กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

มีน้องคนสวยฝากถามมา

ไม่ทราบว่ามีข้อควรระวังและเงื่อนไขในการตัดสินใจอย่างไรครับ
enokwan
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

:shock: :shock: :shock: :shock: :shock:

"น้องคนสวย"...

พี่ซีเคทราบได้ไงจ๊ะนี่...ตรงเผงเลยอ่ะ

:oops: :oops: :oops: :oops: :oops:

แหะๆๆ...ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่ซีเคอีกรอบค่ะ

เดี๋ยวน้องคนสวยจะมารอฟังอีกทีจ้ะ

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมเจอแต่ข้อมูลการลงทุน ไม่เจอว่ามีกองไหน ของบริษัทไหนบ้าง สงสัยต้องดูเว็บของ สมาคมจัดการลงทุนมั้งครับ
Expecto Patronum!!!!!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
ลุงขวด
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2431
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมเลือก K-asset ครับ เปิดแล้ว ตั้งแต่ วันที่ 6-15 ตุลาคม ผมจะไปซื้อวันที่ 14 นี้ แหละ ครับ เขามีออก 2 กอง กองหนึ่งมีปันผล และ อีกกองไม่มีปันผล .... ถ้าใครต้องการเงินกลับมาบ้าง ก็ เลือก แบบ ปันผล ใครเงินเย็น ๆ ไป 5 ปีได้สบาย ก็ เลือก ไม่มีปันผล น่าจะเหมาะสมที่สุด

ส่วน RMF ผมไม่เคยได้ซื้อเลย แต่คิดว่า ปีนี้จะซื้อ จะเอา กองผสมระหว่างหุ้นทุนและตราสารนี้ และ จะไป เปลี่ยน ตอนเดือน มกราคม หรือ กุมภาพันธ์ เป็น ตราสารหนี้ ระยะสั้น และ ถือยาวไปเลย.....เพราะ เขาบังคับให้ถือ 5 ปีเป็นอย่างต่ำ แถม ต้องซื้อทุกปีเสียด้วยซิ
Neohapsis
Verified User
โพสต์: 118
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ข้อมูลกองทุน LTF ของแต่ละ บลจ ค่ะ
http://www.bangkokbiznews.com/fundament ... 38350.html
ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเลือกอะไรดี ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
แบบมีปันผลต้องเสียภาษีด้วยหรือเปล่าคะตอนรับเงินปันผลน่ะค่ะ
Neohapsis
Verified User
โพสต์: 118
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

"LTF" เมนูเด็ดพร้อมเสิร์ฟ
22 กองทุนนโยบายการลงทุนแตกต่างกัน



สรวิศ อิ่มบำรุง



******************


พร้อมเสิร์ฟถึงมือนักลงทุนเสียที สำหรับเมนูเด็ดอย่าง "กองทุนหุ้นระยะยาว" หรือ LTF หลังจากปล่อยให้รอคอยกันมานาน เสียงไถ่ถามที่ว่า เมื่อไหร่ LTF จะขายซักที ตอนนี้ไม่ต้องเล็งแล้ว ลงทุนได้เลย

ปลายฝนต้นหนาวได้เวลาเหมาะ บริษัทจัดการกองทุนทั้ง 17 แห่ง ทยอยเข็นกองทุน LTF ลงสนามแข่งขันเพื่ออวดโฉมให้นักลงทุนได้เห็นหน้าตากันไปบ้างแล้ว

เหลือแค่ตัวคุณนั่นแหละ ว่าชอบรสชาติอาหารจานนี้แบบไหน เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม อยู่ที่คุณเลือกและตัดสินใจ

แต่ที่แน่ๆ เมนูนี้ไม่ใช่แค่จานเด็ดเท่านั้น แต่ยังเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางภาษีที่ปรุงแต่งรสชาติหอมหวานขึ้นเยอะ

ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะเลือกเมนูเด็ดจานนี้จากใคร ลองสำรวจสูตรและส่วนผสมของบลจ.แต่ละแห่งก่อน จะได้เลือกได้แบบถูกใจ

............................

สำหรับกองทุน LTF หลังจากที่ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็เริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดตั้งแต่ปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา และคงยาวไปตลอดเดือนต.ค. ต่อเนื่องไปถึงเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่กำลังมองหาลู่ทางการลงทุนที่จะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอยู่แล้ว ส่งท้ายปีเก่าปี 47 นี้ นอกจากกองทุน RMF แล้ว ยังมีกองทุน LTF มาเป็นคู่แฝดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุดอีกด้วย

โดยบริษัทจัดการได้ยื่นจดทะเบียนกองทุน LTF ไว้กับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กว่า 22 กองทุน มูลค่าโครงการรวมกันสูงถึง 85,500 ล้านบาท

หากคุณยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะลงทุนผ่านบริษัทจัดการแห่งไหนดี วันนี้เราจะมาดูหน้าตาของกองทุน LTF ของแต่ละบลจ.ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร รายละเอียดเป็นอย่างไร และมีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มไหน เพื่อจะได้เลือกลงทุนได้อย่างเหมาะสมกับตัวคุณเอง

เริ่มจาก บลจ.กรุงไทย เตรียมที่จะเสนอขาย "กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว" ระหว่างวันที่ 1-11 พ.ย.2547 นี้ มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และเป็นกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ไม่เกินปีละ 4 ครั้ง โดยกำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกไว้ 10,000 บาท และครั้งต่อไป 1,000 บาท

ด้าน บลจ.กสิกรไทย ออก 2 กองทุน คือ "กองทุนเปิดรวงข้าวหุ้นระยะยาว" และ "กองทุนเปิดรวงข้าวหุ้นระยะยาวปันผล" เสนอขายระหว่างวันที่ 6-15 ต.ค.2547 มูลค่าโครงการละ 5,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 กองทุนจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง

โดยกองทุนเปิดรวงข้าวหุ้นระยะยาวไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ในขณะที่กองทุนเปิดรวงข้าวหุ้นระยะยาวปันผล มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เพื่อให้ผู้ลงทุนเลือกลงทุนได้เหมาะสมกับความต้องการ ทั้งนี้กำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกเอาไว้ 5,000 บาท และครั้งต่อไป 2,000 บาท

ขณะที่ บลจ.ทหารไทย เตรียมออกกองทุน LTF ที่มีนโยบายปันผลทั้ง 2 กองทุน เสนอขายปลายเดือนต.ค. นี้ คือ "กองทุนเปิดจัมโบ้ 25 ปันผลหุ้นระยะยาว" ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้น 25 บริษัทแรก โดยพิจารณาถึงมูลค่าหุ้นตามราคาตลาด การจ่ายเงินปันผล และสภาพคล่องของหุ้นนั้นด้วย ทั้งนี้ กองทุนมีการควบคุมการกระจุกตัวของหุ้นที่ได้รับคัดเลือกตามเงื่อนไขข้างต้นไม่เกิน 3 บริษัท ในแต่ละอุตสาหกรรม (Sector)

และ "กองทุนเปิดจัมโบ้ พลัส ปันผลหุ้นระยะยาว" ซึ่งจะแบ่งเงินลงทุนเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกลงทุนในลักษณะเดียวกันกับกองทุนเปิดจัมโบ้ 25 ปันผลหุ้นระยะยาว ประมาณ 65-75% และส่วนที่สอง ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีความมั่นคงสูง และมีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี ประมาณ 25-35% โดยทั้ง 2 กองทุนมีมูลค่าโครงการละ 2,000 ล้านบาท และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง

สำหรับ บลจ.ทิสโก้ เตรียมออกกองทุน LTF เสนอขายกลางเดือนต.ค.นี้ คือ "กองทุนเปิดทิสโก้หุ้นระยะยาว" มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล และเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีแนวโน้มการเจริญเติบโตสูง ประมาณ 5-10 ตัวในแต่ละช่วงเวลา โดยกำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกเอาไว้ 10,000 บาท และครั้งต่อไป 10,000 บาท ทั้งกำหนดยอดคงเหลือขั้นต่ำในบัญชีที่ 100 หน่วย

ทางด้าน บลจ.ไทยพาณิชย์ มี 2 กองทุน คือ "กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล70/30" ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพและจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอไม่เกิน 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ โดยกองทุนมีนโยบายจ่ายปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง และ "กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นระยะยาว พลัส" ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ส่วนที่เหลือจะลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งที่จดทะเบียนและไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนตราสารการเงินอื่นๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา โดยกองทุนไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เสนอขายระหว่างวันที่ 5-15 ต.ค.2547

ทั้ง 2 กองทุน มีมูลค่าโครงการละ 5,000 ล้านบาท โดยกำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกเอาไว้ที่ 5,000 บาท และครั้งต่อไป 1,000 บาท

ส่วน บลจ.ธนชาติ ออกทั้งหมด 2 กองทุน คือ "กองทุนเปิดธนชาติหุ้นระยะยาวปันผล" เป็นกองทุนที่จ่ายปันผล ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน SET50 ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ "กองทุนเปิดธนชาติ Big Cap หุ้นระยะยาว" ซึ่งเป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ที่เน้นลงทุนในหุ้นจดทะเบียนใน SET ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมี Market Capitalization สูง ทั้ง 2 กองทุนมีมูลค่าโครงการละ 1,000 ล้านบาท โดยกำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกไว้ที่ 1,000 บาท และครั้งต่อไป 1,000 บาท เสนอขายระหว่างวันที่ 1-15 ต.ค.2547

