ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 1
รบกวนเรียนถามทั้งสองท่าน เหตุใดทั้ง 2 ท่านจึงมาเป็น vi เพราะทั้ง 2 ท่านเล่าว่า ได้ลงทุนแบบ vi มา 7 ปี ตั้งแต่ช่วงที่เศรษฐกิจตกถึงจุดต่ำสุด และได้สร้างผลงานที่น่าประทับใจเป็นแบบอย่างแก่พวกเราทุกคน
คำถามของผมคือ ตอน 7 ปีก่อน ยังไม่มีหนังสือของอาจารย์นิเวศน์ ซึ่งตีแตกตีพิมพ์ก็ประมาณปี 45 (ถ้าผิดขออภัย) เซียนหุ้นพันธ์แท้ ก็ปี 46 ดังนั้นถ้าทั้ง 2 ท่านได้รับแนวคิด vi มาก็น่าจะมาจากการอ่านหนังสือจากต่างประเทศโดยตรง (หรืออาจคิดได้เอง) อะไรทำให้อ่านหนังสื่อเรื่องนั้น ยิ่งคุณ chatchai อยู่ต่างจังหวัด เหมือนผม หนังสือหายาก ยิ่งหนังสือต่างประเทศไม่ต้องพูดถึง ต้องรอมาธุระ กทม. ถึงได้แวะหากันที อีกทั้งการหาข้อมูลต่างๆ 7 ปีก่อนทำไงครับ ไม่มี internet อย่างเดี๋ยวนี้ แต่ก่อน เวลาอยากดูงบการเงิน มักได้รับคำตอบว่า ให้ดูที่ห้องสมุดตลาดหลักทรัพย์ แล้วผมอยู่ต่างจังหวัด ก็ไม่มีดู ก็ต้องเล่นแนวเทคนิค ผลก็คือรอดมาได้ก็บุญแล้ว
อาจนอกเรื่องหรือส่วนตัวไปบ้างต้องขออภัยด้วย แต่ผมอยากรู้ว่า ทั้ง 2 ท่าน รู้วิธีหาปลาได้อย่างไรครับ อิจฉาที่ทำไมเราไม่รู้แนวคิด vi ตั้งแต่ 7 ปีก่อนบ้าง ไม่งั้นตอนนี้ก็สามารถทำงานแบบอิสระทางการเงินแบบทั้ง 2 ท่าน แต่ตอนนี้ ก็รู้สึกเห็นฝั่งรำไรหลังจากพยายามเป็น vi มาปีกว่า อีกประมาณ 5-7 ปี น่าจะ ok ครับ ขอบคุณที่สละเวลาอันมีค่าตอบ
คำถามของผมคือ ตอน 7 ปีก่อน ยังไม่มีหนังสือของอาจารย์นิเวศน์ ซึ่งตีแตกตีพิมพ์ก็ประมาณปี 45 (ถ้าผิดขออภัย) เซียนหุ้นพันธ์แท้ ก็ปี 46 ดังนั้นถ้าทั้ง 2 ท่านได้รับแนวคิด vi มาก็น่าจะมาจากการอ่านหนังสือจากต่างประเทศโดยตรง (หรืออาจคิดได้เอง) อะไรทำให้อ่านหนังสื่อเรื่องนั้น ยิ่งคุณ chatchai อยู่ต่างจังหวัด เหมือนผม หนังสือหายาก ยิ่งหนังสือต่างประเทศไม่ต้องพูดถึง ต้องรอมาธุระ กทม. ถึงได้แวะหากันที อีกทั้งการหาข้อมูลต่างๆ 7 ปีก่อนทำไงครับ ไม่มี internet อย่างเดี๋ยวนี้ แต่ก่อน เวลาอยากดูงบการเงิน มักได้รับคำตอบว่า ให้ดูที่ห้องสมุดตลาดหลักทรัพย์ แล้วผมอยู่ต่างจังหวัด ก็ไม่มีดู ก็ต้องเล่นแนวเทคนิค ผลก็คือรอดมาได้ก็บุญแล้ว
อาจนอกเรื่องหรือส่วนตัวไปบ้างต้องขออภัยด้วย แต่ผมอยากรู้ว่า ทั้ง 2 ท่าน รู้วิธีหาปลาได้อย่างไรครับ อิจฉาที่ทำไมเราไม่รู้แนวคิด vi ตั้งแต่ 7 ปีก่อนบ้าง ไม่งั้นตอนนี้ก็สามารถทำงานแบบอิสระทางการเงินแบบทั้ง 2 ท่าน แต่ตอนนี้ ก็รู้สึกเห็นฝั่งรำไรหลังจากพยายามเป็น vi มาปีกว่า อีกประมาณ 5-7 ปี น่าจะ ok ครับ ขอบคุณที่สละเวลาอันมีค่าตอบ
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 2
เข้ามาบอกแหล่งหนังสือของต่างจังหวัดครับ
ภาคอิสาน ศูนย์หนังสือจุฬา ฯ เปิดที่ ม.สุรนารี ครับ
ภาคตะวันออก เปิดที่ ม.บูรพา บางแสน
ภาคเหนือ เปิดที่ ม.นเรศวร พิษณุโลก
ภาคใต้ผมไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่า
ผมเข้าไปใช้บริการที่ ม.สุรนารี และดูแล้วสามารถหาหนังสือ ได้ทุกประเภทเหมือนกับ ศูนย์หนังสือจุฬา ฯ ที่กรุงเทพ ฯ ครับ
แต่อย่าลืมไปอุดหนุน ร้าน se-ed ผมเป็นร้านแรก ๆ นะครับ ฮิ ฮิ
ภาคอิสาน ศูนย์หนังสือจุฬา ฯ เปิดที่ ม.สุรนารี ครับ
ภาคตะวันออก เปิดที่ ม.บูรพา บางแสน
ภาคเหนือ เปิดที่ ม.นเรศวร พิษณุโลก
ภาคใต้ผมไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่า
