สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 31
แฉ 3G ไทยล้าหลังประเทศเพื่อนบ้าน
มีการเผยแพร่คลิปแฉสาเหตุที่ประเทศไทย ล้าหลังเทคโนโลยี 3จี โดยเนื้อหาภายในคลิปดังกล่าวได้อธิบายถึงเหตุการณ์ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2553 สมัยที่ กทช. พยายามจัดประมูลคลื่น 3จี แต่มีการร้องศาลปกครองให้สั่งคุ้มครองชั่วคราว จนกระทั่งการประมูลล้มไปในที่สุด
เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ในช่วง 2 ปี รัฐสูญเสียรายได้และโอกาสพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารของประเทศ คิดเป็นมูลค่าถึง 150,000 ล้านบาท
ต่อมาในปี 2554 บริษัท ทรูมูฟ พยายามขอเปิดใช้คลื่น 3จี ความถี่ 850 เมกะเฮิร์ตซ์ กับ กสท. โทรคมนาคม แต่มีการร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา กสทช. ได้จัดประมูลคลื่นความถี่ 3จี 2.1 กิกะเฮิร์ตซ์ ได้มีผู้ร่วมประมูล 3 ราย ได้แก่ เอไอเอส ดีแทค และทรู ทำให้รัฐมีรายได้เข้าคลัง 41,625 ล้านบาท
ปรากฏว่ามีกลุ่มผู้ร้องเรียนกล่าวหาการประมูลดังกล่าวว่า ขัดกับกฎหมาย โดยมีการฮั้วประมูล หรือมีเรื่องไม่ชอบธรรมเกิดขึ้น รวมถึงมีการยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน และศาลปกครอง
ทำให้ประเทศไทยยังไม่ทราบชะตากรรมว่าจะมีเทคโนโลยี 3จี ที่สมบูรณ์แบบใช้เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านได้เมื่อไร ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สวีเดน นอร์เวย์ ญี่ปุ่น รวมถึงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีไปสู่ยุค 4จี แล้ว
Nov 13th, 2012
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 33
ศาลปกครอง นัดพิจารณาคดี "ไร่ส้ม สรยุทธ" ฟ้อง "อสมท" นัดแรก 15พ.ย.นี้
ศาลปกครอง นัดพิจารณาคดี "ไร่ส้ม สรยุทธ" ฟ้อง "อสมท" นัดแรก 15พ.ย.นี้ เผยปมโฆษณาลงเกินเวลา "วรยุทธ" ยันเกินโควต้าที่ได้ตกลงกัน และทาง อสมท ปฏิเสธที่จะชำระให้บริษัทในนาม "ไร่ส้ม" พร้อมยอมรับ จ่ายเช็ค 7 แสนจริง
มีรายงานข่าวว่า ศาลปกครองกลาง ได้ออกบัญชีนัดพิจารณาคดีปกครอง วันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 โดยคดีที่น่าสนใจ คือคดีหมายเลขดำที่ 1141/2551 ในคดีระหว่าง บริษัทไร่ส้ม จำกัด เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง โดยกำหนดนัดในเวลา 10.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 2
ก่อนหน้านี้ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้ชี้แจงในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ในประเด็นดังกล่าวว่า บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้จ่ายค่าโฆษณาจำนวน 138,790,000 บาท ครบถ้วนแล้ว ส่วนโฆษณาเกินเวลานั้น พบว่าทาง อสมท. ลงเกินโควต้าที่ได้ตกลงกัน และทาง อสมท ปฏิเสธที่จะชำระให้บริษัทในนามไร่ส้ม ก็ได้ฟ้องร้องขอขึ้นศาลปกครอง และคดีก็กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา
ส่วนกรณีเซ็นต์เช็ค 7 แสนบาท ที่มีลายมือชื่อของตนเองนั้น ยืนยันว่ามีอำนาจลงนามเช็คทุกใบ เพราะเป็นกรรมการ ซึ่งทุกใบมีการจ่ายโดยหักภาษี ณ ที่จ่ายครบถ้วน ยันไม่มีการติดสินบนให้พนักงานระดับธุรการเพียง 1 คน ช่วยปกปิด
ทั้งนี้ ทางหน่วยงาน อสมท. เป็นรัฐวิสาหกิจ มีระบบตรวจสอบเข้มข้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่พนักงานระดับธุรการจะปกปิดจนไม่มีการตรวจสอบพบ ส่วนผลจะเป็นอย่างไร จะขอต่อสู้ตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรมต่อไป
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 พฤศจิกายน 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 35
หุ้นไทยปิดลบ 5.43 จุด ที่ 1,289.07 จุด
ร่วงตามตลาดต่างประเทศ ปัญหาหนี้กรีซ-หน้าผาการคลังสหรัฐ กลับมาหลอน
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13 พ.ย.) ดัชนีปรับตัวในแดนลบตามตลาดต่างประเทศ ท่ามกลางความกังวลปัญหาหนี้กรีซ และหน้าผาการคลัง (Fiscal Cliff) ของสหรัฐ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 1,293.15 จุด และต่ำสุดที่ 1,283.70 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,289.07 จุด ลดลง 5.43จุด หรือ 0.42%
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก
CPFปิดที่ 33.75บาท -2.25 (-6.25%)
BTSปิดที่ 6.25บาท -0.20 (-3.10%)
TRUE ปิดที่ 5.05บาท +0.31 (+6.54%)
KBANKปิดที่ 179.50บาท -3.00 (-1.64%)
WHAปิดที่ 21.10บาท +1.00 (+4.98%)
ด้วยความยินดีได้ทักทายกันครับtodto เขียน:ขอบคุณมากครับพี่ เป็นกำลังใจให้ครับ
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 37
หุ้น13พ.ย.ปิดลดลง5.43จุด 13 พฤศจิกายน 2555
ดัชนีปิดที่ 1,289.07 จุด ลดลง 5.43 จุด หรือ 0.42 %
มูลค่าการซื้อขาย 38,836.55 ล้านบาท
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดลูกค้าส่วนบุคคล บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งวันนี้ดัชนีมีการแกว่งตัวออกด้านข้างในลักษณะไซด์เวย์ เนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงขาลงของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ได้รับแรงกดดันจากวิกฤตปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ ซึ่งสำนักงานแห่งสภาคองเกรสของสหรัฐฯ คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลดลง 0.5% ในปี 2556 หากสภาคองเกรสไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ประกอบกับวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะทางยุโรป เช่นประเทศกรีซในเรื่องมาตรการรัดเข็มขัด
ทั้งนี้ มองว่า ตลาดหุ้นไทยตอนนี้อยู่ในช่วงขาลงเนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นจิตวิทยาในการลงทุน ซ้ำยังมีปัจจัยลบจากต่างประเทศ จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในแดนลบตลอดจนถึงช่วงต้นเดือน ธ.ค. ในขณะเดียวกันปัจจัยลบจากตลาดภูมิภาค ได้แก่ ดัชนีตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 3 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเวลา 4 เดือนติดต่อกัน'
อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยในวันที่ 14 พ.ย.สหรัฐจะรายงานตัวเลขงบประมาณรายเดือน อังกฤษจะรายงานอัตราการว่างงานในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และจะเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานในเดือน ต.ค.
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำเล่นหุ้นในกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็กแบบกระจายเป็นรายตัว โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1280 จุด แนวต้านที่ 1295 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อข ายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
CPF มูลค่าการซื้อขาย 5,260 ล้านบาท ปิด 33.75 บาท ลดลง 2.25 บาท (-6.25%)
BTS มูลค่าการซื้อขาย 2,017 ล้านบาท ปิด 6.25 บาท ลดลง 0.20 บาท (-3.10%)
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,421 ล้านบาท ปิด 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.31 บาท (+6.54%)
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,147 ล้านบาท ปิด 179.50 บาท ลดลง 3.00 บาท บาท (-1.64%)
WHA มูลค่าการซื้อขาย 962 ล้านบาท ปิด 21.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท (+4.98%)
ดัชนีปิดที่ 1,289.07 จุด ลดลง 5.43 จุด หรือ 0.42 %
มูลค่าการซื้อขาย 38,836.55 ล้านบาท
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดลูกค้าส่วนบุคคล บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งวันนี้ดัชนีมีการแกว่งตัวออกด้านข้างในลักษณะไซด์เวย์ เนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงขาลงของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ได้รับแรงกดดันจากวิกฤตปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ ซึ่งสำนักงานแห่งสภาคองเกรสของสหรัฐฯ คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลดลง 0.5% ในปี 2556 หากสภาคองเกรสไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ประกอบกับวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะทางยุโรป เช่นประเทศกรีซในเรื่องมาตรการรัดเข็มขัด
ทั้งนี้ มองว่า ตลาดหุ้นไทยตอนนี้อยู่ในช่วงขาลงเนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นจิตวิทยาในการลงทุน ซ้ำยังมีปัจจัยลบจากต่างประเทศ จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในแดนลบตลอดจนถึงช่วงต้นเดือน ธ.ค. ในขณะเดียวกันปัจจัยลบจากตลาดภูมิภาค ได้แก่ ดัชนีตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 3 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเวลา 4 เดือนติดต่อกัน'
อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยในวันที่ 14 พ.ย.สหรัฐจะรายงานตัวเลขงบประมาณรายเดือน อังกฤษจะรายงานอัตราการว่างงานในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และจะเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานในเดือน ต.ค.
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำเล่นหุ้นในกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็กแบบกระจายเป็นรายตัว โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1280 จุด แนวต้านที่ 1295 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อข ายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
CPF มูลค่าการซื้อขาย 5,260 ล้านบาท ปิด 33.75 บาท ลดลง 2.25 บาท (-6.25%)
BTS มูลค่าการซื้อขาย 2,017 ล้านบาท ปิด 6.25 บาท ลดลง 0.20 บาท (-3.10%)
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,421 ล้านบาท ปิด 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.31 บาท (+6.54%)
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,147 ล้านบาท ปิด 179.50 บาท ลดลง 3.00 บาท บาท (-1.64%)
WHA มูลค่าการซื้อขาย 962 ล้านบาท ปิด 21.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท (+4.98%)
ขอบคุณมากครับsc26 เขียน:ยินดี ต้อนรับ ของการกลับมาอีกครั้งครับ
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 38
ราชประสงค์จัดเคานท์ดาวน์ปีใหม่ คาดมีเงินสะพัด1.3หมื่นล้านบาท
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (อาร์เอสทีเอ) เปิดเผยว่า สมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจฯ ได้ร่วมมือกับ 4 หน่วยภาครัฐและเอกชน ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), กรุงเทพมหานคร, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และวีซ่า จัดงานต้อนรับปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ในชื่อ “แฮปปิเนส อีส ออล อราวน์ แอด ราชประสงค์” ใช้งบประมาณ 80-100 ล้านบาท มีกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า 55 และฉลองปีใหม่ 56 มากมาย ซึ่งกิจกรรมไฮไลต์ทั้ง จัดแบงค็อก เคานท์ดาวน์ 2013 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศ, การตกแต่งไฟอย่างสวยงามบริเวณราชประสงค์ และร่วมมือกับร้านค้า ศูนย์การค้า และร้านอาหาร ลดราคาสินค้าสูงสุด 70% เริ่มตั้งแต่ 21 พ.ย. 55-31 ม.ค. 56 เชื่อมั่นจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ เข้ามาร่วมงาน 16 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10-20% จากปีก่อน มีเงินสะพัดกว่า 13,000 ล้านบาท และมียอดเข้าพักในโรงแรมสูงถึง 90%
สำหรับกิจกรรมเปิดไฟประดับทั่วย่านราชประสงค์ มีพื้นที่กว่า 220,000 ตร.ม. เริ่มตั้งแต่บริเวณแยกเซ็นทรัล ชิดลม มาจนถึง แยกมาบุญครอง จัดกิจกรรมประดับตกแต่งต้นคริสต์มาส ซึ่งมีจำนวนต้นคริสต์มาสมากที่สุดของประเทศไทย และมีขนาดใหญ่สุดที่ศูนย์ การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, การกิจกรรมนับถอยหลังปีใหม่ หรือ เคานท์ดาวน์ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ถูกจัดอันดับว่าคนท่องเที่ยว ทั่วโลกต้องการมาเคานท์ดาวน์จนติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาร่วมเคานท์ดาวน์ วันที่ 31 ธ.ค. กว่า 500,000 คน, การทำบุญลอยฟ้า, เทศกาลลานเบียร์ ส่วนร้านค้ารวมกว่า 3,000 แห่ง ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษและส่วนลด พร้อมลุ้นรับรางวัล
นายวิวัฒน์ชัย บุญยภักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวประเมินในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ธ.ค.นี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาในบริเวณราชประสงค์กว่า 1 ล้านคน สร้างเงินสะพัดตลอด 1 สัปดาห์กว่า 2,500 ล้านบาท ทั้งนี้ สำนักงานของ ททท. รวม 27 แห่ง ในประเทศและ 35 สำนักงานในประเทศ ร่วมกันโปรโมตงานปีใหม่ของประเทศไทย เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมา ไทยได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารชื่อดังของสหรัฐ ที่มีคนอ่านมากที่สุดในสหรัฐว่าไทยเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก มา 4 ปีซ้อนแล้ว และ กทม. เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของเอเชีย.
วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 39
เหยื่อแผ่นดินไหวพม่าเพิ่มเป้น 26 ศพ
เหยื่อธรณีพิโรธในพม่าเพิ่มขึ้นเป็น 26 ศพ สูญหาย 12 คน และบาดเจ็บ 230 ราย
วันนี้ (13 พ.ย.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า ว่า นายอ่อง คยอว์ ตุท รองเลขาธิการสภากาชาดแห่งประเทศพม่า เปิดเผยว่า รายงานตัวเลขล่าสุดของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง 6.8 ริคเตอร์ ถล่มพื้นที่ตอนกลางของประเทศพม่า เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น มีผู้เสียชีวิตแล้ว 26 ศพ ยังคงสูญหายอีก 12 คน และบาดเจ็บทั้งหมด 230 คน ส่วนการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทางสภากาชาดพม่าได้จัดส่งผืนผ้าใบกันน้ำไปให้ผู้ประสบภัย สร้างเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว แต่ก่อนหน้านี้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 13 ศพ
รายงานจากสภากาชาดพม่าระบุว่า มีบ้านเรือนราษฎร 251 หลังคาเรือนได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ประชาชนแตกตื่นเผ่นหนีกระเจิงจากบ้านเรือนที่อาศัยในเมืองมัณฑะเลย์และหมู่บ้านโดยรอบ นอกนั้นก็มีโรงพยาบาล 22 แห่ง ศาสนสถาน 137 แห่ง อาคารสถานที่ราชการ 48 แห่ง และ โรงเรียน 4 หลัง ได้รับความเสียหาย ด้านผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่เมืองธาไบค์คะยินรายงานด้วยว่า พบร่องรอยความเสียหายใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหว นอกจากนั้นแล้ว ยังมีอาฟเตอร์ช็อก หรือ แรงสั่นสะเทือนตามหลังแผ่นดินไหว เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในวันนี้ วัดได้ 4.8 ริคเตอร์ ใกล้กับเมืองหลวงกรุงเนย์ปิดอว์ เมืองหลวงใหม่ของพม่า ตามรายงานของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ..
วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 40
***หุ้นโค้งสุดท้าย...แนะลดพอร์ตหากหลุด 1,285 จุด
ดัชนี SET วันนี้ปิดอยู่ที่ระดับ 1,289.07 จุด ลดลง 5.43 จุด หรือ 0.42%
มูลค่าการซื้อขาย 38,844.19 ล้านบาท
- นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ +1,161.47 ล้านบาท
- บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +27.42 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -3,921.63 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ +2,732.74 ล้านบาท
นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก บอกในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า สัญญาณทางเทคนิคเริ่มไม่ดี หลังดัชนี SET วันนี้ไม่สามารถผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันและ 10 วันที่ระดับ 1,300 จุดได้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงลบ และหาก SET ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,280 จุดได้ จะทำให้ภาพระยะกลางเป็นไป ดังนั้นจึงแนะนำทยอยลดพอร์ต หากหลุด 1,285 จุด ส่วนระยะสั้นยังสามารถเล่นรอบระยะสั้นๆได้ ขึ้นขาย-ลงซื้อได้ โดยมองแนวต้านไว้ที่ 1,295 จุด
นายธวัชชัย บอกว่า การลงทุนของตลาดฯช่วงนี้ จะเป็นการสลับกลุ่มรายหลักทรัพย์ โดยวานนี้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ดี แต่วันนี้กลุ่มแบงก์เริ่มปรับตัวลดลง ซึ่งมองว่าหุ้นไทยจะเป็นแบบนี้สักระยะจนถึงกลางเดือนหน้า และรอดูปัจจัยของสหรัฐและยุโรป ภาพนโยบายจะเห็นชัดเจนขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นบวกจาก LTF-RMF
จากการรวบรวมของ Money Channel บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้กรอบการลงทุนทางด้านเทคนิคและหุ้นแนะนำในวันพรุ่งนี้ดังนี้
บล.ซีไอเอ็มบี(ไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,280-1,290 จุด แนะลงทุนหุ้น INTUCH/ADVANC
บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,280-1,295 จุด แนะลงทุนหุ้น SUSCO
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,275-1,300 จุด แนะลงทุนหุ้น SC
บล.ไอร่า ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,280-1,300 จุด แนะลงทุนหุ้น KCE
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ (1,285-1,270)-1,300 จุด แนะลงทุนหุ้น NEP
ดัชนี SET วันนี้ปิดอยู่ที่ระดับ 1,289.07 จุด ลดลง 5.43 จุด หรือ 0.42%
มูลค่าการซื้อขาย 38,844.19 ล้านบาท
- นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ +1,161.47 ล้านบาท
- บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +27.42 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -3,921.63 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ +2,732.74 ล้านบาท
นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก บอกในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า สัญญาณทางเทคนิคเริ่มไม่ดี หลังดัชนี SET วันนี้ไม่สามารถผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันและ 10 วันที่ระดับ 1,300 จุดได้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงลบ และหาก SET ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,280 จุดได้ จะทำให้ภาพระยะกลางเป็นไป ดังนั้นจึงแนะนำทยอยลดพอร์ต หากหลุด 1,285 จุด ส่วนระยะสั้นยังสามารถเล่นรอบระยะสั้นๆได้ ขึ้นขาย-ลงซื้อได้ โดยมองแนวต้านไว้ที่ 1,295 จุด
นายธวัชชัย บอกว่า การลงทุนของตลาดฯช่วงนี้ จะเป็นการสลับกลุ่มรายหลักทรัพย์ โดยวานนี้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ดี แต่วันนี้กลุ่มแบงก์เริ่มปรับตัวลดลง ซึ่งมองว่าหุ้นไทยจะเป็นแบบนี้สักระยะจนถึงกลางเดือนหน้า และรอดูปัจจัยของสหรัฐและยุโรป ภาพนโยบายจะเห็นชัดเจนขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นบวกจาก LTF-RMF
จากการรวบรวมของ Money Channel บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้กรอบการลงทุนทางด้านเทคนิคและหุ้นแนะนำในวันพรุ่งนี้ดังนี้
บล.ซีไอเอ็มบี(ไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,280-1,290 จุด แนะลงทุนหุ้น INTUCH/ADVANC
บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,280-1,295 จุด แนะลงทุนหุ้น SUSCO
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,275-1,300 จุด แนะลงทุนหุ้น SC
บล.ไอร่า ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,280-1,300 จุด แนะลงทุนหุ้น KCE
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ (1,285-1,270)-1,300 จุด แนะลงทุนหุ้น NEP
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 41
ไร้ปัจจัยหนุน หุ้นไทยปิดร่วง5.43จุด
หุ้นไทยปิดลด 5.43 จุด แตะ 1,289.07 จุด
รับแรงกดดันจากภายนอกประเทศและไร้ปัจจัยใหม่หนุน
วันนี้ (13 พ.ย. 55) ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,289.07 จุด
ลดลง 5.43 จุด(-0.42%) มูลค่าการซื้อขาย 38,857.70 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,293.15 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,283.70 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 201 หลักทรัพย์ ลดลง 373 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 141 หลักทรัพย์
ด้านนางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้อยู่ในช่วงปรับฐาน แต่ดัชนีฯไม่ได้ปรับตัวลงไปมากนัก เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลงกันทั่วหน้าแต่ไม่มากนัก
ตลาดฯรับแรงกดดันจากภายนอกประเทศ ทั้งจากปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐและทางปัญหาหนี้ยุโรป คาดว่าจะเข้ามากดดันในระยะ 2-3 สัปดาห์นี้ สำหรับผลประกอบการที่ประกาศออกมาแล้วก็คงจะเกิด Sell on fact กันไป
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(14 พ.ย.)นางภรณี กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวลง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา พร้อมให้แนวรับ 1,283 จุด แนวต้าน 1,290 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
CPF มูลค่าการซื้อขาย 5,260.28 ล้านบาท ปิดที่ 33.75 บาท ลดลง 2.25 บาท
BTS มูลค่าการซื้อขาย 2,017.78 ล้านบาท ปิดที่ 6.25 บาท ลดลง 0.20 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,421.45 ล้านบาท ปิดที่ 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.31 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,147.82 ล้านบาท ปิดที่ 179.50 บาท ลดลง 3.00 บาท
WHA มูลค่าการซื้อขาย 962.61 ล้านบาท ปิดที่ 21.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 44
HEMRAJ: สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อย ไตรมาสที่ 3 (F45-3)
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อย (F45-3)
บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 30 กันยายน
ปี 2555 2554 2555 2554
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 629,100 154,491 1,583,548 152,633
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.0648 0.0159 0.1632 0.0157
ต่อหุ้น (บาท)
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 30 กันยายน
ปี 2555 2554 2555 2554
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 403,853 120,785 1,313,028 187,483
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.0416 0.0124 0.1353 0.0193
ต่อหุ้น (บาท)
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไข
หมายเหตุ
โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุประกอบ
งบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน ก.ล.ต.
เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ ___________________________
( นายเดวิด ริชาร์ด นาร์โดน )
กรรมการผู้จัดการ
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
______________________________________________________________________
สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์
ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ
ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้
และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย
หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ
และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้
โอ้ หรูหราสง่างาม งบเบิกบาน เสียดายไม่มีหุ้นตัวนี้เล๊ย
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อย (F45-3)
บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 30 กันยายน
ปี 2555 2554 2555 2554
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 629,100 154,491 1,583,548 152,633
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.0648 0.0159 0.1632 0.0157
ต่อหุ้น (บาท)
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 30 กันยายน
ปี 2555 2554 2555 2554
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 403,853 120,785 1,313,028 187,483
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.0416 0.0124 0.1353 0.0193
ต่อหุ้น (บาท)
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไข
หมายเหตุ
โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุประกอบ
งบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน ก.ล.ต.
เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ ___________________________
( นายเดวิด ริชาร์ด นาร์โดน )
กรรมการผู้จัดการ
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
______________________________________________________________________
สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์
ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ
ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้
และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย
หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ
และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้
โอ้ หรูหราสง่างาม งบเบิกบาน เสียดายไม่มีหุ้นตัวนี้เล๊ย
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 45
นายกฯญี่ปุ่นเตรียมยุบสภาวันศุกร์นี้
สื่้่อญี่ปุ่นตีข่าวใหญ่! นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นตัดสินใจว่าจะประกาศยุบสภาในวันศุกร์นี้ และอาจจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในเดือน ธ.ค.นี้
สื่อยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นหลายฉบับ รวมถึงหนังสือพิมพ์นิคเคอิ และหนังสือพิมพ์อาซาฮี รายงานวันนี้ (13 พ.ย.) ว่า นายกรัฐมนตรีโยชิฮิโกะ โนดะ จะประกาศยุบสภาในวันศุกร์ที่ 16 พ.ย.นี้ และคาดว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งอย่างเร็วที่สุดในวันที่ 16 ธ.ค. หรืออย่างช้าที่สุดในวันที่ 20 ม.ค.2013 หลังจากมีการคาดการณ์กันมาหลายเดือนแล้วว่า อาจจะมีการเลือกตั้งเร็วกว่ากำหนดในช่วงที่คะแนนนิยมของนายโนดะลดลงทำสถิติต่ำสุดอย่างต่อเนื่อง
การตัดสินใจของนายโนดะมีขึ้น หลังจากสามารถเจรจากับสองพรรคร่วมรัฐบาลให้สนับสนุนแผนการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อระดมทุน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารัฐบาลขาดแคลนงบประมาณในสิ้นเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งความสำเร็จในการผลักดันเรื่องนี้ถือเป็นการบรรลุเป้าหมายข้อที่สามที่เขาสัญญาว่าจะทำให้ลุล่วงก่อนจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ก่อนกำหนด
แต่นายโนดะจะต้องเผชิญภารกิจสุดหินที่จะทำให้พรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น หรือดีพีเจ ได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง เนื่องจากกระแสความไม่พอใจต่อพรรคเพิ่มสูงขึ้น โดยผลสำรวจของหนังสือพิมพ์อาซาฮีที่เผยแพร่วันนี้ระบุว่า คะแนนนิยมของรัฐบาลตกลงเหลือเพียง 18% และจำนวนผู้ไม่พอใจต่อการทำงานของรัฐบาลเพิ่มขึ้นเป็น 64%
หากพรรคดีพีเจแพ้การเลือกตั้ง ก็เท่ากับว่านายโนดะจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งภายในเวลาเพียง 6 ปีหรือเฉลี่ยปีละคน นับจากนายจุนอิชิโร่ โคอิซูมิ บริหารประเทศได้นานกว่า 5 ปีจนถึง ก.ย.2016
ปัญหาการผลัดเปลี่ยนผู้นำบ่อยครั้งในญี่ปุ่น ทำให้อิทธิพลของญี่ปุ่นในเวทีโลกเสื่อมถอยลงไปมาก และเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังถูกจีนแซงขึ้นหน้าขึ้นเป็นชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกแทนอีกด้วย
จีดีพีญี่ปุ่นหดตัวใกล้ถดถอยรอบ3ไตรมาส
ขณะที่รายงานล่าสุด เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลง 0.9% ในช่วงไตรมาสเดือนก.ค.-ก.ย.ซึ่งถือเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส และเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นกับจีนกำลังกดดันเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้เข้าสู่ภาวะถดถอย
รัฐบาลญี่ปุ่น รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก หดตัวลง 0.9 % สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเมื่อเทียบเป็นรายปี จีดีพีของญี่ปุ่นร่วงลง 3.5 %
การร่วงลงของจีดีพีในครั้งนี้ จะเป็นการกดดันธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ให้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ถึงแม้บีโอเจเพิ่งผ่อนคลายนโยบายการเงินในเดือนต.ค.เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ในขณะที่การส่งออกของญี่ปุ่น ได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเยน, ความขัดแย้งเรื่องเขตแดนระหว่างญี่ปุ่นกับจีน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
นายยาสุโอะ ยามาโมโตะ นักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันวิจัยมิซูโฮะ ให้ความเห็นว่า "การส่งออกลดลงอย่างมาก ในขณะที่การบริโภคและการลงทุนด้านทุนอยู่ในระดับอ่อนแอเช่นกัน ซึ่งตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่าอุปสงค์ทั้งภายในและภายนอกประเทศต่างก็อยู่ในภาวะอ่อนแอ ตัวเลขเศรษฐกิจตกต่ำลงอย่างรุนแรงจากเดือนก.ย. และสิ่งนี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว"
นักวิเคราะห์หลายรายคาดว่า บีโอเจจะตรึงนโยบายการเงินในการ ประชุมสัปดาห์หน้า แต่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่า บีโอเจจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้งในการประชุมวันที่ 19-20 ธ.ค. หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 11-12 ธ.ค.
