ทำไมเอกชนไทยจึงต้องมีดรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ
-
ลูกอิสาน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมเอกชนไทยจึงต้องมีดรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ
โพสต์ที่ 2
อย่างน้อยก็ลดการขาดดุลการค้าได้ครับ.
นำเข้าสินแร่เหล็กราคาถูก (แม้จะปริมาณมากกว่า)
น่าจะดีกว่านำเข้าเหล็กวัตถุดิบ เช่น เหล็กบิลเลต เหล็กสแลบ ซึ่งมีราคาแพงกว่า
นอกจากนั้นยังสร้างงานหลานพันตำแหน่ง
ไม่รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
หากมองในด้านความเหมาะสมที่รัฐควรสนับสนุนหรือเปล่า
ควรตั้งกำแพงภาษีสูงๆ หรือเปล่า
อันที่จริง ญี่ปุ่น เกาหลี ใต้หวัน สิงคโปร์ หรือมาเลเซีย
ประเทศเหล่านี้ก็ไม่มีสินแร่เหล็ก แต่รัฐก็สนับสนุนทุกทาง
ทั้งทางอ้อมและทางตรง ในการตั้งอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ
โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน เพราะหากรัฐไม่จัดการให้ ต้นทุนการดำเนินงานของเอกชนจะสูงมาก แข่งในตลาดโลกไม่ได้ครับ
ระยะแรกรัฐอาจมีมาตรการสนับสนุนด้านภาษี
แต่ในระยะยาว ควรยกเลิกกฎเกณฑ์เหล่านั้นครับ
งานนี้ต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวานครับ
แต่ผมว่างานนี้คงยากครับ เพราะผู้ส่งออกเหล็กเข้ามาในประเทศไทยคงไม่ยอมง่ายๆ แน่ เว้นแต่ให้ประเทศเหล่านั้นถือหุ้นด้วย
นำเข้าสินแร่เหล็กราคาถูก (แม้จะปริมาณมากกว่า)
น่าจะดีกว่านำเข้าเหล็กวัตถุดิบ เช่น เหล็กบิลเลต เหล็กสแลบ ซึ่งมีราคาแพงกว่า
นอกจากนั้นยังสร้างงานหลานพันตำแหน่ง
ไม่รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
หากมองในด้านความเหมาะสมที่รัฐควรสนับสนุนหรือเปล่า
ควรตั้งกำแพงภาษีสูงๆ หรือเปล่า
อันที่จริง ญี่ปุ่น เกาหลี ใต้หวัน สิงคโปร์ หรือมาเลเซีย
ประเทศเหล่านี้ก็ไม่มีสินแร่เหล็ก แต่รัฐก็สนับสนุนทุกทาง
ทั้งทางอ้อมและทางตรง ในการตั้งอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ
โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน เพราะหากรัฐไม่จัดการให้ ต้นทุนการดำเนินงานของเอกชนจะสูงมาก แข่งในตลาดโลกไม่ได้ครับ
ระยะแรกรัฐอาจมีมาตรการสนับสนุนด้านภาษี
แต่ในระยะยาว ควรยกเลิกกฎเกณฑ์เหล่านั้นครับ
งานนี้ต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวานครับ
แต่ผมว่างานนี้คงยากครับ เพราะผู้ส่งออกเหล็กเข้ามาในประเทศไทยคงไม่ยอมง่ายๆ แน่ เว้นแต่ให้ประเทศเหล่านั้นถือหุ้นด้วย
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
chatchai
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมเอกชนไทยจึงต้องมีดรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ
