**
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
**
โพสต์ที่ 2
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$
โดนใจครับท่าน LOSO
ทำไมตอน SET 300 กว่าๆ ไม่มีใครคุยเรื่อง LTF
พอ SET 600 กว่า เพิ่งจะมาเรียกให้ลงทุนระยะยาว
ไม่น่าจะคุ้มครับ
ผมสังเกตุอีกว่าแต่ละกองทุนจะเน้นหุ้นที่มีปันผล
ถ้าจะลงทุนในหุ้นเพื่อปันผลอย่างที่ว่าแล้ว หุ้นปันผลระดับ 6-7% ต่อเนื่อง
จะต้องโดนซื้อไปมากกว่านี้ครับ ไม่ใช่ไปซื้อพวกหุ้น mkt cap.ใหญ่ๆ
ที่ปันผลได้แค่ 2-3%
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$
โดนใจครับท่าน LOSO
ทำไมตอน SET 300 กว่าๆ ไม่มีใครคุยเรื่อง LTF
พอ SET 600 กว่า เพิ่งจะมาเรียกให้ลงทุนระยะยาว
ไม่น่าจะคุ้มครับ
ผมสังเกตุอีกว่าแต่ละกองทุนจะเน้นหุ้นที่มีปันผล
ถ้าจะลงทุนในหุ้นเพื่อปันผลอย่างที่ว่าแล้ว หุ้นปันผลระดับ 6-7% ต่อเนื่อง
จะต้องโดนซื้อไปมากกว่านี้ครับ ไม่ใช่ไปซื้อพวกหุ้น mkt cap.ใหญ่ๆ
ที่ปันผลได้แค่ 2-3%
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร
-
- Verified User
- โพสต์: 258
- ผู้ติดตาม: 0
**
โพสต์ที่ 3
ผมว่ามันก็เป็นทางเลือกอ่ะนะ ถ้าเราคิดว่าดี เราก็เลือก ถ้าเราคิดว่าไม่ดี เราก็ไม่เลือก จุดประสงค์หลักและจุดเด่นของ LTF ก็น่าจะมีเรื่องลดหย่อนภาษีอย่างเดียว เห็นแต่ละ บลจ. จะชูตรงนี้เป็นพิเศษ
อย่าลืมว่าคนเล่นหุ้นมีไม่กี่แสนบัญชี(ประมาณ 350,000 บัญชี) ในขณะที่คนไทยมีตั้ง 60 กว่าล้านคน ยังมีคนอีกมากที่ไม่รู้เรื่องการลงทุน ถ้าผมเป็นการศึกษาไม่สูง ทำงานโรงงาน ไม่มีความรู้เรื่องการลงทุน ได้ยินว่า ผลตอบแทนมากกว่าฝากเงิน ประหยัดภาษีได้ มีมืออาชีพดูแลให้ ผมก็คงหูผึ่งเหมือนกัน
อย่าลืมว่าคนเล่นหุ้นมีไม่กี่แสนบัญชี(ประมาณ 350,000 บัญชี) ในขณะที่คนไทยมีตั้ง 60 กว่าล้านคน ยังมีคนอีกมากที่ไม่รู้เรื่องการลงทุน ถ้าผมเป็นการศึกษาไม่สูง ทำงานโรงงาน ไม่มีความรู้เรื่องการลงทุน ได้ยินว่า ผลตอบแทนมากกว่าฝากเงิน ประหยัดภาษีได้ มีมืออาชีพดูแลให้ ผมก็คงหูผึ่งเหมือนกัน
-
- ผู้ติดตาม: 0
**
โพสต์ที่ 4
ถ้าได้ลดหย่อนภาษี 30% ไมสนเหรอ ผมว่า แม้ผลตอบแทนกองทุน 0% ได้ลดหย่อนภาษีก็คุ้มแล้ว มันแล้วแต่ว่าใครซื้อ มีฐานภาษีเท่าไร มีความรู้การลงทุนแค่ไหน มากกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 224
