taladhoon.com กำลังหยุดปรับปรุง เชิญ เพื่อนๆ มาคุยกันที่นี้
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
taladhoon.com กำลังหยุดปรับปรุง เชิญ เพื่อนๆ มาคุยกันที่นี้
โพสต์ที่ 1
อ่าน วาทะ วอร์เรน บัฟเฟทท์ ไปพลางๆก่อน รอเพื่อนๆ จาก Taladhoon.com แวะเข้า มาเข้ามาคุยด้วย ใครเข้ามาแล้ว ส่งข้อความมาให้ทราบ ด้วย ครับ
ไม่ได้คุยกัน แล้วคิดถึง ใจจะขาด
รัก
%%%%%%%%%%%%%
ปรัชญา การลงทุน ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์
กฎ ข้อ 1 : อย่ายอมเสียเงิน กฎ ข้อ 2 : อย่าลืมกฎข้อ 1
บัฟเฟทท์แวะเวียนกลับไปหาเบน เกรแฮมอย่างสม่ำเสมอ
ผมคิดว่ามีคำสามคำที่เป็นพื้นฐานในการลงทุน หากคุณนำสามคำนี้ไปเป็นรากฐานในโครงสร้างความคิดของคุณแล้วละก็ ผมมองไม่เห็นเลยว่าคุณจะมีปัญหาตรงไหน คุณจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่งเลยที่เดียว มันไม่มีอะไรที่สลับซับซ้อน มันไม่ต้องการความสามารถพิเศษทางคณิตศาสตร์ หรืออะไรทำนองนั้น เกรแฮม บอกว่า
คุณควรมองหุ้นว่าเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ในธุรกิจ มองการเปลี่ยนแปลง (ของตลาด) ฉันมิตรไม่ใช่เป็นศัตรู ทำกำไรจากสิ่งที่ดูโง่เขลา แทนที่จะมีส่วนร่วมกับมัน
และ เขาบอกว่า มีคำที่สำคัญที่สุด อยู่สามคำในการลงทุนคือ
Margin of Safety ส่วนที่เผื่อเอาไว้เพื่อความปลอดภัย
ผมคิดว่าอีกสัก 100 ปีต่อจากนี้ไป แนวคิดนี้ก็ยังจะเป็นรากฐานสำคัญของการลงทุนที่ถูกต้อง
บัฟเฟทท์สรุปความคิดของเกรแฮมไว้ว่า
เมื่อใดที่คุณมีสภาวะจิตใจที่เหมาะสม ประกอบกับสติปัญญาที่ดี เมื่อนั้นแหละ คุณจะประพฤติตัวอย่างมีเหตุมีผล
บัฟเฟทท์ไม่ได้กังวลเลยว่าหลักการของเขาจะเป็นสิ่งที่ล้าสมัย
ถ้าหลังการสามารถหมดอายุได้ มันไม่ใช่หลักการแล้ว
(จากหน้าที่ 88-89 หนังสือ ของ สำนักพิมพ์ บริษัท ซัคเซส มีเดีย จำกัด เรื่อง วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ เจเน็ต โลว์ เขียน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปล ครรชิต ไพศาล พิมพ์ส่งมาให้อ่าน เพื่อนๆ ไปซื้อหามาอ่านกัน จะได้ประโยชน์อย่างมากครับ)
พบกับ มิสเตอร์มาร์เก็ต
มิสเตอร์มาร์เก็ต เป็นตัวละครที่เกรแฮมสมมุติขึ้นมา เพื่อให้ความกระจ่างในความคิดของนักศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของตลาด เกรแฮมกล่าวว่า เราควรมองตลาดหุ้นว่าเป็นหุ้นส่วนที่งุ่นง่านอยู่ตลอดเวลา หุ้นส่วนคนนี้ก็คือ มิสเตอร์มาร์เก็ต ผู้ที่มาแสดงตัวทุกวันพรอมกับเสนอราคาที่เขาจะซื้อหรือขายหุ้น ให้กับคุณ ไม่ว่าเขาจะเสนอราคาอย่างไร้เหตุไร้ผลขนาดไหน และไม่ว่าคุณจะปฏิเสธมันบ่อยครั้งเท่าใด มิสเตอร์มาร์เก็ตคนนี้ก็จะกลับมาหาคุณในวันต่อไป พร้อมด้วยข้อเสนอใหม่ๆเสมอ บัฟเฟทท์กล่าวว่าเรื่องที่สอนให้รู้ว่า