โพสต์ที่ 3
เหมือนกับอุตสาหกรรมธนาคารหรือเปล่าครับ
ที่รัฐบาลต้องอุ้มให้คนไม่กี่ตระกูลร่ำรวยเป็นเวลาหลายสิบปี
ถ้าบอกว่าเพื่อลดการขาดดุลทางการค้า และเป็นการเพิ่มงาน ผมว่าแค่นี้เหตุผลคงไม่พอมั๊งครับ
เรามีอะไรได้เปรียบกับโรงงานต่างชาติบ้างครับ
ถ้าเสียเปรียบหมดทุกด้าน รัฐบาลต้องช่วยอุ้มอีกนานแค่ไหนครับ ประชาชนต้องช่วยอุ้มอีกนานแค่ไหนครับ
ที่รัฐบาลต้องอุ้มให้คนไม่กี่ตระกูลร่ำรวยเป็นเวลาหลายสิบปี
ถ้าบอกว่าเพื่อลดการขาดดุลทางการค้า และเป็นการเพิ่มงาน ผมว่าแค่นี้เหตุผลคงไม่พอมั๊งครับ
เรามีอะไรได้เปรียบกับโรงงานต่างชาติบ้างครับ
ถ้าเสียเปรียบหมดทุกด้าน รัฐบาลต้องช่วยอุ้มอีกนานแค่ไหนครับ ประชาชนต้องช่วยอุ้มอีกนานแค่ไหนครับ
-
ลูกอิสาน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมเอกชนไทยจึงต้องมีดรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ
โพสต์ที่ 4
ปัจจัยสำคัญในการอุตสาหกรรมผลิตโรงถลุงเหล็ก
-เครื่องจักร ผู้เชี่ยวชาญ อันนี้เราเสียเปรียบโรงงานที่มีอยู่แล้วแน่นอน เพราะต้นทุนโรงงานใหม่สูงขึ้นมาก ต้องนำเข้าเกือบๆ 100% และผู้เชี่ยวชาญก็ต้องใช้เวลาในการสร้าง เรียนรู้งาน
-สินแร่เหล็ก ผมคิดว่าเราสามารถซื้อได้ที่ต้นทุนเท่าๆกับ หรือสูงกว่า ประเทศอื่นๆ เล็กน้อย
- แรงงาน ค่าไฟฟ้า สาธารณูปโภค ผมคิดว่าเราน่าจะได้เปรียบคู่แข่งเล็กน้อย
- ต้นทุนการขนส่ง การมีโรงถลุงเหล็ก สามารถลดต้นทุนในการนำเข้า slap billet ทำให้ประหยัดต้นทุนได้มาก เพราะเหล็กเป็นสินค้าหนัก และค่าระวางก็แพงขึ้นมาก ผมคิดว่าปัจจัยนี้เราได้เปรียบค่อนข้างมาก
- ตลาดภายใน ไทยเป็นประเทศบริโภคเหล็กสุทธิ สูงติดอันดับโลก ดังนั้นการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า จะไม่มีปัญหาเรื่องหาตลาด
รวมๆ แล้วผมคิดว่าอุตสาหกรรมนี้เราอาจจะได้เปรียบไม่มากชัดเจน แต่เป็นอุตสาหกรรมยุทศาสตร์ เป็นต้นน้ำของแทบทุกอุตสาหกรรม หากเรายอมขาดทุนในโรงถลุงเหล็ก แต่ได้กำไรจากอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ก็น่าสนใจครับ
แต่ในทางปฎิบัติผมคิดว่าสร้างยากครับ เพราะมีแรงต้านมาก
- ต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่น เกาหลี ที่จะเสียตลาดหลักไป
- ประชาชนในประเทศ เรื่องสิ่งแวดล้อม ข้อกล่าวหาอุ้มคนรวย ช่วยพวกพ้อง
ต้องอาศัยผู้นำการเมืองที่มีอำนาจมากครับ เช่นในสิงคโปร์ หรือมหาเธร์ของมาเลเซีย หรือในยุคสมัยสร้างชาติของญี่ปุ่น เกาหลี จึงจะทำเรื่องนี้สำเร็จ
