VIKH#6_2018Oct6-7แชร์สรุปสัมมนา(ตามที่จดได้)
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
VIKH#6_2018Oct6-7แชร์สรุปสัมมนา(ตามที่จดได้)
โพสต์ที่ 1
VIKH#6_2018Oct6-7แชร์สรุปสัมมนา(ตามที่จดได้)
ก่อนอื่นขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
ทัั้งทีมผู้จัดงานVIKH#6 พี่หมอนุ่นและทีมงานทุกๆท่าน
วิทยากรทุกท่านที่สละเวลามาพูด,พี่ๆจากร้านอาหาร/กาแฟ/ร้านหนังสือที่มาร่วมสนับสนุนงาน
รวมถึงผู้เข้าร่วมทุกท่านที่ได้ร่วมบริจาคสมทบทุนให้กับรพ.ที่ขาดแคลน
ผมคิดว่าเป็นสัมมนาที่ดีมากครั้งหนึ่ง ได้ทั้งประโยชน์ความรู้และได้เงินไปช่วยเหลือสังคมครับ
เนื่องจากสัมมนาVIKHจัดเช้า-เย็น 2 วันติดคงไม่สามารถจดได้ครบถ้วนนะครับ
เมื่อวานเห็นมีหลายๆท่านสรุปไว้ดีๆทั้งนั้นเช่น คุณจิม คุณจ๊อบ สามารถหาอ่านได้ในเฟซบุ๊คนะครับ
ส่วนตัวมีบันทึกเนื้อหาบางส่วนด้วยการถ่ายรูปในมือถือ+app Notes ไม่ได้พิมพ์เอาไว้
กับบางส่วนที่พิมพ์ใส่คอม ไว้จะทยอยโพสต์ลงตามsessionที่แก้ไขไม่เยอะก่อนครับ
ขออภัยล่วงหน้าหากมีผิดเพี้ยนไปอย่างไร สามารถช่วยแก้ไขเพิ่มเติมให้ได้นะครับ
7/10/61 Q&A รุมหลังงานกับ พี่โจ๊ค นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
1.จะรู้สิ่งที่ชอบได้อย่างไร?
ลองทำแล้วได้ positive feedback ก็จะรู้ว่าดี
2.มองหุ้นไทย,เศรษฐกิจไทยโต?
เห็นด้วยว่า 10 ปีข้างหน้าไม่ใช่โอกาสของไทย
เพราะทุกประเทศมีช่วงเวลาของตัวเอง ซึ่งเขากำลังทำแบบเรา แต่ถ้าเรากลับไม่สามารถขึ้นไปสูงได้ เหมือนเช่นเกาหลีใต้
ซึ่งเปลี่ยนจากอุตสาหกรรม เป็นขายสื่อ ขาย creative business เพราะเราไม่ได้เตรียมการณ์เอาไว้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว
ไทยเสพติดการลดค่าเงิน กดค่าแรงต่ำ รับจ้างผลิต ทำให้เรากินมาได้ 20 ปี แต่ให้ต่อออกไป 20 ปีโดยปัจจัยเดิม
ไม่สามารถทำได้ เพราะเวียดนาม บังกลาเทศก็ค่าแรงต่ำกว่าเรา ซึ่งเราจำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งความคิดวัฒนธรรมอะไรต่างๆ
ส่วนตลาดหุ้นไทย คิดว่าไม่ได้แย่เหมือนเศรษฐกิจ เพราะโลกอยู่ในยุคเงินล้นโลก
แม้เศรษฐกิจไม่ดีคนก็ต้องเอาเงินมาลงทุนกับหุ้น ดังนั้นถามว่าตลาดหุ้นไทยลงทุนต่อไปได้ไหม คิดว่าได้
3.มุมมอง 7ltg 3 ปีข้างหน้า?
คิดว่าไม่ดีเท่ากับ 7 ปีที่ผ่านมา เพราะลงทุน passive หวังผลตอบแทนแค่ 10% ซึ่งที่ผ่านมาได้มากกว่านั้นเยอะ
ดังนั้นคิดว่าข้างหน้ามีโอกาสวิ่งเข้าหาค่าเฉลี่ย
4. จำเป็นต้องเป็น full time investor?
คิดว่าไม่เป็นสิ่งจำเป็น ยกเว้นรู้สึกทำงานประจำแล้วฝืน เป็นเรื่องของใจ
พอเราสนใจลงทุนจะหมกมุ่นรู้สึกว่าไม่อยากทำแล้ว
5. จุดแข็งไทย?
ท่องเที่ยว เชื่อว่าอีก 10 ปีข้างหน้าก็ยังมีจีนมาเที่ยวกว่านี้ การแพทย์คนไทยมีค่านิยมเรียนหมอ จะได้คนคุณภาพเยอะ
ค่าใช้จ่ายถูกกว่าประเทศพัฒนาแล้วเยอะ จุดแข็งยังเด่นชัดอยู่
ส่วนค้าปลีก มองว่าเป็นหุ้นอันตรายกับ digital disruption ซึ่งช่วงนี้เข้ามาบุกธนาคารกับค้าปลีกมากสุด
ใครกินของเก่า หรือแข็งแกร่งแล้วทำแบบเดิมจะไม่ปลอดภัย ยกเว้น เป็นค้าปลีกที่คิดตลอดเวลา จะเก่งขึ้นไปอีก
จึงได้ประโยชน์ จะมีตัวที่ทั้งแย่ลงและดีขึ้น เช่น convenient store จองทุกที่ให้หัวซอย แต่ทุกวันนี้คนนั่งอยู่บ้านสั่งของมาส่ง
ซึ่งพฤติกรรมคนจะเคยชินไปเรื่อยๆ ต้องปรับตัวเหมือนกัน
6.ทุกวันนี้ทำอะไร?
มีปัญหาเรื่องว่างเกินไป หาอะไรทำที่มีคุณค่า สิ่งที่ขาดไปคือความภูมิใจหรือรู้สึกว่าตัวเองมีค่า
เหมือนเราเป็นผู้บริโภค พยายามทำงาน ที่ไม่จำเป็นต้องคิดถึงกำไรอย่างเดียว แต่สนุกไปด้วยได้
จะใช้เวลา 1-2 วัน ทำงานไม้ใน shop โดยเปิดร้านออนไลน์ใน อิซซี่ดอทคอมในอเมริกา
และส่งไปขาย รู้สึกสนุกได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์และเป็นงานอดิเรก
เวลาที่เหลืออ่านหนังสือเป็นหลัก หาความรู้ใหม่ๆ
7.แนวทางลงทุนมีพัฒนาการอย่างไร?
