E-finance
Better trade trend catcher2019
สรุปจากความจำและความเข้าใจของผม ลองอ่านสรุปโพสต์ด้านล่างในช่วงหุ้นผู้ชนะก่อนอ่านบทความนี้เพื่อความเข้าใจเพิ่มขึ้นครับ
ยอมรับเลยว่าลงทะเบียนไปฟังอัพเดทความรู้ไม่ได้หวังอะไรมากแต่สุดท้ายได้ไอเดียเกินคาดหวัง
สรุปความรู้งานสัมมนาช่วงบ่ายสองถึง 6 โมงเย็น
ช่วงก่อนหุ้นผู้ชนะ
-ซีอีโอแบงค์กรุงไทยออกมายืนยันเองว่าภายในไม่กี่ปีพนักงานจะต้องหายไป 30% แม้ว่าวันนี้จะไม่มีนโยบายลดพนักงานแต่มีเงื่อนไขคือพนักงานต้องพัฒนาตัวเอง ย้ายแผนกได้ ไปประจำอยู่จังหวัดอื่นได้และเรียนรู้กับความเปลี่ยนแปลงให้ได้
-ผู้บริหารบริษัทในเครืออีไฟแนนซ์(เซคชั่นนี้ผมได้ไอเดียมาก)ท่านเป็นนักลงทุนแนวระบบเขียนโปรแกรมเทรดหุ้น แชร์ว่าไม่มีจอกศักดิ์สิทธิ์ในการลงทุนหรอกใครมันจะมาบอกแล้วถ้ามันได้ขนาดนั้นจะต้องมาสอนวิธีสำเร็จรูปด้วยเงินไม่กี่ 10,000 บาทหรือ มีเทรดเดอร์ระดับโลกท่านหนึ่งบอกว่าเค้าหามาทุกวิธีแต่เรื่องอะไรจะมาบอกพวกคุณ อันนี้ผมเห็นด้วยคือหลักการมันคล้ายกันหมด ความรู้วันนี้มานั่งนึกถึงหลักการลงทุนวีไอ เช่นเรื่องการบริหารจัดการเงินทุนหลายอย่างคล้ายกันมาก อย่างน้อยถ้าเข้าใจหลักการ ศึกษาคนสำเร็จ ลองสนามจริงมันจะเก่งขึ้นได้เรื่อยเรื่อยแต่ไม่มีสูตรสำเร็จหรอก เพราะถ้ามันมี ผลตอบแทนนักลงทุนที่เก่งๆต้องชนะตลาดทุกปีซึ่งผมไม่เคยเห็น
-ท่านยกตัวอย่างเงิน1ล้านบาทเข้าบ่อนระหว่างแลกชิป
1000฿><1000ชิป =1ล้าน
100000฿ ><10ชิป =1ล้าน
บ่อนจะชอบให้เราแลกแบบแรกหรือแบบหลังมากกว่า
ลองคิดเล่นเล่นนะครับผมเดาผิดมาแล้ว
คำตอบคือ
แบบแรก เพราะเจ้าของบ่อนต้องออกแบบการพนันให้ได้เปรียบ>ผู้เล่นอยู่แล้ว ดังนั้นโอกาสชนะบ่อนก็จะมากกว่า เพราะถ้าโอกาสมันมีหลายครั้งมากสุดท้ายทุกอย่างก็จะล้อไปกับความน่าจะเป็น(ที่บ่อนมีโอกาสชนะมากกว่า) แน่นอนสำหรับผู้เล่นก็ต้องแบบหลังแต่โอกาสมันก็จะมีตั้งแต่ชนะมากหรือแพ้มากเพราะโอกาสเล่นน้อยครั้งกว่ามันจึงทำให้เกิดความหันเหจากความน่าจะเป็นโดยรวมได้มาก
สรุปหลักการลงทุนควรทำน้อยครั้ง อาจจะเป็นเหตุผลนี้ก็ได้ที่การลงทุนควรโฟกัส แล้วที่ดีกว่าเข้าบ่อนคือเลือกเฉพาะตัวที่มีโอกาสชนะสูงสูง แล้วเราก็เลือกได้ไม่มีใครบังคับอันนี้ผมว่าเอง
ช่วงหุ้นผู้ชนะ
-บรรยากาศการลงทุนแย่มากนักลงทุนต่างห่อเหี่ยวกันโดยไม่ได้นัดหมาย พี่โจยังตกใจว่าคนฟังมากันเยอะขนาดนี้ เพราะช่วงตลาดไม่ดีมักไม่ค่อยมีคนมาฟัง