อุปสงค์จากต่างประเทศมีสัดส่วนราว 0.7 % ของการหดตัวของจีดีพีไตรมาสเดือนก.ค.-ก.ย. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ในตลาด ส่วนการบริโภคของภาคเอกชน ซึ่งครองสัดส่วนราว 60 % ของเศรษฐกิจญี่ปุ่นลดลง 0.5 % ในไตรมาส 3 ในขณะที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า อาจลดลง 0.6 %
เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าประเทศส่วนใหญ่ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือจี-7 ในช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง และจากงบรายจ่ายในการบูรณะฟื้นฟูประเทศหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวในเดือนมี.ค.2554
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอการเติบโตในช่วงหลังจากนั้น และขณะนี้นักวิเคราะห์ก็คาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจหดตัวลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งจะส่งผลให้เข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งปีหลัง ในขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและวิกฤติหนี้ยุโรปส่งผลกระทบต่อการส่งออกของญี่ปุ่น
ผลบวกที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเคยได้รับจากการบูรณะฟื้นฟูประเทศกำลังจางหายไปในช่วงนี้ และรัฐบาลญี่ปุ่นก็ยอมรับในสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจปรับตัวลงสู่ระดับที่บ่งชี้ถึงการเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา บีโอเจได้กำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 1 % และผ่อนคลายนโยบายลง และหลังจากนั้นบีโอเจก็ได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในเดือนเม.ย., ก.ย. และต.ค.เนื่องจากมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 47
กูรู คาดหุ้นไทย พรุ่งนี้ร่วงต่อ ปัจจัย ตปท.กดดัน-เทรนด์ตลาดฯ เป็นขาลง
ประเมินแนวรับ 1280 จุด แนวต้านที่ 1295 จุด
วงการประสานเสียงหุ้นไทยช่วงนี้ปัจจัยลบกดดันหนัก เหตุเข้าสู่ช่วงปลายปีเป็นขาลงของตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ยังไม่สดสใส ส่งผลกดดันให้ตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยสดใสนัก คาดพรุ่งนี้จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่ในเชิงบวกมาพยุงตลาด กลยุทธ์การลงทุน แนะ 'ขาย' หากจะซื้อควรเล่นหุ้นในกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็กแบบกระจายเป็นรายตัว ประเมินแนวรับ 1280 จุด และแนวต้านที่ 1295 จุด
วันนี้ดัชนีหุ้นไทยปิดทำการที่ระดับ 1,289.07 จุด ลดลง 5.43 จุด หรือ 0.42% มีมูลค่าการซื้อขาย 38,857.70 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่
1.CPF ปิดที่ 33.75 บาท ลดลง 2.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,260.27 ลบ.
2.BTS ปิดที่ 6.25 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,017.77 ลบ.
3.TRUE ปิดที่ 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.31 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,421.44 ลบ.
4.KBANK ปิดที่ 179.50 บาท ลดลง 3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,147.81 ลบ.
5.WHA ปิดที่ 21.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 962.61 ลบ.
สรุปปริมาณซื้อขายรายกลุ่มตามประเภทนักลงทุน
นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ +1,161.47 ล้านบาท
นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +27.42 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ -3,921.63 ล้านบาท
และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ -2,732.74 ล้านบาท
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดลูกค้าส่วนบุคคล บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งวันนี้ ดัชนีฯ แกว่งตัวออกด้านข้างในลักษณะไซด์เวย์ เนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงขาลงของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ได้รับแรงกดดันจากวิกฤตปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ ซึ่งสำนักงานแห่งสภาคองเกรสของสหรัฐฯ คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะหดตัวลดลง 0.5% ในปี 2556 หากสภาคองเกรสไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ประกอบกับวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะทางยุโรป เช่นประเทศกรีซในเรื่องมาตรการรัดเข็มขัด
'คิดว่าตลาดหุ้นไทยตอนนี้อยู่ในช่วงขาลงเนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นจิตวิทยาในการลงทุน ซ้ำยังมีปัจจัยลบจากต่างประเทศ จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในแดนลบตลอดจนถึงช่วงต้นเดือน ธ.ค. ในขณะเดียวกันปัจจัยลบจากตลาดภูมิภาค ได้แก่ ดัชนีตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 3 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเวลา 4 เดือนติดต่อกัน' นายวิวัฒน์ กล่าว
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยในวันที่ 14 พ.ย.สหรัฐฯจะรายงานตัวเลขงบประมาณรายเดือน อังกฤษจะรายงานอัตราการว่างงานในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และจะเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานในเดือน ต.ค.
กลยุทธ์การลงทุน เมื่อดัชนีฯ มีลักษณะเช่นนี้ แนะนำนักลงทุนขายหุ้น และในขณะเดียวกัน ให้เล่นหุ้นในกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็กแบบกระจายเป็นรายตัว โดยประเมินแนวรับไว้ที่1280 จุด แนวต้านที่ 1295 จุด
ด้านนางสาวธีระดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงจากความกังวลเรื่องการแก้ไขปัญหาการคลังของสหรัฐ ที่ตลาดฯ กังวลว่าอาจต้องมีการตัดลดงบประมาณรายจ่ายลง 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง ขณะที่ ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปได้เลื่อนการตัดสินใจให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่กรีซออกไปเป็นสัปดาห์หน้า จึงทำให้ตลาดฯปรับตัวลดลงตลอดทั้งวัน
ขณะที่ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ คาดว่าดัชนีฯ จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดฯยังไม่มีปัจจัยบวกที่สามารถเข้ามาพยุงตลาดฯได้ ประกอบกับความกังวลเรื่องปัญหาการคลังของสหรัฐ และการแก้ไขปัญหาหนี้กรีซยังเป็นปัจจัยลบที่กดดันตลาดอยู่
ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงกดดันตลาดหุ้น อาทิ การชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 24 - 25 พ.ย. และการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 25 - 26 พ.ย.
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่คาดว่าจะมีผลประกอบการไตรมาส 3/2555 ออกมาดี โดยประเมินแนวรับแรกที่ 1,280 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,270 จุด และประเมินแนวต้านที่แรกที่ 1,295 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,300 จุด
ประเมินแนวรับ 1280 จุด แนวต้านที่ 1295 จุด
วงการประสานเสียงหุ้นไทยช่วงนี้ปัจจัยลบกดดันหนัก เหตุเข้าสู่ช่วงปลายปีเป็นขาลงของตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ยังไม่สดสใส ส่งผลกดดันให้ตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยสดใสนัก คาดพรุ่งนี้จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่ในเชิงบวกมาพยุงตลาด กลยุทธ์การลงทุน แนะ 'ขาย' หากจะซื้อควรเล่นหุ้นในกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็กแบบกระจายเป็นรายตัว ประเมินแนวรับ 1280 จุด และแนวต้านที่ 1295 จุด
วันนี้ดัชนีหุ้นไทยปิดทำการที่ระดับ 1,289.07 จุด ลดลง 5.43 จุด หรือ 0.42% มีมูลค่าการซื้อขาย 38,857.70 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่
1.CPF ปิดที่ 33.75 บาท ลดลง 2.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,260.27 ลบ.
2.BTS ปิดที่ 6.25 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,017.77 ลบ.
3.TRUE ปิดที่ 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.31 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,421.44 ลบ.
4.KBANK ปิดที่ 179.50 บาท ลดลง 3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,147.81 ลบ.
5.WHA ปิดที่ 21.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 962.61 ลบ.
สรุปปริมาณซื้อขายรายกลุ่มตามประเภทนักลงทุน
นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ +1,161.47 ล้านบาท
นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +27.42 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ -3,921.63 ล้านบาท
และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ -2,732.74 ล้านบาท
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดลูกค้าส่วนบุคคล บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งวันนี้ ดัชนีฯ แกว่งตัวออกด้านข้างในลักษณะไซด์เวย์ เนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงขาลงของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ได้รับแรงกดดันจากวิกฤตปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ ซึ่งสำนักงานแห่งสภาคองเกรสของสหรัฐฯ คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะหดตัวลดลง 0.5% ในปี 2556 หากสภาคองเกรสไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ประกอบกับวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะทางยุโรป เช่นประเทศกรีซในเรื่องมาตรการรัดเข็มขัด
'คิดว่าตลาดหุ้นไทยตอนนี้อยู่ในช่วงขาลงเนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นจิตวิทยาในการลงทุน ซ้ำยังมีปัจจัยลบจากต่างประเทศ จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในแดนลบตลอดจนถึงช่วงต้นเดือน ธ.ค. ในขณะเดียวกันปัจจัยลบจากตลาดภูมิภาค ได้แก่ ดัชนีตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 3 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเวลา 4 เดือนติดต่อกัน' นายวิวัฒน์ กล่าว
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยในวันที่ 14 พ.ย.สหรัฐฯจะรายงานตัวเลขงบประมาณรายเดือน อังกฤษจะรายงานอัตราการว่างงานในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และจะเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานในเดือน ต.ค.
กลยุทธ์การลงทุน เมื่อดัชนีฯ มีลักษณะเช่นนี้ แนะนำนักลงทุนขายหุ้น และในขณะเดียวกัน ให้เล่นหุ้นในกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็กแบบกระจายเป็นรายตัว โดยประเมินแนวรับไว้ที่1280 จุด แนวต้านที่ 1295 จุด
ด้านนางสาวธีระดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงจากความกังวลเรื่องการแก้ไขปัญหาการคลังของสหรัฐ ที่ตลาดฯ กังวลว่าอาจต้องมีการตัดลดงบประมาณรายจ่ายลง 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง ขณะที่ ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปได้เลื่อนการตัดสินใจให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่กรีซออกไปเป็นสัปดาห์หน้า จึงทำให้ตลาดฯปรับตัวลดลงตลอดทั้งวัน
ขณะที่ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ คาดว่าดัชนีฯ จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดฯยังไม่มีปัจจัยบวกที่สามารถเข้ามาพยุงตลาดฯได้ ประกอบกับความกังวลเรื่องปัญหาการคลังของสหรัฐ และการแก้ไขปัญหาหนี้กรีซยังเป็นปัจจัยลบที่กดดันตลาดอยู่
ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงกดดันตลาดหุ้น อาทิ การชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 24 - 25 พ.ย. และการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 25 - 26 พ.ย.
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่คาดว่าจะมีผลประกอบการไตรมาส 3/2555 ออกมาดี โดยประเมินแนวรับแรกที่ 1,280 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,270 จุด และประเมินแนวต้านที่แรกที่ 1,295 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,300 จุด
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 48
พี่เชฟ-น้องเกี๊ยว CP” ฮอต!
แฟนคลับกว่า 1.6 ล้าน…หลังเปิดตัว CP LINE Official Account ไม่ถึงเดือน
นายอนุตร พฤกษ์สุวัฒน์ ในฐานะผู้รับผิดชอบด้านการตลาดออนไลน์ของซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ภายใต้ผลิตภัณฑ์อาหารแบรนด์ซีพี ได้เริ่มรุกตลาด Digital อย่างจริงจังเมื่อประมาณกลางปีนี้ (2555) โดยเริ่มตั้งแต่การปรับปรุงรากฐานการตลาดด้าน Digital ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์และองค์กร Social Media ต่างๆ รวมถึง CRM (Customer relationship management) ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และมีแผนจะพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่สามารถให้ประโยชน์แก่ผู้บริโภคให้ได้มากยิ่งขึ้นตามมาเรื่อยๆในปีหน้า
นายอนุตร กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพปลอดภัย ตราซีพี คำนึงเสมอว่าจะต้อง “เติมชีวิตที่ดี” ให้กับผู้บริโภค ในที่นี้แม้จะเป็นการสื่อสารผ่านช่องทางสื่อ Digital จึงจะต้องมีประโยชน์กับผู้ใช้งาน การออกแบบก็ต้องสวยงาม ที่สำคัญคือต้องใช้งานง่าย และเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางให้แบรนด์ซีพีเป็นแบรนด์ในใจผู้บริโภค จึงเลือกใช้แอปพลิเคชั่น LINE ดิจิตอลมีเดียที่กำลังเป็นที่นิยม และมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 230 ประเทศทั่วโลก ถึง 60 ล้านคน เป็นตัวเริ่มต้นในการสื่อสารกับผู้บริโภค โดยปล่อยสติกเกอร์ “พี่เชพ ที่แสดงถึงภาพลักษณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร และน้องเกี๊ยว ตัวแทนเมนูเกี๊ยวกุ้ง ที่เป็นทั้ง Signature Product และ Product แชมเปี้ยนของแบรนด์” ผ่านคาแร็กเตอร์ลักษณะต่างๆ โดยให้ทาง LINE ช่วยประสานงานกับนักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่นเพื่อช่วยปรับลายเส้นให้ตัวละครสามารถสื่ออารมณ์ออกมาให้ได้ดีที่สุด
การตอบรับหลังจากที่ได้เปิดตัว CP LINE Official Account (5 ตุลาคม 2555 ) ปรากฎว่าได้รับการตอบรับดีมาก คือเพียงวันแรกมีจำนวนผู้ที่ยินยอม Add Friend (Followers) มากถึงกว่า 20,000 ราย จากนั้นก็ได้ปล่อย LINE sticker ดังกล่าว ให้โหลดฟรีในวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดกว่า 1 ล้านคนแล้ว ส่งผลให้ติดอันดับ Official Account ใน Line ที่มีเพื่อนมากที่สุด ด้วยจำนวน 1.6 ล้านราย อีกทั้งยังดึงปริมาณการพูดคุยผ่านFacebook Fan Page (www.facebook.com/brandcp) ให้สูงขึ้นตามไปด้วย โดยลักษณะของการเข้ามาทักทายหรือพูดคุยกับผ่านทาง Facebook ก็มีความเป็นบุคคลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
นายอนุตร กล่าวด้วยว่า LINE ถือเป็นช่องทางที่น่าสนใจอย่างยิ่งและมีมูลค่าไม่น้อยสำหรับการสื่อสารแบบไดเรกต์ไปสู่กลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบัน เพราะเป็นช่องทางที่มีเสน่ห์แบบที่สื่ออื่นทำไม่ได้ขนาดนี้ โดยสามารถทำให้แบรนด์เข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภค และสื่อสารถึงกันได้โดยตรงด้วยความเต็มใจ โดยใช้ “สติกเกอร์” เป็นตัวดึงดูด สำหรับสติ๊กเกอร์ ที่ทางซีพี ได้เลือกคาแร็คเตอร์ตัวการ์ตูนเป็น พี่เชฟ และน้องเกี๊ยว ที่มีดีไซน์น่ารักสไตล์คนไทยมาประเดิมแอปพลิเคชั่น LINE ในครั้งนี้ นับว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ในอนาคตคาดว่าจะมีการออกแบบ Sticker ใหม่ๆ มาให้แฟนคลับผลิตภัณฑ์ตราซีพีได้ใช้ฟรีอีก โดยอาจจะมีการเพิ่มตัวละครใหม่ๆ เข้ามาเพื่อเพิ่มความหลากหลาย.