สมัยก่อนคิดว่าเราเชื่อในตลาดหุ้นใหม่ๆหลายอย่าง ที่เชื่อหัวชนฝา
แต่ตอนนี้ไม่ได้เชื่อแล้ว ต้องเปิดใจ อย่ายึดติดมากเกินไป ต้องลองมองหาวิธีที่เหมาะกับเรา
ทุกวิธีมีคนที่สำเร็จและล้มเหลว ขึ้นกับเข้าใจในวิธีนั้นได้ดีแค่ไหน
ทฤษฎีการเงินปัจจุบันที่เรียนในตำราเกิดในยุค 1920-1930 ตลาดทุนเป็นแบบหนึ่ง ธุรกิจเป็นแบบหนึ่ง
ธุรกิจนั้นไม่สามารถอธิบายระบบเศรษฐกิจปัจจุบันได้ เราอาจจะใช้ tool ไม่เหมาะ
เช่น หลักบัญชี คิดตอนที่ธุรกิจเต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรมจะมอง asset เป็นหลัก PBV ต่ำๆ หุ้นถูก
แต่ธุรกิจใหม่ๆ ไม่ได้ขึ้นกับ asset ที่จับต้องได้ google คุณค่าไม่ได้อยู่ที่ตึกสำนักงาน
แต่เป็นแบรนด์คนรัก คนเชื่อถือ เป็นเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งไม่อยู่ใน BV
จึงไม่ถูกต้องในการวิเคราะห์ ต้องมองว่ามีแนวคิดอะไรยึดถือได้ และอะไรต้องเปลี่ยน
8.Megatrend ของไทย?
ตอนนี้ชอบโรงพยาบาลกับท่องเที่ยว แต่ valuation สูง
ตัวที่ valuation nต่ำ แต่ไม่ชอบอนาคตก็ไม่อยากซื้อเท่าไร เพราะถูกแล้วก็ถูกอีกได้
9. มองEEC ?
มองเป็นวิธีคิด 20 ปีที่แล้วจะทำอย่างไร 20 ปีข้างหน้าจะทำเหมือนเดิม
โดยเพิ่ม benefit ให้มากขึ้น คิดว่าถ้าสำเร็จก็ทำให้ประเทศไทยอยู่ที่เดิมได้
ถ้าจะกลับมาโตเยอะๆ ต้องทำอย่างอื่น หรือเมื่อไรจะตกลงได้ว่าไทยจะทำอะไร
หากรู้ว่ามีแนวทางที่ชัดเจนจะเปลี่ยนตัวเองอย่างไร จึงจะเริ่มมองอย่างอื่นได้
10.ขอคำแนะนำ3ข้อมือใหม่ป้องกันการตายในตลาดหุ้น?
ขอติดไว้ก่อน(แต่ไม่ได้ตอบ )
11.ประเทศไหนมองเป็นโอกาสสุด?
อเมริกามีหลายอย่างเอื้อกับนวัตกรรม จะไปต่อได้ ยุโรปจะมองทาง socialist มาก
เศรษฐกิจอาจไม่โตเท่าที่ควร ญี่ปุ่นมี 2 แบบ คือบางบริษัทติดปัญหาวัฒนธรรมเก่าของญี่ปุ่น
sony, sharp, toshiba ไม่ใช่ยุคเขาแล้ว และเปลี่ยนไม่ได้ด้วย
เพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้เขายิ่งใหญ่มา แต่พวก muji, uniqlo เป็นพวกคิดใหม่ทำใหม่ น่าสนใจ
ประเทศจีน น่าสนใจแต่อยู่ในขั้นปฏิรูปเศรษฐกิจ ช่วงที่โต 7% ได้ตลอดที่ผ่านมาซุกปัญหาไว้เยอะ
ซึ่งเขาคิดว่าถ้าไม่แก้จะระเบิด จึงไม่สนใจการเติบโต แต่เน้นปฏิรูปดีกว่า
12. (ไม่เห็นคำถาม น่าหมายถึงกลุ่มไหนน่าจะยังดีในตลาด) ?
ประกันชีวิตน่าจะดี
13. case study ผิดพลาด?
ส่วนตัวไม่มีโชคกับหุ้นตัวเล็ก ลงทุนแล้วไม่ได้ตาม แล้วไม่ค่อยได้เท่าไร อาจไม่ถนัดขายเร็วขายช้า
14. มุมมอง cpn?
อนาคตห้างอาจขายสินค้าไม่ได้ ต้องตอบโจทย์ lifestyle ที่คนมาพบปะกัน คนไปซื้อของ hypermarket หรือทาง internet
คนไปนั่งกินข้าว coworking space ต้องลดพื้นที่ขายสินค้า ซึ่งน่าจะทำอยู่ และปรับตัวให้เหมาะกับยุค
valuation มองว่าคงแพง แต่หุ้นค้าปลีกก็ ระดับสูงทั้งนั้น
15. มุมมอง ai ในตลาดหุ้น?
เชื่อว่าสุดท้ายตลาดหุ้นจะเหลือแค่คน 2 กลุ่ม คือ คนซื้อหุ้นผ่าน etf และ machine มาซื้อหุ้น
ส่วนคนที่อยู่ตรงกลางจะค่อยๆหายไป คิดว่าช่วงแรกคนมองโรบอทไม่เวิร์ค แต่ต่อไปก็จะปรับปรุงจนคนสู้ไม่ได้
อย่าง volume trade ใน NYSE เกิน 50% เป็นหุ่นยนต์เทรด ผลกระทบในการลงทุน vi คิดว่า 20 ปีนี้
น่าจะมีเวลาที่โปรแกรมไม่สามารถ arbitrage ทุกอย่าง จะมีช่องว่างสำหรับมนุษย์เสมอ
16.รบกวนแนะนำหนังสือที่นักลงทุนควรอ่าน?
เคยมีแนะนำในคลิป หนังสือ future of almost everything
มีรายละเอียดการวิเคราะห์อุตสาหกรรมทุกอย่าง โลกเราอยู่ในช่วงที่วิธีการทำธุรกิจหรือใช้ชีวิตเปลี่ยนไปหน้ามือเป็นหลังมือ
เอา digital เข้ามาจนวิถีชีวิตไม่เหมือนตอนนี้ ต้องมองในแง่บวกเพื่อให้ปรับตัวได้ ถ้ายึดถือกับอะไรเก่าๆจะถูกคลื่นพัดเรา
ถ้าจะคิดให้ลูกเรียนอะไรดี ยากมาก คนที่เรียนตอนนี้ 20 ปีข้างหน้าจะพบว่าใช้ไม่ได้เลยกับชีวิตในอนาคต
อย่างไรก็ต้องเรียน มันเป็นระบบที่วัดคน สิ่งที่สำคัญคือพัฒนา soft skill อย่างภาษา หรือการทำงานร่วมกับคนอื่น
การพูดสร้างแรงบันดาลใจ การทำ presentation อยู่นอกตำรา ซึ่งหลักสูตรปัจจุบันไม่ได้สอนเรื่องนี้กับเด็ก
17. มองการบริหารพอร์ตในปัจจุบันอย่างไร?
valuation สูงกว่า fair value เกือบตลอด มีอะไรมากระทบหุ้นมักจะลงได้แรง
และมักจะกลับขึ้นมาได้เร็ว เพราะ เงินล้น คนไม่รู้จะเอาเงินไปไว้ไหน ก็แพงตลอดเวลา
คนก็จะหนีเมื่อเกิดอะไรขึ้น จึงต้องเลือกพอร์ตให้เหมาะกับสถานการณ์
ส่วนตัวเป็น passive มีเงินส่วนหนึ่งที่ DCA และเก็บไว้เฉยๆ เมื่อหุ้นตกมากจะเอาเงินส่วนนั้นเข้ามาซื้อ
อาจจะได้หุ้นราคาแพงเป็นราคาที่ fair
18. มองที่เขาบอกนักเศรษฐศาสตร์มักผิดเพราะใช้เหตุผลอย่างไรบ้าง?
ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เกิดจากการ assume ว่ามนุษย์เป็น rational creature
ซึ่งสมมติฐานเขาวิเคราะห์และไป test และอธิบายโลกได้ดีระดับหนึ่งหรือเปล่า
ตอนนี้จะมีเศรษฐศาสตร์แนว behavior ที่มาแรง จึงมีการปรับตัวเอง มี assumption ใหม่
ถ้าคนเต็มไปด้วยอารมณ์ จะอธิบายปรากฏการณ์ทางเศรษฐศาสตร์อย่างไร
19.พอร์ตแค่ไหนพอ?
ถ้าพอร์ตให้ผลตอบแทนมากกว่าค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องทำงานแล้ว
ในอนาคตถ้าลงทุนแบบนี้ต่อไปก็ต้องได้ผลตอบแทนมากขึ้นอีก จึงไม่น่าที่จะพอร์ตหมด
20. แก่นการลงทุนทุกวันนี้?
ขยับให้น้อยที่สุด คิดว่า passive เหมาะกับทุกวันนี้
แต่ไม่ได้แปลว่า active ไม่ดี ถ้ามีเป้าหมายลงทุนสูงมากๆ เช่น 20-50%
passive จะไม่มีทางตอบโจทย์
21.อิสรภาพทางการเงินแล้วเป็นอย่างไร?
คนเราไม่พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ตอนเด็ก เคยคิดว่าได้เงินเดือนเป็นแสน ก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
พอได้ไปทำงานต่างประเทศก็ได้จริงๆ แล้ว แต่ก็อยากได้ work life balance แทน
เป็นเหมือน maslow ที่คนมีความต้องการเป็นขั้นๆไปเรื่อย ตอนนี้ต้องการทำอะไรบางอย่างที่ได้ fulfill ตัวเอง
22.มองโรงพยาบาลไทย?
โรงพยาบาลที่จะ capture value ได้มากสุด
ต้องขยับไป serve ลูกค้าต่างประเทศ เม็ดเงินจากต่างประเทศ
23.สัดส่วนหุ้นต่างประเทศ?
มีพอร์ตต่างประเทศมากกว่าไทย มองว่าลงทุนต่างประเทศดี แต่ไม่ได้จำเป็น
24. mint,centel,erw จะโดน airbnb disrupt ไหม?
ก็เป็นไปได้ ต้องเฝ้าดูว่าจะมีการปรับตัวไหม
25.purpose of life?
ยังคิดอยู่ แต่ละคนไม่เหมือนกัน
26. trend cashless และบัตรเครดิต?
ถ้าดูจีนจะเป็น model หลักของโลก เชื่อว่าอีคอมเมิร์ซจีนก้าวหน้ากว่าอเมริกา
เซี่ยงไฮ้คิดว่าเปิดหูเปิดตามาก คนจีนเสพติดการทำอะไรในมือถือ
สมัยมี concept super app ทำได้ทุกอย่าง
ตอนนี้ cashlessไปถึงหาบเร่แผงลอยก็ใช้ qr code ก็มีคน 30-40% ที่ออกจากบ้านไม่พกเงิน
เขาไปได้เร็วเพราะไม่ติดกับ legacy เก่าๆ แบบยุโรป หรือญี่ปุ่น ซึ่งไทยก็เหมือนกัน
ส่วน บัตรเครดิต ถ้าอยู่เฉยๆ จะโดน alipay, wechat pay แย่งธุรกิจไป
27. passive investor ด้วย jitta ?
ยังไม่เคยดูรายละเอียด มี passive หลายแบบ ใช้ ratio น่าจะเป็น factor investing
หวังว่าจะลงทุนได้ดีกว่า index ส่วนตัวใช้ qualitative สร้าง index และลงทุนโดยไม่ต้องซื้อๆขายๆ
28. อีก 10-20 ปี จะเป็นเหมือนพวกอาร์เจนติน่า,ตุรกีไหม?
ไม่น่าขนาดนั้น เรามีทุนสำรองประเทศค่อนข้างเยอะ ฐานะการเงินดี ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
ไทยถูกมองเป็น emerging ที่มีฐานะการเงินดีกว่าเพื่อนบ้าน แค่เวลาเติบโตเราโตไม่เท่าเขา
29. วิธีมองหุ้น?
แนว qualitative อยู่ ดูว่า 5 ปีข้างหน้ามันต้องดีขึ้น ธุรกิจใหญ่กว่านี้ แข็งแรงพอสมควร
แล้วดูราคาที่เหมาะสมประมาณไหน
ต้องกระจายระดับหนึ่ง แต่อย่ากระจายจนเบี้ยหัวแตก
ไม่มีตัวที่มั่นใจสุด เพราะทุกธุรกิจจะมีทั้งข้อดีและเสีย
ถ้าตัวไหนไม่มีข้อเสียเลย ให้สงสัยว่า เราอาจจะเคลิ้มกับหุ้นตัวนั้นอยู่หรือเปล่า
ก่อนอื่นขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
ทัั้งทีมผู้จัดงานVIKH#6 พี่หมอนุ่นและทีมงานทุกๆท่าน
วิทยากรทุกท่านที่สละเวลามาพูด,พี่ๆจากร้านอาหาร/กาแฟ/ร้านหนังสือที่มาร่วมสนับสนุนงาน
รวมถึงผู้เข้าร่วมทุกท่านที่ได้ร่วมบริจาคสมทบทุนให้กับรพ.ที่ขาดแคลน
ผมคิดว่าเป็นสัมมนาที่ดีมากครั้งหนึ่ง ได้ทั้งประโยชน์ความรู้และได้เงินไปช่วยเหลือสังคมครับ
เนื่องจากสัมมนาVIKHจัดเช้า-เย็น 2 วันติดคงไม่สามารถจดได้ครบถ้วนนะครับ
เมื่อวานเห็นมีหลายๆท่านสรุปไว้ดีๆทั้งนั้นเช่น คุณจิม คุณจ๊อบ สามารถหาอ่านได้ในเฟซบุ๊คนะครับ
ส่วนตัวมีบันทึกเนื้อหาบางส่วนด้วยการถ่ายรูปในมือถือ+app Notes ไม่ได้พิมพ์เอาไว้
กับบางส่วนที่พิมพ์ใส่คอม ไว้จะทยอยโพสต์ลงตามsessionที่แก้ไขไม่เยอะก่อนครับ
ขออภัยล่วงหน้าหากมีผิดเพี้ยนไปอย่างไร สามารถช่วยแก้ไขเพิ่มเติมให้ได้นะครับ
7/10/61 Q&A รุมหลังงานกับ พี่โจ๊ค นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
1.จะรู้สิ่งที่ชอบได้อย่างไร?
ลองทำแล้วได้ positive feedback ก็จะรู้ว่าดี
2.มองหุ้นไทย,เศรษฐกิจไทยโต?