-พี่โจไม่รู้ว่าเศรษฐกิจปีหน้ามันจะดีอย่างไร สินค้าการเกษตรก็ไม่ดี เงินอุดหนุนก็เป็นการอุดหนุนเฉพาะกลุ่มแล้วก็ภาษีของทุกคน แรงงาน 30% ของประเทศเป็นเกษตรกร ในเมื่อสินค้าการเกษตรราคาไม่ดีการบริโภคในประเทศจะเป็นอย่างไร
Only Paranoid survives
-ดร นิเวศน์ใช้กลยุทธ์เดิมคือหาหุ้นผิดราคา
เสริม: คนที่ไม่ได้ศึกษาการลงทุนแนววีไออาจจะงงว่าหาอย่างไร ผมคิดว่าดูพีอี มูลค่ากิจการ(จำนวนหุ้นที่จดทะเบียนชำระแล้วคูณราคาหุ้น...สงสัยอ่านแล้วยิ่งงงแน่เลย55)เทียบรายได้ สินทรัพย์ กำไรเทียบกับความน่าจะเป็นกับบริษัทที่ใกล้เคียงกันในเมืองไทยหรือเมืองนอกก็ได้ ถ้าต่างกันมากแสดงว่ามีอัพไซด์มาก ที่ยากขึ้นมาอีกขั้นคือคาดการณ์รายได้และกำไรที่น่าจะเป็นอย่างน้อยหนึ่งถึงสองปีข้างหน้าพร้อมเหตุผลที่มีโอกาสเชื่อได้มากว่าคาดการณ์ของเราน่าจะเป็นไปได้
ปัญหาส่วนใหญ่มาจากการที่มีคนแก่เป็นสัดส่วนที่สูง ผมเดาว่าท่านอาจจะพูดเรื่องรัฐศาสตร์ของบางประเทศแล้วแกก็หยุดพูดเพราะเรื่องพวกนี้อาจจะไม่ควรคุยกับคนหมู่มาก เพราะคนส่วนมากมีแนวโน้มที่จะมีอคติจนบดบังเหตุผลทำให้คุยกันคนละเรื่องได้และไม่ได้ประเทืองสติปัญญาเหมือนกันถกกะปราชญ์ อันนี้ผมเดาเอา
-พี่ป๋อง ผม(เอก ธำรง)เดาว่าสัญญาณทางเทคนิคมันคงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และมีความเป็นไปได้ได้หลายทาง เช่นทรัมป์ทวีตทีสัญญาณเปลี่ยนทันที สัญญาณมันเลยมีความเป็นไปได้หลายทางเพราะมีปัจจัยความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น มันจึงคาดการณ์ได้ยากมากขึ้น
ภาคพิเศษจากการที่ผมได้ถามหุ้นเป็นตัวๆกะนักลงทุนวีไอคนหนึ่งแบบกระทัดรัด
-หุ้นรับเหมาต้องระวังถ้าพูดแบบอยู่กับความเป็นจริงไร้อคติ การบริหารจัดการของรัฐบาลชุดนี้มีปัญหาเหลือเกิน(ทำไม่เป็น)ความจริงอันหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือการเบิกจ่ายงบประมาณรายปี 2563 (เริ่ม1ตุลาของทุกปี)ช้าไปได้อีกอย่างเหลือเชื่อ3-6เดือน ทั้งที่เป็นรัฐบาลมาสี่ถึงห้าปีแล้ว จะบอกยังไม่ชินยังไม่รู้เรื่องก็ไม่น่าใช่ (ยกเว้นก่อนหน้านี้ไม่เคยทำงานอย่างจริงจัง ส่วนตัวผมเชื่อว่าทำงานแน่ๆ แต่ไม่รู้จริงจังไหม) พรรค1ในรัฐบาลที่เคยหาเสียงลดภาษีรายได้ส่วนบุคคล วันนี้กรมสรรพากรเพิ่งออกมายืนยันว่าทำไม่ได้เพราะเงินจะหายไปเจ็ดหมื่นล้านอ้างอิงจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจวันนี้หน้า3มีอยู่ในรูป) มันแสดงให้เห็นว่าโฆษณาไปยังงั้นยังงั้นแหละไม่เคยศึกษาข้อมูลก่อนว่าความเป็นไปได้มันทำได้ไหม
