บริเวณสถานีกรมอุตุนิยมวิทยา ทิศใต้ บริเวณรันเวย์ตะวันออกและสถานีดับเพลิง ทิศตะวันตก–เฉียงใต้ บริเวณทางต่างระดับถนนกิ่งแก้ว ทิศตะวันตก บริเวณรอบเขื่อน และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ บริเวณรอบเขื่อนด้านบน ทิศเหนือ บริเวณสถานีไฟฟ้าย่อยและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณบัสเทอร์มินอล) รวมถึงเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณของเจ้าที่เจ้าทางต่างๆ ที่อยู่รอบบริเวณสนามบินฯ ซึ่งเป็นความเชื่อที่มีมากันแต่โบราณ
นาย โชติศักดิ์กล่าวว่า ระหว่างที่พระกำลังสวดพระพุทธมนต์ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อนาย ขวัญชัย ทับโต พนักงานตรวจค้นวัตถุระเบิดของบริษัทล็อกซเล่ย์ ที่รับสัมปทานงานตรวจค้นวัตถุระเบิดในสนามบินสุวรรณภูมิ เกิดอาการตัวสั่นเหมือนผีเข้าในช่วงที่ก้มลงกราบพระ ใบหน้าบิดเบี้ยวพร้อมกับร้องห่มร้องไห้ จากนั้นก็นั่งหลังงองุ้มเหมือนคนแก่ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่าเป็น “พ่อปู่ชื่อมิ่ง” และบอกว่าไม่เคยมีใครสนใจเลย ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และขอให้ตั้งศาลเพียงตาให้เพราะไม่มีที่อยู่ จะตั้งจุดใดก็ได้ และยื่นคำขาดว่าถ้าไม่ตั้งศาลให้จะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายปั่นป่วนมากกว่า นี้ เมื่อพระรูปหนึ่งที่ทำพิธีสวดมนต์อยู่รับปากว่าจะให้เจ้าหน้าที่ตั้งศาล ถวายสิ่งของและอุทิศส่วนกุศลให้กับพ่อปู่มิ่ง ชายคนดังกล่าวก็เป็นลมหมดสติล้มลงคอพับคออ่อนทันที จากนั้นไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ แต่มีอาการที่อ่อนเพลีย
นายโชติ ศักดิ์ยังยอมรับว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่สิ่งที่ประสบกับตัวเองแสดงให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา เมื่อมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในฐานะคนไทยต้องยอมรับและเคารพวัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อของคนไทย เรื่องอย่างนี้ถ้าใครไม่เห็นกับตาคงไม่มีใครเชื่อ เพราะสถานที่ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้เป็นที่ที่มีประวัติศาสตร์ ค่อนข้างมาก เท่าที่ทราบมาเคยเป็นสถานที่พักกองทัพของพระเจ้าตากสินมหาราช ดังนั้นในสมัยนั้นมีการตั้งศาลเจ้าที่ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ 6 ศาล คือ 1. ศาลพญาอนันตนาคราช 2. ศาลพญามุจลินท์นาคราช 3. ศาลท่านท้าววิรุปักเขมมหานาคราชเจ้า 4. องค์นาคาธิบดี “ศรีสุทโธ” วิสุทธิเทวา 5. ศาลพระเจ้าตาก และ 6. ศาลพ่อแก่มิ่ง
อดีตผู้บริหาร ทอท.กล่าวด้วยว่า ที่ตั้งสำนักงานเดิมในช่วงที่มีการก่อสร้างสนามบิน เป็นจุดที่พนักงานที่เข้ามาทำงานในขณะนั้นส่วนใหญ่มักพบกับสิ่งแปลก เช่น ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องโหยหวน พบเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยเดินไปมา หรือมีเสียงต่างๆรบกวนสร้างความหวาดกลัวให้กับคนทำงานเป็นอันมาก หรือแม้แต่บริษัทผู้รับเหมาเอกชนที่เข้ามารับงานด้านการถมทรายก็เจอปัญหา เช่นกันคือ ไม่สามารถนำเครื่องมือเข้ามาตั้งในพื้นที่ก่อสร้างได้ เมื่อตั้งก็ทรุดลงไปในพื้นดิน จนมีผู้แนะนำให้ตั้งศาลและบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ผลปรากฏว่าสามารถตั้งเครื่องมือได้ และหลายๆพื้นที่ในช่วงก่อสร้างก่อนทำงานส่วนใหญ่จะต้องมีการบอกกล่าวเจ้าที่ เจ้าทาง เพราะให้ดำเนินการปรากฏว่ามีปัญหาในการทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ และยากต่อการพิสูจน์ แต่ทุกคนก็ไม่ลบหลู่ และเห็นว่าเมื่อทำตามแล้วก็ทำให้งานราบรื่นได้
ทั้งนี้เกี่ยวกับ เรื่องเร้นลับหรือเรื่องเหลือเชื่อเกี่ยวกับความแรงหรือความเฮี้ยนของ พื้นที่ตั้งสนามบินสุวรรณภูมิ หรือที่เรียกว่าสนามบินหนองงูเห่า มีความเชื่อกันว่าสาเหตุที่ทำให้การดำเนินโครงการนี้ประสบอุปสรรคปัญหามาโดย ตลอด ใช้เวลายาวนานมากเริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2503 แล้วเสร็จเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2549 รวมทั้งสิ้น 46 ปี เพราะเชื่อว่าไม่มีการทำพิธีกรรมในการแจ้งบอกเจ้าที่หรือดวงจิตดวงวิญญาณที่ อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็นหนองน้ำเดิม จนกระทั่งในสมัยนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพฯแห่งใหม่ (บทม.)ซึ่งรับผิดชอบงานก่อสร้างสนามบิน ได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการก่อสร้างศาลเทพารักษ์ ตามคำแนะนำของผู้รู้ในเรื่องนี้ เพื่อเป็นแหล่งรวมของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่แห่งนี้
ไทยรัฐออนไลน์
http://www.thairath.co.th/content/newspaper/369505
หึ่งบินไทย-สุวรรณภูมิ ขณะแอร์บัสไถลรันเวย์ อดีตผอ.ทอท.ก็ยอมรับ
ฮือ ฮา ว่อนการบินไทย-สนามบินสุวรรณภูมิ หลังผู้โดยสารการบินไทยเที่ยวบินไถลออกนอกรันเวย์ระบุมีแอร์โฮสเตสแต่งชุด ไทย ห่มสไบ เข้าช่วยเหลือผู้โดยสาร ทั้งที่พนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินดังกล่าวยืนยันไม่มีใครแต่งชุดไทย ขณะที่อดีตผู้บริหาร ทอท.ยอมรับมีเรื่องชวนขนหัวลุกจริง พร้อมแฉที่มาของการตั้งศาลเจ้าที่ 6 แห่งรอบสนามบิน ลูกน้องมาร้องเรียนถูกผีหลอกประจำ และช่วงทำพิธีสงฆ์เปิดสนามบิน จู่ๆ “พ่อปู่มิ่ง” มาเข้าร่างพนักงานให้สร้างศาลเพียงตาให้อยู่ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุปั่นป่วน
เรื่องลี้ลับเกี่ยวกับเหตุการณ์ เครื่องบินของการบินไทยไถลออกนอกรันเวย์ กำลังเป็นที่โจษขานในโลกออนไลน์ขณะนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ว่า จากกรณีที่มีการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินแอร์บัสเอ 330-300 ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบิน ทีจี 679 เกิดอุบัติเหตุไถลออกจากทางวิ่งเมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง โดยบุคคลซึ่งระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าว นั่งอยู่ตรงกลางด้านซ้ายหมายเลข 42 บี บอกเล่าผ่านรายการวิทยุรายการหนึ่งเกี่ยวกับบรรยากาศช่วงที่มีการอพยพผู้ โดยสารออกจากเครื่องอย่างโกลาหล ว่าช่วงเกิดเหตุชุลมุนไม่ปรากฏว่ามีลูกเรือคนใดแสดงความห่วงใยให้ความช่วย เหลือผู้โดยสารในช่วงที่เกิดเหตุจนช่วงสิ้นสุดเหตุการณ์ เท่าที่สังเกตเห็นมีเพียงแอร์โฮสเตสที่แต่งชุดไทยเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่พยายามให้ความช่วยเหลือผู้โดยสาร ในขณะที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเที่ยวดังกล่าว สวมชุดยูนิฟอร์มสีม่วงในช่วงที่เครื่องบินทำการบินลง
ผู้สื่อข่าว รายงานอีกว่า ภายหลังจากข้อความดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อย่างกว้างขวาง ได้สร้างความประหลาดใจและชวนขนลุกให้กับพนักงานและเจ้าหน้าที่ของบริษัทการ บินไทยเป็นอย่างมาก แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงและพนักงานการบินไทยยังจับกลุ่มพูดคุยกันถึง เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น โดยเมื่อสอบถามพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินลำดังกล่าว ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าในคืนวันที่เกิดเหตุแอร์โฮสเตสทุกคนใส่ชุด เสื้อแขนสั้นกระโปรงสั้น ไม่มีใครใส่ชุดไทยห่มสไบ และเมื่อรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนเห็นตรงกันว่าหญิงสาวในชุดไทยห่มสไบคนดังกล่าวอาจจะเป็นสิ่งศักดิ์– สิทธิ์ เทพยดา นางฟ้าของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เข้ามาช่วยเหลือผู้โดยสารทุกคนให้แคล้วคลาดปลอดภัย
ผู้สื่อข่าว รายงานอีกว่า จุดที่เกิดเหตุเครื่องบินการบินไทยไถลออกนอกรันเวย์ เป็นพื้นที่บริเวณรันเวย์ตะวันออกด้านใต้ ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีดับเพลิงและกู้ภัย เป็นอาคารที่รวมที่พักของพนักงานเอาไว้ด้วย ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติงานและเข้าเวรในช่วงกลางคืนมักเจอ เหตุการณ์ประหลาด หรือพบเห็นผู้หญิงสวมชุดไทยโบราณเดินไปมาในบริเวณห้องพัก หรือมีเสียงดังรบกวนตลอดเวลา เป็นต้น