มิสเตอร์มาร์เก็ตเป็นคนรับใช้ของคุณ เขาไม่ใช่ผู้นำทางของคุณ
ในเดือนมีนาคม ปี 1989 เมื่อตลาดหุ้นได้ทะยานขึ้นอีก บัฟเฟทท์ บันทึกไว้ว่า
เราไม่รู้ว่าส่วนเกินนี้จะอยู่ได้นานสักเท่าไร และเราไม่รู้ว่าอะไรจะเปลี่ยนทัศนคติของรัฐบาล ผู้ให้กู้เงิน และผู้ซื้อ ซึ่งเป็นผู้กระพือไฟให้กับตลาด
แต่เรารู้ว่าเมื่อผู้คนขาดความรอบคอบในการปฏิบัติภารกิจของพวกเขามากขึ้นเท่าไร
เราต้องเพิ่มความรอบคอบในการปฏิบัติภารกิจของเราให้มากขึ้นเท่านั้น
ผมไม่เคยพยายามทำเงินจากการ ซื้อ-ขาย ในตลาดหุ้น ผมซื้อมันด้วยสมมุติฐานที่ว่า ตลาดอาจจะถูกปิดในวันรุ่งขึ้น และไม่เปิดอีกเลยเป็นเวลา ห้าปี
ต่อ คำถามที่ว่า นักลงทุนจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าราคาหุ้นในตลาดที่ต่ำกว่าความเป็นจริงจะปรับตัวสูงขึ้นในที่สุด ?
สมัยที่ผมทำงานให้กับ เกรแฮม-นิวแมน ผมได้ถามเบน เกรแฮมซึ่งเป็นเจ้านายของผมในขณะนั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเพียงแต่ยักไหล่ และบอกว่าในที่สุด ตลาดจะทำให้ราคาสูงขึ้น เขาพูดถูก ในระยะสั้นตลาดเป็นเหมือนเครื่องซาวเสียงที่เปลี่ยนไปตามกระแสของคน แต่ในระยะยาวมันจะเป็นเหมือนเครื่องชั่งน้ำหนักที่วันสาระของสิ่งนั้นจริงๆ
ความเป็นจริงนั้นคือ เราสามารถคาดเดาได้เลยว่า คนนั้นเต็มไปด้วย ความโลภ ความกลัว และ ความโงเขลา
แต่ผลลัพธ์ของการที่คนเป็นเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ยากที่จะคาดเดา
ตลาดเปรียบเหมือนเช่นพระเจ้าที่จะช่วยคนที่ช่วยตัวเอง
(จากหน้าที่ 98-99 หนังสือ ของ สำนักพิมพ์ บริษัท ซัคเซส มีเดีย จำกัด เรื่อง วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ เจเน็ต โลว์ เขียน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปล ครรชิต ไพศาล พิมพ์ส่งมาให้อ่าน เพื่อนๆ ไปซื้อหามาอ่านกัน จะได้ประโยชน์อย่างมากครับ)
อย่าไปใส่ใจกับอารมณ์ของ Mr. Market
ชาลีและผมไม่เคยแสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องตลาดหุ้น เพราะนอกจากมันจะไม่ทำให้อะไรดีขึ้นแล้ว มันยังมารบกวนความคิดเห็นที่ดี ๆ ของเราด้วย
คุณไม่สามารถจะร่ำรวยขึ้นได้ด้วยการดูลูกศรชีทิศทางสภาพอากาศ
ตลาดหุ้น (ดัชนี ตลาดหลักทรัพย์) มีไว้เพียงเพื่อเป็นตัวอ้างอิงว่ามีใครทำอะไรโง่ ๆ หรือไม่ เพราะเมื่อเราลงทุนในหุ้นใด ๆ นั้น เราได้ลงทุนในธุรกิจของบริษัทนั้น ๆ (ไม่ได้ลงทุนใน ดัชนี ตลาดหลักทรัพย์)
