สรุปกลยุทธ์วีไอปี64 พี่หมอพงศ์ศักดิ์

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
Verified User
โพสต์: 2195
ผู้ติดตาม: 0

สรุปกลยุทธ์วีไอปี64 พี่หมอพงศ์ศักดิ์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

กลยุทธ์วีไอ ตอนที่3 ในปี64
นพ พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี
ดำเนินรายการ โดย อาจารย์ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา
และ อาจารย์ นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

อ นิเวศน์ ถามว่า ปีที่แล้ว เป็นอย่างไร
พี่หมอ เติบโตสองหลัก

ส่วน อ นิเวศน์ บอกว่า เจ็บในปีที่แล้ว หมายถึงเจ็บใจ
ปีนี้ ถามพี่หมอว่าปรับเปลี่ยนอย่างไรในปีนี้

พี่หมอ บอกว่า ผลจากแค่หนึ่งปี ไม่ได้บอกอะไร ไม่มีความหมาย
ต้องดูยาวๆไป ถึงแม้ดีมาหลายปีก็ตาม
ระยะยาว กลยุทธ์ส่วนนึง
มักจะมองไปข้างหน้าสามถึงสี่ปี
ถ้าบริษัทสามารถเติบโตได้ ก็ถือต่อ
หรือ ถ้าเจอบริษัทใหม่ที่ยังโตได้สามปี ก็ซื้อได้
บางบริษัทดูมีปัญหา ก็จะเปลี่ยนโดยขายไปซื้อตัวใหม่
โดย ถ้าบริษัทนั้นกลับมาเมื่อไหร่ ก็จะไปซื้อกลับมา

ปีที่แล้ว ถือหุ้นประมาณ 5-6 ตัว
ไม่ถือเพิ่มเพราะ ถึงแม้มีหลายตัว(10-15)อยู่ในwatch list
แต่ยังไม่น่าสนใจจะซื้อ อาจมาจากราคายังไม่ได้

อ ไพบูลย์ ถามว่า จะถือหุ้นเต็มพอร์ตใช่ไหม
พี่หมอ บอกว่า ปกติก็ถือเต็มพอร์ต รวมถึงณ ขณะนี้
บางครั้งก็อาจมีถือเงินสดบ้าง เพราะมีขายหุ้นบางตัวไป
และรอว่า ราคาได้เมื่อไหร่ก็จะซื้อกลับมา

อ นิเวศน์ ถามว่า มีไปถือหุ้นต่างประเทศหรือเปล่า
พี่หมอ ตอบว่า ไปซื้อกองทุนในเวียดนาม
ซึ่งไม่ใช่สไตด์การลงทุนของพี่หมอ
เพราะว่า มีอุปสรรคในการลงทุนในต่างประเทศ และไม่ได้ถือเยอะ
เลยซื้อผ่านกองทุนรวม เป็นการเรียนรู้มาระยะนึง
เริ่มจะเข้าใจ Frontier market ex Vietnam
ถ้าวันนึง ตลาดหุ้นไทย ไม่ดีเท่า ก็จะย้ายไปเวียดนามมากขึ้น
ส่วนหุ้นเทคในต่างประเทศ ราคานี้แพงไป เคยซื้อและขายไปแล้ว

อ นิเวศน์ ถามว่าปีน้ีหุ้นไหนน่าจับตามอง
พี่หมอ บอกว่า มีดูอยู่10-15 ตัว ที่เพิ่มmarket share ในขนาดที่ไม่โตมาก
หมายถึงมีroomที่สามารถเพิ่มmarket share
ถ้าดีกว่าตัวเดิม ก็จะเปลี่ยนไปลงตัวใหม่ในwatch list
กลุ่มน่าสนใจ คือ กลุ่มอาหาร ค้าปลีก ธุรกิจตัวแทน
ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่เริ่มกินmarket shareบริษัทอื่น
และต้องมีroomที่จะสร้างmarket shareได้อีก เช่น มีแค่10-15%
สามารถโตไปที่ 30-40% ได้ เป็นบริษัทที่น่าสนใจแล้ว
แต่ถ้าบริษัทไหนที่มี market share 70% แล้วก็โตตามตลาดจะไม่สนใจ
ดังนั้น ไม่ขึ้นกับว่า บริษัทเล็กหรือบริษัทขนาดใหญ่

