คิดยังไงกับบทความนี้ครับ ?? "สามก๊กสกุลเงินตรา"

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

คิดยังไงกับบทความนี้ครับ ?? "สามก๊กสกุลเงินตรา"

โพสต์ที่ 1

โพสต์

คิดไงกับบทความนี้ครับ ?? ตรงไหนจริง ตรงไหนเท็จ ตรงไหนเห็นด้วย ตรงไหนคิดแตกต่างครับ :!: :?: :!: :?:

ที่ผมนำบทความนี้มา เพราะว่า คุณสนธิ หรือ เซี่ยงเส้าหลง แกได้เคยทำนายเหตุการณ์ค่าเงิน และ ราคาทอง ช่วงนี้เอาไว้ได้ถูกต้องเมื่อนานมาแล้ว ผมเคยอ่านครับ (นอกจากคุณ เฟยหง และ คุณ hot อิอิ)


http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000096320

สามก๊กสกุลเงินตรา แนวโน้มที่จะเกิดในปี 2548
โดย เซี่ยงเส้าหลง 15 ธันวาคม 2547 00:21 น.

∙∙ วันนี้ปล่อยวาง สงครามทุนภายในประเทศ ไว้ข้าง ๆ ก่อนเพราะยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากมายนัก เซี่ยงเส้าหลง ได้รับจดหมายจาก เรืองวิทยาคม ผู้เรียบเรียง สามก๊ก ฉบับคนขายชาติ หนังสือดีที่ ขายหมดแล้ว ในฐานะที่เมื่อปีที่แล้วระหว่างสนทนากันได้ขอยืมศัพท์บัญญัติ สามก๊กสกุลเงินตรา มาขยายความ ณ ที่นี้เมื่อ วันที่ 3 มิถุนายน 2546 เวลาผ่านมาปีเศษ ๆ สถานการณ์คืบหน้าไปมาก สหรัฐอเมริกา หรือนัยหนึ่ง วุยก๊ก ยังคงเดินหน้าใช้ นโยบายค่าดอลลาร์อ่อน เป็น อาวุธ ก็ต้องติดตามกันให้ดีว่า หยวน - ง่อก๊ก และ จ๊กก๊ก ยูโรดอลลาร์ จะใช้เพลงอาวุธใดมา รับมือ และสำหรับประเทศไทยควรจะ เตรียมตัว, วางตัว อย่างไรในกรณีนี้ขอเชิญอ่านในล้อมกรอบใกล้ ๆ กันนี้

∙∙ อาวุธสำคัญของที่ส่งผลให้ สหรัฐอเมริกา เป็น อภิมหาอำนาจ นอกจาก แสนยานุภาพทางทหาร แล้วก็คือ ยูเอสดอลลาร์ หรือถ้าจะกล่าวกันทั้งระบบจริง ๆ แล้วละก็ -- ก็อย่างที่ พายัพ วนาสุวรรณ เคยตอบคำถามไว้ว่า ณ หน้า 16 นี้อภิมหาอำนาจหนึ่งเดียวประเทศนี้ ควบคุมโลก ด้วย อาวุธ 4 ประการ กล่าวคือ สกุลเงินดอลลาร์, กองทัพ, สื่อมวลชน (หรือพูดเฉพาะเจาะจงลงไปก็คือกระบวนการ Information Management) และ กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา นั่นเอง

