.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
โพสต์ที่ 1
.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 32.html#53
FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !
Mon, 06 Feb 2006 01:29:46 -0900
อันตราย...คนที่ชอบกินผักบุ้ง,ผักกระเฉด
อันตรายนะ..คนที่ชอบกินผักกระเฉด ผักบุ้ง ต้องอ่านจ้า!!!
กระทรวงสาธารณสุขได้เตือนให้ประชาชนระวังการบริโภคผักบุ้ง
ผักกระเฉดที่ไม่ ผ่านการต้มเดือดถึง500 องศาเซลเซียส
ว่าอาจจะได้รับอันตรายจากศัตรูตัวใหม่ที่เรียกว่า"ไข่ ปลิง"
เพราะเจ้าไข่ปลิงตัวนี้สามารถทนความร้อนได้สูงมาก
เพราะฉะนั้นถ้าท่านจะรับประทานผักบุ้ง หรือผักกระเฉดต้องต้มกันเป็นชั่วโมง
ถึงจะสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้นท่านจึงควรรับ ประทานอาหารที่ปรุงด้วยกรรม วิธีอื่นจะดีกว่าประเภทยำ
เพราะส่วนใหญ่อาหารประเภทยำจะนำไปผ่านความร้อน
เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เอง ก็นำขึ้นมารับประทานแล้ว
ดังนั้นจึงไม่สามารถทำลายไข่ปลิงได้ถ้าให้ดีควรเลี่ยงไปรับประทานผักชนิดอื่นจะดีกว่า
เพราะขั้นตอนในการทำความสะอาดก่อนจะนำมาต้มจะง่ายกว่า
การ ทำความสะอาดผักบุ้ งและผักกระเฉด
มีนักศึกษาแพทย์ศิริราชเคยไปทานสุกี้ที่ร้านแห่งหนึ่งมีชื่อคล้าย .....
ก่อนที่จะนำผักบุ้งใส่ในหม้อต้มน้ำบัง เอิญเธอผู้นั้น!
เหลือบไปเห็นเจ้าไข่ปลิงเกาะอยู่ที่ใบของผักบุ้งซึ่งเธอ
เพิ่งจะได้รับความรู้เกี่ยวกับอันตรายของไข่ปลิงมาจากหลักสูตร
ซึ่งเธอเพิ่งจะเรียนผ่านมานี้เองดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไม่รับประทานผักบุ้งนั้นเ ลย
และเปลี่ยนเป็นสั่งผักชนิดอื่นมารัประทานแทน
เมื่อทุกท่านทราบอย่างนี้แล้วท่านก็ตัดสินใจเองก็แล้วกัน
ว่าจะรับประทานผัก บุ้งและผักกระเฉดต่อไป
หรือไม่ก็ระวังกันไว้ด้วยนะใครที่ชอบทานผักทั้ง 2 ประเภทต่อไปคงเลิกทาน
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 32.html#53
FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !
Mon, 06 Feb 2006 01:29:46 -0900
อันตราย...คนที่ชอบกินผักบุ้ง,ผักกระเฉด
อันตรายนะ..คนที่ชอบกินผักกระเฉด ผักบุ้ง ต้องอ่านจ้า!!!
กระทรวงสาธารณสุขได้เตือนให้ประชาชนระวังการบริโภคผักบุ้ง
ผักกระเฉดที่ไม่ ผ่านการต้มเดือดถึง500 องศาเซลเซียส
ว่าอาจจะได้รับอันตรายจากศัตรูตัวใหม่ที่เรียกว่า"ไข่ ปลิง"
เพราะเจ้าไข่ปลิงตัวนี้สามารถทนความร้อนได้สูงมาก
เพราะฉะนั้นถ้าท่านจะรับประทานผักบุ้ง หรือผักกระเฉดต้องต้มกันเป็นชั่วโมง
ถึงจะสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้นท่านจึงควรรับ ประทานอาหารที่ปรุงด้วยกรรม วิธีอื่นจะดีกว่าประเภทยำ
เพราะส่วนใหญ่อาหารประเภทยำจะนำไปผ่านความร้อน
เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เอง ก็นำขึ้นมารับประทานแล้ว
ดังนั้นจึงไม่สามารถทำลายไข่ปลิงได้ถ้าให้ดีควรเลี่ยงไปรับประทานผักชนิดอื่นจะดีกว่า
เพราะขั้นตอนในการทำความสะอาดก่อนจะนำมาต้มจะง่ายกว่า
การ ทำความสะอาดผักบุ้ งและผักกระเฉด
มีนักศึกษาแพทย์ศิริราชเคยไปทานสุกี้ที่ร้านแห่งหนึ่งมีชื่อคล้าย .....
ก่อนที่จะนำผักบุ้งใส่ในหม้อต้มน้ำบัง เอิญเธอผู้นั้น!
เหลือบไปเห็นเจ้าไข่ปลิงเกาะอยู่ที่ใบของผักบุ้งซึ่งเธอ
เพิ่งจะได้รับความรู้เกี่ยวกับอันตรายของไข่ปลิงมาจากหลักสูตร
ซึ่งเธอเพิ่งจะเรียนผ่านมานี้เองดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไม่รับประทานผักบุ้งนั้นเ ลย
และเปลี่ยนเป็นสั่งผักชนิดอื่นมารัประทานแทน
เมื่อทุกท่านทราบอย่างนี้แล้วท่านก็ตัดสินใจเองก็แล้วกัน
ว่าจะรับประทานผัก บุ้งและผักกระเฉดต่อไป
หรือไม่ก็ระวังกันไว้ด้วยนะใครที่ชอบทานผักทั้ง 2 ประเภทต่อไปคงเลิกทาน
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
โพสต์ที่ 2
ไม่มีมนุษย์คนใด ไม่ต้องการความช่วยเหลือ
ดอกบัวยังต้องอาศัยใบบัวค้ำชู
รั้วแถบหนึ่ง มีเสาค้ำอย่างน้อยสามต้น
คนเก่งคนหนึ่ง ต้องมีคนช่วยอย่างน้อยสามคน
(เหมา เจ๋อ ตุง )
จงมองไปข้างหน้า เพื่อก่อความหวัง
จงมองไปข้างหลัง เพื่อแก้ความผิด
ถ้าไม่มีความหวัง ก็เหมือนคนสิ้นคิด
ถ้าไม่มีความผิด ก็เหมือนไม่ใช่คน
(นโปเลียน)
ชีวิตที่ไม่ได้ช่วยคนอื่น คือชีวิตที่ไม่มีค่า
(แม่ชีเทเรซ่า)
ดอกบัวยังต้องอาศัยใบบัวค้ำชู
รั้วแถบหนึ่ง มีเสาค้ำอย่างน้อยสามต้น
คนเก่งคนหนึ่ง ต้องมีคนช่วยอย่างน้อยสามคน
(เหมา เจ๋อ ตุง )
จงมองไปข้างหน้า เพื่อก่อความหวัง
จงมองไปข้างหลัง เพื่อแก้ความผิด
ถ้าไม่มีความหวัง ก็เหมือนคนสิ้นคิด
ถ้าไม่มีความผิด ก็เหมือนไม่ใช่คน
(นโปเลียน)
ชีวิตที่ไม่ได้ช่วยคนอื่น คือชีวิตที่ไม่มีค่า
(แม่ชีเทเรซ่า)
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
โพสต์ที่ 3