ผมเข้าไปใช้บริการที่ ม.สุรนารี และดูแล้วสามารถหาหนังสือ ได้ทุกประเภทเหมือนกับ ศูนย์หนังสือจุฬา ฯ ที่กรุงเทพ ฯ ครับ
แต่อย่าลืมไปอุดหนุน ร้าน se-ed ผมเป็นร้านแรก ๆ นะครับ ฮิ ฮิ
-
- Verified User
- โพสต์: 258
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 3
pm ของคุณ chatchai มีคุณค่ามาก ทำให้ผมไม่อาจจะเก็บไว้อ่านคนเดียวได้ ขอ copy มาให้ท่านอื่น ๆ ได้ศึกษาครับ
---------------------------
From: chatchai
To: mrdew
Posted: Mon Sep 27, 2004 9:09 pm
Subject: Re: ขอคำแนะนำ
จริงๆแล้วผมเริ่มคิดที่จะเล่นหุ้นตั้งแต่ปี 2533 ครับ คือ 14 ปีมาแล้ว หลังจากจบปริญญาตรี แต่เนื่องจากไม่ได้เรียนมาทางบริหารธุรกิจ และแนวคิดการลงทุน VI ยังไม่แพร่หลาย เลยลงทุนแบบที่คนส่วนใหญ่นิยมคือเล่นหุ้นตามข่าว เล่นหุ้นที่คนนิยม พวกแบงค์ ไฟแนนซ์ ที่ดิน สื่อสาร
ผ่านวิกฤตมามากพอควร ตั้งแต่ซัดดัมบุกคูเวต แต่เนื่องจากสมัยนั้นเงินลงทุนไม่เยอะ อาศัยจากเงินเดือนที่เก็บได้ในแต่ละเดือนมาลงทุน ก็เลยได้เสียไม่มาก
หลังจากนั้นเริ่มมีความคิดที่จะเรียน MBA ปี 2537 และระหว่างเรียนอยู่นั้นก้เริ่มมีความรู้ ความเข้าใจในการลงทุนที่ถูกต้องมากขึ้น ประกอบกับช่วงนั้นเริ่มมีปัญหาทางเศรษฐกิจ เมื่อวิเคราะห์แล้วเห็นว่าเป็นปัญหาใหญ่โตแน่นอน เลยตัดสินใจเลิกการลงทุน
กลับมาเริ่มลงทุนอีกครั้ง หลังช่วงลดค่าเงินบาทไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยลดลงพอควรแล้ว ดัชนีอยู่แถวๆ 200 จุดเศษๆมากๆ ที่ตัดสินใจเริ่มลงทุนก็จากการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคเป็นหลักครับ ว่าคงอยู่ตัวแล้วและน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆที่ละนิด
หลังจากนั้นก็มาเลือกหุ้นที่จะลงทุน ก็เลือกบริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแรง ไม่มีหนี้ คิดว่าเลือกบริษัทที่ไม่เจ๊งก่อนครับ ถ้าบริษัทไม่เจ๊งยังไงก็คงกำไรเพราะหุ้นถูกมาก โดยผมเลือกซื้อ Warrant ของบริษัทแทนหุ้นสามัญครับ เพราะยังคงเหลืออายุนานกว่า 3 ปี ราคาแปลงสภาพก็ไม่สูงมาก แต่อัตรา Gearing สูงมากพอควรครับ
หลังจากนั้นหุ้นก็ขึ้นสูงขึ้น แต่ก็ยังคงเป็นหุ้นเก็งกำไรเป็นส่วนใหญ่ครับ หุ้นที่ไม่ดังยังคงมีราคาถุกพอควรครับ หุ้นตัวหลังๆที่ผมเคยซื้อก็มี
SE-ED ผมซื้อที่ประมาณ 16-20 บาท PAR 10 บาท ก่อนแจก Warrant อีกครับ ช่วงนั้นไม่มีใครสนใจ บางวันมีผมซื้ออยู่คนเดียว
MANRIN ผมเคยซื้อที่ 6 บาท ขณะนั้นบริษัทไม่มีหนี้เลย แถมมีเงินสดประมาณ 6 บาทต่อหุ้น และยังมีที่ดินอีกมากมาย ผมซื้ออยู่คนเดียว ซื้อจากกองทุนต่างชาติด้วย ซื้อได้หลายแสนหุ้น ทั้งๆที่ในแต่ละวันซื้อขายกันหลักพันหุ้นเองครับ
OGC ผมก้เคยซื้อแถวๆ 18-20 บาท ซื้อได้เป็นแสนหุ้นครับ
กลับมาเรื่องที่ว่า น้องจะเก็บเงินไว้รอหุ้นตกมากๆก่อนแล้วค่อยลงทุนดีไหม
ผมคงตอบว่าเราควรมีหลักการที่แน่นอนครับ เช่น เราควรที่จะพิจารณาสภาพเศรษฐกิจมหภาคของโลก และของประเทศ ถ้าเศรษฐกิจส่วนรวมมีปัญหาวิกฤต ราคาหุ้นคงจะลดลงมาก และควรที่จะมีหลักในการพิจารณาว่าราคาหุ้นแพงไปแล้วหรือยัง ในสภวะฟองสบู่ ราคาหุ้นแทบทั้งตลาดก็คงจะมีราคาแพงมาก ถ้าเรายึดหลักไว้ได้มั่น เราก็คงจะเลือกบริษัทที่จะลงทุนไม่ได้นั่นเองครับ