ในระยะเริ่มแรก ไม่ว่าจะเป็นของ ญีปุ่น หรือเกาหลี ผมคิดว่าสินค้าอุตสาหกรรมที่ผลิตได้ มีต้นทุนสูงหรือคุณภาพไม่ได้ดีมากครับ แต่ด้วยทัศนคติชาตินิยม ทำให้ประชาชนยอมใช้สินค้าเหล่านี้ เมื่อมีคนซื้อสินค้า กิจการก็มีกำไร นำมาพัฒนาปรับปรุง จนผลิตได้สินค้าคุณภาพดี ราคาถูก มีการขยายกิจการต่างๆ ไปยังต่างประเทศ จนทั้งสองประเทศกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว มีการเรียกการพัฒนาโดยแนวทางชาตินิยม เหล่านี้ว่า Japan - Korea Model ครับ
หากเรามามองใกล้ตัวในประเทศไทย จะมีใครยอมซื้อสินค้าคุณภาพด้อย ราคาแพง เพียงเพราะต้องการช่วยประเทศชาติหรือเปล่า อย่าว่าแต่สินค้าด้อยกว่าเลยครับ แค่สินค้าราคา-คุณภาพเท่ากัน (น้ำมันเป็นต้น มาจากโรงกลั่นเดียวกันแท้ๆ) ก็ไม่ซื้อสินค้าไทยแล้ว และจะมีผู้นำที่เราไม่สงสัย ร้อยใจคนไทยทั้งชาติได้ จะมีผู้นำอย่างนั้นหรือเปล่า ยังมองไม่เห็นจริงๆ
การจะประสบความสำเร็จนั้น ไม่ง่ายเลยครับ มีต้นทุนทุกอย่าง อยู่ที่ว่าเราจะยอมลำบากหรือสบายก่อนเท่านั้นเอง
เรื่องดุลการค้าก็มีความสำคัญครับ เพราะเป็นต้นเหตุรากเหง้าของวิกฤตเศรษกิจครั้งที่ผ่านมานะครับ จะไปหวังกับการท่องเทียวก็ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยครับ เพราะคนไทยมักไปเที่ยวต่างประเทศและใช้จ่ายค่อนข้างมาก
หรือจะไปหวังการเกษตรก็ไม่ได้ เพราะไม่มีประเทศใดร่ำรวยด้วยการเกษตร (เว้นแต่ออสเตรเลีย มีพื้นที่มาก อากาศเหมาะสม) มีแต่การนำเงินจากภาคอื่นๆ ไปอุดหนุนการเกษตรทั้งสิ้น เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรป
ประเทศไทยส่งออกข้าวประมาณ 7-8 ล้านตันต่อปี หรือประมาณ 70,000-100,000 ล้าน โดยใช้แรงงานชาวนาประมาณ 20 ล้านคน ความจริงก็คือเราขาดทุนอยู่ตลอดเวลา ต้นทุนในการผลิตข้าว ที่เราไม่พูดถึง เงินที่ถมลงไปกับระบบชลประทาน ถนนที่ใช้ขนส่ง ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง เครื่องจักร หว่าน ไถ เกี่ยวข้าว ค่ากินใช้ของแรงงานเหล่านี้ เป็นเป็นต้นทุนทั้งสิ้น ฉะนั้นอย่าแปลกใจที่เห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวนาไทยตามทีวีน่ะครับ แย่กว่าชาวปาเลสไตส์เสียอีกครับ แต่เรื่องนี้ไม่มีนักการเมื่องคนใดกล้าพูด เพราะหากพูดนักการเมืองคนนั้นจะไม่ได้รับการเลือกตั้ง และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน และความสงบสุขของสังคมพอสมควร
บ่นๆ ให้ฟังนะครับ อย่าคิดอะไรมาก... :lol: :lol:
-เครื่องจักร ผู้เชี่ยวชาญ อันนี้เราเสียเปรียบโรงงานที่มีอยู่แล้วแน่นอน เพราะต้นทุนโรงงานใหม่สูงขึ้นมาก ต้องนำเข้าเกือบๆ 100% และผู้เชี่ยวชาญก็ต้องใช้เวลาในการสร้าง เรียนรู้งาน
-สินแร่เหล็ก ผมคิดว่าเราสามารถซื้อได้ที่ต้นทุนเท่าๆกับ หรือสูงกว่า ประเทศอื่นๆ เล็กน้อย