แฟนคลับกว่า 1.6 ล้าน…หลังเปิดตัว CP LINE Official Account ไม่ถึงเดือน
นายอนุตร พฤกษ์สุวัฒน์ ในฐานะผู้รับผิดชอบด้านการตลาดออนไลน์ของซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ภายใต้ผลิตภัณฑ์อาหารแบรนด์ซีพี ได้เริ่มรุกตลาด Digital อย่างจริงจังเมื่อประมาณกลางปีนี้ (2555) โดยเริ่มตั้งแต่การปรับปรุงรากฐานการตลาดด้าน Digital ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์และองค์กร Social Media ต่างๆ รวมถึง CRM (Customer relationship management) ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และมีแผนจะพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่สามารถให้ประโยชน์แก่ผู้บริโภคให้ได้มากยิ่งขึ้นตามมาเรื่อยๆในปีหน้า
นายอนุตร กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพปลอดภัย ตราซีพี คำนึงเสมอว่าจะต้อง “เติมชีวิตที่ดี” ให้กับผู้บริโภค ในที่นี้แม้จะเป็นการสื่อสารผ่านช่องทางสื่อ Digital จึงจะต้องมีประโยชน์กับผู้ใช้งาน การออกแบบก็ต้องสวยงาม ที่สำคัญคือต้องใช้งานง่าย และเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางให้แบรนด์ซีพีเป็นแบรนด์ในใจผู้บริโภค จึงเลือกใช้แอปพลิเคชั่น LINE ดิจิตอลมีเดียที่กำลังเป็นที่นิยม และมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 230 ประเทศทั่วโลก ถึง 60 ล้านคน เป็นตัวเริ่มต้นในการสื่อสารกับผู้บริโภค โดยปล่อยสติกเกอร์ “พี่เชพ ที่แสดงถึงภาพลักษณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร และน้องเกี๊ยว ตัวแทนเมนูเกี๊ยวกุ้ง ที่เป็นทั้ง Signature Product และ Product แชมเปี้ยนของแบรนด์” ผ่านคาแร็กเตอร์ลักษณะต่างๆ โดยให้ทาง LINE ช่วยประสานงานกับนักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่นเพื่อช่วยปรับลายเส้นให้ตัวละครสามารถสื่ออารมณ์ออกมาให้ได้ดีที่สุด
การตอบรับหลังจากที่ได้เปิดตัว CP LINE Official Account (5 ตุลาคม 2555 ) ปรากฎว่าได้รับการตอบรับดีมาก คือเพียงวันแรกมีจำนวนผู้ที่ยินยอม Add Friend (Followers) มากถึงกว่า 20,000 ราย จากนั้นก็ได้ปล่อย LINE sticker ดังกล่าว ให้โหลดฟรีในวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดกว่า 1 ล้านคนแล้ว ส่งผลให้ติดอันดับ Official Account ใน Line ที่มีเพื่อนมากที่สุด ด้วยจำนวน 1.6 ล้านราย อีกทั้งยังดึงปริมาณการพูดคุยผ่านFacebook Fan Page (www.facebook.com/brandcp) ให้สูงขึ้นตามไปด้วย โดยลักษณะของการเข้ามาทักทายหรือพูดคุยกับผ่านทาง Facebook ก็มีความเป็นบุคคลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
นายอนุตร กล่าวด้วยว่า LINE ถือเป็นช่องทางที่น่าสนใจอย่างยิ่งและมีมูลค่าไม่น้อยสำหรับการสื่อสารแบบไดเรกต์ไปสู่กลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบัน เพราะเป็นช่องทางที่มีเสน่ห์แบบที่สื่ออื่นทำไม่ได้ขนาดนี้ โดยสามารถทำให้แบรนด์เข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภค และสื่อสารถึงกันได้โดยตรงด้วยความเต็มใจ โดยใช้ “สติกเกอร์” เป็นตัวดึงดูด สำหรับสติ๊กเกอร์ ที่ทางซีพี ได้เลือกคาแร็คเตอร์ตัวการ์ตูนเป็น พี่เชฟ และน้องเกี๊ยว ที่มีดีไซน์น่ารักสไตล์คนไทยมาประเดิมแอปพลิเคชั่น LINE ในครั้งนี้ นับว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ในอนาคตคาดว่าจะมีการออกแบบ Sticker ใหม่ๆ มาให้แฟนคลับผลิตภัณฑ์ตราซีพีได้ใช้ฟรีอีก โดยอาจจะมีการเพิ่มตัวละครใหม่ๆ เข้ามาเพื่อเพิ่มความหลากหลาย.
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 49
เชลล์ จับมือ CPF เปิดร้านซีพีฟู้ดมาร์เก็ตในปั๊มน้ำมันประเดิมที่วังน้อย
บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ร่วมกับ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) ประกาศร่วมมือทางธุรกิจในการนำเสนอร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต ซึ่งเป็นซุปเปอร์คอนวีเรียนสโตร์ในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ การ ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ นับเป็นการผสานความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญของพันธมิตรทั้ง 2 องค์กร โดยเชลล์เป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น คุณภาพสูง ในขณะที่ซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต เป็นผู้นำด้านร้านซูเปอร์คอนวีเนียนสโตร์ที่มีสินค้าอุปโภคและบริโภคอย่าง หลากหลาย และเป็นหนึ่งในธุรกิจค้าปลีกของซีพีเอฟ ที่ได้รับการยอมรับในฐานะบริษัทผู้นำด้านธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร
นายอัษฎา หะรินสุต ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า เชลล์ ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจในการนำเสนอร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต (CP Food Market) ซูเปอร์คอนวีเนียนสโตร์ ในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ เพื่อมอบประสบการณ์ความสะดวกที่เหนือกว่าสู่ผู้บริโภค ด้วยเทรนด์ใหม่ของสถานีบริการน้ำมันที่มาพร้อมซูเปอร์คอนวีเนียนสโตร์เป็น ครั้งแรกในประเทศไทย
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวว่า เชลล์และซีพีฟู้ดมาร์เก็ต มีกำหนดเปิดร้านสาขาแรกที่สถานีบริการน้ำมัน สาขาวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ช่วงปลายปี 55 และวางแผนขยายสาขาร้านซีพีฟู้ดมาร์เก็ตในสถานีน้ำมันเชลล์อีก 2 สาขาภายในต้นปีหน้า โดยจะพิจารณาปั๊มในทำเลที่มีชุมชนอาศัยอยู่รอบในจ.กรุงเทพ และตั้งอยู่ริมทางหลวงที่มีจราจรหนาแน่น
"ณ วันนี้เราเป็นครัวของโลก ครอบคลุมลูกค้า กว่า 4 พันคน CPF เน้นเรื่องคุณภาพ บริการ ความปลอดภัยของอาหารให้กับผู้บริโภค แม้ว่าเราจะเริ่มต้นทำธุรกิจค้าปลีก เราคิดว่าเราจะสร้างความพอใจให้แก่ผู้บริโภค" คุณอดิเรก กล่าว
นายพิศวรรณ อัชนะพรกุล ผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างบริษัทกับ CPF ทำให้สถานีบริการน้ำมันเชลล์เป็นสถานที่เติมน้ำมันให้รถและเติมพลังให้คนด้วย ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังคงร้าน Select ที่มีอยู่แล้วในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ที่มีอยู่ประมาณ 100 แห่ง จากจำนวนสถานีบริการน้ำมันเชลล์ทั้งหมด 570 แห่ง
ทั้งนี้ เชลล์มีแผนเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่ในปีหน้าอีก 20 แห่ง ลงทุนแห่งละ 60 ล้านบาท รวม 1,200 ล้านบาท จากปีนี้เปิดใหม่ 6 แห่ง การเร่งเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่เพิ่มเพื่อทดแทนสถานีบริการน้ำมันเดิมที่จำเป็นต้องปิดตัวลงเพราะสถานที่คับแคบเกินไป หรือเจ้าของที่ดินไม่ประสงค์ให้เชลล์เช่าต่อ
ด้าน นายวิรัตน์ เตชะนิรัติศัย รองกรรมการผู้จัดการสายธุรกิจค้าปลีก CPF กล่าวว่า การเปิดร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต คาดว่าจะใช้เงินลงทุนแห่งละ 10-15 ล้านบาท และคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้อีก 10-25% จากปัจจุบันมีอยู่ 2 สาขา ได้แก่ สาขาฟอร์จูน ที่มีรายได้เฉลี่ย 1.5-1.8 แสนบาท/วัน สาขาพญาไท ทำรายได้เฉลี่ย 1.1-1.2 แสนบาท/วันทั้งนี้ ร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต เป็นหนึ่งในการต่อยอดแนวคิดธุรกิจค้าปลีกของซีพีเอฟ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “ร้านสนุกซื้อ สะดวกทาน” ในโมเดลซูเปอร์คอนวีเนียนสโตร์
ซึ่งเป็นรูปแบบของร้านค้าพิเศษที่รวบรวมทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภคไว้ในที่เดียวกัน จึงเหนือกว่าร้านคอนวีเนียนสโตร์ทั่วไป โดยซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต มีจุดเด่นใน 3 ส่วนคือ สะดวกซื้อ (Convenient to Shop) ที่นำเสนอสินค้าอุปโภคและของใช้ในชีวิตประจำวันอย่างหลากหลาย, สะดวกทาน (Convenient to Eat) ด้วยมุมเครื่องดื่ม อาหารสำเร็จรูป และสินค้าเบเกอรี่ พร้อมพื้นที่สำหรับนั่งทาน, และ สะดวกปรุง (Convenience to Cook) โดยมีทั้งอาหารแช่เย็น แช่แข็ง และผักผลไม้ให้ลูกค้าเลือกซื้อกลับไปประกอบอาหารที่บ้านได้ตามต้องการ จึงสามารถตอบสนองและเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างหลากหลายมากที่สุด ในปัจจุบัน
เชลล์ และซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต มีกำหนดเปิดร้านดังกล่าวในสถานีบริการน้ำมันเชลล์เป็นแห่งแรก ที่สาขาวังน้อย จังหวัดอยุธยา ในช่วงปลายปี พ.ศ.2555 ซึ่งนับเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงเนื่องจากมีการจราจรของรถยนต์สายเหนือและสาย ตะวันออกเฉียงเหนืออย่างหนาแน่นตลอดทั้งปี นอกจากนี้เชลล์และซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต ยังวางเป้าหมายร่วมกันในการขยายสาขาร้าน ในสถานีบริการน้ำมันเชลล์อีก 2 สาขาภายในต้นปีหน้า โดยจะพิจารณาสถานีบริการน้ำมันเชลล์ในทำเลที่มีชุมชนอาศัยอยู่โดยรอบ และตั้งอยู่ริมทางหลวงที่มีการจราจรหนาแน่น
ทั้งเชลล์ และซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต มั่นใจว่าด้วยเทรนด์ใหม่ของสถานีบริการน้ำมันที่มาพร้อมซูเปอร์ คอนวีเนียนสโตร์ จะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และจะช่วยผลักดันรายได้ของร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต ในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ ให้สูงกว่าสาขาอื่นๆ ราว 25% โดยทั้งเชลล์และซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต จะมุ่งประสานความร่วมมือเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบใหม่ๆ ที่ดียิ่งกว่าสู่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ที่มา ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) / นสพ.บ้านเมือง
บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ร่วมกับ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) ประกาศร่วมมือทางธุรกิจในการนำเสนอร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต ซึ่งเป็นซุปเปอร์คอนวีเรียนสโตร์ในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ การ ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ นับเป็นการผสานความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญของพันธมิตรทั้ง 2 องค์กร โดยเชลล์เป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น คุณภาพสูง ในขณะที่ซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต เป็นผู้นำด้านร้านซูเปอร์คอนวีเนียนสโตร์ที่มีสินค้าอุปโภคและบริโภคอย่าง หลากหลาย และเป็นหนึ่งในธุรกิจค้าปลีกของซีพีเอฟ ที่ได้รับการยอมรับในฐานะบริษัทผู้นำด้านธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร
นายอัษฎา หะรินสุต ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า เชลล์ ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจในการนำเสนอร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต (CP Food Market) ซูเปอร์คอนวีเนียนสโตร์ ในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ เพื่อมอบประสบการณ์ความสะดวกที่เหนือกว่าสู่ผู้บริโภค ด้วยเทรนด์ใหม่ของสถานีบริการน้ำมันที่มาพร้อมซูเปอร์คอนวีเนียนสโตร์เป็น ครั้งแรกในประเทศไทย
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวว่า เชลล์และซีพีฟู้ดมาร์เก็ต มีกำหนดเปิดร้านสาขาแรกที่สถานีบริการน้ำมัน สาขาวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ช่วงปลายปี 55 และวางแผนขยายสาขาร้านซีพีฟู้ดมาร์เก็ตในสถานีน้ำมันเชลล์อีก 2 สาขาภายในต้นปีหน้า โดยจะพิจารณาปั๊มในทำเลที่มีชุมชนอาศัยอยู่รอบในจ.กรุงเทพ และตั้งอยู่ริมทางหลวงที่มีจราจรหนาแน่น
"ณ วันนี้เราเป็นครัวของโลก ครอบคลุมลูกค้า กว่า 4 พันคน CPF เน้นเรื่องคุณภาพ บริการ ความปลอดภัยของอาหารให้กับผู้บริโภค แม้ว่าเราจะเริ่มต้นทำธุรกิจค้าปลีก เราคิดว่าเราจะสร้างความพอใจให้แก่ผู้บริโภค" คุณอดิเรก กล่าว
นายพิศวรรณ อัชนะพรกุล ผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างบริษัทกับ CPF ทำให้สถานีบริการน้ำมันเชลล์เป็นสถานที่เติมน้ำมันให้รถและเติมพลังให้คนด้วย ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังคงร้าน Select ที่มีอยู่แล้วในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ที่มีอยู่ประมาณ 100 แห่ง จากจำนวนสถานีบริการน้ำมันเชลล์ทั้งหมด 570 แห่ง
ทั้งนี้ เชลล์มีแผนเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่ในปีหน้าอีก 20 แห่ง ลงทุนแห่งละ 60 ล้านบาท รวม 1,200 ล้านบาท จากปีนี้เปิดใหม่ 6 แห่ง การเร่งเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่เพิ่มเพื่อทดแทนสถานีบริการน้ำมันเดิมที่จำเป็นต้องปิดตัวลงเพราะสถานที่คับแคบเกินไป หรือเจ้าของที่ดินไม่ประสงค์ให้เชลล์เช่าต่อ
ด้าน นายวิรัตน์ เตชะนิรัติศัย รองกรรมการผู้จัดการสายธุรกิจค้าปลีก CPF กล่าวว่า การเปิดร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต คาดว่าจะใช้เงินลงทุนแห่งละ 10-15 ล้านบาท และคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้อีก 10-25% จากปัจจุบันมีอยู่ 2 สาขา ได้แก่ สาขาฟอร์จูน ที่มีรายได้เฉลี่ย 1.5-1.8 แสนบาท/วัน สาขาพญาไท ทำรายได้เฉลี่ย 1.1-1.2 แสนบาท/วันทั้งนี้ ร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต เป็นหนึ่งในการต่อยอดแนวคิดธุรกิจค้าปลีกของซีพีเอฟ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “ร้านสนุกซื้อ สะดวกทาน” ในโมเดลซูเปอร์คอนวีเนียนสโตร์
ซึ่งเป็นรูปแบบของร้านค้าพิเศษที่รวบรวมทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภคไว้ในที่เดียวกัน จึงเหนือกว่าร้านคอนวีเนียนสโตร์ทั่วไป โดยซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต มีจุดเด่นใน 3 ส่วนคือ สะดวกซื้อ (Convenient to Shop) ที่นำเสนอสินค้าอุปโภคและของใช้ในชีวิตประจำวันอย่างหลากหลาย, สะดวกทาน (Convenient to Eat) ด้วยมุมเครื่องดื่ม อาหารสำเร็จรูป และสินค้าเบเกอรี่ พร้อมพื้นที่สำหรับนั่งทาน, และ สะดวกปรุง (Convenience to Cook) โดยมีทั้งอาหารแช่เย็น แช่แข็ง และผักผลไม้ให้ลูกค้าเลือกซื้อกลับไปประกอบอาหารที่บ้านได้ตามต้องการ จึงสามารถตอบสนองและเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างหลากหลายมากที่สุด ในปัจจุบัน
