สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 181

โพสต์

SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ดัชนีดาวโจนส์-ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น

กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--รอยเตอร์


**ต่างประเทศ


*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับขึ้นในวันศุกร์ โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดบวก 0.37% ขณะที่

ได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า นักการเมืองสหรัฐจะหาทางออกร่วมกันได้ในการแก้ไข

วิกฤติหน้าผาการคลัง(fiscal cliff) แม้การปรับขึ้นของตลาดไม่เพียงพอที่จะ

ชดเชยการร่วงลงในสัปดาห์นี้ก็ตาม

*เมื่อวันศุกร์ ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปิดทรงตัวถึงปรับลดลง โดยความกังวล

เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกจากภาวะการคลังของสหรัฐ และวิกฤติหนี้ในยูโรโซน เป็น

ปัจจัยถ่วงสินทรัพย์เสี่ยงในภูมิภาค โดยตลาดหุ้นมาเลเซียและเวียดนามปรับตัวลง

ขณะที่สิงคโปร์ปิดทรงตัว ส่วนฟิลิปปินส์ ปิดในแดนบวก

*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดเมื่อวันศุกร์ บวก 1.22

ดอลลาร์ มาที่ 86.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่เหตุเพลิงไหม้ที่แท่นผลิตน้ำมันใน

อ่าวเม็กซิโก และความขัดแย้งที่ลุกลามระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตนส์ ทำให้

เกิดความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมัน

*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวันศุกร์ (16 พ.ย.) บวก 12 จุด

หรือ 1.17% สู่ระดับ 1036 ขณะที่ระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 และระดับต่ำสุด

ของปีนี้อยู่ที่ 647

*ทำเนียบขาวเปิดเผยในวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา

จะประชุมกับผู้นำสภาคองเกรสอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 23 พ.ย.หลังวันหยุดเทศกาลขอบคุณ

พระเจ้า เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางหลีกเลี่ยงวิกฤติหน้าผาการคลังหรือ fiscal

cliff ซึ่งหากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการลดหนี้

และยอดขาดดุลงบประมาณภายในสิ้นปีนี้ ก็จะส่งผลให้ต้องมีการปรับลดค่าใช้จ่ายลง

อย่างมาก และมีการปรับขึ้นภาษี ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

*ผู้นำพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสของสหรัฐยืนยันหลังจาก

ประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมงกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาเมื่อวันศุกร์ว่า พวกเขา

จะหาทางออกร่วมกันเกี่ยวกับเรื่องภาษีและการใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถ

หลีกเลี่ยงปัญหา fiscal cliff ได้


**เศรษฐกิจทั่วไป


*วันนี้สภาพัฒน์จะเปิดเผยตัวเลขจีดีพี ประจำไตรมาส 3/55 ซึ่งโพลล์รอยเตอร์ คาดว่า

จะโตเพียง 0.6% ต่ำสุดปีนี้ ซึ่งภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อการส่งออก

และผลผลิตทางอุตสาหกรรม ขณะที่การบริโภคในประเทศ และการลงทุนลดลง

*สบน.มีแผนออกพันธบัตรรัฐบาลวงเงินประมาณ 5 แสนลบ.ในปีงบประมาณ 56(ต.ค.55-

ก.ย.56) จากความต้องการระดมทุนในปีงบประมาณ 56 ทั้งหมดราว 1.095 ล้านลบ.

ขณะที่คาดว่า ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ(ต.ค.-ธ.ค.55) จะออกพันธบัตรรัฐบาล

ราว 1.1 แสนลบ.จากตารางประมูลพันธบัตร ที่ประกาศไว้ 1.5 แสนลบ.

*นิด้าโพล เผยประชาชน 48.04% ระบุว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วัน อาจมีผล

ทำให้ผู้ประกอบการหรือนายจ้าง เลิกจ้างงานแรงงานไทย เพราะนายจ้างหันไปใช้

แรงงานต่างด้าวที่มีค่าแรงถูกกว่า และมีความอดทนมากกว่าแรงงานไทย

*บลจ.วรรณ แนะนักลงทุนขยับความเสี่ยงของพอร์ต ด้วยการเพิ่มสัดส่วนลงทุนในหุ้นมาก

ขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน ในช่วงที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้อยู่ในระดับต่ำ

โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยที่ปรับฐานในช่วงนี้ เป็นโอกาสเข้าลงทุน เพื่อรอรับการปรับขึ้น

ในปีหน้า ที่นักวิเคราะห์มองว่าดัชนีอาจไปถึง 1,450 จุด

*กรุงเทพโพลล์ เผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์คาดเศรษฐกิจไทยในปี 56 จะ

เติบโตในระดับ 4.6% โดยการส่งออกจะขยายตัวได้ 6.8% ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลก

ในภาพรวม ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดสำหรับเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ผลสำรวจยังพบว่า

นักเศรษฐศาสตร์มองว่า ดัชนีหุ้นไทยในปีหน้าจะอยู่ใน ทิศทางขาขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้ โดย

คาดว่าจุดสูงสุดของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 56 จะอยู่ที่ 1,400 จุด

*ธปท.เผย ในปี 56 กนง.จะยังใช้กรอบอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เป็นเป้าหมายในการดำเนิน

นโยบายการเงินต่อไป หลังจากกระทรวงการคลังขอเวลาอย่างน้อย 1 ปี เพื่อให้การ

ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน มีความชัดเจนก่อน

*บีโอไอเดินหน้าดึงอุตสาหกรรมแปรรูปยาง เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ จีนเข้าไทย แนะ

รัฐหนุน เอสเอ็มอีลงทุนแดนมังกร ด้านกระทรวงอุตฯ เชื่อจีนหวังไทยเป็นฐานบุกตลาด

เออีซี เผยหารือร่วม "เวิน เจีย เป่า" ไม่มีกรอบความร่วมมือสำคัญ เหตุผู้นำจีนใกล้

หมดวาระ(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)

*ยิ่งลักษณ์แถลงการณ์ร่วม โอบามา ประกาศเจตนารมณ์ร่วมทีพีพี การเดินทางมาเยือนไทย

อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสหรัฐโอบามาระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. ได้มีการ

หารือทวิภาคีกับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังการหารือทั้งสองผู้นำได้

เปิดแถลงการณ์ร่วมกัน(นสพ.โพสต์ทูเดย์)

*ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ขณะนี้ ธปท.เริ่มติดตามสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองอย่าง

ใกล้ชิด โดยมองว่าปัจจัยความไม่สงบทางการเมืองก็ถือเป็นความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ

และความเคลื่อนไหวทางการเมืองใกล้กับกำหนดการประชุมกนง. ในวันที่ 28 พ.ย.นี้

จะมีการยกประเด็นการชุมนุมขับไล่รัฐบาลขององค์การพิทักษ์สยาม เข้าไปประกอบการ

ตัดสินใจในแง่เศรษฐกิจและนโยบายการเงินในระยะต่อไปด้วย (นสพ.โพสต์ทูเดย์)

*รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า กกร.จะหารือวันนี้ถึงมาตรการช่วย

เหลือภาคเอกชน หลังจากที่รัฐบาลปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ที่จะมีผล

วันที่ 1 ม.ค.56 เพิ่มเติม หลังจาก 27 มาตรการที่รัฐบาลทำออกมาเพื่อช่วยเหลือ

นั้น ไม่ได้ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ไม่สามารถเข้าถึงมาตรการช่วย

เหลือได้ (นสพ.โพสต์ทูเดย์)

*ประธานนายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ เปิดเผยว่า เตรียมหารือสมาชิกถึงผลกระทบการ

ตรึงราคาอาหารสัตว์ที่ทำต่อเนื่องมานานถึง 5 ปี เพื่อนำข้อสรุปไปเสนอรมว.พาณิชย์

ภายในเดือน พ.ย.นี้ หามาตรการช่วยเหลือผู้ผลิต(นสพ.โพสต์ทูเดย์)

*แบงก์ห่วงจีเอสพีทำภาคเอกชนไทยวิตกกังวลมากกว่าทีพีพี กระตุ้นรัฐเร่งเจรจาข้อตกลง

การค้าเสรีไทย-อียู หวัง ส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศมากขึ้น พร้อมชดเชยความ

เสียหายอาจเกิดจากจีเอสพีทีอียูให้ผู้ส่งออกไทยหมดอายุลง (นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)


**การเมือง


*"จตุพร" ระบุว่าได้สั่งห้ามมวลชนเสื้อแดงเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะเป็นการต่อต้านกลุ่ม

องค์การพิทักษ์สยาม แต่ให้รอแกนนำประเมินสถานการณ์ ขณะที่กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม

ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงจุดยืนในการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.ว่า เป็น

ไปตามกรอบของกฎหมาย และปราศจากอาวุธ

*รมว.มหาดไทย ระบุว่า รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคง

ภายในราชอาณาจักร เพื่อดูแลการชุมนุม ของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24

พ.ย.นี้ เนื่องจากสถานการณ์ไม่อยู่ในภาวะปกติ และการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจ

จะได้มีกฎหมายรองรับ

*นิด้าโพลเผยผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 56.13% ไม่อยากเห็นส.ส.ทั้ง

ฝ่ายค้านและรัฐบาล พูดจาในเชิงยั่วยุเสียดสี สาดโคลนใส่กัน ในการอภิปรายไม่ไว้

วางใจรัฐบาลที่จะมีขึ้นในปลายเดือนพ.ย.นี้

*พรรคเพื่อไทย ขู่นักการเมือง-พรรคเอี่ยวขนคนร่วมชุมนุมกับ"เสธ.อ้าย" อาจผิดถึง

ขั้นยุบพรรค แนะเจ้าหน้าที่ติดกล้องวงจรปิดควบคุมม็อบ ด้าน"เสธ.อ้าย"ปล่อยขบวน

คาราวาน ชวนคนกรุงร่วมชุมนุม 24 พ.ย. ยันไม่เคยพูดปิดประเทศ(นสพ.กรุงเทพ

ธุรกิจ)


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 182

โพสต์

09:10 19/11/2012
SET:คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลง
แรงขายต่างชาติถ่วงตลาด, รอดูปัจจัยต่างประเทศ


กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--รอยเตอร์


*นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับลดลง หลังยังไม่มีปัจจัยหนุน

เข้ามาสู่ตลาด โดยแรงขายของนักลงทุนต่างชาติจะยังกดดันภาพรวมการลงทุน

ขณะที่ยังต้องจับตาประเด็นจากต่างประเทศ ทั้งปัญหาหนี้กรีซ และวิกฤติหน้าผา

การคลัง (fiscal cliff)

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดบวก 0.37% ขณะที่

ได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า นักการเมืองสหรัฐจะหาทางออกร่วมกันได้ในการแก้ไข

วิกฤติหน้าผาการคลัง แม้การปรับตัวขึ้นของตลาดไม่เพียงพอที่จะชดเชยการร่วงลง

ในสัปดาห์นี้ก็ตาม

*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดเมื่อวันศุกร์ บวก 1.22

ดอลลาร์ มาที่ 86.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่เหตุเพลิงไหม้ที่แท่นผลิตน้ำมันใน

อ่าวเม็กซิโก และความขัดแย้งที่ลุกลามระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตนส์ทำให้เกิด

ความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมัน

*วันศุกร์ต่างชาติขายสุทธิ 1.25 พันล้านบาท จากวันพฤหัสบดีขายสุทธิ 1.33 พันล้านบาท

*เช้านี้บาท/ดอลลาร์ อยู่ที่ 30.71/73 เมื่อวันศุกร์อยู่ที่ 30.72/79

*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 1,260 ส่วนแนวต้านที่ 1,285 จุด


"เท่าที่ดูยังไม่มี factor ที่เป็นบวกหนุนตลาด สิ่งที่กังวลเป็นเรื่องการขายของ

ต่างชาติ...อีกทั้งจะมีม็อบในช่วงสุดสัปดาห์ และยังต้องจับตาดูปัจจัยจากต่างประเทศด้วย"

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าว

เขา กล่าวว่า ตามสถิติในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่นักลงทุนต่างชาติจะ

ขายสุทธิในช่วงเดือนพ.ย. ขณะที่ปัจจัยหนุนจากเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และเงิน

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) น่าจะเข้ามาหนุนตลาดอย่างเด่นชัดในช่วงเดือนธ.ค.