ฝ่าย บลจ.บัวหลวง ออก 1 กองทุน คือ "กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว" มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีมั่นคง มีศักยภาพในการเติบโต และเป็นธุรกิจที่มีกำไรสูง มีสภาพคล่องสูง ทั้งนี้กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาวจะเสนอขายระหว่างวันที่ 1-9 พ.ย.2547 นี้

สำหรับ บลจ.บีโอเอ เตรียมออกกองทุน LTF 1 กอง คือ "กองทุนเปิดบีโอเอหุ้นระยะยาว" มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนที่ไม่มีการจ่ายปันผล และเน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่มีพื้นฐานดี เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยคัดเลือกหุ้นที่มีนโยบายการจ่ายปันผล และมีการบริหารที่โปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล ในขณะที่ราคาตลาดอยู่ต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ทั้งนี้กำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกไว้ที่ 10,000 บาท และครั้งต่อไป 5,000 บาท ซึ่งกองทุนเปิดบีโอเอหุ้นระยะยาวจะเสนอขายระหว่างวันที่ 20 ต.ค.-3 พ.ย.2547 นี้

ทางด้าน บลจ.พรีมาเวสท์ มี 1 กองทุน คือ "กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์หุ้นระยะยาว" มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน SET 50 เป็นหลัก โดยกำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกไว้ที่ 10,000 บาท และในการซื้อครั้งต่อไป 10,000 บาท และกำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการขายคืนเอาไว้ที่ 500 หน่วย โดยจะเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 11-27 ต.ค.2547 นี้

บลจ.วรรณ ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่นำกองทุน LTF ออกเสนอขายให้กับประชาชน คือ "กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟหุ้นระยะยาว" มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานดี, อัตราเติบโตสูง หรือมีแนวโน้มจ่ายปันผลดีที่อยู่ในตลาด ตลอดจนหุ้นไอพีโอรวมกันประมาณ 30 ตัว ที่คัดสรรแล้วว่ามีผลตอบแทนดีที่สุดในเวลานั้นๆ ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท ซึ่งได้เสนอขายไประหว่างวันที่ 28 ก.ย.-5 ต.ค.2547 ที่ผ่านมา

ส่วน บลจ.อเบอร์ดีน เสนอขาย "กองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว" มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพดี มีปัจจัยพื้นฐานและประวัติจ่ายเงินปันผลดี ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียน 150 บริษัทแรกที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง ทั้งนี้กองทุนไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล โดยกำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกไว้ที่ 5,000 บาท และครั้งต่อไป 2,000 บาท เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 4-26 ต.ค.2547 นี้

ขณะที่ บลจ.อยุธยาเจเอฟ กำลังเตรียมที่จะนำกองทุน LTF 2 กอง มูลค่าโครงการละ 10,000 ล้านบาท เสนอขายในเดือนพ.ย.นี้ คือ "กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล" ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก โดยจะเลือกหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้มักจะจ่ายเงินปันผลสูงกว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยของตลาด โดยในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง หุ้นกลุ่มนี้มักจะให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอและสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) และ "กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยา SET50" ซึ่งเป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงในกลุ่ม SET50 ซึ่งให้ผลตอบแทนสอดคล้องกับ SET50 Index โดยกำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการซื้อครั้งแรกไว้ 10,000 บาท

ด้าน บลจ.เอ็มเอฟซี ออก "กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว" ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีหรือมีราคาของหุ้นที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน (Value stocks) เนื่องจากหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีถือเป็นหุ้นคุณภาพ ซึ่งมักมีราคาของหุ้นที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับตัวหุ้น และมีโอกาสที่ราคาจะเพิ่มสูงขึ้น และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับกองทุนได้ในอนาคต

ทั้งนี้ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง (Growth Stocks) เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้แก่กองทุน โดยกองทุนนี้มีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง โดยกำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการซื้อครั้งแรกไว้ที่ 10,000 บาท โดยเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกระหว่างวันที่ 11-29 ต.ค.47 นี้

บลจ.ไอเอ็นจี จดทะเบียนไว้ทั้งหมด 3 กองทุน แต่เสนอขายเพียงกองทุนเดียว คือ "กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว" มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่มีธรรมาภิบาลจำนวน 80 บริษัท ซึ่งจากการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนทั้ง 80 แห่ง พบว่าการลงทุนในช่วง 1 ปี, 3 ปี และ 5 ปีย้อนหลัง ได้รับผลตอบแทนในระดับที่ดีมาก และสูงกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการลงทุนในบริษัทที่มีบรรษัทภิบาลจะช่วยลดระดับความเสี่ยงของนักลงทุนได้ ปัจจุบันมีอยู่ร่วม 100 บริษัท คิดเป็นประมาณ 50% ของมูลค่าตลาดรวม โดยกำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกไว้ 10,000 บาท เสนอขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 1-20 ต.ค.47 นี้