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิด เผยจากนายโชติศักดิ์ อาสภะวิริยะ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเนื่องจากได้เข้ามาบริหารงานในช่วงก่อนเปิดสนามบิน ปรากฏว่าพนักงานชุดแรกที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่บริเวณศูนย์ดับเพลิงมาร้อง เรียนกับตนว่าถูกผีหลอกเป็นจำนวนมากทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งยังประสบปัญหาเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ครั้งใหญ่มีผู้บาดเจ็บ 30 คน และช่วงนั้นพบว่าถนนทางเข้าสนามบินบริเวณติดกับรันเวย์ตะวันออกก็มีผู้ประสบ อุบัติเหตุบ่อยครั้ง ทำให้ตนตัดสินใจทำพิธีสร้างศาล รวม 6 แห่ง และให้พนักงานสวดมนต์ทุกวันเสาร์ และมีพิธีทำบุญใหญ่
นายโชติศักดิ์ กล่าวว่า ในพิธีทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2549 ก่อนที่จะเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ ได้นิมนต์พระ 99 รูป สวดพระปริตรและสวดกัมมวาจา 8 ทิศ (ทิศตะวันออก บริเวณอาคารเอเอ็มเอฟ ทิศตะวันออก–เฉียงใต้ บริเวณสถานีกรมอุตุนิยมวิทยา ทิศใต้ บริเวณรันเวย์ตะวันออกและสถานีดับเพลิง ทิศตะวันตก–เฉียงใต้ บริเวณทางต่างระดับถนนกิ่งแก้ว ทิศตะวันตก บริเวณรอบเขื่อน และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ บริเวณรอบเขื่อนด้านบน ทิศเหนือ บริเวณสถานีไฟฟ้าย่อยและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณบัสเทอร์มินอล) รวมถึงเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณของเจ้าที่เจ้าทางต่างๆ ที่อยู่รอบบริเวณสนามบินฯ ซึ่งเป็นความเชื่อที่มีมากันแต่โบราณ
นาย โชติศักดิ์กล่าวว่า ระหว่างที่พระกำลังสวดพระพุทธมนต์ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อนาย ขวัญชัย ทับโต พนักงานตรวจค้นวัตถุระเบิดของบริษัทล็อกซเล่ย์ ที่รับสัมปทานงานตรวจค้นวัตถุระเบิดในสนามบินสุวรรณภูมิ เกิดอาการตัวสั่นเหมือนผีเข้าในช่วงที่ก้มลงกราบพระ ใบหน้าบิดเบี้ยวพร้อมกับร้องห่มร้องไห้ จากนั้นก็นั่งหลังงองุ้มเหมือนคนแก่ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่าเป็น “พ่อปู่ชื่อมิ่ง” และบอกว่าไม่เคยมีใครสนใจเลย ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และขอให้ตั้งศาลเพียงตาให้เพราะไม่มีที่อยู่ จะตั้งจุดใดก็ได้ และยื่นคำขาดว่าถ้าไม่ตั้งศาลให้จะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายปั่นป่วนมากกว่า นี้ เมื่อพระรูปหนึ่งที่ทำพิธีสวดมนต์อยู่รับปากว่าจะให้เจ้าหน้าที่ตั้งศาล ถวายสิ่งของและอุทิศส่วนกุศลให้กับพ่อปู่มิ่ง ชายคนดังกล่าวก็เป็นลมหมดสติล้มลงคอพับคออ่อนทันที จากนั้นไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ แต่มีอาการที่อ่อนเพลีย
นายโชติ ศักดิ์ยังยอมรับว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่สิ่งที่ประสบกับตัวเองแสดงให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา เมื่อมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในฐานะคนไทยต้องยอมรับและเคารพวัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อของคนไทย เรื่องอย่างนี้ถ้าใครไม่เห็นกับตาคงไม่มีใครเชื่อ เพราะสถานที่ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้เป็นที่ที่มีประวัติศาสตร์ ค่อนข้างมาก เท่าที่ทราบมาเคยเป็นสถานที่พักกองทัพของพระเจ้าตากสินมหาราช ดังนั้นในสมัยนั้นมีการตั้งศาลเจ้าที่ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ 6 ศาล คือ 1. ศาลพญาอนันตนาคราช 2. ศาลพญามุจลินท์นาคราช 3. ศาลท่านท้าววิรุปักเขมมหานาคราชเจ้า 4. องค์นาคาธิบดี “ศรีสุทโธ” วิสุทธิเทวา 5. ศาลพระเจ้าตาก และ 6. ศาลพ่อแก่มิ่ง
อดีตผู้บริหาร ทอท.กล่าวด้วยว่า ที่ตั้งสำนักงานเดิมในช่วงที่มีการก่อสร้างสนามบิน เป็นจุดที่พนักงานที่เข้ามาทำงานในขณะนั้นส่วนใหญ่มักพบกับสิ่งแปลก เช่น ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องโหยหวน พบเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยเดินไปมา หรือมีเสียงต่างๆรบกวนสร้างความหวาดกลัวให้กับคนทำงานเป็นอันมาก หรือแม้แต่บริษัทผู้รับเหมาเอกชนที่เข้ามารับงานด้านการถมทรายก็เจอปัญหา เช่นกันคือ ไม่สามารถนำเครื่องมือเข้ามาตั้งในพื้นที่ก่อสร้างได้ เมื่อตั้งก็ทรุดลงไปในพื้นดิน จนมีผู้แนะนำให้ตั้งศาลและบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ผลปรากฏว่าสามารถตั้งเครื่องมือได้ และหลายๆพื้นที่ในช่วงก่อสร้างก่อนทำงานส่วนใหญ่จะต้องมีการบอกกล่าวเจ้าที่ เจ้าทาง เพราะให้ดำเนินการปรากฏว่ามีปัญหาในการทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ และยากต่อการพิสูจน์ แต่ทุกคนก็ไม่ลบหลู่ และเห็นว่าเมื่อทำตามแล้วก็ทำให้งานราบรื่นได้
ทั้งนี้เกี่ยวกับ เรื่องเร้นลับหรือเรื่องเหลือเชื่อเกี่ยวกับความแรงหรือความเฮี้ยนของ พื้นที่ตั้งสนามบินสุวรรณภูมิ หรือที่เรียกว่าสนามบินหนองงูเห่า มีความเชื่อกันว่าสาเหตุที่ทำให้การดำเนินโครงการนี้ประสบอุปสรรคปัญหามาโดย ตลอด ใช้เวลายาวนานมากเริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2503 แล้วเสร็จเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2549 รวมทั้งสิ้น 46 ปี เพราะเชื่อว่าไม่มีการทำพิธีกรรมในการแจ้งบอกเจ้าที่หรือดวงจิตดวงวิญญาณที่ อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็นหนองน้ำเดิม จนกระทั่งในสมัยนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพฯแห่งใหม่ (บทม.)ซึ่งรับผิดชอบงานก่อสร้างสนามบิน ได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการก่อสร้างศาลเทพารักษ์ ตามคำแนะนำของผู้รู้ในเรื่องนี้ เพื่อเป็นแหล่งรวมของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่แห่งนี้
ไทยรัฐออนไลน์
http://www.thairath.co.th/content/newspaper/369505
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
-
- Verified User
- โพสต์: 115
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 35
สวัสดีพี่ๆทุกคนครับ พรุ่งนี้ หลวงพ่อปราโมทย์ท่านมาเทศน์ที่ศาลาลุงชินครับ
วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2556
ถ้าไปยังก็เจอกันนะครับ
ผมเป็นคนนึงที่ถูกจริตกับแนวทางนี้ครับผม ทุกวันก็พยายามฝึกตามรู้จิตไปเรื่อยๆ
แต่ก็ยังอ่อนด้อยนักแต่ก็จะทำไปเรื่อยๆ ไม่ยอมแพ้เด็ดขาดครับ
ก็ขอมารวมแจมกระทู้นี้ด้วยนะครับ
ผมไปฟังมาหลายรอบแต่ก็ไม่กล้าส่งการบ้านซักที
รายละเอียดในเวป http://www.wimutti.net/
วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2556
ถ้าไปยังก็เจอกันนะครับ
ผมเป็นคนนึงที่ถูกจริตกับแนวทางนี้ครับผม ทุกวันก็พยายามฝึกตามรู้จิตไปเรื่อยๆ
แต่ก็ยังอ่อนด้อยนักแต่ก็จะทำไปเรื่อยๆ ไม่ยอมแพ้เด็ดขาดครับ
ก็ขอมารวมแจมกระทู้นี้ด้วยนะครับ
ผมไปฟังมาหลายรอบแต่ก็ไม่กล้าส่งการบ้านซักที
รายละเอียดในเวป http://www.wimutti.net/
-
- Verified User
- โพสต์: 5826
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 36
สวัสดีครับ คุณ cobain_vi มีรูปมาฝากครับ ทำให้คู่กันเฉพาะคุณเลยครับ
รูปซ้าย เจดีย์หลวงปู่สิม ที่ถ้ำผาปล่องครับ ผมถ่ายเองหลายปีแล้ว รูปขวาสแกนจากภาพพิมพ์ซึ่งพระอาจารย์ผม(ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่สิมครับ)ท่านให้มาครับ
ขอให้คุณ cobain_vi เจริญจนสุดทางธรรมครับ และประสบความสำเร็จในการลงทุนด้วยครับ
รูปซ้าย เจดีย์หลวงปู่สิม ที่ถ้ำผาปล่องครับ ผมถ่ายเองหลายปีแล้ว รูปขวาสแกนจากภาพพิมพ์ซึ่งพระอาจารย์ผม(ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่สิมครับ)ท่านให้มาครับ
ขอให้คุณ cobain_vi เจริญจนสุดทางธรรมครับ และประสบความสำเร็จในการลงทุนด้วยครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 39
dr1 เขียน:ผมก็ถูกจริตกับซีดีพระอ.ปราโมทย์เหมือนกันครับ
ไปกราบท่านระยะห่างๆสองสามครั้ง เข้าคิวรอปฏิบัติไว้เหมือนกัน ไม่รู้อีกกี่ปี
เวลาอาจารย์เขา..ไม่ทราบว่าจะใช้คำว่าอะไรดี "แนวทาง ความเห็นต่างกัน"
ลูกศิษย์แบบผมก็ได้แต่ยึดคำสอนดีๆ ความเมตตา ที่แต่ละท่านมีให้
แถบนั้นมีพระอาจารย์สุชาติอีกท่านนึง อ่านหนังสือ"กำลังใจ"ของท่านแล้วถูกจริตดีครับ
กำลังหาแนวทางตัวเองอยู่ ตอนแรกเข้าใจว่าท่านcobainใช้เทคนิคพุท โธ อย่างเดียว
พอทราบว่ามีวิธีอื่น เช่นดูจิตเข้าไปตรงๆเลย ๆลๆ
ก็ขอปูเสื่อรออ่านไปเรื่อยๆนะครับ
ตามประสาคนยังไม่เคย"รู้ ตื่น เบิกบาน"กะเค้าเลย เฮ้อ..
