ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ตอนแรกจะขายหุ้นทั้งหมด 3,400 ล้านหุ้นที่ 2.80 บาท (จะได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเอง 3,070.41 x 2.80 = 8,597 ล้านบาท เหลือเข้าบริษัท 329.59 x 2.80 = 923 ล้านบาท) หลังเข้าตลาดสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิม : ผู้ถือหุ้นใหม่ = 4,600 ล้านหุ้น : 3,400 ล้านหุ้น หรือ 57.5% : 42.5%

ต่อมาโดนที่ปรึกษากดดันเพราะกลัวเจ๊งขายไม่ออก เลยเปลี่ยนเป็นขายหุ้นทั้งหมด 2,500 ล้านหุ้นที่ 2.10 บาท (จะได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเอง 2,170.41 x 2.80 = 4,558 ล้านบาท เหลือเข้าบริษัท 329.59 x 2.10 = 692 ล้านบาท) หลังเข้าตลาดสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิม : ผู้ถือหุ้นใหม่ = 5,500 ล้านหุ้น : 2,500 ล้านหุ้น หรือ 68.75% : 31.25%

หลังจากที่จำใจต้องเปลี่ยนแผนกลางอากาศ ทำให้ต้องชวดเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไป 4,039 ล้านบาท (8,597 - 4,558) แต่ก็ได้สัดส่วนการถือครองหุ้นเหลือมากกว่าที่ตั้งใจไว้เดิม

ตอนนี้เลยใช้แผนใหม่เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าอีกครั้ง โดยการจ่ายปันผลประมาณ 750 - 800 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจะได้เงินไป ~515 - 550 ล้านบาท เป็นรางวัลปลอบใจ

แต่ที่สำคัญคือ แทนที่เงินจากการระดมทุนจะเหลือเข้าบริษัท 692 ล้านบาท เพื่อใช้สร้างกำไรแก่กิจการ เงินก้อนนี้รวมกับอีก ~100 ล้านบาท (ซึ่งควักจากของเก่าที่กิจการสะสมไว้) จะถูกนำมาแจกจ่ายส่วนใหญ่ให้ผู้ถือหุ้นเดิมแบบจับเสือมือเปล่า ~515 - 550 ล้านบาท และอีกส่วนหนึ่ง ~235 - 250 ล้านบาทจะคืนให้ผู้ถือหุ้นใหม่แบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ (ทั้งๆ ที่เงินก้อนนี้ส่วนใหญ่ก็เอามาจากตอน IPO นั่นแหละ เข้าข่ายอัฐยายซื้อขนมยายแท้ๆ)

ผู้ถือหุ้นเดิม : ได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเองน้อยลง 4,039 ล้านบาท แต่ก็ได้สัดส่วนการถือครองหุ้นเหลือมากกว่าที่ตั้งใจไว้เดิม แถมด้วยเงินปลอบใจอีก~515 - 550 ล้านบาทจากการปันผล

ผู้ถือหุ้นใหม่ : จ่ายเงินไปทั้งหมดรวม 5,250 ล้านบาท (2,500 x 2.10) ได้เงินตัวเองคืนมาในรูปปันผล ~235 - 250 ล้านบาท

กิจการ : ได้เงินมาถือไว้ตอนแรก 692 ล้านบาท ยังไม่ทันไรโดนขอคืนไปทั้งหมดโดยอ้างว่าจะเอาไปปันผล แค่นั้นยังไม่พอต้องควักกระเป๋าแถมให้ไปอีก ~100 ล้านบาท แถมด้วย Dilution Effect อีก 4%

** ตกลงแล้ว แผนระดมทุนเข้าตลาดครั้งนี้ กิจการได้ประโยชน์?? **
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เฮ้อ ขออ่านอีก 7 รอบ แล้วไปนอนก่ายหน้าผากอีก 8 รอบ ว่าเรื่องของเรื่องเป็นอย่างไร สำหรับตัวนี้ เพราะยังมีข้อมูลอื่นอีก ที่ไม่สามารถเขียนบนเว็บได้
offshore-engineer
Verified User
โพสต์: 2166
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 3