แม้กระทั่ง 3 บลจ.น้องใหม่ก็ยังเข็นกองทุน LTF ออกมาลงสนามด้วย โดย บลจ.นครหลวงไทย ออก "กองทุนเปิดแมกซ์ปันผลหุ้นระยะยาว" มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้น Defensive Stock ที่ราคาไม่ผันผวนไปตามภาวะตลาด เช่น หุ้นในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ, มีปัจจัยพื้นฐานดี, จ่ายเงินปันผล และมีแนวโน้มการเจริญเติบโต โดยกองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง โดยผู้ลงทุนสามารถทำการซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการแรกของเดือนเม.ย. และต.ค. ของทุกปี และกำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการลงทุนไว้ 2,000 บาท ทั้งนี้กองทุนเปิดแมกซ์ปันผลหุ้นระยะยาวจะเสนอขายหน่วยลงทุนประมาณกลางเดือนต.ค.นี้

ขณะที่ บลจ.กรุงเทพธนาทร ก็เตรียมออก 1 กอง เสนอขายเดือนพ.ย.นี้ คือ "กองทุนเปิดกรุงเทพธนาทรหุ้นระยะยาว" มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ และมีแนวโน้มที่ดีต่อไปในอนาคต

ส่วน บลจ.แอสเซ็ท พลัส ออก "กองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาว" เสนอขายปลายเดือนต.ค. นี้ โดยมีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี

จะเห็นได้ว่าทุกกองทุนที่ออกมา จะมีรูปร่างหน้าตาที่ไม่ต่างกันมากนัก จะต่างกันแค่ "เนื้อใน" ของการลงทุน ที่อาจจะมีนโยบายการลงทุนที่ต่างกันบ้าง ชอบแบบไหน สไตล์ไหน เลือกลงทุนได้ตามกำลังทรัพย์

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ Fundamentals วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2547
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ส่วนตัวของผมเชื่อมือของสองเจ้าคือกสิกรไทยกับธนชาติ

ถ้าเป็นการลงทุนในหุ้น กสิกสรไทยน่าจะแซงอยู่นิดๆ นะครับ

เจ้าอื่นๆ ผมไม่ค่อยรู้ แต่เคยมีของทหารไทยกับ AJF แต่ผมว่าผลตอบแทนกสิกรไทยดูจะมี track record ที่ดีกว่านิดๆ

กะว่าจะซื้อราวๆ ปลายๆ เดือนธันวานู่นนะครับ อิอิ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
Bull
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ดร.นิเวศ บริหารกองไหนกำลังสนใจเหมือนกัน
mrdew
Verified User
โพสต์: 258
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

-เลือกกองที่ไม่มีนโนบายจ่ายปันผล เพราะปันผลเสียภาษี แต่กำไรจากการขายหน่วยลงทุนไม่เสียภาษี

-เลือกกองที่แสดง NAV แล้ว เพราะมันเป็นราคาที่ได้หักค่าใช้จ่ายไปแล้ว

-เลือกกองที่มีหุ้น IPO ได้ก็จะดี เพราะถ้าหุ้นนั้นเข้าตลาดเมื่อไหร่ NAV ของหน่วยลงทุนจะพุ่งปรี๊ด (ถ้าหุ้น IPO ที่กองทุนถือเป็นของดี)
แก้ไขล่าสุดโดย mrdew เมื่อ อังคาร ต.ค. 12, 2004 6:34 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

เห็นไหมครับน้องนกหวาน คนตอบเพียบเลย :)

เลือกกองที่ผู้บริหารกองทุนหรือบริษัทที่ออกกองทุนไว้ใจได้ครับ

แต่ก่อนจะเลือก ถามตัวเองก่อนครับ ว่าได้ประโยชน์อะไรจากการ
ซื้อ LTF

ควรซื้อ LTF เพราะ

1. ไม่สามารถเล่นหุ้น (ลงทุน) ให้ได้กำไรมากๆ ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะวิธีใด
(เช่น VI VS VSOP Temple Boxing เผ่นพันลี้ ฯลฯ)

2. จ่ายภาษีบุคคลในอัตราที่สูง (เช่น 30% หรืออย่างน้อยก็ 25% เฉลี่ย)

3. มั่นใจในตัวผู้บริหารกองทุนว่ามีทั้ง integrity, ability และ capacity
(คือมีจรรยาบรรณในวิชาชีพ มีความสามารถ และมีเม็ดเงินพอควร)

ถ้าไม่ได้ทัง 3 ข้อ การลงทุนใน LTF มีความเสี่ยงครับ ต้องอ่านหนังสือ
ชี้ชวนให้ละเอียดหน่อย ดูส่วนที่ mrdew ว่าไว้ด้วยก็ดีครับ