- แรงงาน ค่าไฟฟ้า สาธารณูปโภค ผมคิดว่าเราน่าจะได้เปรียบคู่แข่งเล็กน้อย
- ต้นทุนการขนส่ง การมีโรงถลุงเหล็ก สามารถลดต้นทุนในการนำเข้า slap billet ทำให้ประหยัดต้นทุนได้มาก เพราะเหล็กเป็นสินค้าหนัก และค่าระวางก็แพงขึ้นมาก ผมคิดว่าปัจจัยนี้เราได้เปรียบค่อนข้างมาก
- ตลาดภายใน ไทยเป็นประเทศบริโภคเหล็กสุทธิ สูงติดอันดับโลก ดังนั้นการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า จะไม่มีปัญหาเรื่องหาตลาด
รวมๆ แล้วผมคิดว่าอุตสาหกรรมนี้เราอาจจะได้เปรียบไม่มากชัดเจน แต่เป็นอุตสาหกรรมยุทศาสตร์ เป็นต้นน้ำของแทบทุกอุตสาหกรรม หากเรายอมขาดทุนในโรงถลุงเหล็ก แต่ได้กำไรจากอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ก็น่าสนใจครับ
แต่ในทางปฎิบัติผมคิดว่าสร้างยากครับ เพราะมีแรงต้านมาก
- ต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่น เกาหลี ที่จะเสียตลาดหลักไป
- ประชาชนในประเทศ เรื่องสิ่งแวดล้อม ข้อกล่าวหาอุ้มคนรวย ช่วยพวกพ้อง
ต้องอาศัยผู้นำการเมืองที่มีอำนาจมากครับ เช่นในสิงคโปร์ หรือมหาเธร์ของมาเลเซีย หรือในยุคสมัยสร้างชาติของญี่ปุ่น เกาหลี จึงจะทำเรื่องนี้สำเร็จ
ในระยะเริ่มแรก ไม่ว่าจะเป็นของ ญีปุ่น หรือเกาหลี ผมคิดว่าสินค้าอุตสาหกรรมที่ผลิตได้ มีต้นทุนสูงหรือคุณภาพไม่ได้ดีมากครับ แต่ด้วยทัศนคติชาตินิยม ทำให้ประชาชนยอมใช้สินค้าเหล่านี้ เมื่อมีคนซื้อสินค้า กิจการก็มีกำไร นำมาพัฒนาปรับปรุง จนผลิตได้สินค้าคุณภาพดี ราคาถูก มีการขยายกิจการต่างๆ ไปยังต่างประเทศ จนทั้งสองประเทศกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว มีการเรียกการพัฒนาโดยแนวทางชาตินิยม เหล่านี้ว่า Japan - Korea Model ครับ
หากเรามามองใกล้ตัวในประเทศไทย จะมีใครยอมซื้อสินค้าคุณภาพด้อย ราคาแพง เพียงเพราะต้องการช่วยประเทศชาติหรือเปล่า อย่าว่าแต่สินค้าด้อยกว่าเลยครับ แค่สินค้าราคา-คุณภาพเท่ากัน (น้ำมันเป็นต้น มาจากโรงกลั่นเดียวกันแท้ๆ) ก็ไม่ซื้อสินค้าไทยแล้ว และจะมีผู้นำที่เราไม่สงสัย ร้อยใจคนไทยทั้งชาติได้ จะมีผู้นำอย่างนั้นหรือเปล่า ยังมองไม่เห็นจริงๆ
การจะประสบความสำเร็จนั้น ไม่ง่ายเลยครับ มีต้นทุนทุกอย่าง อยู่ที่ว่าเราจะยอมลำบากหรือสบายก่อนเท่านั้นเอง
เรื่องดุลการค้าก็มีความสำคัญครับ เพราะเป็นต้นเหตุรากเหง้าของวิกฤตเศรษกิจครั้งที่ผ่านมานะครับ จะไปหวังกับการท่องเทียวก็ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยครับ เพราะคนไทยมักไปเที่ยวต่างประเทศและใช้จ่ายค่อนข้างมาก