∙∙ ก็อย่างที่เข้าใจกันโดยพื้นฐานนั่นแหละว่า สหรัฐอเมริกา นั้นเป็นประเทศที่ แปลกแต่จริง ตรงที่นอกจากจะเป็น ลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก แล้วยังเป็นลูกหนี้ประเภท 2 ไม่ คือทั้ง ไม่มีเงินทุนสำรอง และ ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินตราและพันธบัตรที่ได้ออกไปแล้ว บนธนบัตรจะมีก็แต่คำว่า God (คือ = In God We Trust) ผนวกด้วย ความเชื่อมั่นของคนส่วนใหญ่ประเทศส่วนใหญ่ในโลก อภิมหาอำนาจประเทศนี้จึง ได้กำไร 2 ต่อ ต่อประเทศต่าง ๆ ที่เป็น คู่ค้า ที่เมื่อ ซื้อสินค้า(หรือบริการ)จากประเทศอื่น ก็ใช้วิธีการ พิมพ์ยูเอสดอลลาร์เป็นค่าสินค้า(หรือบริการ)นั้น ซึ่งผลแท้จริงก็คือทั่วโลกต้องผลิตสินค้า(หรือบริการ)ให้พวกเขาแล้ว รับเอากระดาษแผ่นหนึ่งไปถือไว้เป็นเงินสำรอง ในขณะเดียวกันเมื่อประเทศต่าง ๆ ขายสินค้า(หรือบริการ)ให้สหรัฐอเมริกา ก็ต้อง หายูเอสดอลลาร์ไปคืนให้กับสหรัฐอเมริกาอีก เพราะแทนที่จะได้ เก็บไว้ ก็ต้องเอายูเอสดอลลาร์ที่ได้มานั้น ส่งกลับไปซื้อพันธบัตรยูเอสดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อกันไว้เป็น ทุนสำรองเงินตราของแต่ละประเทศ ตามระบบที่อภิมหาอำนาจประเทศนี้เองนั่นแหละผลักดันให้เป็น ระบบโลก เงินตรงนี้แหละที่พวกเขามา หมุนปล่อยกู้ สถานการณ์เช่นนี้ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ ยูเอสดอลลาร์ยิ่งแข็ง - สหรัฐอเมริกายิ่งกำไรทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่เมื่อหลายประเทศเริ่ม ย้ายไข่ในตะกร้า และเริ่ม เปลี่ยนสกุลเงินในการค้าระหว่างประเทศ มาเป็น ยูโรดอลลาร์ มากขึ้น กระดาษเปล่าที่เรียกว่ายูเอสดอลลาร์ ก็ย่อม ด้อยค่าลง และเมื่อเกิดการตื่นตระหนกเมื่อใด อันตรายใหญ่หลวง ก็เกิดแก่ เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา นี่คือสถานการณ์ใหญ่หนึ่งที่ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ต้องการ แก้ไข และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สนับสนุนทางเลือก บุกอิรัก และ Military Keynesian ต่าง ๆ เพื่อ ปลุกภาคเศรษฐกิจจริง และบรรลุความเป็น มหาอำนาจเดี่ยว ตามติดมาด้วย สงครามเงินตรา ดังที่เห็น ๆ กันอยู่

∙∙ แม้ต้นทุนของปฏิบัติการ บุกอิรัก อาจจะสูงถึง 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็เป็น ตลกร้าย ที่คนทั่วไปไม่ได้คิดถึงก็คือไอ้เงินจำนวนนี้หากจะเกิดคำถามว่า ใครเป็นคนไฟแนนซ์ คำตอบก็คือ ...ก็พวกเรานี่แหละ -- ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก. เพราะเป็น ผลผลิตของทุกประเทศ ที่เมื่อขายได้แล้วได้เงินมาแต่ไม่ได้เก็บไว้เพราะต้อง หมุนวนกลับไปสู่สหรัฐอเมริกา ตามระบบดังกล่าวในย่อหน้าที่แล้วนั่นเอง

∙∙ คำว่า In God We Trust ใน ธนบัตรยูเอสดอลลาร์ จึงมีความหมายอีกนัยหนึ่งคือ In Gun We Trust นั่นเอง

∙∙ โลกวันนี้หากพิจารณาทาง รัฐศาสตร์ ตกอยู่ในยุค สงครามเย็นยุคดิจิตอล ที่แตกต่างจาก สงครามเย็นยุคอนาลอก ที่สิ้นสุดไปเมื่อ ปลายปี 2532 โดยถือสัญลักษณ์ ทลายกำแพงเบอร์ลิน ตรงที่ ความขัดแย้ง เคลื่อนตัวจากปัจจัยทาง อุดมการณ์ มาเป็นปัจจัยทาง เชื้อชาติ, ศาสนา และ วัฒนธรรม การต่อสู้เป็นไปในลักษณะ ไร้รูปแบบ, ไร้ข้อจำกัด แต่หากหันไปพิจารณาทาง เศรษฐศาสตร์, สังคมศาสตร์ ก็เห็นจะเป็น 11 D หรือ หมา 11 ตัว อันประกอบไปด้วย Deflation : เงินฝืด, Devaluation : การลดค่าเงิน, Demand shortage : การขาดแคลนกำลังซื้อ, Disequilibrium : สภาวะไม่สมดุล, Duo Cooperation : กระแสเร่งความสัมพันธ์ในเชิงทวิภาคีที่ขึ้นมาแทนที่พหุภาคี, Disease : โรคภัยไข้เจ็บ-โรคระบาด, Demoralization : สภาวะไร้ศีลธรรม, Dead Bomb: ระเบิดพลีชีพ, Destabilization : ความไร้ดุลยภาพ-ไร้เสถียรภาพ, Deglobalization : กระแสโลกาภิวัตน์วกกลับ และ Depression : เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก แต่ในเฉพาะหน้า หมาบ้าน้ำลายฟูมปาก ที่เริ่มจะได้เห็นกันคือ Deflation : เงินฝืด นั่นเอง