ส่วนจะเลือกกองทุนไหน ... ขอเพิ่ม list ของคุณ ayethebing อีกหนึ่งอัน
ครับ คือ MFC ซึ่งผลงานค่อนข้างโดดเด่น

โดยส่วนตัวแล้ว ผมมีลงทุนในกองทุนของกสิกร TISCO และ MFC ครับ
AJF เคยเมื่อนานมาแล้ว แต่ผลงานไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ดูเหมือนจะ
เชี่ยวเฉพาะพวกตราสารหนี้ซะมากกว่า
enokwan
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

โอ้โฮ...จริงด้วยจ้ะ พี่ซีเค กลับมาดูอีกที ตกใจเลย
ข้อมูลเพียบ รายละเอียดล้นหลามขนาดนี้
เพราะโลโก้พี่ซีเคนะเนี่ย เอ..รึเพราะแรงดึงดูดจาก "น้องคนสวย" หว่า
55555555555555555
(คนไหนก็ไม่รู้ค่ะ แถวนี้ไม่เห็นมีสักคน :wink: )


ยังไงก็คงจะซื้อ LTF แน่ๆค่ะ ด้วยเหตุผลทั้งจากข้อ 1 & 2 ของพี่ซีเค
ส่วนข้อ 3 นี่...ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรค่ะ แหะๆ
ส่วนจะซื้อเมื่อไร ยังไม่แน่ค่ะ บางทีอาจจะซื้อสิ้นปีเป็นเพื่อนพี่ aye. :wink:

ขอบคุณ คุณ mrdew, คุณ ayethebing คุณลุงขวด
ที่ให้เหตุผลพร้อมตัวอย่างประกอบได้อย่างน่าสนใจ
ขอบคุณ คุณ Neohapsis...สำหรับข้อมูลที่แน่นปึ๊ก
ขอบคุณ คุณ bull ,น้อง harry สำหรับข้อมูล & คำแนะนำทั้งหมด
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องขอบคุณ...พี่ซีเค ที่ใจดีช่วยเปิดกระทู้ให้
ใจดีแบบนี้วันหลังคงจะต้องขอใช้บริการอีกบ้างแล้วล่ะค่ะ ชักติดใจ
555555555555555555555
enokwan
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ไหนๆก็ไหนๆ เมื่อกี๊ไปอ่านเจอมา ขอเก็บมารวบรวมไว้ที่นี่ด้วยซะเลยค่ะ
เผื่อท่านอื่นๆที่สนใจจะได้ทราบทีเดียวเลย

********************************


เปิดโผหุ้นในใจ LTF
ไม่เน้นบิ๊กแคปแต่เป็นหุ้นตัวเล็กที่จ่ายปันผลงาม

ประเมินหุ้นที่ LTF จะเข้าลงทุนอาจไม่ใช่เฉพาะบิ๊กแคปเท่านั้น เพราะเมื่อพิจารณาจากประเด็นหลักของการลงทุนคือการประหยัดภาษี ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อให้ได้กำไรสุทธิสูงสุดจากการลงทุน ดังนั้นคาดทาร์เก็ตเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูง และเลือกหุ้นขนาดเล็กมีผลประกอบการที่ดีแต่ขาดสภาพคล่อง
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่ารัฐบาลได้ออกมาตรการจูงใจทางภาษีอีกมาตรการหนึ่งเพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดหุ้น ผู้เสียภาษีจะสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ได้ถึง 15% (แต่ไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี) หากลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักของการลงทุนในกองทุน LTF คือการประหยัดภาษี ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งกำไรสุทธิสูงสุดจากการลงทุน ดังนั้นเราคาดว่าจุดขายสำคัญที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจะนำมาใช้คือการบริหารกองทุนในเชิงอนุรักษ์นิยม
"ตามข้อมูลที่แจ้งต่อ ก.ล.ต. เราพบว่ามีการจดทะเบียนกองทุน LTF กว่า 19 กองทุนที่ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2547 คิดเป็นมูลค่ารวม 7.65 หมื่นล้านบาท แต่เราประเมินว่าจะมีเงินลงทุนในกองทุนนี้ไม่เกิน 7 พันล้านบาท หรือประมาณ 9% ของกองทุนจดทะเบียน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนในประเทศรายหนึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะมีเงินลงทุนในกองทุน LTF ที่ตนจดทะเบียนไว้ 5 พันล้านบาทเพียง 6%"
นอกจากนี้เนื่องจากกองทุนนี้จะมีระยะเวลาการลงทุนโดยเฉลี่ยเกินกว่า 5 ปี ดังนั้นผู้จัดการกองทุนอาจจะต้องการเข้าไปลงทุนในหุ้นขนาดเล็กมีผลประกอบการที่ดีแต่ขาดสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น นอกเหนือจากหุ้น 5 ตัว(TT&T-KBANK-BECL-ITD และ BCP-DR1)ที่เราแนะนำตามปกติแล้วเรารวมหุ้นที่มีเงินปันผลสูงและ PER ต่ำซึ่งน่าจะได้รับประโยชน์จากกองทุน LTF ไว้ในตารางถัดไปด้วย