แนวทางมีหลายอย่างครับ นอกจากทำสมาธิโดยใช้คำบริกรรมพุทโธ และการดูจิตไปตรงๆแล้ว การเดินปัญญาโดยการพิจารณาธรรมไปเลยก็ได้นะครับตอนที่ผมเกิดสภาวะอันนั้นผมพิจารณาธรรมะครับ(ปฏิจจสมุปปบาท บางครั้งก็พิจารณารูปนาม การดูจิตกับการดูธรรมมันจะคล้ายกันครับ การดูจิตส่วนใหญ่จะเห็นแค่เกิดดับหรือบางครั้งเห็นไตรลักษณ์ที่เหลือ ส่วนการเจริญธรรมะจะคล้ายกันแต่ความรู้มันจะกว้างขวางกว่า ลึกกว่าการดูจิต) จริงๆแล้วอย่างที่หลวงพ่อบอก ดูกายกับเวทนาต้องทำฌาณ ส่วนการดูจิตกับธรรมไม่ต้องทำฌาณ จริงๆแล้วการทำฌาณก็สามารถดูจิตได้ครับ มีครูบาอาจารย์ท่านนึง ท่านเล่าให้ผมฟังว่าท่านดูกายก่อนพอสุดท้ายดูจิต สำหรับผมทำได้ทั้งสองอย่างคือทำฌาณก่อนก็ได้ หรือดูจิตไปก่อนก็ได้ครับแล้วแต่ความถนัดสุดท้ายจิตจะรวม ทีนี้ตอนรวมบางครั้งก็แค่ขณิกสมาธิ บางครั้งอุปจารสมาธิ บางครั้งถึงขั้นอัปปนาสมาธิ แล้วแต่กำลัง แต่ถามว่าถ้าจิตรวมถึงขั้นอัปปนาแล้วจะได้ธรรมะเลยไหม คำตอบคือไม่แน่เสมอไปบางครั่งรวมแล้วไม่ได้ธรรมะก็มี บางทีรวมเป็นสิบๆรอบ(ไม่ใช่ว่ารวมสิบรอบทีเดียวนะครับ หมายความว่ารวมแล้วถอยออกมา แล้วก็รวมใหม่ บางทีก็เว้นเป็นอาทิตย์ เป็นเดือนเลยก็มีกว่าจะกลับมารวมอีก) ยังไม่ได้ธรรมะก็มีอันนี้ขึ้นอยู่กับอินทรีย์แก่อ่อนต่างกัน
การภาวนาเท่าที่ผมเคยทำมาต้องอาศัยความอดทนมากๆ ต้องทำต่อเนื่อง ถ้าต่อเนื่องถึงขั้นอัตโนมัติเลยยิ่งดีครับ ถามว่าขี้เกียจมีไหม มีสิครับอยากไปเที่ยวเล่นเหมือนกัน ยิ่งคนไม่เคยมีแบบผมยิ่งอยาก คือมันอยากลองน่ะครับ แต่พอได้ลองแล้ว เห็นแล้วก็พอแล้วครับ มันไม่เอาแล้ว ใจมันไม่หลงนานมันจะวกเข้ามาถึงเรื่องความตายตลอด มันกลัวตายก่อนได้ธรรมะครับ พอถึงตอนนี้แล้วมันไม่ขี้เกียจแล้ว
ผมดีใจมากครับที่คุณdr1สนใจธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์เหมือนกัน (เป็นลูกศิษฐ์อาจารย์เดียวกัน ผมว่าในเวปไทยวีไอน่าจะมีอยู่มาก แต่ไม่แสดงตัวออกมา ) ท่านเก่งมากๆนะครับทั้งเรื่องปริยัติ ปฏิบัติ หลายครั้งเลยที่ท่านเทศน์ได้ตรงใจผมมาก ครั้งนึงผมพาแม่ไปด้วย ก่อนหน้านั้นผมชอบว่าแม่คือไม่อยากให้แกทำงาน แก่แล้วจะทำๆไม แต่แกเป็นคนขยันมากไม่เคยอยู่นิ่งเลย วันนั้นแอบพาแม่ไปที่สวนสันติธรรม ท่านเทศน์เรื่องอื่นอยู่ดีๆท่านก็พูดมาได้ตรงเรื่องแม่กับผมพอดี คือท่านพูดว่าเห็นแม่แก่แล้วอยากให้พักผ่อนพอแม่ไม่พักก็บ่น ว่าแม่ทำนองนี้ ซึ่งผมอัศจรรย์ใจมากเลย อีกครั้งเป็นเรื่องการทำฌาณอยู่ดีๆท่านก็เทศน์เรืาองที่ผมเคยถามออกมาพอดี จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้ถ้าได้ไปคลุกคลีกับครูบาอาจารย์บ่อยๆจะรู้ว่าธรรมดามาก ครูบาอาจารย์ท่านรู้หมดแหละครับว่าเราไปทำอะไรมา(ยิ่งถ้ามีลูกศิษย์น้อยๆท่านจะจำเราได้ ทีนี้แหละหืม บางทีท่านก็พูดจี้ใจดำก็มี บางทีก็พูดหยอกๆให้เจ็บๆคันๆก็มี แต่ถ้าไปทำอะไรที่ไม่ดีมากๆนี่โห เวลาท่านมองมาแววตาคมกริบ แทบจะโดนฉีกเนื้อออกมาเป็นชิ้นๆเลย
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
-
- Verified User
- โพสต์: 5826
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 40
ขอโทษครับ ใหญ่ไป เดี๋ยวย่อรูปก่อน
พูดถึงรูป นึกออก ผมก็เคยเปิดร้าน Foto Fast แล้วโกดักเปลี่ยนเป็น Kodak Express ครับ อาชีพเก่าแบบคุณ cobain_vi เลยครับ บังเอิญจริง ๆ ผมก็เลยทำ Photoshop หากินได้สบาย เดี๋ยวนี้เลิกไป 3 ปีแล้วครับ
พูดถึงรูป นึกออก ผมก็เคยเปิดร้าน Foto Fast แล้วโกดักเปลี่ยนเป็น Kodak Express ครับ อาชีพเก่าแบบคุณ cobain_vi เลยครับ บังเอิญจริง ๆ ผมก็เลยทำ Photoshop หากินได้สบาย เดี๋ยวนี้เลิกไป 3 ปีแล้วครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 43
ของผมเป็นร้านฟูจิครับ (คนละค่าย อิอิ )pipatc เขียน:ขอโทษครับ ใหญ่ไป เดี๋ยวย่อรูปก่อน
พูดถึงรูป นึกออก ผมก็เคยเปิดร้าน Foto Fast แล้วโกดักเปลี่ยนเป็น Kodak Express ครับ อาชีพเก่าแบบคุณ cobain_vi เลยครับ บังเอิญจริง ๆ ผมก็เลยทำ Photoshop หากินได้สบาย เดี๋ยวนี้เลิกไป 3 ปีแล้วครับ
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
-
- Verified User
- โพสต์: 5826
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 44
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 46
พึ่งได้อ่านกระทู้นี้
ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ
โดยเฉพาะกับพี่ cobain_vi นะครับ สาธุ
ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ทำจบให้ได้ในปัจจุบัน ณ ชาติ นี้นะครับ สาธุ
ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ
โดยเฉพาะกับพี่ cobain_vi นะครับ สาธุ
ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ทำจบให้ได้ในปัจจุบัน ณ ชาติ นี้นะครับ สาธุ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 47
ไม่เคยเห็นผีหรืออะไรทั้งนั้นนะครับ แต่มั่นใจว่ามีจริงWHYDOWEFALL เขียน:VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ ถ้าเจอผี VI จะทำอย่างไรครับ สมควรโลภ(ขอหวย,หุ้น) หรือสมควรกลัวดี
ถ้าเห็นได้จริง ไม่ควรกลัว แต่ควรเบื่อ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 48
หนังสือประวัติหลวงตาอ่านฟรีครับ
http://www.kammatthana.com/luangta.pdf
http://www.kammatthana.com/luangta.pdf
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 51
อันนี้ขอเล่าไว้หน่อยนึงนะครับ สำหรับคนที่สนในเรื่องของเล่นเพราะคิดว่าหลายๆคนคงยังไม่รู้เผื่อเอาไว้ลองทำดู
ระหว่างที่ดูจิตดูใจดูรูปนามพอประมาณแล้ว เวลาที่จิตเห็นสภาวะอันใดอันนึงจิตจะตั้งมั่น ตอนนั้นจิตจะพลิกเข้าฌาณอัตโนมัติเป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าไม่จำเป็นต้องทำฌาณในรูปแบบ(นั่งสมาธิ)จิตจะพลิกเข้าฌาณถอยเข้าออกอัตโนมัติบางครั้งเข้าอุปจารบางครั้งเข้าอัปณาบางครั้งเข้าอัปณาแล้วถอยออกมาอุปจารแล้วเข้าอัปณามันจะถอยเข้าถอยออกอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องนั่งสมาธิก่อน (ช่วงที่พลิกเข้าพลิกออกจะไม่นานแต่ถ้านั่งสมาธิแล้วจิตเข้าฌาณมันจะนานกว่า แต่ครูบาอาจารย์บอกว่าที่เราคิดว่านานน่ะ มันยังไม่นานคือหลวงพ่อบอกให้อยู่พักในนั้นให้นานๆกว่านั้น แต่จิตของผมมันชอบโลดโผนเดินปัญญามันจะพักแว้บเดียวเเล้วเดินปัญญาต่ออัตโนมัติพอเดินปัญญาได้ที่แล้วมันจะกลับเข้าไปพักในฌาณอัตโนมัติอีก ถอยเข้าออกเหมือนๆกันกับตอนเดินปัญญาในชีวิตประจำวัน ลักษณะจะเหมือนกันต่างกันแค่ก่อนที่จะเข้าฌาณอันนึงนั่งสมาธิก่อน อันนึงไม่ต้องนั่งสมาธิ ผลที่ได้เหมือนกัน) จากประสบการณ์ของผมเวลาที่จิตเข้าฌาณอัตโนมัติมักจะเป็นเวลาที่ไม่ต้องนั่งสมาธิ ถ้านั่งสมาธิจะทำได้ยากกว่า
มีครั้งนึงระหว่างที่ดูจิตดูใจอยู่จิตพลิกเข้าอัปณาสมาธิแล้วถอยออก (ตอนนั้นนอนอยู่นะครับ ปกติผมจะดูจิตดูใจทั้งยืนเดินนั่งนอน คือดูมันทั้งวันแหละครับ)ระหว่างที่จิตค้างอยู่ในอุปจารสมาธิ จิตได้ตรึกขึ้นมาว่าชาติที่เเล้วเราเกิดเป็นอะไร(เป็นตรึกอ่อนๆความคิดอ่อนๆ จะเจตนาก็ใช่จะว่าไม่เจตนาก็ใช่ มันก้ำๆกึ่งๆ) จิตมันจะพาเราไปดูโดยอัตโนมัติเลย ผมเอาเรื่องนี้ไปถามครูบาอาจารย์ท่านนึง ท่านก็ว่าเวลาเค้าเล่นเค้าก็เล่นกันอย่างนั้นแหละ! อันนี้ผมเล่าประสบการณ์ให้ฟังเผื่อมีคนสนใจนะครับ จริงๆไม่อยากเล่าเท่าไรเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ค่อยเห็นใครพูดกันก็เลยเอามาเล่าให้ฟังไว้เป็นความรู้นะครับ
ระหว่างที่ดูจิตดูใจดูรูปนามพอประมาณแล้ว เวลาที่จิตเห็นสภาวะอันใดอันนึงจิตจะตั้งมั่น ตอนนั้นจิตจะพลิกเข้าฌาณอัตโนมัติเป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าไม่จำเป็นต้องทำฌาณในรูปแบบ(นั่งสมาธิ)จิตจะพลิกเข้าฌาณถอยเข้าออกอัตโนมัติบางครั้งเข้าอุปจารบางครั้งเข้าอัปณาบางครั้งเข้าอัปณาแล้วถอยออกมาอุปจารแล้วเข้าอัปณามันจะถอยเข้าถอยออกอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องนั่งสมาธิก่อน (ช่วงที่พลิกเข้าพลิกออกจะไม่นานแต่ถ้านั่งสมาธิแล้วจิตเข้าฌาณมันจะนานกว่า แต่ครูบาอาจารย์บอกว่าที่เราคิดว่านานน่ะ มันยังไม่นานคือหลวงพ่อบอกให้อยู่พักในนั้นให้นานๆกว่านั้น แต่จิตของผมมันชอบโลดโผนเดินปัญญามันจะพักแว้บเดียวเเล้วเดินปัญญาต่ออัตโนมัติพอเดินปัญญาได้ที่แล้วมันจะกลับเข้าไปพักในฌาณอัตโนมัติอีก ถอยเข้าออกเหมือนๆกันกับตอนเดินปัญญาในชีวิตประจำวัน ลักษณะจะเหมือนกันต่างกันแค่ก่อนที่จะเข้าฌาณอันนึงนั่งสมาธิก่อน อันนึงไม่ต้องนั่งสมาธิ ผลที่ได้เหมือนกัน) จากประสบการณ์ของผมเวลาที่จิตเข้าฌาณอัตโนมัติมักจะเป็นเวลาที่ไม่ต้องนั่งสมาธิ ถ้านั่งสมาธิจะทำได้ยากกว่า