หรือจะไปหวังการเกษตรก็ไม่ได้ เพราะไม่มีประเทศใดร่ำรวยด้วยการเกษตร (เว้นแต่ออสเตรเลีย มีพื้นที่มาก อากาศเหมาะสม) มีแต่การนำเงินจากภาคอื่นๆ ไปอุดหนุนการเกษตรทั้งสิ้น เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรป
ประเทศไทยส่งออกข้าวประมาณ 7-8 ล้านตันต่อปี หรือประมาณ 70,000-100,000 ล้าน โดยใช้แรงงานชาวนาประมาณ 20 ล้านคน ความจริงก็คือเราขาดทุนอยู่ตลอดเวลา ต้นทุนในการผลิตข้าว ที่เราไม่พูดถึง เงินที่ถมลงไปกับระบบชลประทาน ถนนที่ใช้ขนส่ง ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง เครื่องจักร หว่าน ไถ เกี่ยวข้าว ค่ากินใช้ของแรงงานเหล่านี้ เป็นเป็นต้นทุนทั้งสิ้น ฉะนั้นอย่าแปลกใจที่เห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวนาไทยตามทีวีน่ะครับ แย่กว่าชาวปาเลสไตส์เสียอีกครับ แต่เรื่องนี้ไม่มีนักการเมื่องคนใดกล้าพูด เพราะหากพูดนักการเมืองคนนั้นจะไม่ได้รับการเลือกตั้ง และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน และความสงบสุขของสังคมพอสมควร
บ่นๆ ให้ฟังนะครับ อย่าคิดอะไรมาก... :lol: :lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
นักดูดาว
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมเอกชนไทยจึงต้องมีดรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ
โพสต์ที่ 5
ประเมินอุตสาหกรรมต้นน้ำว่ามีผลกระทบกับเศรษฐกิจอย่างไรคงต้องคิดเรื่อง
อุตสาหกรรมต่อเนื่องเป็นอย่างมาก ว่าการมีโรงถลุงเหล็กจะทำให้เกิดแรงดึง
ดูดอุตสาหกรรมอื่นๆตามเข้ามาได้มากน้อยเพียงใด
ดูเรื่องยางพารา เดิมทีเราไม่มีต้นยางในประเทศไทย แต่เมื่อพระยารัษฎานุประดิษฐ์นำเข้ามาปลูก ก็เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องเป็นลูกโซ่มากมาย ทั้งตัวอุตสาหกรรมยางเอง เกิดอุตสาหกรรมไม้ยาง เฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง รวมทั้งอุตสาหกรรมสนับสนุนอีกนับไม่ถ้วน
น่าคิดนะครับ
อุตสาหกรรมต่อเนื่องเป็นอย่างมาก ว่าการมีโรงถลุงเหล็กจะทำให้เกิดแรงดึง
ดูดอุตสาหกรรมอื่นๆตามเข้ามาได้มากน้อยเพียงใด
ดูเรื่องยางพารา เดิมทีเราไม่มีต้นยางในประเทศไทย แต่เมื่อพระยารัษฎานุประดิษฐ์นำเข้ามาปลูก ก็เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องเป็นลูกโซ่มากมาย ทั้งตัวอุตสาหกรรมยางเอง เกิดอุตสาหกรรมไม้ยาง เฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง รวมทั้งอุตสาหกรรมสนับสนุนอีกนับไม่ถ้วน
น่าคิดนะครับ
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร
-
บุคคลทั่วไป
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมเอกชนไทยจึงต้องมีดรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ
โพสต์ที่ 6