- ผู้ติดตาม: 0
**
โพสต์ที่ 5
ผมว่า ถ้ามองผิวเผินมันก็เหมือนเราได้ผลตอบแทนจากการประหยัดภาษีเป็นจำนวนมากอยู่หรอก เพราะว่าถ้าเราเสียภาษีที่ 10% ขึ้นไป ผลตอบแทนคงมากกว่าดอกเบี้ยขณะนี้
แต่ที่ผมมาลองคิดดู ไอ้เงินที่เราใส่เข้าไปปีไหนก็ลดหย่อนได้เฉพาะปีนั้น ถ้าปีอื่นๆ ผมไม่ซื้อกองทุน ผมก็ไม่ได้ลดหย่อน มันก็เท่ากับว่าผลตอบแทนจากการลดหย่อนภาษีแทนที่มันจะต้องหารด้วยหนึ่งปี มันต้องหารด้วยห้าปีอย่างน้อย ใช่มั๊ยครับ??? (เพราะถ้าเราฝากแบงก์เราต้องได้ดอกเบี้ยทุกปี)
ดังนั้นถ้าหากปีนี้คุณได้ผลตอบแทน 10% คิดแบบง่ายๆ เอา 10% มาหาร 5 ก็จะเท่ากับ 2% เอง
ผมจึงคิดว่าผลตอบแทนที่น้อยที่สุด(ไม่รวมกำไรขาดทุนจากกองทุน) ที่เรามีโอกาสจะได้รับ คงจะไม่คุ้มแน่ๆ ถ้าคุณเสียภาษีที่ฐานต่ำๆ
ถ้าคุณได้กำไรจากกองทุนก็ดีไป ถ้าขาดทุนล่ะ
แถมที่น่าเสียดายก็คือ สมมติหากปีที่ 3 NAV สูงมากๆ ไม่ขาย แต่พอมาถึงปีที่5 มันเกิดลงต่ำกว่าตอนคุณซื้อล่ะ เซ็งเลย เพราะขายในปีที่ 3 ก็ไม่ได้ ขายโดนปรับอาน
ไม่รู้ผมคิดมากไปรึเปล่า คิดยังไงๆ ก็ไม่คุ้ม แต่ผมชอบได้ยินผู้จัดการกองทุนพูดบ่อยๆ ถ้าคุณเสียภาษีที่ 10 % ก็คุ้มแล้ว เพราะคุณได้ return ทันทีที่ซื้อ 10 % ผมก็เคลิ้มอยู่ตั้งนาน มาคิดมาคิดไปผมต้องเสียโอกาสเงินต้นของผมในปีที่เหลือที่ผมไม่ได้รับลดหย่อนด้วยนี่หว่า แล้วไอ้ผมมันก็ฐานภาษีนิดเดียวเอง จะขาดทุนซะเปล่าๆ
แต่ที่ผมมาลองคิดดู ไอ้เงินที่เราใส่เข้าไปปีไหนก็ลดหย่อนได้เฉพาะปีนั้น ถ้าปีอื่นๆ ผมไม่ซื้อกองทุน ผมก็ไม่ได้ลดหย่อน มันก็เท่ากับว่าผลตอบแทนจากการลดหย่อนภาษีแทนที่มันจะต้องหารด้วยหนึ่งปี มันต้องหารด้วยห้าปีอย่างน้อย ใช่มั๊ยครับ??? (เพราะถ้าเราฝากแบงก์เราต้องได้ดอกเบี้ยทุกปี)
ดังนั้นถ้าหากปีนี้คุณได้ผลตอบแทน 10% คิดแบบง่ายๆ เอา 10% มาหาร 5 ก็จะเท่ากับ 2% เอง
ผมจึงคิดว่าผลตอบแทนที่น้อยที่สุด(ไม่รวมกำไรขาดทุนจากกองทุน) ที่เรามีโอกาสจะได้รับ คงจะไม่คุ้มแน่ๆ ถ้าคุณเสียภาษีที่ฐานต่ำๆ
ถ้าคุณได้กำไรจากกองทุนก็ดีไป ถ้าขาดทุนล่ะ
แถมที่น่าเสียดายก็คือ สมมติหากปีที่ 3 NAV สูงมากๆ ไม่ขาย แต่พอมาถึงปีที่5 มันเกิดลงต่ำกว่าตอนคุณซื้อล่ะ เซ็งเลย เพราะขายในปีที่ 3 ก็ไม่ได้ ขายโดนปรับอาน