หากเราพบกิจการที่เราพึงพอใจ สภาวะของตลาดจะไม่มีผลกระทบอะไรต่อการตัดสินใจของเรา เราตัดสินใจซื้อหุ้นเป็นกิจการ ๆ ไป เราไม่เสียเวลาคิดเกี่ยวกับปัจจัยของเศรษฐศาสตร์มหภาค หรืออาจกล่าวได้ว่า ถ้าใครส่งการคาดการของนักวิชาการที่เป็นที่นับถือมากที่สุดให้เรา คาดการณ์เรื่องตัวเลขการว่างงาน หรืออัตราดอกเบี้ย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า เราคงไม่ให้ความสนใจกับมันเท่าไร เราเพียงแต่พยายามที่จะมุ่งเน้น ในกิจการที่เราคิดว่าเราเข้าใจดี และธุรกิจที่เราชอบใจในราคาและการบริหาร(ที่ดี) เมื่อเราเห็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐสภา เราไม่ได้สนใจแม้แต่จะอ่านมัน เราคิดว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปพิจารณาสิ่งเหล่านั้น
(จอห์น เมย์นาร์ด) เคนส์ บอกไว้ว่า สิ่งสำคัญคือ อย่าพยายามคิดอะไรเกี่ยวกับความเป็นไปในตลาด แต่จงพิจารณาธุรกิจที่คุณมีความเข้าใจและที่คุณจดจ่ออยู่กับมัน
ด้วยเหตุผลบ้างประการ คนจะยึดติดอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของราคา มากกว่าจะคิดถึงมูลค่า สิ่งที่ไม่ได้ผลดีเลยคือ การที่คุณลงทุนในหุ้นที่คุณไม่รู้จัก หรือลงทุนเพราะหุ้นนั้นทำกำไรให้กับคนบางคนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหตุผลที่ทึ่มที่สุดในโลกคือ การซื้อหุ้นเพราะราคามันเพิ่งเขยิบตัวสูงขึ้น
อนาคตไม่เคยมีอะไรแน่นอน คุณจ่ายเงินมากขึ้นเพราะตลาดหุ้นกำลังได้รับความนิยม (การซื้อ หุ้นเมื่อตลาดพุ่งขึ้น) ความไม่แน่นอนเป็นมิตรแท้ของผู้ที่ซื้อหุ้นด้วยการมองมูลค่าในระยะยาว
(จากหน้าที่ 100-101 หนังสือ ของ สำนักพิมพ์ บริษัท ซัคเซส มีเดีย จำกัด เรื่อง วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ เจเน็ต โลว์ เขียน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปล ครรชิต ไพศาล พิมพ์ส่งมาให้อ่าน เพื่อนๆ ไปซื้อหามาอ่านกัน จะได้ประโยชน์อย่างมากครับ)
ไม่ได้คุยกัน แล้วคิดถึง ใจจะขาด
รัก
%%%%%%%%%%%%%
ปรัชญา การลงทุน ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์
กฎ ข้อ 1 : อย่ายอมเสียเงิน กฎ ข้อ 2 : อย่าลืมกฎข้อ 1
บัฟเฟทท์แวะเวียนกลับไปหาเบน เกรแฮมอย่างสม่ำเสมอ
ผมคิดว่ามีคำสามคำที่เป็นพื้นฐานในการลงทุน หากคุณนำสามคำนี้ไปเป็นรากฐานในโครงสร้างความคิดของคุณแล้วละก็ ผมมองไม่เห็นเลยว่าคุณจะมีปัญหาตรงไหน คุณจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่งเลยที่เดียว มันไม่มีอะไรที่สลับซับซ้อน มันไม่ต้องการความสามารถพิเศษทางคณิตศาสตร์ หรืออะไรทำนองนั้น เกรแฮม บอกว่า