นอกจากนี้ ยังต้องจับตาปัจจัยจากต่างประเทศ ทั้งกรณีการประชุมยูโรกรุ๊ป 17

ประเทศในวันที่ 20 พ.ย.เกี่ยวกับกรณีกรีซ และต้องติดตามการแก้ไขวิกฤติหน้าผาการคลัง

ของสหรัฐ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้น่าจะยังทำให้ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวน

และมีโอกาสจะปรับตัวลงได้

เขา ยังเห็นว่านักลงทุนยังคงจับตาการวินิจฉัยของศาลปกครองกลาง กรณี

ใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G ด้วย


ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ

*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันศุกร์ ปิดบวก 6.11 จุด หรือ 0.48% มาที่ 1,280.13

ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 24,793.67 ล้านบาท

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเมื่อวันศุกร์ ปิดบวก 45.93 จุด หรือ 0.37% มาที่

12,588.31 และดัชนีแนสแดค ปิดบวก 16.19 จุด หรือ 0.57% มาที่ 2,853.13

*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ส่วนใหญ่บวก โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ บวก 0.18%,ญี่ปุ่น

บวก 1.36%, เกาหลีใต้ บวก 0.95%, ไต้หวัน ลบ 0.04% และตลาดหุ้นฮ่องกง

บวก 0.54%


จับตาหุ้น

*TISCO ตั้งเป้าสินเชื่อปีหน้าโต 12-15%, มองยอดขายรถยนต์ 1.1-1.2 ล้านคัน

*THAI เผยเคบิน แฟคเตอร์ ต.ค.ที่ 73.5% เพิ่มจาก 65.7% ต.ค.ปีก่อน

*THCOM เผยศึกษานำ"ลาวเทเลคอม"เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นลาว,คาดสรุปปีหน้า

*RML หลังตลท.ให้วางเงินสดเต็มจำนวนก่อนซื้อตั้งแต่ 19 พ.ย.-7 ธ.ค.

*HMPRO หนังสือพิมพ์เผยผู้บริหารคาดปีนี้ยอดขายโตมากกว่าเป้าหมายที่ 15% จากปีก่อน

รูปภาพ
(โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ รายงานและเรียบเรียง--บร--)
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 183

โพสต์

ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 184

โพสต์

8 อาชีพ ที่จะHot ที่สุดใน ASEAN



สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ห้องเรียนแห่งอนาคตทุกคน ถ้าจะพูดถึงเรื่องที่ Hotที่สุดตอนนี้
ก็คงไม่พ้น เรื่องของการร่วมกลุ่มทางเศรษฐกิจประชาคมอาเซียน ที่กำลังเป็นกระแสอยู่
ณ ปัจจุบันนี้ และสำหรับประเทศไทยแล้ว เราได้เตรียมตัวอย่างไรกันบ้าง?
พร้อมหรือยังที่จะก้าวสู่ ประชาคมอาเซียน

รูปภาพ

ในปี ค.ศ. 2015 ( พ.ศ.2558) ที่จะถึงนี้เราจะมีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเกิดขึ้น ซึ่งอาเซียน (ASEAN) หรือ สมาคมประชาชาติเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (The Association for Southeast Asian Nations) ประกอบด้วยสมาชิก 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ได้รวมกลุ่มกันเพื่อร่วมมือเสริมสร้างให้ภูมิภาคมีสันติภาพนามาซึ่ง เสถียรภาพทางการเมือง และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อีกทั้งได้จัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจ (ASEAN Economic Community: AEC) เพื่อส่งเสริมให้เป็นตลาดและฐานผลิตเดียวที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ และการลงทุน แรงงานฝีมือ และเงินทุนอย่างเสรี ทั้งนี้ได้กำหนดเป้าหมายให้เป็นปีที่มีลักษณะของการรวมกลุ่มประเทศเปลี่ยน เป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทาให้เกิดผลกระทบด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านแรงงาน จะมีการถ่ายเทแรงงานด้านฝีมือเพื่อให้สามารถทางานในประเทศสมาชิกได้ง่ายขึ้นใน 8 สาขาอาชีพ คือ

1. วิศวกรรม
2. การสำรวจ
3. สถาปัตยกรรม
4. แพทย์
5. ทันตแพทย์
6. พยาบาล
7. บัญชี
8. การบริการ/การท่องเที่ยว


อาชีพอิสระที่ได้มาตรฐานได้รับการรับรองสามารถเคลื่อนย้ายไป ทางานในประเทศแถบอาเซียนได้ทันที ไม่มีการปิดกั้น อาชีพที่ได้ตกลงไว้คือ แพทย์ พยาบาล บัญชี สถาปนิก วิศวกร โดยในตอนแรกมีการตกลงว่าภาษาที่ใช้ในประชาคมคือภาษาอังกฤษ ซึ่งนักเรียนควรตระหนักในเรื่องนี้ให้มาก จะต้องเรียนให้เก่งจริง เมื่อเรียนจบปริญญาตรี ต้องใช้องค์ความรู้ที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะต้องรู้ภาษาอังกฤษ รู้ภาษาจีน รอบรู้ประวัติศาสตร์ และรู้เทคโนโลยีด้วย

ขณะนี้มีหลายประเทศที่รายได้เฉลี่ยต่ำกว่าไทย ดังนั้นจะมีแรงงานต่างชาติเข้ามาทางานในเมืองไทยอย่างแน่นอน ช่วง 5 ปีต่อจากนี้ไปอาจยังไม่มีผลกระทบทางลบมากนัก แต่นานไปก็น่าเป็นห่วงว่าคนไทยจะไม่มีงานทา หรือโดนแย่งงานจากแรงงานต่างชาติ

ใน 4-5 ปีข้างหน้า 10 ประเทศก็จะเหมือน 10 จังหวัด ในการเปิดเสรีทางเงินทุน การค้า การบริการ แต่ข้อเท็จจริงการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือจะต้องมีกฎกติกาตามเงื่อนไขที่ตกลง กัน ในประเด็น 7 สาขาวิชาชีพ ช่างสำรวจ สถาปนิก บัญชี แพทย์ หมอฟัน วิศวกร พยาบาล

เมื่อมีกฎแล้วต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของประเทศนั้น ๆ ด้วย เช่น วิศวกร จะไปทางานที่ประเทศสิงคโปร์ ก็ต้องผ่านการสอบของสิงคโปร์ด้วย กลุ่มแรงงานระดับล่างยังไม่ตกลงเพราะเป็นเรื่องใหญ่ แต่อีกกลุ่มวิชาชีพหนึ่งคือ บุคลากรวิชาชีพทางการท่องเที่ยว กาลังอยู่ในขั้นตอนการตกลง มี 9 ประเทศลงนามเรียบร้อยแล้ว แต่ไทยยังไม่ลงนามเพราะติดกรอบทางด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการทาข้อตกลงกับต่างประเทศต้องได้รับการยินยอมจากรัฐสภา แม้ยังไม่ลงนามก็มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว ถ้าไม่ลงนามก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายแรงงานได้

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ควรจะกล่าวถึงเรื่องของสมรรถนะ ความรู้ความสามารถ (Competency) ในการบริการ การทำงานกับเพื่อนร่วมงานอย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถในการปรับตัว ความเร็วในการทางาน ความยืดหยุ่นในการทางานเป็นหลัก แต่ต่อไปนี้จะทางานตามหน้าที่ คนมีสมรรถนะคือคนที่ทางานเร็ว เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และพัฒนาสม่ำเสมอ

พ่อแม่ผู้ปกครองควรสนใจในเรื่องนี้และปูแนวทางให้ลูกรัก อย่างถูกหลัก วางแผนชีวิตให้เหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงที่คืบคลานมาอย่างรวดเร็วอย่ากระพริบตา อาจพลาดพลั้งสูญเสียงานสำคัญให้ชาวต่างชาติ และคนไทยเป็นได้เพียงมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ ที่ไม่มีทักษะ ไม่มีสมรรถนะ และไม่มีประเทศไหนรับทางานเลยก็ได้ ถามตัวเองว่าลูกหลานเราจะเป็นอันดับที่เท่าไรในตลาดประชาคมอาเซียน

แพทย์และพยาบาลก็เป็นอาชีพหนึ่งที่เป็นที่สนใจของอาเซียน แม้แต่ในประเทศไทยก็เป็นที่ต้องการมาก สถานประกอบการบางแห่งก็ขาดแคลน พยาบาลโรงงานอุตสาหกรรมเป็นอาชีพหนึ่งที่ขาดแคลน เพราะตามกฏหมายสถานประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรมจำเป็นต้องมีพยาบาลประจำโรงงาน เช่น กรณี ลูกจ้าง 200-999 คน ต้องจ้างพยาบบาลจำนวน 1 คนตลอด 8ชั่วโมง และเพิ่มทุก 1000 ขึ้น ต่อพยาบาล 1คน เป็นต้น

ที่มา รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 185

โพสต์

รูปภาพ

แพทย์แผนจีนพลิกตำราโบราณพันปี รักษา "โรคเบาหวาน"
เบาหวานในภาษาทางการแพทย์แผนจีนมีชื่อว่า Xiao-Ke (เซียว-เค่อ) หมายถึงภาวะหิว กระหายน้ำ และซูบผอม น้ำหนักลดลงเรื่อย ๆ

ศาสตร์แพทย์แผนจีนได้มีการบันทึกโรคเบาหวานไว้ในตำราหวงตี้-เน่ยจิง ที่เก่าแก่นับพันปี และเป็นที่รู้จักกันในหมู่แพทย์แผนจีน โดยมีการระบุชัดเจนถึงลักษณะอาการของโรคเบาหวาน เป็น 3 ชนิด คืออาการกระหายน้ำบ่อย หิวบ่อย และปัสสาวะบ่อย ซึ่งอาการทั้งหมดเหล่านี้ เกิดจากความผิดปกติของอวัยวะปอด ม้าม ตับ และไต,จากการที่มีความร้อนสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน ร่วมกับภาวะขาดสารน้ำที่หล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย (สารยิน)เป็นหลัก

กลไกการเกิดเบาหวาน เริ่มต้นจากการดื่ม การกินที่ไม่ถูกหลัก คือกินอาหาร หวาน มัน มากจนเกินความจำเป็น ดื่มสุราเป็นประจำ ร่วมกับมีภาวะที่จิตใจ-อารมณ์ขาดความสมดุล เช่น มีความตึงเครียด โมโห ฉุนเฉียว ครุ่นคิด วิตก กังวล เก็บกด มากจนเกินไป ซึ่งทั้งการดื่ม การกิน ที่ไม่ถูกหลัก จะมีผลกระทบต่อสารน้ำที่หล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย (สารยิน) ให้ลดลงจนเกิดโรคเบาหวาน

เมื่อผู้ป่วยมีสารน้ำที่หล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ลดลง (สารยินลดลง) การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ก็จะผิดปกติไป ถ้าสารยินที่ปอดลดลง ปอดจะแห้ง ขาดความชุ่มชื้น จะเกิดอาการปาก คอแห้ง กระหายน้ำบ่อย และดื่มน้ำบ่อย

ถ้าสารยินที่กระเพาะอาหารและม้ามลดลง ทำให้เกิดความร้อนมาก ในระบบการย่อยอาหารในระยะแรก ทำให้มีอาการกินบ่อย หิวบ่อย และท้องผูก นานวันเข้า ถ้ายังมีความร้อนสะสมมาก และสารยินลดลงมากไปเรื่อย ๆ ในระยะท้าย ๆ ผู้ป่วยจะมีอาการเบื่ออาหาร แน่นท้อง กินแล้วอิ่มเร็ว เหมือนอาหารไม่ย่อย บวม ถ้าสารยินที่ไตลดลง การทำงานของไตก็จะผิดปกติไป (ในศาสตร์แพทย์แผนจีนพบว่าไตเป็นอวัยวะที่สร้างสารจำเป็นต่อการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์ ที่เรียกว่าสารจิง) ดังนั้น เมื่อสารจิงจากไตลดลง ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียง่าย เหนื่อยง่าย เมื่อยเอว ปวดหลัง ปัสสาวะบ่อย หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ น้ำหนักตัวลดลง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หูอื้อ ตามัว และน้ำหนักตัวลด

โดยสรุป การเกิดโรคเบาหวาน ในทรรศนะแพทย์แผนจีนจะเกี่ยวพันกับการที่มีความร้อนสะสมในร่างกาย และไปทำลายเผาผลาญสารน้ำที่หล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ

ในร่างกาย (สารยิน) ให้ลดลง ซึ่งมีผลสืบเนื่องต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายผิดปกติไป

ดังนั้น การรักษาโรคเบาหวาน ในศาสตร์แพทย์แผนจีนจะมุ่งเน้นไปที่

1.การบำรุงอวัยวะหลัก ๆ คือปอด ม้าม กระเพาะอาหาร ตับ และไต

2.สลายความร้อนออกจากร่างกาย โดยใช้วิธีฝังเข็ม หรือยาจีน

3.เน้นการปรับสมดุลของร่างกาย และการไหลเวียนของลมปราณ ร่วมกับให้ผู้ป่วยดูแลในเรื่องการดื่ม-กินให้ถูกหลัก และผ่อนคลายความตึงเครียด ทำให้จิตใจ-อารมณ์สมดุล

การรักษาภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน โดยศาสตร์แพทย์แผนจีนพบว่าอาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ส่วนใหญ่เกิดจากลมปราณไหลเวียนไม่สะดวกในร่างกาย ก่อให้เกิดภาวะเลือดคั่ง ความร้อนสะสม หรือมีสิ่งผิดปกติไปอุดตันตามทวารต่าง ๆ (แพทย์แผนจีนเรียกว่ามีถานอิ่น หรือเสมหะ) ร่วมกับมีปัจจัยภายนอก คือความเย็น ความร้อน เป็นตัวร่วมทำให้เกิดความผิดปกติ เช่น ภาวะหลอดเลือดสมองแตก เกิดจากความร้อนในร่างกายสูงมากจนเกิดไฟพุ่งขึ้นเบื้องบนไปรบกวนทวารสมอง เกิดภาวะหลอดเลือดสมองแตก หรือภาวะหลอดเลือดสมองตีบ เกิดจากการมีเสมหะสกปรกอุดตัน คั่งค้างตามทวารสมอง จากการที่พลังชี่ (การไหลเวียนลมปราณ) ไม่โปร่งโล่ง ไม่สามารถผลักดันเสมหะเหล่านั้นให้หลุดไปได้

ทั้งหมดนั้น เรียกโดยรวมว่าโรคหลอดเลือดสม ถ้าเสมหะสกปรกไปอุดตัน หรือมีภาวะเลือดคั่งตามแนวเส้นประสาทส่วนปลาย ก็จะมีอาการชาปลายมือ ปลายเท้า ทั้งหมดนี้ แพทย์แผนจีนจะใช้หลักการตรวจร่างกาย และซักประวัติ ร่วมกับการจับชีพจร (แมะ) และการดูลิ้น หาสิ่งสนับสนุนการวินิจฉัยถึงกลไกการเกิดอาการ ว่าเป็นเสมหะ หรือเป็นเลือดคั่ง หรือมีปัจจัยจากความร้อน ความเย็นมากระทบร่างกายผู้ป่วย

จากนั้นจะทำการรักษา ทั้งฝังเข็ม หรือยาจีน ซึ่งก็มีข้อมูลยืนยันและยอมรับจากองค์การอนามัยโลก ถึงประสิทธิภาพของการฝังเข็มรักษาโรคหลอดเลือดสมอง ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาได้ผลดี

แนวคิดการรักษาโรคเบาหวานแบบผสมผสาน หลักการรักษาที่ดีที่สุด โดยทั่วไปแล้ว ระยะแรกต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติโดยเร็วที่สุดด้วยยาแผนปัจจุบัน แล้วใช้ศาสตร์แพทย์แผนจีน ทั้งฝังเข็ม และยาจีน มาช่วยในการปรับสมดุลร่างกาย และร่วมกับการควบคุมปัจจัยต่าง ๆ เช่น อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ เพศสัมพันธ์ให้สมดุล

ถ้าระดับน้ำตาล และสภาพร่างกายดีขึ้น อาจจะลดยารักษาโรคเบาหวานลงได้ โดยภาพรวมควรรักษาโรค (คุมน้ำตาล โดยแพทย์แผนปัจจุบัน) และรักษาคน (ปรับสมดุล โดยแพทย์แผนจีน)

หากท่านมีปัญหา หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคเบาหวาน สามารถปรึกษาได้ที่ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล โทร.0-2849-6600 และในวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันเบาหวานโลก ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก

จัดกิจกรรมรณรงค์โรคเบาหวาน มีการตรวจสุขภาพ วัดความดันโลหิต วัดดัชนีมวลกาย วัดรอบเอว ตรวจหาความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โดยทีมแพทย์ พยาบาล และนักเทคนิคการแพทย์ พร้อมกับชมนิทรรศการให้ความรู้ การสาธิตทำอาหารเพื่อสุขภาพ และพบกับวิทยากรผู้มีชื่อเสียงให้ความรู้ด้านโรค เบาหวาน สอบถามเพิ่มเติม โทร.0-2849-6600 ต่อ 0, 2131

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 186

โพสต์

รูปภาพ
แอร์ฟอร์ซวันพา'โอบามา'ลาไทยไปพม่าแล้ว

เครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน พาประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา ลาประเทศไทยเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศพม่า แล้ว...

เมื่อเช้าวันนี้ (19 พ.ย.) นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ออกเดินทางจากโรงแรมที่พักไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันเดินทางไปเยือนประเทศพม่า โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และเอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เดินทางไปส่ง ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. ตามคำเชิญของรัฐบาล เนื่องในโอกาสครบรอบ 180 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐฯ

ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางไปเยือนประเทศพม่า ผู้นำสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศไทยว่า การเดินทางเยือนพม่าเป็นครั้งแรกในวันนี้ ไม่ใช่ความเห็นชอบรัฐบาลพม่าในการละทิ้งการปกครองแบบทหาร หรือเร็วเกินไปตามที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนตำหนิ แต่ต้องการไปเพื่อแสดงการยอมรับว่า พม่า ได้เปิดประตูรับการเปลี่ยนไปสู่ประชาธิปไตยแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก เช่นการเดินหน้าเพื่อปฏิรูปต่อไป ขณะเดียวกัน หากรอให้ประเทศพม่ามีประชาธิปไตยจนสมบูรณ์ แล้วค่อยเข้าไปติดต่อข้องเกี่ยว ก็เกรงว่าจะต้องรอไปอีกนาน

ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เผยว่า ประธานาธิบดีโอบามาจะประกาศให้ความช่วยเหลือพม่า มูลค่า 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5,270 ล้านบาท ในการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ในวันนี้ด้วย โดยความช่วยเหลือจะครอบคลุมงบประมาณปี 2555-2556 เน้นโครงการภาคประชาสังคม เพื่อสร้างสถาบันประชาธิปไตย และยกระดับคุณภาพการศึกษา เป็นการเริ่มต้นภารกิจระยะยาวในพม่า

อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ของผู้นำสหรัฐฯ ในประเด็นเรื่องพม่า นายโอบามาจะเรียกชื่อประเทศพม่าว่า "เบอร์ม่า" ตามชื่อเดิม และเป็นชื่อที่ นางออง ซาน ซูจี เรียกประเทศพม่า ซึ่งจะไม่ตรงกับชื่อที่รัฐบาลพม่าได้เปลี่ยนใหม่ไปใช้ว่า "เมียนมาร์" แล้ว.

รูปภาพ

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
19 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 187

โพสต์

รูปภาพ

ทรูวิชั่นส์ ชี้แจงกรณีประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ
ตามที่ ทรูวิชั่นส์ ได้เข้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ (2013-2016) นั้น ทรูวิชั่นส์ ขอเรียนว่า ทรูวิชั่นส์ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการเสนอเพิ่มราคาในการประมูล แต่มูลค่าการประมูลในครั้งนี้สูงเกินความสามารถทางธุรกิจของบริษัททำให้เราไม่สามารถชนะการประมูลได้

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทรูวิชั่นส์ กล่าวขออภัยสมาชิกผู้มีอุปการคุณมา ณ ที่นี้ ที่ต้องผิดหวังในเรื่องการรับชมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ และขอเรียนสมาชิกว่า ท่านยังสามารถรับชมพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาล 2012 -2013 ผ่านทางทรูวิชั่นส์ได้จนถึงเดือนพฤษภาคม ปีหน้า (2556) ตลอดจนสามารถรับชมรายการกีฬาระดับโลกอื่นๆ รวมทั้งรายการบันเทิง สารคดี สาระความรู้ที่มีคุณภาพอีกมากมาย

นอกจากนี้ ทรูวิชั่นส์ จะจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการจัดซื้อและพัฒนารายการทั้งในด้านรายการกีฬา บันเทิงและสาระความรู้ ที่มีคุณภาพระดับโลก รวมทั้งช่องรายการในระบบ High Definition (HD) มาทดแทนมอบให้สมาชิกได้ใช้บริการ ทรูวิชั่นส์ อย่างคุ้มค่าที่สุดโดยเร็ว

การประมูลครั้งนี้ทำให้ทรูวิชั่นส์จำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์โดยที่จะไม่พึ่งพารายการพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (EPL) ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะกลางและระยะยาว โดยจะมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพรายการด้านกีฬาอื่นๆ มาทดแทนพรีเมียร์ลีกอังกฤษ(EPL) ต่อไป สุดท้ายนี้ ทรูวิชั่นส์ ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะการประมูลในครั้งนี้ด้วย นายศุภชัย กล่าวในที่สุด



โดย ฝ่ายประชาสัมพันธ์การตลาดทรูวิชั่นส์

ข่าววันที่ : 19 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 188

โพสต์

รูปภาพ

ซี.พี.อินเตอร์เทรด จัดงานเปิดตัว "โครงการข้าวนครหลวง"
และเปิดตัวหนังโฆษณา ชุด "ความทรงจำ" จาก ข้าวตราฉัตร


วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน 2555 นี้บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด (ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวตราฉัตร) ได้เชิญสื่อมวลชนร่วมงานเปิดตัว “โครงการข้าวนครหลวง” พร้อมเยี่ยมชมโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าว (ที่มีขนาดใหญ่ และทันสมัยที่สุดในโลก) อาทิ กระบวนการปรับปรุงคุณภาพข้าว และท่าเรืออยุธยา ไอซีดี เป็นต้น พร้อมพบกับบิ๊กเซอร์ไพรส์…!!! กับการเปิดตัวหนังโฆษณา ชุด “ความทรงจำ” ณ โรงงานข้าวนครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยมี นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ รับผิดชอบธุรกิจข้าวและอาหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นผู้บริหาร ร่วมพาทัวร์ชมโครงการนครหลวง และให้สัมภาษณ์ ภายในงานฯ ดังกล่าว

รูปภาพ

รูปภาพ

ภายในงานเปิดตัว “โครงการข้าวนครหลวง” ครั้งนี้ เพื่อ “เปิดบ้านที่ผลิตข้าวที่ดีที่สุดในโลก” ซึ่งข้าวตราฉัตร เป็นแบรนด์ข้าวหอมมะลิไทย ที่ได้รับรางวัล “ข้าวที่ดีที่สุด หรือ World’s Best Rice Award 2009” จากงานสัมมนาข้าวโลก และเพื่อ “ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ข้าวอันดับ 1 ในประเทศ (4 ปีซ้อน)” ครองใจผู้บริโภคมาโดยตลอด จากผลสำรวจการันตีโดยหน่วยงาน AC Nielsen หรือ บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมเปิดบ้านโชว์ศักยภาพของกระบวนการปรับปรุงคุณภาพข้าว ตั้งแต่คัดสรรวัตถุดิบผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ จนได้เป็นข้าวสาร คุณภาพดี สะอาด ปลอดภัย ตลอดขนส่งถึงมือผู้บริโภคกว่า 120 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีการเปิดตัวหนังโฆษณา ชุด “ความทรงจำ” โดยทีม Production คือ คุณบี๋-ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ ช่างภาพมืออาชีพ อันดับต้นๆ ของเมืองไทย


รูปภาพ
ข่าววันที่ : 19 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 189

โพสต์

รูปภาพ

แฟนเพจ ซีพี ออลล์ ชวนร่วมสนุก iVote
“อิ่มสะดวก+ความสุข” เริ่ม 15 พ.ย.นี้


เฟซบุคแฟนเพจ "ซีพี ออลล์" อีกหนึ่งช่องทางการสื่อสารโซเชียล มีเดีย ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร เซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย จัดกิจกรรม iVote ชวนเพื่อนๆ ร่วมส่งภาพถ่าย “อิ่มสะดวก+ความสุข” ให้ชาวออนไลน์ได้โหวตกัน ลุ้นรับ SAMSUNG GALAXY Tab 2 (7.0) บัตร 7-Card และปากกา Thumb Drive 8 GB. ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2555




กติกา


- ถ่ายรูปร่วมกับสินค้าที่มีวางจำหน่ายในร้าน 7-Eleven เช่น แซนด์วิช ขนมจีบ ซาลาเปา ข้าวกล่อง สเลอปี้ ขนมขบเคี้ยว น้ำดื่มต่างๆ ฯลฯ จะถ่ายแบบเดี๋ยว แบบมาเป็นคู่ กับครอบครัว หรือกับก๊วนเพื่อนๆ ในคอนเซ็ปต์"อิ่มสะดวก+ความสุข" โดยส่งรูปได้ตั้งแต่วันที่ 15 - 26 พ.ย. 2555


- ขนาดของภาพที่ส่งเข้าร่วมกิจกรรม คือ 214 x 214 pixel (กรุณาเก็บไฟล์ต้นฉบับ size เดิมไว้ หากเข้ารอบ ทีมงานจะติดต่อขอรับไฟล์ต้นฉบับเพื่อนำมา
- จากนั้นคณะกรรมการจะคัดเลือกรูปโดนใจให้เข้ารอบจำนวน 6 รูป และทั้ง 6 รูปจะถูกนำมาให้ชาวออนไลน์ได้โหวต กัน ระหว่างวันที่ 27 พ.ย.

