ตัวอย่างการแก้ปัญหา ที่จะมีปัญหาตามมาอีกมาก ของนาย ก

[Jeng]

วันนี้อ่านข่าวเรื่องการยกหนี้ให้เกษตกร 50 %

อะไรจะเกิดขึ้นตามมา

1. ความรู้สึกของเกษตรกรที่ไม่มีหนี้ อืม รู้งี้มีหนี้ดีกว่า เราเองพยายามไม่มีหนี้ พยายามอดออม อดอยากปากแห้ง ดูดิ คนที่มีหนี้ แล้วฟุ่มเฟือย ได้ลดหนี้ 50 % ไม่ยุติธรรมเลย

ข้อนี้สร้างความรู้สึกไม่เป็นธรรม เล็กๆ ขึ้นในใจ

ถ้าเปรียบการมาสาย คนที่ชอบมาเช้า เมื่อเห็นคนมาสาย ไม่โดนลงโทษ ก็เริ่มท้อแท้ แต่ก็ยังมาเช้า

2. เกษตรกรคนอื่นที่ยังไม่ได้ลดหนี้ เนื่องจากเงื่อนไขยังไม่ตรง ก็พยายาม ที่จะรวมตัวเข้ามา เพื่อขอการลดหนี้เพิ่มขึ้นอีก

ข้อนี้คือ เมื่อเห็นคนอื่นได้ ก็อยากได้บ้าง เช่น เห็นคนอื่นมาสาย ไม่โดนลงโทษ ก็มาสายบ้าง

3. วงการอื่นที่ไม่ใช่เกษตรกร ก็อยากลดหนี้

4. สถาบันทั้งหลายที่ปล่อยกู้ ก็อาจจะสั่นคลอนได้ ถ้ารัฐบาลเข้ามาปั่นป่วนระบบแบบนี้ เอะอะ ลดหนี้ ลดหนี้ โห วงการนี้ก็หวั่นไหว เพราะเป็นการสนับสนุนการเบี้ยว ให้เบี้ยวแบบถูกกฎหมาย ถูกต้องทุกอย่าง แค่รวมตัวกันเรียกร้อง

อีกหน่อยมีคนสักพันคนเดินทางมาเรียกร้องให้มีการลดหนี้บัตรเครดิต รัฐบาลจะแก้อย่างไร เดาเอา

............................................................................................

ลักษณะของคนที่บริหารไม่เป็นก็จะประมาณนี้แหละ งานยุ่งทั้งวัน ปัญหาตามมาเยอะ อารมณ์เสียหัวเสีย เพราะคิดว่าทำงานมาเยอะแล้ว ทำเต็มที่แล้ว มีแต่ศัตรูจ้องทำร้าย

สมัยก่อนท่านนาย ก อาจจะประมูลอะไรมา แล้วก็มีส่วนต่างกำไรมากมาย แล้วให้มือดีๆ บริหาร ก็จบ

แต่นึกไม่ถึง การเป็นนาย ก กลับต้องมานั่งตอบคำถามเอง

อืม ถ้าท่านเลิกให้สัมภาษณ์ แล้วให้ผู้บริหารมืออาชีพ มาตอบแทน ประเทศชาติ น่าจะสงบสุขกว่านี้

ท่านน่าจะใช้วิธีเดิม คือให้มืออาชีพทำไป

ยังไงท่านก็เป็นนาย ก ตัวจริงอยู่แล้ว ก็ให้นาย ก มืออาชีพ เขาบริหารไปก็สิ้นเรื่อง

[moo]

เห็นด้วยครับพี่เจ๋ง

แต่เอ๊ะ....ไปไป มามา..จะกลายเป็นขาประจำม๊ยเนี๊ยะ :lol:

[มดง่าม]

 :twisted:  :evil:  :twisted:  :drink:  :'O

[ปุย]

พี่เจ๋ง

แล้วใครกัน คือ นาย ก มืออาชีพครับ  :?:

[Jeng]

บุญคลี

[hed]

[quote="ba_2l"]เลือกตั้งสมัยที่แล้ว มีบางพรรคการเมืองชูนโยบายปลดหนี้เกษตรกร พอไปหาเสียงพูดคุยให้ชาวบ้านฟัง แกถามกลับมาว่า

"เออ... ปลดหนี้หนะดีนะ ว่าแต่ว่าปลดเสร็จแล้วมีให้กู้อีกมั้ยหละ" เฮ้อ

[Tao Investor]

ว่าด้วยเรื่องของการแทรงแซง (แทรกแซง คือ การแทรกเข้าไปในสิ่งที่มีอยู่แล้ว)

การใช้กำลังมากเกินไปจะทำให้เกิดสิ่งที่ตรงกันข้าม

การพยายามเป็นคนดีมากเกินไปจะทำให้เป็นคนไม่ดี

การพยายามที่จะสวยมากเกินไปทำให้เราอัปลักษณ์

การพยายามที่จะรวยมากเกินไปจะทำให้เราจน

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสามัญ


การสอดแทรกจะไม่ทำให้กลุ่มดี

มักจะทำให้กลุ่มเสียคุณภาพไป

ผู้นำผู้ผลักดันคิดว่า ผู้นำเป็นกระบวนการที่อำนวยความสะดวก ในความเป็นจริง ผู้นำเป็นผู้กีดกันกระบวนการของระบบ

ผู้นำที่ฉลาดทราบว่า กระบวนการแทรงแซงนั้นหยาบกร้านแข็งกระด้าง

การผลักดันหรือแทรกแซงระบบนั้น ย่อมทำให้ระบบมีความกดดัน

ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงในทางใด ล้วนเป็นการฝืนธรรมชาติของระบบ

พลังงานของระบบจะถูกผู้นำชักจูงไปในทางใดทางหนึ่ง

ความไม่สมดุลจึงเกิดขึ้น

เมื่อระบบถูกกดดันสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือการต่อต้านจากระบบ

หรือการเกิดขึ้นของกระบวนการที่ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติของระบบ

ธรรมชาติของกลุ่มนั้น เรียบง่าย และจะเปิดโอกาสสำหรับความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้น

สิ่งนี้ทำให้ระบบ มีคุณภาพ

การแทรงแซงนั้นควรใช้แต่น้อยและเฉพาะสิ่งที่จำเป็น

เมื่อผู้นำมีตัวตน ระบบจะคล้อยตามผู้นำ กระบวนการที่เกิดขึ้น นั้นจะนำระบบและผู้นำ ออกจากศูนย์กลาง ลอยขึ้นและตกลง

เมื่อผู้นำไม่มีตัวตน ระบบก็จะไม่ต่อต้าน เพราะระบบไม่รู้ว่าจะต่อต้านอะไร

สิ่งที่สำคัญของระบบ คือ ระบบ ไม่ใช่ผู้นำ

ผู้นำที่ดีควรรักษาเสถียรภาพของระบบ

ระบบจะพัฒนากระบวนการด้วยตัวของมันเอง

การผลักดันจะทำให้เกิดความปั่นป่วน

สิ่งเหล่านี้ ผู้นำที่ดีควรทราบ