เชลล์ และซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต มีกำหนดเปิดร้านดังกล่าวในสถานีบริการน้ำมันเชลล์เป็นแห่งแรก ที่สาขาวังน้อย จังหวัดอยุธยา ในช่วงปลายปี พ.ศ.2555 ซึ่งนับเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงเนื่องจากมีการจราจรของรถยนต์สายเหนือและสาย ตะวันออกเฉียงเหนืออย่างหนาแน่นตลอดทั้งปี นอกจากนี้เชลล์และซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต ยังวางเป้าหมายร่วมกันในการขยายสาขาร้าน ในสถานีบริการน้ำมันเชลล์อีก 2 สาขาภายในต้นปีหน้า โดยจะพิจารณาสถานีบริการน้ำมันเชลล์ในทำเลที่มีชุมชนอาศัยอยู่โดยรอบ และตั้งอยู่ริมทางหลวงที่มีการจราจรหนาแน่น
ทั้งเชลล์ และซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต มั่นใจว่าด้วยเทรนด์ใหม่ของสถานีบริการน้ำมันที่มาพร้อมซูเปอร์ คอนวีเนียนสโตร์ จะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และจะช่วยผลักดันรายได้ของร้านซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต ในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ ให้สูงกว่าสาขาอื่นๆ ราว 25% โดยทั้งเชลล์และซีพี ฟู้ด มาร์เก็ต จะมุ่งประสานความร่วมมือเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบใหม่ๆ ที่ดียิ่งกว่าสู่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ที่มา ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) / นสพ.บ้านเมือง
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 50
Grand Opening Touch สัมผัสใหม่ฟอร์จูนทาวน์
ตลอดเวลากว่า 10 ปี ที่ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด(มหาชน) ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการขยายตลาดผลิตภัณฑ์ไอทีในประเทศไทย และที่สำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคคนไทย
นายสมเกียรติ เรือนทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงความเป็นมาว่า “ กระแสเทคโนโลยีกับปี 40 ถือเป็นช่วง Blue Ocean เรามีทิศทางชัดเจนในการพัฒนาศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ให้ตอบรับต่อความต้องการด้านเทคโนโลยีของคนกรุงเทพที่เพิ่มขึ้นและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราก็ได้ร่วมเติบโตไปพร้อมกับความต้องการนี้ จึงถือฤกษ์ 2 พฤษภาคม 2542 เปิดตัวศูนย์คอมพิวเตอร์ครบวงจรภายใต้ชื่อ ไอทีมอลล์ อย่างเป็นทางการ”
“ ในช่วงปี 40 - 50 เทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีไม่ใช่ใช้แค่ในองค์กร
( Corporate ) เท่านั้น ผลิตภัณฑ์ไอทีได้ขยายฐานหรือถูกนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการทำงาน หรือ Mass User มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดไอทีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ”
นายศัลย์ มูลศาสตร์ รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มงานบริหารอาคาร กล่าว “ ในช่วงแรกขนาดพื้นที่ของไอทีมอลล์มีเพียง 11,000 ตร.ม. จึงไม่เพียงพอในการรองรับความต้องการ จึงเป็นที่มาของการขยายพื้นที่กว่า 60,000 ตร.ม. ที่สามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภค จึงเป็นคำตอบใหม่ของศูนย์การค้าไอทีครบวงจรและตอบสนอง Lifestyle มากขึ้น ผนวกกับการปรับภาพลักษณ์ผ่านแนวคิดตราสัญลักษณ์ การ Re-branding ในครั้งนี้จึงพัฒนาแบรนด์ จากคำว่า Fortune ตามที่ลูกค้าคุ้นเคย เน้นการปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยขึ้น โดยผ่านการออกแบบกราฟฟิก การใช้สีเป็นสื่อเพื่อง่ายต่อการจดจำ ซึ่งสีฟ้าแทนความสดใสสื่อถึงธุรกิจศูนย์การค้าด้านไอทีให้มีความชัดเจน สีส้มแทนของความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งถือเป็นการสร้างอัตลักษณ์ใหม่ ทำให้แบรนด์มีความเรียบง่าย ทันสมัย แต่ยังดูน่าเชื่อถือและโดดเด่น ภายใต้แนวคิด ไอทีไลฟ์สไตล์มอลล์ ยังคงเน้นจุดขายความเป็นไอที แต่เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะกับความต้องการของคนเมืองมากขึ้น ภาพลักษณ์ใหม่จึงพยายามตอบโจทย์ทุกความต้องการของเทคโนโลยีที่ใกล้ตัวมากขึ้น
ส่วนการปรับปรุงสภาพอาคารและภูมิทัศน์ได้นำเสนอแนวคิด “ ศูนย์กลางแห่งวิวัฒนาการเทคโนโลยีชั้นสูง ” หรือ “ Digital Mall ” ที่ผสมผสานการเปลี่ยนแปลงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ก่อให้เกิดสถาปัตยกรรมทางดิจิตอล สร้างความโดดเด่นบนหัวถนนรัชดาภิเษกที่กำลังจะเป็นแหล่งธุรกิจการค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพที่ผู้บริโภคมีความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีพระราม 9”
ปัจจุบันศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 มอลล์ใหญ่ๆ คือ
IT Mall (70%) ศูนย์รวมร้านค้าไอที อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี ครบวงจรและทันสมัยครบทุกการเชื่อมต่อ ร้านค้าจึงหลากหลายชั้น
Food Mall (12%) ศูนย์รวมอาหารและเครื่องดื่มรสเลิศหลากสไตล์ พร้อมบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์ ส่วนผสมระหว่าง Inter Brand กับเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรสชาติและบริการ ลูกค้าจึงจะเห็น สินค้าที่โดดเด่นถึงรสชาติและบริการ
Lifestyle Mall (18%) ศูนย์รวมร้านค้าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เพื่อคุณและครอบครัว อาทิ แฟชั่น สุขภาพ ความงาม สถาบันการศึกษา ความบันเทิง ฯลฯ ร้านค้าที่มาก็ต้องตอบโจทย์จากที่กล่าว
ภาพรวมของพื้นที่ 70 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นศูนย์รวมสินค้าไอทีที่มีความหลากหลาย อาทิ Super store, AV, IT, Digital Camera, Mobile และที่ขาดไม่ได้คือ Service ทุกไลน์สินค้า พื้นที่ 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นส่วนสนับสนุน ซึ่งไอทีต้องมีสินค้าประเภทอื่น ๆ รองรับเช่นกัน
“ กลยุทธ์ทางการตลาดของศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์เป็นเรื่องที่ต้องพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เราเองเป็นศูนย์การค้าแรกที่ชัดเจนและบอกได้ว่า จุดแข็ง คือ ความครบวงจรด้านสินค้าและบริการไอที ที่ผู้ประกอบการให้ความต่างด้านสินค้าและบริการ นอกจากนี้เรายังมีกิจกรรมทางการตลาดด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ด้านกิจกรรม ทุกวันนี้ เราจะไม่แข่งขันด้านราคาอีกแล้ว แต่เราจะแข่งขันด้านการสร้างเวทีใหม่ ๆ นำเสนอรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อสร้างความรู้และเทคโนโลยีสู่สายตาลูกค้าของเราผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ รวมไปถึงกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินตามนโยบายหลักของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ด้านการประชาสัมพันธ์ จะเน้นการสื่อสารแบบบูรณาการมากยิ่งขึ้นรวมทั้งใช้สื่อที่สามารถพบเห็นได้ตามชีวิตประจำวัน เน้นการใช้สื่อออนไลน์ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ”
งานบริการของผู้ประกอบการในศูนย์การค้าของเราคือ หัวใจหลัก ซึ่งเรารับฟังความเห็นข้อแนะนำจากลูกค้าผู้ใช้บริการ ที่จะเป็นตัวกระตุ้นและดึงดูดอย่างไม่หยุดนิ่ง ลูกค้าจะพบกับสินค้าแปลกใหม่ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ จึงเสนอเป็นหนึ่งในแหล่งเรียนรู้ เสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้านไอที ให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม ทีมงานตลอดจนผู้ประกอบการทุกคนมั่นใจว่า ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์จะสามารถสร้างเวทีใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ไม่เคยหยุดนิ่งตลอดไป นายศัลย์ มูลศาสตร์ กล่าว
และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการปรับภาพลักษณ์ใหม่จึงได้จัดกิจกรรม Grand Opening “Touch สัมผัสใหม่ฟอร์จูนทาวน์” จะเริ่มตั้งแต่ 16 พ.ย. – 2 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 พ.ย.นี้ ร่วมสัมผัสกิจกรรมพิเศษ อาทิ Touch Activities มันส์หยดกับ Concert บุดด้า เบลส อลังการไปกับกราฟฟิคตี้มือโปรระดับโลก มันส์เขย่าโลก Fortune Street Dance Battle Touch Promotions “เพลินกับทรู” ลดสูงสุด 50 % เปิดสถานีความอร่อยกับโปรโมชั่นพิเศษ พร้อมช้อปไอทีแบรนด์ดัง เครื่องดนตรีแฮนด์เมด และข้อเสนอสุดพิเศษผ่อน 0 % Touch Special แค่สัมผัสรับสิทธิ์ลุ้น The New iPad และอุปกรณ์ไอทีมูลค่ากว่า 500,000 บาท ร่วมสัมผัสกับเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ โชว์สุดยอดลำโพงคู่แรกในเอเซียมูลค่า 12 ล้านบาทที่ร้าน Piyanas ฯลฯ ร่วมสัมผัสประสบการณ์ไอทีไลฟ์สไตล์ สัมผัสใหม่ “ฟอร์จูนทาวน์” ได้แล้ววันนี้ เพิ่มเติม www.fortunetown.co.th
ขอขอบพระคุณยิ่ง สื่อสารการตลาด ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์
ตลอดเวลากว่า 10 ปี ที่ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด(มหาชน) ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการขยายตลาดผลิตภัณฑ์ไอทีในประเทศไทย และที่สำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคคนไทย
นายสมเกียรติ เรือนทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงความเป็นมาว่า “ กระแสเทคโนโลยีกับปี 40 ถือเป็นช่วง Blue Ocean เรามีทิศทางชัดเจนในการพัฒนาศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ให้ตอบรับต่อความต้องการด้านเทคโนโลยีของคนกรุงเทพที่เพิ่มขึ้นและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราก็ได้ร่วมเติบโตไปพร้อมกับความต้องการนี้ จึงถือฤกษ์ 2 พฤษภาคม 2542 เปิดตัวศูนย์คอมพิวเตอร์ครบวงจรภายใต้ชื่อ ไอทีมอลล์ อย่างเป็นทางการ”
“ ในช่วงปี 40 - 50 เทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีไม่ใช่ใช้แค่ในองค์กร
( Corporate ) เท่านั้น ผลิตภัณฑ์ไอทีได้ขยายฐานหรือถูกนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการทำงาน หรือ Mass User มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดไอทีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ”
นายศัลย์ มูลศาสตร์ รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มงานบริหารอาคาร กล่าว “ ในช่วงแรกขนาดพื้นที่ของไอทีมอลล์มีเพียง 11,000 ตร.ม. จึงไม่เพียงพอในการรองรับความต้องการ จึงเป็นที่มาของการขยายพื้นที่กว่า 60,000 ตร.ม. ที่สามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภค จึงเป็นคำตอบใหม่ของศูนย์การค้าไอทีครบวงจรและตอบสนอง Lifestyle มากขึ้น ผนวกกับการปรับภาพลักษณ์ผ่านแนวคิดตราสัญลักษณ์ การ Re-branding ในครั้งนี้จึงพัฒนาแบรนด์ จากคำว่า Fortune ตามที่ลูกค้าคุ้นเคย เน้นการปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยขึ้น โดยผ่านการออกแบบกราฟฟิก การใช้สีเป็นสื่อเพื่อง่ายต่อการจดจำ ซึ่งสีฟ้าแทนความสดใสสื่อถึงธุรกิจศูนย์การค้าด้านไอทีให้มีความชัดเจน สีส้มแทนของความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งถือเป็นการสร้างอัตลักษณ์ใหม่ ทำให้แบรนด์มีความเรียบง่าย ทันสมัย แต่ยังดูน่าเชื่อถือและโดดเด่น ภายใต้แนวคิด ไอทีไลฟ์สไตล์มอลล์ ยังคงเน้นจุดขายความเป็นไอที แต่เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะกับความต้องการของคนเมืองมากขึ้น ภาพลักษณ์ใหม่จึงพยายามตอบโจทย์ทุกความต้องการของเทคโนโลยีที่ใกล้ตัวมากขึ้น
ส่วนการปรับปรุงสภาพอาคารและภูมิทัศน์ได้นำเสนอแนวคิด “ ศูนย์กลางแห่งวิวัฒนาการเทคโนโลยีชั้นสูง ” หรือ “ Digital Mall ” ที่ผสมผสานการเปลี่ยนแปลงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ก่อให้เกิดสถาปัตยกรรมทางดิจิตอล สร้างความโดดเด่นบนหัวถนนรัชดาภิเษกที่กำลังจะเป็นแหล่งธุรกิจการค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพที่ผู้บริโภคมีความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีพระราม 9”
ปัจจุบันศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 มอลล์ใหญ่ๆ คือ
IT Mall (70%) ศูนย์รวมร้านค้าไอที อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี ครบวงจรและทันสมัยครบทุกการเชื่อมต่อ ร้านค้าจึงหลากหลายชั้น
Food Mall (12%) ศูนย์รวมอาหารและเครื่องดื่มรสเลิศหลากสไตล์ พร้อมบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์ ส่วนผสมระหว่าง Inter Brand กับเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรสชาติและบริการ ลูกค้าจึงจะเห็น สินค้าที่โดดเด่นถึงรสชาติและบริการ
Lifestyle Mall (18%) ศูนย์รวมร้านค้าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เพื่อคุณและครอบครัว อาทิ แฟชั่น สุขภาพ ความงาม สถาบันการศึกษา ความบันเทิง ฯลฯ ร้านค้าที่มาก็ต้องตอบโจทย์จากที่กล่าว
ภาพรวมของพื้นที่ 70 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นศูนย์รวมสินค้าไอทีที่มีความหลากหลาย อาทิ Super store, AV, IT, Digital Camera, Mobile และที่ขาดไม่ได้คือ Service ทุกไลน์สินค้า พื้นที่ 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นส่วนสนับสนุน ซึ่งไอทีต้องมีสินค้าประเภทอื่น ๆ รองรับเช่นกัน
“ กลยุทธ์ทางการตลาดของศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์เป็นเรื่องที่ต้องพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เราเองเป็นศูนย์การค้าแรกที่ชัดเจนและบอกได้ว่า จุดแข็ง คือ ความครบวงจรด้านสินค้าและบริการไอที ที่ผู้ประกอบการให้ความต่างด้านสินค้าและบริการ นอกจากนี้เรายังมีกิจกรรมทางการตลาดด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ด้านกิจกรรม ทุกวันนี้ เราจะไม่แข่งขันด้านราคาอีกแล้ว แต่เราจะแข่งขันด้านการสร้างเวทีใหม่ ๆ นำเสนอรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อสร้างความรู้และเทคโนโลยีสู่สายตาลูกค้าของเราผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ รวมไปถึงกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินตามนโยบายหลักของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ด้านการประชาสัมพันธ์ จะเน้นการสื่อสารแบบบูรณาการมากยิ่งขึ้นรวมทั้งใช้สื่อที่สามารถพบเห็นได้ตามชีวิตประจำวัน เน้นการใช้สื่อออนไลน์ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ”