- 11 ธ.ค. 2555 
- รูปไหนได้รับการโหวตสูงสุด จะได้รับ SAMSUNG GALAXY Tab 2 (7.0) ส่วนอีก 5 รูปที่เข้ารอบ จะได้รับรางวัลของพรีเมียม ปากกา Thumb Drive 8 GB
- สามารถโหวตได้ทุกๆ 6 ชั่วโมง ต่อครั้ง


- ผู้ที่เข้ามาร่วมโหวตสูงสุด 5 อันดับแรก รับบัตร 7-Card มูลค่า 1,500 | 1,000 | 500 | 500 | 500 บาท ตามลำดับ


- สุ่มจับรางวัลสำหรับผู้ที่เข้ามาร่วมโหวต 5 รางวัล จะได้รับ ปากกา Thumb Drive 8 GB 


- ประกาศผลวันที่ 14 ธ.ค. 2555 ทางเว็บไซต์ www.cpall.co.th และ www.facebook.com/CPALL7

- การถ่ายภาพคู่กับสินค้าจะต้องเป็นภาพที่ถ่ายจากสถานที่อื่นๆ ห้ามถ่ายภาพในร้าน 7-Eleven


- ของรางวัลอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า


- ผู้ที่ได้รับมากกว่า 1 รางวัล จะได้รับรางวัลที่มีมูลค่าสูงสุดพียงรางวัลเดียว


- การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด



ข่าววันที่ : 19 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 190

โพสต์

รูปภาพ

ศูนย์วิเคราะห์ศักยภาพปัญญธารา (P-PAC)
เชิญร่วมสัมนา "แม่คะ หนูจะเลือกสายเรียนไหนดี?"


การเลือกสายเรียน เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของลูก คุณพ่อคุณแม่ทุกคนพยายามอย่างยิ่งที่จะให้คำปรึกษา หาข้อมูล และแน่นอนที่สุดคือ เป็นกำลังใจให้กับลูก แต่การเลือกสายเรียนไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กๆ ในยุคปัจจุบัน เพราะมีเงื่อนไขทั้งในเรื่องของคะแนนเก็บ โรงเรียน เวลา การสอบคัดเลือก และความคาดหวังจากผู้ปกครอง

ศูนย์วิเคราะห์ศักยภาพปัญญธารา (P-PAC) จึงขอเชิญร่วมฟังสัมนาพิเศษ "แม่คะ หนูจะเลือกสายเรียนไหนดี?" ในงานสัมมนานี้ คุณพ่อคุณแม่จะได้สัมผัสกับทฤษฎีพหุปัญญา และวิธีที่จะค้นหาศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวลูก และทราบตัวอย่างของคุณพ่อคุณแม่ที่ประสบความสำเร็จในการค้นหาตัวตนของลูกเพื่อนำไปใช้ในการเลือกสายเรียน

- ได้ทราบความเป็นมาของทฤษฎีพหุปัญญาและข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับปัญญาในด้านต่างๆ และการพัฒนาศักยภาพ
- ได้ทราบถึงถึงตัวอย่างอาชีพที่สอดคล้องกับปัญญาในด้านต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อเป็นข้อมูลในการให้คำปรึกษากับลูก
- ส่วนลดพิเศษ มูลค่า 1,000 บาท สำหรับเข้ารับบริการวิเคราะห์ศักยภาพด้วยลายผิววิทยา

ในวันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-11.30 น. ณ อาคารปัญจภูมิ 1 ชั้น 5 ถนนสาทรใต้
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า P-PAC ทุกท่าน สำรองที่นั่งภายใน 4 ธันวาคม 2555 เพียงท่านละ 500 บาทเท่านั้น!!!
สนใจติดต่อ ศูนย์วิเคราะห์ศักยภาพปัญญธารา (P-PAC) โทร.02-648-2994, e-mail: [email protected]


ศูนย์วิเคราะห์ศักยภาพปัญญธารา (Panyatara Potential Analysis Centre – P-PAC) ก่อตั้งเมื่อปลายปี พ.ศ.2550 โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำ ลายผิววิทยา มาใช้เป็นเครื่องมือในการค้นหาและพัฒนาความสามารถหรือศักยภาพบุคคล เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของสังคมไทย รวมถึงเป็นมุมมองใหม่ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์

ปัจจุบัน P-PAC มีนักวิเคราะห์ศักยภาพมืออาชีพที่ผ่านการฝึกอบรมจากอาจารย์เหลียนอี้ว์ซิง และได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ โดยให้บริการวิเคราะห์ศักยภาพให้กับผู้สนใจใน 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มครอบครัว กลุ่มเด็ก กลุ่มบุคคลทั่วไป และกลุ่มองค์กร (ฝ่ายบุคคล)


รูปภาพ
ข่าววันที่ : 19 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 191

โพสต์

CPALL แข่งกับตัวเอง
ชูนวัตกรรมเป็นหัวใจในการพัฒนาธุรกิจ มุ่งเน้นกลยุทธ์ Food&Differentiate มากขึ้น


รูปภาพ

กว่าสองทศวรรษที่บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริหารกิจการเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven กว่า 6,700 สาขา เป็นร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย ก็เพราะดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ว่า “เราให้บริการความสะดวกกับทุกชุมชน”

นอกจากนี้ยังดำเนินงานอย่างมีคุณภาพมาตรฐานภายใต้ปรัชญาองค์กรที่ว่า “เราปรารถนารอยยิ้มจากลูกค้าด้วยทีมงานที่มีความสุข” จึงเป็นผลให้ทาง 7-Eleven สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคเป็นแบรนด์ชั้นนำในใจ ร้าน 7-Eleven ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีการดำรงชีวิตของคนไทย และส่งผลให้การดำเนินงานเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รูปภาพ

ปัจจุบันแม้ว่าการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกจะทวีความรุนแรงมากขึ้น แต่บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจร้าน 7-Eleven ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพสังคมเมืองที่ขยายตัวมากขึ้น ขนาดครัวเรือนที่เล็กลง เป็นผลให้พฤติกรรมการใช้ชีวิต และความต้องการของผู้บริโภค ที่หันมาให้ความสำคัญเรื่องความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว

สิ่งที่ต้องทำมากที่สุดคือ การปรับปรุงให้ทันการเปลี่ยนแปลง โดยเอาลูกค้าเป็นตัวตั้ง แต่ต้องรู้จักจังหวะเวลา เปลี่ยนเร็วไปมีต้นทุน เปลี่ยนช้าไปกลายเป็นผู้ตาม ตลาดเป็นของคนอื่น จุดสำคัญคือ เราต้องแข่งกับตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และแข่งให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค

หัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจก็คือการเรียนรู้และรับฟังความต้องการของลูกค้า โดยนำมาประกอบการวางกลยุทธ์ อย่างเป็นระบบเพื่อหาโอกาสและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นตลอดเวลา และยังนำหลักพื้นฐานอันได้แก่ SAVEQC มาใช้ในการตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า เพิ่มความพึงพอใจ และความภักดีให้มากขึ้นจนกลายเป็นความผูกพัน (Engagement) ในที่สุด โดยหัวใจสำคัญคือ ต้องใช้ลูกค้าเป็นตัวตั้ง คิดว่าจะตอบสนองความต้องการและสร้างความแตกต่างในสายตาลูกค้ารายร้าน และรายสาขา ได้อย่างไร

รูปภาพ

ชนชั้นกลางมีรายได้และกำลังซื้อเพิ่มขึ้น คนเหล่านี้ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ยอมจ่ายเงินเพื่อสุขภาพและความสุขของตนเองมากขึ้น รวมทั้งต้องการความสะดวกรวดเร็ว นิยมพึ่งพาร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านมากกว่าจะออกไปจับจ่ายตามโมเดิร์นเทรด หรือตลาดขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันการที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและมีการสื่อสารกันมากขึ้น ก็ส่งผลต่อพฤติกรรมและการใช้ชีวิตของผู้บริโภค

ภายใต้ความใกล้และความสะดวก 7-Eleven ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความแตกต่างเพื่อตอบโจทย์ Modern Lifestyle ให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีและแปลกใหม่ ในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เพื่อที่จะสามารถตอบสนอง Trend ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค บริษัทจึงไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาธุรกิจและบริการ รวมไปถึงช่องทางใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินค้าและบริการของทางบริษัท

นอกจากการลงทุนสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และเพื่อให้ร้าน 7-Eleven เป็น One Stop Service ที่อำนวยความสะดวกให้เหมาะกับ Lifestyle ที่เปลี่ยนไปของลูกค้า มาที่เดียวต้องได้รับสินค้าและบริการที่ครอบคลุม ช่วยตอบโจทย์ แก้ปัญหาให้การดำเนินชีวิตของผู้บริโภคได้ทั่วถึงมากขึ้นทั้งลูกค้าเก่า และสามารถดึงลูกค้าใหม่ ลูกค้าของคู่แข่งเข้ามาสู่ร้านมากขึ้น CP All ยังมุ่งเน้นกลยุทธ์ Food&Differentiate มากขึ้น

Food โดยเห็นโอกาสจากการที่จำนวนลูกค้าที่เข้าร้านไม่ต่ำกว่าวันละ 8 ล้านคน พฤติกรรมการบริโภค 3-5 มื้อต่อวัน ที่ผ่านมาจึงมีการเพิ่มสินค้าอาหารพร้อมทานมากขึ้น มีการพัฒนาเพิ่ม Bakery สดใหม่ และมุมกาแฟ kudsan เพื่อให้เกิดความอิ่มสะดวกกับลูกค้าและจะพัฒนาต่อไปสู่ความอิ่มอร่อยเพิ่มมากขึ้น

Differentiate สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยสินค้าและบริการใหม่ๆ โดยเฉพาะสินค้า Private Brand หรือ Only@ ที่เกิดจากการพัฒนาและทำงานร่วมกันกับ Supplier มาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยเน้นคุณภาพแต่ราคาสมเหตุสมผล ยิ่งไปกว่านั้นพยายามคัดสินค้าขายดีจาก Business Unit ในกลุ่มมาจำหน่าย มีทั้งจาก 7-Catalog, Booksmile รวมไปถึงยาและสินค้าเสริมสุขภาพและความงาม eXta ซึ่งจะมาช่วยสร้างความแตกต่างหลากหลาย และสร้างความสะดวกให้กับผู้บริโภค

ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าปัจจุบันมีความทันสมัย ใช้เทคโนโลยี ชอบความแปลกใหม่ และไม่หยุดนิ่ง เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการที่ต้องนำมาใช้ในการออกแบบกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ สร้างประสบการณ์ที่ดีในการมาซื้อสินค้า เพื่อให้เกิดความภักดีและความผูกพันกับร้าน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากตัวสินค้า, การบริการ, Promotion หรือบรรยากาศภายในร้าน เป็นต้น

ทั้งนี้บริษัทพยายามที่จะหาช่องทางใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและบริการได้สะดวกขึ้นทุกที่ทุกเวลา ผ่านช่องทางและเครื่องมือสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เช่น อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ มาพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ เช่น ใช้ Online Marketing, Mobile Marketing, E-Commerce เป็นต้น

การค้นหาความต้องการของลูกค้า สร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของลูกค้า สามารถรักษาลูกค้าเดิมไว้ และได้มาซึ่งลูกค้าใหม่ รวมทั้งเป็นการสร้างโอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจ ในขณะเดียวกันบริษัทก็มีแนวคิดด้านพัฒนาองค์กรเข้ามาเพื่อพัฒนาคน พัฒนางาน พัฒนาปรับปรุงกระบวนการจัดการภายในของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ โดยดำเนินควบคู่ไปพร้อม ๆ กันกับการรักษาสถานภาพทางธุรกิจให้มั่นคง อันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท(Stakeholder) ได้อย่างสมดุลมากยิ่งขึ้น