คุณควรมองหุ้นว่าเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ในธุรกิจ มองการเปลี่ยนแปลง (ของตลาด) ฉันมิตรไม่ใช่เป็นศัตรู ทำกำไรจากสิ่งที่ดูโง่เขลา แทนที่จะมีส่วนร่วมกับมัน
และ เขาบอกว่า มีคำที่สำคัญที่สุด อยู่สามคำในการลงทุนคือ
Margin of Safety ส่วนที่เผื่อเอาไว้เพื่อความปลอดภัย
ผมคิดว่าอีกสัก 100 ปีต่อจากนี้ไป แนวคิดนี้ก็ยังจะเป็นรากฐานสำคัญของการลงทุนที่ถูกต้อง
บัฟเฟทท์สรุปความคิดของเกรแฮมไว้ว่า
เมื่อใดที่คุณมีสภาวะจิตใจที่เหมาะสม ประกอบกับสติปัญญาที่ดี เมื่อนั้นแหละ คุณจะประพฤติตัวอย่างมีเหตุมีผล
บัฟเฟทท์ไม่ได้กังวลเลยว่าหลักการของเขาจะเป็นสิ่งที่ล้าสมัย
ถ้าหลังการสามารถหมดอายุได้ มันไม่ใช่หลักการแล้ว
(จากหน้าที่ 88-89 หนังสือ ของ สำนักพิมพ์ บริษัท ซัคเซส มีเดีย จำกัด เรื่อง วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ เจเน็ต โลว์ เขียน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปล ครรชิต ไพศาล พิมพ์ส่งมาให้อ่าน เพื่อนๆ ไปซื้อหามาอ่านกัน จะได้ประโยชน์อย่างมากครับ)
พบกับ มิสเตอร์มาร์เก็ต
มิสเตอร์มาร์เก็ต เป็นตัวละครที่เกรแฮมสมมุติขึ้นมา เพื่อให้ความกระจ่างในความคิดของนักศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของตลาด เกรแฮมกล่าวว่า เราควรมองตลาดหุ้นว่าเป็นหุ้นส่วนที่งุ่นง่านอยู่ตลอดเวลา หุ้นส่วนคนนี้ก็คือ มิสเตอร์มาร์เก็ต ผู้ที่มาแสดงตัวทุกวันพรอมกับเสนอราคาที่เขาจะซื้อหรือขายหุ้น ให้กับคุณ ไม่ว่าเขาจะเสนอราคาอย่างไร้เหตุไร้ผลขนาดไหน และไม่ว่าคุณจะปฏิเสธมันบ่อยครั้งเท่าใด มิสเตอร์มาร์เก็ตคนนี้ก็จะกลับมาหาคุณในวันต่อไป พร้อมด้วยข้อเสนอใหม่ๆเสมอ บัฟเฟทท์กล่าวว่าเรื่องที่สอนให้รู้ว่า
มิสเตอร์มาร์เก็ตเป็นคนรับใช้ของคุณ เขาไม่ใช่ผู้นำทางของคุณ
ในเดือนมีนาคม ปี 1989 เมื่อตลาดหุ้นได้ทะยานขึ้นอีก บัฟเฟทท์ บันทึกไว้ว่า
เราไม่รู้ว่าส่วนเกินนี้จะอยู่ได้นานสักเท่าไร และเราไม่รู้ว่าอะไรจะเปลี่ยนทัศนคติของรัฐบาล ผู้ให้กู้เงิน และผู้ซื้อ ซึ่งเป็นผู้กระพือไฟให้กับตลาด
แต่เรารู้ว่าเมื่อผู้คนขาดความรอบคอบในการปฏิบัติภารกิจของพวกเขามากขึ้นเท่าไร
เราต้องเพิ่มความรอบคอบในการปฏิบัติภารกิจของเราให้มากขึ้นเท่านั้น
ผมไม่เคยพยายามทำเงินจากการ ซื้อ-ขาย ในตลาดหุ้น ผมซื้อมันด้วยสมมุติฐานที่ว่า ตลาดอาจจะถูกปิดในวันรุ่งขึ้น และไม่เปิดอีกเลยเป็นเวลา ห้าปี
ต่อ คำถามที่ว่า นักลงทุนจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าราคาหุ้นในตลาดที่ต่ำกว่าความเป็นจริงจะปรับตัวสูงขึ้นในที่สุด ?
