ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 2
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 5
คนเกิดมาใลกนี้ คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายตีนย่อมมิใช่ผู้ดี เมื่อตอนมาข้ามาอย่างเปิดเผย
เมื่อตอนไปข้าย่อมต้องไปอย่างเปิดเผยเช่นกัน
ข้าตัดสินใจไปแน่นอนแล้ว จะมากลับคำยอมอยู่ต่อไปได้อย่างไร บุญคุณต่างๆที่ได้รับมาใหม่จากท่านโจโฉ
นั้นถึงจะมากมายแต่คุณธรรมที่เคยมีมาก่อนจากท่านเล่าปี่ย่อมไม่อาจลืมเลือนไปได้เช่นกัน
เมื่อตอนไปข้าย่อมต้องไปอย่างเปิดเผยเช่นกัน
ข้าตัดสินใจไปแน่นอนแล้ว จะมากลับคำยอมอยู่ต่อไปได้อย่างไร บุญคุณต่างๆที่ได้รับมาใหม่จากท่านโจโฉ
นั้นถึงจะมากมายแต่คุณธรรมที่เคยมีมาก่อนจากท่านเล่าปี่ย่อมไม่อาจลืมเลือนไปได้เช่นกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
โจโฉกรีฑาทัพเหยียบชีจิ๋ว กตัญญูหรือเหี้ยมโหด
โพสต์ที่ 6
ท่านคิดว่าที่โจโฉกรีฑาทัพไปบุกชีจิ๋วเพื่อล้างแค้นให้พ่อตน แล้วสั่งแบบฆ่าล้างโคตร เมือง ไม่เว้ยแม้ ทารก หญิง เฒ่า นั้น มีความกตัญญูที่จะล้างแค้นให้พ่อตน หรือ ทำไปเพื่อความสะใจของตนที่สั่งให้ฆ่าคนตลอดการกรีฑาทัพไปขยี้โตเกี๋ยม...
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 8
อำนาจที่ปราศจากความเมตตา คือ อำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาศ
เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
ยามเรืองรุ่งพุ่งเปรี้ยงดุจเสียงฟ้า แม้เทวายังสยบหลบทางให้
จะหยิบดาวเดือนชมก็สมใจ คงร้องให้วันหนึ่งแน่ คราวแพ้มี
เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิด
เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร
การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น
ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่ .
ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่ .
ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่ .
อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาศ
เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
ยามเรืองรุ่งพุ่งเปรี้ยงดุจเสียงฟ้า แม้เทวายังสยบหลบทางให้
จะหยิบดาวเดือนชมก็สมใจ คงร้องให้วันหนึ่งแน่ คราวแพ้มี
เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิด
เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร
การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น
ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่ .
ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่ .
ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่ .
อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าไม่มีโจโฉไครจะครองแผ่นดิน
โพสต์ที่ 9
อาศัยตัวคนเดียวพลิกสถานการณ์จากความเสียเปรียบเป็นได้เปรียบ ใช้ปัญญานำความกล้า นี่ต่างหากที่เป็นยอดขุนพลที่เเท้จริง........."
"ลิขิตสวรรค์ก็คือสิขิตสวรรค์มั่นคงไม่เปลี่ยนเเปลง ผู้ที่เชื่ออย่างงมงายรังเเต่จะทำให้คนตกอยู่ในสภาพเลวร้าย พึงรู้ไว้ด้วยว่ายังมีประโยคที่พูดว่า [ลิขิตฟ้ากลั่นเเกล้งคน] โคมนี้ข้าเป็นคนจุดเอง เเต่ผู้ที่จะถูกต่อชีวิตไม่ใช่ตั๋งโต๊ะ ฟ้าดินของลิโป้มีเเต่จะยั่งยืนยิ่งกว่า.............."
"ลิโป้ เฟยเสียงเป็นผู้ที่แข็งเเกร่งที่สุด กับผู่ที่เเข็งเเกร่งที่สุดไม่มีสาเหตุของความพ่ายเเพ้........"
"ลิขิตสวรรค์ก็คือสิขิตสวรรค์มั่นคงไม่เปลี่ยนเเปลง ผู้ที่เชื่ออย่างงมงายรังเเต่จะทำให้คนตกอยู่ในสภาพเลวร้าย พึงรู้ไว้ด้วยว่ายังมีประโยคที่พูดว่า [ลิขิตฟ้ากลั่นเเกล้งคน] โคมนี้ข้าเป็นคนจุดเอง เเต่ผู้ที่จะถูกต่อชีวิตไม่ใช่ตั๋งโต๊ะ ฟ้าดินของลิโป้มีเเต่จะยั่งยืนยิ่งกว่า.............."
"ลิโป้ เฟยเสียงเป็นผู้ที่แข็งเเกร่งที่สุด กับผู่ที่เเข็งเเกร่งที่สุดไม่มีสาเหตุของความพ่ายเเพ้........"
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ขงเบ้งร่ายกลอนก่อนตาย
โพสต์ที่ 10
ฟ้าเอยใยด่วนพราก
ท่านไปกับสายลมสารท
ดินเอย...ใยด่วนโอบอุ้ม
ท่านไว้ในอ้อมกอด
เราจะยอมตายแลกชีวิตท่าน
เพื่อให้ท่านกลับมา
นำเหล่าขุนพลออกสงคราม
ลือชาเอย อุทิศ แรงใจแรงกาน
ใครจะเทียบ
บริสุทธุใสสะอาดใครจะเปรียบ
ลือชาเอย
ฟ้าเอยช่างไม่ยุติธรรม
ดินเอ๋ยใยช่างไร้นำใจ
เหลือไว้เพียงพิณและพิชัยสงคราม
ลือชาเอย
ลือชาเอย
ลือชาเอย
บ้านเมืองจะฝากไว้กับใครเล่า
เจ็บปวดรวดร้าวใจยิ่งเอย
ท่านไปกับสายลมสารท
ดินเอย...ใยด่วนโอบอุ้ม
ท่านไว้ในอ้อมกอด
เราจะยอมตายแลกชีวิตท่าน
เพื่อให้ท่านกลับมา
นำเหล่าขุนพลออกสงคราม
ลือชาเอย อุทิศ แรงใจแรงกาน
ใครจะเทียบ
บริสุทธุใสสะอาดใครจะเปรียบ
ลือชาเอย
ฟ้าเอยช่างไม่ยุติธรรม
ดินเอ๋ยใยช่างไร้นำใจ
เหลือไว้เพียงพิณและพิชัยสงคราม
ลือชาเอย
ลือชาเอย
ลือชาเอย
บ้านเมืองจะฝากไว้กับใครเล่า
เจ็บปวดรวดร้าวใจยิ่งเอย
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
โจผีบุกง่อ..ถ้าเอาสุมาอี้ไปด้วย
โพสต์ที่ 11
ครั้น เล่าปี่ ตาย เล่าเสี้ยนครองอำนาจแทน(แท้จริงขงเบ้งต่างหาก) สุมาอี้ เสนอแผนบุกจ๊ก 5 ทัพ นั้น เมื่อขงเบ้ง สลาย 5 ทัพลงได้ ก็ เป็นพันธมิตรกับ ต๋องง่อ ทำให้โจผี็สึกแค้นต๋องง่อ ที่ กลับกลอก จึงยกทัพมา ให้ โจจิ๋นเป็นแม่ทัพใหญ่ มี เตียวเลี้ยว เตียวคับ ซิหลง บุญเพ่ง เปนทัำำำพหน้ามาด้วย แล้ว ตั้ง สุมาอี้ เป็นซ่างซู อยู่รักษา ฮูโต๋ จากนั้น โจผีก็กรีฑาทัพด้วยตัวเอง จากนั้นก็แพ้...(รึปล่าว) รู้สึกว่าจะถอยกลับเพราะ มีพายุ รึปล่าวไม่แน่ใจ
ท่านคิดว่า ถ้า เอาสุมาอี้ มาด้วย การศึกครั้งนี้ โจผีมีสิทธิชนะ ง่อ มั้ย
ท่านคิดว่า ถ้า เอาสุมาอี้ มาด้วย การศึกครั้งนี้ โจผีมีสิทธิชนะ ง่อ มั้ย
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อสุมาอี้สอนลูก
โพสต์ที่ 12
ชำระแผ่นดิน สงบความวุ่นวาย
รวบรวมแผ่นดินสำเร็จ เป็นวีรบุรุษแห่งยุค
วุย จ๊ก ง่อ แบ่งแผ่นดินเป็นสามส่วน เล่าปี่มันก็แค่คนทอเสื่อขายกลับยิ่งใหญ่ในทิศหนึ่ง ตั้งตนเป็นเจ้า
เคล็บลับสำคัญ อักษร 4 ตัว " ชนะใจชนทั้งปวง ช่วงใช้ราษฏร "
โบราณว่าชนะใจราษฎรเป็นฮ่องเต้ได้
ชนะใจฮ่องเต้เป็นเจ้าแคว้นได้
ชนะใจเจ้าแคว้นเป็นได้แค่อัมมาตย์!!
พวกเจ้าจำไว้ ชนะใจราษฎร รวบรวมแผ่นดิน เท่านี้ แผ่นดินก็จะเป็นของแซ่สุมา!!
รวบรวมแผ่นดินสำเร็จ เป็นวีรบุรุษแห่งยุค
วุย จ๊ก ง่อ แบ่งแผ่นดินเป็นสามส่วน เล่าปี่มันก็แค่คนทอเสื่อขายกลับยิ่งใหญ่ในทิศหนึ่ง ตั้งตนเป็นเจ้า
เคล็บลับสำคัญ อักษร 4 ตัว " ชนะใจชนทั้งปวง ช่วงใช้ราษฏร "
โบราณว่าชนะใจราษฎรเป็นฮ่องเต้ได้
ชนะใจฮ่องเต้เป็นเจ้าแคว้นได้
ชนะใจเจ้าแคว้นเป็นได้แค่อัมมาตย์!!
พวกเจ้าจำไว้ ชนะใจราษฎร รวบรวมแผ่นดิน เท่านี้ แผ่นดินก็จะเป็นของแซ่สุมา!!