งานบริการของผู้ประกอบการในศูนย์การค้าของเราคือ หัวใจหลัก ซึ่งเรารับฟังความเห็นข้อแนะนำจากลูกค้าผู้ใช้บริการ ที่จะเป็นตัวกระตุ้นและดึงดูดอย่างไม่หยุดนิ่ง ลูกค้าจะพบกับสินค้าแปลกใหม่ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ จึงเสนอเป็นหนึ่งในแหล่งเรียนรู้ เสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้านไอที ให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม ทีมงานตลอดจนผู้ประกอบการทุกคนมั่นใจว่า ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์จะสามารถสร้างเวทีใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ไม่เคยหยุดนิ่งตลอดไป นายศัลย์ มูลศาสตร์ กล่าว
และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการปรับภาพลักษณ์ใหม่จึงได้จัดกิจกรรม Grand Opening “Touch สัมผัสใหม่ฟอร์จูนทาวน์” จะเริ่มตั้งแต่ 16 พ.ย. – 2 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 พ.ย.นี้ ร่วมสัมผัสกิจกรรมพิเศษ อาทิ Touch Activities มันส์หยดกับ Concert บุดด้า เบลส อลังการไปกับกราฟฟิคตี้มือโปรระดับโลก มันส์เขย่าโลก Fortune Street Dance Battle Touch Promotions “เพลินกับทรู” ลดสูงสุด 50 % เปิดสถานีความอร่อยกับโปรโมชั่นพิเศษ พร้อมช้อปไอทีแบรนด์ดัง เครื่องดนตรีแฮนด์เมด และข้อเสนอสุดพิเศษผ่อน 0 % Touch Special แค่สัมผัสรับสิทธิ์ลุ้น The New iPad และอุปกรณ์ไอทีมูลค่ากว่า 500,000 บาท ร่วมสัมผัสกับเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ โชว์สุดยอดลำโพงคู่แรกในเอเซียมูลค่า 12 ล้านบาทที่ร้าน Piyanas ฯลฯ ร่วมสัมผัสประสบการณ์ไอทีไลฟ์สไตล์ สัมผัสใหม่ “ฟอร์จูนทาวน์” ได้แล้ววันนี้ เพิ่มเติม www.fortunetown.co.th
ขอขอบพระคุณยิ่ง สื่อสารการตลาด ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 51
ซีพี ออลล์ เดินหน้า “องค์กรแห่งนวัตกรรม”
มอบรางวัล Process Excellence Award 2012
เพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวขององค์กร
ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านอิ่มสะดวก เซเว่น อีเลฟเว่น เดินหน้ามุ่งสู่ “องค์กรแห่งนวัตกรรม” เต็มรูปแบบ ล่าสุดจัดประกวด Process Excellence Award 2012 สนับสนุนทุกหน่วยงานปรับปรุงกระบวนการทำงานที่สำคัญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความคล่องตัวขององค์กร สามารถสร้างประโยชน์และคุณค่าแก่องค์กรเป็นมูลค่าถึง 400 ล้านบาทต่อปี
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ซอยรางน้ำ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร เซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย จัดพิธีประกาศผลและมอบรางวัล Process Excellence Award 2012 แก่หน่วยงานของ ซีพี ออลล์ และบริษัทในกลุ่มธุรกิจ
โดยมี นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีพี ออลล์ ผู้ริเริ่มการประกวดรางวัล Process Excellence Award 2012 เป็นประธานในพิธี รวมทั้งมีผู้บริหาร ซีพี ออลล์
อาทิ นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ
นายธานินทร์ บูรณมานิต รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ฯลฯ
ผู้บริหารบริษัทในกลุ่มธุรกิจและพนักงานเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีพี ออลล์ กล่าวว่า ซีพี ออลล์ เป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีพนักงานมาก ส่งผลให้มีขั้นตอนการทำงานที่มาก จึงต้องช่วยกันลดขั้นตอนให้สั้น หวังว่าทุกหน่วยงานจะทำงานเชิงรุก ลดความซับซ้อน ทำงานรวดเร็ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยกันทำให้องค์กรเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างยั่งยืน
รางวัล Process Excellence Award 2012 เป็นการประกวดผลงาน “นวัตกรรม” ที่เป็นเลิศในการปรับปรุงกระบวนการทำงานที่สำคัญขององค์กร เน้นกระบวนการทำงานที่ง่าย นำมาใช้ได้จริง มีความคิดสร้างสรรค์ ลดความซับซ้อน เพิ่มความคล่องตัว เน้นการทำงานแบบข้ามสายงาน รวมถึงใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนการทำงาน จนเกิดผลลัพธ์ที่มีคุณค่าต่อองค์กร ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ส่งผลให้องค์กรเกิดความยั่งยืนในระยะยาว แบ่งเป็น 3 ประเภทรางวัล คือ รางวัลความเป็นเลิศด้านกระบวนการ (ระดับ Platinum ถึง Diamond) รับเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศและเกียรติบัตร รางวัลสู่ความเป็นเลิศด้านกระบวนการ (ระดับ Gold) รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศและเกียรติบัตร และ รางวัลชมเชยด้านการปรับปรุงกระบวนการ (ระดับ Silver) รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศและเกียรติบัตร
ในปี 2555 มีโครงการจากหลายหน่วยงานของ ซีพี ออลล์ และบริษัทในกลุ่มธุรกิจส่งเข้าประกวดรางวัล Process Excellence Award 2012 มากถึง 69 โครงการ จากนั้นคัดเลือกเข้ารอบสุดท้าย 22 โครงการ โดยเป็นโครงการด้านการเงิน การบัญชี ระบบการบริหารจัดการและกระจายสินค้า การปรับปรุงและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การพัฒนาเว็บไซต์และฐานข้อมูลออนไลน์ การปรับปรุงระบบงานทรัพยากรบุคคล เป็นต้น โดย รางวัลความเป็นเลิศด้านกระบวนการ (ระดับ Platinum) มี 1 โครงการ รางวัลสู่ความเป็นเลิศด้านกระบวนการ (ระดับ Gold) มี 8 โครงการ และ รางวัลชมเชยด้านการปรับปรุงกระบวนการ (ระดับ Silver) มี 13 โครงการ
จากการดำเนินงานของแต่ละโครงการ พบว่ารวมแล้วทั้งหมดสามารถสร้างประโยชน์และคุณค่าแก่องค์กรเป็นมูลค่าถึง 400 ล้านบาทต่อปี
มอบรางวัล Process Excellence Award 2012
เพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวขององค์กร
ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านอิ่มสะดวก เซเว่น อีเลฟเว่น เดินหน้ามุ่งสู่ “องค์กรแห่งนวัตกรรม” เต็มรูปแบบ ล่าสุดจัดประกวด Process Excellence Award 2012 สนับสนุนทุกหน่วยงานปรับปรุงกระบวนการทำงานที่สำคัญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความคล่องตัวขององค์กร สามารถสร้างประโยชน์และคุณค่าแก่องค์กรเป็นมูลค่าถึง 400 ล้านบาทต่อปี
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ซอยรางน้ำ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร เซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย จัดพิธีประกาศผลและมอบรางวัล Process Excellence Award 2012 แก่หน่วยงานของ ซีพี ออลล์ และบริษัทในกลุ่มธุรกิจ
โดยมี นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีพี ออลล์ ผู้ริเริ่มการประกวดรางวัล Process Excellence Award 2012 เป็นประธานในพิธี รวมทั้งมีผู้บริหาร ซีพี ออลล์
อาทิ นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ
นายธานินทร์ บูรณมานิต รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ฯลฯ
ผู้บริหารบริษัทในกลุ่มธุรกิจและพนักงานเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีพี ออลล์ กล่าวว่า ซีพี ออลล์ เป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีพนักงานมาก ส่งผลให้มีขั้นตอนการทำงานที่มาก จึงต้องช่วยกันลดขั้นตอนให้สั้น หวังว่าทุกหน่วยงานจะทำงานเชิงรุก ลดความซับซ้อน ทำงานรวดเร็ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยกันทำให้องค์กรเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างยั่งยืน
รางวัล Process Excellence Award 2012 เป็นการประกวดผลงาน “นวัตกรรม” ที่เป็นเลิศในการปรับปรุงกระบวนการทำงานที่สำคัญขององค์กร เน้นกระบวนการทำงานที่ง่าย นำมาใช้ได้จริง มีความคิดสร้างสรรค์ ลดความซับซ้อน เพิ่มความคล่องตัว เน้นการทำงานแบบข้ามสายงาน รวมถึงใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนการทำงาน จนเกิดผลลัพธ์ที่มีคุณค่าต่อองค์กร ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ส่งผลให้องค์กรเกิดความยั่งยืนในระยะยาว แบ่งเป็น 3 ประเภทรางวัล คือ รางวัลความเป็นเลิศด้านกระบวนการ (ระดับ Platinum ถึง Diamond) รับเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศและเกียรติบัตร รางวัลสู่ความเป็นเลิศด้านกระบวนการ (ระดับ Gold) รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศและเกียรติบัตร และ รางวัลชมเชยด้านการปรับปรุงกระบวนการ (ระดับ Silver) รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศและเกียรติบัตร
ในปี 2555 มีโครงการจากหลายหน่วยงานของ ซีพี ออลล์ และบริษัทในกลุ่มธุรกิจส่งเข้าประกวดรางวัล Process Excellence Award 2012 มากถึง 69 โครงการ จากนั้นคัดเลือกเข้ารอบสุดท้าย 22 โครงการ โดยเป็นโครงการด้านการเงิน การบัญชี ระบบการบริหารจัดการและกระจายสินค้า การปรับปรุงและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การพัฒนาเว็บไซต์และฐานข้อมูลออนไลน์ การปรับปรุงระบบงานทรัพยากรบุคคล เป็นต้น โดย รางวัลความเป็นเลิศด้านกระบวนการ (ระดับ Platinum) มี 1 โครงการ รางวัลสู่ความเป็นเลิศด้านกระบวนการ (ระดับ Gold) มี 8 โครงการ และ รางวัลชมเชยด้านการปรับปรุงกระบวนการ (ระดับ Silver) มี 13 โครงการ
จากการดำเนินงานของแต่ละโครงการ พบว่ารวมแล้วทั้งหมดสามารถสร้างประโยชน์และคุณค่าแก่องค์กรเป็นมูลค่าถึง 400 ล้านบาทต่อปี
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 53
หลากเมนู ‘ไก่แปรรูป’ อุดมโภชนาการ
ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะคนเมืองที่มีวิถีชีวิตเร่งรีบแตกต่างจากในอดีต ทำให้พฤติกรรมการรับประทานอาหารจึงเปลี่ยนแปลงไปด้วย “อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน” หรือ “Ready to Eat” จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ ที่ต้องการความง่าย สะดวก รวดเร็วต่อการบริโภคได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน เชื่อว่ายังมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่ยังยึดติดกับอาหารแช่แข็งในอดีตที่มองว่า อาหารแช่แข็งไม่สด ไม่อร่อย และไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมอาหารครบวงจร ได้เล็งเห็นถึงความต้องการของผู้บริโภค จึงได้มุ่งผลิตอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทานที่เน้นความสดและอร่อยเป็นหลัก ที่สำคัญต้องมีโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ปลอดภัย มีรสชาติและคุณภาพสม่ำเสมอ โดยยึดหลักการ HESTSEC ในการผลิต กล่าวคือ ผลิตอาหารโดยคำนึงถึง Healthe ; Education ; Safety ; Tasty ; Security ; Environment ; Customer&Market Focus เป็นสำคัญ ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า อาหารแช่แข็งในปัจจุบันนั่นมีความสดและอร่อย อีกทั้งยังมีให้เลือกหลายเมนู
“ไก่แปรรูป” เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิตที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากเนื้อไก่นั่นสามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลาย โดย “ไก่แปรรูปปรุงสุก” ตราซีพี ทำจากเนื้อไก่คุณภาพ นำมาคลุกเคล้าและหมักด้วยสูตรพิเศษที่ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของซีพีเอฟคิดค้นมาโดยเฉพาะ ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐานสากล และมาตรฐานตามที่คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยเป็นผู้ให้การรับรองเครื่องหมายฮาลาลตั้งแต่การเชือดไก่โดยคนมุสลิม การแปรรูปเนื้อไก่ โดยใช้วัตถุดิบที่ไม่มีของต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม ที่สำคัญต้องถูกหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal welfare) โดยปราศจากการทรมาน โดยซีพีเอฟ ได้ลงทุนระบบ Modular System ซึ่งเป็นระบบขนส่งสัตว์ปีกในลังพิเศษ เพื่อลดหย่อนความตื่นตระหนกและความแออัดของสัตว์ปีกในระหว่างการขนส่ง ให้แน่ใจว่าไก่จากซีพีเอฟจะมีชีวิตสุขสบายตั้งแต่เกิดจนกระทั่งแปรรูปเป็นอาหาร
นอกจากนี้เพื่อคงรสชาติ ความอร่อย และคุณค่าของเนื้อไก่ครบถ้วน ไก่ที่ปรุงรสแล้วจะถูกเรียงมายังสายพานที่มีลักษณะเป็นตะแกรงผ่านเข้าเครื่องอบด้วยอุณหภูมิความร้อนประมาณ 82 องศาเซลเซียส และจะวิ่งตามสายผ่านมาเข้าสู่ขั้นตอนการแช่เยือกแข็งอย่างรวดเร็วด้วยอุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียส หรือที่เรียกว่า "Individual quick freezing หรือ IQF " ซึ่งจะทำให้อาหารแต่ละชิ้นสัมผัสกับตัวกลางความเย็นโดยตรง เกิดผลึกน้ำแข็งขนาดเล็กทั่วไปในชิ้นของอาหาร ทำให้เนื้อไก่ยังคงความสด และมีคุณภาพดี ก่อนเข้าสู่การตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งจะมีการดูคุณภาพของเนื้อที่ผ่านความร้อน และมีการชั่งน้ำหนักอีกครั้ง ก่อนจะนำไปบรรจุลงถุงพลาสติกลามิเนต ปิดถุงด้วยระบบสุญญากาศ (Vacummn Bag) และนำไปเข้าเก็บห้องแช่แข็งที่อุุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส เพื่อรอการส่งออกไปจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ การผลิตตามขั้นตอนดังกล่าวจะทำให้สามารถเก็บเนื้อไก่ไว้ได้นานถึง 18 เดือนเลยทีเดียว
ด้วยความพิธีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิตที่นอกจากความสด สะอาด ปลอดภัย แล้ว “ไก่แปรรูปปรุงสุก”ยังมีรสชาติที่อร่อยถูกปาก สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไป แถมเป็นเมนูที่สามารถครองใจผู้บริโภคได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนา เพียงแค่ทอดหรืออบด้วยไมโครเวฟ ก็สามารถอร่อยกับเมนูไก่ปรุงสุกแปรรูปจานโปรดได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นไก่ย่างเทอริยากิ ไก่ทอดคาราเกะ ไก่จ๊อ ไก่นิวส์ออร์ลีนส์ ปีกไก่เม็กซิกัน นักเก็ตไก่ ไก่ย่างเกาหลี ไก่อบบาร์บีคิวผสมน้ำผึ้ง ไก่ย่างพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว หรือไก่ห่อสาหร่าย เป็นต้น
....วันนี้ ให้ “ไก่แปรรูปปรุงสุก ซีพี” ติดตู้เย็นที่บ้านในยามหิว แต่อย่าลืมให้ความสำคัญกับการรับประทานครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนนะคะ.