แต่การที่จะวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคได้ดีนั่น ก่อนอื่นเราคงต้องมีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค และคอยรับรู้ข้อมูลรวมทั้งบทวิเคราะห์จากนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายเป็นประจำครับ
การจะวิเคราะห์ราคาหุ้นได้ดี เราก็ต้องมีความรู้เรื่อง บัญชี การลงทุน การบริหารที่ดี และติดตามข่าวสารต่างๆเป็นประจำครับ
คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะประสบความสำเร็จจากการลงทุน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากถ้ามีความตั้งใจจริง
---------------------------
From: chatchai
To: mrdew
Posted: Mon Sep 27, 2004 9:09 pm
Subject: Re: ขอคำแนะนำ
จริงๆแล้วผมเริ่มคิดที่จะเล่นหุ้นตั้งแต่ปี 2533 ครับ คือ 14 ปีมาแล้ว หลังจากจบปริญญาตรี แต่เนื่องจากไม่ได้เรียนมาทางบริหารธุรกิจ และแนวคิดการลงทุน VI ยังไม่แพร่หลาย เลยลงทุนแบบที่คนส่วนใหญ่นิยมคือเล่นหุ้นตามข่าว เล่นหุ้นที่คนนิยม พวกแบงค์ ไฟแนนซ์ ที่ดิน สื่อสาร
ผ่านวิกฤตมามากพอควร ตั้งแต่ซัดดัมบุกคูเวต แต่เนื่องจากสมัยนั้นเงินลงทุนไม่เยอะ อาศัยจากเงินเดือนที่เก็บได้ในแต่ละเดือนมาลงทุน ก็เลยได้เสียไม่มาก
หลังจากนั้นเริ่มมีความคิดที่จะเรียน MBA ปี 2537 และระหว่างเรียนอยู่นั้นก้เริ่มมีความรู้ ความเข้าใจในการลงทุนที่ถูกต้องมากขึ้น ประกอบกับช่วงนั้นเริ่มมีปัญหาทางเศรษฐกิจ เมื่อวิเคราะห์แล้วเห็นว่าเป็นปัญหาใหญ่โตแน่นอน เลยตัดสินใจเลิกการลงทุน
กลับมาเริ่มลงทุนอีกครั้ง หลังช่วงลดค่าเงินบาทไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยลดลงพอควรแล้ว ดัชนีอยู่แถวๆ 200 จุดเศษๆมากๆ ที่ตัดสินใจเริ่มลงทุนก็จากการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคเป็นหลักครับ ว่าคงอยู่ตัวแล้วและน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆที่ละนิด
หลังจากนั้นก็มาเลือกหุ้นที่จะลงทุน ก็เลือกบริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแรง ไม่มีหนี้ คิดว่าเลือกบริษัทที่ไม่เจ๊งก่อนครับ ถ้าบริษัทไม่เจ๊งยังไงก็คงกำไรเพราะหุ้นถูกมาก โดยผมเลือกซื้อ Warrant ของบริษัทแทนหุ้นสามัญครับ เพราะยังคงเหลืออายุนานกว่า 3 ปี ราคาแปลงสภาพก็ไม่สูงมาก แต่อัตรา Gearing สูงมากพอควรครับ
หลังจากนั้นหุ้นก็ขึ้นสูงขึ้น แต่ก็ยังคงเป็นหุ้นเก็งกำไรเป็นส่วนใหญ่ครับ หุ้นที่ไม่ดังยังคงมีราคาถุกพอควรครับ หุ้นตัวหลังๆที่ผมเคยซื้อก็มี
SE-ED ผมซื้อที่ประมาณ 16-20 บาท PAR 10 บาท ก่อนแจก Warrant อีกครับ ช่วงนั้นไม่มีใครสนใจ บางวันมีผมซื้ออยู่คนเดียว
MANRIN ผมเคยซื้อที่ 6 บาท ขณะนั้นบริษัทไม่มีหนี้เลย แถมมีเงินสดประมาณ 6 บาทต่อหุ้น และยังมีที่ดินอีกมากมาย ผมซื้ออยู่คนเดียว ซื้อจากกองทุนต่างชาติด้วย ซื้อได้หลายแสนหุ้น ทั้งๆที่ในแต่ละวันซื้อขายกันหลักพันหุ้นเองครับ
OGC ผมก้เคยซื้อแถวๆ 18-20 บาท ซื้อได้เป็นแสนหุ้นครับ
กลับมาเรื่องที่ว่า น้องจะเก็บเงินไว้รอหุ้นตกมากๆก่อนแล้วค่อยลงทุนดีไหม
ผมคงตอบว่าเราควรมีหลักการที่แน่นอนครับ เช่น เราควรที่จะพิจารณาสภาพเศรษฐกิจมหภาคของโลก และของประเทศ ถ้าเศรษฐกิจส่วนรวมมีปัญหาวิกฤต ราคาหุ้นคงจะลดลงมาก และควรที่จะมีหลักในการพิจารณาว่าราคาหุ้นแพงไปแล้วหรือยัง ในสภวะฟองสบู่ ราคาหุ้นแทบทั้งตลาดก็คงจะมีราคาแพงมาก ถ้าเรายึดหลักไว้ได้มั่น เราก็คงจะเลือกบริษัทที่จะลงทุนไม่ได้นั่นเองครับ