มีครั้งนึงระหว่างที่ดูจิตดูใจอยู่จิตพลิกเข้าอัปณาสมาธิแล้วถอยออก (ตอนนั้นนอนอยู่นะครับ ปกติผมจะดูจิตดูใจทั้งยืนเดินนั่งนอน คือดูมันทั้งวันแหละครับ)ระหว่างที่จิตค้างอยู่ในอุปจารสมาธิ จิตได้ตรึกขึ้นมาว่าชาติที่เเล้วเราเกิดเป็นอะไร(เป็นตรึกอ่อนๆความคิดอ่อนๆ จะเจตนาก็ใช่จะว่าไม่เจตนาก็ใช่ มันก้ำๆกึ่งๆ) จิตมันจะพาเราไปดูโดยอัตโนมัติเลย ผมเอาเรื่องนี้ไปถามครูบาอาจารย์ท่านนึง ท่านก็ว่าเวลาเค้าเล่นเค้าก็เล่นกันอย่างนั้นแหละ! อันนี้ผมเล่าประสบการณ์ให้ฟังเผื่อมีคนสนใจนะครับ จริงๆไม่อยากเล่าเท่าไรเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ค่อยเห็นใครพูดกันก็เลยเอามาเล่าให้ฟังไว้เป็นความรู้นะครับ
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 52
ขอเล่าเรื่องความประทับใจหน่อยนะครับ สำหรับเพื่อนนักปฏิบัติภาวนา คือผมได้มีโอกาสไปอยู่วัดปฏิบัติธรรมมา17วันที่วัดแห่งนึงทางภาคอีสาน
มีอยู่วันนึงระหว่างที่ทำวัตรสวดมนต์เย็น ได้นั่งสมาธิและฟังเทปธรรมะของหลวงตามหาบัวจิตได้เข้าสู่ความสงบระหว่างตอนที่หลวงตาเทศน์ว่าสังขารทั้งหลายความคิดทั้งหลายที่เราคิดนั้นล้วนมายาเป็นของหลอกทั้งสิ้นมาถึงตอนนี้จิตได้เข้าฌาณถึงขั้นอัปณาสมาธิ(ตอนฝึกจิตด้วยปฏิปทาที่ทรหด 2ตค.21 ลองไปหาฟังดูครับ หลังจากที่พักหลังๆจิตมันฟุ้งซ่าน ทำสมาธิไม่ค่อยได้ ก็พอรู้สาเหตุว่าทำไม เพราะพวกออนไลน์ทั้งหลายนี่แหละครับเฟสบุคเอย หุ้นเอย ข่าวเอย สารพัด โดยเฉพาะเฟสบุ้คนี่ตัวมารร้ายกาจเลย ลำพังไม่เล่นพวกนี้ก็แย่พอแล้วเพราะวันนึงๆส่งจิตส่งใจไหลออกนอกไปแทบทุกๆเรื่องเลย )แต่ก็ไม่เข้าใจพอทำท่าๆจิตรวมพอหมดกำลังก็ถอยออกมา มันไม่เข้าใจแต่เหมือนๆจะเข้าใจ หลังออกจากสมาธิได้ก้มลงกราบหลวงตาและหลวงปู่และคิดไปว่า พรุ่งนี้เช้าขอให้หลวงปู่เมตตาสอนสิ่งที่เราติดขัดด้วย (ที่ติดคือมันยังไม่รู้ว่าอะไร ทั้งที่เราเห็นอยู่แล้วว่าทุกสิ่งในโลกทั้งมีวิญญาณ(จิต)ครองและไม่มีวิญญาณครองล้วนเกิดจากความปรุงแต่งเกิดจากเหตุปัจจัยทั้งสิ้น เกิดแล้วดับไปตามกฏแห่งอนิจจังความไม่เที่ยง แต่มันยังไม่เข้าใจลึกซึ้ง ยังไม่รู้ว่าเหตุที่มันเกิดมาจากอะไร อะไรทำให้มันเกิด คือทุกครั้งที่เกิดเช่นกามผุดขึ้นมาหรือโทสะเกิดขึ้นมาไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิด อะไรทำให้เกิด เกิดแล้วทำไมเข้าไปหลงไหลในอารมณ์นั้นๆ ตัวอย่างเช่นโทสะเวลาเกิดขึ้นมาบางทีมาจากแค่สัญญานึกถึงคนที่เราไม่ชอบ จิตมันก็เกิดโทสะแล้วหลงไปปรุง(ตอนที่เกิดขึ้นก็พอเห็น ตอนที่ดับไปแล้วก็รู้อยู่ แต่ตอนที่ระหว่างมันเกิดนี่น่ะสิทำไมจิตเราเข้าไปเสวยความโกรธนั้นๆ กามก็เหมือนกันบางทีตากระทบรูปภายนอกแล้วจิตหลงไปปรุงราคะ บางทีตาก็ไม่เห็นแต่สัญญาสังขารภายในทำงานจิตก็ไหลไปปรุง พอรู้ทันก็ดับ ถ้ายังไม่รู้ก็ปรุงนานหน่อยแต่สุดท้ายก็ดับอยู่ดีเพราะอยู่ใต้ไตรลักษณ์) จริงๆก็พอรู้ว่าไม่รู้อะไรแต่ความรู้แบบที่รู้มันใช้ไม่ได้เพราะเป็นความรู้จากการอ่านการฟัง(สัญญา สังขาร)ไม่ได้เป็นความรู้ที่เจ้าไปประจักษ์อย่างแท้จริง)
ตอนเช้าตื่นมาตอนตีสาม(ข้อวัตรที่นี่จะสวดมนต์ทำวัตรเช้าตอนตีสาม)ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ผมก็คิดไปว่าวันนี้ฝนตกหนักหลวงปู่คงจะไม่ลงมาเทศน์เป็นแน่เสียดายฝนไม่น่าตกเลย จะออกไปก็กลัวเปียก (หลวงปู่จะลงมาเทศน์ตอนตี4)พอหกโมงกว่าๆได้ถามพี่ที่มาปฏิบัติธรรมด้วยกันว่าหลวงปู่ได้ลงมาเทศน์ไหม พี่เค้าก็บอกว่าหลวงปู่ลงมาและพูดว่าจะมาดูซิว่าใครกลัวฝนบ้างจะกลัวทำไมกับแค่ฝนพี่เค้าบอกว่าวันนี้หลวงปู่เทศน์ได้ดุเดือดมากๆแบบไม่เคยได้ยินมาก่อน ในใจผมก็คิดว่าเสียดายที่ไม่ได้ลงไป แต่ไม่เป็นไรเราอยู่อีกหลายวัน ระหว่างก่อนบิณฑบาตรหลวงปู่ก็พูดอีกว่าจะกลัวอะไรกับฝน(ท่านพูดเสียงดังมากๆ ท่านเดินตากฝนเหมือนจงใจให้เราเห็น เเล้วบอกว่าให้ย้ายโต้ะ ผมก็ออกไปย้ายกลางฝนแล้วก็นึกในใจว่าต่อแต่นี้ไปเราจะไม่กลัวเปียก หลังจากนั้นวันไหนที่ฝนตกผมก็ลงศาลาทุกวัน) พอกินข้าวเสร็จผมได้ช่วยทำความสะอาดพื้นอยู่ๆหลวงปู่ก็กวักมือเรียก(ผมนึกในใจว่า โดนหลวงปู่เทศน์แน่ๆ กูตายๆ) ผมคลานเข้าไปกราบ พอเงยหน้ามาหลวงปู่ก็เทศน์ชนิดจัดหนักแบบไม่พักเลย เสียงหลวงปู่ดังมาก ลั่นศาลาเลย ชนิดไม่ต้องถาม ใส่กันไม่ยั้ง เป็นเรื่องที่เราติดอยู่นั่นแหละ ติดมาเป็นปีๆแล้วมันไม่เข้าใจอะไรซักอย่างแต่ก็ไม่รู้คืออะไร จะถามครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆหลายครั้งแต่ก็ไม่ถามจะเก็บไว้ดูเอง (ไปเล่ามากๆแม้ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ก็เถอะมันจะฟุ้ง ยิ่งถ้าเอาไปคุยเล่นยิ่งฟุ้ง เรื่องธรรมะพูดน้อยๆดี พูดมากๆฟุ้ง นิสัยผมถ้าไม่เหลือเกินไปจริงๆไม่ยอมถามง่ายๆ ไม่ได้อวดเก่งแต่อยากเก็บไว้ทำเอง) เรื่องนี้ถ้าไว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟัง แต่ก็คิดว่าคงไม่เล่าเพราะขี้เกียจพิมพ์ เล่าไปก็ไม่มีคนเข้าใจ ธรรมะแต่ละขั้นตอนมีเหตุมีผลรองรับทุกขั้น ขั้นแรกๆดูเกิดดับก็พอแล้ว ขั้นต่อๆไปดูแค่นั้นไม่พอ เพราะธรรมะขั้นต้นมันละกิเลสอะไรไม่ได้เลย เป็นแค่ความเห็นกิเลสพวกหยาบๆเช่นราคะ(กาม ถ้ากิเลสพวกราคะละเอียดจะเป็นพวกรูปราคะ อรูปราคะ)โทสะ
อันนี้เป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆ ขออนุญาติเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนๆ เพราะฟังชาตินี้จะไม่มีวันลืมเลย คงลืมไม่ลง _/|\_ หลวงปู่ท่านเมตตาผมมากๆ เวลากราบผมก็ตั้งใจกราบมากๆด้วยความตั้งใจ อ่อนโยน และนึกถึงบุญคุณท่านทุกๆครั้ง
...พูดถึงครูบาอาจารย์เรื่องแบบนี้ดูธรรมดามากสำหรับผม ไปกราบครูบาอาจารย์มักเจอเรื่องแบบนี้อยู่ประจำ ที่เจอบ่อยที่สุดก็คือหลวงพ่อปราโมทย์(อาจจะเป็นเพราะว่าผมไปที่วัดหลวงพ่อบ่อยที่สุด)
ขอเล่า ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพาแม่ไปฟังธรรมที่วัดสองครั้งทั้งสองครั้งท่านก็เทศน์เรื่องแม่(เป็นเรื่องที่เราชอบบ่นแม่)อยู่ดีๆท่านก็เทศน์เรื่องแม่เฉยเลยทั้งๆที่เราก็ไม่ได้บอกใครและท่านก็คงไม่รู้แน่นอนว่าเราพาแม่ไป และเราเคยบ่นแม่เรื่องนั้นๆจริงๆ บางครั้งก็เทศน์เรื่องที่เราเคยถามท่านไปแล้วท่านก็เอามาเทศน์ซ้ำ บางเรื่องก็เทศน์ถึงเรื่องที่ติดขัด แบบที่ไม่ทันถามเลยก็มี
แบบที่มาเข้าฝันแล้วสอนธรรมะก็มีนะครับ หลวงตานี่มากสุดเลย5ครั้งแล้ว ครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆก็อย่างละครั้ง(หลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่สิม หลวงปู่เหรียญ ฯลฯ เคยมาแล้วทั้งนั้น อย่างที่เคยเล่าให้ฟังแล้ว)
หลังจากนั้นอีกสามวันได้ฝันถึงหลวงตามหาบัว(ผมจะฝันถึงท่านบ่อยมาก ครั้งนี้ครั้งที่6แล้ว แทบทุกๆครั้ง
ท่านจะมาบอกให้เร่งความเพียร ให้บวชเสีย ครั้งนี้ในฝันผมลากเกวียนท่านนั่งอยู่บนเกวียน ระหว่างที่ลากท่านไปผมก็คุยเรื่องการปฏิบัติให้ท่านฟังทุกๆเรื่อง รวมทั้งผลที่ได้จากการปฏิบัติทุกๆขั้นทุกตอน ท่านก็บอกว่าดีแล้วๆแล้วก็พูดอีกสองสามคำซึ่งขออนุญาติไม่นำมาเล่านะครับ พอถึงที่ๆนึงเป็นบ้านไม้หลังเก่าๆผมก็เดินเข้าไปในบ้าน ซื้อลูกเป็นมาเลี้ยง สร้างบ้านให้สวยงาม สอนเป็ดให้ว่ายน้ำเฝ้าถนอมฟูมฟักอย่างดี พอมาวันนึงไปนอกบ้านกลับเข้ามาเห็นรอยน้ำท่วมลูกเป็นหายไปหมด มองบนบ้านเห็นแมวนอนอยู่สองตัว ผมโกรธมากๆควา้ไม้ไล่ตีแมวเพราะคิดว่ามันกินลูกเป็ด เดินหาลูกเป็ดคิดว่าคงจะมีที่ยังไม่ตายบ้าง เจอสามตัวที่รอด นึกในใจว่าการอยู่กับโลกหาอยู่หากินทำไมมันลำบากอย่างนี้ ถ้าสมหวังก็ดีใจถ้าผิดหวังก็เสียใจ คิดแล้วก็ท้อใจสะดุ้งตื่นขึ้นมา
วันกลับ
คลานเข้าไปกราบลาหลวงปู่บอกว่าวันนี้จะกลับแล้ว พร้อมทั้งถวายปัจจัย6000บาท ท่านรับไปแล้วมองหน้าผม ผมบอกท่านว่าพอจ.พันบอกว่าหลวงปู่กำลังสร้างโรงพยาบาลผมขอร่วมสร้างโรงพยาบาลกับหลวงปู่ด้วยครับ ท่านก็ว่ารู้จักกับพอจ.บุญพวงด้วยหรือ ผมตอบว่ารู้จักครับเคยไปอยู่กับท่านที่จังหวัดกาญจนบุรีเมือสักสิบปีก่อนตอนนั้นท่านอยู่วัดป่าเขาน้อย ท่านบอกว่าสร้างเสร็จแล้วคุยกับท่านพักนึงถามท่านว่าหลวงปู่ไปสร้างตอนไหนเพราะตอนที่ผมไปเยี่ยมไม่เห็นมีเลย หลวงปู่บอกว่าไปเยี่ยมเดือนไหนผมบอกว่าเดือนพค. ท่านถามว่าเห็นอ.บุญพวงแล้วเป็นไงเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ผมบอกว่าน่าสงสารท่านนะครับ หลวงปู่บอกว่า "โลกนี้ไม่ได้ให้อะไรกับใคร(เป็นคำพูดที่ลึกซึ้งมากๆลองพิจารณากันดูนะครับ)" ท่านถามว่าจะกลับระยองเลยหรือป่าว ผมบอกท่านว่าจะไปกราบหลวงปู่...ที่อุดรก่อนกลับครับ แล้วก็นึกในใจว่าหลวงปู่มีอะไรจะฝากไปถึงท่านไหม สักพักท่านมองหน้าผมแล้วก็เรียกพระอุปฐากว่าให้เอาผ้าไหมมาแล้วบอกกับผมว่าฝากผ้าไหมไปถวายท่านด้วยแล้วกัน!