โพสต์

วิเคราะห์ได้ดีมากเลยครับ คุณ Financial Engineer
ผมว่ายังมีอีกหลายๆ บริษัทที่ทำเช่นนี้ครับ เพียงแต่ว่า ไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจเท่านั้นเอง
ผมเคยดู prospectus ของ BAFS ช่วงก่อนที่จะเข้าตลาด อัตราเงินปันผลที่จ่ายให้ผู้ถือหุ้นหลังจากเข้าตลาดหุ้นทันทีค่อนข้างเยอะ จนเหมือนกับเอาเงิน IPO มาเพื่อจ่ายปันผล
อย่างไรก็ตาม BAFS ก็ยังได้คะแนน Corporate Governance ที่สูงอยู่

อีกจุดหนึ่งที่ต้องจับตามอง คือ หุ้น ESOP หรือ Stock Option นั่นเอง ที่อเมริกา เริ่มตั้งแต่ปีหน้า stock options ที่แจกให้กับผู้บริหารระดับสูงจะต้องคิดเป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งในงบกำไรขาดทุน

แต่บริษัทใหญ่ๆ ในเมืองไทยหลายๆ บริษัทที่ได้คะแนน CG สูงมาก และ มีการรณรงค์เกี่ยวกับเรื่อง CG อย่างมาก กลับยังคงออก option เพิ่ม แม้จะไม่เป็นสัดส่วนที่สูงมาก แต่ก็ไม่ได้ให้ความเ้ห็นอะไรเกี่ยวกับการคิดว่า stock option เป็น expenses รายการหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น PTTEP เป็นต้น
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 4

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ตอนแรกจะขายหุ้นทั้งหมด 3,400 ล้านหุ้นที่ 2.80 บาท (จะได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเอง 3,070.41 x 2.80 = 8,597 ล้านบาท เหลือเข้าบริษัท 329.59 x 2.80 = 923 ล้านบาท) หลังเข้าตลาดสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิม : ผู้ถือหุ้นใหม่ = 4,600 ล้านหุ้น : 3,400 ล้านหุ้น หรือ 57.5% : 42.5% 
ขออนุญาติถาม FE แบบคนกันเอง และแบบคนที่ไม่ได้ศึกษามาก่อนว่า
1. ตอนแรกจะขายหุ้นทั้งหมด 3400 ล้านหุ้น จะได้นำเงินเข้ากระเป่า 3070.41x2.8 ทำไม ต้องมีตัวเลข 2 ชุด ชุดแรก 3400 ล้านหุ้น ชุดสอง 3070.41 ล้านหุ้น
2. เหลือเข้าบริษัท 329.59 x 2.80 คำนวณอย่างไรครับ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ต่อมาโดนที่ปรึกษากดดันเพราะกลัวเจ๊งขายไม่ออก เลยเปลี่ยนเป็นขายหุ้นทั้งหมด 2,500 ล้านหุ้นที่ 2.10 บาท (จะได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเอง 2,170.41 x 2.80 = 4,558 ล้านบาท เหลือเข้าบริษัท 329.59 x 2.10 = 692 ล้านบาท) หลังเข้าตลาดสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิม : ผู้ถือหุ้นใหม่ = 5,500 ล้านหุ้น : 2,500 ล้านหุ้น หรือ 68.75% : 31.25% 
1. คำถามเดิมคือทำไมต้อง 2500 ล้าน กับ 2170.41 ล้าน
2. ทำไมจำนวนหุ้นเหลือเข้าบริษัทเท่าเดิม 329.59 ล้านหุ้น ทั้งทั้งที่ตัวเลขจำนวน IPO เปลี่ยนไป
3. ทำไมถึงบอกว่าที่ปรึกษากดดัน ทำไมไม่ใช้คำว่า ที่ปรึกษาเสนอว่า ถ้า IPO ด้วยจำนวนหุ้นเท่านี้ ราคาเท่านี้ ในสถานการณ์ช่วงนี้ น่าจะได้ประโยชน์ ในการรักษาสเถียรภาพของราคามากกว่า แต่ก็แล้วแต่ท่านกรรมการนะ เพราะถ้าเอาแบบเดิม แล้วผลออกมาไม่ดี อย่าว่ากัน เป็นแค่ทางเลือกที่น่าจะดีเท่านั้น