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
จิงแล้วขงเบ้ง หรือสุมาอี้ ใครบาปกว่ากัน
โพสต์ที่ 13
ผมหล่ะประหลาดใจมากสำหรับขงเบ้ง คิดดูสิคนที่เอาแต่อยู่บนเขานั่งท่องตำราเป็นเวลาหลายปีจะสามารถลงมาฆ่าคนเป็นแสนได้ลงคอ(เหตุการณ์ที่ทุ่งพกบ๋อง) พัดที่เขาถืออยู่นั้นถึงจะดูสง่างาม แต่ถ้าสังเกตุดูทำไมมันดูพัดที่ชี้ลงที่ใด ที่นั่นฉิบหายเอาเท่านั้น
สำหรับตระกูลสุมาหรือsimaนั้น ผมก็ว่ามันดีแต่รุ่นลูกกับรุ่นหลานเท่านั้น คิดดูสิหลังจากสุมาเอี๋ยนตายไปลูกหลานตระกูลสุมาก็แก่งแย่งชิงดีทำสงครามซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็นสงครามเจ้าผู้ครองนคร พอจบสงครามนี้ราชวงศ์เฉิงจึงล่มสลาย ต่อจากนั้นผู้คนในแผ่นดินจึงรบราฆ่าฟัน บาดเจ็บล้มตายไปอย่างมหาศาล มันเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายและยาวนานกว่ายุคสามก๊กถึง 7 เท่า จนในที่สุดกว่าแผ่นดินจะสงบก็ปาเข้าไปตอนที่ ราชวงศ์สุยรวมแผ่นดินกันปึกแผ่นอีกครั้ง ใครเคยดูหนังเรื่องมังกรคู่สู้สิบทิศจะมีตอนหนึ่งซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ในช่วงนี้
สำหรับตระกูลสุมาหรือsimaนั้น ผมก็ว่ามันดีแต่รุ่นลูกกับรุ่นหลานเท่านั้น คิดดูสิหลังจากสุมาเอี๋ยนตายไปลูกหลานตระกูลสุมาก็แก่งแย่งชิงดีทำสงครามซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็นสงครามเจ้าผู้ครองนคร พอจบสงครามนี้ราชวงศ์เฉิงจึงล่มสลาย ต่อจากนั้นผู้คนในแผ่นดินจึงรบราฆ่าฟัน บาดเจ็บล้มตายไปอย่างมหาศาล มันเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายและยาวนานกว่ายุคสามก๊กถึง 7 เท่า จนในที่สุดกว่าแผ่นดินจะสงบก็ปาเข้าไปตอนที่ ราชวงศ์สุยรวมแผ่นดินกันปึกแผ่นอีกครั้ง ใครเคยดูหนังเรื่องมังกรคู่สู้สิบทิศจะมีตอนหนึ่งซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ในช่วงนี้
-
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 15
การตัดสินใจของขงเบ้งพาความวินาศมาสู่เสฉวนครั้น เล่าปี่ ตาย เล่าเสี้ยนครองอำนาจแทน(แท้จริงขงเบ้งต่างหาก)
ถ้าขงเบ้ง พิจารณาเห็นแล้วว่าเล่าเสี้ยนไร้ความสามารถ หากปฏิวัติขึ้นมาครองบัลลังค์เสียเอง เรื่องสามก๊กคงเปลี่ยน ทำได้แม้เข่นฆ่าคนนับแสน เหตุใดเล่าเพียงแค่ผลักอาเต๊าลงจากบัลลังค์จะยากเย็น จะว่าไป บัลลังค์นี้ตนก็สร้างมาแล้วก็ถวายแด่เล่าปี่แท้ๆ
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 16
เท่าที่ผมอ่านจุดอ่อน ของ ขงเบ้ง มี 3 ข้อ ที่เกี่ยวกันเป็นลูกโซ่jaychou เขียน: การตัดสินใจของขงเบ้งพาความวินาศมาสู่เสฉวน
ถ้าขงเบ้ง พิจารณาเห็นแล้วว่าเล่าเสี้ยนไร้ความสามารถ หากปฏิวัติขึ้นมาครองบัลลังค์เสียเอง เรื่องสามก๊กคงเปลี่ยน ทำได้แม้เข่นฆ่าคนนับแสน เหตุใดเล่าเพียงแค่ผลักอาเต๊าลงจากบัลลังค์จะยากเย็น จะว่าไป บัลลังค์นี้ตนก็สร้างมาแล้วก็ถวายแด่เล่าปี่แท้ๆ
1. ความสามารถในการ "ตัดสินใจ" ใช้คน ไม่ดี ... ใช้คำว่า ตัดสินใจ เพราะเรื่องอ่านคน ขงเบ้งอ่านคนเก่ง แต่เวลา Final ในการเลือก กลับเลือกได้ไม่ดี ไม่รู้ทำไม อาจใช้ใจ เข้าไปปนด้วยหรือเปล่า อันนี้แล้วแต่จะคิดครับ
2. ขงเบ้ง เน้น ทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่สร้างระบบให้ทำงานด้วยตัวเอง ละเลยการสร้างคน ทำให้ตัวเองเหนื่อยมาก แล้วต้องทำงานเองทุกอย่าง ... การสร้างภาพว่าทำงานได้ทุกอย่าง สำเร็จไปหมด ทำให้ คนในเสฉวนเอาแต่หวังพึ่งขงเบ้งคนเดียว การพัฒนาบุคลากร ในเสฉวน ในพักหลัง จะสังเกตว่า มีคนเก่งๆเกิดขึ้นใหม่น้อยมาก ในขณะที่ ในวุยก๊ก ของโจโฉ มีคนเก่งนับไม่ถ้วนเลย
สังเกตได้ถึง ความแตกต่างระหว่างลูกสุมาอี้ กับ ลูกขงเบ้ง คนละชั้นกัน เพราะสุมาอี้ ไปไหน เอาลูกประกบไปด้วย ให้ลูกได้เห็นการทำงานเสมอ เมื่อบิดาตาย ก็ทำงานแทนได้ทันที
3.
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 17
โจโฉ .... ผมว่าเค้ามีทั้งดี และเสียหลายข้อเลยครับ ที่เห็น
ข้อแรก นี่ไม่รู้เป็นข้อดี หรือ ข้อเสีย แล้วแต่คนชอบ สำหรับผม ผมว่าเป้นข้อเสีย คือ โจโฉ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย เหมือนคนค้าขายสมัยก่อนที่กล้าได้กล้าเสีย มีนิสัยอาเฮีย ขาใหญ่ในตลาดหุ้น อย่างแท้จริง คือ กล้าได้กล้าเสีย ข้อนี้ แล้วแต่คนจะคิดว่าดีหรือไม่ดี บังเอิญว่ากล้าแล้วรอด ก็มีคนสรรเสริญ แต่พวกกล้าแล้วจมดิน ก็มีให้เห็นเยอะนะครับ
สังเกตได้ว่า โจโฉ เอาคนน้อยสู้คนมาก ผิดพิชัยสงครามอย่างแรง ในศึกแตกหักกับอ้วนเสี้ยว คนวิจารณ์บางคนว่า โจโฉ มีดีกว่าอ้วนเสี้ยวทุกข้อจึงชนะ แต่ถ้าอ่านลงไปแบบใจเป้นกลาง ผมว่า โชคช่วย ด้วยนะครับ
ถ้านับกันดีๆ ผมว่าโจโฉ นี่แพ้มากกว่าชนะนะ แต่เนื่องด้วยทำตามตำราซุนวู คือ ชัยภูมิ สำคัญกว่าแม่ทัพ หรือ ปีเตอร์ลินซ์ บอกหาหุ้น 10 เด้งเจอตัวเดียวในพอร์ต ก็สบายแล้ว ตัวอื่นเจ๊งหมดก็ยังกำไร โจโฉ เดินเกมยึดเมืองหลวงแต่แรก ทำให้โจโฉ ได้เปรียบตลอดครับ
ข้อสอง โจโฉ เป็นคนที่ทำใจได้มากกว่าคนปกติ แม้จะปรากฏว่าท้ายสุดโจโฉ จะมีอาการทางประสาท แต่ผมมองว่าเพราะกรำศึกหนักเกินไปมากกว่า ถ้าเป็นคนทั่วไป ผมว่าตายก่อนโจโฉ แน่ๆ โจโฉ จะเป็นคนคิดอะไรในแง่บวก หลายๆครั้งจะเห็นได้จากในเรื่อง
ข้อสาม โจโฉ เป็นคน ที่ ไม่ฆ่าห่าน เพื่อเอาไข่ จะสังเกตได้ว่า เวลากรำศึกหนักๆ โจโฉ จะมีการพักผ่อนตลอด โจโฉ จะพัก มีงานรื่นเริง มีการ Relax เสมอ เพื่อถนอมจิตใจและร่างกาย
ข้อสี่ โจโฉ เป็นคนที่ชอบคนเก่ง ใช้คน และ หาคนมาใช้เสมอ โจโฉ มีทั้งพระเดช และ พระคุณ โจโฉ มีคติประจำตัว ประมาณว่า ฆ่าคนได้ทั้งโลก แต่จะไม่ให้ใครมาหักหลัง เป็นอันขาด ... โจโฉ มีความแตกต่างจากขุนนางสมัยนั้นข้อนึงคือ เวลาเอาคนมาใช้ ไม่สนใจว่าจบ U ไหน ไม่สนใจว่าจะเป้นลูกขุนนาง หรือ ชาวนา ขอให้มีฝีมือ โจโฉจะต้องการเอามาเป้นพวกด้วยเสมอ
ข้อที่ห้า โจโฉ เลี้ยงลูกได้ ดี ในระดับหนึ่งครับ แต่ดีกว่าเล่าปี่เยอะ ผมว่าทำงานวุ่นขนาดโจโฉ แล้วเลี้ยงลูกได้แบบโจโฉ ถือว่าโอเค เลยนะครับ
ข้อที่หก ผมว่าข้อนี้เป็นข้อเสียนะ ผมว่าโจโฉ นี่นับเป้นคนที่อารมณ์ศิลปินที่สุดคนนึงเลยนะ ชอบจัดงานละคร แต่งกลอน ร้องเพลง เวลาชอบคนเก่ง ก็ไม่ฆ่าทิ้ง ทั้งที่จริงๆควรจะทำซะ เวลาจัดงานรื่นเริง มักกินเหล้า แล้วก่อเรื่องฆ่าคนของตัวเอง เนื่องจากอารมณ์แปรปรวน ในระหว่างศึกก็เมาเหล้าแล้วหน้าหม้อ ไปเอาสาวของข้าศึก จนเสียการปกครอง ปกครองไม่อยู่ ต้องเสียทหารเอกไป 1 คน ฯลฯ คิดๆแล้ว เหล้านี่ไม่ดีจริงๆนะครับ :lol: :lol: :lol:
มีอะไรที่ลืมๆไป ก็ลองเสริมกันเล่นๆนะครับ :D
ข้อแรก นี่ไม่รู้เป็นข้อดี หรือ ข้อเสีย แล้วแต่คนชอบ สำหรับผม ผมว่าเป้นข้อเสีย คือ โจโฉ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย เหมือนคนค้าขายสมัยก่อนที่กล้าได้กล้าเสีย มีนิสัยอาเฮีย ขาใหญ่ในตลาดหุ้น อย่างแท้จริง คือ กล้าได้กล้าเสีย ข้อนี้ แล้วแต่คนจะคิดว่าดีหรือไม่ดี บังเอิญว่ากล้าแล้วรอด ก็มีคนสรรเสริญ แต่พวกกล้าแล้วจมดิน ก็มีให้เห็นเยอะนะครับ
สังเกตได้ว่า โจโฉ เอาคนน้อยสู้คนมาก ผิดพิชัยสงครามอย่างแรง ในศึกแตกหักกับอ้วนเสี้ยว คนวิจารณ์บางคนว่า โจโฉ มีดีกว่าอ้วนเสี้ยวทุกข้อจึงชนะ แต่ถ้าอ่านลงไปแบบใจเป้นกลาง ผมว่า โชคช่วย ด้วยนะครับ
ถ้านับกันดีๆ ผมว่าโจโฉ นี่แพ้มากกว่าชนะนะ แต่เนื่องด้วยทำตามตำราซุนวู คือ ชัยภูมิ สำคัญกว่าแม่ทัพ หรือ ปีเตอร์ลินซ์ บอกหาหุ้น 10 เด้งเจอตัวเดียวในพอร์ต ก็สบายแล้ว ตัวอื่นเจ๊งหมดก็ยังกำไร โจโฉ เดินเกมยึดเมืองหลวงแต่แรก ทำให้โจโฉ ได้เปรียบตลอดครับ
ข้อสอง โจโฉ เป็นคนที่ทำใจได้มากกว่าคนปกติ แม้จะปรากฏว่าท้ายสุดโจโฉ จะมีอาการทางประสาท แต่ผมมองว่าเพราะกรำศึกหนักเกินไปมากกว่า ถ้าเป็นคนทั่วไป ผมว่าตายก่อนโจโฉ แน่ๆ โจโฉ จะเป็นคนคิดอะไรในแง่บวก หลายๆครั้งจะเห็นได้จากในเรื่อง
ข้อสาม โจโฉ เป็นคน ที่ ไม่ฆ่าห่าน เพื่อเอาไข่ จะสังเกตได้ว่า เวลากรำศึกหนักๆ โจโฉ จะมีการพักผ่อนตลอด โจโฉ จะพัก มีงานรื่นเริง มีการ Relax เสมอ เพื่อถนอมจิตใจและร่างกาย
ข้อสี่ โจโฉ เป็นคนที่ชอบคนเก่ง ใช้คน และ หาคนมาใช้เสมอ โจโฉ มีทั้งพระเดช และ พระคุณ โจโฉ มีคติประจำตัว ประมาณว่า ฆ่าคนได้ทั้งโลก แต่จะไม่ให้ใครมาหักหลัง เป็นอันขาด ... โจโฉ มีความแตกต่างจากขุนนางสมัยนั้นข้อนึงคือ เวลาเอาคนมาใช้ ไม่สนใจว่าจบ U ไหน ไม่สนใจว่าจะเป้นลูกขุนนาง หรือ ชาวนา ขอให้มีฝีมือ โจโฉจะต้องการเอามาเป้นพวกด้วยเสมอ
ข้อที่ห้า โจโฉ เลี้ยงลูกได้ ดี ในระดับหนึ่งครับ แต่ดีกว่าเล่าปี่เยอะ ผมว่าทำงานวุ่นขนาดโจโฉ แล้วเลี้ยงลูกได้แบบโจโฉ ถือว่าโอเค เลยนะครับ
ข้อที่หก ผมว่าข้อนี้เป็นข้อเสียนะ ผมว่าโจโฉ นี่นับเป้นคนที่อารมณ์ศิลปินที่สุดคนนึงเลยนะ ชอบจัดงานละคร แต่งกลอน ร้องเพลง เวลาชอบคนเก่ง ก็ไม่ฆ่าทิ้ง ทั้งที่จริงๆควรจะทำซะ เวลาจัดงานรื่นเริง มักกินเหล้า แล้วก่อเรื่องฆ่าคนของตัวเอง เนื่องจากอารมณ์แปรปรวน ในระหว่างศึกก็เมาเหล้าแล้วหน้าหม้อ ไปเอาสาวของข้าศึก จนเสียการปกครอง ปกครองไม่อยู่ ต้องเสียทหารเอกไป 1 คน ฯลฯ คิดๆแล้ว เหล้านี่ไม่ดีจริงๆนะครับ :lol: :lol: :lol:
มีอะไรที่ลืมๆไป ก็ลองเสริมกันเล่นๆนะครับ :D
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 18
เล่าปี่ ....