CP All ถือว่านวัตกรรมเป็นหัวใจหลักในการพัฒนาธุรกิจ เพราะนำไปสู่การได้มาซึ่งสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบในเชิงแข่งขันและเป็นการต่อยอดธุรกิจ โดยมองลูกค้าเป็นตัวตั้ง ว่าทำอย่างไรลูกค้าจะได้รับสินค้าและบริการที่ดี ตรงใจ สะดวก รวดเร็วและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ 7-Eleven จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นพลังสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจดำเนินและเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้าง Innovation ใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดทางธุรกิจ จึงได้ส่งเสริมให้พนักงานในองค์กรมีการเรียนรู้ ถ่ายทอด แบ่งปันความรู้ ประสบการณ์และจุดเรียนรู้ในการทำงาน รวมไปถึงวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ระหว่างพนักงาน รวมกลุ่มทำงานในลักษณะของ Cross-Functional Projects ช่วยกันคิดแก้ไขปัญหาและพัฒนากระบวนการทำงานที่จะช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น รวมไปถึงเกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อส่งมอบสิ่งที่มีคุณค่าให้กับลูกค้าได้มากขึ้น

Product & Service Innovation เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่บริษัทให้ความสำคัญ ด้วยเหตุนี้จึงมีการพัฒนาสินค้าร่วมกับ Supplier หรือ ที่เรียกว่า Team Merchandising เพื่อค้นหา คัดเลือก และพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพแตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งส่วนหนึ่งต้องเกิดจากการแบ่งปันข้อมูลและการทำงานร่วมกัน โดยนำความต้องการของลูกค้ามาวิเคราะห์หาโอกาสทางการตลาด รวมไปถึงวางแผนทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ร่วมกับผู้ผลิตตลอดเวลา ทั้งนี้เพราะการมีสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ตรงใจผู้บริโภคเท่ากับเป็นการดึงลูกค้าใหม่ และกระตุ้นให้ลูกค้าเดิมมีการซื้อซ้ำ

การเตรียมพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อมีการเปิดแข่งขันเสรีด้านการค้าบริการ การลงทุน และการเคลื่อนย้ายแรงงาน การแข่งขันจากนักลงทุนข้ามชาติที่มีเงินและ know how จะมีมากขึ้นดังนั้นค้าปลีกในประเทศต้องปรับตัว ภาครัฐต้องให้การสนับสนุน ไม่เช่นนั้น SMEs อาจจะได้รับผลการทบและบางส่วนอาจจะต้องปิดตัวไป

การเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของ SMEs ในการรับมือกับ AEC เพราะธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีระบบและมาตรฐานเข้มแข็งจะสามารถแข่งขันและบุกตลาด AEC ได้ ซึ่งทาง 7-Eleven ก็พร้อมที่จะรองรับกับการขยายตัวในรูปแบบนี้

เหตุผลที่ธุรกิจแฟรนไชส์แพร่หลาย เพราะเป็นเรื่องของการเรียนลัด มีการจัดระบบการบริหารที่ดี และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นเส้นทางที่ปลอดภัยกว่าบุกเบิกธุรกิจเอง ถ้าใช้ความเอาใจใส่แบมืออาชีพก็จะประสบความสำเร็จได้ง่าย และสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน

CP All จึงอยากให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกด้านมาพัฒนาโครงการร่วมกัน เพื่อยกระดับแรงงานไทย ระบบมาตรฐานแฟรนไชส์ และธุรกิจค้าปลีกให้พัฒนาและอยู่รอดในภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้นต่อจากนี้



โดย.. ปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

ข่าววันที่ : 19 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 192

โพสต์

รูปภาพ

ฐิติวุฒิ์ บุลสุข “เปลี่ยน” เพื่ออนาคต

“การแข่งขันเป็นเรื่องปกติ การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาของตลาด แต่เรื่องใหญ่อยู่ที่การวางกลยุทธ์”


กว่าครึ่งเดือนหลังปฏิบัติการ “เอสเดย์” เปิดตัวเครื่องดื่มน้ำอัดลมตัวใหม่ “เอส โคล่า” (est cola)ที่ไม่ใช่แค่น้ำดำแบรนด์แรกของค่ายเสริมสุข แต่ยังเป็นแบรนด์แรกของไทยเบฟเวอเรจ และเป็นแบรนด์แรกของไทย


ฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) สั่งทุ่มกำลังแบบหมดหน้าตักปลุกปั้นแบรนด์ เพราะเกมครั้งนี้มีเดิมพันอนาคตครั้งใหญ่ของ “เสริมสุข” ในยุคที่ 3


การเปิดตัว 'เอส' ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะต่อยอดแผนธุรกิจในอนาคตของเสริมสุข เป็นอะไรครั้งแรกที่จะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ เป็นจุดเปลี่ยนในการทำแบรนด์ของเราและต้องทำให้ได้”


แต่แน่นอนว่า สงครามน้ำดำครั้งนี้ทั้งเหนื่อยและยากสุดขั้ว ซึ่งตามแผนปลุก “เอส” ฐิติวุฒิ์เตรียมงบ 1,200ล้านบาทในช่วงปีนี้จนถึงปีหน้า ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำดำ “เอส โคลา” เป็นตัวนำร่องก่อนส่งกลุ่มน้ำสี (Fever)และน้ำขาว (Lemon lime) ทำตลาด โดยตั้งเป้าขึ้นเป็นอันดับ 2 ภายในปีแรก ส่วนแบ่ง 25% หรือมีรายได้ 8,000 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดน้ำอัดลมรวม 38,000 ล้านบาท และขึ้นแท่นเบอร์ 1 ภายใน 3 ปี


อาศัยกลยุทธ์หลักที่ถือเป็นจุดแข็งเหนือกว่าคู่แข่งอีก 3 ค่าย ไม่ว่าจะเป็นเป๊ปซี่ โค้ก หรือบิ๊กโคล่า คือ โรงงานผลิตจำนวน 5 แห่ง เครือข่ายการกระจายสินค้าที่เข้าถึงร้านค้ามากกว่า 2 แสนร้านค้า และหน่วยรถ 1,200 คัน ครอบคลุมทุกช่องทาง ทั้งร้านโชวห่วยและโมเดิร์นเทรด


ขณะเดียวกัน แม้เป๊ปซี่มองเทรนด์ขวดแก้วจะหมดไปจากตลาด แต่เสริมสุขยืนยันทำขวดแก้ว และถือเป็นสัดส่วนยอดขายมากที่สุดเกือบ 70% รวมทั้งเพิ่มขนาดหลากหลาย กินรวบลูกค้าทุกกลุ่มถึง 7 ขนาด มีทั้งขวดแก้ว 12 ออนซ์ ราคา 8 บาท ขวดเพ็ท 1 ลิตร ราคา 20 บาท คูลแฮนด์ 250 มล. ราคา 10 บาท ขวดเพ็ท 455 มล. ราคา 12 บาท ขวดเพ็ท 480 มล. ราคา 15 บาท กระป๋อง 325 มล. ราคา 14 บาท และตู้กดโพสต์มิกซ์


“ผมว่าเกมการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ การเปลี่ยนไปมาเป็นเรื่องธรรมดาของตลาด แต่เรื่องใหญ่อยู่ที่การวางกลยุทธ์ 5 คีย์หลัก แบรนด์ต้องโดน รสชาติถูกปากคนไทย มีขนาดหลากหลายตอบทุกไลฟ์สไตล์ เกิดให้เปรี้ยงด้วยโฆษณาให้ถึงใจ และขายให้ถึงตัว กระจายสินค้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งเอสจะเป็นตัวเปลี่ยนตลาดน้ำอัดลมในไทย”


ขณะเดียวกัน ถ้า “เอส” สามารถเบียดแทรกและขึ้นแท่นผู้นำตามแผนได้สำเร็จ ปฏิบัติการขั้นต่อไป คือ การสร้างแบรนด์ในตลาดภูมิภาคและตลาดทั่วโลก ซึ่งมีเครือข่ายของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทแม่ปูทางไว้อยู่แล้ว เพราะจุดยืนของไทยเบฟฯ เน้นการรุกคืบตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ แบบกินรวบทุกกลุ่ม ทุกตลาด


นั่นผลักดันให้ “เสริมสุข” ยุคที่ 3 ต้องกลายเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มครบวงจร จะมีสินค้าอีกจำนวนมากมายเข้าสู่ระบบการผลิตและจัดจำหน่าย ทำให้เขาต้องรีบปรับภาพลักษณ์องค์กรให้มีความเป็น “Corporate Brand” มากขึ้น


ฐิติวุฒิ์เร่งสร้างลุคใหม่ ดึงมืออาชีพที่มีประสบการณ์การทำตลาดจากต่างประเทศเข้ามาเสริมทีม และเปลี่ยนโลโกใหม่ให้สะท้อนความเป็นองค์กรที่ทันสมัย ดีไซน์อินฟินิตี้ที่หมายถึงการอยู่คู่กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน ไม่มีที่สิ้นสุด ใช้สีฟ้าสะท้อนความสดชื่นที่มอบให้ผู้บริโภค และสีเขียว คือการทำงานเคียงข้างสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพัฒนาหลักการทำงาน 3S คือ Smart, Smile และ Service จัดส่งสินค้าที่มีคุณภาพ บริการที่รวดเร็ว สร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและช่วยเหลือสังคม


อย่างไรก็ตาม ทั้งเงื่อนไขและองค์ประกอบต่างๆ ทำให้การเปลี่ยนผ่านจากยุคปู่สู่ยุคพ่อ จนมาถึงเขากลายเป็นภาระที่หนักหนาสาหัส เพราะเป็นการพลิกเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง และมีสนามการแข่งขันกว้างใหญ่ขึ้นหลายเท่า


ฐิติวุฒิ์อาจดูไม่ต่างจากฐาปน สิริวัฒนภักดี ความเป็นลูกชายคนโตทำให้เขาต้องรับงานใหญ่ของครอบครัว และถูกคาดหวังจากพ่อค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน


เขาจบชั้นประถมและมัธยมจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ปริญญาตรีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วไปเรียนต่อ MBA ด้านบริหารจัดการ Babon College มลรัฐแมสซาซูเสตต์ สหรัฐอเมริกา เริ่มงานแรกเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบริษัท เป๊ปซี่ โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปี 2546 เข้ามาเริ่มงานในเสริมสุข ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด มีสมชายเป็นทั้ง “พ่อ” และ “นาย” เรียนรู้งานทุกขั้นตอนจนถือเป็น “Role Model” ในการทำงานหนัก เพื่อให้ได้ผลตามเป้าหมาย

ฐิติวุฒิ์ซึมซับสาระทุกอย่างจากเป๊ปซี่ และระบบการจัดจำหน่ายที่มีเครือข่ายกว้างขวางมากที่สุดจากเสริมสุข การแตกหักระหว่างเป๊ปซี่กับเสริมสุข ทำให้โมเดลธุรกิจใหม่ต้องแข็งแรงมากขึ้น

จากเดิมมีรายได้หลักจากน้ำอัดลมเพียงอย่างเดียว เขาสร้างโมเดลใหม่แยกเป็น 4 เสาธุรกิจหลัก แบ่งเป็น ตลาดน้ำดื่ม ตลาดเครื่องดื่มไม่อัดลม การเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม และการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลม โดยมี “น้ำดื่มคริสตัล” เป็นตัวยืนยันความสำเร็จในการสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเอง เริ่มมีสินค้าเข้ามาในพอร์ตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโออิชิ แรงเยอร์ และพาวเวอร์พลัส

ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นเรื่องปกติธรรมดาของ “ฐิติวุฒิ์” ดูเหมือนจะเป็นความท้าทายที่เพิ่งเริ่มต้น ซึ่งทั้ง “ฐิติวุฒิ์” และ เอส จะฝ่าพ้นไปด้วยกลยุทธ์แบบใด อนาคตของเสริมสุขที่วางเป็นเดิมพันไว้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบของคำถามนี้

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 193

โพสต์

รูปภาพ
“ลูกคนนี้จะวิ่งเร็วมาก...”