อ ไพบูลย์ ถามว่า เน้นหุ้นวีไอ หรือ หุ้นเติบโต
พี่หมอ บอกว่า เปรียบเทียบหลายอย่าง
หุ้นวีไอ ต้อง Deep value. มาก เช่น มีมูลค่าตำ่กว่า50% ลงทุน3ปีน่าสนใจ
ส่วนหุ้นเติบโต จะซื้อตอนที่มีปัญหา จะดูน่าสนใจที่สุด ถ้าราคาแพงก็รอ
เรื่องสภาพคล่อง ก็ดู ถ้าmarket cap ต่ำกว่า 10,000 ลบ ไม่น่าศึกษา
ดังนั้นหุ้นที่พี่หมอสนใจ จะมี market cap มากกว่า 10,000.ลบ
หรือ บริษัทที่มี market cap 4,000 ลบแต่จะโตมากกว่า 10,000 ลบ ก็ได้
หุ้นที่มี PB ต่ำ แต่ถ้าไม่ได้ศึกษามาก่อน ก็จะไม่กล้าซื้อ
เพราะเราประเมินมูลค่าไม่ถูก ความสามารถเราไม่พอ ต้องยอมผ่าน
ไปดูหุ้นที่เราศึกษาดีกว่า

อ นิเวศน์ ถามถึงวิธีในการศึกษา
พี่หมอ บอกว่า บางธุรกิจที่ไม่ยาก ก็ดูผ่านopp day
แต่บางธุรกิจที่ยาก ก็หาโอกาสไปพบและพูดคุยกับผู้บริหาร

อ นิเวศน์ ถามหุ้นในwatch list เป็นหุ้นเดิมใช่ไหม
พี่หมอบอกว่า ก็มีตัวใหม่ เพราะบางบริษัทที่มาIPOใหม่
หรือบริษัทเดิม แต่มีการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งพี่หมอ ทำเท่าที่ทำได้ เพราะทำคนเดียว ไม่สามารถสกรีนได้มากกว่า 15ตัว

อ ไพบูลย์ บอกว่า กลยุทธ์ ของพี่หมอ ถ้ารู้จักจริงๆ จะถือในสัดส่วนที่มาก
พี่หมอ บอกว่า จริงๆไม่ได้ตั้งใจถือเยอะ แต่ราคาลงมากเกินไป
เราก็ซื้อไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ไม่ซื้อแล้ว
บางตัวมีให้ซื้อทุกปี จนถือเป็นสัดส่วนที่เยอะ
เรื่องการบริหารบริษัทที่ถือ ไม่เคยคิดไปบริหาร
ถ้าผู้บริหาร ทำได้แย่กว่าเรา ก็จะไม่เข้าไปถือหุ้นนั้น

อ ไพบูลย์ บอกว่า พี่หมอ รู้เรื่องรพ ดี แต่ทำไมไม่ถือหุ้น รพ
พี่หมอ ตอบว่า เคยซื้อ แต่ ธุรกิจโตช้า ลงทุนเยอะ รอนานกว่าจะเก็บเกี่ยว
ธุรกิจโตได้ต้องใช้เงินลงทุน ไม่ใช่Growth stockที่น่าสนใจ
นอกจากช่วงนึง ที่รพ ขนาดใหญ่ไปซื้อรพ ขนาดเล็กและโต
หรือช่วงที่ต่างชาติเข้ามารักษาในไทย
ช่วงปกติ รพ กำไรไม่เติบโตเร็วมากนัก
ส่วนเรื่องMega trend เรื่อง Aging Society
เห็นด้วย แต่ควรลงทุนในช่วงที่คู่แข่งเข้ามาได้ยาก
แต่ช่วงนี้ถือเป็น Red ocian ไม่น่าสนใจ