โค้ด: เลือกทั้งหมด

หลังจากที่จำใจต้องเปลี่ยนแผนกลางอากาศ ทำให้ต้องชวดเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไป 4,039 ล้านบาท (8,597 - 4,558) แต่ก็ได้สัดส่วนการถือครองหุ้นเหลือมากกว่าที่ตั้งใจไว้เดิม 
1. ทำไมถึงตั้งว่า 8597 เป็นเงินที่ดูเหมือนว่าจะได้จริงๆ แล้วนำมาลบ 4588 ที่ดูเหมือนว่าได้จริงๆ ทั้งๆที่ก่อน IPO ตัวเลขทั้งหลายแหล่ก็เป็นแค่ตัวเลขประมาณการเท่านั้น ถ้า 8579 ได้ไม่จริง แต่ 4588 ได้จริง ตามความรู้สึกของผู้บริหาร เราจะนำตัวเลขทั้งสองชุดนี้มาลบกันได้หรือไม่ เพราะมันอยู่กันคนละกรอบ ยกเว้นว่า 8579 ก็ได้จริง 4588 ก็ได้จริง แต่โดนกดดันจริงๆ จึงจำใจต้องเปลี่ยนแผน เพราะมีเหตุผล XXX ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อีกเรื่อง

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ตอนนี้เลยใช้แผนใหม่เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าอีกครั้ง โดยการจ่ายปันผลประมาณ 750 - 800 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจะได้เงินไป ~515 - 550 ล้านบาท เป็นรางวัลปลอบใจ 
1. ทำไมถึงเรียกรางวัลปลอบใจ ถ้า FE ถือหุ้นตัวนี้ตั้งแต่ต้น และลุ้นตลอดเวลาว่า ตอน IPO แล้ว ราคาดี เวลาขายในตลาดจะสามารถขายได้ราคา ซึ่ง FE ก็ต้องมีความเสี่ยง เมื่อบริษัทเข้าตลาดได้ แล้วมีการปันผล ทำไมไม่คิดว่า นี่คือการตอบแทน FE ที่กล้าเข้ามาเสี่ยงตั้งแต่ต้น ไม่ใช่รางวัลปลอบใจ แต่เป็นสิ่งที่ FE สมควรจะได้

โค้ด: เลือกทั้งหมด

แต่ที่สำคัญคือ แทนที่เงินจากการระดมทุนจะเหลือเข้าบริษัท 692 ล้านบาท เพื่อใช้สร้างกำไรแก่กิจการ เงินก้อนนี้รวมกับอีก ~100 ล้านบาท (ซึ่งควักจากของเก่าที่กิจการสะสมไว้) จะถูกนำมาแจกจ่ายส่วนใหญ่ให้ผู้ถือหุ้นเดิมแบบจับเสือมือเปล่า ~515 - 550 ล้านบาท และอีกส่วนหนึ่ง ~235 - 250 ล้านบาทจะคืนให้ผู้ถือหุ้นใหม่แบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ (ทั้งๆ ที่เงินก้อนนี้ส่วนใหญ่ก็เอามาจากตอน IPO นั่นแหละ เข้าข่ายอัฐยายซื้อขนมยายแท้ๆ) 
1. ทำไมถึงบอกว่าเป็นการจับเสือมือเปล่า ในเมื่อคนที่เข้าหุ้นมาตั้งแต่เริ่มต้นมีความเสี่ยง ส่วนเรื่องทำไมไม่นำเงินก้อนนี้ไปสร้างกิจการ อันนี้ไม่รู้ครับ ต้องถามคุณฉัตรชัยที่เก่งเรื่องกระแสเงินสดว่า จริงๆสมควรหรือไม่สมควร
2. ทำไมถึงบอกว่าการปันผลเป็นการเคาะกะลาให้หมาดีใจ ถ้าสมมุติว่าอนาคตเขาสามารถปันได้มากกว่านี้ เราจะสรุปอย่างไร

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผู้ถือหุ้นเดิม : ได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเองน้อยลง 4,039 ล้านบาท แต่ก็ได้สัดส่วนการถือครองหุ้นเหลือมากกว่าที่ตั้งใจไว้เดิม แถมด้วยเงินปลอบใจอีก~515 - 550 ล้านบาทจากการปันผล 
1. เราควรสรุปจริงๆหรือว่าเขาได้เงินน้อยลง
2. เราควรสรุปจริงๆหรือว่าปันผลคือรางวัลปลอบใจ หรือเราควรสรุปว่าปันผลคือรางวัลแห่งความหวัง และการรอคอยอย่างยาวนานว่ากิจการนี้จะออกดอกออกผลมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผู้ถือหุ้นใหม่ : จ่ายเงินไปทั้งหมดรวม 5,250 ล้านบาท (2,500 x 2.10) ได้เงินตัวเองคืนมาในรูปปันผล ~235 - 250 ล้านบาท 
1. การได้เงินคืนมาตรงนี้ พี่ไม่แน่ใจว่า จะทำให้กิจการเสียหาย จริงๆหรือไม่ หรือทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเกิดความมั่นใจที่จะถือหุ้นต่อ ไม่เหมือนแกรนด์ ที่รายย่อยเผลอซื้อ IPO แบบไม่ได้ศึกษา พอประกาศผลประกอบการออกมาขาดทุน ก็มีการขายกระหน่ำ จนกระทั้งกว่าจะฟื้นคืนชีพ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คำถาม เป็นไปได้หรือไม่ ที่ผู้บริหารกำลังกล้าถ้าทายตัวเอง ว่าปันผลแล้ว กิจการก็ไม่ขาดเงินสด และสามารถปันผลได้เรื่อยๆ อันนี้ไม่แน่ใจขอดูรายละเอียดอีกที