“เสริมสุขจะครบ 60 ปี เมษายนปีหน้า เราสั่งสมประสบการณ์ สร้างแบรนด์เครื่องดื่มมามากมาย วันนี้เป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงของการมีแบรนด์น้ำอัดลมของเราเอง คือ เอส (est) เราตั้งเป้าสร้างแบรนด์เอสให้ติดตลาดในเมืองไทยและเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์ เปิดตลาดในต่างประเทศ วันนี้เป็นจุดเปลี่ยนจากการสร้างแบรนด์ของผู้อื่นมาสู่การปั้นแบรนด์ของตัวเอง ให้เป็นเจ้าตลาด เป็นครั้งแรกใน 60 ปี”

ถ้อยแถลงของสมชาย บุลสุข ในวันเปิดตัว “เอส” ไม่ใช่แค่ความตื่นเต้นในเชิงธุรกิจ แต่ทุกช่วงจังหวะเต็มไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้งกัดกินใจผู้ชายวัยเกือบ 70 ปี ที่อยู่ในวงการเครื่องดื่มน้ำดำมาตลอดชีวิต ผ่านวิกฤตหลายรอบ ยอมทิ้งหุ้นธุรกิจที่สร้างมากับมือและถอยมาอยู่เบื้องหลังลูกชายที่ก้าวขึ้นมาบริหารงานอย่างเต็มตัว

เพราะนี่คือ ภารกิจใหม่ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ “เสริมสุข” ยุคที่ 3

“ยุคนี้ คุณหนึ่ง (ฐิติวุฒิ์ บุลสุข) เป็นผู้บริหารและมีทีมผู้บริหาร อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป แต่วันนี้ เหนื่อยแต่ปลื้ม เรามีเวลาน้อยกว่า 8 เดือนที่เด็กคนนี้จะโตขึ้นมา เรายังไม่เคยทำนะ ผมก็ 46 ปีกับบริษัท ผมยังไม่เคยต้องมานั่งสร้างแบรนด์ ผสมโน่นผสมนี่ ตัวผมเองอยู่ข้างหลังอดปลื้มไม่ได้ เราได้ทำอะไรบางอย่างที่เราไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต แต่ทุกคนทำเพื่อบริษัทเรา”

สมชายพูดพร้อมทอดสายตาไปยังลูกชายที่นั่งอยู่ท่ามกลางนักข่าวหลายสิบคน ทุกคนพยายามตั้งคำถามเปรียบเทียบความรู้สึกในวันแรกของการปลุกแบรนด์เป๊ปซี่กับภารกิจใหม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตอบในทันที

ปี 2496 เป๊ปซี่ โค อิงค์ สหรัฐอเมริกา ทำสัญญามอบสิทธิการผลิตและจัดจำหน่ายเป๊ปซี่ในประเทศไทยให้เสริมสุข โดยเสริมสุขก่อตั้งโรงงานแห่งแรกบนเนื้อที่ 4 ไร่ ริมถนนสีลม และเริ่มจัดจำหน่ายเป๊ปซี่ขวดแรก ภายใต้สโลแกน “ดีมาก มากดี”( Quality Quantity)

ช่วง 25 ปีแรก ทรง บุลสุข สร้างประวัติศาสตร์ให้เป๊ปซี่ขึ้นเป็นผู้นำตลาดในไทย ซึ่งมีไม่กี่ประเทศที่เป๊ปซี่ชนะโค้กได้ โดยวางรากฐานด้านโรงงานและเครือข่ายการขายที่ครอบคลุมมากที่สุด

ปี 2509 สมชายถูกเรียกตัวเข้ามาช่วยงานพ่อ หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านธนาคารจาก MENLO SCHOOL OF BUSINESS ADMINSTRATION มีเวลาหาประสบการณ์งานแบงก์แค่ 3 ปีกว่าๆ

ตั้งแต่นั้นมา เขาก็คลุกอยู่ในวงการน้ำดำ ฝึกงาน โยนลังเป๊ปซี่ขึ้นรถ เรียนรู้กลยุทธ์ธุรกิจ เกมการตลาด ทั้งยุครุ่งโรจน์และยากลำบากที่สุด

59 ปีของเสริมสุข และ 46 ปีของสมชายบนสัญญาที่หวานอมขมกลืน เป๊ปซี่และเสริมสุขเปลี่ยนจาก “พันธมิตร” เป็น “คู่แข่ง” เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2555

สมชายเลิกมองเรื่องข้างหลังและเดินหน้าด้วยแบรนด์สินค้าของตัวเอง เริ่มจากน้ำดื่ม “คริสตัล” และน้ำอัดลม “เอส” ซึ่งถือเป็นเบบี๋คนล่าสุด แม้ยังต้องประคองให้ลุกยืน แต่รับรองว่าเด็กคนนี้จะวิ่งเร็วมาก และแซงทิ้งคู่แข่งที่เคยปั้นมากับมือได้ในที่สุด

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 194

โพสต์

รูปภาพ

เสริมสุขบุกต่อควัก 248 ล้านบาท
ซื้อหุ้นบริษัท แรงเยอร์ (2008) จากไทยเบฟ


นายสมชาย บุลสุข (แถวนั่ง ที่สองจากขวา) ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)
พร้อมด้วย นายรังสรรค์ ธรรมมณีวงศ์ (แถวนั่ง ขวาสุด) กรรมการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)
ร่วมกับ นายณรงค์ ศรีสอ้าน (แถวนั่ง ที่สองจากซ้าย) รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ
นายอวยชัย ตันทโอภาส (แถวนั่ง ซ้ายสุด) กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

ร่วมกันลงนามสัญญาซื้อหุ้นบริษัท แรงเยอร์ (2008) จำกัด
ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง “แรงเยอร์” และ “พาวเวอร์ พลัส”
โดยเสริมสุขและบริษัทย่อยได้ซื้อหุ้นสามัญจำนวน 20 ล้านหุ้น
คิดเป็นร้อยละ 100 ของหุ้นที่ชำระแล้วของบริษัท แรงเยอร์ (2008) จำกัด
จากไทยเบฟและบริษัทย่อย ด้วยมูลค่าการซื้อกิจการทั้งสิ้น 248 ล้านบาท
เพื่อต่อยอดทิศทางการดำเนินธุรกิจของเสริมสุขในการขยายตลาดเครื่องดื่มไม่อัดลม
โดยมีคณะผู้บริหารทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมอาคารแสงโสม เมื่อเร็วๆ นี้

ที่มา รูปภาพ
วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 195

โพสต์

รูปภาพ

ตลาดเผย10เดือนแรกกองทุนอีทีเอฟโต53%
ตลาดหลักทรัพย์ฯเผย 10 เดือนแรกของปีนี้ กองทุนอีทีเอฟโต 53% มูลค่าทรัพย์สินรวม 8.6 พันล้านบาท บัญชีซื้อขายกว่า 1 หมื่นบัญชี
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2555 กองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ณ สิ้นเดือนตุลาคม สูงถึง 8,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 5,623 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายโดยรวมกว่า 10,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% ในช่วงสิบเดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ (TDEX) ที่มีขนาด AUM เพิ่มขึ้นเป็น 6,058 ล้านบาท เนื่องจากมีผู้ลงทุนสถาบันมากขึ้น และในปีนี้มี ETF เข้าจดทะเบียนใหม่ 2 กองทุนได้แก่ "TGOLDETF" ที่ลงทุนในทองคำบริสุทธิ์ 99.99% น้ำหนัก 1 ทรอยออนซ์ บริหารจัดการโดย บลจ. ธนชาต และ "HK" ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลักที่ลงทุนในหุ้น ซึ่งเป็นส่วนประกอบของดัชนี Hang Seng Index ของฮ่องกง บริหารจัดการโดย บลจ. กรุงไทย

ปัจจุบันมี ETF ทั้งหมด 10 กองทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ จะมี ETF เข้าใหม่อีก 1 รายคือ "EBANK" ที่มีนโยบายลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนีหมวดธนาคาร บริหารจัดการโดย บลจ. กรุงไทย

"จำนวนผู้ลงทุนที่ให้ความสนใจใน ETF เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ในปีนี้มีผู้ที่ซื้อขาย ETF เฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้น 16% จากปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนบัญชีหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขาย ETF แล้วรวมกว่า 10,000 บัญชี โดยตลาดหลักทรัพย์ได้รับความร่วมมือจาก บลจ.กรุงไทย บลจ.วรรณ บลจ.กสิกรไทย บลจ.บัวหลวง และ บลจ.ธนชาต ในฐานะผู้จัดตั้งกองทุนรวมอีทีเอฟ และบล.เคจีไอ บล.ภัทร บล.เคทีซิมีโก้ บล.ธนชาต บ.ฮั่งเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส บ.ออสสิริส ฟิวเจอร์ส บ.เอ็มทีเอส โกล์ด ฟิวเจอร์ส และ บ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ในฐานะผู้ดูแลสภาพคล่องและผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุน ในการพัฒนาและสนับสนุนการจัดให้มี ETF ที่อ้างอิงกับสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งหุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ และทองคำ ทำให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกและโอกาสในการลงทุนเพิ่มขึ้น"

ตั้งแต่ต้นปี ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ดำเนินโครงการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ETF ผ่านการอบรม สัมมนา สื่อความรู้ประเภทต่างๆอย่างต่อเนื่อง มีการร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์เพื่อประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนใน ETF แก่ผู้ลงทุนและผู้สนใจ รวมถึงจัดกิจกรรมการตลาดโครงการ “ETF มอบโชคครั้งใหญ่ ลุ้นรับ Gift Voucher 10,000 บาท ทุกสัปดาห์” ระหว่าง 5 มี.ค.-31 ต.ค. 2555 ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีในการสร้างการรับรู้และกระตุ้นความสนใจในสินค้า ETF โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยังเดินหน้าให้ความรู้แก่ผู้ลงทุน รวมทั้งทำงานร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ออมผู้ลงทุนในวงกว้างมีความเข้าใจในการลงทุนใน ETF มากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ประโยชน์และความเสี่ยง ซึ่งจะสร้างความมั่นใจที่จะเลือกลงทุนใน ETF ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถติดตามข้อมูลการลงทุนใน ETF ได้จากบริษัทหลักทรัพย์ที่ใช้บริการ

รูปภาพ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 196

โพสต์

ไปกินส้มตำ@ส้มตำเจ๊แดง

ร้านนี้อยู่ตรงสามย่านค่ะ หลัง u center เด็กๆจุฬาคงคุ้นเคยกันดีค่ะ.
ถ้าจะทานต้องรีบมานะคะไม่อย่างนั้นรอคิวนานนะจะบอกให้
ร้านจะเป็นตึกแถวค่ะ เป็นร้านพัดลมค่ะ

รูปภาพ
คอหมูย่างค่ะ. หมูนุ่มค่ะ แต่เรารู้สึกว่ามันเหมือนสันคอหมูเลยค่ะ

รูปภาพ
ยำไก่ทอด. รสชาตกำลังดีค่ะไม่เผ็ดจนเกินไป

รูปภาพ
ส้มตำไข่เข็ม. เป็นเมนูประจำที่เราต้องสั่งเวลาไปทานร้านส้มตำ. ส่วนร้านนี้ก็ตำได้อร่อยค่ะ รสออกหวานนำ เปรั้ยว เค็ม เผ็ด ตามค่ะ

รูปภาพ
ลาบวุ้นเส้นใส่หมูสับค่ะ. วุ้นเส้นลวกได้หนึบดีค่ะ ส่วนรสชาตลาบก็เปรี้ยวนำค่ะ เผ็ดกำลังดีค่ะ
โดยรวม. รสชาตอาหารอร่อยถูกใจค่ะและก็ราคาไม่แพง. มิน่าหล่ะคะถึงได้เป็นร้านประจำของเด็กจุฬาและพนักงานออฟฟิศแถวนี้


ส้มตำเจ๊แดง
ที่ตั้ง: U-Center ซอยจุฬา 42 ถนนพระราม 4 ปทุมวัน กรุงเทพฯ, วังใหม่
โทรศัพท์:
02-214-2590

รีวิว โดยคุณmoonook เจ้าชองภาพและคำบรรยาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 197

โพสต์

รูปภาพ

Maerskเตรียมเลิกธุรกิจเดินเรือเหตุศก.โลกซบ

Maersk Line ธุรกิจสายการเดินเรือเก่าแก่อายุกว่า 108 ปี
เตรียมถอนตัวจากธุรกิจเดินเรือเหตุเศรษฐกิจโลกซบเซา กระทบต่อผลกำไรของบริษัท


"กรุงเทพธุรกิจทีวี"เผยรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ ระบุในวันนี้ว่า บริษัท A.P. Moller-Maersk กลุ่มบริษัทน้ำมันและเดินเรือของเดนมาร์ก จะชะลอการลงทุนในธุรกิจเดินเรือในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยจะมุ่งเน้นไปที่การลงทุนด้านน้ำมัน, แท่นขุดเจาะ และท่าเรือ

"เราจะโยกย้ายออกจากธุรกิจเดินเรือเพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลกำไรสูงกว่า และมีเสถียรภาพมากกว่า สิ่งที่เราจะทำใน 5 ปีข้างหน้านั้น คือเราจะไม่ลงทุนมากนักในธุรกิจเดินเรือ Maersk Line ขณะที่เรามีขีดความสามารถอย่างเพียงพอที่จะเติบโตตามตลาด และเมื่อเราพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เราอาจโยกเงินทุนของเรามากกว่า 50% ไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ 3 ธุรกิจ ซึ่งได้แก่ น้ำมัน, แท่นขุดเจาะ และท่าเรือ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจ Maersk Line คิดเป็นสัดส่วนเพียง 25-30% ของทุน โดยเราจะมี 4 ธุรกิจที่มีขนาดเกือบเท่ากัน" นายนิลส์ แอนเดอร์เซน ซีอีโอของ Maersk กล่าว