เห็นด้วยว่า 10 ปีข้างหน้าไม่ใช่โอกาสของไทย
เพราะทุกประเทศมีช่วงเวลาของตัวเอง ซึ่งเขากำลังทำแบบเรา แต่ถ้าเรากลับไม่สามารถขึ้นไปสูงได้ เหมือนเช่นเกาหลีใต้
ซึ่งเปลี่ยนจากอุตสาหกรรม เป็นขายสื่อ ขาย creative business เพราะเราไม่ได้เตรียมการณ์เอาไว้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว
ไทยเสพติดการลดค่าเงิน กดค่าแรงต่ำ รับจ้างผลิต ทำให้เรากินมาได้ 20 ปี แต่ให้ต่อออกไป 20 ปีโดยปัจจัยเดิม
ไม่สามารถทำได้ เพราะเวียดนาม บังกลาเทศก็ค่าแรงต่ำกว่าเรา ซึ่งเราจำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งความคิดวัฒนธรรมอะไรต่างๆ
ส่วนตลาดหุ้นไทย คิดว่าไม่ได้แย่เหมือนเศรษฐกิจ เพราะโลกอยู่ในยุคเงินล้นโลก
แม้เศรษฐกิจไม่ดีคนก็ต้องเอาเงินมาลงทุนกับหุ้น ดังนั้นถามว่าตลาดหุ้นไทยลงทุนต่อไปได้ไหม คิดว่าได้
3.มุมมอง 7ltg 3 ปีข้างหน้า?
คิดว่าไม่ดีเท่ากับ 7 ปีที่ผ่านมา เพราะลงทุน passive หวังผลตอบแทนแค่ 10% ซึ่งที่ผ่านมาได้มากกว่านั้นเยอะ
ดังนั้นคิดว่าข้างหน้ามีโอกาสวิ่งเข้าหาค่าเฉลี่ย
4. จำเป็นต้องเป็น full time investor?
คิดว่าไม่เป็นสิ่งจำเป็น ยกเว้นรู้สึกทำงานประจำแล้วฝืน เป็นเรื่องของใจ
พอเราสนใจลงทุนจะหมกมุ่นรู้สึกว่าไม่อยากทำแล้ว
5. จุดแข็งไทย?
ท่องเที่ยว เชื่อว่าอีก 10 ปีข้างหน้าก็ยังมีจีนมาเที่ยวกว่านี้ การแพทย์คนไทยมีค่านิยมเรียนหมอ จะได้คนคุณภาพเยอะ
ค่าใช้จ่ายถูกกว่าประเทศพัฒนาแล้วเยอะ จุดแข็งยังเด่นชัดอยู่
ส่วนค้าปลีก มองว่าเป็นหุ้นอันตรายกับ digital disruption ซึ่งช่วงนี้เข้ามาบุกธนาคารกับค้าปลีกมากสุด
ใครกินของเก่า หรือแข็งแกร่งแล้วทำแบบเดิมจะไม่ปลอดภัย ยกเว้น เป็นค้าปลีกที่คิดตลอดเวลา จะเก่งขึ้นไปอีก
จึงได้ประโยชน์ จะมีตัวที่ทั้งแย่ลงและดีขึ้น เช่น convenient store จองทุกที่ให้หัวซอย แต่ทุกวันนี้คนนั่งอยู่บ้านสั่งของมาส่ง
ซึ่งพฤติกรรมคนจะเคยชินไปเรื่อยๆ ต้องปรับตัวเหมือนกัน
6.ทุกวันนี้ทำอะไร?
มีปัญหาเรื่องว่างเกินไป หาอะไรทำที่มีคุณค่า สิ่งที่ขาดไปคือความภูมิใจหรือรู้สึกว่าตัวเองมีค่า
เหมือนเราเป็นผู้บริโภค พยายามทำงาน ที่ไม่จำเป็นต้องคิดถึงกำไรอย่างเดียว แต่สนุกไปด้วยได้
จะใช้เวลา 1-2 วัน ทำงานไม้ใน shop โดยเปิดร้านออนไลน์ใน อิซซี่ดอทคอมในอเมริกา
และส่งไปขาย รู้สึกสนุกได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์และเป็นงานอดิเรก
เวลาที่เหลืออ่านหนังสือเป็นหลัก หาความรู้ใหม่ๆ
7.แนวทางลงทุนมีพัฒนาการอย่างไร?
สมัยก่อนคิดว่าเราเชื่อในตลาดหุ้นใหม่ๆหลายอย่าง ที่เชื่อหัวชนฝา
แต่ตอนนี้ไม่ได้เชื่อแล้ว ต้องเปิดใจ อย่ายึดติดมากเกินไป ต้องลองมองหาวิธีที่เหมาะกับเรา
ทุกวิธีมีคนที่สำเร็จและล้มเหลว ขึ้นกับเข้าใจในวิธีนั้นได้ดีแค่ไหน
ทฤษฎีการเงินปัจจุบันที่เรียนในตำราเกิดในยุค 1920-1930 ตลาดทุนเป็นแบบหนึ่ง ธุรกิจเป็นแบบหนึ่ง
ธุรกิจนั้นไม่สามารถอธิบายระบบเศรษฐกิจปัจจุบันได้ เราอาจจะใช้ tool ไม่เหมาะ
เช่น หลักบัญชี คิดตอนที่ธุรกิจเต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรมจะมอง asset เป็นหลัก PBV ต่ำๆ หุ้นถูก
แต่ธุรกิจใหม่ๆ ไม่ได้ขึ้นกับ asset ที่จับต้องได้ google คุณค่าไม่ได้อยู่ที่ตึกสำนักงาน
แต่เป็นแบรนด์คนรัก คนเชื่อถือ เป็นเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งไม่อยู่ใน BV
จึงไม่ถูกต้องในการวิเคราะห์ ต้องมองว่ามีแนวคิดอะไรยึดถือได้ และอะไรต้องเปลี่ยน
8.Megatrend ของไทย?
ตอนนี้ชอบโรงพยาบาลกับท่องเที่ยว แต่ valuation สูง
ตัวที่ valuation nต่ำ แต่ไม่ชอบอนาคตก็ไม่อยากซื้อเท่าไร เพราะถูกแล้วก็ถูกอีกได้
9. มองEEC ?
มองเป็นวิธีคิด 20 ปีที่แล้วจะทำอย่างไร 20 ปีข้างหน้าจะทำเหมือนเดิม
โดยเพิ่ม benefit ให้มากขึ้น คิดว่าถ้าสำเร็จก็ทำให้ประเทศไทยอยู่ที่เดิมได้
ถ้าจะกลับมาโตเยอะๆ ต้องทำอย่างอื่น หรือเมื่อไรจะตกลงได้ว่าไทยจะทำอะไร
หากรู้ว่ามีแนวทางที่ชัดเจนจะเปลี่ยนตัวเองอย่างไร จึงจะเริ่มมองอย่างอื่นได้
10.ขอคำแนะนำ3ข้อมือใหม่ป้องกันการตายในตลาดหุ้น?
ขอติดไว้ก่อน(แต่ไม่ได้ตอบ )
11.ประเทศไหนมองเป็นโอกาสสุด?
