ลำดับที่ 5 หุ้นแบบ..หุ้นแอปเปิ้ล ตลาดหุ้นไทย..มีบ้างไหม? (1 มีนาคม 2555)
คอลัมน์: หุ้นส่วนประเทศไทย
หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์
“6 บทความ” ...ที่มีผู้อ่านสูงสุด ตอนที่ 1
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.CsiSociety.com
Add Line: @CsiSociety
ก่อนที่ผมจะได้ลงมือเขียนบทความฉบับนี้ ผมก็ได้รับทราบข่าว “กลุ่มบางกอกโพสต์ประกาศหยุดพิมพ์หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ และ M2F ภายในเดือนมีนาคมนี้” ดังนั้นเพื่อเป็นการอำลาคุณผู้อ่านในฉบับหนังสือพิมพ์ ผมจึงได้รวบรวมบทความของผม 6 บทความที่มีผู้อ่านสูงสุด นำมาเล่าให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันดังนี้ครับ
ลำดับที่ 5 หุ้นแบบ..หุ้นแอปเปิ้ล ตลาดหุ้นไทย..มีบ้างไหม? (1 มีนาคม 2555)
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา..ก่อนวันวาเลนไทน์เพียงหนึ่งวัน ถือได้ว่าเป็นวันที่ผู้ถือหุ้นแอปเปิ้ลมีความสุขมากอีกวันหนึ่ง เพราะราคาหุ้นของแอปเปิ้ลได้ทะยานขึ้นไปเหนือระดับ 500 ดอลลาร์ ต่อหุ้นเป็นครั้งแรก หากย้อนกลับไปช่วงต้นปี 2552 ราคาของหุ้นแอปเปิ้ลยังอยู่ที่ ประมาณ 80 ดอลลาร์ต่อหุ้นเท่านั้น ดังนั้นจึงทำให้คนที่ถือหุ้นแอปเปิ้ลในช่วงเวลาดังกล่าวมีเงินเพิ่มขึ้นเป็น 6 เท่าของเงินที่ลงทุนไป (ถ้าคุณผู้อ่านเอาเงินซักล้านบาทไปซื้อหุ้นตอนต้นปี 52 และขายออกตอนนี้..คุณผู้อ่านจะได้เงินถึง 6.25 ล้านบาท ..น่าสนไหมครับ ?)
จากข้อความข้างต้น.. คุณผู้อ่านหลายท่านอาจคิดว่า หุ้นแบบ..หุ้นแอปเปิ้ลคงจะมีแต่ในอเมริกา ในเมืองไทย..คงจะเป็นไปไม่ได้แน่ๆ..ที่จะหาหุ้นมหัศจรรย์..อย่างหุ้นแอปเปิ้ล ผมจึงขอเรียบเรียงเหตุผลที่ทำให้หุ้นแอปเปิ้ลมีค่าสูงมหาศาลดังเช่นปัจจุบัน เพื่อคุณผู้อ่านจะได้นำไปเป็นข้อมูลในการค้นหา “หุ้นแบบ..หุ้นแอปเปิ้ล” ในตลาดหุ้นไทย ดังนี้ครับ
หนึ่ง มีอำนาจต่อรองกับคู่ค้า (Suppliers) อย่างมหาศาล
ในปี 2554 ที่ผ่านมาคาดกันว่าแอปเปิ้ลผลิตและขายสินค้าดังต่อไปนี้หมดทุกรายการ ได้แก่ ไอโฟน 70 ล้านเครื่อง ไอแพด 30 ล้านเครื่อง สินค้าอื่นๆอีก 59 ล้านเครื่อง เฉพาะสินค้าไอโฟนเพียงอย่างเดียวแอปเปิ้ลใช้คนงานมากกว่า 200,000 คนและใช้วิศวกรมากกว่า 8,700 คน นอกจากนั้นแอปเปิ้ลยังใช้คนงานผลิตสินค้าทุกรายการรวมกันมากกว่า 700,000 คน
ดังนั้นบริษัทที่จะเป็นแบบแอปเปิ้ลได้ จะต้องมีกำลังซื้ออย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นสินค้า หรือการจ้างงานก็ตาม ซึ่งจะเป็นเหตุผลหลักที่ใช้ในการกดราคาสินค้าของคู่ค้า กำลังซื้อ..จึงเป็นหัวใจในการได้มาซึ่งราคาที่ถูกที่สุด และจะนำไปสู่ผลกำไรอย่างมหาศาลของบริษัท
สอง ต้องเป็นผู้นำ และต้องทิ้งห่างคู่แข่ง..อย่างขาดลอย
ไอแพด เป็นแท็บเลตเพียงยี่ห้อเดียวที่เคยยึดครองตลาดได้ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม แม้ว่าปัจจุบันไอแพดจะมีคู่แข่งขันที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มาแข่งด้วยก็ตาม แต่ส่วนแบ่งการตลาดของไอแพดก็ยังมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์อยู่ดี ส่วนไอโฟนนั้นได้ทำให้คู่แข่งขันหลายรายมีอาการหนัก เช่น โนเกีย แบล็คเบอร์รี่ เป็นต้น และเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในโลก
ในบ้านเรา..มีหุ้นผู้นำอยู่หลายตัว ซึ่งหุ้นเหล่านี้จะมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ใช่เป็นแบบหุ้นแอปเปิ้ล ถ้ามีศักยภาพในการแข่งขันสูงอย่างแอปเปิ้ล บริษัทนั้นๆควรจะมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจที่ตนทำอยู่มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของตลาดทั้งหมด ตลาดหุ้นไทย..มีบ้างไหม ?