โค้ด: เลือกทั้งหมด

กิจการ : ได้เงินมาถือไว้ตอนแรก 692 ล้านบาท ยังไม่ทันไรโดนขอคืนไปทั้งหมดโดยอ้างว่าจะเอาไปปันผล แค่นั้นยังไม่พอต้องควักกระเป๋าแถมให้ไปอีก ~100 ล้านบาท แถมด้วย Dilution Effect อีก 4%


1. คำถามผลของการกระทำแบบนี้ ไม่แฟร์ต่อผู้ถือหุ้นใช่หรือไม่ แล้วรายใหญ่ที่ถือหุ้นอยู่ เขาก็เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ ถ้ามันไม่แฟร์ คนที่โดนรังแกมากที่สุด ไม่น่าจะใช่รายย่อย น่าจะเป็นรายใหญ่ที่ถือหุ้นนะ ในมุมกลับกัน ถ้าการกระทำแบบนี้ไม่ใช่เป็นการรังแก แต่เป็นการทำเพื่อผู้ถือหุ้น อันนี้น่ากลัวนะ เพราะเจ้าของเขาถือหุ้นใหญ่ อาจจะเลือกปฎบัติได้

โค้ด: เลือกทั้งหมด

** ตกลงแล้ว แผนระดมทุนเข้าตลาดครั้งนี้ กิจการได้ประโยชน์?? **
ตอบไม่ได้ครับ คงต้องดูอีกระยะ แต่ที่แน่ๆ กิจการทุกกิจการเมื่อเข้าตลาด ผู้ถือหุ้น น่าจะได้ประโยชน์โดยรวมมากกว่าการไม่เข้าตลาด
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 5

โพสต์

มาเจอคำถามของพี่เจ๋งตอนกำลังจะปิดเครื่องไปเข้านอนพอดีครับ ผมขออนุญาตเลือกตอบเฉพาะอันที่อยากตอบแล้วกันนะครับพี่

จำนวนหุ้นที่จะขาย IPO ทั้ง 2 ออปชั่นนั้น ถูกกำหนดจากความต้องการของผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งก็คือผู้บริหารนั่นเอง และคำแนะนำของ IB ครับ โดยที่ตั้งใจออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่เพียง 300 กว่าล้านหุ้นตั้งแต่แรก ที่เหลือในส่วนของหุ้นเดิมนั้นสุดแล้วแต่ความกรุณาของท่านครับว่าอยากยกให้คนทั่วไปมากน้อยแค่ไหน

เงินปันผลที่จ่ายให้ผู้ถือหุ้น ผมว่าไม่ควรมีนะ สำหรับบริษัทที่กำลังต้องการระดมทุนเพื่อขยายกิจการจริงๆ ก็ถ้าบริษัทมีเงินเหลือเฟืออยู่แล้วจะมาระดมทุนทำไมไม่ทราบ ผมว่ามันก็ไม่ต่างกับการกู้เงินมาจ่ายปันผลเท่าไหร่หรอก

ที่แย่ที่สุดของกรณีนี้คือ สุดท้ายแล้วหลังฉากของเหตุการณ์ที่เรียกว่า "ระดมทุน" ครั้งนี้ ไม่ได้ช่วยเพิ่มเงินทุนให้บริษัทแต่อย่างใดเลยแถมยังต้องควักเนื้อบางส่วนด้วยซ้ำ อย่างนี้แล้วเข้าตลาดมาทำไมครับ ในเมื่อ "ตลาดทุนสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกในการระดมทุนให้แก่กิจการ มิใช่คืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม"