แล้วก็พูดว่า ฝากบอกท่านด้วยนะ "พุทโธ ธัมโม สังโฆ เพิ่นก็มีบ่อึ๊ดแล้ว ไม่มีอะไรไปฝาก"
รุ่งอีกวันนึง
ไปถึงวัดหลวงปู่ถือผ้าที่หลวงปู่ฝากไปเข้าไปกราบท่านถามว่ามาจากไหน(ท่านจะพูดอีสาน) คุยกันค่อนข้างนานรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างถ้าไม่เข้าใจก็ให้พี่โยมอุปฐากแปลให้ฟัง(ท่านพูดอีสานทุกคำเลย) มีอยู่ตอนนึงท่านหันไปพูดกับโยมอุปฐากพูดบอกว่าเรายังจะคิดปรุงสร้างบ้านสร้างเรือนอีก(หมายถึงเรา)ผมนึกในใจว่าเราไปอยู่วัดมา17วันไม่เคยคิดปรุงอยากสร้างบ้านเรือนอะไรเลยแม้แต่อยากกลับบ้านก็ไม่อยากกลับทำไมหลวงปู่ว่าเรายังจะคิดสร้างบ้านสร้างเรือนอยู่นะ พอกลับออกมานึกขึ้นได้ว่าเราฝันอยากจะสร้างบ้านสร้างเรือนจริงๆ ขนาดฝันหลวงปู่ยังรู้เพราะฉนั้นที่คุยธรรมะกับหลวงตามหาบัวท่านก็คงรู้ด้วยเหมือนกันแน่ๆเลย สุดยอดจริงๆ
ตอนที่คุยกับท่านๆชวนให้เราบวชด้วย ชวนบ่อยมากตอนเเรกท่านถามว่าพระที่วัดหลวงปู่อีกท่านมีกี่รูปผมบอกว่า28ท่านก็บอกว่าบวชิเสียสิจะได้เป็น29รูปแล้วท่านก็หัวเราะ ผมหัวเราะนึกว่าหลวงปู่พูดเล่น คุยๆไปท่านก็บอกอีกว่าบวชเสียสิจะอยู่ทำไมผมบอกท่านว่าใจผมคิดจะบวชอยู่ครับแต่ตอนนี้ยังมีภาระ(ยังเที่ยวไม่หายมันส์เลย)อยู่ครับ ท่านบอกว่ามีภาระสิต้องบวช ถ้าไม่มีภาระก็ไม่ต้องบวช (เออ จริงของท่านแฮะ)
เล่าให้เพื่อนๆสมาชิกใน thaiviอ่านที่เดียวนะครับ(ในเฟสบุคเล่าไม่ละเอียดแบบนี้) เพราะคิดว่าพอจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆที่สนใจอยากพ้นทุกข์ด้วยกันได้ฟังบ้าง ครูบาอาจารย์แต่ละท่านสุดยอดจริงๆ ไม่ต้องถามตอบให้เสร็จสรรพ เคารพนับถือท่านด้วยหัวใจจริงๆ
ปล. จิตจะพักเข้าฌาณอัตโนมัติเอง
เวลาเราอ่านหนังสือหรือทำอะไรอยู่ จิตจะพลิกทำสมถะเองโดยการเข้าไปพักในฌาณอัตโนมัติ บางครั้งเข้าอุปจาระสมาธิ บางครั้งก็เข้าอัปณาสมาธิ มีใครเคยเป็นบ้างครับ
มีอยู่วันนึงระหว่างที่ทำวัตรสวดมนต์เย็น ได้นั่งสมาธิและฟังเทปธรรมะของหลวงตามหาบัวจิตได้เข้าสู่ความสงบระหว่างตอนที่หลวงตาเทศน์ว่าสังขารทั้งหลายความคิดทั้งหลายที่เราคิดนั้นล้วนมายาเป็นของหลอกทั้งสิ้นมาถึงตอนนี้จิตได้เข้าฌาณถึงขั้นอัปณาสมาธิ(ตอนฝึกจิตด้วยปฏิปทาที่ทรหด 2ตค.21 ลองไปหาฟังดูครับ หลังจากที่พักหลังๆจิตมันฟุ้งซ่าน ทำสมาธิไม่ค่อยได้ ก็พอรู้สาเหตุว่าทำไม เพราะพวกออนไลน์ทั้งหลายนี่แหละครับเฟสบุคเอย หุ้นเอย ข่าวเอย สารพัด โดยเฉพาะเฟสบุ้คนี่ตัวมารร้ายกาจเลย ลำพังไม่เล่นพวกนี้ก็แย่พอแล้วเพราะวันนึงๆส่งจิตส่งใจไหลออกนอกไปแทบทุกๆเรื่องเลย )แต่ก็ไม่เข้าใจพอทำท่าๆจิตรวมพอหมดกำลังก็ถอยออกมา มันไม่เข้าใจแต่เหมือนๆจะเข้าใจ หลังออกจากสมาธิได้ก้มลงกราบหลวงตาและหลวงปู่และคิดไปว่า พรุ่งนี้เช้าขอให้หลวงปู่เมตตาสอนสิ่งที่เราติดขัดด้วย (ที่ติดคือมันยังไม่รู้ว่าอะไร ทั้งที่เราเห็นอยู่แล้วว่าทุกสิ่งในโลกทั้งมีวิญญาณ(จิต)ครองและไม่มีวิญญาณครองล้วนเกิดจากความปรุงแต่งเกิดจากเหตุปัจจัยทั้งสิ้น เกิดแล้วดับไปตามกฏแห่งอนิจจังความไม่เที่ยง แต่มันยังไม่เข้าใจลึกซึ้ง ยังไม่รู้ว่าเหตุที่มันเกิดมาจากอะไร อะไรทำให้มันเกิด คือทุกครั้งที่เกิดเช่นกามผุดขึ้นมาหรือโทสะเกิดขึ้นมาไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิด อะไรทำให้เกิด เกิดแล้วทำไมเข้าไปหลงไหลในอารมณ์นั้นๆ ตัวอย่างเช่นโทสะเวลาเกิดขึ้นมาบางทีมาจากแค่สัญญานึกถึงคนที่เราไม่ชอบ จิตมันก็เกิดโทสะแล้วหลงไปปรุง(ตอนที่เกิดขึ้นก็พอเห็น ตอนที่ดับไปแล้วก็รู้อยู่ แต่ตอนที่ระหว่างมันเกิดนี่น่ะสิทำไมจิตเราเข้าไปเสวยความโกรธนั้นๆ กามก็เหมือนกันบางทีตากระทบรูปภายนอกแล้วจิตหลงไปปรุงราคะ บางทีตาก็ไม่เห็นแต่สัญญาสังขารภายในทำงานจิตก็ไหลไปปรุง พอรู้ทันก็ดับ ถ้ายังไม่รู้ก็ปรุงนานหน่อยแต่สุดท้ายก็ดับอยู่ดีเพราะอยู่ใต้ไตรลักษณ์) จริงๆก็พอรู้ว่าไม่รู้อะไรแต่ความรู้แบบที่รู้มันใช้ไม่ได้เพราะเป็นความรู้จากการอ่านการฟัง(สัญญา สังขาร)ไม่ได้เป็นความรู้ที่เจ้าไปประจักษ์อย่างแท้จริง)
ตอนเช้าตื่นมาตอนตีสาม(ข้อวัตรที่นี่จะสวดมนต์ทำวัตรเช้าตอนตีสาม)ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ผมก็คิดไปว่าวันนี้ฝนตกหนักหลวงปู่คงจะไม่ลงมาเทศน์เป็นแน่เสียดายฝนไม่น่าตกเลย จะออกไปก็กลัวเปียก (หลวงปู่จะลงมาเทศน์ตอนตี4)พอหกโมงกว่าๆได้ถามพี่ที่มาปฏิบัติธรรมด้วยกันว่าหลวงปู่ได้ลงมาเทศน์ไหม พี่เค้าก็บอกว่าหลวงปู่ลงมาและพูดว่าจะมาดูซิว่าใครกลัวฝนบ้างจะกลัวทำไมกับแค่ฝนพี่เค้าบอกว่าวันนี้หลวงปู่เทศน์ได้ดุเดือดมากๆแบบไม่เคยได้ยินมาก่อน ในใจผมก็คิดว่าเสียดายที่ไม่ได้ลงไป แต่ไม่เป็นไรเราอยู่อีกหลายวัน ระหว่างก่อนบิณฑบาตรหลวงปู่ก็พูดอีกว่าจะกลัวอะไรกับฝน(ท่านพูดเสียงดังมากๆ ท่านเดินตากฝนเหมือนจงใจให้เราเห็น เเล้วบอกว่าให้ย้ายโต้ะ ผมก็ออกไปย้ายกลางฝนแล้วก็นึกในใจว่าต่อแต่นี้ไปเราจะไม่กลัวเปียก หลังจากนั้นวันไหนที่ฝนตกผมก็ลงศาลาทุกวัน) พอกินข้าวเสร็จผมได้ช่วยทำความสะอาดพื้นอยู่ๆหลวงปู่ก็กวักมือเรียก(ผมนึกในใจว่า โดนหลวงปู่เทศน์แน่ๆ กูตายๆ) ผมคลานเข้าไปกราบ พอเงยหน้ามาหลวงปู่ก็เทศน์ชนิดจัดหนักแบบไม่พักเลย เสียงหลวงปู่ดังมาก ลั่นศาลาเลย ชนิดไม่ต้องถาม ใส่กันไม่ยั้ง เป็นเรื่องที่เราติดอยู่นั่นแหละ ติดมาเป็นปีๆแล้วมันไม่เข้าใจอะไรซักอย่างแต่ก็ไม่รู้คืออะไร จะถามครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆหลายครั้งแต่ก็ไม่ถามจะเก็บไว้ดูเอง (ไปเล่ามากๆแม้ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ก็เถอะมันจะฟุ้ง ยิ่งถ้าเอาไปคุยเล่นยิ่งฟุ้ง เรื่องธรรมะพูดน้อยๆดี พูดมากๆฟุ้ง นิสัยผมถ้าไม่เหลือเกินไปจริงๆไม่ยอมถามง่ายๆ ไม่ได้อวดเก่งแต่อยากเก็บไว้ทำเอง) เรื่องนี้ถ้าไว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟัง แต่ก็คิดว่าคงไม่เล่าเพราะขี้เกียจพิมพ์ เล่าไปก็ไม่มีคนเข้าใจ ธรรมะแต่ละขั้นตอนมีเหตุมีผลรองรับทุกขั้น ขั้นแรกๆดูเกิดดับก็พอแล้ว ขั้นต่อๆไปดูแค่นั้นไม่พอ เพราะธรรมะขั้นต้นมันละกิเลสอะไรไม่ได้เลย เป็นแค่ความเห็นกิเลสพวกหยาบๆเช่นราคะ(กาม ถ้ากิเลสพวกราคะละเอียดจะเป็นพวกรูปราคะ อรูปราคะ)โทสะ