∙∙ ภาวะ Deflation : เงินฝืด ที่ว่านี้ รุก เข้าไปสู่ ศูนย์กลางทุนนิยมโลก คือ สหรัฐอเมริกาที่มี ขนาดของระบบ ใหญ่ระดับ 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลก (หลังจากก่อนหน้านี้ อาละวาด ที่ ญี่ปุ่น มาแล้ว กว่า 10 ปี ยัง แก้ไม่ได้) จนต้องเริ่ม ออกอาวุธ มาคู่กัน 2 ชนิดคือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐต่ำ - ดอกเบี้ยต่ำ แล้ว

∙∙ ภาวะ Deflation : เงินฝืด ที่ว่านี้นักเศรษฐศาสตร์เห็นร่วมกันว่าเกิดจาก เหตุ 8 ประการ ประกอบไปด้วย บทบาทของตลาดเกิดใหม่บนเวทีทุนนิยมโลก, การแตกตัวของฟองสบู่, การปฏิวัติอินเตอร์เน็ต, ราคาน้ำมันลดลง, สินค้าราคาถูกจากจีนระบายออกสู่ตลาดโลก, สหรัฐอเมริกาส่งออกเงินฝืดด้วยนโยบายดอลลาร์ต่ำ, สินค้าออกทั่วโลกพร้อมใจกันลดราคา และ โครงสร้างประชากรโลกที่เปลี่ยนไป สรุปโดยสังเขปก็คือ ความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์กับอุปทาน ในขณะที่ อุปทาน หรือนัยหนึ่ง กำลังการผลิต มีแต่ปัจจัยทำให้ ถูกลง, มากขึ้น และ เร็วขึ้น แต่ด้านตรงกันข้าม อุปสงค์ หรือนัยหนึ่ง กำลังซื้อ, ความต้องการบริโภค กลับมีแต่ ลดลง คือเป็นผลโดยธรรมชาติของ ระบบทุนนิยม นั่นแหละ

∙∙ ภาวะ Deflation : เงินฝืด ที่ว่านี้นักเศรษฐศาสตร์เห็นร่วมกันว่าจะก่อให้เกิด ผล 7 ประการ ประมวลได้ดังนี้ เร่งปัญหาการว่างงาน, ภาระหนี้ที่แท้จริงของแต่ละประเทศจะเพิ่มขึ้น, เร่งกระแสเศรษฐกิจเก็งกำไร, เร่งแนวโน้มการเกิดอาณานิคมแผนใหม่, ทำลายความร่วมมือกันระหว่างภูมิภาค, เร่งกระแสโลกาภิวัตน์วกกลับ และสุดท้าย แนวโน้มการเกิดทุนนิยมแห่งรัฐ ผลอย่างน้อย 2 ใน 7 ประการที่ว่ามาที่เริ่มเห็นก่อนในช่วง ปี 2547 นี้ก็คือ เร่งแนวโน้มการเกิดอาณานิคมแผนใหม่ และ ทำลายความร่วมมือกันระหว่างภูมิภาค นั้นก็คือนวัตกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่เริ่มฮิตติดปากผู้คน FTA (แทนที่นวัตกรรมที่เคยฮิตติดปากตัวเดิมเมื่อ 6 7 ปีก่อน IMF) ที่เมื่อหันไปพูดในทาง รัฐศาสตร์ ก็คืออภิมหาอำนาจหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่คือ สหรัฐอเมริกา ได้ใช้ ระเบียบโลกใหม่หลัง 11 กันยายน 2001 มาเป็น อาวุธ ในการแสวงหา พันธมิตร กล่าวคือใช้ การเจรจาทวิภาคี เข้ามา บีบ และเข้ามาแทนที่ ข้อตกลงพหุภาคี ก็ขนาด องค์การสหประชาชาติ ยัง ไร้น้ำยา นับประสาอะไรกับ WTO หรือแม้กระทั่ง เอเปค, อาเซี่ยน จะทานได้