สมัยที่ผมทำงานให้กับ เกรแฮม-นิวแมน ผมได้ถามเบน เกรแฮมซึ่งเป็นเจ้านายของผมในขณะนั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเพียงแต่ยักไหล่ และบอกว่าในที่สุด ตลาดจะทำให้ราคาสูงขึ้น เขาพูดถูก ในระยะสั้นตลาดเป็นเหมือนเครื่องซาวเสียงที่เปลี่ยนไปตามกระแสของคน แต่ในระยะยาวมันจะเป็นเหมือนเครื่องชั่งน้ำหนักที่วันสาระของสิ่งนั้นจริงๆ
ความเป็นจริงนั้นคือ เราสามารถคาดเดาได้เลยว่า คนนั้นเต็มไปด้วย ความโลภ ความกลัว และ ความโงเขลา
แต่ผลลัพธ์ของการที่คนเป็นเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ยากที่จะคาดเดา
ตลาดเปรียบเหมือนเช่นพระเจ้าที่จะช่วยคนที่ช่วยตัวเอง
(จากหน้าที่ 98-99 หนังสือ ของ สำนักพิมพ์ บริษัท ซัคเซส มีเดีย จำกัด เรื่อง วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ เจเน็ต โลว์ เขียน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปล ครรชิต ไพศาล พิมพ์ส่งมาให้อ่าน เพื่อนๆ ไปซื้อหามาอ่านกัน จะได้ประโยชน์อย่างมากครับ)
อย่าไปใส่ใจกับอารมณ์ของ Mr. Market
ชาลีและผมไม่เคยแสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องตลาดหุ้น เพราะนอกจากมันจะไม่ทำให้อะไรดีขึ้นแล้ว มันยังมารบกวนความคิดเห็นที่ดี ๆ ของเราด้วย
คุณไม่สามารถจะร่ำรวยขึ้นได้ด้วยการดูลูกศรชีทิศทางสภาพอากาศ
ตลาดหุ้น (ดัชนี ตลาดหลักทรัพย์) มีไว้เพียงเพื่อเป็นตัวอ้างอิงว่ามีใครทำอะไรโง่ ๆ หรือไม่ เพราะเมื่อเราลงทุนในหุ้นใด ๆ นั้น เราได้ลงทุนในธุรกิจของบริษัทนั้น ๆ (ไม่ได้ลงทุนใน ดัชนี ตลาดหลักทรัพย์)
หากเราพบกิจการที่เราพึงพอใจ สภาวะของตลาดจะไม่มีผลกระทบอะไรต่อการตัดสินใจของเรา เราตัดสินใจซื้อหุ้นเป็นกิจการ ๆ ไป เราไม่เสียเวลาคิดเกี่ยวกับปัจจัยของเศรษฐศาสตร์มหภาค หรืออาจกล่าวได้ว่า ถ้าใครส่งการคาดการของนักวิชาการที่เป็นที่นับถือมากที่สุดให้เรา คาดการณ์เรื่องตัวเลขการว่างงาน หรืออัตราดอกเบี้ย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า เราคงไม่ให้ความสนใจกับมันเท่าไร เราเพียงแต่พยายามที่จะมุ่งเน้น ในกิจการที่เราคิดว่าเราเข้าใจดี และธุรกิจที่เราชอบใจในราคาและการบริหาร(ที่ดี) เมื่อเราเห็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐสภา เราไม่ได้สนใจแม้แต่จะอ่านมัน เราคิดว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปพิจารณาสิ่งเหล่านั้น
(จอห์น เมย์นาร์ด) เคนส์ บอกไว้ว่า สิ่งสำคัญคือ อย่าพยายามคิดอะไรเกี่ยวกับความเป็นไปในตลาด แต่จงพิจารณาธุรกิจที่คุณมีความเข้าใจและที่คุณจดจ่ออยู่กับมัน
ด้วยเหตุผลบ้างประการ คนจะยึดติดอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของราคา มากกว่าจะคิดถึงมูลค่า สิ่งที่ไม่ได้ผลดีเลยคือ การที่คุณลงทุนในหุ้นที่คุณไม่รู้จัก หรือลงทุนเพราะหุ้นนั้นทำกำไรให้กับคนบางคนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหตุผลที่ทึ่มที่สุดในโลกคือ การซื้อหุ้นเพราะราคามันเพิ่งเขยิบตัวสูงขึ้น