Maersk Line ซึ่งเป็นธุรกิจเดินเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ของ Moller-Maersk เผชิญกับความยากลำบาก ด้านความสามารถในการทำกำไร เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปริมาณเรือที่ล้นตลาด ซึ่งอาจเป็นปัญหารุนแรงขึ้นในปีหน้า โดยบริษัท Maersk Line เป็นตัวบ่งชี้การค้าโลก เนื่องจากกองเรือของบริษัททำการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเลทั้งหมดมากกว่า 15%

บรรดาเจ้าของเรือต่างๆกำลังเพิ่มอัตราค่าระวางและปรับลดต้นทุนเพื่อรับมือกับปริมาณการขนส่งทางเรือที่ลดลง อันเนื่องจากการค้าโลกที่ชะลอตัวลง

การเพิ่มขึ้นของอัตราค่าระวางทำให้ Maersk Line กลับมามีกำไรในไตรมาส 3 หลังจากร่วงลง 4 ไตรมาสติดต่อกัน แม้นายแอนเดอร์เซน ระบุ เมื่อต้นเดือนนี้ว่า การฟื้นตัวดังกล่าวไม่ได้บ่งชี้ว่าค่าระวางจะไม่ปรับตัวลงอีกในบางเส้นทาง


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 198

โพสต์

รูปภาพ

สมรักษ์ คำสิงห์..."ผมทำกางเกงมวยไทยตัวนี้ให้ท่านโอบามาเป็นพิเศษ"...
ที่งานเลี้ยงนายกฯยิ่งลักษณ์จัดให้โอบามาที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อค่ำวานนี้

รูปภาพ
Suthichai's News Junkies Club

รูปภาพ

ก่อนมาเมืองไทย, โอบามายัง "ตีหน้าเซ็ง" ("Not Impressed") อันโด่งดังกับ
McKayla Maroney สาวเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิคส์จิมนาสติคส์ที่ไปเข้าพบ
ที่ทำเนียบขาวเมื่อวาน (เธอตีหน้าอย่างนี้วันรับรางวัล)
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 199

โพสต์

19/11/55 ตอน รถติดหุ้นหลับ
สรุปภาวะตลาดเที่ยงแบบฮาๆ ประจำวันที่ 19/11/55

รูปภาพ

http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=317
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 200

โพสต์

MATCH จะเพิ่มทุน 217.54 ล้านหุ้น, มีแผนสร้างเมืองถ่ายหนังครบวงจร
กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--รอยเตอร์


บมจ.แม็ทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชั่นMATCHจะเพิ่มทุนจำนวน 217.54 ล้านหุ้น

โดยหุ้นเพิ่มทุนส่วนใหญ่จะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป(PO) ตามแผนระดมทุนเพื่อไปสร้าง

สตูดิโอ และเมืองถ่ายหนังครบวงจรแห่งแรกในภูมิภาค รวมถึงจะทำให้หุ้นมีฟรีโฟลทเพิ่ม

ขึ้นมากกว่า 50%

นายสมบุญ ชีวสุทธานนท์ กรรมการผู้จัดการ MATCH กล่าวในเอกสารเผยแพร่ว่า

การเพิ่มทุนจดทะเบียน จะทำให้หุ้นมีสภาพคล่องมากขึ้น โดยฟรีโฟลทของหุ้นหลังการ

เพิ่มทุน จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 11.5%

สำหรับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้ MATCH จะนำไป

ใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายธุรกิจ โดยมีแผนสร้างอาคารสำนักงาน สตูดิโอและอาคาร

จัดเก็บอุปกรณ์ เพื่อเป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัทในกลุ่มทั้งหมด และเป็นสถานที่

ถ่ายทำ และจัดเก็บอุปกรณ์แทนสถานที่เดิม ซึ่งกลุ่มบริษัทเช่าใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ปลายปี 56 และทยอยลงทุนในช่วง

เวลา 1-2 ปี รวมเงินลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีแผนลงทุนเพื่อขยายธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในเติบโตในทุกด้าน

และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งจะทำให้ MATCH มีโอกาสในการขยายธุรกิจ

ให้ครอบคลุมประเภทงานและกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น

รวมทั้งยังสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติม จากการให้เช่าสถานที่และอุปกรณ์

ส่งผลให้มีรายได้สูงขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

ในระยะยาวลงได้

"แผนการสร้างสตูดิโอและเมืองถ่ายหนังครบวงจรครั้งนี้ จะเป็นแห่งแรกและ

แห่งเดียวในภูมิภาค ที่จะสามารถรองรับทั้งการถ่ายกลางแจ้ง ถ่ายในร่ม อีกทั้งยังมี

เมืองใต้น้ำ เรียกได้ว่าพร้อมสรรพสำหรับทั้งงานทีวี อีเว้นท์ และการถ่ายหนัง เพื่อ

เป็นการรองรับการถ่ายทำจากทีมงานต่างชาติ ถือเป็นการลงทุนเพื่อให้สอดรับกับการเปิด

AEC" นายสมบุญ กล่าว

สมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ มีแผนเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ในปี

58 ซึ่งจะทำให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า, เงินทุน และ แรงงานทักษะในภูมิภาคเอเชีย

เป็นไปอย่างเสรี

นายสมบุญ กล่าวอีกว่าการสร้างสตูดิโอและเมืองถ่ายหนังดังกล่าว จะเริ่มลงทุน

ในปีหน้า และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 58 ส่วนสถานที่ตั้งโครงการ กำลังอยู่ระหว่างการ

ตัดสินใจ โดยจะใช้เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเจรจาซื้อที่ดิน

ภายในเดือน ก.พ.56

เขา คาดว่า หากสร้างเมืองถ่ายหนังครบวงจรเสร็จในปี 58 จะทำให้กำไรสุทธิ

เติบโตก้าวกระโดดแน่นอน

MATCH แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ(ตลท.) บ่ายวันนี้ว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติ

ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 535 ล้านบาท จากเดิม 317.46 ล้านบาท โดยจะออกหุ้นสามัญ

เพิ่มทุนจำนวน 217.54 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท

การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว จะเสนอขายแบบ PO จำนวน 210 ล้านหุ้น และ

อีกจำนวน 7.54 ล้านหุ้น จัดสรรไว้รองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะ

ซื้อหุ้นสามัญ(วอร์แรนท์)

บริษัทได้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/55 ในวันที่ 27 ธ.ค.55

เพื่อขอความเห็นชอบในเรื่องดังกล่าว

ราคาหุ้น MATCH ช่วงบ่าย ไม่เปลี่ยนแปลงที่ 3.38 บาท

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 201

โพสต์

รูปภาพ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 202

โพสต์

รูปภาพ

ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 203

โพสต์

รูปภาพ

บีโอไอฟุ้งโรดโชว์อังกฤษเนื้อหอมเกินคาด 3 บริษัทใหญ่ของอังกฤษ จ่อลงทุนในไทย คาดรวมแล้วอาจจะมีเงินลงทุนทั้งหมดไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท...

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงผลการเดินทางไปชักจูงการลงทุนที่สหราชอาณาจักร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า การไปชักจูงการลงทุนครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย เพราะนอกจากจะได้รับความสนใจจากนักธุรกิจชั้นนำของสหราชอาณาจักรจำนวน 200 ราย ที่เข้าฟังปาฐกถาพิเศษของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในงานขยายโอกาสด้านการลงทุนไทย-สหราชอาณาจักรแล้ว ยังมีนักลงทุนรายสำคัญ 3 ราย จากกลุ่มยานยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้า และกลุ่มอุตสาหกรรมสีเขียว ที่ได้พบปะหารือถึงโอกาสและลู่ทางการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย กับกระทรวงอุตสาหกรรมและบีโอไอ ซึ่งคาดว่าหากทุกรายเข้ามาลงทุน จะมีเงินลงทุนรวมไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท

สำหรับการลงทุน จากสหราชอาณาจักรในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2549 – 2554 มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมทั้งสิ้น 150 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 29,600 ล้านบาท ส่วนในปี 2555 ตั้งแต่เดือนมกราคม -ตุลาคม มีบริษัทจากสหราชอาณาจักร ยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 20 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 1,600 ล้านบาท.

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 204

โพสต์

***หุ้นโค้งสุดท้าย...SET จบขาลงปลายพ.ย.
วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดอยู่ที่ระดับ 1,283.65 จุด เพิ่มขึ้น 3.52 จุด หรือ 0.27%
มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 19,828.10 ล้านบาท


- นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ +1,002.42 ล้านบาท
- บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +431.24 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -1,179.14 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ -254.52 ล้านบาท



นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง บอกในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า ภาพของตลาดฯในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ดัชนี SET ร่วงลงมาถึง 1,263 จุด ทำให้ตลาดฯเริ่มกลับมารีบาวด์ระยะสั้น โดยรอบนี้อาจเห็นจุดสูงสุดที่ต่ำลง ซึ่ง High อาจติดอยู่ที่ประมาณ 1,293 จุด ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่เราประเมินไว้ สะท้อนว่าตลาดฯอาจถูกกดดันด้านลบอยู่

โดยภาพที่เรามองตลาดฯต้องหลุดพ้นจากแนวโน้มการปรับตัวขาลง อาจต้องรอถึงประมาณสิ้นเดือนพ.ย. เพราะปลายเดือนพ.ย.มองว่าประเด็นยุโรป กรีซน่าจะจบได้ ขณะที่สหรัฐฯคาดมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่องเจรจา Fiscal cliff แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าตลาดฯมีความคาดหวังขนาดไหน ซึ่งการดีดตัวของตลาดฯขึ้นมาต้นสัปดาห์หน้ามาจากความคาดหวังว่า Fiscal cliff จะจบก่อนสิ้นปี ซึ่งตรงกันข้ามกับนักวิเคราะห์มอร์แกน สแตนลีย์ ที่มองว่าอาจไม่จบสิ้นปีหรือยืดยาวไปจนถึงเดือนม.ค.

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน จึงแนะนำ หลีกเลี่ยงหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก
โดยแนะเลือกหุ้นที่เน้นการบริโภคในประเทศ
เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มแบงก์ และกลุ่มมีเดีย เป็นต้น

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 205

โพสต์

รูปภาพ
ซีพี-เมจิตื่นรุกโยเกิร์ต

พี-เมจิ ได้ฤกษ์รุกตลาดโยเกิร์ตครั้งใหญ่รอบ 20 ปี ระบุปีหน้าใช้งบ 300 ล้าน
ชิงแชร์จาก 6% เป็น 8%



นางชาลินี พูนลาภมงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านการตลาด บริษัท ซีพี-เมจิ เปิดเผยว่า บริษัทจะหันมาทำตลาดโยเกิร์ต ภายใต้แบรนด์ ซีพี-เมจิ อย่างจริงจังเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี หลังจากที่บริษัทมีโยเกิร์ต ซีพี-เมจิ ทำตลาดมาตั้งแต่เริ่มต้น แต่เน้นหนักการทำตลาดนมพาสเจอไรซ์มากกว่าโยเกิร์ต โดยปัจจัยที่ทำให้เริ่มสนใจตลาดโยเกิร์ต เนื่องจากเห็นว่าตลาดดังกล่าวมีการเติบโตที่ดีมาก ประมาณ 10-15% ต่อปี มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในปีหน้าจึงเตรียมงบการตลาด 300 ล้านบาท ทั้งโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 6% ในปีนี้ เป็น 7-8% ในปีหน้า ส่วนในช่วงโค้งท้ายของปีนี้จะส่งภาพยนตร์โฆษณาชิ้นแรกในรอบ 20 ปี ของโยเกิร์ต ซีพี-เมจิ เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย พร้อมด้วยกิจกรรมต่างๆ ภายใต้งบการตลาดกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 100%

สำหรับแนวโน้มการบริโภคโยเกิร์ตขยายตัวอย่างมากเมื่อมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาชูจุดขายเรื่องระบบขับถ่าย จากปกติจะเน้นจุดขายเรื่องความอร่อย โดยปัจจุบันเบอร์หนึ่งของตลาดโยเกิร์ตยังคงเป็นดัชชี่ และดัชชี่ไบโอ มีส่วนแบ่งตลาด 65% รองลงมาเป็น แอคทิเวีย 18% อันดับ 3 คือ บีทาเก้น ตามด้วย ซีพี-เมจิ ซึ่งในปีหน้าบริษัทจะขยายกำลังการผลิตโยเกิร์ตเพิ่มขึ้นเท่าตัวรองรับแผนการรุกตลาดดังกล่าว

รูปภาพ
19 พฤศจิกายน 2555
et al.
Verified User
โพสต์: 847
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 206

โพสต์

Publication from Phatra
Thailand Macro Watch:3Q12 GDP growth +3.0%
Announced: 3Q12 GDP
Actual: 3.0% YoY Previous: 4.4% YoY
Consensus: 3.1% YoY BofAML: 3.5% YoY

Growth decelerates
3Q GDP growth was 3.0% YoY vs. 4.4% in 2Q. This was below our expectation.
Seasonally adjusted, GDP rose 1.3%, decelerating from 2.8% growth in 2Q. Weak external demand weighed down on growth in 3Q.