หากมองในมุมของกิจการทั้งกิจการแล้ว กิจการนี้ควรถูกตีราคาต่ำลงหรือสูงขึ้นครับในเมื่อมูลค่าทางบัญชีของกิจการลดลงเนื่องจากเงินสดส่วนหนึ่งของกิจการถูกนำไปจ่ายปันผล
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 6

โพสต์

คนไทยนี่หรอกง่ายจริงๆ แถมโดนหรอกมาหลายครั้งก็ไม่จำ

เมื่อไรจะเลิกซักที ประเภทนำหุ้นมาขาย IPO แล้วกลัวขายไม่หมด ก็รีบบอกเลยว่าจะได้ปันผลเท่าไร ในระยะเวลาเพียงไม่นานหลังจากขาย IPO

ทำไมมันไม่ลดราคาขาย IPO ซะเลยละครับ

ลืมไป ถ้าลดราคาขาย IPO รายย่อยจะได้รับผลดี ต่อรายใหญ่เสียผลประโยชน์

ถ้าขาย IPO แพงๆ แล้วค่อยนำเงินที่ได้จาก IPO มาจ่ายปันผล รายใหญ่ก็จะได้เงินจาก IPO มาปันผลเข้ากระเป๋าตัวเองซะด้วย

แต่ทำไมรายย่อยถึงได้โดนหรอกไม่จบสิ้น และที่ปรึกษาทางการเงินถึงได้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าของกิจการนะ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
Minesweeper
Verified User
โพสต์: 472
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 7

โพสต์

มีหุ้น IPO หลายตัวครับ ที่เป็นแบบนี้ บางตัวเล่นจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นเดิมไว้ก่อนที่จะเอาเงินจาก IPO มาชดเชยก็มี

เรื่อง IPO กลายเป็นตลาดขายกิจการมือสองไปแล้วครับ หลังจาก IPO เจ้าของก็หมดความสนใจบริษัทเดิม เอาเงินที่ได้ตั้งบริษัทใหม่ ทำธุรกิจใหม่ พอธุรกิจดีแล้วก็เอามา IPO ใหม่ วนเวียนไปเรื่อยๆ ...

คนที่มีเงินมาก มีสมองมาก ลงทุนเอง ยอมเสี่ยงมาก ก็ต้องหวังกำไรมากเป็นธรรมดาครับ
Supra
Verified User
โพสต์: 479
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 8

โพสต์

:D :D :D

เค้าทำงานกันโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลายด้านครับ จิงๆๆแล้วข้อมูลบางอย่างเค้าอาจไม่ได้หลอกครับ เพียงแต่คนที่ไม่รู้ถึงตกเปงเหยื่อ
กฏหมายมีช่องทางสำหรับคนรวยเสมอ อ่ะครับ

การลงทุนมี ความไม่รู้คือความเสี่ยง :lol:
*****
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เอ ถ้าผมทำบริษัทของผมไว้ซัก 10 ปี ขยายงานไปเรื่อยๆ เงินสดจากการดำเนินการ ก็อยากจะปันผลออกมา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังอยากจะขยายงานออกไปเรื่อยๆ แต่ไม่อยากจะกู้เงินมาจ่ายปันผลให้ตัวเอง
ผมได้ตัดสินใจนำบริษัทไปเข้าตลาด อันนี้เรื่องสมมุตินะ
หลังจากเข้าตลาด พอได้เงินมา ผมก็เอามาปันผลกัน และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก็ไม่ได้ลดลง สามารถดำเนินงานต่อไปได้
อืม มันผิดจริงๆหรือ ไม่ได้ปกป้องใครนะครับ เพียงแต่ไม่เข้าใจเท่านั้นเอง ว่ามันผิดตรงไหน

ถ้าเรามีบริษัท ที่ได้กำไรโดยตลอด ไม่ต้องหวังอะไรจากตลาดเลย เราจะเอามาเข้าตลาดทำไม แต่เมื่อเราเอาเข้าตลาด เราก็ต้องคิดว่าเราได้ประโยชน์อะไรจากการเข้าตลาด เมื่อเราเล่นตามกติกา แล้วเราก็เอาบริษัทเข้าตลาด จะมาบอกว่า เป็นการหลอกรายย่อยหรือ

ผมคิดว่าไม่แฟร์นะ ที่ไปกล่าวหากันแบบนั้น เรื่องนี้อาจจะอยู่ที่กาละเทศะหรือเปล่า ถ้าเขาเก็บเงินไว้ซัก 1 ปี แล้วค่อยปันออกมา ท่าน FE คงไม่โวยแน่นอน เพราะลืมไปแล้ว