คุณ ลูกอีสาน มาบ่นให้ฟังแบบนี้บ่อยๆนะครับ ชอบฟังครับ
-
chatchai
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมเอกชนไทยจึงต้องมีดรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณครับคุณลูกอีสาน
เพียงแต่ว่าถ้ามีโรงงานต้นน้ำ แล้วต้องให้รัฐตั้งกำแพงภาษีสูงๆเพื่อกันสินค้าจากต่างประเทศ ทำให้ผู้บริโภคและอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ จำเป็นต้องใช้เหล็กในราคาแพงกว่าราคาตลาดโลก จะส่งให้อุตสาหกรรมอื่นมีต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นและส่งผลลบด้านการแข่งขันหรือไม่ครับ
ผมเบื่อเรื่องการที่รัฐบาลอุ้มอุตสาหกรรมบางอุตสาหกรรมของคนไม่กี่ตระกูล แล้วมาอ้างว่าเพื่อประเทศชาติส่วนรวมครับ
อุตสาหกรรมเหล่านี้ที่รัฐบาลอุ้มนั้น ไม่เพียงแต่ไม่ขาดทุน แต่หลายบริษัทมีกำไรเข้าขั้นดีมากซะด้วยครับ
เรียกว่าอุ้มกันจนรวย แล้วก็ไม่มีการพัฒนาอะไร เพราะไม่ต้องมีการแข่งขันอะไร เอาเวลาไปวิ่งเต้นรัฐบาลให้ตั้งกำแพงนานๆดีกว่าครับ
อุตสาหกรรมธนาคารอุ้มมาหลายสิบปี มีการพัฒนามากน้อยแค่ไหนครับ ดีขึ้นก็เพราะมีการแข่งขันจากต่างชาติและหลายแห่งก็ถูกซื้อกิจการไป ประชาชนรายย่อยก็ได้รับการบริการที่ดีขึ้น
เพียงแต่ว่าถ้ามีโรงงานต้นน้ำ แล้วต้องให้รัฐตั้งกำแพงภาษีสูงๆเพื่อกันสินค้าจากต่างประเทศ ทำให้ผู้บริโภคและอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ จำเป็นต้องใช้เหล็กในราคาแพงกว่าราคาตลาดโลก จะส่งให้อุตสาหกรรมอื่นมีต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นและส่งผลลบด้านการแข่งขันหรือไม่ครับ
ผมเบื่อเรื่องการที่รัฐบาลอุ้มอุตสาหกรรมบางอุตสาหกรรมของคนไม่กี่ตระกูล แล้วมาอ้างว่าเพื่อประเทศชาติส่วนรวมครับ
อุตสาหกรรมเหล่านี้ที่รัฐบาลอุ้มนั้น ไม่เพียงแต่ไม่ขาดทุน แต่หลายบริษัทมีกำไรเข้าขั้นดีมากซะด้วยครับ
เรียกว่าอุ้มกันจนรวย แล้วก็ไม่มีการพัฒนาอะไร เพราะไม่ต้องมีการแข่งขันอะไร เอาเวลาไปวิ่งเต้นรัฐบาลให้ตั้งกำแพงนานๆดีกว่าครับ
อุตสาหกรรมธนาคารอุ้มมาหลายสิบปี มีการพัฒนามากน้อยแค่ไหนครับ ดีขึ้นก็เพราะมีการแข่งขันจากต่างชาติและหลายแห่งก็ถูกซื้อกิจการไป ประชาชนรายย่อยก็ได้รับการบริการที่ดีขึ้น
-
ลูกอิสาน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมเอกชนไทยจึงต้องมีดรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ
โพสต์ที่ 9
ผมเห็นด้วยเต็มร้อยครับพี่ฉัตรชัย
การแข่งขันจะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด
การปกป้องอุตสาหกรรมที่นานและมากเกินไป ที่เรียกว่า อุตสาหกรรมเฒ่าทารก เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งครับ
