The Opportunity: DIY Portfolio
ส่องหุ้นเกาหลีAll Time High , หุ้นการเงินยังน่าสนใจหรือไม่
by คุณเจ็ต เจษฏา และ Mr Messenger
สรุปโดยทีมงาน Finnomina
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ทำ All Time High ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารและการเงินสหรัฐฯ ก็ยังสร้างผลตอบแทนได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้เมื่อตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ก็ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอีกครั้ง
บทความนี้ จะขอพาผู้อ่าน มาสรุปเนื้อหา Live The Opportunity “ส่องหุ้นเกาหลีใต้ทำ All-time high กลุ่มการเงินสหรัฐฯ ยังน่าสนใจหรือไม่? เมื่อวันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 กันครับ
1. Market Highlights
1.1 Eye on Fear & Greed Index
Fear and greed index เป็นดัชนีที่จัดทำขึ้นโดย CNN Money เพื่อบ่งชี้สภาวะของตลาดหุ้น ณ ขณะนี้ว่ามีความโลภหรือกลัวในระดับใด
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน ดัชนี Fear and Greed ลดลง 6 จุด จาก 61 มาอยู่ที่ 55 (ยังอยู่ในช่วง Greed ที่ตลาดยัง risk on)
1.2 Zoom in performance
* ในส่วนของสินทรัพย์ทั่วโลก สัปดาห์ที่ผ่านมา ทองคำสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 2.1% เนื่องจากตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่คาด
* ขณะที่กลุ่มการเงินในดัชนี S&P500 สร้างผลตอบแทนได้ถึง 3.7% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
* นอกจากนั้นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจคือ ตลาดหุ้นเกาหลี ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วทำผลตอบแทนได้ 2.4%
2. Zoom in Assets: เจาะลึกสินทรัพย์
2.1 KOSPI
* ตลาดหุ้นเกาหลีมีการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ดีกว่าดัชนี S&P500 เนื่องจากที่ผ่านมา เศรษฐกิจฟื้นตัว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการกิจกรรมการเปิดเมือง กลุ่มอุตสาหกรรมและวัสดุ
* ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ยัง underperform อยู่คือหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ Samsung Electronics, SK Hynix ซึ่งในปี 2020 ราคาได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วในช่วงโควิด-19
* อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่ม Semiconductor อย่าง Samsung ที่เป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่อันดับสองของโลก รองลงมาจาก TSMC ของไต้หวัน ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อจากอานิสงส์ของการขาดแคลนชิปทั่วโลก
* นอกจากนี้ จาก MSCI South Korea หรือตลาดหุ้นเกาหลี หุ้น Samsung Electronics มีสัดส่วนในดัชนีถึง 20% ของตลาด และในไตรมาสที่สองนี้ ถูกคาดการณ์ว่ารายได้ Samsung Electronics จะโต 26.5% และกำไรต่อหุ้นโต 39.1% (YoY)
* ดังนั้นแล้ว หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเกาหลีที่ยัง underperform อยู่ จึงมีความน่าสนใจ และรอการปรับประมาณการในอนาคต ทำให้มี Upside เหลือที่น่าสนใจ
2.2 Gold
• สัปดาห์ที่ผ่านมา ทองคำปรับตัวขึ้นมา 2.4% เนื่องจากตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ เดือนเมษายนออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด โดยอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ (คาดการณ์ที่ 5.8% แต่ตัวเลขออกมาที่ 6.1%)
* ตลาดมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ได้ฟื้นตัวมากถึงขนาดที่ทาง FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ณ ขณะนี้
* ส่งผลให้ bond yield ไม่ปรับตัวขึ้น แต่ตลาดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อยังจะเกิดขึ้น ทำให้ความคาดหวังเงินเฟ้อ (Breakeven Inflation) ยังเพิ่มขึ้นอยู่
* ส่งผลให้ Real yield (อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง) ปรับลดลง ซึ่งหนุนให้ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น
* ในระยะยาวเรามองว่า bond yield มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น และจะส่งแรงกดดันราคาทองคำต่อเนื่อง
2.3 FINANCE
* ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารสหรัฐฯ ที่ออกมาดีในไตรมาส 1 ได้รับแรงหนุนจากการตั้งสำรองหนี้เสียที่ลดลง ตลาดการเงินคึกคัก และการเกิดขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมือง
* ทำให้จนถึงตอนนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารและการเงิน ได้รับการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) อย่างต่อเนื่อง อาทิตย์ที่ผ่านมา มีการปรับ EPS ขึ้น 0.9% และ EPS ปัจจุบันอยู่ที่ 27%
* จากมุมมองของเราที่มองว่า bond yield ยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น และความสัมพันธ์ของตลาดหุ้นในออดีต ทำให้คาดว่าหุ้นกลุ่ม value ยังคงเหนือกว่าหุ้นกลุ่ม growth ต่อไป
* ด้วยการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) และมุมมองด้าน Bond yield ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารและการเงิน จึงยังเป็นกลุ่มที่มีความน่าสนใจ ณ ขณะนี้
3. Opportunity Fund: แนะนำกองทุนประจำสัปดาห์
ด้วยความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงิน ในช่วง Opportunity Fund สัปดาห์นี้ของรายการ จึงแนะนำให้ทยอยสะสมกองทุน KT-FINANCE ซึ่งลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity Funds – Global Financial Services Fund (Class A) มีนโยบายการลงทุนทั่วโลกในบริษัทที่ให้บริการด้านการเงิน
โดยกลุ่มการเงินนั้นมีรายได้หลักจากหลากหลายช่องทาง อาทิ การปล่อยสินเชื่อ, บริการด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ ตราสารหนี้ รวมไปถึงการออกหลักทรัพย์ใหม่ ซึ่งจัดอยู่ในรูปแบบของ Non-interest income ซึ่งเป็นส่วนที่กลุ่มการเงินขนาดใหญ่อย่าง Goldman Sachs, JPMorgan, BofA ทำรายได้ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้เมื่อพิจารณาสัดส่วนการลงทุนพบว่าหุ้นไม่ได้มีสัดส่วนรายได้จากสหรัฐฯ เพียงประเทศเดียว และมีรายได้จากทั่วโลกประมาณ 50% ช่วยกระจายสัดส่วนรายได้ของพอร์ตการลงทุนของกองทุน
4. Long Term Opportunity
ดูกองทุนที่ทางFinnnominaแนะนำได้จากรูป4.1