อันนี้เป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆ ขออนุญาติเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนๆ เพราะฟังชาตินี้จะไม่มีวันลืมเลย คงลืมไม่ลง _/|\_ หลวงปู่ท่านเมตตาผมมากๆ เวลากราบผมก็ตั้งใจกราบมากๆด้วยความตั้งใจ อ่อนโยน และนึกถึงบุญคุณท่านทุกๆครั้ง
...พูดถึงครูบาอาจารย์เรื่องแบบนี้ดูธรรมดามากสำหรับผม ไปกราบครูบาอาจารย์มักเจอเรื่องแบบนี้อยู่ประจำ ที่เจอบ่อยที่สุดก็คือหลวงพ่อปราโมทย์(อาจจะเป็นเพราะว่าผมไปที่วัดหลวงพ่อบ่อยที่สุด)
ขอเล่า ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพาแม่ไปฟังธรรมที่วัดสองครั้งทั้งสองครั้งท่านก็เทศน์เรื่องแม่(เป็นเรื่องที่เราชอบบ่นแม่)อยู่ดีๆท่านก็เทศน์เรื่องแม่เฉยเลยทั้งๆที่เราก็ไม่ได้บอกใครและท่านก็คงไม่รู้แน่นอนว่าเราพาแม่ไป และเราเคยบ่นแม่เรื่องนั้นๆจริงๆ บางครั้งก็เทศน์เรื่องที่เราเคยถามท่านไปแล้วท่านก็เอามาเทศน์ซ้ำ บางเรื่องก็เทศน์ถึงเรื่องที่ติดขัด แบบที่ไม่ทันถามเลยก็มี
แบบที่มาเข้าฝันแล้วสอนธรรมะก็มีนะครับ หลวงตานี่มากสุดเลย5ครั้งแล้ว ครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆก็อย่างละครั้ง(หลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่สิม หลวงปู่เหรียญ ฯลฯ เคยมาแล้วทั้งนั้น อย่างที่เคยเล่าให้ฟังแล้ว)
หลังจากนั้นอีกสามวันได้ฝันถึงหลวงตามหาบัว(ผมจะฝันถึงท่านบ่อยมาก ครั้งนี้ครั้งที่6แล้ว แทบทุกๆครั้ง
ท่านจะมาบอกให้เร่งความเพียร ให้บวชเสีย ครั้งนี้ในฝันผมลากเกวียนท่านนั่งอยู่บนเกวียน ระหว่างที่ลากท่านไปผมก็คุยเรื่องการปฏิบัติให้ท่านฟังทุกๆเรื่อง รวมทั้งผลที่ได้จากการปฏิบัติทุกๆขั้นทุกตอน ท่านก็บอกว่าดีแล้วๆแล้วก็พูดอีกสองสามคำซึ่งขออนุญาติไม่นำมาเล่านะครับ พอถึงที่ๆนึงเป็นบ้านไม้หลังเก่าๆผมก็เดินเข้าไปในบ้าน ซื้อลูกเป็นมาเลี้ยง สร้างบ้านให้สวยงาม สอนเป็ดให้ว่ายน้ำเฝ้าถนอมฟูมฟักอย่างดี พอมาวันนึงไปนอกบ้านกลับเข้ามาเห็นรอยน้ำท่วมลูกเป็นหายไปหมด มองบนบ้านเห็นแมวนอนอยู่สองตัว ผมโกรธมากๆควา้ไม้ไล่ตีแมวเพราะคิดว่ามันกินลูกเป็ด เดินหาลูกเป็ดคิดว่าคงจะมีที่ยังไม่ตายบ้าง เจอสามตัวที่รอด นึกในใจว่าการอยู่กับโลกหาอยู่หากินทำไมมันลำบากอย่างนี้ ถ้าสมหวังก็ดีใจถ้าผิดหวังก็เสียใจ คิดแล้วก็ท้อใจสะดุ้งตื่นขึ้นมา
วันกลับ
คลานเข้าไปกราบลาหลวงปู่บอกว่าวันนี้จะกลับแล้ว พร้อมทั้งถวายปัจจัย6000บาท ท่านรับไปแล้วมองหน้าผม ผมบอกท่านว่าพอจ.พันบอกว่าหลวงปู่กำลังสร้างโรงพยาบาลผมขอร่วมสร้างโรงพยาบาลกับหลวงปู่ด้วยครับ ท่านก็ว่ารู้จักกับพอจ.บุญพวงด้วยหรือ ผมตอบว่ารู้จักครับเคยไปอยู่กับท่านที่จังหวัดกาญจนบุรีเมือสักสิบปีก่อนตอนนั้นท่านอยู่วัดป่าเขาน้อย ท่านบอกว่าสร้างเสร็จแล้วคุยกับท่านพักนึงถามท่านว่าหลวงปู่ไปสร้างตอนไหนเพราะตอนที่ผมไปเยี่ยมไม่เห็นมีเลย หลวงปู่บอกว่าไปเยี่ยมเดือนไหนผมบอกว่าเดือนพค. ท่านถามว่าเห็นอ.บุญพวงแล้วเป็นไงเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ผมบอกว่าน่าสงสารท่านนะครับ หลวงปู่บอกว่า "โลกนี้ไม่ได้ให้อะไรกับใคร(เป็นคำพูดที่ลึกซึ้งมากๆลองพิจารณากันดูนะครับ)" ท่านถามว่าจะกลับระยองเลยหรือป่าว ผมบอกท่านว่าจะไปกราบหลวงปู่...ที่อุดรก่อนกลับครับ แล้วก็นึกในใจว่าหลวงปู่มีอะไรจะฝากไปถึงท่านไหม สักพักท่านมองหน้าผมแล้วก็เรียกพระอุปฐากว่าให้เอาผ้าไหมมาแล้วบอกกับผมว่าฝากผ้าไหมไปถวายท่านด้วยแล้วกัน!
แล้วก็พูดว่า ฝากบอกท่านด้วยนะ "พุทโธ ธัมโม สังโฆ เพิ่นก็มีบ่อึ๊ดแล้ว ไม่มีอะไรไปฝาก"
รุ่งอีกวันนึง
ไปถึงวัดหลวงปู่ถือผ้าที่หลวงปู่ฝากไปเข้าไปกราบท่านถามว่ามาจากไหน(ท่านจะพูดอีสาน) คุยกันค่อนข้างนานรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างถ้าไม่เข้าใจก็ให้พี่โยมอุปฐากแปลให้ฟัง(ท่านพูดอีสานทุกคำเลย) มีอยู่ตอนนึงท่านหันไปพูดกับโยมอุปฐากพูดบอกว่าเรายังจะคิดปรุงสร้างบ้านสร้างเรือนอีก(หมายถึงเรา)ผมนึกในใจว่าเราไปอยู่วัดมา17วันไม่เคยคิดปรุงอยากสร้างบ้านเรือนอะไรเลยแม้แต่อยากกลับบ้านก็ไม่อยากกลับทำไมหลวงปู่ว่าเรายังจะคิดสร้างบ้านสร้างเรือนอยู่นะ พอกลับออกมานึกขึ้นได้ว่าเราฝันอยากจะสร้างบ้านสร้างเรือนจริงๆ ขนาดฝันหลวงปู่ยังรู้เพราะฉนั้นที่คุยธรรมะกับหลวงตามหาบัวท่านก็คงรู้ด้วยเหมือนกันแน่ๆเลย สุดยอดจริงๆ
ตอนที่คุยกับท่านๆชวนให้เราบวชด้วย ชวนบ่อยมากตอนเเรกท่านถามว่าพระที่วัดหลวงปู่อีกท่านมีกี่รูปผมบอกว่า28ท่านก็บอกว่าบวชิเสียสิจะได้เป็น29รูปแล้วท่านก็หัวเราะ ผมหัวเราะนึกว่าหลวงปู่พูดเล่น คุยๆไปท่านก็บอกอีกว่าบวชเสียสิจะอยู่ทำไมผมบอกท่านว่าใจผมคิดจะบวชอยู่ครับแต่ตอนนี้ยังมีภาระ(ยังเที่ยวไม่หายมันส์เลย)อยู่ครับ ท่านบอกว่ามีภาระสิต้องบวช ถ้าไม่มีภาระก็ไม่ต้องบวช (เออ จริงของท่านแฮะ)
เล่าให้เพื่อนๆสมาชิกใน thaiviอ่านที่เดียวนะครับ(ในเฟสบุคเล่าไม่ละเอียดแบบนี้) เพราะคิดว่าพอจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆที่สนใจอยากพ้นทุกข์ด้วยกันได้ฟังบ้าง ครูบาอาจารย์แต่ละท่านสุดยอดจริงๆ ไม่ต้องถามตอบให้เสร็จสรรพ เคารพนับถือท่านด้วยหัวใจจริงๆ
ปล. จิตจะพักเข้าฌาณอัตโนมัติเอง
เวลาเราอ่านหนังสือหรือทำอะไรอยู่ จิตจะพลิกทำสมถะเองโดยการเข้าไปพักในฌาณอัตโนมัติ บางครั้งเข้าอุปจาระสมาธิ บางครั้งก็เข้าอัปณาสมาธิ มีใครเคยเป็นบ้างครับ
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 53
ขออนุโมทนากับพี่ cobain_vi ด้วยนะครับ
ผมมีเรื่องสั้นๆ มาชวนคุยด้วยครับ ว่าจริงที่ครูบาอาจารย์ท่านรู้เรื่องเราทุกเรื่อง เรานี่ไม่รู้อะไรเลย
บางช่วงเราหลงไปทางโลกมาก คือเป็นบ่อยๆ ด้วย
คือนอกจากไม่ได้ปฏิบัติแล้ว ยังฟุ้งไปทางโลก เรื่องกาม เรื่องโลภ เรื่องโลก อะไรเยอะแยะไปหมด
ช่วงนั้นถ้าได้เจอท่าน จะแทบไม่กล้าสบตาท่านเลย เพราะรู้ว่าไม่ดี แต่ทำไงได้ติดมันนั้นเอง เราก็มีข้ออ้างสารพัดมาแก้ตัว
ท่านถามว่าทำไมมาสนใจธรรมะ
ตอบท่านไปว่า เรื่องทางโลกมีให้เรียนไม่รู้จบ แต่ทางธรรมเรียนแล้วมีรู้จบ
ท่านตอบกลับมาว่า ต้องเรียนทางโลกให้จบก่อนแล้วจึงจะมาเรียนทางธรรมให้จบได้
ผมนี้อึ้งไปเลย พิจารณาดูแล้ว เป็นเรื่องที่เราติดมานานเลย ชอบอ้างแบบนี้ ใช่จริงๆ ตามที่ท่านตอบ
แล้วเรื่องเดียวกันนี้ บางทีก็อ้างตอบไปว่า
นตฺถิ ตณฺหา สมา นที แม่น้ำเสมอด้วยตัณหาไม่มี ตัณหาไม่มีประมาณ
ท่านก็จะตอบว่า ตัณหามีประมาณ ตัณหามีประมาณมานะ มานะมีประมาณทิฏฐิ