เช่นอุตสาหกรรมธนาคาร หรืออุตสาหกรรมการบินภายในประเทศ
ผมมองว่าหากเป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญ
ควรจะพบกันครึ่งทาง ควรกำหนดกฎเกณฑ์ ระยะเวลาในการคุ้มครองให้ชัดเจน ให้เกิดความโปร่งใสที่สุดครับ
แต่จะไม่ปกป้องเลย ผมก็คิดว่าเป็นผลดีในระยะสั้นครับ
แต่จะมีผลเสียต่อเนื่องในระยะยาวแน่นอน
ครั้งหนึ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ได้ชื่อว่าเป็นอุตสาหกรรมเฒ่าทารกของประเทศ
แต่หลังจากอุตสาหกรรมเหล่านี้เริ่มเข้มแข็ง มีการพัฒนาเป็นระบบคลัสเตอร์
ถึงวันนี้ ทั้งสองอุตสาหกรรมเป็นเสาหลักที่สำคัญของประเทศไปแล้วครับ
การแข่งขันจะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด
การปกป้องอุตสาหกรรมที่นานและมากเกินไป ที่เรียกว่า อุตสาหกรรมเฒ่าทารก เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งครับ
เช่นอุตสาหกรรมธนาคาร หรืออุตสาหกรรมการบินภายในประเทศ
ผมมองว่าหากเป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญ
ควรจะพบกันครึ่งทาง ควรกำหนดกฎเกณฑ์ ระยะเวลาในการคุ้มครองให้ชัดเจน ให้เกิดความโปร่งใสที่สุดครับ
แต่จะไม่ปกป้องเลย ผมก็คิดว่าเป็นผลดีในระยะสั้นครับ
แต่จะมีผลเสียต่อเนื่องในระยะยาวแน่นอน
ครั้งหนึ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ได้ชื่อว่าเป็นอุตสาหกรรมเฒ่าทารกของประเทศ
แต่หลังจากอุตสาหกรรมเหล่านี้เริ่มเข้มแข็ง มีการพัฒนาเป็นระบบคลัสเตอร์
ถึงวันนี้ ทั้งสองอุตสาหกรรมเป็นเสาหลักที่สำคัญของประเทศไปแล้วครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมเอกชนไทยจึงต้องมีดรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ
โพสต์ที่ 10
ตามมาอ่านเพื่อเพิ่มความรู้ครับ
ชอบคำ "อุตสาหกรรมเฒ่าทารก" ครับ
จากผมซึ่งเป็น "เฒ่าหัว..."
ชอบคำ "อุตสาหกรรมเฒ่าทารก" ครับ
จากผมซึ่งเป็น "เฒ่าหัว..."
แก้ไขล่าสุดโดย ayethebing เมื่อ อังคาร ต.ค. 19, 2004 11:00 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมเอกชนไทยจึงต้องมีดรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ
โพสต์ที่ 12
เห็นด้วยกับคุณพี่ลูกอีสานนะครับ ว่า อุตเหล็กตันน้ำสำคัญในแง่การจ้างงานเพราะคงใช้คนเยอะ แต่ผมไม่รู้ว่ากลยุทธ์ของประเทศเราไปทางไหน หากผู้นำมีกลยุทธ์ชัดเจนก็คงชี้ชัดได้ว่าควรทำอะไรบ้าง ผมว่าประเทศเราคงไปแข่งกับชาวบ้านไม่ได้ทุก อุตหรอกครับ ผมว่าเรามองสิ่งที่เราถนัดในอุตที่เราเป็นู้น้ำ ส่วนอุตเหล้ฏผมว่าสู้ชาวบ้านลำบาก แต่หากมองในมุมที่ว่าเป็นการทำ vertival integration ระดับประเทศก็โอเค
บันทึกไม่สำเร็จ