FW: บอก...ผู้หญิงควรอ่านเรื่องนี้
Date: Tue, 31 Jan 2006 02:12:35 -0900
บอก...ผู้หญิงควรอ่านเรื่องนี้
เป็นเรื่องที่ควรอ่านอย่างยิ่งนะผู้หญิงควรอ่านเรื่องนี้
เมื่อคุณนำรถเข้าสู่อู่อย่าลืมที่จะทำในสิ่งต่อไปนี้
มอบเฉพาะกุญแจรถ(นำกุญแจบ้าน,กุญแจล็อคเกียร์หรือกุญแจอื่นๆออกเสียก่อน)
เอาสติกเกอร์ที่จะแสดงที่อยู่ของคุณออก
เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่รู้ว่าคุณอาศัยที่ไหน
เป็นการเตือนถึงผู้หญิงทุกคนเกี่ยวกัอันตรายจากการมอบกุญแจบ้าน
ที่มีกุญแจรถติดอยู่ในพวงกุญแจให้กับใครๆ
เพื่อนของลูกสาวนำรถเข้ารับบริการในบริษัทยางแห่งหนึ่งที่รู้จักกันดี
เพื่อท ี่จะซ่อมยางที่แบนขณะที่ เธอกำลังรอเธอไม่ทันคิดเธอยื่นกุญแจทั้งหมด
ให้กับบริกรและรอเธอไม่รู้อะไรว่าที่ซ่อมรถเกือบจะทุกแห่ง
ล้วนมีเครื่องปั๊มกุญแจหนึ่งในบริกรได้ปั๊มกุญแจอพาร์ทเมนท์ของเธอ
และสองวัน ผ่านไปมันได้เข้าไปในอพาร์ทเมนท์ของเธอกลางดึก
และข่มขืนเธอ เธอใช้บริการซ่อมรถอยู่บ่อยครั้ง
และพวกมันมีข้อมูลต่างๆของเธออยู่ในคอมพิวเตอร์
เช่น เธอพัก ที่ไหนเบอร์โทรศัพท์ของเธอเบอร์อะไร
มันโดนจับ เมื่อเดือนก่อนและตำรวจพบว่า
มันเคยทำเหตุการณ์เลวร้ายอย่างนี้มาแล้วแต่ตอนนี ้อยู่ในคุกแล้ว
และลูกสาวเพื่อนฉันกำลังพยายามดำรงชีวิตต่อไป
โปรดเตือนทุกคนให้แยกกุญแจอื่นๆออกจากกุญแจรถ
บางทีอาจช่วยผู้หญิงคนอื่นๆจากเรื่องน่าหดหู่
โปรดให้ข้อมูลนี้กับเพื่อนๆ และครอบครัว
> >>
Date: Tue, 31 Jan 2006 02:12:35 -0900
บอก...ผู้หญิงควรอ่านเรื่องนี้
เป็นเรื่องที่ควรอ่านอย่างยิ่งนะผู้หญิงควรอ่านเรื่องนี้
เมื่อคุณนำรถเข้าสู่อู่อย่าลืมที่จะทำในสิ่งต่อไปนี้
มอบเฉพาะกุญแจรถ(นำกุญแจบ้าน,กุญแจล็อคเกียร์หรือกุญแจอื่นๆออกเสียก่อน)
เอาสติกเกอร์ที่จะแสดงที่อยู่ของคุณออก
เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่รู้ว่าคุณอาศัยที่ไหน
เป็นการเตือนถึงผู้หญิงทุกคนเกี่ยวกัอันตรายจากการมอบกุญแจบ้าน
ที่มีกุญแจรถติดอยู่ในพวงกุญแจให้กับใครๆ
เพื่อนของลูกสาวนำรถเข้ารับบริการในบริษัทยางแห่งหนึ่งที่รู้จักกันดี
เพื่อท ี่จะซ่อมยางที่แบนขณะที่ เธอกำลังรอเธอไม่ทันคิดเธอยื่นกุญแจทั้งหมด
ให้กับบริกรและรอเธอไม่รู้อะไรว่าที่ซ่อมรถเกือบจะทุกแห่ง
ล้วนมีเครื่องปั๊มกุญแจหนึ่งในบริกรได้ปั๊มกุญแจอพาร์ทเมนท์ของเธอ
และสองวัน ผ่านไปมันได้เข้าไปในอพาร์ทเมนท์ของเธอกลางดึก
และข่มขืนเธอ เธอใช้บริการซ่อมรถอยู่บ่อยครั้ง
และพวกมันมีข้อมูลต่างๆของเธออยู่ในคอมพิวเตอร์
เช่น เธอพัก ที่ไหนเบอร์โทรศัพท์ของเธอเบอร์อะไร
มันโดนจับ เมื่อเดือนก่อนและตำรวจพบว่า
มันเคยทำเหตุการณ์เลวร้ายอย่างนี้มาแล้วแต่ตอนนี ้อยู่ในคุกแล้ว
และลูกสาวเพื่อนฉันกำลังพยายามดำรงชีวิตต่อไป
โปรดเตือนทุกคนให้แยกกุญแจอื่นๆออกจากกุญแจรถ
บางทีอาจช่วยผู้หญิงคนอื่นๆจากเรื่องน่าหดหู่
โปรดให้ข้อมูลนี้กับเพื่อนๆ และครอบครัว
> >>
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
โพสต์ที่ 4
FW: ฮวยจุ้ย บ้านรวยยาก
Date: Tue, 31 Jan 2006 01:17:15 -0900
ฮวงจุ้ย บ้านรวยยาก
คราวนี้ผมจะพูดลักษณะกว้างๆของ ฮวงจุ้ยบ้านที่อยู่แล้วมีสิทธิรวยน้อยลงนะครับ
หรือพูดให้เพราะหูหน่อยคือรวยช้ากว่าคนอื่นเข้านะครับ
ทั้งนี้รายละเอียดจริงๆในการชี้ชัดนั้นต้องดูองศาที่ตั้งของบ้านหลังนั้น
และชัยภูมิภายนอกและภายในของหลังนั้นๆประกอบนะครับ
แต่ที่จะเขียนนี้เป็นหลักทั่วไปที่ช่วยในการพิจารณาได้ระดับหนึ่ง
เวลาเราจะเลือกซื้อบ้าน หรือสังเกตุบ้านตัวเอง เราเริ่มกันเลยนะครับ
1. บ้านที่อยู่ต่ำกว่าถนน มักเกิดกับบ้านที่สร้างมานาน
และอยู่ติดถนน คือถนนก็มีการถมสูงขึ้นสูงขึ้นแต่บ้านไม่ได้ยกสูงขึ้น
นานเข้าก็เลยต่ำจนต้องทำบันไดให้ก้าวลง
บ้านลักษณะนี้หากไม่ต่ำกว่าครึ่งฟุตยังถือว่าไม่ต่ำมาก
หากมากกว่านี้จะเกิดสภาพเรียกว่าลาภล้น
เหมือนน้ำท่วมปากคือเห็นลาภวิ่งไปมา
แต่เอาไม่ได้ถนัด วิธีแก้อย่างง่ายๆหากไม่ต่ำมาก
คือต้องมีลานกว้างหน้าบ้านสักหน่อย ภาษาจีนเรียกว่าเม็งตึ้ง
เพื่อเอาไว้เป็นบริเวณกักเก็บพลัง เพราะฉะนั้นบ้านกรณีนี้
ควรมีเนื้อที่ระหว่างถนนกับทางเข้าบ้านเป็นที่โล่งๆสักหน่อยจึงจะดี
2. บ้านที่อยู่ใต้สะพาน
มักเกิดกับบ้านหรือร้านค้าตึกแถวที่อยู่มาดีๆ
ก็มีการตัดถนนทำสะพานผ่านหน้าร้าน
กลายเป็นมองไม่เห็นหน้าร้านชั้นล่างไป
ในกรณีนี้ เราต้องยกระดับให้ชั้นที่อยู่เสมอถนนเป็นชั้นหลักโดยทำให้ชั้นนั้นเด่นขึ้นมา
ขณะที่ชั้นที่อยู่โดนบันไดบังต้องไปใช้ในเรื่องรองๆลงไป
3. บ้านที่อยู่สูงกว่าถนน
มักเกิดกับบ้านที่สร้างแบบวางแผนล่วงหน้า
คือกลัวน้ำท่วม จึงปลูกสูงกว่าถนน
และยังเป็นการเผื่อในอนาคตมีการทำถนนสูงขึ้น บ้านจะได้ไม่เตี้ยลง
ในกรณีนี้หากไม่ได้สูงจนเกินไป ก็ไม่เป็นไร หากสูงมาก