สามก๊กสกุลเงินตรา แนวโน้มที่จะเกิดในปี 2548

เรืองวิทยาคม

สงครามทางการเงิน หรือสงครามค่าเงิน ระหว่าง สามก๊กสกุลเงินตรา คือ ดอลลาร์สหรัฐ, ยูโรดอลลาร์ และหยวน กำลังจะเข้มข้นขึ้น

โดยมีข้อเท็จจริงพื้นฐานที่คลี่คลายขยายตัวไปดังนี้

1. ตั้งแต่ปลายปี 2546 สหรัฐอเมริกาได้กดดันจีนให้แข็งค่าเงินหยวน อ้างว่าได้เสียดุลการค้าให้แก่จีนเป็นจำนวนมหาศาล และค่าเงินหยวนต่ำกว่าความเป็นจริง ท่าทีในครั้งนั้นถูกวางเฉยจากค่ายอียู ในขณะที่จีนยังคงยืนยุทธศาสตร์ไม่เปลี่ยนแปลงค่าเงินหยวน แต่ยืดหยุ่นทางยุทธวิธี โดยแสดงท่าทีว่าค่าเงินหยวนเป็นประโยชน์ของประเทศจีนและประชาชนจีน ตลอดจนนักลงทุนที่นำเงินไปลงทุนในประเทศจีน การจะลดหรือแข็งค่าเงินหยวนเป็นเรื่องที่จีนจะพิจารณาตามความเหมาะสมของจีนเอง (คนนอกอย่าเสือก)

หลังจากนั้นสหรัฐยังกดดันจีนด้วยประการต่าง ๆ เพื่อให้แข็งค่าเงินหยวน

วาระซ่อนเร้นหรือผลที่แท้จริงของแรงกดดันดังกล่าวคือ ต้องการให้สินค้าส่งออกจากจีนส่งไปขายยังต่างประเทศไม่ได้ เพราะของจะแพงขึ้น ในขณะที่จีนยังพัฒนาคุณภาพยังสู้ที่ผลิตไปประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ได้

จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัว และลดลง เมื่อนั้นก็จะทำให้การลงทุนในจีนชะลอตัวตามไปด้วย เงินที่ไหลจากสหรัฐเข้าไปลงทุนในจีนก็จะหยุดชะงักลง
จะนำไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงคือผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจมหภาคของจีนโดยรวม รวมทั้งการถอนเงินลงทุนออกจากจีนด้วยเพราะเมื่อลงทุนแล้วผลิตไม่ได้ ขายไม่ออก คนใหม่ก็ไม่กล้าไปลงทุน คนเก่าก็จะอพยพเคลื่อนย้ายเงินออกไป

เศรษฐกิจจีนก็จะกระทบครั้งใหญ่

และย่อมส่งผลต่อการเมืองในประเทศคือการว่างงาน และการพัฒนาประเทศ รวมทั้งด้านความมั่นคงด้วย

หากกล่าวถึงที่สุด แรงกดดันดังกล่าวแม้ผิวเปลือกจะฉาบไว้ด้วยความยุติธรรมในเรื่องค่าเงินและการค้า แต่แท้จริงก็คือการทำลายระบบเศรษฐกิจและความมั่นคง เพื่อรักษาฐานะมหาอำนาจขั้วเดียวไว้นั่นเอง

2. เพราะเหตุที่สหรัฐมุ่งมั่นในการขยายบทบาทและลัทธิขั้วอำนาจเดียวในโลก ดังนั้นค่าใช้จ่ายทางการทหารจึงเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมหาศาล การขาดดุลจึงเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมหาศาล แต่สหรัฐไม่ยี่หระ ยังคงสามารถพิมพ์ธนบัตรและออกพันธบัตรได้อย่างไม่หยุดยั้งเพราะไม่ต้องใช้เงินสำรองหนุนหลัง อันเป็นหลักการดั้งเดิมที่ถืออำนาจทางการทหารเป็นฐานรองรับอำนาจทางเศรษฐกิจ