อเมริกามีหลายอย่างเอื้อกับนวัตกรรม จะไปต่อได้ ยุโรปจะมองทาง socialist มาก
เศรษฐกิจอาจไม่โตเท่าที่ควร ญี่ปุ่นมี 2 แบบ คือบางบริษัทติดปัญหาวัฒนธรรมเก่าของญี่ปุ่น
sony, sharp, toshiba ไม่ใช่ยุคเขาแล้ว และเปลี่ยนไม่ได้ด้วย
เพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้เขายิ่งใหญ่มา แต่พวก muji, uniqlo เป็นพวกคิดใหม่ทำใหม่ น่าสนใจ
ประเทศจีน น่าสนใจแต่อยู่ในขั้นปฏิรูปเศรษฐกิจ ช่วงที่โต 7% ได้ตลอดที่ผ่านมาซุกปัญหาไว้เยอะ
ซึ่งเขาคิดว่าถ้าไม่แก้จะระเบิด จึงไม่สนใจการเติบโต แต่เน้นปฏิรูปดีกว่า
12. (ไม่เห็นคำถาม น่าหมายถึงกลุ่มไหนน่าจะยังดีในตลาด) ?
ประกันชีวิตน่าจะดี
13. case study ผิดพลาด?
ส่วนตัวไม่มีโชคกับหุ้นตัวเล็ก ลงทุนแล้วไม่ได้ตาม แล้วไม่ค่อยได้เท่าไร อาจไม่ถนัดขายเร็วขายช้า
14. มุมมอง cpn?
อนาคตห้างอาจขายสินค้าไม่ได้ ต้องตอบโจทย์ lifestyle ที่คนมาพบปะกัน คนไปซื้อของ hypermarket หรือทาง internet
คนไปนั่งกินข้าว coworking space ต้องลดพื้นที่ขายสินค้า ซึ่งน่าจะทำอยู่ และปรับตัวให้เหมาะกับยุค
valuation มองว่าคงแพง แต่หุ้นค้าปลีกก็ ระดับสูงทั้งนั้น
15. มุมมอง ai ในตลาดหุ้น?
เชื่อว่าสุดท้ายตลาดหุ้นจะเหลือแค่คน 2 กลุ่ม คือ คนซื้อหุ้นผ่าน etf และ machine มาซื้อหุ้น
ส่วนคนที่อยู่ตรงกลางจะค่อยๆหายไป คิดว่าช่วงแรกคนมองโรบอทไม่เวิร์ค แต่ต่อไปก็จะปรับปรุงจนคนสู้ไม่ได้
อย่าง volume trade ใน NYSE เกิน 50% เป็นหุ่นยนต์เทรด ผลกระทบในการลงทุน vi คิดว่า 20 ปีนี้
น่าจะมีเวลาที่โปรแกรมไม่สามารถ arbitrage ทุกอย่าง จะมีช่องว่างสำหรับมนุษย์เสมอ
16.รบกวนแนะนำหนังสือที่นักลงทุนควรอ่าน?
เคยมีแนะนำในคลิป หนังสือ future of almost everything
มีรายละเอียดการวิเคราะห์อุตสาหกรรมทุกอย่าง โลกเราอยู่ในช่วงที่วิธีการทำธุรกิจหรือใช้ชีวิตเปลี่ยนไปหน้ามือเป็นหลังมือ
เอา digital เข้ามาจนวิถีชีวิตไม่เหมือนตอนนี้ ต้องมองในแง่บวกเพื่อให้ปรับตัวได้ ถ้ายึดถือกับอะไรเก่าๆจะถูกคลื่นพัดเรา
ถ้าจะคิดให้ลูกเรียนอะไรดี ยากมาก คนที่เรียนตอนนี้ 20 ปีข้างหน้าจะพบว่าใช้ไม่ได้เลยกับชีวิตในอนาคต
อย่างไรก็ต้องเรียน มันเป็นระบบที่วัดคน สิ่งที่สำคัญคือพัฒนา soft skill อย่างภาษา หรือการทำงานร่วมกับคนอื่น
การพูดสร้างแรงบันดาลใจ การทำ presentation อยู่นอกตำรา ซึ่งหลักสูตรปัจจุบันไม่ได้สอนเรื่องนี้กับเด็ก
17. มองการบริหารพอร์ตในปัจจุบันอย่างไร?
valuation สูงกว่า fair value เกือบตลอด มีอะไรมากระทบหุ้นมักจะลงได้แรง
และมักจะกลับขึ้นมาได้เร็ว เพราะ เงินล้น คนไม่รู้จะเอาเงินไปไว้ไหน ก็แพงตลอดเวลา
คนก็จะหนีเมื่อเกิดอะไรขึ้น จึงต้องเลือกพอร์ตให้เหมาะกับสถานการณ์
ส่วนตัวเป็น passive มีเงินส่วนหนึ่งที่ DCA และเก็บไว้เฉยๆ เมื่อหุ้นตกมากจะเอาเงินส่วนนั้นเข้ามาซื้อ
อาจจะได้หุ้นราคาแพงเป็นราคาที่ fair
18. มองที่เขาบอกนักเศรษฐศาสตร์มักผิดเพราะใช้เหตุผลอย่างไรบ้าง?
ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เกิดจากการ assume ว่ามนุษย์เป็น rational creature
ซึ่งสมมติฐานเขาวิเคราะห์และไป test และอธิบายโลกได้ดีระดับหนึ่งหรือเปล่า
ตอนนี้จะมีเศรษฐศาสตร์แนว behavior ที่มาแรง จึงมีการปรับตัวเอง มี assumption ใหม่
ถ้าคนเต็มไปด้วยอารมณ์ จะอธิบายปรากฏการณ์ทางเศรษฐศาสตร์อย่างไร
19.พอร์ตแค่ไหนพอ?
ถ้าพอร์ตให้ผลตอบแทนมากกว่าค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องทำงานแล้ว
ในอนาคตถ้าลงทุนแบบนี้ต่อไปก็ต้องได้ผลตอบแทนมากขึ้นอีก จึงไม่น่าที่จะพอร์ตหมด
20. แก่นการลงทุนทุกวันนี้?
ขยับให้น้อยที่สุด คิดว่า passive เหมาะกับทุกวันนี้
แต่ไม่ได้แปลว่า active ไม่ดี ถ้ามีเป้าหมายลงทุนสูงมากๆ เช่น 20-50%
passive จะไม่มีทางตอบโจทย์
21.อิสรภาพทางการเงินแล้วเป็นอย่างไร?
คนเราไม่พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ตอนเด็ก เคยคิดว่าได้เงินเดือนเป็นแสน ก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
พอได้ไปทำงานต่างประเทศก็ได้จริงๆ แล้ว แต่ก็อยากได้ work life balance แทน
เป็นเหมือน maslow ที่คนมีความต้องการเป็นขั้นๆไปเรื่อย ตอนนี้ต้องการทำอะไรบางอย่างที่ได้ fulfill ตัวเอง
22.มองโรงพยาบาลไทย?
