คำถาม เรื่อง เงินเฟ้อของสหรัฐในเดือนเมษายนขึ้นสูง
ต้องทำอย่างไรต่อพอร์ตการลงทุน
คุณศักดา A-academy ให้ความคิดเห็นว่า
ผมแนะนำให้ถอยมุมมอง ออกจากจากเรื่อง "เงินเฟ้อ" เพียงเรื่องเดียวก่อนนะครับ เพราะเงินเฟ้อแม้จะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่เพียงปัจจัยเดียว ที่กำหนดผลตอบแทนของสินทรัพย์ลงทุน
ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Growth ของบริษัท/ของประเทศที่ลงทุน, ระดับความถูกแพง Valuation, วัฏจักรเศรษฐกิจอื่นๆ, นโยบายเศรษฐกิจทั้งการเงิน/การคลัง, วัฏจักรหรือแนวโน้มของราคาสินทรัพย์ ฯลฯ
ที่ต้องถอยออกมามองรอบด้าน เพราะไม่อย่างนั้น เราอาจจะโฟกัสไปผิดจุด หรือวิเคราะห์เพียงปัจจัยเดียว ซึ่งต่อให้วิเคราะห์ได้ถูก ผลลัพธ์ก็อาจไม่เป็นตามที่คิด เพราะมันมีปัจจัยอื่นประกอบด้วย
เบื้องต้นการที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ไม่ได้แปลว่าสินทรัพย์จะราคาตกลง หรือจะไม่มีกำไรเสมอไป จะมีสินทรัพย์บางอย่างได้รับผลกระทบเยอะ บางอย่างได้รับผลกระทบน้อย บางอย่างได้รับประโยชน์แตกต่างกันไป ตามปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์แต่ละตัว
ผมอยากให้ทบทวนบทเรียนตอนที่ 27-28 เน้นเรื่องวัฏจักรเศรษฐกิจ และทบทวนเนื้อหาที่เกี่ยวกับ Fundamental ของสินทรัพย์แต่ละประเภท เพื่อวิเคราะห์ให้ได้ก่อนครับ ว่าสินทรัพย์ไหนมีสิทธิ์ที่จะได้รับผลกระทบในแง่ร้ายมากที่สุด ถ้าเรากังวล เราก็ลดสินทรัพย์นั้นลง
ผมช่วยทบทวนความเข้าใจให้นิดๆ คือถ้าเงินเฟ้อมาแรงๆ สินทรัพย์ที่น่าจะกระทบโดยตรง คือสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนคงที่ หรือผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงได้ยาก เช่นพวกตราสารหนี้ (โดยเฉพาะที่ Duration ยาวๆ) กองอสังหาฯ ก็อาจจะเกี่ยวด้วย เพราะค่าเช่าเปลี่ยนแปลงได้ยาก (แต่ถ้าไปดูในเนื้อหาที่สอน ผมมีข้อมูลแสดงให้ดู ว่าอาจจะไม่เสมอไป แต่ก็กระทบได้บ้าง)
ถ้าเน้น Loser's Game หรือเน้น SAA นั้น ผมคิดว่าอาจจะไม่ได้ต้องปรับอะไรมากมาย เพราะในเกมส์นี้นั้น เรารู้อยู่แล้ว ว่าจะไม่ได้มีสินทรัพย์ไหนที่ดีตลอด เราจึงตั้งใจจะถือหลายๆ อย่างผสมกันไป ให้มันคานกัน โดยเลือกสัดส่วนที่เรายอมรับได้ และสอดคล้องกับระยะเวลาลงทุน
ถ้าหวั่นใจก็อาจเข้าไปแทรกแซงได้บ้าง ด้วยการยืดระยะเวลาเข้าลงทุนให้ใช้เวลามากขึ้น (เช่น แทนที่จะทยอยเข้า 3 เดือน อาจทยอยเข้าเป็น 6-12 เดือน เป็นต้น) วิธีนี้ ก็จะช่วยเกลี่ยต้นทุนในตอนเข้าซื้อ ให้ไม่กระจุก ณ จุดใดจุดหนึ่งเกินไป ถ้ามันตกจริงๆ ก็จะมีช่วงที่ได้เฉลี่ยต้นทุนของถูกมาบ้าง
แต่ถ้าคิดว่าไม่ไหวจริงๆ ก็อาจต้องไป Winner's Game คือเน้น TAA กรณีนี้ก็ต้องมีทักษะในการปรับพอร์ตครับ
ถ้าเป็น TAA แนว Contrarian หากเห็นว่าสินทรัพย์ใดจะได้รับผลแง่ร้าย ก็ควรจะต้อง Underweight ดักไว้ล่วงหน้าเลย
ถ้าเป็น TAA แนว Trend Following ก็อาจจะไม่ได้ต้องรีบทำอะไร แต่ต้องเฝ้าดูไว้ รอจนกว่าสินทรัพย์ไหนหลุดแนวโน้มขาขึ้น ก็เริ่มดำเนินการลดสัดส่วนลง และกลับมาลงทุนเพิ่มใหม่ เมื่อกลับมาเป็นแนวโน้มขาขึ้นครับ