ผมว่าเค้าเป้นคนที่ฉลาดมากๆ และ ไม่ฉลาดมากๆ ในคนคนเดียวกันครับ
ผมว่าเล่าปี่เป็นคน ที่ รู้จักใช้เรื่องของ Brand Image มากๆเลยครับ ในสมัยนั้น คนนับถือเชื้อพระวง นับถือคนดูดี เล่าปี่ทำได้หมด เรื่องเชื่อพระวงนี้ ก็ยังกังขา ว่าเล่าปี่ เป็นเชื้อพระวงจริงหรือไม่ แต่นั่นไม่สำคัญเท่า เล่าปี่ชูธง เชื้อพระวง ราชวงฮั่น นำหน้าทุกงานเลยครับ
เล่าปี่ เดิมทีตกยาก ทอเสื่อขาย ไม่มีเงินแต่คิดการใหญ่ รู้จักใช้คน ไปชวนเตียวหุย และ กวนอู มาเป้นพวก ก็ได้เงินของเตียวหุย และอีกหลายๆคน มาสร้างกองทัพในช่วงแรก ร้ายมะครับ ได้เงิน ได้คน ได้เป็นพี่ใหญ่ด้วย
เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เงินไม่ต้องออกซักบาท
เล่าปี่คิดเป็นใหญ่ แต่แรก เพราะตอนแรก กวนอู เตียวหุย ชวนไปเข้าร่วมกองทัพ แต่ว่า เล่าปี บอกเฮ้ย ไปเป็นลูกน้องเค้าทำไม เปิดบริษัทเองดีกว่า เดี๋ยวเราสามคนรวยกันเองดีกว่า 5555
ไม่รู้ว่าเก่ง หรือ ว่าเฮง ที่เลือกทั้งกวนอู และ เตียวหุย เพราะว่าเป้นยอดคนทั้งคู่ แถมเตียวหุย ยังมี Pocket Money ติดตัวมาให้ใช้ด้วย แต่ผมว่ายังไงต้องมีส่วนเก่งอยู่มากๆ เพราะตลอดเรื่องก็พิสูจน์แล้วว่า เล่าปี่ ดูคนเก่งแค่ไหน
เล่าปี่ ทำการ กับ กวนอู เตียวหุยมานาน ก็ทำได้พอประมาณ ไม่รุ่งโรจซักที แต่ว่าเล่าปี่ ยึดหลักในเรื่องชื่อเสียงเป็นสำคัญ (ข้อนี้ สุมาอี้ นำมาสอนบุตรให้ทำตามภายหลัง) คือ ชูธงกองทัพธรรม (แต่จริงๆเป็นไงไม่รู้) แล้วสาดโคลนให้อีกฝ่ายว่าชั่วร้าย
เช่นตอนหนึ่ง ทัพโจโฉ จะบุกมา เล่าปี่ พาพลเมือง หนี ข้ามน้ำ เดินทางไกล (ตอนที่จูล่งช่วยอาเต๊า) ชาวเมืองล้มตายกันตามทางเป็นอันมาก ด้วยเหตุที่ว่ากลัวทรราชโจโฉจะรังแก
แต่ถ้ามองดีๆ ตลอดเรื่อง โจโฉ ไม่เคยรังแกราษฏรเลย ขนาดยกทัพผ่านทุ่งข้าว ยังออกกฏไม่ให้ทหาร เหยียบข้าวของชาวนา
แต่เล่าปี่ สร้างภาพว่าโจโฉ เลวร้ายต่างๆนาๆ .... ผมถึงว่า เรื่องการใช้ Brand Image นี่ เล่าปี่ เค้าสุดยอดจริงๆ
ถามว่าคล้ายๆกับเหตุการ ทุกวันนี้มั้ย ... อืม สนธิ ทักษิณ .. ผมว่ามีส่วนคล้ายอยู่บ้างนะ แต่ว่าถ้าจะทำแบบ โจโฉ คือ คนที่ไม่คำนึงถึง Brand Image ก็ต้องสร้างอำนาจให้ได้แบบโจโฉ ทำนะครับ
เล่าปี่ เป็นคนที่บริหารจัดการได้เก่งในระดับหนึ่งไม่เก่งมาก จริงๆ นับว่าห่วยสุดใน 3 ก๊ก แต่จะว่าเล่าปี่ไม่ได้ เล่าปี่ เป็นคนทอเสื่อขาย ... โจโฉ จบโรงเรียนนายร้อยมา ซุนกวน ก็การศึกษาดี จบ MBA ... เล่าปี่จบ ป 4 ทำได้ขนาดนี้ นับว่าเก่งมากแล้วครับ
แต่การดูคนเก่ง ทำให้เล่าปี่ หาปราชญ์ มาได้หลายคน และ ปราชญ์ ก็ยินดีจะทำงานด้วย ... ผมว่าเรื่องนี้ สังเกต ให้ดี มันเป็น Win-Win นะ
ลองคิดดูดีๆ คนเก่ง ก็อยากทำงานแบบ Show Off อยาก มีสิทธิ ในการทำงานเต็มที่ อยากได้เจ้านายที่รักใคร่ เอาใจ ให้สิทธิ ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ามองดีๆ ใน 3 ก๊ก เล่าปี่ เป็นคนเดียว ที่ Offer สิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้ปราชญ์ ได้ครบ ปราชญ์ ในเมืองอื่นๆ ไม่ได้สิทธิ เท่านี้
สมมุติ ถ้าเราเป็น ปราชญ์ เราจะสมัครงาน กับ ใครใน 3 ก๊กครับ เป็นผม ผมก็เข้ากับเล่าปี่นะ ... เล่าปีเลยได้นักบริหารมืออาชีพ มาทำงานด้วย และเล่าปี่ก็ให้โอกาส ทำงานอย่างเต็มที่
นิสัย เล่าปี่ผมว่า จริงๆ มีนิสัย อาเต๊า อยู่นะครับ สังเกตดูดีๆ จริงๆ อาเต๊า นี่ไม่ได้ผิดจากพ่อเลย
เล่าปี่ บังเอิญ เกิดมาลำบาก ถึงได้เป็นล่าปี่ในวันนี้ ถ้าเกิดมาสบาย ผมว่าเล่าปี่คงไม่ต่างจากอาเต๊า
สังเกตได้จากตอนที่ซุนกวน ใช้น้องสาว มาล่อให้เล่าปี่ ไปอยู่ที่เมือง เล่าปี่ แทบเสียผู้เสียคน ไม่ยอมกลับเมือง หลงไหลในความสบาย หลงสุรา หลงนารี ดีแต่ว่าขงเบ้งรู้จักนิสัยนาย เลยให้ จูล่ง ไปตามกลับมา จนสำเร็จ แทบแย่ไปเหมือนกัน
นี่แสดงให้เห็นนิสัยใน DNA ของเล่าปี่ ว่าเป็นแนวนี้อยู่ก่อนแล้ว และพอมีอาเต๊า ไม่รู้ว่าเพราะการสอน หรือ เพราะ DNA อาเต๊า ก็เลยออกมาแบบที่เห็น อาจเพราะ การเป็นลูกชายแค่คนเดียวด้วย เลยทั้งพี่ป้าน้าอา รุมรักกันหมด
อีกอย่าง ผมว่า เล่าปี่ เป็นคนไม่ค่อยรักลูกนะ โยนลูกได้เพื่อเอาใจทหาร ข้อนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันครับ จริงๆถ้ามองลึกๆ เล่าปี่ค่อนข้างมั่นใจในฝีมือตัวเองอยู่ คือ เวลากินเหล้าก็จะหลุดความในออกมา เช่น "ขุนศึกในแผ่นดินนี้ไม่พอมือข้อหรอก ถ้าข้าได้มีเมืองครอง" หรือ เวลามีเมืองครองจริงๆ ก็จะเหลิงยกทัพไปแพ้หมดรูปกลับมา เพียงเพราะความเอาแต่ใจ
อยากฟังท่านอื่นๆ แสดงความเห็นเกี่ยวกับเล่าปี่ครับ :D
เพราะว่าเห็นพูดถึง สุมาอี้ ขงเบ้ง โจโฉ แต่คนไทย มักไม่แสดงความเห็นกับเล่าปี่ซักเท่าไหร่ เค้าก็น่าจะมีดีนะ ไม่งั้นคงไม่ได้ เป็น 1 ใน 3
ผมว่าเค้าเป้นคนที่ฉลาดมากๆ และ ไม่ฉลาดมากๆ ในคนคนเดียวกันครับ
ผมว่าเล่าปี่เป็นคน ที่ รู้จักใช้เรื่องของ Brand Image มากๆเลยครับ ในสมัยนั้น คนนับถือเชื้อพระวง นับถือคนดูดี เล่าปี่ทำได้หมด เรื่องเชื่อพระวงนี้ ก็ยังกังขา ว่าเล่าปี่ เป็นเชื้อพระวงจริงหรือไม่ แต่นั่นไม่สำคัญเท่า เล่าปี่ชูธง เชื้อพระวง ราชวงฮั่น นำหน้าทุกงานเลยครับ
เล่าปี่ เดิมทีตกยาก ทอเสื่อขาย ไม่มีเงินแต่คิดการใหญ่ รู้จักใช้คน ไปชวนเตียวหุย และ กวนอู มาเป้นพวก ก็ได้เงินของเตียวหุย และอีกหลายๆคน มาสร้างกองทัพในช่วงแรก ร้ายมะครับ ได้เงิน ได้คน ได้เป็นพี่ใหญ่ด้วย
เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เงินไม่ต้องออกซักบาท
เล่าปี่คิดเป็นใหญ่ แต่แรก เพราะตอนแรก กวนอู เตียวหุย ชวนไปเข้าร่วมกองทัพ แต่ว่า เล่าปี บอกเฮ้ย ไปเป็นลูกน้องเค้าทำไม เปิดบริษัทเองดีกว่า เดี๋ยวเราสามคนรวยกันเองดีกว่า 5555
ไม่รู้ว่าเก่ง หรือ ว่าเฮง ที่เลือกทั้งกวนอู และ เตียวหุย เพราะว่าเป้นยอดคนทั้งคู่ แถมเตียวหุย ยังมี Pocket Money ติดตัวมาให้ใช้ด้วย แต่ผมว่ายังไงต้องมีส่วนเก่งอยู่มากๆ เพราะตลอดเรื่องก็พิสูจน์แล้วว่า เล่าปี่ ดูคนเก่งแค่ไหน
เล่าปี่ ทำการ กับ กวนอู เตียวหุยมานาน ก็ทำได้พอประมาณ ไม่รุ่งโรจซักที แต่ว่าเล่าปี่ ยึดหลักในเรื่องชื่อเสียงเป็นสำคัญ (ข้อนี้ สุมาอี้ นำมาสอนบุตรให้ทำตามภายหลัง) คือ ชูธงกองทัพธรรม (แต่จริงๆเป็นไงไม่รู้) แล้วสาดโคลนให้อีกฝ่ายว่าชั่วร้าย
เช่นตอนหนึ่ง ทัพโจโฉ จะบุกมา เล่าปี่ พาพลเมือง หนี ข้ามน้ำ เดินทางไกล (ตอนที่จูล่งช่วยอาเต๊า) ชาวเมืองล้มตายกันตามทางเป็นอันมาก ด้วยเหตุที่ว่ากลัวทรราชโจโฉจะรังแก
แต่ถ้ามองดีๆ ตลอดเรื่อง โจโฉ ไม่เคยรังแกราษฏรเลย ขนาดยกทัพผ่านทุ่งข้าว ยังออกกฏไม่ให้ทหาร เหยียบข้าวของชาวนา
แต่เล่าปี่ สร้างภาพว่าโจโฉ เลวร้ายต่างๆนาๆ .... ผมถึงว่า เรื่องการใช้ Brand Image นี่ เล่าปี่ เค้าสุดยอดจริงๆ
ถามว่าคล้ายๆกับเหตุการ ทุกวันนี้มั้ย ... อืม สนธิ ทักษิณ .. ผมว่ามีส่วนคล้ายอยู่บ้างนะ แต่ว่าถ้าจะทำแบบ โจโฉ คือ คนที่ไม่คำนึงถึง Brand Image ก็ต้องสร้างอำนาจให้ได้แบบโจโฉ ทำนะครับ
เล่าปี่ เป็นคนที่บริหารจัดการได้เก่งในระดับหนึ่งไม่เก่งมาก จริงๆ นับว่าห่วยสุดใน 3 ก๊ก แต่จะว่าเล่าปี่ไม่ได้ เล่าปี่ เป็นคนทอเสื่อขาย ... โจโฉ จบโรงเรียนนายร้อยมา ซุนกวน ก็การศึกษาดี จบ MBA ... เล่าปี่จบ ป 4 ทำได้ขนาดนี้ นับว่าเก่งมากแล้วครับ