รายชื่อหุ้นที่มี PER ต่ำและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 5% สำหรับปี 2548
บริษัท Mkt.Cap. ราคา ราคาเป้าหมายระยะ Upside PER (เท่า) ผลตอบแทน(%) ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย
(ล้านบาท) (บาท) 12 เดือน (บาท) (%) 47F 48F 47F 48F ต่อวันใน 6 เดือน (ล้านบาท)
LPN 3,455 2.90 5 76% 6.3 4.7 7.0 10.7 32.5
GMMM 4,800 24.00 35 46% 10.0 8.6 8.3 10.0 2.2
SINGER 1,836 6.80 8 18% 7.1 6.0 7.9 9.3 1.4
RCL 14,453 21.80 34 54% 6.1 4.5 6.4 8.7 68.6
DCC 6,773 16.6 24 43% 9.2 8.7 8.0 8.4 16.7
TICON 2,871 6.20 8 21% 9.3 8.4 6.9 7.6 6.3
CPF 20,505 3.58 4 9% 7.7 8.9 6.1 5.6 21.6
QH 7,392 1.20 2 25% 5.3 5.4 7.6 5.5 13.0
RATCH 54,738 37.75 46 21% 9.4 8.7 5.1 5.5 54.3
SCIB 48,595 23.00 33 43% 6.7 7.3 6.0 5.5 75.7

ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดเผยว่าหลังจากที่กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาวเปิดขายหน่วยลงทุนในวันที่ 11-29 ต.ค.นี้ คาดว่าจะเริ่มลงทุนหุ้นในตลาดหุ้นประมาณช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้โดยนโยบายการลงทุนของกองทุนนี้จะอิงกับกอง MBT ที่เลือกลงทุนในหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำ แต่ให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนสูง หากดูอัตราผลตอบแทนการลงทุนของกองทุน
MBT ย้อนหลัง 1 ปีสูงถึง 27%
"กองทุนรวมหุ้นระยะยาวเป็นการลงทุนระยะยาว จึงน่าจะเลือกลงทุนพวก Value Stock ดีกว่าโดยกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาวจะลงทุนอิงกับ MBT ซึ่งในกอง MBT มีหุ้นที่ลงทุนประมาณ 25-30 ตัว และคาดว่าจะสามารถเข้าลงทุนในตลาดหุ้นได้ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนนี้"
เขากล่าวต่อว่า การจัดตั้งกองทุนรวมหุ้นครั้งนี้จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นในช่วงปลายปีที่เหลือนี้คึกคักเพราะเม็ดเงินลงทุนค่อนข้างสูง อีกทั้งยังมีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศที่เวลานี้กลับเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมากสนับสนุนด้วย โดยเอ็มเอฟซีมองเป้าหมายดัชนีตลาดปลายปีนี้ 730-740 จุด
ด้าน นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟหุ้นระยะยาว (1 A.M.Seleclive Long -Tenrm Equity Fund : 1S-LTF ) มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และหุ้นไอพีโอ ที่คัดสรรแล้วว่ามีแนวโน้มผลการดำเนินงานดี และมีอัตราการเติบโตทางธุรกิจสูง หรือมีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลดีประมาณ 30 บริษัท
ผู้สื่อข่าวรายงานกองทุนรวมหุ้นระยะยาวที่เปิดซื้อขายในเดือนตุลาคมนี้มีด้วยกันทั้งสิ้น 8 กองทุน ส่วนที่เหลืออีก 5 กองทุน เปิดขายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะที่กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเร็คทีฟหุ้นระยะยาว
ของบลจ.วรรณได้เปิดขายไปเมื่อวันที่ 28 ก.ย.-5 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เริ่มเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเรียบร้อยแล้ว