ไม่รู้ผมคิดมากไปรึเปล่า คิดยังไงๆ ก็ไม่คุ้ม แต่ผมชอบได้ยินผู้จัดการกองทุนพูดบ่อยๆ ถ้าคุณเสียภาษีที่ 10 % ก็คุ้มแล้ว เพราะคุณได้ return ทันทีที่ซื้อ 10 % ผมก็เคลิ้มอยู่ตั้งนาน มาคิดมาคิดไปผมต้องเสียโอกาสเงินต้นของผมในปีที่เหลือที่ผมไม่ได้รับลดหย่อนด้วยนี่หว่า แล้วไอ้ผมมันก็ฐานภาษีนิดเดียวเอง จะขาดทุนซะเปล่าๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
**
โพสต์ที่ 6
บางบลจ.เขาเรียกว่า เป็นการลงทุนแบบมีแต้มต่อครับ
ที่บอก 5 ปี ก็เป็น 5 ปีปฏิทิน หมายถึง ถ้าลงทุนปลายปี 47 ต้นปี 51 ก็สามารถไถ่ถอนได้แล้วถ้าต้องการ นับเวลาจริงๆก็ไม่ถึง 5ปีหรอกครับ แค่ 3ปีกว่าๆเท่านั้น ผมว่ายิ่งเสียภาษีที่ฐานสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าสนใจ
สำหรับผู้ที่บอกว่าไม่มีเวลาและไม่มีความรู้ก็ไม่ควรลงทุนเลยครับ ฝาแบงก์อย่างเดียว แต่เงินก็มีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อนะครับ
ถ้ามีเวลาและความรู้น้อยและมีเงินเย็นถ้าคิดจะซื้อกองทุนทั่วไป ซื้อ LTF ก็น่าจะดีกว่า
ไม่มีการลงทุนในโลกนี้ที่ดีพร้อมทุกอย่างหรอกครับ ผลตอบแทนดี ไม่เสี่ยง
การที่เราไมมีความรู้ นั่นแหละครับเสี่ยง
ที่บอก 5 ปี ก็เป็น 5 ปีปฏิทิน หมายถึง ถ้าลงทุนปลายปี 47 ต้นปี 51 ก็สามารถไถ่ถอนได้แล้วถ้าต้องการ นับเวลาจริงๆก็ไม่ถึง 5ปีหรอกครับ แค่ 3ปีกว่าๆเท่านั้น ผมว่ายิ่งเสียภาษีที่ฐานสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าสนใจ
สำหรับผู้ที่บอกว่าไม่มีเวลาและไม่มีความรู้ก็ไม่ควรลงทุนเลยครับ ฝาแบงก์อย่างเดียว แต่เงินก็มีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อนะครับ
ถ้ามีเวลาและความรู้น้อยและมีเงินเย็นถ้าคิดจะซื้อกองทุนทั่วไป ซื้อ LTF ก็น่าจะดีกว่า
ไม่มีการลงทุนในโลกนี้ที่ดีพร้อมทุกอย่างหรอกครับ ผลตอบแทนดี ไม่เสี่ยง
การที่เราไมมีความรู้ นั่นแหละครับเสี่ยง
-
- ผู้ติดตาม: 0
**
โพสต์ที่ 7
สำหรับคนที่ฐานภาษีสูง ๆ ผมว่าคุ้มแน่นอนครับ
อ่านจากความคิดเห็นของคุณ pa_chit
ที่ว่าถ้าปีที่สามหุ้นเกิดขึ้นมาก ๆ ก็ขายไม่ได้
ผมว่าคุณคงไม่เหมาะกับ LTF ครับ
ทั้งฐานภาษีที่ 10% ก็ยิ่งไม่ดึงดูด ซื้อก็ซื้อได้นิดเดียว
ส่วนกองทุนจะบริหารเก่งหรือไม่นั้น
ผมว่าส่วนลดสามสิบ % ในการซื้อหุ้นเนี่ย
ต่อให้บริหารไม่ค่อยเก่งผมก็ยอมครับ