แต่การดูคนเก่ง ทำให้เล่าปี่ หาปราชญ์ มาได้หลายคน และ ปราชญ์ ก็ยินดีจะทำงานด้วย ... ผมว่าเรื่องนี้ สังเกต ให้ดี มันเป็น Win-Win นะ
ลองคิดดูดีๆ คนเก่ง ก็อยากทำงานแบบ Show Off อยาก มีสิทธิ ในการทำงานเต็มที่ อยากได้เจ้านายที่รักใคร่ เอาใจ ให้สิทธิ ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ามองดีๆ ใน 3 ก๊ก เล่าปี่ เป็นคนเดียว ที่ Offer สิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้ปราชญ์ ได้ครบ ปราชญ์ ในเมืองอื่นๆ ไม่ได้สิทธิ เท่านี้
สมมุติ ถ้าเราเป็น ปราชญ์ เราจะสมัครงาน กับ ใครใน 3 ก๊กครับ เป็นผม ผมก็เข้ากับเล่าปี่นะ ... เล่าปีเลยได้นักบริหารมืออาชีพ มาทำงานด้วย และเล่าปี่ก็ให้โอกาส ทำงานอย่างเต็มที่
นิสัย เล่าปี่ผมว่า จริงๆ มีนิสัย อาเต๊า อยู่นะครับ สังเกตดูดีๆ จริงๆ อาเต๊า นี่ไม่ได้ผิดจากพ่อเลย
เล่าปี่ บังเอิญ เกิดมาลำบาก ถึงได้เป็นล่าปี่ในวันนี้ ถ้าเกิดมาสบาย ผมว่าเล่าปี่คงไม่ต่างจากอาเต๊า
สังเกตได้จากตอนที่ซุนกวน ใช้น้องสาว มาล่อให้เล่าปี่ ไปอยู่ที่เมือง เล่าปี่ แทบเสียผู้เสียคน ไม่ยอมกลับเมือง หลงไหลในความสบาย หลงสุรา หลงนารี ดีแต่ว่าขงเบ้งรู้จักนิสัยนาย เลยให้ จูล่ง ไปตามกลับมา จนสำเร็จ แทบแย่ไปเหมือนกัน
นี่แสดงให้เห็นนิสัยใน DNA ของเล่าปี่ ว่าเป็นแนวนี้อยู่ก่อนแล้ว และพอมีอาเต๊า ไม่รู้ว่าเพราะการสอน หรือ เพราะ DNA อาเต๊า ก็เลยออกมาแบบที่เห็น อาจเพราะ การเป็นลูกชายแค่คนเดียวด้วย เลยทั้งพี่ป้าน้าอา รุมรักกันหมด
อีกอย่าง ผมว่า เล่าปี่ เป็นคนไม่ค่อยรักลูกนะ โยนลูกได้เพื่อเอาใจทหาร ข้อนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันครับ จริงๆถ้ามองลึกๆ เล่าปี่ค่อนข้างมั่นใจในฝีมือตัวเองอยู่ คือ เวลากินเหล้าก็จะหลุดความในออกมา เช่น "ขุนศึกในแผ่นดินนี้ไม่พอมือข้อหรอก ถ้าข้าได้มีเมืองครอง" หรือ เวลามีเมืองครองจริงๆ ก็จะเหลิงยกทัพไปแพ้หมดรูปกลับมา เพียงเพราะความเอาแต่ใจ
อยากฟังท่านอื่นๆ แสดงความเห็นเกี่ยวกับเล่าปี่ครับ :D
เพราะว่าเห็นพูดถึง สุมาอี้ ขงเบ้ง โจโฉ แต่คนไทย มักไม่แสดงความเห็นกับเล่าปี่ซักเท่าไหร่ เค้าก็น่าจะมีดีนะ ไม่งั้นคงไม่ได้ เป็น 1 ใน 3
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 19
อ้อ ลืม ซุนกวน ผมว่าคนแทบไม่พูดถึงเค้าเลยนะ อยากฟังเรืองซุนกวนมั่งครับ :D
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 20
บิฮุยผู้นี้ในสายตาจูกัดเหลียงเห็นว่าเขาเป็นคนมีสติปัญญายอดเยี่ยมบริหารราชการประเทศชาติได้
เพียงรองจากเจียวอ้วนเท่านั้น เขาเผ่นออกมาแสดงฝีไม้ลายมือ ออกเป็นฑูตไปก๊กง่อ ต่อหน้า
ขุนศึกซุนกวนที่พูดจาเย้ยหยันหยอกล้อ ทั้งพวกขุนนางง่อก๊กพูดจาให้ยุ่งยาก เขายึดถือเหตุผล
โต้ตอบรักศักดิ์ศรี ก๊กเสฉวนได้อย่างสมบูรณ์ ก็เป็นการแสดงให้เห็นในสติปัญญาของเขาออกมา
ลักษณะท่าทางอุปนิสัย อยู่ภายในเดือนปีที่ ขงเบ้ง กรีธาทัพหกครั้ง ออกจากทางภูเขาฉีซาน
เขามักเป็นฑูตของราชสำนักและมีการติดต่อประสารกับจูกัดเหลียง(ขงเบ้ง) และเป็นผู้ประสานงาน
ให้เล่าเสี้ยนกับจูกัดเหลียง ขงเบ้ง แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้รับงานต่อรุ่นที่ 2 เขามักไกล่เกลี่ย ปัญหาของ
ขงเบ้ง กับ เล่าเสี้ยน ที่เป็นคู่อาฆาตกัน เขาสืบต่อจากตำแหน่งของเจียวอ้วน ก็ดำเนินงานได้ไม่เลว
ภายหลังให้เขาสองคนต่างแสดงสติปัญญาบุ๋นบู้อย่างเต็มฝีมือ บิฮุยปกครองบ้านเมืองแบบสงบ
ทำให้เกียงอุยซึ่งบ้าสงครามไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขา หลังจากด้วยความประมาท
บิฮุยถูก ทหารวุยที่มาสวามิภักดิ์ แทงตาย
เกียงอุย จึงได้ครองอำนาจ แต่เพียงผู้เดียว และได้ทำสงคราม เผาผลาญทรัพยากรของจ๊กก๊กไปมาก
เพียงรองจากเจียวอ้วนเท่านั้น เขาเผ่นออกมาแสดงฝีไม้ลายมือ ออกเป็นฑูตไปก๊กง่อ ต่อหน้า
ขุนศึกซุนกวนที่พูดจาเย้ยหยันหยอกล้อ ทั้งพวกขุนนางง่อก๊กพูดจาให้ยุ่งยาก เขายึดถือเหตุผล
โต้ตอบรักศักดิ์ศรี ก๊กเสฉวนได้อย่างสมบูรณ์ ก็เป็นการแสดงให้เห็นในสติปัญญาของเขาออกมา
ลักษณะท่าทางอุปนิสัย อยู่ภายในเดือนปีที่ ขงเบ้ง กรีธาทัพหกครั้ง ออกจากทางภูเขาฉีซาน
เขามักเป็นฑูตของราชสำนักและมีการติดต่อประสารกับจูกัดเหลียง(ขงเบ้ง) และเป็นผู้ประสานงาน
ให้เล่าเสี้ยนกับจูกัดเหลียง ขงเบ้ง แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้รับงานต่อรุ่นที่ 2 เขามักไกล่เกลี่ย ปัญหาของ
ขงเบ้ง กับ เล่าเสี้ยน ที่เป็นคู่อาฆาตกัน เขาสืบต่อจากตำแหน่งของเจียวอ้วน ก็ดำเนินงานได้ไม่เลว
ภายหลังให้เขาสองคนต่างแสดงสติปัญญาบุ๋นบู้อย่างเต็มฝีมือ บิฮุยปกครองบ้านเมืองแบบสงบ
ทำให้เกียงอุยซึ่งบ้าสงครามไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขา หลังจากด้วยความประมาท
บิฮุยถูก ทหารวุยที่มาสวามิภักดิ์ แทงตาย
เกียงอุย จึงได้ครองอำนาจ แต่เพียงผู้เดียว และได้ทำสงคราม เผาผลาญทรัพยากรของจ๊กก๊กไปมาก
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 21
สมัยของราชวงค์ฮั่นตอนปลาย เรียกว่า ตงฮั่น มีฮ่องเต้ องค์หนึ่งชื่อ พระเจ้าเลนเต้ ซึ่งพระองค์ไม่สนใจราชการบ้านเมือง ทรงคบคนชั่วละทิ้งคนดีแผ่นดินจึงเกิดจลาจลไปทั่วจึงเกิดมีกลุ่มโจรตั้งตัวขึ้นมาเรียกว่า โจรผ้าเหลือง ซึ่งทำการโค่นล้มราชวงค์ฮั่น ทำให้บรรดาเจ้าเมืองต่างๆ ถือโอกาสนีสะสมกองกำลังของตนโดนอ้างถึงเหตุผลในการปราบโจร
จนกระทั่งพระเจ้าเลนเต้สวรรคต โฮจิ๋น แม่ทัพใหญ่ผู้เป็นพี่ชายของพระชายาโฮเฮาเชิญ ลูกของพระเจ้าเลนเต้ขึ้นครองราชย์ และโฮจิ๋นก็ได้คิดแผนที่จะกำจัดขันทีเนื่องจากสมัยนั้น ขันทีเรืองอำนาจมาก ขุนนางใดที่ซื่อสัตย์ก็จะโดนปลดออก ขุนนางใดอยากเลื่อนตำแหน่งก็ต้องมาติดสินบนขันทีจึงจะได้มีตำแหน่งมีหน้ามีตา พอเหล่าขันทีทราบว่าโฮจิ๋นจะฆ่าพวกตนจึงต้องเตรียมแผนการรับมือ โดยสุดท้าย โฮจิ๋นก็ไม่ประสบความสำเร็จถูกขันทีรุมฆ่าตายในที่สุด จากนั้น ก็มีเข้าเมืองคนหนึ่งนามว่าตั๋งโต๊ะยกกองทัพตนเข้าเมืองหลวง สั่งปลดฮ่องเต้องค์เดิมแล้วตั้งคนใหม่ โดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน เพราะมีขุนนางหลายคนคัดค้านก็ถูกฆ่าตายเป็นทิวแถว ฮ่องเต้องค์ใหม่นี้มีนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ ซึ่งก็เป็นฮ่องเต้หุ่นเชิดของตั๋งโต๊ะ ภายหลังก็มีขุนนางซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ ได้วางแผนกำจัดตั๋งโต๊ะและสำเร็จในทีสุด เหล่าขุนพลตามเมืองต่างๆก็เริ่มต่อสู้กันอย่างอลหมานเพื่อต้องการความเป็นใหญ่จนกระทั่ง เวลาผ่านไปนับ 30 ปี จึงเหลือเพียงก๊กใหญ่ๆ โดยมี จ๊กก๊ก มีผู้นำคือเล่าปี่ ขุนศึกผู้สืบเชื่อสายราชวงค์ฮั่น โจโฉ แห่ง วุยก๊ก ซึ่งมีอำนาจอยู่ทางภาคเหนือของประเทศจีน ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นก๊กที่ใหญ่ที่สุด และสุดท้าย ง่อก๊ก นำโดย ซุนกวน ซึ่งสืบทอดมาจากพ่อและพี่ชาย นาม ซุนเกี๋ยน ผู้เป็นพ่อ ซุนเซ๊ก ผู้เป็นพี่ชาย ที่ได้รบเมื่อชิงอำนาจในสมัยต้นๆ ซึ่งทั้งสามก๊กนี้ก็ได้สู้กันเป้นระยะเวลากว่า 60 ปี โดยผลัดกันแพ้ชนะ เพราะต้องตกอยู่ในสภาพ ถูกรุม เสมอ กล่าวคือ จ๊กก๊ก จะสู้กับ วุยก๊ก ก็ต้องขอกำลังจากง่อก๊กเข้าร่วม ผลัดกันไปมาอยู่แบบนี้ ซึ่ง การรบก็จะมีการวางแผนการรบกัน ซึ่งก็จะมีคนที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละก๊กด้วยกัน วุยก๊กนั้นก็มี กุนซือเก่งๆมีความรู้มาก ได้แก่ กุยแก ซุนฮก ซุนฮิว เทียหยก หมันทอง สุมาอี้ ทางฝ่ายจ๊กก๊กนั้นก็มี ขงเบ้ง บังทอง เกียงอุย ส่วนง่อก๊ก ก็มี เตียวเจียว จิวยี่ โลซก ลิบอง ลกซุน เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ได้ ใช้ปัญญารบกันมา จนในที่สุด จ๊กก๊ก ล่มสลายไปก่อนก๊กอื่น สืบเนื่องจากกษัตริย์อ่อนแอ ซึ่งกษัตริย์ใสมัยนั้นคือ เล่าเสี้ยน ลูกเล่าปี่ ซึ่ง เล่าเสี้ยนนั้น อีกชื่อคอนยังเล็กคือ อาเต๊า ที่เคยรู้กันว่าจูล่งได้ฝ่าทัพเข้าไปเพื่อช่วยออกมา แต่ด้วยสาเหตุต่างๆนานา หรืออาจจะเป็นเวรกรรมของราชวงค์ฮั่นที่ฮ่องเต้จะอ่อนแอ ฟังคำพูดขันที จึงทำให้ จ๊กก๊ก ต้องล่มสลายไป จากนั้น ง่อก๊กก็สลายตาม เพราะแพ้สงคราม กับวุยก๊ก แต่ ต่อมาวุยก๊กก็ถูกเปลี่ยนผู้นำ โดยสุมาเอี๋ยน หลานสุมาอี้ ที่เป็นกุนซือ โดยที่แท้จริงต้องเป็นทายาทที่แซ่โจ ได้ปกครองแทน แต่ทายาทโจโฉสมัยหลังๆ อ่อนแอ จึงต้องถูกรัฐประหาร ตระกูล สุมา จึงเข้ามาแทนที่ สุดท้าย สุมาเอี๋ยน เป็นผู้รวบรวมแผ่นดิน จีนได้ ในสมัยสามก๊ก จึ้งได้สถาปนาราชวงค์จิ้น ขึ้น และสืบต่อไป เป็นอันสรุปง่ายๆ ว่า สามก๊กสู้กันยาวนานนับ 80 ปี ไม่มีใครได้ครองแผ่นดินเลย
จนกระทั่งพระเจ้าเลนเต้สวรรคต โฮจิ๋น แม่ทัพใหญ่ผู้เป็นพี่ชายของพระชายาโฮเฮาเชิญ ลูกของพระเจ้าเลนเต้ขึ้นครองราชย์ และโฮจิ๋นก็ได้คิดแผนที่จะกำจัดขันทีเนื่องจากสมัยนั้น ขันทีเรืองอำนาจมาก ขุนนางใดที่ซื่อสัตย์ก็จะโดนปลดออก ขุนนางใดอยากเลื่อนตำแหน่งก็ต้องมาติดสินบนขันทีจึงจะได้มีตำแหน่งมีหน้ามีตา พอเหล่าขันทีทราบว่าโฮจิ๋นจะฆ่าพวกตนจึงต้องเตรียมแผนการรับมือ โดยสุดท้าย โฮจิ๋นก็ไม่ประสบความสำเร็จถูกขันทีรุมฆ่าตายในที่สุด จากนั้น ก็มีเข้าเมืองคนหนึ่งนามว่าตั๋งโต๊ะยกกองทัพตนเข้าเมืองหลวง สั่งปลดฮ่องเต้องค์เดิมแล้วตั้งคนใหม่ โดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน เพราะมีขุนนางหลายคนคัดค้านก็ถูกฆ่าตายเป็นทิวแถว ฮ่องเต้องค์ใหม่นี้มีนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ ซึ่งก็เป็นฮ่องเต้หุ่นเชิดของตั๋งโต๊ะ ภายหลังก็มีขุนนางซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ ได้วางแผนกำจัดตั๋งโต๊ะและสำเร็จในทีสุด เหล่าขุนพลตามเมืองต่างๆก็เริ่มต่อสู้กันอย่างอลหมานเพื่อต้องการความเป็นใหญ่จนกระทั่ง เวลาผ่านไปนับ 30 ปี จึงเหลือเพียงก๊กใหญ่ๆ โดยมี จ๊กก๊ก มีผู้นำคือเล่าปี่ ขุนศึกผู้สืบเชื่อสายราชวงค์ฮั่น โจโฉ แห่ง วุยก๊ก ซึ่งมีอำนาจอยู่ทางภาคเหนือของประเทศจีน ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นก๊กที่ใหญ่ที่สุด และสุดท้าย ง่อก๊ก นำโดย ซุนกวน ซึ่งสืบทอดมาจากพ่อและพี่ชาย นาม ซุนเกี๋ยน ผู้เป็นพ่อ ซุนเซ๊ก ผู้เป็นพี่ชาย ที่ได้รบเมื่อชิงอำนาจในสมัยต้นๆ ซึ่งทั้งสามก๊กนี้ก็ได้สู้กันเป้นระยะเวลากว่า 60 ปี โดยผลัดกันแพ้ชนะ เพราะต้องตกอยู่ในสภาพ ถูกรุม เสมอ กล่าวคือ จ๊กก๊ก จะสู้กับ วุยก๊ก ก็ต้องขอกำลังจากง่อก๊กเข้าร่วม ผลัดกันไปมาอยู่แบบนี้ ซึ่ง การรบก็จะมีการวางแผนการรบกัน ซึ่งก็จะมีคนที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละก๊กด้วยกัน วุยก๊กนั้นก็มี กุนซือเก่งๆมีความรู้มาก ได้แก่ กุยแก ซุนฮก ซุนฮิว เทียหยก หมันทอง สุมาอี้ ทางฝ่ายจ๊กก๊กนั้นก็มี ขงเบ้ง บังทอง เกียงอุย ส่วนง่อก๊ก ก็มี เตียวเจียว จิวยี่ โลซก ลิบอง ลกซุน เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ได้ ใช้ปัญญารบกันมา จนในที่สุด จ๊กก๊ก ล่มสลายไปก่อนก๊กอื่น สืบเนื่องจากกษัตริย์อ่อนแอ ซึ่งกษัตริย์ใสมัยนั้นคือ เล่าเสี้ยน ลูกเล่าปี่ ซึ่ง เล่าเสี้ยนนั้น อีกชื่อคอนยังเล็กคือ อาเต๊า ที่เคยรู้กันว่าจูล่งได้ฝ่าทัพเข้าไปเพื่อช่วยออกมา แต่ด้วยสาเหตุต่างๆนานา หรืออาจจะเป็นเวรกรรมของราชวงค์ฮั่นที่ฮ่องเต้จะอ่อนแอ ฟังคำพูดขันที จึงทำให้ จ๊กก๊ก ต้องล่มสลายไป จากนั้น ง่อก๊กก็สลายตาม เพราะแพ้สงคราม กับวุยก๊ก แต่ ต่อมาวุยก๊กก็ถูกเปลี่ยนผู้นำ โดยสุมาเอี๋ยน หลานสุมาอี้ ที่เป็นกุนซือ โดยที่แท้จริงต้องเป็นทายาทที่แซ่โจ ได้ปกครองแทน แต่ทายาทโจโฉสมัยหลังๆ อ่อนแอ จึงต้องถูกรัฐประหาร ตระกูล สุมา จึงเข้ามาแทนที่ สุดท้าย สุมาเอี๋ยน เป็นผู้รวบรวมแผ่นดิน จีนได้ ในสมัยสามก๊ก จึ้งได้สถาปนาราชวงค์จิ้น ขึ้น และสืบต่อไป เป็นอันสรุปง่ายๆ ว่า สามก๊กสู้กันยาวนานนับ 80 ปี ไม่มีใครได้ครองแผ่นดินเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 25
แบบหนังซิคับผมว่าสนุกดี
เล่าปี่เป็นบุตรเล่าเหงมีเชื้อพระวงศ์ฮั่น มีอาชีพขาย รองเท้าฟาง เสื่อ ได้ร่วมกับพี่น้องสาบาน กวนอู เตียวหุย ปราบโจรผ้าเหลือง ได้เป็นพันธมิตรปราบ ตั๋งโต๊ะ กวนอู ได้ฆ่าแม่ทัพคนสำคัญ คือ ฮัวหยง ทั้ง 3 รุม ลิโป้
ไม่แพ้ไม่ชนะ หลังจากนั้นเล่าปี่ก็ได้ชีซี ทำศึกชนะโจโฉ แต่ก็เร่ร่อนไปมา ในที่สุดไปอยู่กับเล่าเปียวพร้อมกุนซือ คือ ขงเบ้ง ผูกมิตรกับ ง่อก๊ก ช่วยกันตีวุยก๊ก แตกพ่ายในศึกเซ็กเพ็ก หลังจากนั้น ก็ยึดเสฉวนของเล่าเจี้ยง เป็นเจ้าแห่ง จ๊กก๊ก ด้วยแผนการของ ขงเบ้ง และบังทอง และก็ได้ยึดเมือง ฮันต๋ง ตั้งตนเป็นฮันต๋งอ๋อง กวนอูที่ครองเมืองเกงจิ๋งถูกฆ่า เล่าปี่ยกทัพไปแก้แค้นและตั้งตนเป็นฮ่องเต้ แต่เตียวหุย ถูกลูกน้องฆ่าซะก่อน เล่าปี่เลยยกทัพไปแก้แค้นง่อ ด้วยความโกรธ แพ้ลกซุนเพราะกลอุบายเผาค่าย หลังจากกลับมา เล่าปี่ก็เสียชีวิต เพราะตรอมใจตาย
--------------------
เล่าปี่เป็นบุตรเล่าเหงมีเชื้อพระวงศ์ฮั่น มีอาชีพขาย รองเท้าฟาง เสื่อ ได้ร่วมกับพี่น้องสาบาน กวนอู เตียวหุย ปราบโจรผ้าเหลือง ได้เป็นพันธมิตรปราบ ตั๋งโต๊ะ กวนอู ได้ฆ่าแม่ทัพคนสำคัญ คือ ฮัวหยง ทั้ง 3 รุม ลิโป้
ไม่แพ้ไม่ชนะ หลังจากนั้นเล่าปี่ก็ได้ชีซี ทำศึกชนะโจโฉ แต่ก็เร่ร่อนไปมา ในที่สุดไปอยู่กับเล่าเปียวพร้อมกุนซือ คือ ขงเบ้ง ผูกมิตรกับ ง่อก๊ก ช่วยกันตีวุยก๊ก แตกพ่ายในศึกเซ็กเพ็ก หลังจากนั้น ก็ยึดเสฉวนของเล่าเจี้ยง เป็นเจ้าแห่ง จ๊กก๊ก ด้วยแผนการของ ขงเบ้ง และบังทอง และก็ได้ยึดเมือง ฮันต๋ง ตั้งตนเป็นฮันต๋งอ๋อง กวนอูที่ครองเมืองเกงจิ๋งถูกฆ่า เล่าปี่ยกทัพไปแก้แค้นและตั้งตนเป็นฮ่องเต้ แต่เตียวหุย ถูกลูกน้องฆ่าซะก่อน เล่าปี่เลยยกทัพไปแก้แค้นง่อ ด้วยความโกรธ แพ้ลกซุนเพราะกลอุบายเผาค่าย หลังจากกลับมา เล่าปี่ก็เสียชีวิต เพราะตรอมใจตาย
--------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 26
เหตุการณ์หลังจากที่ โจโฉลอบฆ่าตั๋งโต๊ะไม่สำเร็จจึงหนีออกมาแล้วโดนจับโดยตันก๋ง จากนั้นก็ ถูกปล่อยและหนีออกมากับตันก๋ง และได้มาพักที่บ้านหลีแปะเฉีย และโจโฉก็ได้ฆ่าตายทั้งครอบครัวเพราะเข้าใจผิด พวกท่านคิดว่า โจโฉผิดจริงหรือ.....?