แต่การที่จะวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคได้ดีนั่น ก่อนอื่นเราคงต้องมีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค และคอยรับรู้ข้อมูลรวมทั้งบทวิเคราะห์จากนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายเป็นประจำครับ
การจะวิเคราะห์ราคาหุ้นได้ดี เราก็ต้องมีความรู้เรื่อง บัญชี การลงทุน การบริหารที่ดี และติดตามข่าวสารต่างๆเป็นประจำครับ
คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะประสบความสำเร็จจากการลงทุน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากถ้ามีความตั้งใจจริง
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 4
คุณเคยทำอะไรแบบที่คิดว่าคุณรู้และคิดได้ แต่ไม่ทำอย่างที่รู้และคิดได้ไหมครับ
ผมทำอย่างนั้นในช่วงแรก และผมรอดวิกฤษติมาได้ด้วยความบังเอิญว่าผมเจ็งหนักมากเลยกลับมานั่งทบทวนว่าทำไม เราทำอะไรผิดไป หุ้นดีๆที่มีอยู่ก็ขายหมด ถ้าถือไว้ได้กำไรโดยไม่ต้องมีสภาพแบบนี้ ผมหยุดคิดอยู่จนเห็นสัญญาณไม่ดีจึงหยุดและมาเริ่มใหม่แถวๆ 200 - 300จุด และถือยาวมาจนทุกวันนี้
อ่านหนังสือบ้าง ยิ่งมาเจอหนังสือตีแตกก็เลยคิดว่าผมมาถูกทางแล้ว
ผมอ่านมากและพัฒนาตัวเองมาตลอด ตอนนี้ยังคุมจิตใจตัวเองได้ไม่มากเลยคุณ ถ้าคุณทำได้คุณเป็นVIได้แน่ๆ
ผมทำอย่างนั้นในช่วงแรก และผมรอดวิกฤษติมาได้ด้วยความบังเอิญว่าผมเจ็งหนักมากเลยกลับมานั่งทบทวนว่าทำไม เราทำอะไรผิดไป หุ้นดีๆที่มีอยู่ก็ขายหมด ถ้าถือไว้ได้กำไรโดยไม่ต้องมีสภาพแบบนี้ ผมหยุดคิดอยู่จนเห็นสัญญาณไม่ดีจึงหยุดและมาเริ่มใหม่แถวๆ 200 - 300จุด และถือยาวมาจนทุกวันนี้
อ่านหนังสือบ้าง ยิ่งมาเจอหนังสือตีแตกก็เลยคิดว่าผมมาถูกทางแล้ว
ผมอ่านมากและพัฒนาตัวเองมาตลอด ตอนนี้ยังคุมจิตใจตัวเองได้ไม่มากเลยคุณ ถ้าคุณทำได้คุณเป็นVIได้แน่ๆ
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 5
จริงๆแล้วผมเพิ่งย้ายบ้านมาครับ และบ้านที่ผมอยู่จะเรียกว่าอยู่กรุงเทพก็น่าจะได้ เพราะเลยเขตกรุงเทพออกมานิดเดียวเองครับ
แรงบันดาลใจที่ทำให้ผมลงทุนแนว VI ก็คือหนังสือของเนชั่นที่รวบรวมบทสรุปจากหนังสือ Once Up On Wall Street ของ Peter Lynch นั่นแหละครับ
ซึ่งผมเริ่มอ่านในช่วงแรกๆ ทำให้ผมสนใจที่จะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งๆที่ผมไม่มีความรู้เรื่องบัญชี และการลงทุนเลย เพราะไม่ได้เรียนในคณะที่เกี่ยวกับบริหารธุรกิจ
จากความที่ผมไม่มีความรู้อย่างแท้จริง ทำให้ผมลงทุนแบบรายย่อยทั่วไป อ่านจากบทวิเคราะห์บ้าง อ่านหนังสือพิมพ์บ้าง ฟังนักวิเคราะห์พูดบ้าง หรือแม้แต่เล่นหุ้นตามข่าวลือ
แต่หลังจากที่ผมตัดสินใจเรียน MBA ทำให้ผมเริ่มมีความรู้ทั้งด้านบัญชี การเงิน การลงทุน และเศรษฐศาสตร์มหภาค โดยเป็นช่วงเดียวกับที่ประเทศกำลังมีปัญหาเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการส่งออก
ผมซึ่งเริ่มมีความรู้แล้ว ก็เข้าใจในสิ่งที่ ดร.วีรพงษ์ และ ดร.อัมมา เตือน ทำให้ตัดสินใจที่จะเลิกลงทุนได้อย่างไม่ยาก ซึ่งก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมคิดที่จะลงทุนแนว VI ไม่ใช่ช่วงที่ผมเริ่มลงทุนอีกครั้งในช่วงหลัง
การลงทุนในช่วงหลังซึ่งผมลงทุนแนว VI นั้น เป็นช่วงที่ยังมีความมั่นใจไม่มากนัก ในช่วงต้นๆก็อึดอัดใจอยู่บ้าง เวลาตลาดหุ้นเป็นกระทิงแล้วหุ้นเราไม่ขึ้น (โดยเฉพาะช่วงที่นายกชนะการเลือกตั้งใหม่ๆ) แต่หลังจากลงทุนมานานพอสมควร ผมก็เริ่มมั่นใจในแนวทางนี้ ทำให้การลงทุนของผมมีความสุขอย่างมาก ไม่มีความกังวลใจเหมือนช่วงก่อนที่ต้องเช็คข่าวตลอดเวลา