อนาคตไม่เคยมีอะไรแน่นอน คุณจ่ายเงินมากขึ้นเพราะตลาดหุ้นกำลังได้รับความนิยม (การซื้อ หุ้นเมื่อตลาดพุ่งขึ้น) ความไม่แน่นอนเป็นมิตรแท้ของผู้ที่ซื้อหุ้นด้วยการมองมูลค่าในระยะยาว
(จากหน้าที่ 100-101 หนังสือ ของ สำนักพิมพ์ บริษัท ซัคเซส มีเดีย จำกัด เรื่อง วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ เจเน็ต โลว์ เขียน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปล ครรชิต ไพศาล พิมพ์ส่งมาให้อ่าน เพื่อนๆ ไปซื้อหามาอ่านกัน จะได้ประโยชน์อย่างมากครับ)
-
- ผู้ติดตาม: 0
taladhoon.com กำลังหยุดปรับปรุง เชิญ เพื่อนๆ มาคุยกันที่นี้
โพสต์ที่ 2
:lol: สวัสดีครับพี่ครรชิต สบายดีหรือเปล่าครับ ไม่ได้ Post ในกระทู้ของพี่นานมากเลย แวะไปที่ Taladhoon เห็นเข้าไม่ได้ เลยเดาดูว่าพี่คงแวบมาที่นี่ ดีใจครับที่เจอ ปีนี้พี่ได้ปันผลเฉลี่ยกี่เปอร์เซนต์ครับ
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
taladhoon.com กำลังหยุดปรับปรุง เชิญ เพื่อนๆ มาคุยกันที่นี้
โพสต์ที่ 3
ประมาณ 10 % ครับ
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
taladhoon.com กำลังหยุดปรับปรุง เชิญ เพื่อนๆ มาคุยกันที่นี้
โพสต์ที่ 5
วอร์เรน บัฟเฟทท์ ได้กล่าวไว้ ว่า
การซื้อหุ้นในกิจการที่ทำรายได้เป็นอย่างดี เป็นเสมือนเกราะป้องกันภัยจากภาวะเงินเฟ้อได้
เงื่อนไขทางการเงินที่ตลกสิ้นดีในภาวะเงินเฟ้อคือ บริษัทที่ทำกำไรได้มากๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วถูกนับว่ามีความน่าเชื่อถือมากนั้น มีความต้องการเงินกู้เพียงเล็กๆ น้อยๆ แต่พวกที่ไม่ค่อยมีกำไรกลับต้องกู้เงินมากมายอย่างไม่รู้จักพอ ผู้ให้กู้เข้าใจปัญหาได้ดีกว่าสมัยเมื่อสิบปีที่แล้ว พวกเขาจึงไม่เต็มใจที่จะให้พวกหิวเงินที่ไม่สามารถทำกำไรมาใช้เงินกู้ของเขา เป็นบันไดได้อีกต่อไป
(จากหน้าที่ 107-108 หนังสือ ของ สำนักพิมพ์ บริษัท ซัคเซส มีเดีย จำกัด เรื่อง วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ เจเน็ต โลว์ เขียน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปล ครรชิต ไพศาล พิมพ์ส่งมาให้อ่าน)
จะเห็นได้จริงๆ อย่างตัวอย่าง TR ที่สามารถทำกำไรได้สูง ไม่ต้องการเงินกู้ แต่สถาบันการเงินยินดีที่จะให้กู้
ส่วนบริษัท ที่ขาดทุนจน ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบหลายๆบริษัท ต้องการเงินกู้มาต่อชีวิต แต่สถาบันการเงิน ไม่ยินดีที่จะให้กู้
กลับอยากได้เงินที่กู้ไปคืน แต่เอาคืนไม่ได้ หนี้เสีย ก็คาราคาซัง อยู่ แก้ปัญหาไม่ตก หาทางออกไม่ได้
ก็หันมารังแกผู้มีเงินออม ที่ไม่มีทางไปไม่มีทางสู้ไม่มีปากมีเสียง เขาจะดอกเบี้ยให้เท่าไร ก็ต้องยอม
เพื่อนๆ ว่าจริงหรือเปล่า
เมื่อไร จะมีการตั้ง องค์กรพิทักษ์ ผู้มีเงินออม บ้าง จะได้มีปากเสียงต่อรองดอกเบี้ยเงินฝากได้บ้าง
ก็น่าจะดี นะครับ เพื่อนๆ มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ ?