จะกลายเป็นลาภเข้าบ้านไม่ได้ คือปากอยู่สูงเกินไป กินลาภไม่ได้
แถมหากทำทางเชื่อมระหว่างถนนกับตัวบ้านค่อนข้างลาดชัน
จะทำให้บ้านนี้มักจะเสียเงินทองโดยใช่เหตุอีก
เพราะลาภใหม่นอกจากเข้าบ้านไม่สะดวกแล้ว
ลาภในบ้านยังจะไหลออกได้ง่ายๆอีก
4. บ้านที่หน้าต่างหรือประตูมากเกินไป
กรณีนี้เห็นบ่อยมากๆกับแบบบ้านสมัยใหม่ คือเข้าไปแล้วดูโปร่ง โล่งสบาย
คนสมัยใหม่ชอบกันมาก แต่สังเกตุไหมครับว่า
คนสมัยใหม่มักนิยมใช้บริการสินเชื่อ เงินด่วนทันใจ อะไรพวกนี้กันเยอะๆ
ก็เพราะบ้านแบบนี้อยู่แล้วเก็บเงินไม่ค่อยอยู่หรอกครับ
สังเกตุสิครับว่าคนสมัยนี้ถึงจะหารายได้มาเยอะก็มีรายจ่ายเยอะเหมือนกัน
วิธีแก้ไขหากซื้อไปแล้ว คือพยายามอย่าเปิดหน้าต่างใช้หลายบ้านและรู้จักติดม่านช่วยด้วย
5. บ้านที่ประตูหรือหน้าต่างอยู่ตรงข้ามกัน เช่นประตูหน้าบ้าน
ตรงหน้าต่างหลังบ้าน ประตูหน้าบ้านตรงประตูหลังบ้าน
ก็เข้าข่ายลาภเข้ามาแล้วไหลออกได้เร็ว เก็บเงินไม่อยู่เหมือนกัน
ให้พยายามปิดหน้าต่าง ใช้ผ้าม่านช่วย หรือวางฉากตู้โชว์กั้นระหว่างกลางไว้
6. บ้านที่รั้วรอบบ้านโปร่ง
มักพบกับบ้านเดี่ยว
ที่ชอบทำแบบโชว์ความสวยของบ้าน ใช้รั้วเตี้ย หรือรั้วไม้ระแนง
หรือรั้วเหล็กตีเป็นซี่เล็กๆให้ดูโปร่งสบาย
อันนี้ก็กักเก็บลาภไว้ไม่ได้เหมือนกัน หากจะทำรั้วแบบนี้
ทำได้เฉพาะด้านหน้า ส่วนด้านอื่นต้องเป็นรั้วทึบเพื่อกักเก็บพลังไว้
หรือไม่ออกปลูกต้นไม้เป็นแนวรั้วแทนก็ได้
7. บ้านที่เปิดประตูแล้วเจอบันได
บ้านพวกนี้มักจะทำให้เงินทองหามาแล้ว
มีเรื่องต้องใช้จ่ายเสมอ
เรียกว่าเก็บไม่อยู่ หลีกเลี่ยงได้ต้องเลี่ยง หากอยู่ไปแล้ว
ให้หากฉากมากั้นหน้าบันได จะช่วยได้ระดับหนึ่ง
8.บ้านที่พื้นที่บริเวณหน้าประตูเข้าบ้านแคบ
พลังปราณหรือชี่นั้น
ต้องอาศัยบริเวณลานโล่งเพื่อเป็นบ่อพักพลังหรือกักเก็บพลัง
ก่อนที่ไหลเข้าสู่ตัวบ้าน หากบ้านใดบริเวณพื้นที่หน้าประตูเข้าบ้านแคบ
ไม่เปิดโล่งหรือวางของรกรุงรัง หรือ มีต้นไม้สูง
สวนหินอยู่ตรงข้ามประตูจะทำให้พลังเข้าบ้านไม่สะดวก
เมื่อบ้านรับพลังไม่เต็มที่คนในบ้านย่อมไม่ได้รับพลังเต็มที่เช่นกัน
9.บ้านที่แวดล้อมไปด้วยน้ำเสีย ขยะ สิ่งสกปรก อับ ชื้น
พลังปราณหรือชี่ที่ดีนั้น จะชอบบริเวณโล่ง สะอาด
หากบ้านใดอยู่รายล้อมด้วยสิ่งเหล่านี้ จะเหน็ดเหนื่อยในการทำมาหากิน
เพราะต้องฝืนกับกระแสที่จะไหลออก คือ นอกจากไม่เข้าบ้านแล้ว
ยังจะไหลออกไปอีก บ้านแบบนี้ การกระตุ้นด้วย ฮวงจุ้ย
เพื่อช่วยในการกักเก็บพลังไว้ให้ไม่หนีไป ยามใดมีโอกาสควรรีบย้ายไปที่อื่น
10. บ้านที่แวดล้อมไปด้วยที่รกร้าง ว่างเปล่าสภาพรกร้างว่างเปล่า
คือไม่มีพลังชี่ในบริเวณนั้น เพราะฉะนั้นเวลาเราไปอยู่แล้ว
เราจะเอาพลังโชคลาภจากที่ไหนมาล่ะ
หากจะมีมาก็ต้องกระตุ้นมากเป็นพิเศษเพื่อให้พลังมาหาเรา
หากเป็นหมู่บ้านที่ร้างๆแล้วมีบ้านใดบ้านหนึ่งมีฮวงจุ้ยที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ก็จะดึงดูดพลังชี่ให้ไปบ้านหลังนั้นเป็นส่วนใหญ่ ก็ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก
หากเห็นหมู่บ้านร้างแต่ขายราคาถูกๆ
ต้องพึงสังวรไว้ว่าของดีแต่ราคาถูกๆไม่มีในโลกนี้
ผมเขียนให้เป็นวิทยาทาน หากคุณความดีมี
ศิษย์ผู้นี้ขออุทิศให้ปรมาจารย์และครูบาอาจารย์ทั้งที่มีชีวิตและล่วงลับไปแล้ว
ผมขอเชิญชวนคุณให้ไปทำบุญตามจิตศรัทธา
และกำลังทรัพย์ด้วยตัวคุณเองตามแต่สะดวก
ไม่ว่าจะบริจาคให้คนยากจน ขอทาน ทำบุญโลงศพ ข้าวสารอาหาร
หยอดตู้ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าของวัด สมทบทุนสร้างวัดวาอาราม
ช่วยค่าอาหาร ยาเครื่องมือแพทย์แก่พระสงฆ์อาพาธ
ค่าอาหารเสื้อผ้าทุนการศึกษาแก่เด็กยากไร้หรือคนพิการ
ทำบุญสำคัญที่จิตศรัทธานะครับ
หากคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ต่อผู้อื่นที่ท่านรู้จักก็ช่วยบอกต่อด้วยนะครับ
Date: Tue, 31 Jan 2006 01:17:15 -0900
ฮวงจุ้ย บ้านรวยยาก
คราวนี้ผมจะพูดลักษณะกว้างๆของ ฮวงจุ้ยบ้านที่อยู่แล้วมีสิทธิรวยน้อยลงนะครับ
หรือพูดให้เพราะหูหน่อยคือรวยช้ากว่าคนอื่นเข้านะครับ
ทั้งนี้รายละเอียดจริงๆในการชี้ชัดนั้นต้องดูองศาที่ตั้งของบ้านหลังนั้น
และชัยภูมิภายนอกและภายในของหลังนั้นๆประกอบนะครับ
แต่ที่จะเขียนนี้เป็นหลักทั่วไปที่ช่วยในการพิจารณาได้ระดับหนึ่ง
เวลาเราจะเลือกซื้อบ้าน หรือสังเกตุบ้านตัวเอง เราเริ่มกันเลยนะครับ
1. บ้านที่อยู่ต่ำกว่าถนน มักเกิดกับบ้านที่สร้างมานาน
และอยู่ติดถนน คือถนนก็มีการถมสูงขึ้นสูงขึ้นแต่บ้านไม่ได้ยกสูงขึ้น
นานเข้าก็เลยต่ำจนต้องทำบันไดให้ก้าวลง
บ้านลักษณะนี้หากไม่ต่ำกว่าครึ่งฟุตยังถือว่าไม่ต่ำมาก
หากมากกว่านี้จะเกิดสภาพเรียกว่าลาภล้น
เหมือนน้ำท่วมปากคือเห็นลาภวิ่งไปมา
แต่เอาไม่ได้ถนัด วิธีแก้อย่างง่ายๆหากไม่ต่ำมาก