จีนได้คาดหมายถึงภาวะผันผวนและมาตรการทางการเงินที่สหรัฐจะกระทำต่อจีนในสงครามทางการเงิน ดังนั้นตั้งแต่ยุคปลายของผู้นำรุ่นที่ 3 นายกรัฐมนตรีจูหรงจี และธนาคารประชาชนจีน จึงได้ปรับปรุงสัดส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศ เปลี่ยนจากเงินสกุลดอลลาร์ไปเป็นอียูและสกุลเงินอื่นมากขึ้น และทำการค้ากับนานาชาติโดยสกุลเงินอื่นมากขึ้น
ผลจากสัดส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศที่จีนได้ดำเนินการ จึงทำให้จีนมีความปลอดภัยจากการที่ค่าเงินสหรัฐจะผันแปรไปโดยเฉพาะในทางที่อ่อนตัวลง

3. เพราะเหตุที่มีการใช้จ่ายเกินงบประมาณอย่างหนึ่ง และเพื่อกดดันต่อสกุลเงินหยวนอีกอย่างหนึ่ง สหรัฐได้ดำเนินกุศโลบายค่าเงินดอลลาร์อ่อนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2004 ซึ่งโดยผลก็คือทำให้ค่าเงินหยวนสูงขึ้นหรือแข็งขึ้น

ท่าทีของบุชหลังจากชนะเลือกตั้งที่จะให้รัฐมนตรีคลังคนเก่าเป็นรัฐมนตรีคลังต่อไป แสดงให้เห็นว่าสหรัฐจะยังคงดำเนินกลยุทธ์ดอลลาร์อ่อนต่อไป เพราะรัฐมนตรีคลังคนนี้เป็นเจ้าความคิด ทำให้ดอลลาร์อ่อน

ดอลลาร์อ่อนด้วยเหตุ 2 ประการ คือ การเสียดุลการค้า และการขาดดุลงบประมาณ

แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุหลัก เพราะสหรัฐไม่ต้องใช้เงินสำรอง

สาเหตุหลักจึงอยู่ที่การกดดันให้ค่าเงินหยวนแข็งค่านั่นเอง เพราะนั่นเป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์คือการทำลายระบบเศรษฐกิจ การปกครอง และความมั่นคงของจีน เพื่อดำรงลัทธิขั้วอำนาจเดียวในโลกอย่างมีเสถียรภาพ

4. ท่าทีของสหรัฐดังกล่าว และปฏิบัติการดอลลาร์อ่อนดังกล่าว มีท่าทีที่น่าจับตาจาก 2 ก๊ก ดังนี้

4.1 จากก๊กอียู ไม่แสดงท่าทีใด ๆ ยังคงดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเหมือนเดิม ทำให้ความเชื่อมั่นในสกุลอียูสูงขึ้นกว่าทุกระยะที่ผ่านมา ทำให้เงินอียูถูกใช้เงินสำรองระหว่างประเทศในโลกเพิ่มขึ้น และทำให้การค้าระหว่างประเทศได้ถูกกำหนดให้ใช้เงินอียูเพิ่มมากขึ้น และนี่ก็คือผลประโยชน์โดยตรงของอียู คือความมีเสถียรภาพ

แม้จะมีผลกระทบบ้างตรงที่สินค้าของอียูจะสูงขึ้นในต่างประเทศ แต่การค้าภายในอียูเองจะค้ำจุนความเสียเปรียบนี้ในระยะสั้นได้

และต่อตลาดสหรัฐถึงแม้ได้รับผลกระทบกระเทือน แต่เพราะความจำเป็นต้องซื้อหาจึงได้รับผลกระทบไม่มาก ดีร้ายจะทำให้ตลาดอียูขยายตัวมากขึ้น และจะทำให้ประเทศในยุโรปเข้าเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก

4.2 ก๊กหยวน น่าจับตาอย่างยิ่ง ปรากฏการณ์ที่จะกล่าวต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่าคณะผู้นำรุ่นที่ 4 และพรรคคอมมิวนิสต์จีน คงเตรียมการและคาดสถานการณ์ได้ไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นจีนจึงคงถือสหรัฐว่าจะเป็นตัวก่อผลกระทบต่อจีนมากที่สุด

เมื่อสหรัฐดำรงยุทธศาสตร์กดดันให้ค่าเงินหยวนแข็ง โดยทำให้ดอลลาร์อ่อนตัวเสียเอง จึงแทนที่จีนจะเพิกเฉยซึ่งเท่ากับทำให้หยวนแข็งค่า จีนกลับยืนหยัดผูกค่าเงินหยวนไว้กับค่าเงินสหรัฐต่อไป