โรงพยาบาลที่จะ capture value ได้มากสุด
ต้องขยับไป serve ลูกค้าต่างประเทศ เม็ดเงินจากต่างประเทศ
23.สัดส่วนหุ้นต่างประเทศ?
มีพอร์ตต่างประเทศมากกว่าไทย มองว่าลงทุนต่างประเทศดี แต่ไม่ได้จำเป็น
24. mint,centel,erw จะโดน airbnb disrupt ไหม?
ก็เป็นไปได้ ต้องเฝ้าดูว่าจะมีการปรับตัวไหม
25.purpose of life?
ยังคิดอยู่ แต่ละคนไม่เหมือนกัน
26. trend cashless และบัตรเครดิต?
ถ้าดูจีนจะเป็น model หลักของโลก เชื่อว่าอีคอมเมิร์ซจีนก้าวหน้ากว่าอเมริกา
เซี่ยงไฮ้คิดว่าเปิดหูเปิดตามาก คนจีนเสพติดการทำอะไรในมือถือ
สมัยมี concept super app ทำได้ทุกอย่าง
ตอนนี้ cashlessไปถึงหาบเร่แผงลอยก็ใช้ qr code ก็มีคน 30-40% ที่ออกจากบ้านไม่พกเงิน
เขาไปได้เร็วเพราะไม่ติดกับ legacy เก่าๆ แบบยุโรป หรือญี่ปุ่น ซึ่งไทยก็เหมือนกัน
ส่วน บัตรเครดิต ถ้าอยู่เฉยๆ จะโดน alipay, wechat pay แย่งธุรกิจไป
27. passive investor ด้วย jitta ?
ยังไม่เคยดูรายละเอียด มี passive หลายแบบ ใช้ ratio น่าจะเป็น factor investing
หวังว่าจะลงทุนได้ดีกว่า index ส่วนตัวใช้ qualitative สร้าง index และลงทุนโดยไม่ต้องซื้อๆขายๆ
28. อีก 10-20 ปี จะเป็นเหมือนพวกอาร์เจนติน่า,ตุรกีไหม?
ไม่น่าขนาดนั้น เรามีทุนสำรองประเทศค่อนข้างเยอะ ฐานะการเงินดี ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
ไทยถูกมองเป็น emerging ที่มีฐานะการเงินดีกว่าเพื่อนบ้าน แค่เวลาเติบโตเราโตไม่เท่าเขา
29. วิธีมองหุ้น?
แนว qualitative อยู่ ดูว่า 5 ปีข้างหน้ามันต้องดีขึ้น ธุรกิจใหญ่กว่านี้ แข็งแรงพอสมควร
แล้วดูราคาที่เหมาะสมประมาณไหน
ต้องกระจายระดับหนึ่ง แต่อย่ากระจายจนเบี้ยหัวแตก
ไม่มีตัวที่มั่นใจสุด เพราะทุกธุรกิจจะมีทั้งข้อดีและเสีย
ถ้าตัวไหนไม่มีข้อเสียเลย ให้สงสัยว่า เราอาจจะเคลิ้มกับหุ้นตัวนั้นอยู่หรือเปล่า
Go against and stay alive.
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VIKH#6_2018Oct6-7แชร์สรุปสัมมนา(ตามที่จดได้)
โพสต์ที่ 2
VIKH#6 : 6/10/61 เคล็ดลับการลงทุน พี่โจ ลูกอีสาน
คำแนะนำธรรมดา เพื่อกำไรที่ไม่ธรรมดา
1. การลงทุนแบบ VI
- เป็นวิธีการเปลี่ยนชนชั้น ที่เป็นไปได้มากที่สุด
เมื่อเปรียบเทียบวิธีการอื่น เช่น: สร้างธุรกิจเอง , ค้ายา , เล่นหวย ,จับคนรวย
2. ความสำเร็จที่ทุกคนเห็นซ่อนเร้นเบื้องหลัง ที่ยากลำบาก
- เราโตมาในยุค อินเตอร์เน็ท ทำให้อดทนไม่ได้ อยากได้ง่ายๆเร็วๆ
- รวยเร็วๆ รวยง่ายๆ คนก็รวยกันทั้งประเทศ จงระวังผู้เชี่ยวชาญในอินเทอร์เน็ต
- เราต้องทำตัวให้สมควรได้รับ แต่จะมีสักกี่คนที่ลงมือทำ
3. คุณภาพ(น้ำหนัก) / ราคา = ความคุ้มค่า
- คือจิตวิญญาณ VI
- งานหลักคือต้องวิเคราะห์คุณภาพกิจการที่จะลงทุนให้ได้
ส่วนราคาคือระดับ PE คุณภาพยิ่งดี ราคาก็แพง ถ้าหากคุณภาพงั้นๆ แต่ราคาแพง ต้องขายให้เร็วที่สุด
- สินทรัพย์ = หนี้สิน + ทุน คือสมการพื้นฐานที่เราใช้กัน
4. VI ไม่ใช่ วิธี แต่เป็นปรัชญา
- สังเกตว่าบุคลิก บัฟเฟต์, ดร.นิเวศน์,พี่โจ มีอะไรที่คล้ายๆกัน
เพราะเป็นปรัชญาที่มาจากภายใน
5. ความเชื่อที่ต้องฝังเข้าไปในกระดูก เลือด และเส้นเอ็นของคุณ
- หุ้นและธุรกิจคือสิ่งเดียวกัน วันที่ผ่านวิกฤติขาดทุนหุ้นไป 50%
หาก cut loss ไปวันนั้นก็ไม่มีวันนี้ ความเชื่อนี้จะเป็น เสื้อเกราะ ที่คุ้มครองไปตลอดชีวิต
6. ครึ่งหนึ่งของการลงทุนให้สำเร็จอยู่ที่เลือกอาจารย์ถูกคน
- ถ้าก่อนหน้าไปเลือก อ.อื่น พี่โจก็จะเป็นอีกแบบ
แต่โชคดีที่เลือก อ.นิเวศน์ เลือก บัฟเฟตต์ สำคัญมาก เพราะ idol เป็นต้นแบบของคุณ
- หนังสือ the world 99 greatest investor หนึ่งในนั้น คือ ดร.นิเวศน์ ด้วย
ซึ่งสรุปจากหนังสือมีผู้สำเร็จจากแนวทาง Value 52% contrarian 25% Quality 22% Growth 20%
Quantitative 13% trader 12% [รวม % มากกว่า 100% เพราะมีคนที่ใช้มากกว่า 1 แนวทาง]
- เก่งแค่ไหนเดินผิดทางก็ไม่ถึงจุดหมาย คนเก่งๆ ถ้าผิดวิธีก็เจ๊งเหมือนกัน
7. เสือทุกตัว ย่อมมีเส้นทางของมัน
- พี่โจเคารพดร.นิเวศน์มาก แต่ไม่เคยซื้อหุ้นตาม ต้องเชื่อมั่นในแบบแผนที่ตัวเองเป็น
8. อุดมการณ์กินไม่ได้ แต่มันทำให้เรารู้ว่า มีชีวิตเพื่ออะไร
