Mental Accounting
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
Mental Accounting
โพสต์ที่ 1
สมมุติว่าคุณได้ซื้อตั๋วคอนเสิร์ตของนักร้องสุดโปรดราคา 2,000 บาท เมื่อไปถึงปรากฎว่าตั๋วหายไป ถามว่าคุณจะจ่ายเงินอีก 2,000 บาท ซื้อตั๋วใหม่หรือไม่
กรณีที่สอง สมมุติว่าในงานคอนเสร์ตเดียวกัน คุณกำลังจะไปซื้อตั๋ว ราคา 2,000 บาทที่หน้าโรง และก็พบว่าทำเงินหายไป 2,000 บาท ตอนเดินเข้ามา ถึงแม้ว่าคุณจะมีเงินอีกมากในกระเป๋า ถามว่าคุณจะยังคงซื้อตั๋วอยู่หรือไม่
คำตอบคือของคนส่วนใหญ่คือ ไม่ซื้อในกรณีแรก และซื้อในกรณีหลัง ถึงแม้ว่าทั้งสองกรณีจะสูญเสียเสีย 2,000 บาทและกำลังจะเสียอีก 2,000 บาท สำหรับการดูคอนเสิร์ตเหมือนกันก็ตาม
มนุษย์จะตีความว่า กรณีแรกต้องจ่ายเงิน 4,000 บาท ดูคอนเสิร์ตซึ่งดูจะแพงเกินไป แต่ในกรณีหลังการสูญเงิน 2,000 บาท และการเสียค่าตั๋ว 2,000 บาท ถูกแยกกันเป็นสองบัญชี Mental Accounting จะทำให้พฤติกรรมต่อการสูญเสียเงิน 2,000 บาท ของทั้งสองกรณีแตกต่างกัน
ถึงแม้การทำลายกำแพงของ Mental Accounting เป็นสิ่งที่ยากเย็นและฝืนธรรมชาติ การตระหนักถึงการมีอยู่ของ Mental Accounting เท่านั้นที่จะช่วยให้เราอยู่บนโลกของความเป็นจริงที่เงินทุกบาทมีค่าเท่ากัน ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายและการลงทุนของเราเป็นไปอย่างมีเหตุผล
อิอิ
อ่านมาจากหนังสือ โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี 5 แต่งโดย วรากรณ์ สามโกเศศ
อืม ไม่น่าเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้มีผลวิจัยทางเศรษฐศาตร์แนวใหม่ล่าสุด ที่ผู้เขียน เขียนให้อ่านง่ายมาก
ผมบังเอิญได้มา เพราะดูจากชื่อเรื่องและหน้าปกแล้ว คงไม่ซื้อแน่ๆ แต่ดันเปิดไปเจอเรื่อง Mental Accounting เออ แปลกดี
มีอีกหลายเรื่องครับ >>>>> นานๆที่กว่าจะเจอหนังสือที่อ่านแล้ว วางไม่ลง
อ๋อ มีเกี่ยวกับพฤติกรรมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยนะ อิอิ
กรณีที่สอง สมมุติว่าในงานคอนเสร์ตเดียวกัน คุณกำลังจะไปซื้อตั๋ว ราคา 2,000 บาทที่หน้าโรง และก็พบว่าทำเงินหายไป 2,000 บาท ตอนเดินเข้ามา ถึงแม้ว่าคุณจะมีเงินอีกมากในกระเป๋า ถามว่าคุณจะยังคงซื้อตั๋วอยู่หรือไม่
คำตอบคือของคนส่วนใหญ่คือ ไม่ซื้อในกรณีแรก และซื้อในกรณีหลัง ถึงแม้ว่าทั้งสองกรณีจะสูญเสียเสีย 2,000 บาทและกำลังจะเสียอีก 2,000 บาท สำหรับการดูคอนเสิร์ตเหมือนกันก็ตาม
มนุษย์จะตีความว่า กรณีแรกต้องจ่ายเงิน 4,000 บาท ดูคอนเสิร์ตซึ่งดูจะแพงเกินไป แต่ในกรณีหลังการสูญเงิน 2,000 บาท และการเสียค่าตั๋ว 2,000 บาท ถูกแยกกันเป็นสองบัญชี Mental Accounting จะทำให้พฤติกรรมต่อการสูญเสียเงิน 2,000 บาท ของทั้งสองกรณีแตกต่างกัน
ถึงแม้การทำลายกำแพงของ Mental Accounting เป็นสิ่งที่ยากเย็นและฝืนธรรมชาติ การตระหนักถึงการมีอยู่ของ Mental Accounting เท่านั้นที่จะช่วยให้เราอยู่บนโลกของความเป็นจริงที่เงินทุกบาทมีค่าเท่ากัน ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายและการลงทุนของเราเป็นไปอย่างมีเหตุผล
อิอิ
อ่านมาจากหนังสือ โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี 5 แต่งโดย วรากรณ์ สามโกเศศ