ดังนั้นดอลลาร์อ่อน หยวนก็อ่อนตามในอัตราเท่ากัน

ทำให้เกิดผลที่สำคัญคือ

4.2.1 ที่สหรัฐมุ่งหวังจะทำให้จีนส่งออกลดลง อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลง ไม่เป็นผล เพราะเมื่อจีนผูกค่าหยวนเข้ากับดอลลาร์ ราคาสินค้าส่งออกจีนจึงไม่กระทบ แต่คนที่นำเงินไปลงทุนในจีนจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ในประการนี้นอกจากการส่งออกและการลงทุนในจีนไม่กระทบแล้ว จีนยังขายสินค้าส่งออกไปสหรัฐไม่ลดลงด้วย และยิ่งทำให้จีนส่งออกสินค้าไปยังทั่วโลกได้มากขึ้นอีก

4.2.2 ผลจากเงินดอลลาร์อ่อน จึงทำให้บรรดาประเทศตะวันออกกลางขาดความเชื่อมั่นต่อเนื่องจากที่คาดหมายไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนหรือเงินระยะสั้นออกจากตลาดสหรัฐไปยังจีนและยุโรปจึงเกิดขึ้นอย่างคึกคัก ในที่สุดคงจะกดดันให้สหรัฐดำเนินนโยบายค่าเงินอ่อนต่อไปไม่ได้ และเมื่อนั้นจะทำให้การดำเนินกลยุทธ์ค่าเงินอ่อนพังทะลายลง ในขณะที่สหรัฐจะได้รับผลคือหนี้เพิ่มขึ้นและแรงกดดันที่จะถูกทวงถามจากเจ้าหนี้เพิ่มขึ้นด้วย

4.2.3 เคยคาดหมายไว้เมื่อครั้งเสนอแนวคิดสงครามการเงินว่า ให้จับตาดูไต้หวันและญี่ปุ่น ถ้า 2 ชาตินี้เทขายเงินสำรองที่เป็นดอลลาร์ก็ดี หรือเทขายพันธบัตรที่เป็นดอลลาร์สหรัฐก็ดี เมื่อนั้นก็เท่ากับนิวยอร์คถูกทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ 2 ลูก วันนี้ยังคงต้องจับตามองเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

เพราะเมื่อประเทศในตะวันออกกลางเทขายดอลลาร์ โยกย้ายเงินลงทุน ทั้งจีนก็คงปรับปรุงสัดส่วนเงินสำรองเป็นสกุลอื่นนอกจากดอลลาร์มากขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วไต้หวันและญี่ปุ่นซึ่งถือเงินสำรองระหว่างประเทศเกือบทั้งหมด มียอดรวมกันประมาณ 800,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คงจะหวาดหวั่นพรั่นพรึง

เมื่อใดที่พวกเขามีความคิดว่าเรื่องอะไรจะต้องเอาประเทศไปค้ำประกันหนี้ให้สหรัฐ แล้วลดสัดส่วนหรือเทขายเงินสหรัฐ เมื่อนั้นระบบเศรษฐกิจสหรัฐคงจะกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และย่อมกระทบต่อความเป็นมหาอำนาจขั้วเดียวด้วย

แต่เมื่อนั้นก็ต้องตระหนักถึงภัยสงคราม

เพราะนั่นจะเป็นทางออกสุดท้ายที่จะค้ำจุนประเทศและระบบการเงินและการทหารของสหรัฐไว้
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

คิดยังไงกับบทความนี้ครับ ?? "สามก๊กสกุลเงินตรา"

โพสต์ที่ 2

โพสต์

สนุกมากครับคุณคัดท้าย ขอบคุณที่นำมาแบ่งกันอ่านครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

คิดยังไงกับบทความนี้ครับ ?? "สามก๊กสกุลเงินตรา"

โพสต์ที่ 3

โพสต์

คมบาดลึกเลย ทั่นคัดท้าย
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

คิดยังไงกับบทความนี้ครับ ?? "สามก๊กสกุลเงินตรา"

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ไม่สงสัยอะไรเลยเหรอครับ พี่ CK กับ พี่ปรัชญา

สำหรับผมนะ ผมสงสัยว่า ในบทความบอกว่า EU จะยืนค่าเงิน Euro เพื่อแสดงเสถียรภาพ คำถามของผมคือ EU จะขายของได้ยังไง ถ้าค่าเงินแข็งโด่เด่อย่างนั้น?