รายชื่อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว
ชื่อกองทุน บลจ. วันที่เสนอขาย
กองทุนรวงข้าวหุ้นระยะยาว บลจ.กสิกรไทย 6-15 ต.ค.47
กองทุนเปิดรวงข้าวหุ้นระยะยาวปันผล บลจ.กสิกรไทย 6-15 ต.ค.47
กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นปันผลหุ้นระยะยาว บลจ.กรุงไทย 1-11 พ.ย.47
กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเร็คหุ้นระยะยาว บลจ.วรรณ 25 ก.ย.-5 ต.ค.47
กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว บลจ.บัวหลวง 1-9 พ.ย.47
กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว บลจ.เอ็มเอฟซี 11-29 ต.ค.47
กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบรรษัทภิบาลหุ้นระยะยาว บลจ.ไอเอ็นจี 1-20 ต.ค.47
กองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว บลจ.อเบอร์ดีน 4-26 ต.ค.47
กองทุนเปิดจัมโบ้ 25 หุ้นระยะยาว บลจ.ทหารไทย 1-10 พ.ย.47
กองทุนเปิดจัมโบ้ พลัส หุ้นระยะยาว บลจ.ทหารไทย 1-10 พ.ย.47
กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวปันผล 70/30 บลจ.ไทยพาณิชย์ 5-15 ต.ค.47
กองทุนเปิดหุ้นระยะยาว พลัส บลจ.ไทยพาณิชย์ 5-15 ต.ค.47
กองทุนเปิดกรุงศรีพรีมาเวสท์หุ้นระยะยาว บลจ.พรีมาเวสท์ 14-27 ต.ค.47

ที่มา : efinancethai.com รวบรวม
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

:) สาวๆ สวยๆ เรียกเสียงตอบได้มากกว่าคนแก่อยู่แล้น

ที่ตลาดหุ้น.คอมก็มีคุยเรื่อง LTF ครับ น่าสนใจมาก

http://www.taladhoon.com/taladhoon/yabb ... eadid=5740
ลลณี
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

พี่ ck ค่ะถ้าเราจะซื้อกองใหม่ที่ราคา 10 บาท กับเราซื้อกองเก่าที่มี nav 5-6 บาทอย่างไหนดีกว่ากันค่ะ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ราคาเริ่มต้นไม่ค่อยมีผลเท่าผู้จัดการกองทุนครับ แต่กองใหม่จะได้
เปรียบนิดหน่อยถ้าตลาดอยู่ในช่วงขาลง (ถือเงินสดได้ระยะหนึ่ง)
แต่จะเสียเปรียบถ้าตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น (ต้องแย่งซื้อทำให้ต้นทุนสูงขึ้น)

ความสามารถของผู้จัดการกองทุนกับจำนวนเม็ดเงินที่มีให้ลงทุน
จะมีผลกับ performance มากกว่าครับ
Neohapsis
Verified User
โพสต์: 118
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

Mutual Fund Clinic

RMF & LTF มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร

ถาม ผมพอจะทราบมาบ้างว่ากองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือกองทุนรวม RMF นั้น สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โดยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ในช่วงนี้ก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือกองทุนรวม LTF ว่าสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกเช่นกัน ขอรบกวนช่วยเปรียบเทียบหรืออธิบายข้อมูลสำคัญๆ เกี่ยวกับกองทุนรวมสองกองทุนนี้ให้ผมได้ทำความเข้าใจด้วยครับ

ตอบ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจถึงความเหมือนและความแตกต่างของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือกองทุนรวม RMF และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือกองทุนรวม LTF จึงขอกล่าวถึงหัวข้อหลักๆ ให้เห็นควบคู่กันไปในแต่ละเรื่องดังต่อไปนี้

วัตถุประสงค์

RMF : เพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว และให้ผู้ลงทุนออมเงินผ่านกองทุนรวมไว้ใช้ในวัยเกษียณ

LTF : เพื่อสร้างเสถียรภาพของตลาดหุ้น ด้วยการส่งเสริมให้ผู้ลงทุนรายย่อยลงทุนในตลาดหุ้นผ่านกองทุนรวม โดยมีระยะเวลาในการลงทุนที่ยาวขึ้น

เงื่อนไข

RMF : ต้องซื้อหน่วยลงทุนในแต่ละปีเป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้ในแต่ละปี หรือ

ไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า แต่ต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้ในแต่ละปี และเมื่อรวมกับเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการแล้วต้องไม่เกิน 300,000 บาท สำหรับปีภาษีนั้นๆ ด้วย โดยต้องมีการลงทุนต่อเนื่องกันทุกปี แต่สามารถขอระงับการลงทุนได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน ทั้งนี้ จะต้องมีปีในการลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี และต้องถือไว้จนกระทั่งอายุ 55 ปีบริบูรณ์ ถึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีครบถ้วน คือ ไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการลงทุน (ถ้ามี) และไม่ต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับมาย้อนหลัง 5 ปี

LTF : ลงทุนไม่เกิน 15% ของเงินได้แต่ไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งไม่ต้องนับรวมกับการลงทุนหรือ

เงินสะสมใดๆ ในแต่ละปี (ผู้ลงทุนที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี จะต้องซื้อหน่วยลงทุนภายในปี 2559 เท่านั้น) โดยไม่มีเงื่อนไขให้ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี ทั้งนี้ เมื่อลงทุนแล้ว

ต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน ถึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีครบถ้วน คือ ไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการลงทุน (ถ้ามี) และไม่ต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับมาจากเงินลงทุนที่ขายคืนนั้น

