“ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” คำสุภาษิตนี้พวกเราน่าจะได้ยินกันบ่อยๆตั้งแต่ตอนเด็กจนโต
โดยส่วนตัวผมก็มีความเชื่ออย่างนั้นเช่นกัน ผมถือว่าการซื่อตรงไม่คิดโกงใครเป็นสิ่งที่ประเสริฐและมีผลบุญช่วยให้ตัวเราและลูกหลานประสบความสำเร็จอีกด้วย
ส่วนการลงทุนผมก็เน้นหุ้นที่ผู้บริหารมีความน่าเชื่อถือ ไม่คุยโวโอ้อวดมากเกินไป หรือพูดไปแล้วทำไม่ได้ตามคำที่พูด บางคนชอบตั้งเป้าหมายสูงเว่อร์เพื่อล่อนักลงทุนให้ไปติดกับดัก
อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดวิกฤติย่อมมีโอกาส
ขอแชร์ประสบการณ์ลงทุนหุ้น CPALL ช่วงปี 2558 ตอนเกิดวิกฤตธรรมาภิบาลกับคุณก่อศักดิ์ทำให้หุ้นปรับตัวลดลงจาก 50 กว่าบาทลงไปต่ำสุดที่ 38 บาท
แนวความคิดของผมคือบริษัทที่แข็งแกร่งสามารถอยู่ได้แม้ว่าผู้บริหารมือหนึ่งจะต้องออกจากตำแหน่งไป ตอนนั้นนักลงทุนต่างกลัวว่าเมื่อคุณก่อศักดิ์พ้นตำแหน่งไป จะทำให้ CPALL สั่นสะเทือนขาดหัวเรือในการขับเคลื่อนองค์กร หุ้นลงอย่างรุนแรงอยู่หลายวัน
ผมก็มาทำการบ้านหามูลค่าที่เหมาะสมถ้าบริษัทยังรักษาอัตราการเติบโตได้ 15% ต่อปีไปอีก 10 ปีข้างหน้า ได้ราคาที่เหมาะสมพร้อมส่วนเผื่อความปลอดภัยที่ 42 บาท
ด้วยความเชื่อมั่นในองค์กรและคูเมืองที่เเข็งแกร่งของ CPALL ผมเลยตีแตกหุ้นตัวนี้ไปช่วงนั้นแล้วถือมาจนปัจจุบันยังไม่ได้ขายทิ้งเลย
กลับมามองโอกาสการลงทุนในหุ้น BDMS แม้ว่ากรณีที่เกิดกับคุณหมอปราเสริฐจะดูร้ายแรงกว่าเพราะข้อหาเหมือนจงใจปั่นหุ้นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ในขณะที่ของคุณก่อศักดิ์แนวใข้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น Makro ก่อนขายให้ CPALL แต่ก็คงผิดธรรมาภิบาลเหมือนกัน
วันนี้หุ้นปรับตัวลดลงไปถึง 8.4% แต่ธุรกิจก็ยังเป็นโรงพยาบาลเบอร์หนึ่งของประเทศไทย มีเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด เพื่อนๆลองพิจารณากันดูว่าน่าลงทุนไหมเมื่อราคาลงมาเยอะๆครับ
ปล. ไม่ได้เชียร์ให้ซื้อหุ้น BDMS แต่แค่แชร์ประสบการณ์ครับ
ธรรมาภิบาลกับโอกาสการลงทุน -Billionaire VI
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ธรรมาภิบาลกับโอกาสการลงทุน -Billionaire VI
โพสต์ที่ 2
นิสัยไม่ดีไม่รู้จะมีเหลียมอะไรอีก ไม่สนับสนุนคนโกงครับ รวยแล้วยังโกง เฮ้อ
noname
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ธรรมาภิบาลกับโอกาสการลงทุน -Billionaire VI
โพสต์ที่ 3
ประเด็น คือ assumption มันน่าจะไม่เท่าเดิม
ไม่รู้ผุ้เขียน manage ยังไงบ้างแล้วมากกว่า
เพราะ
หนึ่ง 15% growth มันน่าจะไม่ถึง และ มีแนวโน้มจะไม่ถึง
สอง ถ้าคิดตามที่ผู้เขียนบอก (แบบผม ทึกทักเองนะ)
กะคือ ปี 61 หรือ 60 cpall ขึ้นไปเกือบ 100
ซึ่ง ถ้าใช้ assumptionเดิม 4-5 ปี จะได้มูลค่า คร่าว 73-74
ตรงนี้มากกว่า ที่ตัดสินใจยังไง trade off ความเสี่ยงยังไง
้ถ้ายึดหลักการ กะ ต้องขาย เพราะ ราคา 100 มันสะท้อนassumption ล่วงหน้าที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงไปหลายปีแล้ว
ปล ขออภัย ที่นอกประเด็น ที่ผุ้เขียนอยากจะสื่อคับ
ไม่รู้ผุ้เขียน manage ยังไงบ้างแล้วมากกว่า
เพราะ
หนึ่ง 15% growth มันน่าจะไม่ถึง และ มีแนวโน้มจะไม่ถึง
สอง ถ้าคิดตามที่ผู้เขียนบอก (แบบผม ทึกทักเองนะ)
กะคือ ปี 61 หรือ 60 cpall ขึ้นไปเกือบ 100
ซึ่ง ถ้าใช้ assumptionเดิม 4-5 ปี จะได้มูลค่า คร่าว 73-74
ตรงนี้มากกว่า ที่ตัดสินใจยังไง trade off ความเสี่ยงยังไง
้ถ้ายึดหลักการ กะ ต้องขาย เพราะ ราคา 100 มันสะท้อนassumption ล่วงหน้าที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงไปหลายปีแล้ว
ปล ขออภัย ที่นอกประเด็น ที่ผุ้เขียนอยากจะสื่อคับ
show me money.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 178
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ธรรมาภิบาลกับโอกาสการลงทุน -Billionaire VI
โพสต์ที่ 4
ตอนซื้อได้ต้นทุนที่ดี แม้ว่าราคาบางครั้งจะเกินมูลค่าแต่ตราบใดที่ธุรกิจยังดีอยู่และผมหาตัวอื่นที่ดีกว่าลงทุนไม่ได้ ผมก็ไม่ได้มีความเสี่ยงอะไรในการถือต่อ อย่างน้อยก็มีปันผลปีละ 1 บาทครับ