ผมว่าถ้าตลาดซบเซาหรือ Side Way ใครๆก็คิดที่จะลงทุนแนว VI ได้
แต่ถ้าตลาดกระทิงแล้ว คุณยังทำใจลงทุนแนว VI โดยไม่ไปเก็งกำไร ละทิ้งในหลักการได้ละก็ ผมว่านั่นแหละชาว VI ที่แท้จริง เพราะนั่นแสดงว่าคุณมั่นใจในหลักการลงทุนแนว VI อย่างแท้จริงแล้ว
แรงบันดาลใจที่ทำให้ผมลงทุนแนว VI ก็คือหนังสือของเนชั่นที่รวบรวมบทสรุปจากหนังสือ Once Up On Wall Street ของ Peter Lynch นั่นแหละครับ
ซึ่งผมเริ่มอ่านในช่วงแรกๆ ทำให้ผมสนใจที่จะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งๆที่ผมไม่มีความรู้เรื่องบัญชี และการลงทุนเลย เพราะไม่ได้เรียนในคณะที่เกี่ยวกับบริหารธุรกิจ
จากความที่ผมไม่มีความรู้อย่างแท้จริง ทำให้ผมลงทุนแบบรายย่อยทั่วไป อ่านจากบทวิเคราะห์บ้าง อ่านหนังสือพิมพ์บ้าง ฟังนักวิเคราะห์พูดบ้าง หรือแม้แต่เล่นหุ้นตามข่าวลือ
แต่หลังจากที่ผมตัดสินใจเรียน MBA ทำให้ผมเริ่มมีความรู้ทั้งด้านบัญชี การเงิน การลงทุน และเศรษฐศาสตร์มหภาค โดยเป็นช่วงเดียวกับที่ประเทศกำลังมีปัญหาเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการส่งออก
ผมซึ่งเริ่มมีความรู้แล้ว ก็เข้าใจในสิ่งที่ ดร.วีรพงษ์ และ ดร.อัมมา เตือน ทำให้ตัดสินใจที่จะเลิกลงทุนได้อย่างไม่ยาก ซึ่งก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมคิดที่จะลงทุนแนว VI ไม่ใช่ช่วงที่ผมเริ่มลงทุนอีกครั้งในช่วงหลัง
การลงทุนในช่วงหลังซึ่งผมลงทุนแนว VI นั้น เป็นช่วงที่ยังมีความมั่นใจไม่มากนัก ในช่วงต้นๆก็อึดอัดใจอยู่บ้าง เวลาตลาดหุ้นเป็นกระทิงแล้วหุ้นเราไม่ขึ้น (โดยเฉพาะช่วงที่นายกชนะการเลือกตั้งใหม่ๆ) แต่หลังจากลงทุนมานานพอสมควร ผมก็เริ่มมั่นใจในแนวทางนี้ ทำให้การลงทุนของผมมีความสุขอย่างมาก ไม่มีความกังวลใจเหมือนช่วงก่อนที่ต้องเช็คข่าวตลอดเวลา
ผมว่าถ้าตลาดซบเซาหรือ Side Way ใครๆก็คิดที่จะลงทุนแนว VI ได้
แต่ถ้าตลาดกระทิงแล้ว คุณยังทำใจลงทุนแนว VI โดยไม่ไปเก็งกำไร ละทิ้งในหลักการได้ละก็ ผมว่านั่นแหละชาว VI ที่แท้จริง เพราะนั่นแสดงว่าคุณมั่นใจในหลักการลงทุนแนว VI อย่างแท้จริงแล้ว
- moo
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 7
ชื่นชมพี่ฉัตรชัย พี่มนตรี และอีกหลายท่านที่นี่มาก
VI ดูเหมือนนอกจากเรียนรู้อย่างที่พี่ๆท่านว่าไว้แล้ว
การบริหารจิตใจก็เป็นเรื่องสำคัญมากๆ
สังเกตุจากการตอบกระทู้ของพี่ฉัตรชัย
มีความเรียบง่าย ใจเย็นมากๆอยู่ในตัว
ความนิ่งน่าจะเป็นคุณสมบัติอีกอย่างที่ดีอีกอย่าง
VI ดูเหมือนนอกจากเรียนรู้อย่างที่พี่ๆท่านว่าไว้แล้ว
การบริหารจิตใจก็เป็นเรื่องสำคัญมากๆ
สังเกตุจากการตอบกระทู้ของพี่ฉัตรชัย
มีความเรียบง่าย ใจเย็นมากๆอยู่ในตัว
ความนิ่งน่าจะเป็นคุณสมบัติอีกอย่างที่ดีอีกอย่าง
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
ขอบคุณที่ตอบ
โพสต์ที่ 8
เป็นอันว่าทราบแล้วว่าคุณ mon money สามารถคิดหลักการ vi ได้เองโดยสังเคราะห์จากประสบการที่ผ่านมาในตลาด (สงสัยจะเป็น graham กลับชาติมาเกิด) แล้วจึงมาอ่านตีแตกทีหลัง หลังจากได้ทดลองหลักการที่คิดเองเหล่านี้จนได้รับผลสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว
ส่วนคุณ chatchai ได้ความคิดจากบทความใน nation (แต่รู้สึกว่าบทความดังกล่าวจะเขียนได้ไม่ดีนัก) และคุณ chatchai ยังรวบรวมความรู้จากการเรียน mba ที่ทำให้เข้าใจเศรษฐศาสตร์มหภาค ซึ่งมีความจำเป็นในการทำนายวงจรเศรษฐกิจ นำทั้งหมดมาสังเคราะห์เป็นแนวคิด vi ด้วยตนเองอีกเหมือนกัน นับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถทั้งสองท่าน
ผมไม่อิจฉาทั้งสองท่านแล้วครับ พี่ทั้งสองยอดเยี่ยมจริงๆ ยังไงก็ขอให้อยู่แนะนำน้องๆรุ่นหลังต่อไปด้วยนะครับ เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ ถ้ามีใครมาต่อว่าอะไรพี่ๆแบบแปลกๆอย่างที่ผ่านมา พี่ก็อย่าไปสนใจนะครับ
ส่วนคุณ chatchai ได้ความคิดจากบทความใน nation (แต่รู้สึกว่าบทความดังกล่าวจะเขียนได้ไม่ดีนัก) และคุณ chatchai ยังรวบรวมความรู้จากการเรียน mba ที่ทำให้เข้าใจเศรษฐศาสตร์มหภาค ซึ่งมีความจำเป็นในการทำนายวงจรเศรษฐกิจ นำทั้งหมดมาสังเคราะห์เป็นแนวคิด vi ด้วยตนเองอีกเหมือนกัน นับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถทั้งสองท่าน
ผมไม่อิจฉาทั้งสองท่านแล้วครับ พี่ทั้งสองยอดเยี่ยมจริงๆ ยังไงก็ขอให้อยู่แนะนำน้องๆรุ่นหลังต่อไปด้วยนะครับ เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ ถ้ามีใครมาต่อว่าอะไรพี่ๆแบบแปลกๆอย่างที่ผ่านมา พี่ก็อย่าไปสนใจนะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 9
ผมว่าที่น่าอิจฉาน่าจะเป็นนักลงทุนรุ่นใหม่มากกว่าครับ เพราะเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย แถมสมัยนี้หนังสือความรู้เกี่ยวกับการลงทุนแนว VI ก็ออกมาให้อ่านมากมาย (ส่วนหนึ่งก็คงต้องขอบคุณคุณ WEB ที่อุตสาห์แปลให้อ่านหลายเล่ม และคณะผู้จัดทำเวบแห่งนี้) อีกทั้งข้อมูลของบริษัทก็สามารถหาได้อย่างง่ายดายด้วยเทคโนโลยี่ Internet ถึงผมจะประสบความสำเร็จพอควรแต่ก็อายุมากพอควรแล้ว ผมว่าน้องๆอีกหลายคนจะประสบความสำเร็จเร็วกว่าผมแน่นอนครับ
จริงๆแล้วผมก็ไม่ใช่ว่าเก่งอะไร วิกฤตครั้งก่อนผมอาจจะรอดอย่างไม่เจ็บตัว แต่ครั้งหน้าก็ไม่แน่ว่าจะรอดครับ การเป็นเซียนจริงๆคงต้องวัดที่ระยะเวลาที่ยาวนานมากๆแบบ Warren Buffet นะครับ
จริงๆแล้วผมก็ไม่ใช่ว่าเก่งอะไร วิกฤตครั้งก่อนผมอาจจะรอดอย่างไม่เจ็บตัว แต่ครั้งหน้าก็ไม่แน่ว่าจะรอดครับ การเป็นเซียนจริงๆคงต้องวัดที่ระยะเวลาที่ยาวนานมากๆแบบ Warren Buffet นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 59
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 10
ผมคิดว่าการลงทุนแบบ vi นอกจากการคัดเลือกหุ้นที่ดี,ราคาที่ถูกมากๆ,ถือไว้ให้นานที่สุดหากพื้นฐานไม่เปลี่ยน อะไรต่างๆเหล่านี้ ส่วนสำคัญที่สุดประการหนึ่ง น่าจะเป็นที่จิตใจนะครับ ถ้าจิตใจไม่เป็น vi แล้ว ก้อคงถูกการยั่วยวนของตลาดได้
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 12
สวัสดีครับพี่ฉัตรชัย
ถ้าอายุยืนแบบบัฟเฟต ก็ยังลงทุนได้อีกหลายสิบปีนี่ครับ
ถ้าอายุยืนแบบบัฟเฟต ก็ยังลงทุนได้อีกหลายสิบปีนี่ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 13
ขอเพิ่มนิดเดียวครับchatchai เขียน:ถ้ามีการลงทุนอื่นที่ดีกว่าก็ขายครับ
ถ้าราคาพุ่งสูงราคาพื้นฐานก็ขายเหมือนกันครับ
ถ้ามีการลงทุนอื่นที่ดีกว่าและความเสี่ยงต่ำกว่าก็ขายครับ
ถ้าราคาพุ่งสูงราคาพื้นฐานมากๆ ก็ขายเหมือนกันครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 258
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 14
chatchai เขียน:ผมว่าที่น่าอิจฉาน่าจะเป็นนักลงทุนรุ่นใหม่มากกว่าครับ เพราะเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย แถมสมัยนี้หนังสือความรู้เกี่ยวกับการลงทุนแนว VI ก็ออกมาให้อ่านมากมาย (ส่วนหนึ่งก็คงต้องขอบคุณคุณ WEB ที่อุตสาห์แปลให้อ่านหลายเล่ม และคณะผู้จัดทำเวบแห่งนี้) อีกทั้งข้อมูลของบริษัทก็สามารถหาได้อย่างง่ายดายด้วยเทคโนโลยี่ Internet ถึงผมจะประสบความสำเร็จพอควรแต่ก็อายุมากพอควรแล้ว ผมว่าน้องๆอีกหลายคนจะประสบความสำเร็จเร็วกว่าผมแน่นอนครับ
จริงๆแล้วผมก็ไม่ใช่ว่าเก่งอะไร วิกฤตครั้งก่อนผมอาจจะรอดอย่างไม่เจ็บตัว แต่ครั้งหน้าก็ไม่แน่ว่าจะรอดครับ การเป็นเซียนจริงๆคงต้องวัดที่ระยะเวลาที่ยาวนานมากๆแบบ Warren Buffet นะครับ
นักลงทุนรุ่นใหม่ เหมือนชื่อโครงการที่ผมไปอบรมที่ตลาดหลักทรัพย์เลยครับ โครงการ "นักลงทุนรุ่นใหม่ รุ่นที่ 5" ( NIP5 ) จัดโดย สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (http://www.thaiinvestors.com/) เมื่อ summer ที่ผ่านมานี่เอง สำหรับนักศึกษาปี 3-4 อบรมตั้ง 10 วัน (รวมครอสพื้นฐานด้วย) ผมรู้จักท่าน ดร.นิเวศน์ ก็งานนี้เอง รู้จัก vi ก็งานนี้เอง รู้จักการลงทุนก็งานนี้เอง จากที่ไม่เคยรู้อะไรเลยเกี่ยวกับหุ้นเลย รู้แต่ว่ามันน่าสนใจ
ทำให้บางครั้งก็รู้สึกแอบยิ้ม ๆ ในใจเหมือนกัน ว่าเรานั้นโชคดี ได้ศึกษาการลงทุน ตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ
แต่เรื่องประสบการณ์ในการลงทุนนั้น คงต้องศึกษาจากผู้รู้ทั้งหลายในที่นี้อีกมาก
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 15
ไม่น่าใช่Grahamแน่นอนครับ จริงๆแล้วมันเป็นจิตใต้สำนึกของเราเองครับ
ผมจะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งจริงๆในชีวิตผมนี้จะไม่ยอมให้เกิดอีกเลย
เมื่อปีที่แล้วผมซื้อหุ้น TCBไว้แถวๆ 17 บาทถ้าจำไม่ผิด ผมถือเอาไว้นานมาก ราคาไม่ไปไหนเลย กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่แถวๆนั้น ผมเห็นหุ้นอีกตัวหนึ่งน่าจะดีกว่าผมเลยขายออกมาหมดเลยจากนั้นวันรุ่งขึ้นจริงๆครับ TCB cilling สองวันติดเลย ผมพลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนหุ้นอีกตัวหนึ่งก็ขึ้นครับ แต่อีกนาน
เรื่องนี้มันอยู่ที่ว่าผมอยากได้หุ้นผมลุยไม้เดียว ไม่ทยอยขายทยอยเก็บ ไม่ค่อยถี่ถ้วนเป็นบางเวลา
ลองไปนั่งคิดดูให้ดีๆ รู้ทั้งรู้ว่าว่าหุ้นที่เรามีอยู่มันดี แต่เรายังตามความโลภไปเล่นหุ้นเก็งกำไร ลองที่ไรเจ็งทุกที แต่ก็ทำได้เรื่อยๆนะไม่รู้เป็นยังไง
สำหรับผมแล้วผมจะไม่ของเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเกมส์ถ้าผมไม่ได้คุมเกมส์เอง หรือผมรู้ว่าเกมส์จะไปทางไหน มันเสี่ยงจริงๆครับ
ผมจะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งจริงๆในชีวิตผมนี้จะไม่ยอมให้เกิดอีกเลย
เมื่อปีที่แล้วผมซื้อหุ้น TCBไว้แถวๆ 17 บาทถ้าจำไม่ผิด ผมถือเอาไว้นานมาก ราคาไม่ไปไหนเลย กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่แถวๆนั้น ผมเห็นหุ้นอีกตัวหนึ่งน่าจะดีกว่าผมเลยขายออกมาหมดเลยจากนั้นวันรุ่งขึ้นจริงๆครับ TCB cilling สองวันติดเลย ผมพลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนหุ้นอีกตัวหนึ่งก็ขึ้นครับ แต่อีกนาน
เรื่องนี้มันอยู่ที่ว่าผมอยากได้หุ้นผมลุยไม้เดียว ไม่ทยอยขายทยอยเก็บ ไม่ค่อยถี่ถ้วนเป็นบางเวลา