อ นิเวศน์ ถามว่าอุตสาหกรรมไหนน่าสนใจ
พี่หมอ บอกว่า Digital technologyน่าจะมา
แต่ในไทยไม่มี แต่เราสามารถศึกษาบริษัทที่อยู่ในsupply chain
หรือบริษัทที่มีrelate กับบริษัทเหล่านี้
บางsecmentที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์เหล่านี้
มีหลายธุรกิจที่มีขนาดเกิน 10,000 ลบ

อ ไพบูลย์ ถามว่า ปีนี้มองว่านักลงทุนวีไอจะได้ผลตอบแทนดีหรือไม่
พี่หมอ มองว่า ตลาดหุ้นปี64น่าจะดีกว่าปีที่แล้ว
อัตราดอกเบี้ยต่ำ มีโอกาสเติบโตได้อีก ภาพรวมน่าจะดีกว่าปีที่แล้ว
หุ้นวีไอ ต้องดูเหมือนกัน หุ้นวีไอบางตัว เช่น ท่องเที่ยว ขึ้นมาเร็วเกิน
ปีหน้าจะไปต่อได้อย่างไร
หุ้นสถาบันการเงินก็ขึ้นเร็ว ถ้าหนี้เสียคุมได้ ก็ไปต่อได้
ต้องประเมินว่าหุ้นแต่ละตัวจะขึ้นต่อได้จากผลประกอบการในอีก3ปีหรือเปล่า

ส่วนหุ้นปันผล ไม่ค่อยประทับใจ ได้แต่ปันผล หุ้นไม่ค่อยไปไหน
ธุรกิจที่ปันผลดี โอกาสเติบโตไม่ค่อยมีมาก
ถ้าเราเจอโอกาสดีกว่านี้ หุ้นปันผลถือว่าเป็นทางเลือกที่สอง

ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ สามปีนี้ ยังมองบริษัทไทยยังไปต่อได้
แต่เลยสามปี ก็ไม่แน่ใจว่าไปต่อได้ ดังนั้นอีกสามปีข้างหน้า
อาจเป็นเรื่องจำเป็นต้องออกต่างประเทศอย่างจริงจัง
เช่นบางบริษัทที่กินmarket shareเกือบหมดแล้วจะโตต่อได้อย่างไร
การลงทุนในเวียดนาม ซึ่งคล้ายไทย เลยสนใจลงทุนในเวียดนาม
ซึ่งถือว่าเรารู้จริง เทียบกับหุ้นเทคโน ซึ่งราคาแพงไปเเล้ว
ส่วนจีน ก็กลัวเรื่องรัฐบาลเข้าไปแทรกแซง ถ้าจะลงก็เลือกเวียดนามดีกว่า
เพราะมีโอกาสโตได้มากกว่าไทย

อ ไพบูลย์ ถามว่า นักลงทุนวีไอ เริ่มลงทุนสิบกว่าปี
และพอร์ตใหญ่ ตอนนี้เริ่มปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปหาอะไรที่passiveและมั่นคงมากขึ้น
พี่หมอตอบว่า ยังลงทุนเหมือนเดิม ยังพอเห็นธุรกิจเติบโตอยู่
ในอีกสามปี พี่หมอ ยังสนุกกับการลงทุนอยู่
อ ไพบูลย์ บอกว่า พี่หมอ ติดtop5ที่ไม่ได้เป็นนักธุรกิจที่เป็นเจ้าของบริษัท
พี่หมอ บอกว่าเป็นความสุขในการหาบริษัทที่เติบโตและลงทุนไปกับบริษัท
ถือว่าเป็นความสนุก ที่เราเห็นแต่คนอื่นไม่เห็น

สุดท้ายขอขอบคุณ อ ไพบูลย์ อ นิเวศน์ และ พี่หมอพงศ์ศักดิ์ มากๆครับที่มาให้ข้อมูล
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
โพสต์โพสต์