คือต้องมีลานกว้างหน้าบ้านสักหน่อย ภาษาจีนเรียกว่าเม็งตึ้ง
เพื่อเอาไว้เป็นบริเวณกักเก็บพลัง เพราะฉะนั้นบ้านกรณีนี้
ควรมีเนื้อที่ระหว่างถนนกับทางเข้าบ้านเป็นที่โล่งๆสักหน่อยจึงจะดี
2. บ้านที่อยู่ใต้สะพาน
มักเกิดกับบ้านหรือร้านค้าตึกแถวที่อยู่มาดีๆ
ก็มีการตัดถนนทำสะพานผ่านหน้าร้าน
กลายเป็นมองไม่เห็นหน้าร้านชั้นล่างไป
ในกรณีนี้ เราต้องยกระดับให้ชั้นที่อยู่เสมอถนนเป็นชั้นหลักโดยทำให้ชั้นนั้นเด่นขึ้นมา
ขณะที่ชั้นที่อยู่โดนบันไดบังต้องไปใช้ในเรื่องรองๆลงไป
3. บ้านที่อยู่สูงกว่าถนน
มักเกิดกับบ้านที่สร้างแบบวางแผนล่วงหน้า
คือกลัวน้ำท่วม จึงปลูกสูงกว่าถนน
และยังเป็นการเผื่อในอนาคตมีการทำถนนสูงขึ้น บ้านจะได้ไม่เตี้ยลง
ในกรณีนี้หากไม่ได้สูงจนเกินไป ก็ไม่เป็นไร หากสูงมาก
จะกลายเป็นลาภเข้าบ้านไม่ได้ คือปากอยู่สูงเกินไป กินลาภไม่ได้
แถมหากทำทางเชื่อมระหว่างถนนกับตัวบ้านค่อนข้างลาดชัน
จะทำให้บ้านนี้มักจะเสียเงินทองโดยใช่เหตุอีก
เพราะลาภใหม่นอกจากเข้าบ้านไม่สะดวกแล้ว
ลาภในบ้านยังจะไหลออกได้ง่ายๆอีก
4. บ้านที่หน้าต่างหรือประตูมากเกินไป
กรณีนี้เห็นบ่อยมากๆกับแบบบ้านสมัยใหม่ คือเข้าไปแล้วดูโปร่ง โล่งสบาย
คนสมัยใหม่ชอบกันมาก แต่สังเกตุไหมครับว่า
คนสมัยใหม่มักนิยมใช้บริการสินเชื่อ เงินด่วนทันใจ อะไรพวกนี้กันเยอะๆ
ก็เพราะบ้านแบบนี้อยู่แล้วเก็บเงินไม่ค่อยอยู่หรอกครับ
สังเกตุสิครับว่าคนสมัยนี้ถึงจะหารายได้มาเยอะก็มีรายจ่ายเยอะเหมือนกัน
วิธีแก้ไขหากซื้อไปแล้ว คือพยายามอย่าเปิดหน้าต่างใช้หลายบ้านและรู้จักติดม่านช่วยด้วย
5. บ้านที่ประตูหรือหน้าต่างอยู่ตรงข้ามกัน เช่นประตูหน้าบ้าน
ตรงหน้าต่างหลังบ้าน ประตูหน้าบ้านตรงประตูหลังบ้าน
ก็เข้าข่ายลาภเข้ามาแล้วไหลออกได้เร็ว เก็บเงินไม่อยู่เหมือนกัน
ให้พยายามปิดหน้าต่าง ใช้ผ้าม่านช่วย หรือวางฉากตู้โชว์กั้นระหว่างกลางไว้
6. บ้านที่รั้วรอบบ้านโปร่ง
มักพบกับบ้านเดี่ยว
ที่ชอบทำแบบโชว์ความสวยของบ้าน ใช้รั้วเตี้ย หรือรั้วไม้ระแนง
หรือรั้วเหล็กตีเป็นซี่เล็กๆให้ดูโปร่งสบาย
อันนี้ก็กักเก็บลาภไว้ไม่ได้เหมือนกัน หากจะทำรั้วแบบนี้
ทำได้เฉพาะด้านหน้า ส่วนด้านอื่นต้องเป็นรั้วทึบเพื่อกักเก็บพลังไว้
หรือไม่ออกปลูกต้นไม้เป็นแนวรั้วแทนก็ได้
7. บ้านที่เปิดประตูแล้วเจอบันได
บ้านพวกนี้มักจะทำให้เงินทองหามาแล้ว
มีเรื่องต้องใช้จ่ายเสมอ
เรียกว่าเก็บไม่อยู่ หลีกเลี่ยงได้ต้องเลี่ยง หากอยู่ไปแล้ว
ให้หากฉากมากั้นหน้าบันได จะช่วยได้ระดับหนึ่ง
8.บ้านที่พื้นที่บริเวณหน้าประตูเข้าบ้านแคบ
พลังปราณหรือชี่นั้น
ต้องอาศัยบริเวณลานโล่งเพื่อเป็นบ่อพักพลังหรือกักเก็บพลัง
ก่อนที่ไหลเข้าสู่ตัวบ้าน หากบ้านใดบริเวณพื้นที่หน้าประตูเข้าบ้านแคบ
ไม่เปิดโล่งหรือวางของรกรุงรัง หรือ มีต้นไม้สูง
สวนหินอยู่ตรงข้ามประตูจะทำให้พลังเข้าบ้านไม่สะดวก
เมื่อบ้านรับพลังไม่เต็มที่คนในบ้านย่อมไม่ได้รับพลังเต็มที่เช่นกัน
9.บ้านที่แวดล้อมไปด้วยน้ำเสีย ขยะ สิ่งสกปรก อับ ชื้น
พลังปราณหรือชี่ที่ดีนั้น จะชอบบริเวณโล่ง สะอาด
หากบ้านใดอยู่รายล้อมด้วยสิ่งเหล่านี้ จะเหน็ดเหนื่อยในการทำมาหากิน
เพราะต้องฝืนกับกระแสที่จะไหลออก คือ นอกจากไม่เข้าบ้านแล้ว
ยังจะไหลออกไปอีก บ้านแบบนี้ การกระตุ้นด้วย ฮวงจุ้ย
เพื่อช่วยในการกักเก็บพลังไว้ให้ไม่หนีไป ยามใดมีโอกาสควรรีบย้ายไปที่อื่น
10. บ้านที่แวดล้อมไปด้วยที่รกร้าง ว่างเปล่าสภาพรกร้างว่างเปล่า
คือไม่มีพลังชี่ในบริเวณนั้น เพราะฉะนั้นเวลาเราไปอยู่แล้ว
เราจะเอาพลังโชคลาภจากที่ไหนมาล่ะ
หากจะมีมาก็ต้องกระตุ้นมากเป็นพิเศษเพื่อให้พลังมาหาเรา
หากเป็นหมู่บ้านที่ร้างๆแล้วมีบ้านใดบ้านหนึ่งมีฮวงจุ้ยที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ก็จะดึงดูดพลังชี่ให้ไปบ้านหลังนั้นเป็นส่วนใหญ่ ก็ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก
หากเห็นหมู่บ้านร้างแต่ขายราคาถูกๆ
ต้องพึงสังวรไว้ว่าของดีแต่ราคาถูกๆไม่มีในโลกนี้
ผมเขียนให้เป็นวิทยาทาน หากคุณความดีมี
ศิษย์ผู้นี้ขออุทิศให้ปรมาจารย์และครูบาอาจารย์ทั้งที่มีชีวิตและล่วงลับไปแล้ว
ผมขอเชิญชวนคุณให้ไปทำบุญตามจิตศรัทธา
และกำลังทรัพย์ด้วยตัวคุณเองตามแต่สะดวก
ไม่ว่าจะบริจาคให้คนยากจน ขอทาน ทำบุญโลงศพ ข้าวสารอาหาร
หยอดตู้ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าของวัด สมทบทุนสร้างวัดวาอาราม
ช่วยค่าอาหาร ยาเครื่องมือแพทย์แก่พระสงฆ์อาพาธ
ค่าอาหารเสื้อผ้าทุนการศึกษาแก่เด็กยากไร้หรือคนพิการ
ทำบุญสำคัญที่จิตศรัทธานะครับ
หากคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ต่อผู้อื่นที่ท่านรู้จักก็ช่วยบอกต่อด้วยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
โพสต์ที่ 5
เรื่องที่ไม่แปลกสำหรับผู้หญิง
สองสาวออฟฟิศขาเม้าท์ กำลังคุยกัน.