- พี่โจเป็นนักลงทุนคนแรกที่ประกาศว่าไม่ใช้ข้อมูล insider หาผลประโยชน์
เคยมีคนมาบอก ว่าจะบริษัทจะทำ tendor แต่ก็ลังเลใจ สุดท้ายมันก็ทำจริงๆ
- ประกาศว่าไม่เยี่ยมกิจการ เข้าถึงข้อมูลในการเอาเปรียบ เป็นอุดมการณ์
เราอ่านข้อมูลสาธารณะ ถ้าลงทุนโทษตัวเอง อย่าไปโทษคนอื่น
วัดกันที่ไอเดียความคิด ไม่ได้วัดเพราะไปคุยกับผู้บริหาร
- จะบริจาคเงิน (ส่วนใหญ่) คืนให้สังคม : คนหนึ่งที่นับถือ คือ พี่เวบ พรชัย
แกบอกไม่อยากจัดสัมมนาหุ้น ทำให้คนรวยรวยขึ้น
แต่คนเหล่านี้ไม่เคยช่วยเหลือ สังคม มีประโยชน์อะไร ถ้ามีเงินฝากแบงค์ เกิดประโยชน์อะไรกับสังคม
9. พลังของย่างก้าว(พี่ตูน)
- มันมาจากสมการ “การทบต้น” ถ้าใครเข้าใจถ่องแท้ ชีวิตจะเปลี่ยน
ตัวแปรมี 3 ตัว ผลตอบแทน ระยะเวลา เงินลงทุน เชื่อว่าถ้าเริ่มลงทุนเร็ว ไม่ตกม้าตายก่อน รวยแน่นอน
- เดินทางหมื่นลี้ ต้องเดินทีละก้าว ไม่จำเป็นต้องเก่ง แต่ต้องอาศัยความอึด
- ที่ผ่านมาก็พยายามระมัดระวัง ไม่ใช่มาร์จิ้นรีบรวยเร็ว
สุดท้ายวันนี้ก็รวยกว่าคนที่เสี่ยงมากเกินไป ปัญหาคือห้ามตาย
10. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
- คบหา พูดคุย กับกลุ่มคนเดียวกัน หมั่นเติมพลังให้กัน (motivated ขายตรง)
- อ่านหนังสือ บทกวี ฟังบทเพลงให้กำลังใจ
- เมื่อเริ่มสู้นั้นมันมืดยิ่งกว่ามืด ครั้งยืนหยัดยาวยืด มืดค่อยหาย
พอมองเห็นรางๆอยู่ทางปลาย ชัยชนะขั้นสุดท้ายไม่เกินรอ … เปลื้อง วรรณศรี
เป็นบทกลอนที่เขียนแปะไว้ตอนอยู่ในสลัม วันหนึ่งต้องอยู่คฤหาสน์
วันที่ไปล้างจานที่อเมริกา เป็นชนชั้นด้านล่าง คิดไว้เสมอว่าวันหนึ่งต้องกลับไปเป็นชนชั้นบนๆ
11. [ไม่มี-ข้าม]
12. อย่าติดกับดับปันผล
- มีวีไอหลายคนตายเพราะซื้อหุ้นหวังปันผล เช่น mfec
- ปันผลมาจากกำไรในอดีต อาจมาจาก “กำไรพิเศษ” หรือ “กำไรที่ดีเกินจริง”
วันหนึ่งมันเปลี่ยนแปลง กำไรไม่ดี ปันผลลดลง กำไรลดลง
- ตัวอย่าง pm ปีก่อนมีกำไรพิเศษ ขายหุ้นบริษัทลูก
ปันผลมากกว่าปกติด้วย(เช่นจากจาก 50% เป็น 60% ราคาลดลงจาก 12.3 เหลือ 8.95 ปันผล เพิ่มขึ้นด้วย)
- ตัวอย่าง PMTA กำไรดีมาหลายปี(ปี 58-60) ปันผลก้ได้ (5.9% , 6.2%)
ปรากฏปี 61 กำไรลดลง ราคาหุ้นก็ร่วง ปันผลก็ลด ไม่คุ้มเลย
- สิ่งที่เราต้องการคือ คุณภาพของปันผล = ปันผลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และคาดการณ์ได้
13. หุ้นคุณฆ่า วีไอ คือ หุ้นวัฏจักร
- พูดเพราะเจ็บมาเยอะ ปีนี้โดนตัวละ 30-40% หลายตัว
- เพราะเราจะไปซื้อตอนที่มันดีกว่าปกติ เช่น หุ้นผลิตภัณฑ์พลาสติก
เป็นบริษัทนวัตกรรม โดนไปเกือบ 50% และถือเยอะ ตอนซื้อกำไรดีมาก ราคาน้ำมันตกต่ำ เม็ดพลาสติกก็ราคาตกต่ำ
- ตัวอย่าง MCS ปี 58-59 ดีมาก ราคาดีสุด 17.2 ตอนนี้เหลือ 7.15 จุดที่ดีสุดคือ อันตรายสุด
- ตัวอย่าง work ปี 60 จาก 44 เป็น 84.25 และหลังจากนั้นก็ลงมาใหม่ (ช่วงพีค mask singer)
- ปัญหาคือ นักลงทุนไม่รู้ว่าเป็นหุ้นวัฏจักร เช่น หุ้นผลิตท่อ ลงไป 50% ต้นทุนเป็นพลาสติค
- นักรบต้องมีบาดแผล แต่ขอให้เป็นบาดแผลคนอื่นจะดีกว่า
14. คุณภาพของกำไรสำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆ
- ตลาดจะให้ราคาสูง กับ หุ้นที่กำไรเติบโต ยั่งยืน และกระทืบหุ้นที่คุณภาพ กำไรแย่
- ตัวอย่าง เช่นอสังหา หุ้นก็ pe ต่ำมาตั้งนานแล้ว สุดท้ายก็เข้าใจว่าตลาดไม่ได้โง่
15. ทำทะเลให้แคบลง ขังปลาให้อยู่ในสุ่ม
- จะได้ควานหาได้ง่ายขึ้น ทำ universe ให้แคบลงก่อน
โดย ขจัด หุ้นที่ไม่เข้าใจ(เช่น ปูนใหญ่), หุ้นที่ผูบริหารไม่น่าคบ(ไอเฟค,โพลาร์,เบตเตอร์เวิร์ล),
หุ้นที่ติดตามไม่ได้ (ปิโตรเคมี, เอฟเอ็มที, อลูคอน ,ฝาจีบไม่รู้จะติดตามยังไง),
หุ้นกำไรเป็นเต่า กำไรไม่เติบโต (อย่าสนใจ),
หุ้นในกระแส (เช่น หุ้นพลังงานทดแทน หุ้นที่อยู่ในกระแส มัน price in ไปแล้ว )
- จากเจ็ดร้อยกว่าตัว ตัดไปก็เหลือแค่สองร้อยตัว
16. อย่าจับจด
- อย่ามองจุดเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้สำคัญ จะทำให้พลาดภาพใหญ่
เช่น cpall,aot,jas,banpu,human พวกนี้ปรับตัวขึ้นทั้งนั้น
- cpall มีดราม่าผู้บริหารขายหุ้น ลงมา 34-38
บางคนถือมาเป็นสิบปีและตัดสินใจขายวันนั้น แต่ ณ วันนั้น