สิทธิประโยชน์

RMF : 1.สามารถนำเงินไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่จ่ายจริง ตามเงื่อนไข

การลงทุนที่กล่าวมาข้างต้น

2.กำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุน (capital gain) ได้รับการยกเว้นภาษี เมื่อได้ถือ

หน่วยลงทุนในกองทุนรวม RMF มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก

LTF : 1.สามารถนำเงินไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่จ่ายจริง ตามเงื่อนไข

การลงทุนที่กล่าวมาข้างต้น

2.กำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุน (capital gain) ได้รับการยกเว้นภาษี เมื่อได้ถือ

หน่วยลงทุนในกองทุนรวม LTF มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน

นโยบาย

RMF : มีหลากหลายนโยบายให้เลือกเหมือนกองทุนรวมทั่วไป

LTF : เป็นกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว จึงเป็น

กองทุนมีความเสี่ยงอยู่ในระดับสูง ฉะนั้นผู้ลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวม LTF นี้จะต้อง

ยอมรับความเสี่ยงสูงได้ด้วย

การขายคืนหน่วยลงทุน

RMF : สามารถขายคืนได้ทุกวันทำการหรือตามวันที่กำหนดไว้ในโครงการโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง

LTF : สามารถขายคืนได้ปีละไม่เกิน 2 ครั้ง ตามวันที่ได้กำหนดไว้ในโครงการ

การทำผิดเงื่อนไข

RMF : 1.กรณีที่มีระยะเวลาการลงทุนนับตั้งแต่การลงทุนครั้งแรกต่ำกว่า 5 ปี หากมีกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน จะถูกหัก ณ ที่จ่าย 3% ของเงินกำไรที่ได้รับและต้องนำเงินกำไร

ที่ได้รับนี้ไปรวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีตอนปลายปีอีกด้วย นอกจากนั้น ยังต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับมาทั้งหมดเฉพาะในกองทุนที่ทำให้มีการลงทุน

ผิดเงื่อนไข นับย้อนหลังไป 5 ปีปฏิทิน คืนแก่กรมสรรพากร ภายในเดือนมีนาคมของ

ปีถัดจากปีที่ปฏิบัติผิดเงื่อนไข โดยไม่เสียเงินเพิ่ม (แต่ถ้าเกินเวลาที่กำหนดนี้จะต้อง

เสียเงินเพิ่มและเบี้ยปรับตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด)

2.กรณีที่มีระยะเวลาการลงทุนนับตั้งแต่การลงทุนครั้งแรกเกินกว่า 5 ปี แต่ขายคืน

หน่วยลงทุนก่อนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ กำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุนได้รับการ

ยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี แต่ยังคงต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับมาทั้งหมดเฉพาะในกองทุนที่ทำให้มีการลงทุนผิดเงื่อนไข นับย้อนหลังไป 5 ปีปฏิทิน คืนแก่กรมสรรพากร ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดจากปีที่ปฏิบัติผิดเงื่อนไข โดยไม่เสียเงินเพิ่ม (แต่ถ้าเกินเวลาที่กำหนดนี้จะต้องเสียเงินเพิ่มและเบี้ยปรับตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด)

LTF : หากมีการขายคืนหน่วยลงทุนก่อนครบ 5 ปีปฏิทิน ถ้ามีกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน

จะถูกหัก ณ ที่จ่ายจำนวน 3% ของเงินกำไรที่ได้รับ และต้องนำเงินกำไรที่ได้รับนี้ไปรวมคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีตอนปลายปีอีกด้วย นอกจากนั้น ยังต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับมาเฉพาะในส่วนที่มีการขายคืนก่อนถือครบเงื่อนไข พร้อมเงินเพิ่มตาม

หลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด คืนแก่กรมสรรพากร

เนื่องจากกองทุนรวม RMF และกองทุนรวม LTF มีความพิเศษกว่ากองทุนรวมทั่วๆ ไป โดยมีเงื่อนไขเฉพาะในการลงทุน ฉะนั้นก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมทั้งสองกองทุนนี้ ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดของหนังสือชี้ชวนของกองทุนรวมและคู่มือภาษีให้ชัดเจนก่อน เพื่อประโยชน์ของตัวผู้ลงทุนนะคะ

ที่มา : Fundamentals กรุงเทพธุรกิจ 25 ตุลาคม 2547
gone
ผู้ติดตาม: 0

กองทุน LTF ควรเลือกกองไหนดีครับ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ต้องระวังอย่าซื้อเกิน 15% ของเงินได้นะครับ
เพราะถึงถือเกินห้าปี แต่ส่วนที่เกิน 15% ต้องเสียภาษี capital gain ด้วย
ในขณะที่กองทุนรวมปกติไม่มีภาษี capital gain
ล็อคหัวข้อ