สินค้า EU มีอะไรที่โดดเด่นออกมา จนกระทั่งสามารถยืนค่าเงินได้หรือครับ มีอะไรบ้างไหนมา List กันดีกว่า

เอาง่ายๆ ดู BENZ BMW เดี๋ยวนี้คันละเท่าไหร่? คนหันไปเล่น Camry กันเพียบแล้ว เพราะสู้ราคาไม่ไหว คิดว่ายังไงครับ ถ้าคุณเป็น EU ?
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

คิดยังไงกับบทความนี้ครับ ?? "สามก๊กสกุลเงินตรา"

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เขาก็คงจับกลุ่มซื้อขายกันเอง
เวียนเทียนได้หลายประเทศ :mrgreen:
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

คิดยังไงกับบทความนี้ครับ ?? "สามก๊กสกุลเงินตรา"

โพสต์ที่ 6

โพสต์

EU พึ่งพาตลาดภายในตลาดในกลุ่มของประเทศตัวเองมากกว่าตลาดข้างนอกครับ
และอุตสาหกรรมที่สำคัญเช่น ยาฆ่าแมลงและเคมีภัณฑ์ก็ยังเป็นที่ต้องการแม้ราคา
จะสูงขึ้น

กรณี Toyota นั้น ไม่เพียงแต่ Mercedez และ BMW ที่กระทบ แม้แต่ Ford เองก็
เพิ่งจะเสียตำแหน่งอันดับสองยอดขายรถทั่วโลกให้ Toyota ซึ่งมีการคาดการณ์
กันว่า ปีนี้หรือปีหน้า Toyota อาจจะขึ้นแท่นยอดขายรถอันดับหนึ่งของโลกก็เป็นได้

ส่วนความเห็นโดยรวมผมว่าก็น่าฟังครับ แต่ไม่ได้คิดว่าเป็น facts ทั้งหมด เรื่อง
การที่สหรํฐฯพยายามหยุดยั้งการเติบโตของจีนนั้น ผมคิดว่าไม่ร้ายแรงขนาดนั้น
เพราะสหรัฐฯเองก็หวังหลายอย่างจากการที่เศรษฐกิจจีนเติบโตเช่นกัน

ส่วนเรื่องทุนสำรอง เมื่อหลายปีก่อนผมได้ยินว่าสหรัฐฯเองเป็นคนพยายามผลักดัน
ให้ประเทศต่างๆ ในโลกหันไปถือครอง EU มากขึ้น เพื่อลดความผูกพันของเศรษฐกิจ
โลกกับค่าเงิน USD
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

คิดยังไงกับบทความนี้ครับ ?? "สามก๊กสกุลเงินตรา"

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ถ้าสถานการณ์เป็นดังว่า ผมคงเป็นห่วงจีนนะครับ

ทุกวันนี้เศรษฐกิจยังคงร้อนแรง ต้องติดเบรคอยู่เป็นระยะ

ถ้าค่าเงินหยวนอ่อนลงตามค่าเงินเหรียญสหรัฐ

เศรษฐกิจจีนคงจะสูบลมเป็นฟองสบู่ลูกใหญ่แน่นอน

ถึงตอนนั้นจะแตกหรือไม่
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

คิดยังไงกับบทความนี้ครับ ?? "สามก๊กสกุลเงินตรา"

โพสต์ที่ 8

โพสต์

chatchai เขียน:ถ้าสถานการณ์เป็นดังว่า ผมคงเป็นห่วงจีนนะครับ

ทุกวันนี้เศรษฐกิจยังคงร้อนแรง ต้องติดเบรคอยู่เป็นระยะ

ถ้าค่าเงินหยวนอ่อนลงตามค่าเงินเหรียญสหรัฐ

เศรษฐกิจจีนคงจะสูบลมเป็นฟองสบู่ลูกใหญ่แน่นอน

ถึงตอนนั้นจะแตกหรือไม่
มุมมองนี้น่าสนใจมากครับ ปั้มให้ฟองสบู่แตกไวๆ เพราะอเมริกาเองก็อยากให้จีนเลิกผูกหยวนกับ USD มากเต็มแก่แล้ว คลับคล้ายคลับคลาว่า ไม่กี่วันมานี้ก็ให้นายกของเยอรมันไปเจรจากับจีนเรื่องนี้ แต่จีนยังไม่ยอมครับ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
Golden Stock
Verified User
โพสต์: 615
ผู้ติดตาม: 0

คิดยังไงกับบทความนี้ครับ ?? "สามก๊กสกุลเงินตรา"

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ผมค่อนข้างจะเห็นด้วยกับบทความข้างบน แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะว่าอย่างไร หมากเกมนี้
ที่สหรัฐอเมริกาเล่น เขาคงคำนวณไว้แล้วว่าเป็นผลดีมากกว่าผลเสียมากมายนัก

ตรงที่ว่าสหรัฐอเมริกา ดำเนินนโยบายดอลล่าร์อ่อน

เพื่อบีบจีนหนึ่ง ผมว่าถึงอย่างไรสหรัฐก็ไม่ต้องการเห็นจีนมีการพัฒนามากไปกว่านี้จีนเป็นประเทศที่มีจุดแข็งในเรื่องของทรัพยากร มีศักยภาพที่จะขึ้นมาเทียบรัศมีสหรัฐได้ดังนั้นการสกัดไม่ไห้จีนเติบโตได้ คือต้องเล่นเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเปรียบเสมือนกำลังหนุน ตรงความเห็นคุณ chatchai น่าสนใจครับ

ผลได้อีกหนึ่งประการเพื่อเก็งกำไร ก่อนหน้านี้ถ้าสหรัฐ (พวกกองทุนต่างๆ ของทางฝั่งสหรัฐ) ถือครองเงินสกุลอื่นๆ เอาไว้มาก แล้วตอนนี้แลกกลับมาเป็นถือเงิน ยูเอสดอลล่าร์ จะได้เงินยูเอสกลับมาเท่าไร สุดท้ายเมื่อสิ้นปี ขนเงินกลับประเทศ ปิดงบ ดุลการชำระเงินของสหรัฐก็จะเกินดุล ดังเช่นทุกปี
คลายเครียด
Verified User
โพสต์: 1734
ผู้ติดตาม: 0

คิดยังไงกับบทความนี้ครับ ?? "สามก๊กสกุลเงินตรา"

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณที่นำบทความดีๆมาให้อ่านครับ
เคยมีคนพูดให้ผมฟังมาหลายปีแล้วว่า
ในโลกนี้ สหรัฐกลัวจีนเพียงประเทศเดียว
น่าจะเป็นความจริงอย่างยิ่ง

เมื่อสิบกว่าวันก่อน
ญาติผมมาจากฮ่องกง (เป็นลูกของน้องสาวพ่อผม)
เขาเปิดบริษัทจัดหาแรงงานฝีมือเข้าไปทำงานในจีน
เขาบอกว่าธุรกิจซบเซาลง
เพราะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
ผมถามเขาว่า จะซอฟท์แลนดิ้งได้สำเร็จหรือไม่
เขาตอบว่าน่าจะสำเร็จ
ผมยังถามเขาว่า พี่น้องและญาติๆของเขาที่เป็นซิติเซ่นในอเมริกา
เลือกบุชหรือเคอรี่ ผมแปลกใจมาก
เขาบอกว่าญาติพี่น้องของเขาเลือกบุชทุกคน
มันสรุปได้ตรงกับที่เพื่อนผมอีกคนบอกไว้
บุชเอาเรื่องก่อการร้ายมาขู่คนอเมริกัน
เขารับปากกับคนอเมริกันว่า
จะจำกัดให้การก่อการร้ายเกิดภายนอกประเทศเท่านั้น
มนุษย์ที่ไหนในโลกมันก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ
เอาตัวรอดไว้ก่อน คนอื่นจะฉิบหายยังไงช่าง
เทปบินลาเดนที่โผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ก่อนวันเลือกตั้งไม่นาน
น่าจะเป็นวิชามารของบุช
ยังมีหน้าจะมาจับซัดดัมขึ้นศาลอาชญากรสงคราม
ตัวเองบุชเองนั่นแหละ อาชญากรสงครามตัวจริง
buglife
Verified User
โพสต์: 942
ผู้ติดตาม: 0

คิดยังไงกับบทความนี้ครับ ?? "สามก๊กสกุลเงินตรา"

โพสต์ที่ 11

โพสต์

แล้วพี่ไทยเราไปเลือกข้างไหนครับ ค่าเงินถึงแข็งปั๋งขึ้นมาขนาดนี้

:evil: :evil: :evil:
ล็อคหัวข้อ