Manufactured output fell as weak external demand
Hurt by weak external demand, manufacturing production (39% of GDP) fell 1.1%YoY vs 2.8% growth in 2Q. A contraction was seen in light industry and electronics from weaker demand in the US and Europe. Meanwhile agricultural output grew strongly at + 8.6%YoY vs. +1.8% in 2Q led by growth in paddy production.

Domestic demand firm, exports and inventories a drag
Domestic demand was stronger than expected. Private consumption growth accelerated to 6%YoY (+5.3% in 2Q), supported by government stimulus measures and employment. Durable goods consumption (autos) rose strongly (28.9%YoY). Private investment was also strong, rising 16.2%YoY from construction and machinery investment (especially transportation equipment). Government activity accelerated with consumption rising 9% and investment rising 13%.

All in all, domestic demand contributed 7.6ppts to GDP growth while net exports subtracted 1.1ppts and inventories pulled GDP down 3.8ppts (from falling stocks of electronics and gold). We saw no mention of growing inventory of paddy from the government’s rice-pledging scheme.

We maintain growth for 2012 at 5.3%
Although 3Q GDP was below our expectations, we believe continuing strong growth momentum in domestic demand will offset weak external demand and support growth in 4Q. We expect some slowdown in private investment growth but private consumption and government spending should remain robust. 4Q GDP growth on a YoY basis should not be meaningful given the devastation caused by the flood in 4Q 2011. Our forecast for 2012 as a whole sees GDP growing 5.3%, not much different from consensus (5.4%) and government forecasts (5.5%). NESDB sees GDP growth at 4.5-5.5% in 2013, versus our forecast and consensus forecast of 4.5% and 4.3% respectively.

________________________________________
This research is produced jointly by Phatra Securities and Merrill Lynch under a Research Co-Operation Agreement between Phatra Securities and Merrill Lynch Singapore. It is distributed in Thailand by Phatra Securities.
"Success is the sum of small efforts, repeated day in and day out" [Robert Collier]
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 207

โพสต์

รูปภาพ

คอนเฟิร์มแล้ว Psy (ไซ) เตรียมเยือนไทย 28 พฤศจิกายนนี้
ต้อนรับวันลอยกระทง


ยืนยัน"ไซ" เจ้าของเพลงกังนัมสไตล์เล่นคอนเสิร์ตในไทยแน่28พ.ย.นี้ที่สนาม SCG เมืองทองธานี


ได้รับการยืนยันอย่างแน่นอนแล้วว่า "ไซ" เจ้าของเพลงฮิตอย่าง กังนัม สไตล์
จะเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตในไทยแน่นอน ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ หลังจากมีหลายกระแสบอกมาบ้าง ไม่มาบ้าง

ไซจะมาร่วมงาน กังนัมสไตล์ ไทยแลนด์ เอ็กซ์ตร้า ไลฟ์ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 28 พ.ย.ณ สนาม SCG เมืองทองธานี ไซจะมาร้องและมาเต้นควบม้า (และอาจถอดเสื้อเต้น) ในเพลงกังนัม สไตล์ที่ไทยเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชีย อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีเจ้าพ่อแร๊พเมืองไทย โจอี้บอย ร่วมแจมด้วย

งานนี้ไม่มีบัตรจำหน่าย แต่หาบัตรได้ที่ 8 สปอนเซอร์หลัก อาทิ โซดาช้าง แอร์เอเชีย
ทิชชี่คุกกี้ ไทยพาณิชย์ ยามาฮ่า เมืองไทยประกันชีวิต โคคา-โคลา ทรู
เงื่อนไขการรับบัตร ติดตามได้ที่ผู้สนับสนุนดังกล่าว

ลอยกระทงปีนี้ รับรองว่าไซจัดหนักจัดเต็ม และพาทีมงานมาครบทีมแน่นอน คอนเฟิร์มและฟันธง!

รูปภาพ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 208

โพสต์

สิงคโปร์ ไฟเขียว ไก่สดแช่แข็ง CPF

CPF ระบุ รัฐบาลสิงคโปร์อนุญาตนำเข้าไก่สดแช่แข็ง
หลังมั่นใจมาตรการด้านความปลอดภัยของอาหาร


นายธีรศักดิ์ อุรุนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า รัฐบาลประเทศสิงคโปร์ รับรองอนุญาตนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากซีพีเอฟ หลังจากหน่วยงาน Agri-Food and Veterinary Authority of Singapore (AVA) ของสิงคโปร์ เข้าเยี่ยมชมเพื่อศึกษาระบบคอมพาร์ทเมนต์สัตว์ปีกปลอดโรคไข้หวัดนก ของโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ครบวงจรซีพีเอฟ จ.นครราชสีมา เมื่อเดือน ก.ค.2555 ที่ผ่านมา

ทำให้เจ้าหน้าที่ AVA สิงคโปร์ มีความมั่นใจในมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดนกของซีพีเอฟ และมาตรการภาครัฐโดยกรมปศุสัตว์ จึงให้การรับรองการนำเข้าเนื้อไก่สดแช่แข็งจากโรงงานดังกล่าวของซีพีเอฟ นับเป็นโรงงานแห่งแรกของประเทศไทยที่สิงคโปร์เปิดรับไก่สด ภายหลังการเกิดการระบาดไข้หวัดนกตั้งแต่ปี 2547

ทั้งนี้ การที่สิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่เข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง ในด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร เปิดประตูรับไก่สดจากซีพีเอฟในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของบริษัทในการพัฒนาด้านคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของอาหารอย่างยั่งยืน จนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำเร็จเพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็น “ครัวของโลก” เพื่อ “คนทั้งโลก” ได้อย่างยั่งยืน”

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 209

โพสต์

ศาลฯไต่สวน 3 เอกชนชนะประมูล 3G พรุ่งนี้

ศาลปกครองนัด 3 บริษัทเอกชนชนะประมูล 3G ไต่สวนพรุ่งนี้
ด้านแอดวานซ์ ชะลอ แผนลงทุน 3G รอความชัดเจน


นายไพโรจน์ มินเด็น โฆษกศาลปกครองกลาง บอกว่า วันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.)
ศาลปกครองกลางจะไต่สวน 3 บริษัทที่ชนะการประมูล 3G หลังสัปดาห์ที่ผ่านมา
ได้ไต่สวนผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการ กสทช.ไปแล้ว

โดยเริ่มจากเวลาประมาณ 10 นาฬิกา

บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ในกลุ่ม บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส //เวลา 13 นาฬิกา
บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค ในกลุ่ม บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น และ เวลา 14.30 น. นัด
บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ ในกลุ่ม บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น

ทั้งนี้โฆษกศาลปกครองฯ ยืนยันว่า ศาลฯ จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบ จึงยัง ไม่สามารถระบุได้ว่า จะมีคำสั่งได้เมื่อใด เนื่องจากทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง

ด้านนางสาวณัฐิยา พัวพงศกร ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.แอดวานซ์ ฯ บอกว่า บริษัทยังไม่สามารถให้ข้อมูลเรื่องแผนธุรกิจในปีหน้าได้ เนื่องจากต้องรอการพิจารณาใบอนุญาตให้บริการ 3G ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ทำให้คาดว่าปีนี้จะใช้เงินลงทุน 6 พันล้านบาท จากวงเงินลงทุนที่ตั้งไว้ทั้งหมด 8 พันล้านบาท หลังจาก 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทใช้งบลงทุนไปราว 5,900 ล้านบาท เพื่อลงทุนขยายเครือข่ายให้บริการ 3G บนคลื่นเดิมด้วยขยายจุดบริการด้าน Voice และเพิ่ม Internet Capacity

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 210

โพสต์

SET:หุ้นไทยปิดบวก 0.27%
แรงซื้อหุ้นแบงก์-เทคโนโลยีพยุงตลาด


กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--รอยเตอร์


ดัชนีหุ้นไทยปิดบวก 0.27% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.98 หมื่นล้านบาท ขณะที่ดัชนี

เคลื่อนไหวในกรอบแคบตลอดทั้งวัน แต่แรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารที่กลับเข้ามาในภาคบ่าย

อีกทั้งยังมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่อจากช่วงเช้า ช่วยดัชนีให้ปิดตัวในแดนบวก

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังรอดูทิศทางตลาดที่ชัดเจน

ก่อนตัดสินใจลงทุน ทำให้มูลค่าซื้อขายเบาบางลง ขณะที่ความไม่ชัดเจนจากปัจจัยต่าง

ประเทศ และความกังวลกรณีใบอนุญาต 3G และการเมืองในประเทศ ยังถ่วงภาพรวม

การลงทุน และน่าจะยังกดดันให้ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบต่อไปในวันพรุ่งนี้

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดบวก 3.52 จุด มาที่ 1,283.65 จุด ระหว่างวันดัชนีทำ

ระดับสูงสุดที่ 1,284.77 และต่ำสุดที่ 1,278.48 ด้วยมูลค่าซื้อขาย 19,830.26 ล้านบาท

ขณะที่ SET50 ปิดบวก 2.34 จุด หรือ 0.27% มาที่ 869.41 จุด และ SET100

ปิดบวก 4.83 จุด หรือ 0.25% มาที่ 1,910.82 จุด

ดัชนีกลุ่มธนาคาร บวก 0.10% ด้วยมูลค่าซื้อขายสูงสุดของตลาดที่ 17.41% แต่

หุ้นธ.ไทยพาณิชย์ (SCB) ลบ 0.63% แต่หุ้นธ.กรุงศรีอยุธย (BAY) บวก 3.39% ,

กลุ่มเทคโนโลยี บวก 0.56% โดยหุ้นแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC) บวก 0.51%

ดัชนีกลุ่มพลังงาน ลบ 0.22% นำโดยหุ้นปตท.(PTT) ลบ 0.64% ,กลุ่มขนส่ง บวก

0.82% นำโดยหุ้นบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) บวก 2.44% ,กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บวก

0.06% และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง บวก 0.70%


"นักลงทุนยังไม่เห็นปัจจัยบวกที่ชัดเจน ทำให้ไม่ค่อยกล้าที่จะทำอะไร วอลุ่ม

เริ่มหายไป บ่งชี้ถึงนักเก็งกำไรระหว่างวันก็หยุดไป เพราะทิศทางไม่ชัดเจน ไม่ลงและ

ไม่ขึ้น...ปัจจัยเศรษฐกิจสหรัฐเรื่อง fiscal cliff และยุโรปก็ไม่ 100%"


นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าว

เขา เห็นว่าตลาดหุ้นไทยไม่มีปัจจัยบวกในระยะสั้น หลังการประกาศผลประกอบการ

ไตรมาส 3/55 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) สิ้นสุดลง ขณะที่กรณีการออกใบอนุญาต 3G ยัง

ต้องรอคำวินิจฉัยจากศาลปกครองกลาง และการชุมนุมเพื่อต่อต้านรัฐบาลที่จะมีขึ้นวัน

เสาร์นี้ เป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับตลาด

ส่วนนักลงทุนต่างชาติ คาดว่าอาจจะยังปรับพอร์ตอยู่บ้าง แต่คงไม่มากนัก หลัง

ได้ปรับพอร์ตมาบ้างแล้วก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดยังไม่มีข่าวดี ทำให้

ต่างชาติอาจจะยังไม่รีบเข้าลงทุนมากนัก

สำหรับแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ เขา คาดว่าดัชนีจะยังเคลื่อนไหวในกรอบ

แคบบริเวณ 1,280-1,290 จุด โดยในช่วง 1-2 วันนี้หากดัชนียืนระดับ 1,278 หรือ

1,280 ได้ ก็อาจจะมีแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ทำให้ดัชนีดีดกลับมาที่บริเวณ 1,290

จุดได้


หลักทรัพย์ 5 อันดับแรก ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด

BTS บวก 0.15 บาท มาที่ 6.30 บาท

PTT ลบ 2.00 บาท มาที่ 312.00 บาท

PTTGC บวก 1.75 บาท มาที่ 61.75 บาท

JAS ปิดไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 4.98 บาท

SCB ลบ 1.00 บาท มาที่ 156.50 บาท

รูปภาพ