ผมนี่ไปต่อไม่ถูกเลย
เป็นคำถามตอบที่ติดตรึงใจมาก
ขอสาธุอีกครั้งครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- Highway_Star
- Verified User
- โพสต์: 440
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 54
facebook นี่มันตัวทำฟุ้งจริงๆ นะครับ
ผมรู้สึกเลยว่าผมสมาธิสั้นมากกกกกกกกก คือทำงานไปได้แป๊ปๆ เหมือน facebook มันเรียกร้อง
"เช็คกูหน่อยๆ" งี้ ผมก็ต้องไปเปิดดูว่าจะมีเพื่อนคนไหน update อะไรรึเปล่า...แล้วคือมัน real time มากๆ
เราก็ไป real time ตามมันอีก เรียกได้ว่าไม่มีสมาธิใดๆ จริงๆ
คือผมเป็นมากขนาดที่ว่าจะเปิดหน้า FB ค้างไว้ที่ด้านล่างของจอ แล้วก็ทำงานอื่นไป พอมีใคร update อะไรก็ตาม
มันก็จะขึ้นงี้ครับ "(1) Facebook" ก็แปลว่ามีคนมา update อะไรซักอย่างแล้ว ผมก็ต้องตามไปดู
ทีนี้มันก็กลายเป็นว่าทำงานได้ไม่ถึงนาที ก็มองไปที่ด้านล่างจอตลอดจริงๆ หลังๆ เลยใช้วิธีปิด browser
ตอนนี้ดีขึ้นหน่อยครับ เหอๆ เริ่มจับไต๋ตัวเองได้ก็เลยดีขึ้นบ้างบวกกับรำคาญที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีสมาธิ เลยหักดิบซะเลย
ส่วนอันนี้ก็สุดยอดจริงๆ ครับ
นตฺถิ ตณฺหา สมา นที แม่น้ำเสมอด้วยตัณหาไม่มี ตัณหาไม่มีประมาณ
ท่านก็จะตอบว่า ตัณหามีประมาณ ตัณหามีประมาณมานะ มานะมีประมาณทิฏฐิ
กราบ 3 จบเลยทีเดียว
ผมรู้สึกเลยว่าผมสมาธิสั้นมากกกกกกกกก คือทำงานไปได้แป๊ปๆ เหมือน facebook มันเรียกร้อง
"เช็คกูหน่อยๆ" งี้ ผมก็ต้องไปเปิดดูว่าจะมีเพื่อนคนไหน update อะไรรึเปล่า...แล้วคือมัน real time มากๆ
เราก็ไป real time ตามมันอีก เรียกได้ว่าไม่มีสมาธิใดๆ จริงๆ
คือผมเป็นมากขนาดที่ว่าจะเปิดหน้า FB ค้างไว้ที่ด้านล่างของจอ แล้วก็ทำงานอื่นไป พอมีใคร update อะไรก็ตาม
มันก็จะขึ้นงี้ครับ "(1) Facebook" ก็แปลว่ามีคนมา update อะไรซักอย่างแล้ว ผมก็ต้องตามไปดู
ทีนี้มันก็กลายเป็นว่าทำงานได้ไม่ถึงนาที ก็มองไปที่ด้านล่างจอตลอดจริงๆ หลังๆ เลยใช้วิธีปิด browser
ตอนนี้ดีขึ้นหน่อยครับ เหอๆ เริ่มจับไต๋ตัวเองได้ก็เลยดีขึ้นบ้างบวกกับรำคาญที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีสมาธิ เลยหักดิบซะเลย
ส่วนอันนี้ก็สุดยอดจริงๆ ครับ
นตฺถิ ตณฺหา สมา นที แม่น้ำเสมอด้วยตัณหาไม่มี ตัณหาไม่มีประมาณ
ท่านก็จะตอบว่า ตัณหามีประมาณ ตัณหามีประมาณมานะ มานะมีประมาณทิฏฐิ
กราบ 3 จบเลยทีเดียว
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 55
เดี๋ยวนี้สังคมออนไลน์เราขาดกันไม่ได้แล้วเหมือนมันแอบเข้าไปฝังตัวอยู่ภายใน ตัวผมเองก็ยังต้องใช้เอาไว้อ่านพวกข่าวอะไรทำนองนั้นเพราะทุกวันนี้ไม่ได้ดูทีวีแล้ว พอเข้าไปทีนี้ก็เพลิน พอเพลินแล้วทีนี้พอเจอข่าวอะไรที่มันทำให้ฟุ้งอย่างรุนแรงก็จะเข้าไปหลงปรุง ข่าวจริงบ้างไม่จริงบ้าง บางทีก็จริงนิดเดียว บางทีก็เสนอข่าวด้านเดียวเพื่อเสี้ยมให้คนแตกแยกกันเพื่อหวังอะไรบางอย่าง คนพวกนี้ทำกรรมหนักมากๆ บางกรณีเกือบเท่าอนันตริยกรรมเลยก็มี เพราะทำคนให้แตกแยกโดยที่ไม่รู้ตัว บางทีก็รู้ตัวแต่ก็ยังทำเพราะไม่รู้ว่าผลที่ได้เป็นอย่างไรมันร้ายกาจขนาดไหน ข่าวบางข่าวเรื่องบางเรื่องเราไม่รู้จริงหรอกฟังเค้ามาทั้งนั้นแหละ ขนาดอยู่ในเหตุการณ์จริงๆเรายังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเลย ผมเองบางครั้งก็ยังขาดสติหลงไปปรุงเหมือนกัน ตอนนี้ก็unfollow,Unlike,unfriendไปบ้างเพื่อแลกกับความสะบายใจและต้องการป้องกันการกระทบทางใจ พยายามหาอะไรที่มีประโยชน์เสพย์ไอ้ที่ไม่มีประโยชน์ก็ข้ามไปไม่สนใจ เหมือนพระท่านว่า "ของเหม็นๆเรายังไม่อยากดม ของไม่สวยเราก็ไม่อยากเห็น ของไม่อร่อย(ขี้)เราก็ยังไม่กินเลย อันไหนเป็นประโยชน์ก็เลือกเอา ของไม่มีประโยชน์จะเอาเข้ามาทำไม"
พวกเพลงเดี๋ยวนี้ผมก็เลิกฟังไปหมดแล้ว นึกถึงตอนวัยรุ่นแล้วขำตัวเอง บ้าฟังเพลงมากๆฟังทุกแนวลูกทุ่งยันเดธเมทัล วงอะไรๆที่ว่าดีหามาฟังหมด ร้องได้ด้วย ข้อสอบยังจำไม่ได้เท่าเนื้อเพลง ฮา
วงไหนเค้าว่าเจ๋งหามาฟังหมด บางวงหาของแท้หาไม่ได้ไปหาของก็อปแถวจตุจักรก็เอา(เมื่อก่อนพวกวงดนตรีแนวสปีดเมทัล แธรช อะไรทำนองนั้นจะหาฟังยากมากๆ) ตอนเรียนมหาลัยถึงขนาดยอมอดข้าวเพื่อจะเอาเงินไปซื้อเทป(ตอนนั้นคิดว่าอดข้าวดีกว่าอดเพลง อดข้าวแค่สามมื้อก็ซื้อเทปได้เเล้ว แต่เทปเราสามารถฟังได้เป็นปีๆ คุ้มกว่าเห็นๆ(วีไอแบบไม่ตั้งใจ)) เพราะฟังเพลงแล้วทำให้ลืมความทุกข์ของตัวเอง(ทุกข์เพราะความลำบาก ทุกข์เพราะไม่มีเงิน ทุกข์สารพัดทุกๆเรื่องเลย) เมื่อก่อนไม่เคยภาวนา ยังไม่รู้จัก ยังไม่รู้วิธีดับทุกข์ที่แท้จริง เวลาเครียดๆหาทางออกไม่ได้ก็ไปฟังเพลง หมกตัวอยู่คนเดียว ฟังแต่เพลงๆๆๆๆ โชคยังพอมีอยู่บ้างที่ยังได้มีโอกาสมาเจอพระพุทธศาสนาที่แท้จริง นับว่าเป็นบุญมากๆ ผมคิดว่าถ้าไม่มีโอกาสได้เจอครูบาอาจารย์ ไม่ได้เจอพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ชีวิตผมก็คงวนเวียนทุกข์บ้างสุขบ้างไปตามเรื่องเหมือนคนอื่นๆทั่วๆไป เดี๋ยวนี้ความทุกข์น้อยลงมากแต่ก็ยังทุกข์อยู่(หวังว่าความทุกข์ทางใจจะหายเด็ดขาดในเร็ววัน) การปฏิบัติภาวนาคือสุดยอดแห่งการลงทุนที่แท้จริง เป็นการลงทุนที่ให้ผลติดตัวไปทุกๆชาติ จะเรียกว่าโคตรพ่อโคตรแม่วีไอก็ไม่ผิด การลงทุนที่ได้เงินมาจะได้แค่ชาตินี้เป็นแค่กรรมสิทธิ์ชั่วคราว ตายไปก็พรากจากกันแล้ว เงินที่ได้มาก็เปลี่ยนเป็นความสุขทางอายตนะ ตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันก็ได้แค่นั้นแหละความสุขทางโลกมันสุดแค่นั้น มากกว่านั้นไม่มี แล้วก็แป๊บเดียวเพราะจิตเกิดดับอย่างรวดเร็วเดี๋ยวก็ต้องไปแสวงหามาเสพย์ใหม่เพราะของเก่ามันดับไปแล้ว วนไปๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น เวลาเห็นคนพอร์ตใหญ่เป็นร้อยๆล้านพันๆล้าน รู้สึกว่าเฉยๆ กระจอก บางทีก็คิดว่าไอ้นี่โง่ฉิบหาย(บางคน) ไปหลงเอาของไม่เที่ยง แล้วเอาเงินไปทำอะไรของมันวะ แทนที่จะเอาไปทำบุญทำทาน เอาไปช่วยเหลือคนอื่นเสือกไปเอาของบ้าๆมาเผาใจตัวเอง ถ้าไม่เรียกว่าโคตรโง่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร(แล้วก็อธิษฐานว่า เจ้าประคู้ณ ถ้าลูกมีเงินมากๆเมื่อไรก็อย่าได้หลงผิดเอาเงินไปทำชั่วเลย ขอให้เจอแต่คนดีๆให้เค้าชักชวนเราไปทำแต่ความดีด้วยเถอะ ถ้าลูกมีเงินแล้วยังสุ่มเสี่ยงที่จะเอาเงินไปทำชั่ว เผาตัวเอง ทำร้ายเบียดเบียนคนอื่นก็ขออย่าให้ลูกมีเงินเลย ลูกยอมจนอยู่อย่างนั้นแหละ ถ้ายังคิดชั่วแต่ไม่มีเงินมันก็ได้แต่คิดยังทำไม่ได้ ฮา...ผมคิดอย่างนั้นนะ)