โดย สื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ซีพีเอฟ
ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะคนเมืองที่มีวิถีชีวิตเร่งรีบแตกต่างจากในอดีต ทำให้พฤติกรรมการรับประทานอาหารจึงเปลี่ยนแปลงไปด้วย “อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน” หรือ “Ready to Eat” จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ ที่ต้องการความง่าย สะดวก รวดเร็วต่อการบริโภคได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน เชื่อว่ายังมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่ยังยึดติดกับอาหารแช่แข็งในอดีตที่มองว่า อาหารแช่แข็งไม่สด ไม่อร่อย และไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมอาหารครบวงจร ได้เล็งเห็นถึงความต้องการของผู้บริโภค จึงได้มุ่งผลิตอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทานที่เน้นความสดและอร่อยเป็นหลัก ที่สำคัญต้องมีโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ปลอดภัย มีรสชาติและคุณภาพสม่ำเสมอ โดยยึดหลักการ HESTSEC ในการผลิต กล่าวคือ ผลิตอาหารโดยคำนึงถึง Healthe ; Education ; Safety ; Tasty ; Security ; Environment ; Customer&Market Focus เป็นสำคัญ ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า อาหารแช่แข็งในปัจจุบันนั่นมีความสดและอร่อย อีกทั้งยังมีให้เลือกหลายเมนู
“ไก่แปรรูป” เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิตที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากเนื้อไก่นั่นสามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลาย โดย “ไก่แปรรูปปรุงสุก” ตราซีพี ทำจากเนื้อไก่คุณภาพ นำมาคลุกเคล้าและหมักด้วยสูตรพิเศษที่ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของซีพีเอฟคิดค้นมาโดยเฉพาะ ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐานสากล และมาตรฐานตามที่คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยเป็นผู้ให้การรับรองเครื่องหมายฮาลาลตั้งแต่การเชือดไก่โดยคนมุสลิม การแปรรูปเนื้อไก่ โดยใช้วัตถุดิบที่ไม่มีของต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม ที่สำคัญต้องถูกหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal welfare) โดยปราศจากการทรมาน โดยซีพีเอฟ ได้ลงทุนระบบ Modular System ซึ่งเป็นระบบขนส่งสัตว์ปีกในลังพิเศษ เพื่อลดหย่อนความตื่นตระหนกและความแออัดของสัตว์ปีกในระหว่างการขนส่ง ให้แน่ใจว่าไก่จากซีพีเอฟจะมีชีวิตสุขสบายตั้งแต่เกิดจนกระทั่งแปรรูปเป็นอาหาร
นอกจากนี้เพื่อคงรสชาติ ความอร่อย และคุณค่าของเนื้อไก่ครบถ้วน ไก่ที่ปรุงรสแล้วจะถูกเรียงมายังสายพานที่มีลักษณะเป็นตะแกรงผ่านเข้าเครื่องอบด้วยอุณหภูมิความร้อนประมาณ 82 องศาเซลเซียส และจะวิ่งตามสายผ่านมาเข้าสู่ขั้นตอนการแช่เยือกแข็งอย่างรวดเร็วด้วยอุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียส หรือที่เรียกว่า "Individual quick freezing หรือ IQF " ซึ่งจะทำให้อาหารแต่ละชิ้นสัมผัสกับตัวกลางความเย็นโดยตรง เกิดผลึกน้ำแข็งขนาดเล็กทั่วไปในชิ้นของอาหาร ทำให้เนื้อไก่ยังคงความสด และมีคุณภาพดี ก่อนเข้าสู่การตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งจะมีการดูคุณภาพของเนื้อที่ผ่านความร้อน และมีการชั่งน้ำหนักอีกครั้ง ก่อนจะนำไปบรรจุลงถุงพลาสติกลามิเนต ปิดถุงด้วยระบบสุญญากาศ (Vacummn Bag) และนำไปเข้าเก็บห้องแช่แข็งที่อุุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส เพื่อรอการส่งออกไปจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ การผลิตตามขั้นตอนดังกล่าวจะทำให้สามารถเก็บเนื้อไก่ไว้ได้นานถึง 18 เดือนเลยทีเดียว
ด้วยความพิธีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิตที่นอกจากความสด สะอาด ปลอดภัย แล้ว “ไก่แปรรูปปรุงสุก”ยังมีรสชาติที่อร่อยถูกปาก สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไป แถมเป็นเมนูที่สามารถครองใจผู้บริโภคได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนา เพียงแค่ทอดหรืออบด้วยไมโครเวฟ ก็สามารถอร่อยกับเมนูไก่ปรุงสุกแปรรูปจานโปรดได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นไก่ย่างเทอริยากิ ไก่ทอดคาราเกะ ไก่จ๊อ ไก่นิวส์ออร์ลีนส์ ปีกไก่เม็กซิกัน นักเก็ตไก่ ไก่ย่างเกาหลี ไก่อบบาร์บีคิวผสมน้ำผึ้ง ไก่ย่างพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว หรือไก่ห่อสาหร่าย เป็นต้น
....วันนี้ ให้ “ไก่แปรรูปปรุงสุก ซีพี” ติดตู้เย็นที่บ้านในยามหิว แต่อย่าลืมให้ความสำคัญกับการรับประทานครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนนะคะ.
โดย สื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ซีพีเอฟ
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 54
13/11/55 ตอน CPF ดึงหุ้นแดง
สรุปภาวะตลาดเที่ยงแบบฮาๆ ประจำวันที่ 13/11/55
http://www.ibizchannel.com/view.aspx?cid=261
สรุปภาวะตลาดเที่ยงแบบฮาๆ ประจำวันที่ 13/11/55
http://www.ibizchannel.com/view.aspx?cid=261
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 56
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กรมทรัพยากรธรณี
เหตุการณ์แผ่นดินไหว ขนาด 6.6 ริกเตอร์ ที่เกิดขึ้นในประเทศพม่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้คนไทยกลับมาตื่นตัวเรื่องแผ่นดินไหวอีกครั้ง เนื่องจากแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดจากรอยเลื่อนสะแกง ซึ่งพาดผ่านชายแดนไทย-พม่า ด้านจังหวัดกาญจนบุรีถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน อีกทั้งบางส่วนยังอยู่ในทะเลที่เคยเกิดสึนามิตรงฝั่งอันดามันของไทยด้วย
เพราะเหตุนี้ นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จึงออกมาเตือนให้ประเทศไทยเฝ้าระวังภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทางฝั่งอันดามัน เพราะรอยเลื่อนสะแกงนี้เคยทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดถึง 8 ริกเตอร์ เมื่อ 80 ปีที่แล้ว จนทำให้เมืองสะแกงล่มสลายไปทั้งเมือง และขณะนี้รอยเลื่อนดังกล่าวกำลังสะสมพลังงานอยู่
อย่างไรก็ตาม แหล่งกำเนิดของแผ่นดินไหวนั้นมาจากรอยเลื่อนที่มีพลัง ซึ่งรอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทย เคยเกิดขึ้นแล้ว 9 แห่งด้วยกัน และจากการรายงานของกรมทรัพยากรธรณีวิทยา ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลกลุ่มรอยเลื่อนล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลังทั้งหมด 14 รอยเลื่อน โดยกระจายอยู่ใน 22 จังหวัด ได้แก่
1. รอยเลื่อนแม่จัน พาดผ่านอำเภอฝาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 101 กิโลเมตร
2. รอยเลื่อนแม่อิง พาดผ่านอำเภอเทิง อำเภอขุนตาล และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 57 กิโลเมตร
3. รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน พาดผ่านอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในแนวทิศเหนือ-ใต้ มีความยาวประมาณ 29 กิโลเมตร
4. รอยเลื่อนเมย วางตัวในแนวตะวันตกเฉียงเหนือ พาดผ่านตั้งต้นจากลำน้ำเมย ชายแดนพม่า ต่อไปยังห้วยแม่ท้อ ลำน้ำปิง จังหวัดตาก ไปถึงจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ และสิ้นสุดที่จังหวัดอุทัยธานี ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความยาวประมาณ 250 กิโลเมตร
5. รอยเลื่อนแม่ทา พาดผ่านอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ในแนวโค้งไปทางทิศตะวันออก มีความยาวประมาณ 61 กิโลเมตร
6. รอยเลื่อนเถิน พาดผ่านอำเภอแม่พริก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง และอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ในแนวโค้งในไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความยาวประมาณ 103 กิโลเมตร
7. รอยเลื่อนพะเยา พาดผ่านอำเภองาว จังหวัดลำปาง และอำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ทางด้านทิศเหนือของรอยเลื่อนท่าสี มีความยาวประมาณ 23 กิโลเมตร
8. รอยเลื่อนปัว พาดผ่านพื้นที่อำเภอสันติสุข อำเภอท่าวังผา อำเภอปัว อำเภอเชียงกลาง และอำเภอทุ่งช้าง ของจังหวัดน่านในแนวเหนือ-ใต้ ด้วยความยาวประมาณ 130 กิโลเมตร
9. รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ พาดผ่านอำเภอเมือง อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ อำเภอนาหมื่น อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา และอำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 150 กิโลเมตร
10. รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ พาดผ่านอำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 60 กิโลเมตร
11. รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ พาดผ่านอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี อำเภอศรีสวัสดิ์ และอำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี ในแนวโค้งเล็กน้อยไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 62 กิโลเมตร
12. รอยเลื่อนเพชรบูรณ์ พาดผ่านอำเภอหนองไผ่ อำเภอเมือง อำเภอหล่มสัก และอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยรอยเลื่อนบริวารในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ กับแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้สลับกัน มีความยาวประมาณ 110 กิโลเมตร
13. รอยเลื่อนระนอง พาดผ่านพื้นที่ตั้งแต่ จังหวัดระนอง ชุมพร ประจวบ คีรีขันธ์ และพังงา มีความยาวประมาณ 270 กิโลเมตร
14. รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย พาดผ่านอำเภอบ้านตาขุน อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอทับปุด อำเภอเมือง จังหวัดพังงา พาดผ่านไปตามทะเลอันดามัน ระหว่างอำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต กับอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 148 กิโลเมตร
นอกจาก 14 รอยเลื่อนที่กรมทัพยากรธรณีได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว สำนักข่าวบางแห่งยังเผยว่า รอยเลื่อนมะยม ก็เป็นอีกหนึ่งรอยเลื่อนที่มีพลัง โดยรอยเลื่อนดังกล่าว จะพาดผ่านอำเภอสอง จังหวัดแพร่ และอำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 22 กิโลเมตร ดังนั้น ทุกภาคส่วนจึงควรติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของทั้ง 15 รอยเลื่อนดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม รอยเลื่อนที่ต้องจับตา และเฝ้าระวังมากที่สุดในขณะนี้ คือ รอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ซึ่งถือเป็นรอยเลื่อนที่มีพลังรุนแรง และอาจส่งผลกระทบกับภาคใต้ในหลายจังหวัด อาทิ จังหวัดชุมพร ระนอง และสุราษฎร์ธานี
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 57
เคาะเงินเดือนผอ.ออมสินคนใหม่ ขั้นต่ำ 6.5 แสน
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี
บอร์ดธนาคารออมสิน ตกลงเงินเดือน "วรวิทย์" ว่าที่ผู้อำนวยการใหม่ ขั้นต่ำที่ 6.5 แสนบาท สูงสุดไม่เกิน 8 แสนบาท คาดเริ่มนั่งตำแหน่งต้นเดือน ม.ค.56
