เราต้องรอด
สัมภาษณ์สด กับ ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร โดย น้องเฟิร์น จาก Wealth Me Up
วันนี้ (13 มีนาคม 63) ถือว่าเป็นวันที่ผันผวนมากวันนึง เปิดตลาดไม่นานก็เจอCircuit breaker
ถือเป็นครั้งแรก ที่เจอCircuit Breakerสองวันติดกัน และ ดัชนีต่ำกว่า 1000 จุด และต่ำสุดในรอบ 9ปี
หลังจากนั้นก็ปรับบวกมา 20กว่าจุด คิดเป็น2% ซึ่งถือว่าเยอะ จากนั้นก็กลับมาลบ สุดท้ายปิดบวก 14 จุด
เป็นอาการที่มีคนเล่นการเก็งกำไรค่อนข้างสูง รายย่อยยังมีเงิน นี่คือความแตกต่างที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับ
ต้มยำกุ้งตอนนั้น คนรวยจนหมด หนี้มหาศาล คนไม่มีเงิน แต่คนชั้นกลางยังมีเงิน
ภาคการเกษตรก็มีเงิน การส่งออกดี จากค่าเงินบาทอ่อน คนจากภาคการเกษตรกลับมาทำที่โรงงานส่งออกได้
แต่ปัจจุบัน คนจนไม่มีเงิน แต่คนรวยมีเงินมหาศาล
นักธุรกิจไม่ได้ลงทุนเพิ่มมานาน ไม่ได้สร้างcapacityใหม่เพิ่ม ตอนนี้เลยมีเงิน
ส่วนตลาดหุ้น ดร นิเวศน์ ก่อนหน้านี้ซื้อมาตลอด แต่ตอนนี้หยุดซื้อแล้วในช่วงpanic
เราเป็นนักลงทุน เลยไม่รีบลงทุน เพราะเราวิเคราะห์อย่างรอบคอบแล้ว
รอหุ้นให้นิ่งก่อนค่อยลงทุน เราจะไม่ลงทุนซื้อหรือขายในช่วง panic
ช่วงนี้ คนที่ลงทุน เป็นนักเก็งกำไร รายย่อยที่เข้ามา ซื้อเช้า บ่ายขาย
และเล่นในตลาดfuture
Q: ตลาดจะpanic อีกนานไหม
อาจารย์ตอบว่าไม่รู้ เราจะไม่คาดเดาตลาด แต่ไปหาว่าหุ้นไหนที่มีคุณภาพดี ราคาถูก ซึ่งคิดว่ามีในตลาดตอนนี้
มีหลายตัว เลือกไม่ถูก บางตัวลงมา 10% บางตัวขึ้นไป 10% และ ซื้อไม่ทัน
เราไม่รีบซื้อ เพราะ ไม่ใช่เวลาที่ลงทุน เงินสดอาจารย์เหลือ 5% ซื้อหุ้นเร็วไปสองปี
คิดมานาน ว่าวิกฤตน่าจะมา พูดจนคิดว่าไม่มา ก็เลยเริ่มซื้อ ทำให้หุ้นที่ซื้อขาดทุน ตอนนี้ขาดทุน 10%กว่าแล้ว
เทียบกับวิกฤตที่ผ่านมา เคยขาดทุนมากสุด 20% แต่ตอนนั้นพอร์ตยังเล็กอยู่
สำหรับรายย่อยที่พอร์ตหายไป 20%กว่า
การอยู่ในตลาดก็มีโอกาสขาดทุน ต้องยอมรับว่ามีโอกาสขาดทุนได้
แต่สำหรับการเป็นนักลงทุน ความคิดต้องเป็นอีกแบบ มองในระยะยาว
ลงทุนหุ้น เหมือนการลงทุนในกิจการ ถือหุ้นยาว และ โตไปกับธุรกิจ
การมองหุ้นก็เป็นการมองในระยะยาว กิจการจะโตเป็นเท่าไหร่
ต้องมีความมั่นใจว่า สิ่งที่เราวิเคราะห์ ถูกต้อง
การวิเคราะหุ้นที่จะลงทุน
หุ้นนี้ อยู่ในธุรกิจเติบโต เป็นผู้นำ มีอำนาจเหนือผู้ซื้อ ดีกว่ายี่ห้ออื่น จึงเลือกลงทุน
ส่วน การเติบโตระยะสั้น มีข่าววงใน เป็นเรื่องที่ไม่นำมาคิด
อาจารย์ชอบบริษัทที่มี track recordที่ดีมานาน และ ต่อเนื่อง
อยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่ตกต่ำ
Q: หุ้นที่โดนกระทบช่วงนี้ ควรปรับเปลี่ยนไหม
A: อุตสาหกรรมดี ไม่ใช่จะดีทุกบริษัท ต้องดูว่าบริษัทอาจจะแย่
ประเด็นคือ คู่แข่ง ถ้าเข้ามาได้ตลอดเวลา ต่อให้อุตสาหกรรมโตเร็ว
เช่น สายการบิน ช่วงเศรษฐกิจดี ก็มีสายการบินใหม่เข้ามาตลอด
นี่คือ อุตสาหกรรมที่ ไม่สามารถสร้างroyalty การลดราคา คู่แข่งก็ลดตามได้
โรงแรมก็เหมือนกัน ช่วงที่ดี ก็อาจดีหลายปี เพราะกว่าจะสร้างใหม่ใช้เวลานาน