สาว1 : เราได้ข้อมูลมาว่า ปัจจุบันอัตราส่วนของผู้ชายต่อผู้หญิง คือ 1:7 นะ
สาว2 : งั้นผู้ชาย 1 คน สามารถคบผู้หญิงได้ 7 คน เลยซิ ...โอ้ พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย
สาว1 : เธอต้องรีบๆ เลือกนะ เพราะมีอีก 20% ของผู้ชายน่ะ... มีอาการเบี่ยงเบน ทางเพศ และไม่พอใจกับเพศที่มีอยู่
สาว2 : งั้น ถ้าปัจจุบัน ผู้ชาย 100 ต่อ ผู้หญิง 700 ก็จะเหลือแค่ 80:700
สาว1 : ถูกต้องจ๊ะ แต่โชคร้ายของผู้หญิงยังไม่หมดแค่นั้น เพราะอีก 30% ของผู้ชายปัจจุบัน มีอาการชอบมองผู้หญิงไปวันๆ หรือไม่ก็คบแบบไม่เอาจริงเอาจัง
สาว2 : แล้วจะเหลือเท่าไหร่แล้วเนี่ย
สาว1 : เหลือ 50:700 แต่ยังมีอีก 10% บวชเป็นพระ หรือ ชอบเข้าวัดเข้าวาไม่สนใจเรื่องพวกนี้
สาว2 : ตอนนี้เหลือ 40:700
สาว1 : สุดท้ายอีก 10% เป็นพวกประสบอุบัติเหตุจากความประมาท เมาหรือไม่ก็ทะเลาะวิวาท
สาว2 : ไม่อยากเชื่อ ว่า เหลือผู้ชายดีๆ แค่ 30:700 มิน่าหล่ะเธอถึงยังไม่มีแฟน.....
สาว1 : ผู้หญิงไม่มีแฟนไม่ต้องคิดมาก แต่ผู้ชายไม่มีแฟนหล่ะซิ.....น่าคิด
สองสาวออฟฟิศขาเม้าท์ กำลังคุยกัน.
สาว1 : เราได้ข้อมูลมาว่า ปัจจุบันอัตราส่วนของผู้ชายต่อผู้หญิง คือ 1:7 นะ
สาว2 : งั้นผู้ชาย 1 คน สามารถคบผู้หญิงได้ 7 คน เลยซิ ...โอ้ พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย
สาว1 : เธอต้องรีบๆ เลือกนะ เพราะมีอีก 20% ของผู้ชายน่ะ... มีอาการเบี่ยงเบน ทางเพศ และไม่พอใจกับเพศที่มีอยู่
สาว2 : งั้น ถ้าปัจจุบัน ผู้ชาย 100 ต่อ ผู้หญิง 700 ก็จะเหลือแค่ 80:700
สาว1 : ถูกต้องจ๊ะ แต่โชคร้ายของผู้หญิงยังไม่หมดแค่นั้น เพราะอีก 30% ของผู้ชายปัจจุบัน มีอาการชอบมองผู้หญิงไปวันๆ หรือไม่ก็คบแบบไม่เอาจริงเอาจัง
สาว2 : แล้วจะเหลือเท่าไหร่แล้วเนี่ย
สาว1 : เหลือ 50:700 แต่ยังมีอีก 10% บวชเป็นพระ หรือ ชอบเข้าวัดเข้าวาไม่สนใจเรื่องพวกนี้
สาว2 : ตอนนี้เหลือ 40:700
สาว1 : สุดท้ายอีก 10% เป็นพวกประสบอุบัติเหตุจากความประมาท เมาหรือไม่ก็ทะเลาะวิวาท
สาว2 : ไม่อยากเชื่อ ว่า เหลือผู้ชายดีๆ แค่ 30:700 มิน่าหล่ะเธอถึงยังไม่มีแฟน.....
สาว1 : ผู้หญิงไม่มีแฟนไม่ต้องคิดมาก แต่ผู้ชายไม่มีแฟนหล่ะซิ.....น่าคิด
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
โพสต์ที่ 6
FW: ภูมิศาสตร์กับผู้หญิง
วัยของคน
ภูมิศาสตร์กับผู้หญิง
ผู้หญิงอายุ 15-20 ปี เหมือนแอฟริกา
ดินแดนที่ยังเป็นธรรมชาติ สดบริสุทธิ์
น่าตื่นตาตื่นใจ ท้าทายให้นักเดินทางท่องสำรวจไปไม่สิ้นสุด
ผู้หญิงอายุ 20-30 ปี เหมือนอเมริกา
ถูกสำรวจปรุโปร่งแล้ว สะดวก รู้งาน
คล่องตัว สมบูรณ์แบบที่สุด
ผู้หญิงอายุ 30-35 ปี เหมือนอินเดียกับญี่ปุ่น
ร้อน ลุ่มลึก และงดงาม
ผู้หญิงอายุ 35-40 ปี เหมือนฝรั่งเศส
ถูกสงครามทำลายย่อยยับไปแล้วครึ่งหนึ่ง
แต่ส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็ยังพอเป็นที่ปรารถนา
ผู้หญิงอายุ 40-45 ปี เหมือนเยอรมัน
ไร้สงคราม แต่ก็ยังไร้ซึ่งความหวังอยู่ดี
ผู้หญิงอายุ 50-60 ปี เหมือนรัสเซีย
กว้างใหญ่ สงบแล้ว
แต่ยังเป็นดินแดน ที่ไม่มีใครอยากไปเที่ยว
ผู้หญิงอายุ 60-70 ปี เหมือนอังกฤษ
มีอดีตที่รุ่งเรือง รุ่งโรจน์มากก็จริง
แต่ไร้ซึ่งอนาคต
ผู้หญิงอายุ 70 เหมือนไซบีเรีย
ทุกคนรู้ว่ามันอยู่ส่วนไหนของโลก
แต่ไม่ค่อยมีใคร อยากไปเหยียบ
_____
ผู้ชายกับผลไม้
ชายอายุ 20 เหมือนมะพร้าว
เปลือกเยอะ เนื้อน้อย เรียกร้องมากมาย
แต่ไม่ค่อยให้อะไรตอบแทน
ชายอายุ 30 เหมือนทุเรียน
หนามแหลมคม ดูอันตราย แต่อร่อยที่สุด
ชายอายุ 40 เหมือนแตงโม
ลูกโต กลมกลิ้ง รอบจัด จับไม่ค่อยได้
ไล่ไม่ค่อยทัน แต่ให้น้ำแตงโมฉ่ำหวานชื่นใจ
ชายอายุ 50 เหมือนส้มแมนดาริน
ปีหนึ่งจะมีมาให้ลิ้มรสเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น
ชายอายุ 60 เหมือนลูกเกด
อดีตผลองุ่นที่ไม่มีน้ำองุ่นอีกแล้วตลอดอายุขัย
หมดน้ำยา ยู่ยี่และเหี่ยวแห้งลงไปทุกวัน
_____
ผู้หญิงกับกีฬา
หญิง อายุ 18 เหมือนลูกฟุตบอล
ที่มีผู้ชาย 20 คน คอยวิ่งไว่ล่าเธออยู่ตลอดเวลา
หญิง อายุ 28 เหมือนลูกฮอกกี้
ที่มีผู้ชาย 8 คน คอยวิ่งไล่ล่าเธออยู่ตลอดเวลา
หญิง อายุ 38 เหมือนลูกกอล์ฟ
ที่มีผู้ชาย 1 คน พยายามตีเธอ ให้ออกไปจากเขา อยู่ตลอดเวลา
หญิงอายุ 48 เปรียบเสมือนลูกปิงปอง
ที่ผู้ชาย 2 คน ไม่ต้องการเธออีกต่อไป
พวกเขาจึงต้องคอยตบผลักเธอให้ไปอีกฝ่ายตลอดเวลา
วัยของคน
ภูมิศาสตร์กับผู้หญิง
ผู้หญิงอายุ 15-20 ปี เหมือนแอฟริกา
ดินแดนที่ยังเป็นธรรมชาติ สดบริสุทธิ์
น่าตื่นตาตื่นใจ ท้าทายให้นักเดินทางท่องสำรวจไปไม่สิ้นสุด
ผู้หญิงอายุ 20-30 ปี เหมือนอเมริกา
ถูกสำรวจปรุโปร่งแล้ว สะดวก รู้งาน
คล่องตัว สมบูรณ์แบบที่สุด
ผู้หญิงอายุ 30-35 ปี เหมือนอินเดียกับญี่ปุ่น
ร้อน ลุ่มลึก และงดงาม
ผู้หญิงอายุ 35-40 ปี เหมือนฝรั่งเศส
ถูกสงครามทำลายย่อยยับไปแล้วครึ่งหนึ่ง