:D
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ผมยกตัวอย่างเช่นนี้ให้พี่เจ๋งดูละกันครับ เอาบริษัทที่เพิ่งเข้ามาซิงๆ เลยแล้วกัน

BLISS พี่ว่าธุรกิจขายมือถือ เมื่อ 2-3 ปีก่อน กับตอนนี้ ช่วงไหนน่าจะได้กำไรดีกว่ากัน แล้วทำไมถึงเอาเข้าตลาดช่วงนี้ครับ (ถ้าผมชวนพี่เข้าหุ้นทำร้านขายมือถือกับผมตอนนี้พี่จะสนใจมั้ย หรือถ้าชวนเมื่อ 2-3 ปีก่อนจะสนใจมากกว่า)

ทั้งนี้ผมไม่ได้เหมารวมว่าทุกบริษัทที่เอาเข้าตลาดนั้นไม่ดีนะครับ (ไม่เช่นนั้นผมคงไม่สนใจตลาดหุ้นหรอก) แต่ก็มีหลายบริษัทที่ชวนให้สงสัยอย่างมาก

** สุดท้าย พี่เจ๋ง อย่าเรียกผมว่าท่านอีกนะครับ ไม่งั้นโกรธด้วย **
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ถ้าเป็นการจ่ายปันผลหลังจากที่ขายหุ้น IPO ไปแล้วซักระยะ หรือจ่ายปันผลตามเทศกาลคือหลังประกอบผลการดำเนินงานประจำปี ก็คงไม่น่าเกลียดซักเท่าไร

แต่นี่ประกาศจ่ายปันผลล่วงหน้าขายหุ้น IPO เจตนาคืออะไรก็คงชัดเจนครับ

ทำไมไม่ขายหุ้นในราคา 19 บาท แทนที่จะขายหุ้นในราคา 20 บาทแล้วค่อยจ่ายปันผลคืน 1 บาท
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ลืมไปอีกอย่างนึงครับ

สิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า บริษัทที่เข้ามาใหม่ มีศักยภาพน่าลงทุนจริงหรือหลอก ก็ต้องพิสูจน์เช่นเดียวกับบริษัทที่จดทะเบียนมานานแล้ว คือ กำไร ครับ (เอากำไรหลังเข้าตลาดสัก 3-4 ไตรมาสนะครับ ไม่เอากำไรที่สร้างให้ดูในหนังสือชี้ชวน)

** ลองตรวจสอบผลกำไรของบริษัท IPO ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาดูสิครับว่า มีกี่แห่งที่ทำกำไรได้ตามที่ชี้แจงในหนังสือชี้ชวน แล้วมีกี่แห่งที่ทำได้ไม่ถึงครึ่ง แล้วลองติดตามกันต่อไปอีกสัก 2-3 ปีดูว่า ช่วง peak ของบริษัทเหล่านี้ มีกี่แห่งที่เกิดขึ้นในช่วง IPO **
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 13

โพสต์

การที่บริษัทต่างๆมีผลการดำเนินงานที่ดีมากในช่วง IPO ก็เนื่องจากมีการแต่งตัวเข้าตลาดนะครับ แต่งตัวล่วงหน้ากันเป็นปีๆเลยนะครับ

จริงแล้วน่าจะมีบทลงโทษที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัทเข้าตลาดนะครับ ถ้าผลการดำเนินงานต่างจากที่ประมาณการในหนังสือชี้ชวนมากๆ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 14

โพสต์

chatchai เขียน:การที่บริษัทต่างๆมีผลการดำเนินงานที่ดีมากในช่วง IPO ก็เนื่องจากมีการแต่งตัวเข้าตลาดนะครับ แต่งตัวล่วงหน้ากันเป็นปีๆเลยนะครับ

จริงแล้วน่าจะมีบทลงโทษที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัทเข้าตลาดนะครับ ถ้าผลการดำเนินงานต่างจากที่ประมาณการในหนังสือชี้ชวนมากๆ
ยกมือสนับสนุนด้วยคนครับ ไม่เช่นนั้นเราจะเอาอะไรวัดมาตรฐานของพวก IB (ทั้งๆ ที่จบมาก็สูง เงินเดือนที่จ่ายให้ก็แพง)

ยังมีหน้ามารวมหัวกัน "ต้ม" รายย่อยเสียอีก

** นี่ถ้า "ต้มจนสุก" นี่ผมยังพอทำใจได้ แต่นี่หลาย Deal ที่เล่น "ต้มกันจนเปื่อย" เลยอ่ะ
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 15