อืม ไม่น่าเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้มีผลวิจัยทางเศรษฐศาตร์แนวใหม่ล่าสุด ที่ผู้เขียน เขียนให้อ่านง่ายมาก
ผมบังเอิญได้มา เพราะดูจากชื่อเรื่องและหน้าปกแล้ว คงไม่ซื้อแน่ๆ แต่ดันเปิดไปเจอเรื่อง Mental Accounting เออ แปลกดี
มีอีกหลายเรื่องครับ >>>>> นานๆที่กว่าจะเจอหนังสือที่อ่านแล้ว วางไม่ลง
อ๋อ มีเกี่ยวกับพฤติกรรมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยนะ อิอิ
- chansaiw
- Verified User
- โพสต์: 703
- ผู้ติดตาม: 0
Mental Accounting
โพสต์ที่ 2
นี่น่าเป็นสิ่งที่ทำให้นักพนันไม่เคยรอดออกไปด้วยกำไร
เพราะเงินที่ได้จากการพนัน กลายเป็นเงินที่นักพนันคิดว่าไม่ใช่เงินของเค้าแต่เป็นของบ่อน
แล้วก็กล้าในการพนันมากขึ้น
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีรอดกลับจากบ่อนเพราะเจ๊งหมด
พอขาดทุน ยิ่งอยากเอาคืน
ไม่รอด ไม่รอด
ก็ไม่ต่างจากนักเก็งกำไรใตลาดหุ้นเลย
ผมก็เคยเป็นแบบนี้ครับ อิอิ
เพราะเงินที่ได้จากการพนัน กลายเป็นเงินที่นักพนันคิดว่าไม่ใช่เงินของเค้าแต่เป็นของบ่อน
แล้วก็กล้าในการพนันมากขึ้น
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีรอดกลับจากบ่อนเพราะเจ๊งหมด
พอขาดทุน ยิ่งอยากเอาคืน
ไม่รอด ไม่รอด
ก็ไม่ต่างจากนักเก็งกำไรใตลาดหุ้นเลย
ผมก็เคยเป็นแบบนี้ครับ อิอิ
"Failure is the only way to start again intelligently"
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Mental Accounting
โพสต์ที่ 3
ต้นปีมีเงิน 100 บาท เจอหุ้นน่าสนใจ 2 ตัว ตัวแรกหุ้นพื้นฐานราคาต่ำกว่าความเป็นจริง 20% อีกตัวหุ้นเก็งกำไร
ถ้าตัดสินใจเอาเงิน 100 บาทไปซื้อหุ้นเก็งกำไร แล้วปรากฏว่าถูกหวยปลายปีราคาวิ่งไป 200 บาท เห็นว่าหมดข่าวดีแล้วจึงขายทำกำไรออกมาถือเงินสดไว้ 200 บาท
หันกลับมามองหุ้นพื้นฐานตัวเดิมอีกทีภาพยังดีเหมือนเดิมแต่ตอนนี้แพงไปแล้ว 25% คุณจะยอมเอาเงิน 200 บาทนั้นไปซื้อหุ้นพื้นฐานตัวนั้นหรือไม่
โดยส่วนตัว ผมไม่ซื้ออยู่แล้วเพราะเป็นการฝ่าฝืนกฏข้อ 1 ของผมเอง แต่ยังไงประเด็นนี้มันก็ทำให้อดลังเลไม่ได้ เพราะการที่เราไม่เลือกซือหุ้นพื้นฐานตัวนั้นทันทีตั้งแต่ต้นปี ทำให้เรามีเงินไปทำกำไรที่สูงกว่า ถ้าจะกลับมาซื้อใหม่ก็จะได้จำนวนหุ้นมากกว่าเดิมแม้ว่าจะแพงไปหน่อยก็ตาม จริงๆ แล้วกรณีแบบนี้ถือว่าซื้อได้หรือเปล่า?
ถ้าตัดสินใจเอาเงิน 100 บาทไปซื้อหุ้นเก็งกำไร แล้วปรากฏว่าถูกหวยปลายปีราคาวิ่งไป 200 บาท เห็นว่าหมดข่าวดีแล้วจึงขายทำกำไรออกมาถือเงินสดไว้ 200 บาท
หันกลับมามองหุ้นพื้นฐานตัวเดิมอีกทีภาพยังดีเหมือนเดิมแต่ตอนนี้แพงไปแล้ว 25% คุณจะยอมเอาเงิน 200 บาทนั้นไปซื้อหุ้นพื้นฐานตัวนั้นหรือไม่
โดยส่วนตัว ผมไม่ซื้ออยู่แล้วเพราะเป็นการฝ่าฝืนกฏข้อ 1 ของผมเอง แต่ยังไงประเด็นนี้มันก็ทำให้อดลังเลไม่ได้ เพราะการที่เราไม่เลือกซือหุ้นพื้นฐานตัวนั้นทันทีตั้งแต่ต้นปี ทำให้เรามีเงินไปทำกำไรที่สูงกว่า ถ้าจะกลับมาซื้อใหม่ก็จะได้จำนวนหุ้นมากกว่าเดิมแม้ว่าจะแพงไปหน่อยก็ตาม จริงๆ แล้วกรณีแบบนี้ถือว่าซื้อได้หรือเปล่า?
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