แต่ส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็ยังพอเป็นที่ปรารถนา
ผู้หญิงอายุ 40-45 ปี เหมือนเยอรมัน
ไร้สงคราม แต่ก็ยังไร้ซึ่งความหวังอยู่ดี
ผู้หญิงอายุ 50-60 ปี เหมือนรัสเซีย
กว้างใหญ่ สงบแล้ว
แต่ยังเป็นดินแดน ที่ไม่มีใครอยากไปเที่ยว
ผู้หญิงอายุ 60-70 ปี เหมือนอังกฤษ
มีอดีตที่รุ่งเรือง รุ่งโรจน์มากก็จริง
แต่ไร้ซึ่งอนาคต
ผู้หญิงอายุ 70 เหมือนไซบีเรีย
ทุกคนรู้ว่ามันอยู่ส่วนไหนของโลก
แต่ไม่ค่อยมีใคร อยากไปเหยียบ
_____
ผู้ชายกับผลไม้
ชายอายุ 20 เหมือนมะพร้าว
เปลือกเยอะ เนื้อน้อย เรียกร้องมากมาย
แต่ไม่ค่อยให้อะไรตอบแทน
ชายอายุ 30 เหมือนทุเรียน
หนามแหลมคม ดูอันตราย แต่อร่อยที่สุด
ชายอายุ 40 เหมือนแตงโม
ลูกโต กลมกลิ้ง รอบจัด จับไม่ค่อยได้
ไล่ไม่ค่อยทัน แต่ให้น้ำแตงโมฉ่ำหวานชื่นใจ
ชายอายุ 50 เหมือนส้มแมนดาริน
ปีหนึ่งจะมีมาให้ลิ้มรสเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น
ชายอายุ 60 เหมือนลูกเกด
อดีตผลองุ่นที่ไม่มีน้ำองุ่นอีกแล้วตลอดอายุขัย
หมดน้ำยา ยู่ยี่และเหี่ยวแห้งลงไปทุกวัน
_____
ผู้หญิงกับกีฬา
หญิง อายุ 18 เหมือนลูกฟุตบอล
ที่มีผู้ชาย 20 คน คอยวิ่งไว่ล่าเธออยู่ตลอดเวลา
หญิง อายุ 28 เหมือนลูกฮอกกี้
ที่มีผู้ชาย 8 คน คอยวิ่งไล่ล่าเธออยู่ตลอดเวลา
หญิง อายุ 38 เหมือนลูกกอล์ฟ
ที่มีผู้ชาย 1 คน พยายามตีเธอ ให้ออกไปจากเขา อยู่ตลอดเวลา
หญิงอายุ 48 เปรียบเสมือนลูกปิงปอง
ที่ผู้ชาย 2 คน ไม่ต้องการเธออีกต่อไป
พวกเขาจึงต้องคอยตบผลักเธอให้ไปอีกฝ่ายตลอดเวลา
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
โพสต์ที่ 7
color=Green]FW: ๏~* เกษตรกรยกนิ้ว "เป๊ปซี่-โค้ก" สุดยอดยาฆ่าแมลง *~
Date: Mon, 23 Jan 2006 03:35:12 -0900
ตอบเมื่อ: Mon Jan 16, 2006 11:31 เรื่อง: เกษตรกรยกนิ้ว "เป๊ปซี่-โค้ก" สุดยอดยาฆ่าแมลง
--------------------------------------------------------------------------------
ถ้าท่านรู้เรื่องนี้ ท่านจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย 75% ของคนอเมริกันขาดน้ำ ถ้าคิดทั้งโลกจะมีประชากรโลกขาดน้ำถึงครึ่งหนึ่ง 73% ของคนอเมริกันมีกลไกที่ทำให้ความรู้สึกหิวน้ำทำงานช้าลง จึงทำให้ไม่รู้สึกหิวน้ำทั้งที่ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งจะเป็นผลทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายลดลงได้ประมาณ 3% และเป็นเหตุให้รู้สึกอ่อนเพลียในช่วงกลางวัน มีงานวิจัยพบว่า ในคน 100 คน ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คน ลดอาการปวดหลัง ปวดข้อ ลงได้ ดื่มน้ำวันละ 5 แก้ว ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 % มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50%
ทีนี้มาลองรู้จักน้ำ โค้ก กันหน่อย แน่นอนโค้กรสชาดยอดเยี่ยม แต่
- ตำรวจทางหลวงจะบรรทุกโค้ก 2 แกลลอนในช่องท้ายรถ เพื่อเวลามีรถชนกัน สามารถเอาน้ำโค้กล้างเลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา
- ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน2 วัน
- ริน โค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วม ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วชักโครก กรดซิตริกในโค้กจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด
- ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย foil ชุบ โค้ก ขัดสนิมจะออกหมด
- ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด
- ถ้าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดยง่าย
- ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล
- การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด
- ท่านสามารถผสมโค้ก ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดี
- น้ำโค้กมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด
- เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย
- บริษัทขายน้ำโค้ก ใช้น้ำโค้กทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรถ truck มานานประมาณ 20 ปีแล้ว
นอกจากจะใช้ล้างห้องน้ำ เช็ดกระจก ลบรอยเปื้อน และฆ่าเชื้ออสุจิได้แล้ว ล่าสุดยังมีคนบอกว่า สินค้าน้ำดำอย่าง "โค้ก" และ "เป๊ปซี่" ใช้เป็นยากำจัดแมลงศัตรูพืชได้ดีชั้นหนึ่งเลยทีเดียว
บรรดาสาวกน้ำดำทั้งหลาย คงพอจะเคยได้ยินถึงสรรพคุณต่างๆ ทั้งที่พึงประสงค์และชวนให้กังวลของน้ำอัดลมยี่ห้อดัง เป๊ปซี่ และ โค้ก กันอยู่เนืองๆ บางคนบอกว่าน้ำดำสองยี่ห้อนี้ใช้หมักเนื้อสัตว์สำหรับทำอาหารให้เปื่อยเคี้ยวง่ายดี บ้างก็ว่าน้ำอัดลมพวกนี้เป็นน้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาเช็ดกระจกรถ และน้ำยาลบคราบเปื้อนบนเสื้อผ้าชั้นเยี่ยม ที่เมืองจีนถึงกับลือกันว่าเครื่องดื่มโค้กรุ่น นิวโค้ก ที่เคยวางตลาดอยู่ระยะหนึ่ง ใช้เป็นสารฆ่าตัวอสุจิได้!