ข้าว่าข้อกล่าวหานี้ มีหลายคนที่บอกว่าโจโฉผิด แต่เมื่อได้อ่านหนังสือ โจโฉนายกฯตลอดกาล ของ ท่าน หม่อม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งได้ เขียนสามก๊กฉบับนายทุนในแบบที่ให้โจโฉเป็นตัวเอก กรณีที่โจโฉฆ่าหลีแปะเฉียนี้ ท่านได้ เปิดประเด็นว่าโจโฉไม่ผิด! ซึ่งข้าพเจ้าจะขอยกเอา เนื้อเรื่องในหนังสือมาให้ทุกท่านได้ชมกัน..
"ในขั้นต้น คำสั่งจับโจโฉนั้น สั่งให้จับเป็นมิให้จับตาย น่าสังเกตุว่าพอโจโฉเข้ามาในบ้านของแปะเฉีย แปะเฉียก็บอกว่า ตนรู้เรือ่งประกาศจับโจโฉดี แต่น่าประหลาดที่แปะเฉียมิได้กลัวการรับโจโฉเข้ามาในบ้าน เพราะ ประกาศนั้นบอกไว้แน่ชัดว่า ปากปรากฏว่าใครให้ความคุ้มครองแก่ โจโฉ จะต้องเป็นโทษถึงชีวิตตลอดจนบุตรภรรยา แปะเฉียเป็นเพียงคนชนบท แต่ก็หากลัวอาญาที่รุนแรงถึงเพียงนั้นไม่ และก็ไม่ปรากฏว่าโจโฉกับแปะเฉียสนิทสนมกันมาก่อน ถึงกับสละชีวิตตนให้กันได้ อาการของแปะเฉียนั้นน่าสงใสว่าจะคิดมิดีมิร้ายต่อโจโฉเสียแล้ว ประการที่สอง แปะเฉียกล่าวว่า โจโก๋บิดาโจโฉหลบหนีจากเมืองตันลิวไปแล้ว อันนี้เป็นความเท็จ เพราะเมื่อโจโฉไปถึงเมืองตันลิวก็พบบิดาอยู่ปกติสุขมิได้หลบหนีไปไหน ชะรอยแปะเฉียจะลวงโจโฉเพื่อหน่วงไว้มิให้รุดเดินทางต่อไป แล้วแปะเฉียก็แก้ตัวว่า จะออกไปซื้อเหล้ามาซึ่งความจริงเห็นจะไปบอกเจ้าหน้าที่ให้มาจับตัวโจโฉจริงๆ ดังที่โจโฉสงใสเพราะเมื่อโจโฉหนีอออกจากบ้านแปะเฉียไปก็ไปพบแปะเฉียอยู่ห่าบ้านถึง ยี่สิบเส้นในมือก็ไม่มีเหล่า ผิดวิสัยคนจะไปซื้อเหล้ามาเลี้ยงเพื่อน ประการที่สาม ก่อนที่แปะเฉียจะออกจากบ้านคงแอบสั่งคนใช้ไว้แล้วว่า ถ้าโจโฉหนีก็ให้จัดการ แต่คนใช้แปะเฉีัยอาจไม่รู้เรื่องประกาศจับโจโฉว่า ให้จับเป็นหรือจับตายจึงต้องปรึกษากันว่า จะมัดไว้ก่อนหรือฆ่าเลยทีเดียว เรื่องหมูที่มัดไว้นั้นเห็นจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะถ้าหากแปะเฉียจะสั่งคนครัวให้หาของกินไว้แกล้มเหล้าจริง คนครัวก็หน้าจะฆ่าหมูได้เลย เพราะเวลาก็ค่ำลงแล้ว ไม่เห็นมีเหตุที่จะต้องไปปรึกษากันว่า จะต้องมัดไว้ก่อนหรือแล้วจึงฆ่าหรืออะไรเช่นนั้น ส่วนตัวตันก๋งนั้นเป็นคนยังอ่อนต่อเหตุการณ์ เห็นอะไรก็ตกใจอื้ออึงไปตามเรื่อง การที่โจโฉต้องฆ่าคนคราวนี้ก็เพราะความจำเป็นบังคับให้ทำ โจโฉจำต้องรักษาตัวเอาไว้เพื่อแผ่นดินต่อไป"
ข้าว่าข้อกล่าวหานี้ มีหลายคนที่บอกว่าโจโฉผิด แต่เมื่อได้อ่านหนังสือ โจโฉนายกฯตลอดกาล ของ ท่าน หม่อม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งได้ เขียนสามก๊กฉบับนายทุนในแบบที่ให้โจโฉเป็นตัวเอก กรณีที่โจโฉฆ่าหลีแปะเฉียนี้ ท่านได้ เปิดประเด็นว่าโจโฉไม่ผิด! ซึ่งข้าพเจ้าจะขอยกเอา เนื้อเรื่องในหนังสือมาให้ทุกท่านได้ชมกัน..
"ในขั้นต้น คำสั่งจับโจโฉนั้น สั่งให้จับเป็นมิให้จับตาย น่าสังเกตุว่าพอโจโฉเข้ามาในบ้านของแปะเฉีย แปะเฉียก็บอกว่า ตนรู้เรือ่งประกาศจับโจโฉดี แต่น่าประหลาดที่แปะเฉียมิได้กลัวการรับโจโฉเข้ามาในบ้าน เพราะ ประกาศนั้นบอกไว้แน่ชัดว่า ปากปรากฏว่าใครให้ความคุ้มครองแก่ โจโฉ จะต้องเป็นโทษถึงชีวิตตลอดจนบุตรภรรยา แปะเฉียเป็นเพียงคนชนบท แต่ก็หากลัวอาญาที่รุนแรงถึงเพียงนั้นไม่ และก็ไม่ปรากฏว่าโจโฉกับแปะเฉียสนิทสนมกันมาก่อน ถึงกับสละชีวิตตนให้กันได้ อาการของแปะเฉียนั้นน่าสงใสว่าจะคิดมิดีมิร้ายต่อโจโฉเสียแล้ว ประการที่สอง แปะเฉียกล่าวว่า โจโก๋บิดาโจโฉหลบหนีจากเมืองตันลิวไปแล้ว อันนี้เป็นความเท็จ เพราะเมื่อโจโฉไปถึงเมืองตันลิวก็พบบิดาอยู่ปกติสุขมิได้หลบหนีไปไหน ชะรอยแปะเฉียจะลวงโจโฉเพื่อหน่วงไว้มิให้รุดเดินทางต่อไป แล้วแปะเฉียก็แก้ตัวว่า จะออกไปซื้อเหล้ามาซึ่งความจริงเห็นจะไปบอกเจ้าหน้าที่ให้มาจับตัวโจโฉจริงๆ ดังที่โจโฉสงใสเพราะเมื่อโจโฉหนีอออกจากบ้านแปะเฉียไปก็ไปพบแปะเฉียอยู่ห่าบ้านถึง ยี่สิบเส้นในมือก็ไม่มีเหล่า ผิดวิสัยคนจะไปซื้อเหล้ามาเลี้ยงเพื่อน ประการที่สาม ก่อนที่แปะเฉียจะออกจากบ้านคงแอบสั่งคนใช้ไว้แล้วว่า ถ้าโจโฉหนีก็ให้จัดการ แต่คนใช้แปะเฉีัยอาจไม่รู้เรื่องประกาศจับโจโฉว่า ให้จับเป็นหรือจับตายจึงต้องปรึกษากันว่า จะมัดไว้ก่อนหรือฆ่าเลยทีเดียว เรื่องหมูที่มัดไว้นั้นเห็นจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะถ้าหากแปะเฉียจะสั่งคนครัวให้หาของกินไว้แกล้มเหล้าจริง คนครัวก็หน้าจะฆ่าหมูได้เลย เพราะเวลาก็ค่ำลงแล้ว ไม่เห็นมีเหตุที่จะต้องไปปรึกษากันว่า จะต้องมัดไว้ก่อนหรือแล้วจึงฆ่าหรืออะไรเช่นนั้น ส่วนตัวตันก๋งนั้นเป็นคนยังอ่อนต่อเหตุการณ์ เห็นอะไรก็ตกใจอื้ออึงไปตามเรื่อง การที่โจโฉต้องฆ่าคนคราวนี้ก็เพราะความจำเป็นบังคับให้ทำ โจโฉจำต้องรักษาตัวเอาไว้เพื่อแผ่นดินต่อไป"
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 28
เห็นไม่ค่อยมีคนเขียนถึงซุนกวน ผมเอาซักหน่อยแล้วกัน
จริง ๆ เรื่องการปกครองประชาชนผมให้ซุนกวนเป็นที่หนึ่งเลยครับ แต่ในสามก๊กมีการพูดถึงผู้นำคนนี้น้อยมาก ก็คิดว่าคงเป็นเพราะคนเขียนสามก๊กทั้งฉบับงิ้ว หรือฉบับอิงประวัติศาสตร์ก็เป็นคนที่มีภูมิลำเนาอยู่แต่รัฐวุ่ยและจ๊กเท่านั้น
ผมอยากสรุปให้เห็นแนววิธีคิดเรื่องสำคัญ ๆ ของซุนกวนดังนี้ครับ
ดูทางภูมิศาสตร์แล้ว ซุนกวนถือว่าอยู่ในภูมิลำเนาที่ดี (ก็ได้พ่อและพี่ปูรากฐานมาให้) เพราะมีแม่น้ำแยงซีเกียงเป็นเสมือนคูน้ำของรัฐ ซึ่งแม่น้ำนี้มีความกว้างใหญ่มากในช่วงตั้งเมืองนานจิง(ในปัจจุบัน) ซึ่งเมืองหลวงของง่อก๊กก็อยู่บริเวณซูโจวซึ่งถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ดี ขนาดโจโฉซึ่งเก่งทั้งทางบกและทางน้ำ (ในพงศาวดารบอกว่าไม่เก่งซึ่งผมคิดว่าไม่จริง จะมีก็แต่รัฐเล่าปี่ที่ไม่น่าจะมีทัพเรือด้วยซ้ำ) ยังไม่อาจจะโจมตีได้ตรง ๆ และยังหวาดเกรงจนฝึกพลธนูที่แกร่งที่สุดในแผ่นดินสมัยนั้นที่เหอเฝย (เมืองในปัจจุบัน) (น่าจะโดยขุนพลเตียวเลี้ยว) เพื่อป้องกันรัฐตัวเองจากทัพเรือซุนกวน