เพิ่มเติมสำหรับคนที่จะซื้อ อย่าซื้อเกิน 15% ของรายได้นะครับ
เพราะส่วนที่เกิน เวลาขาย(แม้จะเกินห้าปี) ต้องเสีย capital gain tax ด้วย
อ่านจากความคิดเห็นของคุณ pa_chit
ที่ว่าถ้าปีที่สามหุ้นเกิดขึ้นมาก ๆ ก็ขายไม่ได้
ผมว่าคุณคงไม่เหมาะกับ LTF ครับ
ทั้งฐานภาษีที่ 10% ก็ยิ่งไม่ดึงดูด ซื้อก็ซื้อได้นิดเดียว
ส่วนกองทุนจะบริหารเก่งหรือไม่นั้น
ผมว่าส่วนลดสามสิบ % ในการซื้อหุ้นเนี่ย
ต่อให้บริหารไม่ค่อยเก่งผมก็ยอมครับ
เพิ่มเติมสำหรับคนที่จะซื้อ อย่าซื้อเกิน 15% ของรายได้นะครับ
เพราะส่วนที่เกิน เวลาขาย(แม้จะเกินห้าปี) ต้องเสีย capital gain tax ด้วย
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
**
โพสต์ที่ 8
ผมว่าวันที่ครบกำหนดไถ่ถอนหน่วยลงทุน หุ้นมันคงลงกันวินาศสันตโร (ดันกำหนดให้ไถ่ถอนได้ปีละแค่ไม่กี่ครั้ง) เพราะใครๆ ก็แย่งกันไถ่ถอน เมื่อมีข่าวว่าคนจะแห่ไปไถ่ถอน คนที่เหลือก็จะตามไปไถ่ถอนด้วยคน (เหมือนสมัยที่มีข่าวว่าแบงค์หลายแห่งจะถูกปิด คนเลยแห่ไปถอนเงินกันใหญ่จนแบงค์เลยเกือบเจ๊งจริงๆ )
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
**
โพสต์ที่ 9
อีกหน่อยก็จะมีปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดหุ้น เรียกว่า "LTF Redemption Effect" ซึ่งนักลงทุนในตลาดหุ้นจะชิงขายหุ้นทิ้งก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนหน่วยเพราะคาดการณ์ว่าเมื่อถึงวันนั้นๆ ผู้ถือหน่วยจะแห่ไปไถ่ถอน (เพราะได้โอกาสปลดโซ่ตรวนที่ถูกล่ามไว้ 3 ปีกว่าๆ ออกซะที) ซึ่งแน่นอนว่ากองทุนก็จะต้องขายหุ้นออกมาเพื่อนำเงินไปชำระคืน
อย่างน้อย ผมขายหุ้นทิ้งในตลาดเอง ยังไงก็ขายได้ก่อนผู้ถือหน่วยอยู่ดี เพราะผมไม่มีวันครบกำหนด 5555
อย่างน้อย ผมขายหุ้นทิ้งในตลาดเอง ยังไงก็ขายได้ก่อนผู้ถือหน่วยอยู่ดี เพราะผมไม่มีวันครบกำหนด 5555
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
**
โพสต์ที่ 10
ผมก็คิดเช่นเดียวกับคุณ FE ครับอย่างน้อย ผมขายหุ้นทิ้งในตลาดเอง ยังไงก็ขายได้ก่อนผู้ถือหน่วยอยู่ดี เพราะผมไม่มีวันครบกำหนด 5555
ใครจะลงทุนก็เทียบเอาครับ
ระหว่างมีสิทธิในการควบคุมหุ้น
กับ ถูกจองจำ 3 ปีแต่มีส่วนลด
------------------------------------------------------
มีสาวๆ ไม่สวยมาชอบเรา ดีกว่าไม่มีคนมาชอบเลย