แต่ถ้าราคาหุ้นตกมาเยอะๆ ก็อาจน่าสนใจ เพราะตอนไวรัสหายก็มีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามา
Q: รอบนี้ กลุ่มไหนน่าสนใจ
A: เหตุการณ์นี้ ถือเป็น Perfect storm แรกเริ่มเป็น covid-19 ต่อมาเจอสงครามราคาน้ำมัน
กระทบต่อหุ้นไทย เพราะ กลุ่มน้ำมัน ถือเป็นสัดส่วนเยอะ ประมาณ 30% ของตลาด
กิจการขุดน้ำมัน เป็นเรื่องเทคโนโลยี รถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้การใช้น้ำมันลดลง
Supply น้ำมันก็เพิ่มขึ้นตลอดเวลา ดังนั้นต้องพิจารณาเป็นพิเศษ
อะไรที่หมดยุด เริ่มเปลี่ยนภาพ ปตท เริ่มถูกแซงโดย AOT (Market cap)
ประเทศไทยกำลังเปลี่ยน แต่เมืองนอกเปลี่ยนมานานแล้ว
และหลังจากเปลี่ยนไปแล้ว ก็จะไม่กลับมา
การพัฒนาประเทศเป็นตัวกำหนด เมืองไทยก็พัฒนามาเรื่อยๆ
ประเทศเราใกล้กับประเทศพัฒนาแล้ว แต่เราจะพัฒนาต่อหรือเปล่าเป็นประเทศที่
มีอุตสาหกรรมไฮเทค
ค้าปลีกก็อาจจะเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เหมือนกับสหรัฐสมัยก่อน
แต่ธุรกิจน้ำมัน จะไม่กลับยิ่งใหญ่เหมือนเดิมแล้ว
ดังนั้น เราต้องดู
1.อุตสาหกรรม เป็นสิ่งที่ต้องดูอันดับแรก ถ้าดี
ต้องดูว่ามีใครเป็นผู้ชนะเป็นอันดับต่อมา
2.กิจการ เราพิจารณาต่อว่า ผู้ชนะมีโอกาสถูกทำลายโดยเทคโนโลยีหรือไม่
ชนะในเกมเดิม แต่ถ้าเป็นเกมใหม่จะชนะได้อีกไหม
ถ้ามั่นใจว่าบริษัทที่พิจารณา ไม่ถูกdisrupt โดยเทคโนโลยี
แต่เป็นผู้ใช้ในเทคโนโลยี และราคาตอนนี้ถูก ก็น่าสนใจ
ข้อมูลล่าสุด ปันผลในตลาดหลักทรัพย์ คิดเป็น 4.5%
ถ้าเราหาบริษัทที่มั่นใจ กำไรอาจลดนิดหน่อย แต่สามารถปันผลได้ตลอด
คนไทยมีเงิน และมีการลงทุน การลงทุนในหุ้นที่ปันผลดี
ถ้าcrisisรอบนี้เมื่อผ่านไป จีนเริ่มจะดีขึ้น แต่ยุโรปต้องใช้เวลา
ในที่สุด ก็ผ่านไป ก็ใช้เวลานิดหน่อย
เรื่องน้ำมัน รัสเซีย โอเปก หยุดสู้กัน ราคาน้ำมันก็กลับขึ้นมา
ทำให้ตลาดหุ้นก็ recover กลับมา ทำให้ผลตอบแทนหุ้นดีขึ้น
เราไม่เก็งกำไรในตลาดหุ้น ที่panicตอนนี้ เพราะราคาหุ้นเปลี่ยนตลอดเวลา
การเลือกหุ้นรายตัวที่ดี ในช่วงหุ้นเริ่มนิ่ง และ volumeเริ่มนิ่ง
ปี40 volumeแค่ 2,000-3,000ล้านบาทต่อวัน ไม่ต้องรีบซื้อ
ดังนั้นตอนนี้ถ้าvolumeประมาณ 30,000 ลบ ก็เริ่มมาดูอีกที
ต้องใจเย็นนิดนึง
Q: ถ้าลงทุนแบบ DCA ต้องเลือกหุ้นกลุ่มไหน
A: การทำDCA ต้องเลือกหุ้นรายตัว และเป็นหุ้นแนว Superstock
เพราะเป็นหุ้นที่ปลอดภัย
Q: SET50 ลงอีกเท่าไหร่
A: ต้องรอให้ตลาดหุ้นเริ่มนิ่ง ถึงเริ่มลงในหุ้นSET50
Port อาจารย์ที่นับจากต้นปี ลบหมดทุกตัว แต่ถ้านับจากที่ซื้อยังเป็นบวก
เพราะซื้อมานาน บางตัว 10กว่าปี
ดังนั้น อย่าคิดเก็งกำไร เพราะจะเครียดเกินไป
ผมไม่รู้สึกเดือดเนื้อ ร้อนใจ ดัชนีขึ้นลง ไม่มีผลต่อตัวอาจารย์ตอนนี้เพราะพอร์ตใหญ่แล้ว
การลงทุนเป็นแบบเพื่อชีวิต
Q: พื้นฐานของไทย และ ปัญหาต่างๆ เช่น ภัยแล้ง หนี้ครัวเรือนสูง จะทำอย่างไร
A:นี่คือพื้นฐานของไทย คนสูงอายุสูง ญี่ปุ่น 20ปีไม่ไปไหน ตลาดหุ้นไม่ไปไหน
ตอนนี้ตลาดหุ้นตกหนักรอบนี้ ถ้ามองสั้นๆ ก็มีโอกาสที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น
ถ้ามองยาวๆ ปัญหาโครงสร้าง ก็ยังน่ากังวล