และอีกมากมายหลายเรื่อง
ผมเลยคุยถึงความเห็นผมว่าความเสี่ยงอันหนึ่งที่ตลาดยังไม่ได้ตระหนักถึงมากคือความเสี่ยงในการที่บางโครงการจะดีเลย์ไปจากที่กำหนดได้อีก 2ตัวอย่างข้างบนน่าจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการของรัฐบาล ยกเว้นอยู่อยู่อีกปีกว่าจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ถ้าได้อย่างนั้นจริงก็ไม่น่าจะดีเลย์ ถ้าอยากจะหวังอย่างนี้ก็ลองปรึกษาชีวิตคนเอาว่าคนเรามันเปลี่ยนได้ง่ายๆไหม ส่วนตัวผมคิดว่าปัญหาเรื่องการดีเลย์มันเกินครึ่งไปเยอะ
-หุ้นตัวหนึ่งมีการเติบโตจากการซื้อกิจการรายได้กำไรโตเกินคาด ตัวบริษัทเองเดี่ยวๆก็โต พี่เค้าเห็นว่าบริษัทกู้หนี้มาซื้อเยอะเกินไป ส่วนตัวผมกลับมองว่ามันน่าจะนับรวมไปเพราะถ้าบริษัทไม่ทำอย่างนี้โอกาสโตได้เยอะเยอะต่อปีมันยากมาก(ผมคิดถึงจีพีเอสซีกับโกลว์ถ้าบอกรวมกันไม่นับมูลค่าแล้วตลาดมันนับไหม ลองดูราคาเอา แล้วถ้าคิดแบบเป็นเหตุเป็นผลการที่เราซื้อหุ้นที่ไปซื้อกิจการมามันก็คือการที่เราซื้อสองบริษัทนี้ในหุ้นตัวเดียว time will tell (Or already told?)
-หุ้นที่จะเพิ่มทุนบางตัวราคาลงเอาลงเอา แกบอกอย่าไปคาดเดาเลยมันยาก
อันนี้ผมคิดถึงตัวเองตอนเป็นวีไอจ๋าๆ ก่อนที่จะเข้าใจหุ้นเทิร์นอราว ที่เน้นในเรื่องการเข้าใจผู้บริหาร เจ้า เกมการเงิน ตลาด ตอนนั้นผมคุยกับนักลงทุนหุ้นเทิร์นอราวไม่เข้าใจเลย จากวันนั้นถึงวันนี้ พอผมคุยกับพี่เขา เหมือนเห็นตัวเองในอดีต ไม่ใช่ผมเก่งไม่ใช่พี่เค้าไม่เก่ง ประเด็นมันคือศาสตร์นี้มันยากต่อการเข้าใจจริงๆแล้วที่ผมมีความเข้าใจจนทำเงินกับมันได้
มองย้อนกลับไปรากเลือดเหมือนกัน
-ข้อสังเกตของผมว่าทำไมช่วงหลังหุ้นเล็ก กลางถึงไม่ค่อยมีการเทรด ช่วงหลังโดนดีดับบลิวแย่งตลาด เพื่อนนักลงทุนหลายคนไปลงต่างประเทศกันเยอะแล้ว นักลงทุนบางคนเลิกไปเลยสังเกตได้ว่างานสัมมนาวันนี้แทบไม่เจอเพื่อนเลย ลองย้อนไปเจ็ดปีที่แล้วได้เจอวีไอบุฟเฟ่กับเพื่อนนักลงทุนเกือบครบทุกคนโดยไม่ได้นัดหมายแน่นอน
ส่วนตัวผมว่ายังเล่นได้โดยเฉพาะกับตัวที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในราคาที่ผิดราคาในวันนี้ เพราะจุดอ่อนของหุ้นกลุ่มนี้เลยคือโตได้จริงแต่สั้นมากเพียงหนึ่งถึงสองไตรมาส
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์
เขียนย๊าวยาววววววว แต่ถ้าไม่ค่อยมีคนชอบโพสต์สั้นสั้นดีกว่าเพราะหลายคนคงไม่ชอบอ่านอะไรยาวยาว
ลงทุนกิน #E-finance
BetterTrade2019