โพสต์

พนักงานต่างๆก็ทำงานเพื่อให้เข้าเป็ของฝ่ายผู้บริหารครับ

ถ้าทำได้ตามเป้า ปลายปีก็รับโบนัสกันเพลินเลยครับ

ดังนั้นพนักงานทุกระดับก็ต้องพยายามหาบริษัทเข้าตลาดให้มากๆ

เจ้าของบริษัทก็อยากจะขายหุ้นในราคาแพงๆ ดังนั้นจึงต้องพยายามทุกวิธีทางที่จะให้ได้ดีล และขายหุ้นให้หมด
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ForrestGump
Verified User
โพสต์: 1435
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ถ้างั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด เราก็เลือกหุ้นที่ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมานานดีกว่า และ ยอม "เสียโอกาส" ในการทำกำไรหุ้นจาก IPO ที่เราศึกษาไว้แล้ว (ว่าไม่ดี เพราะ ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมหวังทำราคา เอาเงินเข้ากระเป๋า) ถึงแม้ว่าจะมีกระแส ความโลภล่าส่วนเกินทุน เหมือนที่ท่าน คลายเครียดบอก ไว้

ยอมตกรถดีกว่าโดนหลอกไปติดดอย ใช่มั้ยครับ พี่ฉัตรชัย
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 17

โพสต์

นอกจากหุ้นสถาบันการเงินแล้ว ก้หุ้น IPO นั้นแหละครับที่ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย

ถ้าให้ดีเข้าตลาดมาเกินปีก่อน ผลการดำเนินงานจะเป็นของจริงครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 18

โพสต์

IPO เหมาะกับการเก็งกำไรเท่านั้นหรือครับ

ผมขาย TNX ไปแล้ว กำไรนิดเดียว แต่กลัวเฮียประยุทธ์มากกว่าครับ

ส่วน PTL ยังซื้อๆ ขายๆ อยู่ ขึ้นไปใกล้ๆ ราคา IPO ก็ขาย ลงมาก็ซื้อคืน
กำไรไม่เยอะเท่าไหร่ แต่สนุกดีครับ

หุ้น IPO ที่ผมคิดจะถือยาวคือ UMS ครับ ราคาตอนนี้ยังแพงอยู่ แต่ถ้า
ลงไปต่ำๆ เช่น 8 บาท คงจะเก็บเยอะเหมือนกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
someOne
Verified User
โพสต์: 253
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 19

โพสต์

:evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil: :evil:

ยิ่งอ่านยิ่ง

:twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted: :twisted:
ด้วยความเคารพ

From someOne
--------------------
Knowledge Access Investment
fantasia
Verified User
โพสต์: 674
ผู้ติดตาม: 0

gone

โพสต์ที่ 20

โพสต์

คนคนนี้ชอบทำอะไรแปลก ๆ อยู่เรื่องแหละครับ
อยู่ ๆ ก็เอาบริษัท TFI มาทำตัวเหมือนที่ปรึกษาทางการเงิน
ถ้ายังจำกันได้
ครั้งหนึ่ง TFI เคยเอาตึกริเวอร์ไซท์ทาวเวอร์มูลค่ากว่าพันล้านขายให้
บริษัทดาราวดีที่มีทุนจดทะเบียนแค่ 7 ล้านบาท
โดยที่บอกว่าบริษัทนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ TFI
(ให้ตายก็ไม่เชื่อหรอก)
แต่ตอนนั้นหุ้นยังไม่คึกคักดีลนี้เลยผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
ไปดูในงบ TFI ก็ได้ ยังมีลูกหนี้ค่าตึกนี้อยู่ ระยะเวลาชำระก็มากกว่า 10 ปี
ดอกเบี้ยรู้สึกจะประมาณ 5%

ส่วนเรื่องการเข้าตลาดโดยไม่ระดมทุน ผมว่าไม่เสียหายนะครับ
อย่าง TOP ก็ไม่ได้ระดมทุนใหม่เท่าไหร่เลย
ผมว่ามันอยู่ที่ความจริงใจของเจ้าของเดิมมากว่า
ซึ่งผมว่าข้อนี้คุณ ประยุทธ สอบตก แทบจะได้ 0 คะแนนเลย
โป้ง
Verified User
โพสต์: 2326
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 21