และการที่ซุนกวนพยายามเอาหวู่ฮั่น (เก๋งจิ๋ว) จากโจโฉนั้น (โดยแต่เดิมจะแบ่งให้เล่าปีกึ่งหนึ่ง) ถือว่าเป็นการเดินเกมที่ถูกต้องที่สุดในรัฐบาลซุนกวน(โดยแนวคิดจากกุนซือที่เก่งมาก ๆหลายคน) จุดยุทธศาสตร์นี้เหมือนกันการจ่อคอหอยของโจโฉ ทำให้โจโฉเกรงที่จะโจมตีเข้าทางด้านนานกิง และถ้าโจมตีด้านหวู่ฮั่น ก็ต้องรุกหน้าทางน้ำซึ่งทหารซุนกวนก็ชำนาน ถ้าทัพเรือในสมัยรัฐบาลของลูกซุนกวนยังคงเก่งอยู่ รัฐง่อไม่มีทางแตกแน่นอน
แต่การไม่ได้เกงจิ๋วตามสัญญากับเล่าปี่ ผมคิดว่าซุนกวนไม่ควรถูกตำหนิมากที่มองคนอย่างเล่าปี่ไม่ออก (ซึ่งขนาดโจโฉยังถูกหลอกถึงสองครั้ง) เพราะการศึกในช่วงนั้นที่อาศัยความร่วมมือกัน ไม่ควรจะหวาดระแวงกัน แต่ความผิดพลาดก็เป็นบทเรียน ซุนกวนมิได้วู่วามที่จะเอาเก๋งจิ๋วคืน พยายามใช้วิธีการฑูต และเปิดศึกให้เสียหายน้อยที่สุด
ผมว่าซุนกวนก็มองเกมขาดมากที่เอาเกงจิ๋วมาเสริมแผ่นดินสมัยรุ่นพ่อตัวเอง เป็นการสร้างสมดุลคล้ายกับสงครามเย็นกลาย ๆ คานอำนาจโดยมิต้องสู้รบในการศึกที่เป็นกระแสหลัก (ต่างกันเล่าปี่/ขงเบ้ง ที่รบเอา ๆ)
การศึกที่เป็นกระแสหลักคือการศึกกับเล่าปี่(2ครั้ง 1.กับกวนอู 2.กับพระเจ้าเล่าปี่) เล่าปี่เตรียมตัวค่อนข้างถี่ถ้วนทีเดียว(เป็นปีๆ) ที่จะเดิมพันทั้งหมดกับการโจมตีรัฐง่อ ในพงศาวดารก็เชียร์เสมือนว่าเล่าปี่เกือบจะชนะมาก ๆ ซึ่งแท้ที่จริงการรบครั้งนั้นก็แผนการก็คล้ายสมัยรัสเซียถูกนโปเลียนหรือฮิตเลอร์โจมตี ต่างกันที่รัสเซียใช้ความหนาวเย็น ซุนกวนใช้ความร้อนระอุ และต่างกันมาก ๆ ที่ง่อก๊กก็ยังไม่ถูกจ่อคอหอยเหมือนอย่างรัสเซีย เล่าปี่โจมตีถึงจุดหนึ่งก็รุกไม่ได้ ถอยกลับก็ไม่ได้ หลาย ๆ อย่างบังคับให้เล่าปี่ต้องตั้งทัพรอซุนกวนวู่วาม ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือเวลาเดียวกันที่ซุนกวนรอเวลาที่มีลมร้อนพัดพาเอาเพลิงให้ทัพเล่าปี่พินาศกลับไป
มาดูเรื่องการปกครองคนบ้าง
บริเวณง่อก๊ก ถือว่าเป็นบริเวณร้อยชนเผ่าน้อยของจีน (เส่าซู่หมินหจู) ซึ่งมีชนเผ่ากระจัดกระจายเกือบร้อยซึ่งต่างภาษาพูด ภาษาเขียน ต่างจากแผ่นดินภาคกลางลุ่มแม่น้ำเหลืองที่ค่อนข้างมีฮั่นเป็นกลุ่มชนใหญ่ และจ๊กก๊กที่มีฮั่นเป็นกลุ่มชนใหญ่เช่นกัน (อาจจะวุ่นวายน้อยกว่าแถบแม่น้ำเหลืองด้วยซ้ำเพราะราชวงศ์ฮั่นตั้งตัวที่นี่ และเคยย้ายถิ่นฐานหนีชนกลุ่มซงหนูทางเหนือมาด้านนี้เช่นกัน) ยังเห็นได้ว่าจ๊กก๊กวุ่นวายมากกว่าจะปราบชนกลุ่มน้อยได้ ต้องถึงขั้นให้ขงเบ้ง (ที่ยกย่องกันว่าเก่งกาจมาก) นำทัพหลายสิบหมื่นมาปราบแค่ชนกลุ่มน้อย แต่สำหรับซุนกวนนั้นไม่ปรากฎเรื่องวุ่นวายดังกล่าวเลย ถือว่าเป็นการปกครองประชาราษฎ์ที่ดีมาก ๆ (รัฐบาลปัจจุบันน่าจะลองศึกษาดู)
จำนวนประชนกรในรัฐนี้ก่อนและหลังยุคสามก๊กถือว่าถดถอยน้อยที่สุด ถ้ามีการวัด GDP ผมก็คิดว่าโตมากที่สุดเช่นกัน ถ้าศึกษาต่อน่าจะสนุก แต่น่าเสียดายที่หลักฐานที่เป็นหนังสือสำคัญ ๆ ยังอยู่ในรูปภาษาจีน จะให้แกะ ผมก็คงแก่ก่อน
และยิ่งศิลปะในการปกครองลูกน้อง และการมองคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมไม่เห็นซุนกวนเคยพลาดน้อยครั้งมาก จุดผิดพลาดของซุนกวนคือไม่ยอมสร้างภาพลักษณ์ออกมาเหมือนเล่าปี่ จนเจอเล่าปี่ทั้งขงเบ้ง เล่นซะลูกน้อยอย่างจิวยี่ที่เป็นนาวาเอกที่เก่งมากในสมัยนั้น น่าจะกลับไปขายเต้าฮวยได้เลย
ซุนกวนรู้จักใช้การผูกมิตรเครือญาติ เพื่อสร้างความแข็งแรง ไม่ต่างกับแนวคิดของยุคกลางในตะวันตก ผมเห็นว่าแนวความคิดด้านการปกครองของซุนกวนค่อนข้างล้ำหน้ามาก แต่โชคไม่ดีที่เกิดมาในยุคสมัยของการแก่งแย่งชิงดีด้วยเลือดเนื้อ
แผ่นดินในยุคนั้นเหมาะแก่นายกตลอดกาลอย่างขุนศึกที่ชื่อโจโฉครับ ที่เปรียบเทียบว่าซุนกวนเป็นนร. MBA นั้นถูกต้องมากครับ สมัยนั้นยังไม่เป็นที่นิยมจริง ๆ
จริง ๆ เรื่องการปกครองประชาชนผมให้ซุนกวนเป็นที่หนึ่งเลยครับ แต่ในสามก๊กมีการพูดถึงผู้นำคนนี้น้อยมาก ก็คิดว่าคงเป็นเพราะคนเขียนสามก๊กทั้งฉบับงิ้ว หรือฉบับอิงประวัติศาสตร์ก็เป็นคนที่มีภูมิลำเนาอยู่แต่รัฐวุ่ยและจ๊กเท่านั้น
ผมอยากสรุปให้เห็นแนววิธีคิดเรื่องสำคัญ ๆ ของซุนกวนดังนี้ครับ
ดูทางภูมิศาสตร์แล้ว ซุนกวนถือว่าอยู่ในภูมิลำเนาที่ดี (ก็ได้พ่อและพี่ปูรากฐานมาให้) เพราะมีแม่น้ำแยงซีเกียงเป็นเสมือนคูน้ำของรัฐ ซึ่งแม่น้ำนี้มีความกว้างใหญ่มากในช่วงตั้งเมืองนานจิง(ในปัจจุบัน) ซึ่งเมืองหลวงของง่อก๊กก็อยู่บริเวณซูโจวซึ่งถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ดี ขนาดโจโฉซึ่งเก่งทั้งทางบกและทางน้ำ (ในพงศาวดารบอกว่าไม่เก่งซึ่งผมคิดว่าไม่จริง จะมีก็แต่รัฐเล่าปี่ที่ไม่น่าจะมีทัพเรือด้วยซ้ำ) ยังไม่อาจจะโจมตีได้ตรง ๆ และยังหวาดเกรงจนฝึกพลธนูที่แกร่งที่สุดในแผ่นดินสมัยนั้นที่เหอเฝย (เมืองในปัจจุบัน) (น่าจะโดยขุนพลเตียวเลี้ยว) เพื่อป้องกันรัฐตัวเองจากทัพเรือซุนกวน
และการที่ซุนกวนพยายามเอาหวู่ฮั่น (เก๋งจิ๋ว) จากโจโฉนั้น (โดยแต่เดิมจะแบ่งให้เล่าปีกึ่งหนึ่ง) ถือว่าเป็นการเดินเกมที่ถูกต้องที่สุดในรัฐบาลซุนกวน(โดยแนวคิดจากกุนซือที่เก่งมาก ๆหลายคน) จุดยุทธศาสตร์นี้เหมือนกันการจ่อคอหอยของโจโฉ ทำให้โจโฉเกรงที่จะโจมตีเข้าทางด้านนานกิง และถ้าโจมตีด้านหวู่ฮั่น ก็ต้องรุกหน้าทางน้ำซึ่งทหารซุนกวนก็ชำนาน ถ้าทัพเรือในสมัยรัฐบาลของลูกซุนกวนยังคงเก่งอยู่ รัฐง่อไม่มีทางแตกแน่นอน
แต่การไม่ได้เกงจิ๋วตามสัญญากับเล่าปี่ ผมคิดว่าซุนกวนไม่ควรถูกตำหนิมากที่มองคนอย่างเล่าปี่ไม่ออก (ซึ่งขนาดโจโฉยังถูกหลอกถึงสองครั้ง) เพราะการศึกในช่วงนั้นที่อาศัยความร่วมมือกัน ไม่ควรจะหวาดระแวงกัน แต่ความผิดพลาดก็เป็นบทเรียน ซุนกวนมิได้วู่วามที่จะเอาเก๋งจิ๋วคืน พยายามใช้วิธีการฑูต และเปิดศึกให้เสียหายน้อยที่สุด
ผมว่าซุนกวนก็มองเกมขาดมากที่เอาเกงจิ๋วมาเสริมแผ่นดินสมัยรุ่นพ่อตัวเอง เป็นการสร้างสมดุลคล้ายกับสงครามเย็นกลาย ๆ คานอำนาจโดยมิต้องสู้รบในการศึกที่เป็นกระแสหลัก (ต่างกันเล่าปี่/ขงเบ้ง ที่รบเอา ๆ)