ฟังดูแล้วเป็นสรรพคุณที่บริษัทผู้ผลิตไม่ค่อยจะปลาบปลื้มสักเท่าไร รวมไปถึงคำชื่นชมล่าสุดจากบรรดาชาวไร่ในอินเดีย ที่กล่าวชมกันอื้ออึงว่า ทั้งเป๊บซี่และโค้กนั้นเป็นยาปราบแมลงศัตรูพืชที่พวกเขายกให้เป็นเบอร์หนึ่งในตอนนี้
ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ชาวสวนชาวไร่หลายร้อยคนในรัฐอานธรประเทศและพื้นที่ใกล้เคียง เริ่มระงับการสั่งซื้อยาฆ่าแมลงจากบริษัทดังทั้งหลาย แต่หันมาใช้ภูมิปัญญาที่พวกเขาเพิ่งค้นพบ และกำลังเผยแพร่บอกต่อเพื่อนเกษตรกรด้วยกันแบบปากต่อปาก จนทำให้ยอดขายน้ำอัดลมทั้งเป๊ปซี่และโค้กพุ่งพรวด และคาดว่าจะมีเกษตรกรอีกนับพันหันมาใช้น้ำดำแทนสารกำจัดแมลงในไม่ช้า
โกตู แล็กไมอาห์ เกษตรกรคนหนึ่งบอกว่าปีนี้เขาเลิกใช้ยาฆ่าแมลงแล้ว แต่หันมาผสมโค้กเพื่อพ่นไร่ฝ้ายหลายเฮกเตอร์ของเขาแทน แล็กไมอาห์บอกกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่า พอเอาน้ำอัดลมฉีด พวกแมลงมันก็ค่อยๆ ตายน่ะครับ นอกจากแล็กไมอาห์แล้ว เกษตรกรคนอื่นๆ ยังยกนิ้วชื่นชมว่า น้ำอัดลมเป็นตัวแทนยาฆ่าแมลงได้เป็นอย่างดี เพราะปลอดภัย ไม่ต้องผสมในสัดส่วนวุ่นวาย และที่สำคัญคือราคาสบายกระเป๋า
ยาฆ่าแมลงยี่ห้อที่นิยมกันในอินเดีย มีราคาประมาณลิตรละ 1 หมื่นรูปี หรือประมาณ 9 พัน บาท แต่โค้กที่ผลิตในอินเดียนั้นราคาเพียง 30 รูปี (27 บาท) ต่อหนึ่งลิตรครึ่ง เทียบสัดส่วนที่ต้องใช้เมื่อนำมาผสมน้ำฉีดต้นไม้แล้ว ต้นทุนในการใช้น้ำอัดลมก็ยังถูกกว่ายาฆ่าแมลงเกือบสิบเท่า
ทเวนตรา ชาร์มา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรของอินเดียบอกว่า บรรดาเกษตรกรกำลังเข้าใจผิด ที่คิดว่าน้ำอัดลมนั้นปราบศัตรูพืชได้เหมือนยาฆ่าแมลง เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ได้ฆ่าแมลง เพียงแต่ป้องกันไม่ให้แมลงหันไปเล่นงานพืชต่างหาก และพระเอกตัวจริงของเรื่องนี้ก็คือ น้ำตาล ซึ่งมีปริมาณสูงมากในเครื่องดื่มทั้งสองยี่ห้อ
ชาร์มาเล่าว่าการใช้น้ำตาลเพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืชไม่ใช่เรื่องใหม่ สมัยก่อนเกษตรกรใช้น้ำตาลโตนดปราบศัตรูพืชกันมานานแล้ว ซึ่งเป๊ปซี่กับโค้กก็ให้ผลอย่างเดียวกัน เพราะน้ำตาลในเครื่องดื่มจะกลายเป็นอาหารให้มดและแมลงเลี้ยงตัวอ่อนได้อิ่มหนำ จนไม่ต้องมาวอแวกับต้นพืช
นอกจากนี้ สันเกต ธากูร์ นักวิทยาศาสตร์อีกคนยังระบุว่า การพ่นน้ำอัดลมใส่ต้นไม้ ทำให้พืชได้รับน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตโดยตรง จึงเหมือนเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ได้ผลิตผลจากไร่มากขึ้น
ท่านยังอยากดื่ม โค้ก หรือดื่มน้ำกัน เลือกเอาเอง
แปลโดย ศ.กิตติคุณ นพ.เสก อักษรานุเคราะห์ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
(อันนี้เป็น FW.เมล์นะคะ อ่านแล้วพิจารณา จริงหรือไม่ ก็ต้องพิจารณา เพราะเป็นFWเมล์ที่เขาก๊อบมาให้อ่าน)
[/color]
Date: Mon, 23 Jan 2006 03:35:12 -0900
ตอบเมื่อ: Mon Jan 16, 2006 11:31 เรื่อง: เกษตรกรยกนิ้ว "เป๊ปซี่-โค้ก" สุดยอดยาฆ่าแมลง
--------------------------------------------------------------------------------
ถ้าท่านรู้เรื่องนี้ ท่านจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย 75% ของคนอเมริกันขาดน้ำ ถ้าคิดทั้งโลกจะมีประชากรโลกขาดน้ำถึงครึ่งหนึ่ง 73% ของคนอเมริกันมีกลไกที่ทำให้ความรู้สึกหิวน้ำทำงานช้าลง จึงทำให้ไม่รู้สึกหิวน้ำทั้งที่ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งจะเป็นผลทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายลดลงได้ประมาณ 3% และเป็นเหตุให้รู้สึกอ่อนเพลียในช่วงกลางวัน มีงานวิจัยพบว่า ในคน 100 คน ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คน ลดอาการปวดหลัง ปวดข้อ ลงได้ ดื่มน้ำวันละ 5 แก้ว ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 % มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50%
ทีนี้มาลองรู้จักน้ำ โค้ก กันหน่อย แน่นอนโค้กรสชาดยอดเยี่ยม แต่
- ตำรวจทางหลวงจะบรรทุกโค้ก 2 แกลลอนในช่องท้ายรถ เพื่อเวลามีรถชนกัน สามารถเอาน้ำโค้กล้างเลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา
- ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน2 วัน
- ริน โค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วม ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วชักโครก กรดซิตริกในโค้กจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด
- ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย foil ชุบ โค้ก ขัดสนิมจะออกหมด
- ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด
- ถ้าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดยง่าย
- ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล
- การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด
- ท่านสามารถผสมโค้ก ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดี
- น้ำโค้กมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด
- เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย
- บริษัทขายน้ำโค้ก ใช้น้ำโค้กทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรถ truck มานานประมาณ 20 ปีแล้ว
นอกจากจะใช้ล้างห้องน้ำ เช็ดกระจก ลบรอยเปื้อน และฆ่าเชื้ออสุจิได้แล้ว ล่าสุดยังมีคนบอกว่า สินค้าน้ำดำอย่าง "โค้ก" และ "เป๊ปซี่" ใช้เป็นยากำจัดแมลงศัตรูพืชได้ดีชั้นหนึ่งเลยทีเดียว
บรรดาสาวกน้ำดำทั้งหลาย คงพอจะเคยได้ยินถึงสรรพคุณต่างๆ ทั้งที่พึงประสงค์และชวนให้กังวลของน้ำอัดลมยี่ห้อดัง เป๊ปซี่ และ โค้ก กันอยู่เนืองๆ บางคนบอกว่าน้ำดำสองยี่ห้อนี้ใช้หมักเนื้อสัตว์สำหรับทำอาหารให้เปื่อยเคี้ยวง่ายดี บ้างก็ว่าน้ำอัดลมพวกนี้เป็นน้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาเช็ดกระจกรถ และน้ำยาลบคราบเปื้อนบนเสื้อผ้าชั้นเยี่ยม ที่เมืองจีนถึงกับลือกันว่าเครื่องดื่มโค้กรุ่น นิวโค้ก ที่เคยวางตลาดอยู่ระยะหนึ่ง ใช้เป็นสารฆ่าตัวอสุจิได้!