โพสต์

เพราะมีกระทู้แบบนี้ในเวปไซต์ มาให้พวกเราได้อ่านเป็นความรู้กันได้เรื่อยๆ

ไม่น่าล่ะ กลต. กัด web master ไม่ปล่อยเลย ตอนนี้ผมรู้สึกเห็นใจ..จายยย กลต. แล้วครับ


:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
แก้ไขล่าสุดโดย โป้ง เมื่อ อาทิตย์ ธ.ค. 19, 2004 1:00 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
ForrestGump
Verified User
โพสต์: 1435
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 22

โพสต์

โป้ง เขียน:เพราะมีกระทู้แบบนี้ในเวปไซต์ มาให้พวกเราได้อ่านเป็นความรู้กันได้เรื่อยๆ

ไม่น่าล่ะ กลต. กัด web master ไม่ปล่อยเลย ตอนนี้ผมรู้สึกเห็นใจ กลต. แล้วครับ


:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ถ้ามีกระทู้แบบนี้เยอะๆ แมงเม่าอาจสูญพันธ์จากตลาดหุ้นไทยครับ โฮะ โฮะ โฮะ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
ภาพประจำตัวสมาชิก
someOne
Verified User
โพสต์: 253
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 23

โพสต์

แล้ว .ตลก ก็จะไม่มีงานทำ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ด้วยความเคารพ

From someOne
--------------------
Knowledge Access Investment
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 24

โพสต์

555 ไม่รู้จะสรรหาเหตุผลอะไรมาสู้น้อง FE แล้ว

:D :D :D

คุณฉัตรชัย ครับ ถามนิดนึง การขายหุ้น IPO โดยประกาศปันผลก่อน แล้วค่อยขาย เช่น กรณีนี้ ถ้าขาย 19 บาท แล้วไม่ปันผล 1 บาท กับขาย 20 บาท แล้วปันผล 1 บาท นี่ ผิดที่กลต.หรือผิดที่บริษัท

ถ้ากลต.อนุญาติ กรณีแบบนี้ทุกกรณีถือว่าเจ้าของไม่จริงใจ ใช่หรือไม่ หรือยังพอมีในกรณีที่เจ้าของจริงใจ
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 25

โพสต์

ตามความเห็นของผมนะครับ

กรณีนี้จะผิดหรือไม่ก็คงต้องดูว่าที่เป็นข่าวนั้นผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารของบริษัทแล้วหรือยัง ถ้าผ่านแล้วก็คงไม่ผิดกฎ

แต่ถึงแม้จะผ่านแล้วก็ตาม ผมว่ามันอยู่ที่เจตนามากกว่า เหมือนกับเอาข่าวจ่ายปันผลมาล่อให้รายย่อยเข้ามาซื้อหุ้น IPO

จริงแล้วผลการดำเนินงานที่ผ่านมาก่อนขาย IPO ถ้าคิดจะจ่ายปันผลก็สมควรที่จะจ่ายให้เฉพาะผู้ถือหุ้นเดิมก่อนขายหุ้น IPO มากกว่าที่จะจ่ายให้ผู้ถือหุ้นที่เพิ่งซื้อหุ้นได้ไม่ถึงเดือน
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 26

โพสต์

Jeng เขียน:555 ไม่รู้จะสรรหาเหตุผลอะไรมาสู้น้อง FE แล้ว

:D :D :D
เย้.... พี่เจ๋งรับเรากลับเป็นน้องแล้ว เย้.... :D :D :D
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ทั่นครับ เหนือเมฆจริงๆ ครับทั่น

โพสต์ที่ 27

โพสต์

เขาเรียกว่าคลื่นลูกใหม่ ย่อมมาแรงกว่าเสมอ อิอิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ขงเบ้ง
Verified User
โพสต์: 399
ผู้ติดตาม: 0

...

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ผมว่าTNXถึงpeakอุตสาหกรรมแล้วเลยรีบเอามาขาย
ปัจจัยหลักน่าจะมาจากจีนคงไม่โตก้าวกระโดดแล้ว
ผมเดาเอานะครับ
ไม่มีกลยุทธ์ใดตายตัวขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์
เวลารุกคิดให้นานแต่เวลาถอยต้องเร็วไร้เงา
อิสรภาพทางการเงินเป็นแค่การเริ่มต้น
ปลายทาง คือ ความหลุดพ้น
ชีวิต คือ ความว่างเปล่า
ไม่มีใครหนีพ้นความตาย
แม้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1ของโลก
ล็อคหัวข้อ