พูดถึงครูบาอาจารย์ต่อดีกว่า เท่าที่ผมสังเกตุดูแทบทุกท่านเหมือนท่านจะรู้ความคิดเรา บางทีเรื่องที่เราทำท่านก็เหมือนจะรู้ ผมก็แปลกใจว่าทำไมท่านถึงรู้ได้ แล้วรู้ได้ตามที่ท่านต้องการเลยหรือปล่าว หรือว่า รู้บ้างไม่รู้บ้างตามที่จิตออกไปสัมผัส
ผมเองตามประสบการณ์มา ส่วนใหญ่ที่จิตออกรู้ออกเห็นทุกๆครั้งจะไม่เจตนา ถ้าเจตนาจะไม่เห็น บางเรื่องไม่อยากรู้ก็รู้เอง ทุกครั้งที่รู้ก็ไม่รู้สึกอะไร(คือรู้แล้วก็เฉยๆ ไม่ได้คิดว่ากูเก่ง กูเจ๋ง หรือมานั่งวิตกถึงอนาคตถึงเรื่องที่ออกไปรู้) สมัยตอนที่ผมบวชมีอยู่ครั้งนึงระหว่างกวาดลานวัดอยู่ๆก็นึกอยากกินกระท้อนขึ้นมาเฉยๆงั้นแหละ พอรุ่งเช้าแม่ก็เอากระท้อนมาถวายเฉยเลย บางทีก็นึกถึงคนๆนึงอีกไม่กี่วันก็มีเหตุที่เกิดกับเขา บางทีก็ฝันเห็นหวย(ตอนที่บวชจะฝันทุกงวด ถูกตลอด) ฯลฯ
ไม่รู้ว่าครูบาอาจารย์จะรู้ประมาณนี้หรือปล่าว แต่ท่านต้องรู้มากกว่าผมแน่ๆ
พวกเพลงเดี๋ยวนี้ผมก็เลิกฟังไปหมดแล้ว นึกถึงตอนวัยรุ่นแล้วขำตัวเอง บ้าฟังเพลงมากๆฟังทุกแนวลูกทุ่งยันเดธเมทัล วงอะไรๆที่ว่าดีหามาฟังหมด ร้องได้ด้วย ข้อสอบยังจำไม่ได้เท่าเนื้อเพลง ฮา
วงไหนเค้าว่าเจ๋งหามาฟังหมด บางวงหาของแท้หาไม่ได้ไปหาของก็อปแถวจตุจักรก็เอา(เมื่อก่อนพวกวงดนตรีแนวสปีดเมทัล แธรช อะไรทำนองนั้นจะหาฟังยากมากๆ) ตอนเรียนมหาลัยถึงขนาดยอมอดข้าวเพื่อจะเอาเงินไปซื้อเทป(ตอนนั้นคิดว่าอดข้าวดีกว่าอดเพลง อดข้าวแค่สามมื้อก็ซื้อเทปได้เเล้ว แต่เทปเราสามารถฟังได้เป็นปีๆ คุ้มกว่าเห็นๆ(วีไอแบบไม่ตั้งใจ)) เพราะฟังเพลงแล้วทำให้ลืมความทุกข์ของตัวเอง(ทุกข์เพราะความลำบาก ทุกข์เพราะไม่มีเงิน ทุกข์สารพัดทุกๆเรื่องเลย) เมื่อก่อนไม่เคยภาวนา ยังไม่รู้จัก ยังไม่รู้วิธีดับทุกข์ที่แท้จริง เวลาเครียดๆหาทางออกไม่ได้ก็ไปฟังเพลง หมกตัวอยู่คนเดียว ฟังแต่เพลงๆๆๆๆ โชคยังพอมีอยู่บ้างที่ยังได้มีโอกาสมาเจอพระพุทธศาสนาที่แท้จริง นับว่าเป็นบุญมากๆ ผมคิดว่าถ้าไม่มีโอกาสได้เจอครูบาอาจารย์ ไม่ได้เจอพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ชีวิตผมก็คงวนเวียนทุกข์บ้างสุขบ้างไปตามเรื่องเหมือนคนอื่นๆทั่วๆไป เดี๋ยวนี้ความทุกข์น้อยลงมากแต่ก็ยังทุกข์อยู่(หวังว่าความทุกข์ทางใจจะหายเด็ดขาดในเร็ววัน) การปฏิบัติภาวนาคือสุดยอดแห่งการลงทุนที่แท้จริง เป็นการลงทุนที่ให้ผลติดตัวไปทุกๆชาติ จะเรียกว่าโคตรพ่อโคตรแม่วีไอก็ไม่ผิด การลงทุนที่ได้เงินมาจะได้แค่ชาตินี้เป็นแค่กรรมสิทธิ์ชั่วคราว ตายไปก็พรากจากกันแล้ว เงินที่ได้มาก็เปลี่ยนเป็นความสุขทางอายตนะ ตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันก็ได้แค่นั้นแหละความสุขทางโลกมันสุดแค่นั้น มากกว่านั้นไม่มี แล้วก็แป๊บเดียวเพราะจิตเกิดดับอย่างรวดเร็วเดี๋ยวก็ต้องไปแสวงหามาเสพย์ใหม่เพราะของเก่ามันดับไปแล้ว วนไปๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น เวลาเห็นคนพอร์ตใหญ่เป็นร้อยๆล้านพันๆล้าน รู้สึกว่าเฉยๆ กระจอก บางทีก็คิดว่าไอ้นี่โง่ฉิบหาย(บางคน) ไปหลงเอาของไม่เที่ยง แล้วเอาเงินไปทำอะไรของมันวะ แทนที่จะเอาไปทำบุญทำทาน เอาไปช่วยเหลือคนอื่นเสือกไปเอาของบ้าๆมาเผาใจตัวเอง ถ้าไม่เรียกว่าโคตรโง่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร(แล้วก็อธิษฐานว่า เจ้าประคู้ณ ถ้าลูกมีเงินมากๆเมื่อไรก็อย่าได้หลงผิดเอาเงินไปทำชั่วเลย ขอให้เจอแต่คนดีๆให้เค้าชักชวนเราไปทำแต่ความดีด้วยเถอะ ถ้าลูกมีเงินแล้วยังสุ่มเสี่ยงที่จะเอาเงินไปทำชั่ว เผาตัวเอง ทำร้ายเบียดเบียนคนอื่นก็ขออย่าให้ลูกมีเงินเลย ลูกยอมจนอยู่อย่างนั้นแหละ ถ้ายังคิดชั่วแต่ไม่มีเงินมันก็ได้แต่คิดยังทำไม่ได้ ฮา...ผมคิดอย่างนั้นนะ)
พูดถึงครูบาอาจารย์ต่อดีกว่า เท่าที่ผมสังเกตุดูแทบทุกท่านเหมือนท่านจะรู้ความคิดเรา บางทีเรื่องที่เราทำท่านก็เหมือนจะรู้ ผมก็แปลกใจว่าทำไมท่านถึงรู้ได้ แล้วรู้ได้ตามที่ท่านต้องการเลยหรือปล่าว หรือว่า รู้บ้างไม่รู้บ้างตามที่จิตออกไปสัมผัส
ผมเองตามประสบการณ์มา ส่วนใหญ่ที่จิตออกรู้ออกเห็นทุกๆครั้งจะไม่เจตนา ถ้าเจตนาจะไม่เห็น บางเรื่องไม่อยากรู้ก็รู้เอง ทุกครั้งที่รู้ก็ไม่รู้สึกอะไร(คือรู้แล้วก็เฉยๆ ไม่ได้คิดว่ากูเก่ง กูเจ๋ง หรือมานั่งวิตกถึงอนาคตถึงเรื่องที่ออกไปรู้) สมัยตอนที่ผมบวชมีอยู่ครั้งนึงระหว่างกวาดลานวัดอยู่ๆก็นึกอยากกินกระท้อนขึ้นมาเฉยๆงั้นแหละ พอรุ่งเช้าแม่ก็เอากระท้อนมาถวายเฉยเลย บางทีก็นึกถึงคนๆนึงอีกไม่กี่วันก็มีเหตุที่เกิดกับเขา บางทีก็ฝันเห็นหวย(ตอนที่บวชจะฝันทุกงวด ถูกตลอด) ฯลฯ
ไม่รู้ว่าครูบาอาจารย์จะรู้ประมาณนี้หรือปล่าว แต่ท่านต้องรู้มากกว่าผมแน่ๆ
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 56
เสียดายผมรู้จักพี่ต้นช้าไป ไม่งั้นได้ตามไปขอเลขเด็ดจากพี่ตอนบวชแล้วcobain_vi เขียน:บางทีก็ฝันเห็นหวย(ตอนที่บวชจะฝันทุกงวด ถูกตลอด) ฯลฯ
แฮ่...ว่าแต่ถ้าพี่ฝันเห็นเลขอีก พี่อย่างลืมกระซิบด้วยน๊ะครับ
(ผมเข้ามาติดตามแนวทางปฏิบัติธรรมจากพี่อยู่เสมอๆ
เขียนให้อ่านบ่อยๆน๊ะครับ)
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI เชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 57
ตอนที่ผมบวชฝันเห็นตลอด มีอยู่งวดนึงนึกสนุกลองเเทงหวย(ทั้งๆที่บวช)ดู ปรากฏว่าผิดครับถูกรับประทานsaichon เขียน:เสียดายผมรู้จักพี่ต้นช้าไป ไม่งั้นได้ตามไปขอเลขเด็ดจากพี่ตอนบวชแล้วcobain_vi เขียน:บางทีก็ฝันเห็นหวย(ตอนที่บวชจะฝันทุกงวด ถูกตลอด) ฯลฯ
แฮ่...ว่าแต่ถ้าพี่ฝันเห็นเลขอีก พี่อย่างลืมกระซิบด้วยน๊ะครับ
(ผมเข้ามาติดตามแนวทางปฏิบัติธรรมจากพี่อยู่เสมอๆ
เขียนให้อ่านบ่อยๆน๊ะครับ)
ผมว่าถ้าเราเอามาหาประโยชน์ให้กับตัวเองมักจะคลาดเคลื่อนไปนะครับ แปลกใจตรงที่ว่าเราเห็นเลขแล้วตอนที่เห็นก็ไม่ใด้อยากเห็นเหมือนงวดอื่นๆ พอเอามาแทงมันไม่ยักกะถูกทั้งๆที่มันเป็นเรื่องความอยากในอนาคตซึ่งตอนนั้น(ฝัน)ไม่อยาก
แปลกดี
ผมว่าพี่สายชลอย่าไปแทงหวยเลยครับ แค่ลงทุนในตลาดก็ไม่รู้จะเงินไปไหนหวัดไหวแล้ว
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา