เล่าเรื่องพนักงานกับ MIDA ให้ฟังครับ
- วันพีส
- Verified User
- โพสต์: 77
- ผู้ติดตาม: 0
เล่าเรื่องพนักงานกับ MIDA ให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 1
หลังจากได้เคยถามความเห็นว่า ผมควรถามพนักงานบริษัทอย่างไรดีครับ ตามลิงค์ข้างล่างนี้
จนถึงวันนี้ผมได้รวบรวมข้อมูลได้พอสมควร จึงเอามาเล่าสรุปให้ฟัง
http://www.thaivalueinvestor.com/webboa ... mida#39649
พนักงานขายไม่มีเงินเดือน มีเพียงค่าคอมมิชชั่นจากการขาย โดยค่าคอมมิชชั่นประมาณ 1,000-2,000 บาท ต่อชิ้น โดยรายจ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่พนักงานขายออกเอง
เท่าที่พูดคุยกับพนักงานขาย พนักงานขายไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับบริษัท พนักงานไม่มีความเห็นในเรื่องเกี่ยวกับผู้บริหาร
พนักงานขายพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ค่าคอมมิชชั่น มีเรื่องเล่าที่ทำให้คิดได้ดังข้างต้นอยู่เรื่องหนึ่ง
เรื่องมีดังนี้ ลูกค้าที่สามารถซื้อสินค้าเงินผ่อนของ MIDA ได้ ต้องอายุครบเกณฑ์ (จำอายุครบไม่ได้ครับ) และพนักงานต้องนำสำเนาบัตรประชาชนลูกค้ามาแนบด้วยเพื่อประกอบการซื้อสินค้า พนักงานขายที่ผมเจอเขาเอาบัตรประชาชนลูกค้าที่อายุไม่ถึงเกณฑ์มาถ่ายเอกสาร หลังจากนั้นทำการแปลงปีเกิด ในสำเนาบัตรประชาชน เพื่อให้อายุลูกค้าเข้าเกณฑ์ แล้วถ่ายสำเนาซ้ำ เพื่อใช้ประกอบการซื้อสินค้า
ขณะที่อีกคนที่ผมเจอ เขาเอาสำเนาใบขับขี่ของคนอื่นซึ่งถ่ายมาค่อนข้างมืดไม่เห็นหน้าคนขับจริงๆว่าเป็นใคร แล้วเอาชื่อตัวเองแทนเข้าไป เพื่อให้นำไปใช้ประกอบการยืมรถยนต์ของบริษัทฯมาขับ
เรื่องการเบี้ยวหนี้ พนักงานขาย ไม่สนใจ ขอเพียงแค่มี เงินดาวน์ สินค้างวดแรก, สำเนาบัตรประชาชน พนักงานขายก็จะรีบจัดการทันที เพราะหน้าที่การติดตามหนี้เป็นของอีกหน่วยหนึ่งซึ่งต้องตามค่างวดที่เหลือทั้งหมด
ราคาสินค้าของ MIDA ถูกหรือแพง ผมยกให้ฟังในช่วงที่ผมเก็บข้อมูลได้ดังนี้แล้วกันครับ
เช่น โทรทัศน์ DISTAR 21 นิ้ว MIDA ขายเงินสดราคา 12,400 บาท ถ้าผ่อน 6 งวดราคารวมอยู่ที่ 13,500 บาท ผ่อน 9 งวด ราคารวมอยู่ที่ 14,010 บาท ผ่อน 12 งวด ราคารวมอยู่ที่ 14,520 บาท ผ่อน 15 งวด ราคารวมอยู่ที่ 15,150 บาท ผ่อน 18 งวด ราคารวมอยู่ที่ 15,720 บาท ผ่อน 21 งวด ราคารวมอยู่ที่ 16,260 บาท
ช่วงที่ผมถามคำถามที่ TVI เพื่อขอความเห็นว่าผมควรถามอย่างไรดี ประมาณเดือนพ.ค. นั้น พนักงาน MIDA นำบัตรประชาชนลูกค้ามาถ่ายบ่อยมาก แต่ในช่วงเดือน 9 เดือน 10 ที่ผ่านมา พนักงานนำมาถ่ายน้อยลง แต่ขณะเดียวกันถ่ายสำเนาใบโฆษณาสินค้าบ่อยขึ้น
ถ้าผมจำข้อมูลสำรวจมาไม่ผิด พนักงานขาย เขาไม่ขายสินค้าให้กับ ครู, ตำรวจ, ทหาร
--------------------------------------------------------------------------------------
สรุปเอาไว้เท่านี้แล้วกันครับ และหวังว่าคงมีประโยชน์กับหลายๆท่านที่สนใจ MIDA
จนถึงวันนี้ผมได้รวบรวมข้อมูลได้พอสมควร จึงเอามาเล่าสรุปให้ฟัง
http://www.thaivalueinvestor.com/webboa ... mida#39649
พนักงานขายไม่มีเงินเดือน มีเพียงค่าคอมมิชชั่นจากการขาย โดยค่าคอมมิชชั่นประมาณ 1,000-2,000 บาท ต่อชิ้น โดยรายจ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่พนักงานขายออกเอง
เท่าที่พูดคุยกับพนักงานขาย พนักงานขายไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับบริษัท พนักงานไม่มีความเห็นในเรื่องเกี่ยวกับผู้บริหาร
พนักงานขายพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ค่าคอมมิชชั่น มีเรื่องเล่าที่ทำให้คิดได้ดังข้างต้นอยู่เรื่องหนึ่ง
เรื่องมีดังนี้ ลูกค้าที่สามารถซื้อสินค้าเงินผ่อนของ MIDA ได้ ต้องอายุครบเกณฑ์ (จำอายุครบไม่ได้ครับ) และพนักงานต้องนำสำเนาบัตรประชาชนลูกค้ามาแนบด้วยเพื่อประกอบการซื้อสินค้า พนักงานขายที่ผมเจอเขาเอาบัตรประชาชนลูกค้าที่อายุไม่ถึงเกณฑ์มาถ่ายเอกสาร หลังจากนั้นทำการแปลงปีเกิด ในสำเนาบัตรประชาชน เพื่อให้อายุลูกค้าเข้าเกณฑ์ แล้วถ่ายสำเนาซ้ำ เพื่อใช้ประกอบการซื้อสินค้า
ขณะที่อีกคนที่ผมเจอ เขาเอาสำเนาใบขับขี่ของคนอื่นซึ่งถ่ายมาค่อนข้างมืดไม่เห็นหน้าคนขับจริงๆว่าเป็นใคร แล้วเอาชื่อตัวเองแทนเข้าไป เพื่อให้นำไปใช้ประกอบการยืมรถยนต์ของบริษัทฯมาขับ
เรื่องการเบี้ยวหนี้ พนักงานขาย ไม่สนใจ ขอเพียงแค่มี เงินดาวน์ สินค้างวดแรก, สำเนาบัตรประชาชน พนักงานขายก็จะรีบจัดการทันที เพราะหน้าที่การติดตามหนี้เป็นของอีกหน่วยหนึ่งซึ่งต้องตามค่างวดที่เหลือทั้งหมด
ราคาสินค้าของ MIDA ถูกหรือแพง ผมยกให้ฟังในช่วงที่ผมเก็บข้อมูลได้ดังนี้แล้วกันครับ
เช่น โทรทัศน์ DISTAR 21 นิ้ว MIDA ขายเงินสดราคา 12,400 บาท ถ้าผ่อน 6 งวดราคารวมอยู่ที่ 13,500 บาท ผ่อน 9 งวด ราคารวมอยู่ที่ 14,010 บาท ผ่อน 12 งวด ราคารวมอยู่ที่ 14,520 บาท ผ่อน 15 งวด ราคารวมอยู่ที่ 15,150 บาท ผ่อน 18 งวด ราคารวมอยู่ที่ 15,720 บาท ผ่อน 21 งวด ราคารวมอยู่ที่ 16,260 บาท
ช่วงที่ผมถามคำถามที่ TVI เพื่อขอความเห็นว่าผมควรถามอย่างไรดี ประมาณเดือนพ.ค. นั้น พนักงาน MIDA นำบัตรประชาชนลูกค้ามาถ่ายบ่อยมาก แต่ในช่วงเดือน 9 เดือน 10 ที่ผ่านมา พนักงานนำมาถ่ายน้อยลง แต่ขณะเดียวกันถ่ายสำเนาใบโฆษณาสินค้าบ่อยขึ้น
ถ้าผมจำข้อมูลสำรวจมาไม่ผิด พนักงานขาย เขาไม่ขายสินค้าให้กับ ครู, ตำรวจ, ทหาร
--------------------------------------------------------------------------------------
สรุปเอาไว้เท่านี้แล้วกันครับ และหวังว่าคงมีประโยชน์กับหลายๆท่านที่สนใจ MIDA
ผมรู้น้อย แต่จะค่อยๆ ทำความเข้าใจครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
เล่าเรื่องพนักงานกับ MIDA ให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 2
This information is very usefull for shareholder , investor and auditor mak mak kab.
Thank you na kab. =)
Thank you na kab. =)
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
เล่าเรื่องพนักงานกับ MIDA ให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 5
ที่นำมาถ่ายน้อยลง ยอดขายก็น้อยลง
ปกติส่วนใหญ่สินค้าเงินผ่อนเขาก็ทำกันแบบนี้ กินค่าคอม
ยกตัวอย่างง่ายๆ
ผมเห็นพนักงานขายมือถือ ที่ขอนแก่น
เวลาออกงานหรืออยู่หน้าร้านขาย
พยายามใส่กระโปงให้มันสั้นๆเข้าไว้ (ล่อคนมาคุยซื้อโทรศัพท์)
พูดจาให้หวานที่สุด(สงสัยมดมันได้กลิ่นแน่ๆเลย)
เพราะเจ้าของธุรกิจพยายามลดค่าใช้จ่าย
หรือจ่ายตามความเป็นจริงที่ขายได้
บางแห่งพนักงาน เห็นลูกค้าเดินเข้าร้านแล้ว ทำเฉยๆๆๆๆๆๆๆ
พนักงานขายไม่สนใจเพราะมีเงินเดือนกิน
ขายดีก็ได้เงินเดือน ขายไม่ได้ก็ได้เงินเดือน
แต่เจ้าของธุรกิจขายดีรวย ขายไม่ดีเจ๊ง
เป็นการบริหารอีกวิธีหนึ่ง ไม่แปลกเลย
อย่างช่วงที่ผ่านมาเจ้าของร้านมือถือเจ๊งกันไปหลายราย
เพราะการซื้อโทรศัพท์ล๊อตละพันเครื่อง
ตอนช่วงจากขาวดำมาเป็นจอสี
ซื้อไว้เยอะพอตกรุ่นขายไม่ออก
ของเข้ามาใหม่ จอสีราคาไม่แพง
จอขาวดำขายออกไม่ทัน ติดมือ รุ่นใหม่ๆออกมาตีตลาด
ราคาก็ลดลงทุกวัน ขาดทุนขนาดหนัก
ตามแต่สต๊อกใครจะถือไว้เยอะแค่ไหน
คนทำธุรกิจต้องเอาตัวรอดก่อน
ที่จะเอาพนักงานรอดเสมอ เท่าที่เห็น
ขายโทรศัพท์ เขาให้คนขายเครื่องละ500บาท
หรืออย่างดีมีค่าครองชีพให้เดือนละ1,500บาทเท่านั้น
แบบคนขายประกันชีวิต ก็ไม่มีงินเดือน
ขายประกันได้1แสน ก็ได้ค่าคอมครั้งแรก50%ของเงินนั้น
เหมือนขายตรงสอนค้า อาหารเสริมก็ได้% ไม่มีเงินเดือน
(ยกเว้นหัวหน้าทีมขาย)
มาร์เก็ตติ้งก็ออกมาคล้ายๆกัน
บางแห่งมีเงินเดือน
บางแห่งไม่มีเงินเดือนกินส่วนแบ่งวอลุ่ม
บริษัทได้ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย100บาท
มาร์เก็ตติ้งได้60บาท(แล้วมาร์ก็ไปจ่ายคืนให้รายใหญ่)
ธุรกิจทุกอย่างมีจุดซ่อนเร้นทั้งนั้นล่ะ
เพื่อพนักงานจะได้อยู่รอด
เพื่อที่เจ้าของกิจการจะได้อยู่รอด
แล้วถึงจะสรุปได้ว่า....ใครจะอยู่ได้นานกว่ากัน
ปกติส่วนใหญ่สินค้าเงินผ่อนเขาก็ทำกันแบบนี้ กินค่าคอม
ยกตัวอย่างง่ายๆ
ผมเห็นพนักงานขายมือถือ ที่ขอนแก่น
เวลาออกงานหรืออยู่หน้าร้านขาย
พยายามใส่กระโปงให้มันสั้นๆเข้าไว้ (ล่อคนมาคุยซื้อโทรศัพท์)
พูดจาให้หวานที่สุด(สงสัยมดมันได้กลิ่นแน่ๆเลย)
เพราะเจ้าของธุรกิจพยายามลดค่าใช้จ่าย
หรือจ่ายตามความเป็นจริงที่ขายได้
บางแห่งพนักงาน เห็นลูกค้าเดินเข้าร้านแล้ว ทำเฉยๆๆๆๆๆๆๆ
พนักงานขายไม่สนใจเพราะมีเงินเดือนกิน
ขายดีก็ได้เงินเดือน ขายไม่ได้ก็ได้เงินเดือน
แต่เจ้าของธุรกิจขายดีรวย ขายไม่ดีเจ๊ง
เป็นการบริหารอีกวิธีหนึ่ง ไม่แปลกเลย
อย่างช่วงที่ผ่านมาเจ้าของร้านมือถือเจ๊งกันไปหลายราย
เพราะการซื้อโทรศัพท์ล๊อตละพันเครื่อง
ตอนช่วงจากขาวดำมาเป็นจอสี
ซื้อไว้เยอะพอตกรุ่นขายไม่ออก
ของเข้ามาใหม่ จอสีราคาไม่แพง
จอขาวดำขายออกไม่ทัน ติดมือ รุ่นใหม่ๆออกมาตีตลาด
ราคาก็ลดลงทุกวัน ขาดทุนขนาดหนัก
ตามแต่สต๊อกใครจะถือไว้เยอะแค่ไหน
คนทำธุรกิจต้องเอาตัวรอดก่อน
ที่จะเอาพนักงานรอดเสมอ เท่าที่เห็น
ขายโทรศัพท์ เขาให้คนขายเครื่องละ500บาท
หรืออย่างดีมีค่าครองชีพให้เดือนละ1,500บาทเท่านั้น
แบบคนขายประกันชีวิต ก็ไม่มีงินเดือน
ขายประกันได้1แสน ก็ได้ค่าคอมครั้งแรก50%ของเงินนั้น
เหมือนขายตรงสอนค้า อาหารเสริมก็ได้% ไม่มีเงินเดือน
(ยกเว้นหัวหน้าทีมขาย)
มาร์เก็ตติ้งก็ออกมาคล้ายๆกัน
บางแห่งมีเงินเดือน
บางแห่งไม่มีเงินเดือนกินส่วนแบ่งวอลุ่ม
บริษัทได้ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย100บาท
มาร์เก็ตติ้งได้60บาท(แล้วมาร์ก็ไปจ่ายคืนให้รายใหญ่)
ธุรกิจทุกอย่างมีจุดซ่อนเร้นทั้งนั้นล่ะ
เพื่อพนักงานจะได้อยู่รอด
เพื่อที่เจ้าของกิจการจะได้อยู่รอด
แล้วถึงจะสรุปได้ว่า....ใครจะอยู่ได้นานกว่ากัน
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
เล่าเรื่องพนักงานกับ MIDA ให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 6
พี่ปรัชญาครับ ที่พนักงานนุ่งสั้นๆเพราะเขาประหยัดแหงๆเลย ว่าแต่ว่าห้างไหนครับ ผมจะหนีเมียไปซื้อมือถือใหม่ไกลถึงขอนแก่นเลยแหละ
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- ผู้ติดตาม: 0
เล่าเรื่องพนักงานกับ MIDA ให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 7
ถ้าถามว่าพนักงานมาถ่ายเอกสารน้อยลงแสดงถึงจำนวนลูกค้าน้อยลงผมว่าก็ไม่ค่อยเกี่ยวนะครับ เพราะถ้าว่ากันตามเทคนิคแล้ว บริษัททุกเกือบทุกบริษัทมีเครื่องถ่ายเอกสารให้พนักงานถ่ายฟรี ที่มาถ่ายน้อยลงอาจจะเป็นเพราะว่าเจตนาทุจริตน้อยลง หรือโอกาสทุจริตน้อยลง เลยมาถ่ายร้านคุณน้อยลงมากกว่า (ฮา)
ก็มีเรื่องเล่าเปรียบเทียบเหมือนกันครับ คือพนักงานรับสมัครบัตรเครดิตก็คล้ายๆกันอย่างที่คุณ วันพีซว่า คือไม่ค่อย royalty กับบริษัทเท่าไหร่ บางคนก็สลับบริษัทไปมา (พอดีมีคนมาชวนสมัครบัตรเครดิตบ่อยครับ เลยรู้ แต่โชคดี sale ผมบริการลูกค้าดี บางทีก็ทำๆไปเพราะพอใจพนักงานบริการดี )
แต่ว่าบริษัทสินเชื่อหรือการเงินพวกนี้จะมีกลไกป้องกันอีกชั้นหนึ่งครับ คือการตรวจเอกสาร อย่างที่คุณวันพีซว่า ถ้าเอกสารหน้าดำ หรือถ่ายไม่ชัด ก็จะไม่ผ่านการพิจารณาอย่างนี้เป็นต้น ถ้าเป็นบริษัทบัตรเครดิตก็จะมีการโทรเช็คตัวตนของผู้สมัคร สังเกตุว่ามักจะโทรมาที่ทำงานหรือเบอร์บ้านมากกว่าเบอร์มือถือ อะไรอย่างงี้เป็นต้น
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเช่นกันครับ
ก็มีเรื่องเล่าเปรียบเทียบเหมือนกันครับ คือพนักงานรับสมัครบัตรเครดิตก็คล้ายๆกันอย่างที่คุณ วันพีซว่า คือไม่ค่อย royalty กับบริษัทเท่าไหร่ บางคนก็สลับบริษัทไปมา (พอดีมีคนมาชวนสมัครบัตรเครดิตบ่อยครับ เลยรู้ แต่โชคดี sale ผมบริการลูกค้าดี บางทีก็ทำๆไปเพราะพอใจพนักงานบริการดี )
แต่ว่าบริษัทสินเชื่อหรือการเงินพวกนี้จะมีกลไกป้องกันอีกชั้นหนึ่งครับ คือการตรวจเอกสาร อย่างที่คุณวันพีซว่า ถ้าเอกสารหน้าดำ หรือถ่ายไม่ชัด ก็จะไม่ผ่านการพิจารณาอย่างนี้เป็นต้น ถ้าเป็นบริษัทบัตรเครดิตก็จะมีการโทรเช็คตัวตนของผู้สมัคร สังเกตุว่ามักจะโทรมาที่ทำงานหรือเบอร์บ้านมากกว่าเบอร์มือถือ อะไรอย่างงี้เป็นต้น
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเช่นกันครับ