การซื้อหุ้นในกิจการที่ทำรายได้เป็นอย่างดี เป็นเสมือนเกราะป้องกันภัยจากภาวะเงินเฟ้อได้
เงื่อนไขทางการเงินที่ตลกสิ้นดีในภาวะเงินเฟ้อคือ บริษัทที่ทำกำไรได้มากๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วถูกนับว่ามีความน่าเชื่อถือมากนั้น มีความต้องการเงินกู้เพียงเล็กๆ น้อยๆ แต่พวกที่ไม่ค่อยมีกำไรกลับต้องกู้เงินมากมายอย่างไม่รู้จักพอ ผู้ให้กู้เข้าใจปัญหาได้ดีกว่าสมัยเมื่อสิบปีที่แล้ว พวกเขาจึงไม่เต็มใจที่จะให้พวกหิวเงินที่ไม่สามารถทำกำไรมาใช้เงินกู้ของเขา เป็นบันไดได้อีกต่อไป
(จากหน้าที่ 107-108 หนังสือ ของ สำนักพิมพ์ บริษัท ซัคเซส มีเดีย จำกัด เรื่อง วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ เจเน็ต โลว์ เขียน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปล ครรชิต ไพศาล พิมพ์ส่งมาให้อ่าน)
จะเห็นได้จริงๆ อย่างตัวอย่าง TR ที่สามารถทำกำไรได้สูง ไม่ต้องการเงินกู้ แต่สถาบันการเงินยินดีที่จะให้กู้
ส่วนบริษัท ที่ขาดทุนจน ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบหลายๆบริษัท ต้องการเงินกู้มาต่อชีวิต แต่สถาบันการเงิน ไม่ยินดีที่จะให้กู้
กลับอยากได้เงินที่กู้ไปคืน แต่เอาคืนไม่ได้ หนี้เสีย ก็คาราคาซัง อยู่ แก้ปัญหาไม่ตก หาทางออกไม่ได้
ก็หันมารังแกผู้มีเงินออม ที่ไม่มีทางไปไม่มีทางสู้ไม่มีปากมีเสียง เขาจะดอกเบี้ยให้เท่าไร ก็ต้องยอม
เพื่อนๆ ว่าจริงหรือเปล่า
เมื่อไร จะมีการตั้ง องค์กรพิทักษ์ ผู้มีเงินออม บ้าง จะได้มีปากเสียงต่อรองดอกเบี้ยเงินฝากได้บ้าง
ก็น่าจะดี นะครับ เพื่อนๆ มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ ?
-
- ผู้ติดตาม: 0
taladhoon.com กำลังหยุดปรับปรุง เชิญ เพื่อนๆ มาคุยกันที่นี้
โพสต์ที่ 6
ผมได้ปันผลประมาณ 10%เหมื่อนกันครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
taladhoon.com กำลังหยุดปรับปรุง เชิญ เพื่อนๆ มาคุยกันที่นี้
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณที่ให้คำแนะนำ และ web ใหม่ ๆ สำหรับตามข่าวข้อมูลที่น่าสนใจค่ะ
มีน้องตามมาขอ mail คุณที่ดิฉัน ด้วยนะคะ
[/img]
มีน้องตามมาขอ mail คุณที่ดิฉัน ด้วยนะคะ
[/img]
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
taladhoon.com กำลังหยุดปรับปรุง เชิญ เพื่อนๆ มาคุยกันที่นี้
โพสต์ที่ 8
ช่วงนี้มาคุยกันที่นี้ กันก่อนครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
มาตามคำแนะนำของพี่ครรชิตครับ คุณLOSO มาถึงหรือยัง
โพสต์ที่ 9
:lol:ครรชิต ไพศาล เขียน:ช่วงนี้มาคุยกันที่นี้ กันก่อนครับ
คิดถึงทุกคนครับ เหงาๆอย่างไงชอบกล ทำไงดี กับสงครามจะเกิดก่อน17มีนาพี่ครรชิตกับคุณLOS O
มีความเห็นอย่างไรครับ
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
taladhoon.com กำลังหยุดปรับปรุง เชิญ เพื่อนๆ มาคุยกันที่นี้
โพสต์ที่ 10
มันรู้สึก ยังไงก็ไม่รู้ พอไม่ได้คุยกัน สงสัยมันจะเสพติด เสียแล้ว ไปชวนเพื่อนๆ ที่ไป รอกันอยู่ที่ taladhoon.com มาคุยกันที่นี้ ครับ