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. นางพรรณี สถาวโรดม ประธานกรรมการธนาคารออมสิน (บอร์ด) เปิดเผยว่า คณะกรรมการเจรจาต่อรองเงินเดือนผู้อำนวยการธนาคารออมสินได้ตกลงอัตราเงินเดือนกับนายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ว่าที่ผู้อำนวยการออมสินคนใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยมีอัตราเงินเดือนขั้นต่ำ 650,000 บาท สูงสุดปรับเพิ่มขึ้นได้ตามความดีความชอบและผลงานไม่เกิน 800,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ อัตราเงินเดือนดังกล่าว ยังไม่นับเงินรางวัลประจำปี (โบนัส) และสวัสดิการอื่นๆ โดยในเร็วๆ นี้ จะส่งเรื่องดังกล่าวไปให้ รมว.คลังพิจารณาเพื่ออนุมัติต่อไป
“นายวรวิทย์ จะต้องลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธอส.ให้เรียบร้อยก่อน ถึงเข้ามานั่งทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการออมสินได้ ซึ่งคาดว่าต้นเดือน ม.ค.ปีหน้า ทุกอย่างจะเรียบร้อย ส่วนบอร์ดชุดปัจจุบัน จะทำให้หน้าที่ต่อไปจนกว่าจะหมดวาระในปลายเดือน พ.ย.นี้ โดยมั่นใจว่าจะไม่เกิดช่วงสุญญากาศเพราะการบริหารงานของธนาคารออมสินสามารถสั่งการ หรือมอบหมายงานให้ฝ่ายบริหารสามารถปฏิบัติงานต่อไปได้โดยไม่สะดุด ส่วนบอร์ดใหม่จะมีโฉมหน้าและมีใครนั่งตำแหน่งประธานบอร์ดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกระทรวงการคลัง”
โดย ไทยรัฐออนไลน์
13 พฤศจิกายน 2555
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี
บอร์ดธนาคารออมสิน ตกลงเงินเดือน "วรวิทย์" ว่าที่ผู้อำนวยการใหม่ ขั้นต่ำที่ 6.5 แสนบาท สูงสุดไม่เกิน 8 แสนบาท คาดเริ่มนั่งตำแหน่งต้นเดือน ม.ค.56
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. นางพรรณี สถาวโรดม ประธานกรรมการธนาคารออมสิน (บอร์ด) เปิดเผยว่า คณะกรรมการเจรจาต่อรองเงินเดือนผู้อำนวยการธนาคารออมสินได้ตกลงอัตราเงินเดือนกับนายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ว่าที่ผู้อำนวยการออมสินคนใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยมีอัตราเงินเดือนขั้นต่ำ 650,000 บาท สูงสุดปรับเพิ่มขึ้นได้ตามความดีความชอบและผลงานไม่เกิน 800,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ อัตราเงินเดือนดังกล่าว ยังไม่นับเงินรางวัลประจำปี (โบนัส) และสวัสดิการอื่นๆ โดยในเร็วๆ นี้ จะส่งเรื่องดังกล่าวไปให้ รมว.คลังพิจารณาเพื่ออนุมัติต่อไป
“นายวรวิทย์ จะต้องลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธอส.ให้เรียบร้อยก่อน ถึงเข้ามานั่งทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการออมสินได้ ซึ่งคาดว่าต้นเดือน ม.ค.ปีหน้า ทุกอย่างจะเรียบร้อย ส่วนบอร์ดชุดปัจจุบัน จะทำให้หน้าที่ต่อไปจนกว่าจะหมดวาระในปลายเดือน พ.ย.นี้ โดยมั่นใจว่าจะไม่เกิดช่วงสุญญากาศเพราะการบริหารงานของธนาคารออมสินสามารถสั่งการ หรือมอบหมายงานให้ฝ่ายบริหารสามารถปฏิบัติงานต่อไปได้โดยไม่สะดุด ส่วนบอร์ดใหม่จะมีโฉมหน้าและมีใครนั่งตำแหน่งประธานบอร์ดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกระทรวงการคลัง”
โดย ไทยรัฐออนไลน์
13 พฤศจิกายน 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 58
Update:2 เซียนเสียงแตก FSS มองSETพรุ่งนี้ แกว่งกรอบ ส่วน CNS มองลงเดือด หลังแรงขายฝรั่งฉุด/กังวลปัญหาหน้าผาการคลังมะกัน
วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,289.07 จุด ลดลง 5.43 จุด หรือ 0.42%
มูลค่าการซื้อขาย 38,857.70 ล้านบาท
สรุปสถาบันในประเทศต่างชาติซื้อสุทธิ 1,161.47 ล้านบาท
สรุปบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 27.42ล้านบาท
สรุปนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 3,921.63ล้านบาท
สรุปนักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 2,732.74 ล้านบาท
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในวันพรุ่งนี้ ( 14 พ.ย. ) แกว่งตัวกรอบแคบ เนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยกดดันจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลังของประเทศสหรัฐฯ (Fiscal Cliff) ที่จะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาครองเกรสที่จะเริ่มเปิดสมัยการประชุม นอกจากนี้ ตลาดยังคงกังวลปัญหาหนี้ในประเทศกรีซ เนื่องจากต้องติดตามว่าประเทศกรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือหรือไม่ ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่ตลาดฯ ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม
ทั้งนี้ แนะนำ เทรดดิ้งระยะสั้น แต่หากซื้อ แนะนำซื้อช่วงที่ดัชนีฯ อ่อนตัวลดลง ส่วนหุ้นใหญ่แนะถือ โดยประเมินแนวรับที่ 1,285 - 1,290 จุด และประเมินแนวต้านที่ 1,296 -1,298 จุด
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในวันพรุ่งนี้ คือ ปัญหาหน้าผาทางการคลังของประเทศสหรัฐฯและปัญหาหนี้กรีซ รวมทั้ง ปัจจัยภายในประเทศเรื่องศาลปกครองพิจารณารับคำร้องประมูล เรื่องการออกใบอนุญาตคลื่นความถี่ 3G ย่าน 2.1 GHz
สำหรับภาพรวมดัชนีฯ วันนี้ พบว่า แกว่งทรงตัวในกรอบแคบ โดยส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากมีความกังวลต่อปัจจัยภายต่างประเทศ โดยเฉพาะ ความกังวลการแก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลังของประเทศสหรัฐฯและหนี้กรีซ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลง อาทิ ดัชนี ดาวโจนส์ ล่วงหน้า: ตลาดหุ้นนิวยอร์ค เวลา 16:35 น. อยู่ที่ระดับ 12,724.00 จุด ลดลง 56.00 จุด หรือ -0.44 %
ดัชนี CAC-40: ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เวลา 16:51 น. อยู่ที่ระดับ 3,388.81 จุด ลดลง 22.84 จุด หรือ -0.67 %
ดัชนี DAX: ตลาดหุ้นเยอรมนี เวลา 16:51 น. อยู่ที่ระดับ 7,142.36 จุด ลดลง 26.40 จุด หรือ -0.37 %
ดัชนี FTSE: ตลาดหุ้นลอนดอน เวลา 16:51 น. อยู่ที่ระดับ 5,728.81 จุด ลดลง 38.46 จุด หรือ -0.67 %
อนึ่งศาลปกครองกลางนัดไต่สวนกรณีสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำร้องขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉินและมีคำสั่งออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม(กสทช.) ระงับการออกใบอนุญาตคลื่นความถี่ 3G ย่าน 2.1 GHz ในวันที่ 14 และ 15 พ.ย.
ในวันที่ 14 พ.ย.55 เวลา 10.30 น.เป็นการนัดไต่สวนผู้ตรวจการแผ่นดินซึ่งเป็นฝ่ายผู้ร้อง และวันที่ 15 พ.ย.55 เวลา 13.30 น.เป็นการนัดไต่สวนสำนักงาน กสทช.ซึ่งเป็นฝ่ายผู้ถูกร้อง
คดีนี้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินการประมูลคลื่น 3G ตามประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล หรือ Internation Mobile Telecomunication(IMT) ย่าน 2.1 GHz พ.ศ.2535 เมื่อวันที่ 16 ต.ค.55 โดยเป็นการร้องเรียนเกี่ยวกับการปฎิหน้าที่ของ กสทช., กทค. และสำนักงาน กสทช.
ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติเห็นชอบร่วมกันให้เสนอความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ดังกล่าวต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาและวินิจฉัยว่าเป็นการดำเนินการที่เป็นแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรการ 47 และ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบการกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มาตรการ 45 ประกอบมาตรา 41 วรรค1 และ วรรค 7 หรือไม่
นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่าคาดแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันพรุ่งนี้ ( 14 พ.ย.) ปรับตัวลดลง โดยภาพรวมประเมินว่าตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงปรับฐานรอบใหญ่ เนื่องจากช่วงเดือนนี้(พ.ย.) เป็นช่วงที่นักลงทุนต่างประเทศขายออกจากตลาดหุ้นไทยมากที่สุด เพราะมีการปรับพอร์ตการลงทุน โดยดูจากสถิติที่ผ่านมาที่นักลงทุนต่างประเทศจะขายออกประมาณ 1 หมื่นล้านบาทในช่วงเดือนนี้ ขณะที่ความกังวลต่อปัญหาต่อปัญหาหน้าผาทางการคลังของประเทศสหรัฐอเมริกายังกดดันบรรยากาศการซื้อขาย นอกจากนี้การประกาศผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน หรือ บจ. ในประเทศใกล้วันสิ้นสุดการส่งงบแล้ว โดยบจ. ส่วนใหญ่ที่ประกาศออกมาจะเป็นด้านลบ ทำให้ไม่มีปัจจัยมากระตุ้นนักลงทุน
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ซื้อเล่นรอบในกรอบ โดยหากดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงแนวต้านแนะนำขายทำกำไร พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,280-1,283 จุด และประเมินแนวต้านที่ 1,298-1,300 จุด
ส่วนภาพรวมดัชนีฯ วันนี้ พบว่า ดัชนีฯ ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลดลง อีกทั้ง การรายงานผลประกอบการไตรมาส3/2555 ของบริษัทจดทะเบียนจะออกมาไม่ดี อาทิ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)CPF รวมทั้ง บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)PS และ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)QH ที่ประกาศกำไรออกมาต่ำกว่าที่คาด
ผู้สื่อข่าว : สุวรรณา รสมณี
(สุกัญญา ศิริรวง รายงาน; ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์ เรียบเรียง;โทร 02-664-4451-2 อีเมล์: [email protected] )
ที่มา: หุ้นอินไซด์
วันที่ : 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 456
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 59
ดีใจที่เฮียปรัชญากลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องของแฟนๆพี่ๆน้องๆในwebนี้ครับ
รู้สึกขอบคุณยิ่งที่เห็นความเหนื่อยยากในการหาข้อมูลนำเสนอได้ครบถ้วนกระชับและสนุก
ไม่รู้ปัญหาที่หยุดหายไป
ถึงบางอ้อตรงที่มีสมาชิกบางคนมือไม่พายแต่เอาศรีษะราน้ำ
ทำให้คนทำงานหมดกำลังใจ
แต่อย่างว่าครับในคนหมู่มากมีคนร้อยบิดาพันมารดามาอยู่รวมกัน
ก็ย่อมมีคนไม่ปกติปนๆมาบ้าง
ให้ถือประโยชน์คนส่วนใหญ่ดีกว่า
รู้จักเฮียปรัชญาตั้งแต่เปิดเวปใหม่ๆ
เคยลอกการบ้านเฮียตั้งหลายตัว(fe p-fcb)
เฮียปรัชญาเป็นคนปิดทองหลังพระ จริงใจต่อเพื่อนฝูง
ผลบุญคงส่งให้พอร์ตโตเอาๆธุรกิจที่ทำกิจการรุ่งเรือง
อยู่คู่กับthaiviไปนานๆ
รู้สึกขอบคุณยิ่งที่เห็นความเหนื่อยยากในการหาข้อมูลนำเสนอได้ครบถ้วนกระชับและสนุก
ไม่รู้ปัญหาที่หยุดหายไป
ถึงบางอ้อตรงที่มีสมาชิกบางคนมือไม่พายแต่เอาศรีษะราน้ำ
ทำให้คนทำงานหมดกำลังใจ
แต่อย่างว่าครับในคนหมู่มากมีคนร้อยบิดาพันมารดามาอยู่รวมกัน
ก็ย่อมมีคนไม่ปกติปนๆมาบ้าง
ให้ถือประโยชน์คนส่วนใหญ่ดีกว่า
รู้จักเฮียปรัชญาตั้งแต่เปิดเวปใหม่ๆ
เคยลอกการบ้านเฮียตั้งหลายตัว(fe p-fcb)
เฮียปรัชญาเป็นคนปิดทองหลังพระ จริงใจต่อเพื่อนฝูง
ผลบุญคงส่งให้พอร์ตโตเอาๆธุรกิจที่ทำกิจการรุ่งเรือง
อยู่คู่กับthaiviไปนานๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 17
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 60
เข้าใจความรู้สึกคุณปรัชญา ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่ได้รับเสมอมาค่ะ
อยู่โดย. ไม่ต้องมี. ความรู้สึกว่า.
เราดี เด่น ดัง อะไรเลย
เพียงรู้สึกว่า. เราเป็นผู้มีประโยชน์ที่สุดคนหนึ่ง
นั่นแหละถูกต้อง. และเป็นสุขแท้
ท่านพุทธทาส
มอบให้คุณปรัชญาค่ะ
อยู่โดย. ไม่ต้องมี. ความรู้สึกว่า.
เราดี เด่น ดัง อะไรเลย
เพียงรู้สึกว่า. เราเป็นผู้มีประโยชน์ที่สุดคนหนึ่ง
นั่นแหละถูกต้อง. และเป็นสุขแท้
ท่านพุทธทาส
มอบให้คุณปรัชญาค่ะ