ฟังดูแล้วเป็นสรรพคุณที่บริษัทผู้ผลิตไม่ค่อยจะปลาบปลื้มสักเท่าไร รวมไปถึงคำชื่นชมล่าสุดจากบรรดาชาวไร่ในอินเดีย ที่กล่าวชมกันอื้ออึงว่า ทั้งเป๊บซี่และโค้กนั้นเป็นยาปราบแมลงศัตรูพืชที่พวกเขายกให้เป็นเบอร์หนึ่งในตอนนี้
ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ชาวสวนชาวไร่หลายร้อยคนในรัฐอานธรประเทศและพื้นที่ใกล้เคียง เริ่มระงับการสั่งซื้อยาฆ่าแมลงจากบริษัทดังทั้งหลาย แต่หันมาใช้ภูมิปัญญาที่พวกเขาเพิ่งค้นพบ และกำลังเผยแพร่บอกต่อเพื่อนเกษตรกรด้วยกันแบบปากต่อปาก จนทำให้ยอดขายน้ำอัดลมทั้งเป๊ปซี่และโค้กพุ่งพรวด และคาดว่าจะมีเกษตรกรอีกนับพันหันมาใช้น้ำดำแทนสารกำจัดแมลงในไม่ช้า
โกตู แล็กไมอาห์ เกษตรกรคนหนึ่งบอกว่าปีนี้เขาเลิกใช้ยาฆ่าแมลงแล้ว แต่หันมาผสมโค้กเพื่อพ่นไร่ฝ้ายหลายเฮกเตอร์ของเขาแทน แล็กไมอาห์บอกกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่า พอเอาน้ำอัดลมฉีด พวกแมลงมันก็ค่อยๆ ตายน่ะครับ นอกจากแล็กไมอาห์แล้ว เกษตรกรคนอื่นๆ ยังยกนิ้วชื่นชมว่า น้ำอัดลมเป็นตัวแทนยาฆ่าแมลงได้เป็นอย่างดี เพราะปลอดภัย ไม่ต้องผสมในสัดส่วนวุ่นวาย และที่สำคัญคือราคาสบายกระเป๋า
ยาฆ่าแมลงยี่ห้อที่นิยมกันในอินเดีย มีราคาประมาณลิตรละ 1 หมื่นรูปี หรือประมาณ 9 พัน บาท แต่โค้กที่ผลิตในอินเดียนั้นราคาเพียง 30 รูปี (27 บาท) ต่อหนึ่งลิตรครึ่ง เทียบสัดส่วนที่ต้องใช้เมื่อนำมาผสมน้ำฉีดต้นไม้แล้ว ต้นทุนในการใช้น้ำอัดลมก็ยังถูกกว่ายาฆ่าแมลงเกือบสิบเท่า
ทเวนตรา ชาร์มา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรของอินเดียบอกว่า บรรดาเกษตรกรกำลังเข้าใจผิด ที่คิดว่าน้ำอัดลมนั้นปราบศัตรูพืชได้เหมือนยาฆ่าแมลง เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ได้ฆ่าแมลง เพียงแต่ป้องกันไม่ให้แมลงหันไปเล่นงานพืชต่างหาก และพระเอกตัวจริงของเรื่องนี้ก็คือ น้ำตาล ซึ่งมีปริมาณสูงมากในเครื่องดื่มทั้งสองยี่ห้อ
ชาร์มาเล่าว่าการใช้น้ำตาลเพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืชไม่ใช่เรื่องใหม่ สมัยก่อนเกษตรกรใช้น้ำตาลโตนดปราบศัตรูพืชกันมานานแล้ว ซึ่งเป๊ปซี่กับโค้กก็ให้ผลอย่างเดียวกัน เพราะน้ำตาลในเครื่องดื่มจะกลายเป็นอาหารให้มดและแมลงเลี้ยงตัวอ่อนได้อิ่มหนำ จนไม่ต้องมาวอแวกับต้นพืช
นอกจากนี้ สันเกต ธากูร์ นักวิทยาศาสตร์อีกคนยังระบุว่า การพ่นน้ำอัดลมใส่ต้นไม้ ทำให้พืชได้รับน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตโดยตรง จึงเหมือนเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ได้ผลิตผลจากไร่มากขึ้น
ท่านยังอยากดื่ม โค้ก หรือดื่มน้ำกัน เลือกเอาเอง
แปลโดย ศ.กิตติคุณ นพ.เสก อักษรานุเคราะห์ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
(อันนี้เป็น FW.เมล์นะคะ อ่านแล้วพิจารณา จริงหรือไม่ ก็ต้องพิจารณา เพราะเป็นFWเมล์ที่เขาก๊อบมาให้อ่าน)
[/color]
-
- Verified User
- โพสต์: 424
- ผู้ติดตาม: 0
.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
โพสต์ที่ 9
อย่างนี้ mk คงไม่ชอบ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
โพสต์ที่ 10
ปกติโปรตีน ผ่านความร้อนไม่เกิน 100 c ก็ Denature หรือสุกแล้วครับ
คงไม่ถึงกับต้อง 500 c
และน้ำเดือดมีอุณหภูมิ 100 c ก็กลายเป็นไอแล้ว ถ้าให้สูงกว่านี้ ต้องต้มเป็นหม้อความดัน หรือ stream หรือในน้ำมันเดือด ก็ยังแค่ 200 -300 c ก็เลยไม่ทราบว่า 500 c นี้ต้องต้มอย่างไร
ไม่รู้จักใข่ปลิงครับ ไม่รู้หน้าตาเป็นอย่างไร อย่างนี้ชาวบ้าน ชาวนา มิแย่หรือครับ แต่ยังไม่เห็นมีข่าวเลย ที่เคยได้ยินบ้างคือปลิงเข้าไปทางก้น อะไรทำนองนี้
ฟังหูไว้หูครับ
แต่ก็ขอบคุณครับ ที่นำมาเล่ากัน
คงไม่ถึงกับต้อง 500 c
และน้ำเดือดมีอุณหภูมิ 100 c ก็กลายเป็นไอแล้ว ถ้าให้สูงกว่านี้ ต้องต้มเป็นหม้อความดัน หรือ stream หรือในน้ำมันเดือด ก็ยังแค่ 200 -300 c ก็เลยไม่ทราบว่า 500 c นี้ต้องต้มอย่างไร
ไม่รู้จักใข่ปลิงครับ ไม่รู้หน้าตาเป็นอย่างไร อย่างนี้ชาวบ้าน ชาวนา มิแย่หรือครับ แต่ยังไม่เห็นมีข่าวเลย ที่เคยได้ยินบ้างคือปลิงเข้าไปทางก้น อะไรทำนองนี้
ฟังหูไว้หูครับ
แต่ก็ขอบคุณครับ ที่นำมาเล่ากัน
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 363
- ผู้ติดตาม: 0
.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
โพสต์ที่ 11
น้ำอัดลม(อัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์)ที่เปิดจากขวดใหม่ๆ มีฤทธิ์เป็นกรด- น้ำโค้กมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด
แต่ไม่ทราบว่ามากน้อยเพียงไรเพราะยังไม่เคยทดสอบ pH
ถ้าวางทิ้งไว้ในที่ความดันปกติ(บรรยากาศ)นานๆ
ก๊าซจะแยกตัวออกไป เหลือน้ำเปล่ากับพวกน้ำตาลแต่งรส
ผมเคยทดสอบแช่เล็บที่ตัดทิ้งในโค้กแล้วครับ
เดือนนึงเล็บผมยังแข็งเหมือนเดิมอยู่เลย
-
- Verified User
- โพสต์: 674
- ผู้ติดตาม: 0
.....ข้อคิดดีๆ...FW: คนที่ชอบกินผักบุ้ง โปรดระวัง !.....
โพสต์ที่ 12
[/quote]
น้ำอัดลม(อัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์)ที่เปิดจากขวดใหม่ๆ มีฤทธิ์เป็นกรด
แต่ไม่ทราบว่ามากน้อยเพียงไรเพราะยังไม่เคยทดสอบ pH
ถ้าวางทิ้งไว้ในที่ความดันปกติ(บรรยากาศ)นานๆ
ก๊าซจะแยกตัวออกไป เหลือน้ำเปล่ากับพวกน้ำตาลแต่งรส
ผมเคยทดสอบแช่เล็บที่ตัดทิ้งในโค้กแล้วครับ
เดือนนึงเล็บผมยังแข็งเหมือนเดิมอยู่เลย[/quote]
คงหมายถึงว่ามีการเปลี่ยนน้ำใหม่อยู่ตลอดเวลามั้งครับ
น้ำอัดลม(อัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์)ที่เปิดจากขวดใหม่ๆ มีฤทธิ์เป็นกรด
แต่ไม่ทราบว่ามากน้อยเพียงไรเพราะยังไม่เคยทดสอบ pH
ถ้าวางทิ้งไว้ในที่ความดันปกติ(บรรยากาศ)นานๆ
ก๊าซจะแยกตัวออกไป เหลือน้ำเปล่ากับพวกน้ำตาลแต่งรส
ผมเคยทดสอบแช่เล็บที่ตัดทิ้งในโค้กแล้วครับ
เดือนนึงเล็บผมยังแข็งเหมือนเดิมอยู่เลย[/quote]
คงหมายถึงว่ามีการเปลี่ยนน้ำใหม่อยู่ตลอดเวลามั้งครับ