การศึกที่เป็นกระแสหลักคือการศึกกับเล่าปี่(2ครั้ง 1.กับกวนอู 2.กับพระเจ้าเล่าปี่) เล่าปี่เตรียมตัวค่อนข้างถี่ถ้วนทีเดียว(เป็นปีๆ) ที่จะเดิมพันทั้งหมดกับการโจมตีรัฐง่อ ในพงศาวดารก็เชียร์เสมือนว่าเล่าปี่เกือบจะชนะมาก ๆ ซึ่งแท้ที่จริงการรบครั้งนั้นก็แผนการก็คล้ายสมัยรัสเซียถูกนโปเลียนหรือฮิตเลอร์โจมตี ต่างกันที่รัสเซียใช้ความหนาวเย็น ซุนกวนใช้ความร้อนระอุ และต่างกันมาก ๆ ที่ง่อก๊กก็ยังไม่ถูกจ่อคอหอยเหมือนอย่างรัสเซีย เล่าปี่โจมตีถึงจุดหนึ่งก็รุกไม่ได้ ถอยกลับก็ไม่ได้ หลาย ๆ อย่างบังคับให้เล่าปี่ต้องตั้งทัพรอซุนกวนวู่วาม ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือเวลาเดียวกันที่ซุนกวนรอเวลาที่มีลมร้อนพัดพาเอาเพลิงให้ทัพเล่าปี่พินาศกลับไป
มาดูเรื่องการปกครองคนบ้าง
บริเวณง่อก๊ก ถือว่าเป็นบริเวณร้อยชนเผ่าน้อยของจีน (เส่าซู่หมินหจู) ซึ่งมีชนเผ่ากระจัดกระจายเกือบร้อยซึ่งต่างภาษาพูด ภาษาเขียน ต่างจากแผ่นดินภาคกลางลุ่มแม่น้ำเหลืองที่ค่อนข้างมีฮั่นเป็นกลุ่มชนใหญ่ และจ๊กก๊กที่มีฮั่นเป็นกลุ่มชนใหญ่เช่นกัน (อาจจะวุ่นวายน้อยกว่าแถบแม่น้ำเหลืองด้วยซ้ำเพราะราชวงศ์ฮั่นตั้งตัวที่นี่ และเคยย้ายถิ่นฐานหนีชนกลุ่มซงหนูทางเหนือมาด้านนี้เช่นกัน) ยังเห็นได้ว่าจ๊กก๊กวุ่นวายมากกว่าจะปราบชนกลุ่มน้อยได้ ต้องถึงขั้นให้ขงเบ้ง (ที่ยกย่องกันว่าเก่งกาจมาก) นำทัพหลายสิบหมื่นมาปราบแค่ชนกลุ่มน้อย แต่สำหรับซุนกวนนั้นไม่ปรากฎเรื่องวุ่นวายดังกล่าวเลย ถือว่าเป็นการปกครองประชาราษฎ์ที่ดีมาก ๆ (รัฐบาลปัจจุบันน่าจะลองศึกษาดู)
จำนวนประชนกรในรัฐนี้ก่อนและหลังยุคสามก๊กถือว่าถดถอยน้อยที่สุด ถ้ามีการวัด GDP ผมก็คิดว่าโตมากที่สุดเช่นกัน ถ้าศึกษาต่อน่าจะสนุก แต่น่าเสียดายที่หลักฐานที่เป็นหนังสือสำคัญ ๆ ยังอยู่ในรูปภาษาจีน จะให้แกะ ผมก็คงแก่ก่อน
และยิ่งศิลปะในการปกครองลูกน้อง และการมองคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมไม่เห็นซุนกวนเคยพลาดน้อยครั้งมาก จุดผิดพลาดของซุนกวนคือไม่ยอมสร้างภาพลักษณ์ออกมาเหมือนเล่าปี่ จนเจอเล่าปี่ทั้งขงเบ้ง เล่นซะลูกน้อยอย่างจิวยี่ที่เป็นนาวาเอกที่เก่งมากในสมัยนั้น น่าจะกลับไปขายเต้าฮวยได้เลย
ซุนกวนรู้จักใช้การผูกมิตรเครือญาติ เพื่อสร้างความแข็งแรง ไม่ต่างกับแนวคิดของยุคกลางในตะวันตก ผมเห็นว่าแนวความคิดด้านการปกครองของซุนกวนค่อนข้างล้ำหน้ามาก แต่โชคไม่ดีที่เกิดมาในยุคสมัยของการแก่งแย่งชิงดีด้วยเลือดเนื้อ
แผ่นดินในยุคนั้นเหมาะแก่นายกตลอดกาลอย่างขุนศึกที่ชื่อโจโฉครับ ที่เปรียบเทียบว่าซุนกวนเป็นนร. MBA นั้นถูกต้องมากครับ สมัยนั้นยังไม่เป็นที่นิยมจริง ๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 360
- ผู้ติดตาม: 0
ในเวปนี้มีใครชอบคุยเรื่องสามก๊กบ้าง
โพสต์ที่ 30
เรื่องการใช้คน โจโฉน่าจะดีกว่าอีก 2 คน
กรณีของ บังทอง ซึ่งมีความดีความชอบกับการวางแผนแนะนำให้โจโฉเอาโซ่ผูกเรือเข้าด้วยกัน ทำให้เล่าปี่และซุนกวนรบชนะได้
โลซกก็พาบังทองไปแนะนำให้ซุนกวนรู้จัก ซุนกวนเห็นจึงถามว่าความรู้ที่บังทองเรียนมาเทียบกับจิวยี่เป็นยังไง บังทองบอกว่าความรู้ที่เรียนมานั้นคนละเรื่องกับจิวยี่เลย ซุนกวนซึ่งยังประทับใจในจิวยี่อยู่ ( ตอนนั้นจิวยี่เพิ่งตาย ) และเห็นหน้าตาบังทองก็ไม่ถูกใจก็เลยไม่รับบังทองไว้ใช้งาน
โลซกจึงแนะนำบังทองไปหาเล่าปี่
เล่าปี่รู้ว่าจะเจอบังทองก็ยินดีเพราะได้ยินชื่อเสียงมาก่อน แต่เมื่อได้เห็นบังทอง ก็เห็นว่าหน้าตาอัปลักษณ์โหวงเฮ้งไม่ดี ก็เลยบอกว่าไม่มีธุระอะไรด้วยแล้วถามว่าบังทองมีธุระอะไร บังทองก็บอกว่าได้ยินว่าเล่าปี่เกลี้ยกล่อมคนมีสติปัญญามาอยู่ด้วย เล่าปี่บอกกลับไปว่าตอนนี้บ้านเมืองสงบสุขดีแล้วไม่เป็นไร จึงให้บังทองไปเป็นเจ้าเมืองคุมเมืองเล็กๆ
ท้ายสุดบังทองมาอยู่กับเล่าปี่เพราะตั้งแต่บังทองได้เป็นเจ้าเมืองก็กินเหล้าเมา ไม่ทำงาน จนเตียวหุยไปเจอและเห็นความสามารถ
ซุนกวน ดีกว่าเล่าปี่นิดนึงตรงที่เห็นว่าโหวงเฮ้งไม่ดี ก็ยังสัมภาษณ์คือ ถาม 1 คำถาม ให้แสดงความสามารถ แต่เล่าปี่ไม่สัมภาษณ์เลย กลับถามว่ามาทำไม
แต่เล่าปี่จะดีกว่าซุนกวนหน่อยตรงไม่หักหาญน้ำใจ คือ ไม่รับเข้ามาเป็นที่ปรึกษาแต่ยังหาเมืองให้อยู่ แต่ซุนกวน ไม่ชอบก็ไม่เอาเลย
แต่โจโฉกลับเป็นคนที่เลื่อมใสและแสดงความเคารพบังทองที่สุดเมื่อครั้นได้พบกันครั้งแรก ซึ่งหมายถึงว่าโจโฉสามารถเลือกใช้คนได้โดยมีอคติน้อยที่สุดครับ แต่โชคร้ายของโจโฉที่บังทองไม่ได้คิดจะอยู่กับโจโฉ
กรณีของ บังทอง ซึ่งมีความดีความชอบกับการวางแผนแนะนำให้โจโฉเอาโซ่ผูกเรือเข้าด้วยกัน ทำให้เล่าปี่และซุนกวนรบชนะได้
โลซกก็พาบังทองไปแนะนำให้ซุนกวนรู้จัก ซุนกวนเห็นจึงถามว่าความรู้ที่บังทองเรียนมาเทียบกับจิวยี่เป็นยังไง บังทองบอกว่าความรู้ที่เรียนมานั้นคนละเรื่องกับจิวยี่เลย ซุนกวนซึ่งยังประทับใจในจิวยี่อยู่ ( ตอนนั้นจิวยี่เพิ่งตาย ) และเห็นหน้าตาบังทองก็ไม่ถูกใจก็เลยไม่รับบังทองไว้ใช้งาน
โลซกจึงแนะนำบังทองไปหาเล่าปี่
เล่าปี่รู้ว่าจะเจอบังทองก็ยินดีเพราะได้ยินชื่อเสียงมาก่อน แต่เมื่อได้เห็นบังทอง ก็เห็นว่าหน้าตาอัปลักษณ์โหวงเฮ้งไม่ดี ก็เลยบอกว่าไม่มีธุระอะไรด้วยแล้วถามว่าบังทองมีธุระอะไร บังทองก็บอกว่าได้ยินว่าเล่าปี่เกลี้ยกล่อมคนมีสติปัญญามาอยู่ด้วย เล่าปี่บอกกลับไปว่าตอนนี้บ้านเมืองสงบสุขดีแล้วไม่เป็นไร จึงให้บังทองไปเป็นเจ้าเมืองคุมเมืองเล็กๆ
ท้ายสุดบังทองมาอยู่กับเล่าปี่เพราะตั้งแต่บังทองได้เป็นเจ้าเมืองก็กินเหล้าเมา ไม่ทำงาน จนเตียวหุยไปเจอและเห็นความสามารถ
ซุนกวน ดีกว่าเล่าปี่นิดนึงตรงที่เห็นว่าโหวงเฮ้งไม่ดี ก็ยังสัมภาษณ์คือ ถาม 1 คำถาม ให้แสดงความสามารถ แต่เล่าปี่ไม่สัมภาษณ์เลย กลับถามว่ามาทำไม
แต่เล่าปี่จะดีกว่าซุนกวนหน่อยตรงไม่หักหาญน้ำใจ คือ ไม่รับเข้ามาเป็นที่ปรึกษาแต่ยังหาเมืองให้อยู่ แต่ซุนกวน ไม่ชอบก็ไม่เอาเลย
แต่โจโฉกลับเป็นคนที่เลื่อมใสและแสดงความเคารพบังทองที่สุดเมื่อครั้นได้พบกันครั้งแรก ซึ่งหมายถึงว่าโจโฉสามารถเลือกใช้คนได้โดยมีอคติน้อยที่สุดครับ แต่โชคร้ายของโจโฉที่บังทองไม่ได้คิดจะอยู่กับโจโฉ