ผู้คนกำลังเข้าคิวรอซื้อ iPhone
สาม อำนาจในการกำหนดราคาขาย
แอปเปิ้ลได้สร้างปรากฏการณ์การขายสินค้าอย่างยิ่งใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่..ไอโฟนหรือไอแพดเปิดตัว ก็จะมีคนจำนวนมหาศาลมาเข้าแถวซื้ออย่างยาวเหยียด โดยพวกเขาแทบจะไม่มีความคิดว่า สินค้าของแอปเปิ้ลที่จะซื้อ..ลดราคาได้ไหม? เทียบกับยี่ห้ออื่น..แพงกว่าไหม? มีเพียงแต่ความคิดว่า..วันนี้จะได้ซื้อไอโฟน..ไอแพด..กลับไปโชว์ให้เพื่อนๆดู หรือเปล่า?
พลังแห่งการกำหนดราคาขาย จึงเป็นพลังแห่งการสร้างผลกำไร ถ้าหากบริษัทไหนสามารถกำหนดราคาของสินค้าของตนได้สูงกว่าคู่แข่ง บริษัทนั้นก็จะมีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้สูงกว่า ..และในที่สุดราคาหุ้นของบริษัทนั้นก็จะต้องสูงตามไปด้วย
สี่ ความต่อเนื่องของนวัตกรรม
ในปีนี้หลายคนกำลังรอคอย “ไอแพด 3” อีกหลายคนกำลังรอ “ไอโฟน 5” และยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนโทรศัพท์ของตนเพื่อจะรอไอโฟนตัวใหม่ เหตุการณ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความศรัทธาต่อยี่ห้อสินค้าและความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ แอปเปิ้ลเองก็ต้องวางแผนการผลิตนวัตกรรมของตนให้ป้อนตลาดได้ในเวลาที่เหมาะสมและต่อเนื่อง ดังนั้นการผลิตนวัตกรรมออกมาอย่างต่อเนื่องจึงถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำกำไรในระยะยาว
ผมเคยเขียนถึงจุดจบของหุ้น “โกดัก” (หุ้นที่คุณซื้อไว้.. เป็นเหมือน “หุ้นโกดัก” หรือเปล่า -โพสต์ทูเดย์ฉบับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 หรือ http://www.doctorwe.com/20120201) โดยกล่าวถึงรายได้ของโกดักที่ส่วนใหญ่จะมาจากการขายฟิล์มถ่ายรูป จนในที่สุดบริษัทก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นถ้าคิดจะหาหุ้นดีๆอย่างแอปเปิ้ล.. ก็ต้องไปดูกันว่าในอนาคต..เขาจะมีนวัตกรรมอะไรออกมาบ้าง..
ภาพร้านขายฟิล์มโกดักทั่วโลก.. กลายเป็นอดีตไปแล้ว
ห้า กีดกันคู่แข่งรายเล็ก.. ด้วยการสร้างสินค้าสำหรับตลาดที่ใหญ่มาก
แอปเปิ้ลกำลังวางแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์อีกมากมาย เช่น ใช้ไอโฟนแทนบัตรเครดิต ไอโฟนราคาถูก และอีกมากมาย (อ่านเพิ่มในโพสต์ทูเดย์ “แอปเปิ้ล… เมื่อยักษ์ใหญ่ไม่ยอมหยุด.. สำแดงฤทธิ์เดช” หรือ http://www.doctorwe.com/20110724) โดยทุกผลิตภัณฑ์ที่จะออกมานั้น..จะทำเพื่อขายให้กับคนจำนวนมากๆทั้งนั้น
ดังนั้นการที่จะเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยมอย่างแอปเปิ้ลได้ บริษัทนั้นจะต้องมีสินค้าหรือบริการที่จะขายให้กับคนจำนวนมากๆ เพื่อทำให้สินค้าต่อหน่วยมีราคาถูกที่สุด และขายในราคาที่ผู้ซื้อ..ยากที่จะปฏิเสธ
ในตลาดหุ้นบ้านเรา.. ผมเห็นหุ้นที่เป็นแบบ..หุ้นแอปเปิ้ลเพียงตัวเดียว แต่เวลานี้มันราคาเพียงเหลือเกิน แต่อย่าลืมนะครับ..หุ้นแอปเปิ้ลก็แทบจะไม่เคยมีช่วงเวลาที่ราคาถูกเลย ส่วนหุ้นเมืองไทยที่ผมพูดถึงจะเป็นหุ้นตัวไหนนั้น.. คุณผู้อ่านที่อ่านข้อความข้างต้นไปแล้ว หลายคนอาจพูดว่า “อ๋อ.. ฉันรู้แล้ว”
สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลและได้สร้างแอปเปิ้ลให้กลายเป็นหนึ่งในตำนานของโลก เคยพูดถึงความยิ่งใหญ่ของแอปเปิ้ลว่า “Apple’s market share is bigger than BMW’s or Mercedes’s or Porsche’s in the automotive market. What’s wrong with being BMW or Mercedes?” แปลตามความได้ว่า “ส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิ้ลนั้นมากกว่า.. ส่วนแบ่งตลาดของรถบีเอ็ม..รถเบ็นซ์ หรือรถปอร์เช่ เสียอีก และมันเกิดอะไรขึ้นกับบีเอ็ม..หรือเบ็นซ์.. (ทำไมเขาสู้เราไม่ได้ล่ะ ?)”
ฟังแล้ว..น่าหมั่นไส้ แต่คนถือหุ้นแอปเปิ้ลอยู่ตอนนี้.. อาจจะน่าหมั่นไส้มากกว่าครับ