ปี 2562 มอร์แกน สแตนเลย์ แนะลงทุนตลาดหุ้นไทย

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
doctorwe
Verified User
โพสต์: 152
ผู้ติดตาม: 0

ปี 2562 มอร์แกน สแตนเลย์ แนะลงทุนตลาดหุ้นไทย

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ปี 2562 มอร์แกน สแตนเลย์ แนะลงทุนตลาดหุ้นไทย

คอลัมน์: คุยให้... “คิด”
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 4 มกราคม 2562
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.CsiSociety.com
Add Line: @CsiSociety

มอร์แกน สแตนเลย์ วาณิชธนากรระดับโลก ได้ออกรายงานเกี่ยวกับการลงทุนทั่วโลกในปี นี้ที่มีชื่อว่า “2019 Strategy Outlook: Turning Point Ahead” ซึ่งได้พูดถึงแนวโน้มการลงทุนทั่วโลกในปี 2562 ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านที่เป็นนักลงทุน จึงขอนำมาสรุปให้คุณผู้อ่านได้เห็นภาพแนวโน้มการลงทุนในปีนี้ ดังนี้ครับ

หนี่ง ตลาดเกิดใหม่...ผลงานกลับมาโดดเด่น
ขณะที่สหรัฐอเมริกากำลังขึ้นดอกเบี้ยกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็ง ประกอบกับความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับอีกหลายประเทศ ก็ยิ่งทำให้ราคาหุ้นของบรรดาตลาดเกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย บราซิล อินโดนีเซีย รวมถึงไทยด้วย พากันปรับตัวย่อลงกันเกือบถ้วนหน้า ซึ่งถูกมองว่า..ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาต่ำกว่าราคาที่แท้จริงไปแล้ว ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่า ในปีนี้บรรดาหุ้นของตลาดเกิดใหม่เหล่านี้ควรจะมีการปรับตัวขึ้น จึงได้ปรับน้ำหนักจาก “Underweight” เป็น “Overweight” นั่นคือจะเป็นตลาดหุ้นที่น่าลงทุน และคาดการณ์ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของดัชนี MSCI EM index ที่ใช้วัดตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก ว่าจะมีผลตอบแทนอยู่ในระดับสูงถึง 8% ทีเดียว
Bkk Biz.png
จากตาราง การคาดการณ์ของมอร์แกน สแตนเลย์ จะพบว่า ดัชนี MSCI EM ดัชนีที่ใช้วัดตลาดหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หากตลาดอยู่ในขาขึ้นเต็มที่ (Bull) จะให้ผลตอบแทนสูงถึง 26% และตลาดในภาวะปกติ (Base) ก็จะให้ผลตอบแทน 8% เปรียบเทียบกับดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาแล้ว ให้ผลตอบแทนที่ 13% และ 4% ตามลำดับ ดังนั้นปี 2562 นี้ตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย จึงน่าจะมีโอกาสให้ผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี

สอง “หุ้นคุณค่า” ให้ผลตอบแทนได้ดีกว่า “หุ้นเติบโต”
“หุ้นคุณค่า” หมายถึง หุ้นที่มีราคาต่ำกว่าราคาที่มันควรจะเป็น ขณะที่ “หุ้นเติบโต” หมายถึง หุ้นที่มีโอกาสในการที่จะเติบโตไปอีกไกล แต่ราคาก็สูงมาก เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า FAANG (Facebook, Apple, Amazon, Netflix, Google) เป็นต้น ซึ่งพบว่า มีหุ้นคุณค่าจำนวนมากที่มีราคาต่ำกว่าความเป็นจริง และกระจัดกระจายกันอยู่ในหมวดหุ้นการเงิน หุ้นวัสดก่อสร้าง หุ้นพลังงาน และหุ้นสาธารณูปโภค และพบต่ออีกว่า ขณะที่สถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มมีการเก็บหุ้นคุณค่าในสี่กลุ่มนี้แล้วอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เริ่มมีการขาย “หุ้นเติบโต” ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มรักษาพยาบาล และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคออกมา

สาม พันธบัตรระยะยาวสหรัฐอเมริกา..ยังคงได้รับความนิยม
มอร์แกน สแตนเลย์ มองว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินตึงตัว รวมถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกสองครั้งภายในปีนี้ ประกอบกับฟากฝั่งยุโรปไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรปและอังกฤษต่างก็กำลังดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวอย่างตัวเนื่อง ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลก พากันนำเงินไปลงทุนในพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐอเมริกามากขึ้น พร้อมๆกับแนวโน้มการขายบรรดาพันธบัตรระยะสั้นในยุโรป

สี่ เมื่อค่าเงินยูโร ค่าเงินเยน...กลับมาผงาด
ตามที่เราคุยกันไปแล้วในข้อที่หนึ่งว่า ผลงานของบรรดาหุ้นในสหรัฐอเมริกาในปีนี้ไม่น่าจะดี และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะส่งผลให้ธนาคารกลางของอเมริกาดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อให้มีเม็ดเงินเหลือไปช่วยภาคธุรกิจได้ ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนแอ อีกด้านหนึ่งก็คือ ค่าเงินยูโรและค่าเงินเยนก็จะแข็งค่าขึ้น และถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ความต้องการเงินทุนทั้งในยุโรปและญี่ปุ่นก็จะเพิ่มขึ้น เพราะสามารถซื้อสินทรัพย์จากต่างประเทศได้ในราคาถูกลง ขณะที่ธนาคารกลางของประเทศเหล่านี้ก็จะมีความกล้าเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การปรับสภาพการเงินภายในประเทศให้สอดรับกับความต้องการเงินลงทุนที่มากขึ้น บนสมมติฐานว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะแย่ลง ดังนั้นในปี 2562 นี้จึงน่าจะเป็นปีที่ดีของค่าเงินยูโรและค่าเยน

ห้า พันธบัตรประเทศเกิดใหม่...กับความต้องการที่มากขึ้น
คุณผู้อ่านคงทราบกันดีว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีหนี้อยู่ในระดับสูง ดังนั้นแนวโน้มในปีนี้ที่ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจเติบโตช้า และมาตรการการเงินตึงตัวของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาแล้ว สิ่งที่จะตามมาก็คือ การกู้ยืมเงินต่างๆ การขายพันธบัตร หุ้นกู้ต่างๆ จะมีอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง และจะส่งผลต่อให้การกู้เงินมีคุณภาพที่ต่ำลง มีการดาวน์เกรดลูกค้ามากขึ้น และอาจจะลามไปถึงการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งถ้าผลร้ายแรงจริงๆเหมือนในอดีต ก็จะเข้าไปสู่กระบวนการยึดทรัพย์ชำระหนี้ในที่สุด
ในทางตรงกันข้าม ตลาดการกู้เงินในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จำนวนมาก ในปีหน้าน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง ก็จะยิ่งทำให้การกู้ยืมในประเทศเหล่านี้ทำได้ง่ายขึ้น และจะนำไปสู่การขายพันธบัตรของรัฐบาลของประเทศเหล่านี้พากันดีตามไปอีกด้วย

ท้ายนี้ ขอให้คุณผู้อ่านทุกท่านสุขภาพแข็งแรง มั่งมีศรีสุข และประสบความสำเร็จในการลงทุน ...สวัสดีปีใหม่ 2562 นะครับ
หาอ่านบทความ และความรู้ด้านการลงทุนของผู้เขียนได้เพิ่มเติมได้ที่ http://www.doctorwe.com
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
โพสต์โพสต์