ลองไปนั่งคิดดูให้ดีๆ รู้ทั้งรู้ว่าว่าหุ้นที่เรามีอยู่มันดี แต่เรายังตามความโลภไปเล่นหุ้นเก็งกำไร ลองที่ไรเจ็งทุกที แต่ก็ทำได้เรื่อยๆนะไม่รู้เป็นยังไง
สำหรับผมแล้วผมจะไม่ของเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเกมส์ถ้าผมไม่ได้คุมเกมส์เอง หรือผมรู้ว่าเกมส์จะไปทางไหน มันเสี่ยงจริงๆครับ
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 16
ผมคิดยังงี้ครับคุณมน
การเก็งกำไรเป็นจำนวนเงินมากๆ ก็คงไม่มีนักลงทุนแนว VI คนนั้นกระทำหรอกจริงไหมครับ เพราะเหมือนแขวนชีวิตไว้บนเส้นด้าย
ส่วนการเก็งกำไรบางส่วนของพอร์ตนั้น หลายคนมักจะกระทำเวลาที่นายตลาดอารมณ์ดี
แต่ผมมักไม่ทำเพราะผมมีความคิดว่าถึงแม้จะกำไรเป็นเท่าตัว แต่เทียบกับทั้งพอร์ตก็คงขึ้นไม่มาก แต่เราต้องเสียเวลามานั่งเฝ้าราคาหุ้น ต้องมาลุ้นระทึกกับข่าวต่างๆ ผมคนแก่ครับ หัวใจไม่ค่อยแข็งแรง เลยไม่อยากสนุกด้วยวิธีนี้ครับ
การเก็งกำไรเป็นจำนวนเงินมากๆ ก็คงไม่มีนักลงทุนแนว VI คนนั้นกระทำหรอกจริงไหมครับ เพราะเหมือนแขวนชีวิตไว้บนเส้นด้าย
ส่วนการเก็งกำไรบางส่วนของพอร์ตนั้น หลายคนมักจะกระทำเวลาที่นายตลาดอารมณ์ดี
แต่ผมมักไม่ทำเพราะผมมีความคิดว่าถึงแม้จะกำไรเป็นเท่าตัว แต่เทียบกับทั้งพอร์ตก็คงขึ้นไม่มาก แต่เราต้องเสียเวลามานั่งเฝ้าราคาหุ้น ต้องมาลุ้นระทึกกับข่าวต่างๆ ผมคนแก่ครับ หัวใจไม่ค่อยแข็งแรง เลยไม่อยากสนุกด้วยวิธีนี้ครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมคุณ chatchai และ คุณ mon money จึงมาเป็น vi
โพสต์ที่ 17
ถ้าพี่ฉัตรบอกว่าแก่ผมก็ตามมาติดๆแหละครับ
การเก็งกำไรกับผมไปกันไม่ค่อยได้ดีนัก คือผมทำได้ไม่ดีในการเก็งกำไร ผมชอบมองหาหุ้นที่ชาวบ้านยังไม่สนแต่มีอะไรดีๆซ่อนอยู่ เมื่อหลายเดื่อนก่อนผมเก็บATCเอาไว้มากราคาแถวๆ 40กว่าบาท ไม่น่าเชื่อว่าภายในไม่กี่เดือนผมมีกำไรหลายสิบเปอร์เซนต์ แบบนี้เรียกเก็งกำไรไม่ได้นะครับ มันเป็นก้นบุหรี่ที่มีคนไม่อยากสูบทิ้งเอาไว้ทั้งๆที่มันเหลืออยู่มากมายผมก็เลยเก็บมาสูบซะ
ระยะนี้เฝ้าดูนายตลาดมาพักใหญ่ ชักจะเชื่อที่คุณเอกยุทธพูดมากขึ้น หุ้นหลายตัวมีการสะสม มีการกดราคาเก็บของรอเวลาวิ่งไปพร้อมๆกับกระทิงดุ หากจะต้องมานั่งเฝ้าหุ้นตัวที่เห็นกดราคาอยู่ผมคงมึนมาก เลยใช้วิธีสะสมหุ้นแทน ต่อราคามันทุกวัน ได้วันละนิดวันละหน่อย หลายๆวันเข้าก็จะได้ตามที่เราต้องการ ราคาก็สุดถูกครับ
หลักการง่ายๆไม่ตามกระแส รออย่างอดทน เดี๋ยวมันมาเองทุกทีไม่ต้องดิ้นรนเลย
การเก็งกำไรกับผมไปกันไม่ค่อยได้ดีนัก คือผมทำได้ไม่ดีในการเก็งกำไร ผมชอบมองหาหุ้นที่ชาวบ้านยังไม่สนแต่มีอะไรดีๆซ่อนอยู่ เมื่อหลายเดื่อนก่อนผมเก็บATCเอาไว้มากราคาแถวๆ 40กว่าบาท ไม่น่าเชื่อว่าภายในไม่กี่เดือนผมมีกำไรหลายสิบเปอร์เซนต์ แบบนี้เรียกเก็งกำไรไม่ได้นะครับ มันเป็นก้นบุหรี่ที่มีคนไม่อยากสูบทิ้งเอาไว้ทั้งๆที่มันเหลืออยู่มากมายผมก็เลยเก็บมาสูบซะ
ระยะนี้เฝ้าดูนายตลาดมาพักใหญ่ ชักจะเชื่อที่คุณเอกยุทธพูดมากขึ้น หุ้นหลายตัวมีการสะสม มีการกดราคาเก็บของรอเวลาวิ่งไปพร้อมๆกับกระทิงดุ หากจะต้องมานั่งเฝ้าหุ้นตัวที่เห็นกดราคาอยู่ผมคงมึนมาก เลยใช้วิธีสะสมหุ้นแทน ต่อราคามันทุกวัน ได้วันละนิดวันละหน่อย หลายๆวันเข้าก็จะได้ตามที่เราต้องการ ราคาก็สุดถูกครับ
หลักการง่ายๆไม่ตามกระแส รออย่างอดทน เดี๋ยวมันมาเองทุกทีไม่ต้องดิ้นรนเลย
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