มีคนที่พลาดหุ้นตัวนี้นับ 10 ปี และได้ซื้อหุ้น ขึ้นขบวนรถ
มองว่าเป็นประเด็นเล็กๆ ที่ไม่ได้กระทบกำไรบริษัท ไปขาย 48
- Aot มีคนบอกหุ้นราชการ บริหารโกงกิน แต่พายุมันพัดมาก็ทำให้หุ้นค้างฟ้า
- Jas ทำบรอดแบนด์ สุดท้ายขึ้นมากี่เท่า
- Banpu ถ่านหินสกปรกที่อื่นก็ใช้กัน
- Human มัน recurring มีผู้บริหารที่ดี
- คนที่เน้นปันผลก็เหมือนกัน จับจด ปันผล และพลาด capital gain
- เราต้องอยู่กับความไม่สมบูรณ์ ไม่เคยมีหุ้นไร้ตำหนิ ต้อง มองแบบองค์รวม
อย่าแสวงหาความสมบูรณ์แบบในตลาดหุ้น
17. ซื้อหุ้น pe สูง เหมือนปีนต้นไม้สูง พลัดตกลงมา คุณอาจถึงตาย
- ตัวอย่าง beauty cbg au tkn tpch ddd rs ขนาดบิวตี้ยังลงฟลอร์ได้
- ตรงกันข้าม ซื้อหุ้น pe ต้ำ เหมือนกับปีนต้นไม้เตี้ย คุณแค่จุก ลง 1x% มี pe มีปันผลค้ำ
18. In valuation you don’t have to be accurate
- คุณต้องการแค่คร่าวๆ ประมาณๆ ทุกอย่างมัน dynamic มูลค่าก็ต้องเปลี่ยนด้วย
- ทุกวันนี้บางทีไม่ได้ประเมินมูลค่า แต่ก็กะว่าอยู่ราว 5-6 ไม่ได้คำนวณออกมาเป็น 5.4
19. การวิเคราะห์หุ้นคืออะไรกันแน่
- มันคือ การวิเคราะห์กำไร (ขึ้น หรือ ลง) นั่นเอง
20. โชคชะตา จะเล่นตลกกันเราเสมอ
- ให้คิดไว้เลยว่าเราจะดวงซวยสุดในโลก อะไรแย่ๆจะมาหาเราคนแรก
- ถ้าคิดแง่ร้าย จะทำให้เราไม่ประมาท และเตรียมทางหนีทีไล่ได้เสมอ
- ตัวอย่าง svi เจอไฟไหม้ หุ้นลงไม่มี bid ซึ่งตอนนั้นซื้อหุ้นเยอะมีนัยยะในพอร์ต
ซึ่งสุดท้ายตอนนั้นก็ขายไปจริงๆ โชคดีที่ซื้อตอนที่ซื้อตอนราคาทุนสูง
- ตอนนั้นก็มีน้องที่ชอบมา vi
มาเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นถือหุ้นตัวเดียว และใช้มาร์จิ้นด้วย
อีกทั้งมีปัญหาว่าอีก 2 เดือนต้องใช้เงินต้องขายหุ้น ปรากฏ 2 เดือนถัดมา น้ำท่วมโรงงาน
และหลังจากนั้นไม่เจอน้องคนนี้อีกเลย
21. น้ำทั้งมหาสมุทรหรือจะสู้เกลือมือเดียว
- กระแสข้อมูลข่าวสารต่างๆ ไม่มีอะไรจะสำคัญกว่า กำไรของบริษัท
- เป็นตัวชี้เป็นชีตายราคาหุ้น อย่างตอนปี 40 วิกฤติมา หุ้นเป็นบวกได้
คือ ส่งออก ตอน subprime พวก cpall hmpro ยังยืนอยู่ได้ เพราะกำไรมั่นคง แน่นอน
- บางทีเราไปโฟกัสที่น้ำทะเล แต่ VI ต้องโฟกัสที่เกลือ
22. ระยะห่างของเวลาทำให้ราคาหุ้นไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานเต็มที่
- เพราะอนาคตไม่แน่นอน และนั่นเป็นช่องว่างสร้างโอกาสให้เรา
- ตัวอย่าง SF ทำ community mall เล็กๆในกรุงเทพเกือบ 20 ที่
และมีประกาศข่าวร่วมมือทำ ikea ซึ่งทำให้หุ้นขึ้น น่าจะราว 15%
หลังจากนั้นก็ค่อยๆไต่ๆขึ้นมาราว 30-40% พอวันหนึ่งห้างก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ
ก็มาคิดว่า พื้นที่จะเพิ่มขึ้นมา มหาศาล มาก ลองไป forecast กำไร อ่านรายงานประชุม
ซึ่งกำไรน่าจะดีพอสมควร ก็ซื้อหุ้นตอนนั้นเป็นราคา new high ปรากฏหุ้นลงมาราวสิบเปอร์เซ็น
ซึ่งสุดท้ายหุ้นก็ขึ้นไปอีก 50% ได้ พอห้างเปิด คนรับรู้ว่ากำไรมันสูงขึ้น
ซึ่งช่วงกว่าห้างจะเปิดเป็นเวลา กว่า 3 ปี มันความไม่แน่นอน ซึ่งถ้าเราทำการบ้าน ก็อาศัยประโยชน์จากตรงนี้ได้
23. หน้าที่เรา คือ ประเมินกำไรในอนาคต แล้วเปรียบเทียบกับราคาปัจจุบัน
- บางบริษัท มีสัญญา มีข้อมูลที่ปรึกษาการเงินอยู่แล้ว
และเอาราคานั้นมาเทียบกับปัจจุบัน ว่า under value ไหม
- ต้องดูความคุ้มค่าเวลาด้วย เช่น upside 50% แต่ใช้เวลา 10 ปี ก็ไม่คุ้ม
23. เลิกทาสกันเถอะชาวหุ้น [Slide เลขข้อซ้ำ]
- สิ่งที่ควรเลิก
1. ตื่นเช้าดูดาวโจน
2. เฝ้ามอง set index ระหว่างวัน
3. ตกเย็นดูต่างชาติซื้อหรือขาย
- สิ่งเหล่านี้คือน้ำ ถ้าวันไหนเลิกได้คือเราเป็นอิสระแล้ว
- นั่นทำให้นักลงทุนคิดเหมือนกัน และตอบสนองคล้ายๆกัน
24. หุ้นเป็นได้แค่แฟน ห้ามแต่งงานด้วย
- ความผูกพัน คือศัตรูการลงทุน เราจะมีอคติ มองไม่เห็นความจริง
- ข้อดีของนักลงทุนในหุ้น บริษัทไหนดีซื้อ ไม่ดีขาย ร่วมหัวแต่ไม่จมท้าย
โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ธุรกิจดี เปลี่ยนผันเป็นแย่ได้
- ตัวอย่าง BEC ปี 57 MKT Cap 1 แสนล้าน ปี 61 เหลือ 13,500 ล้าน
25. นักลงทุน bipolar
- เราอาจต้องมองโลกแง่ดีในวันที่มืดมิด
26. This too shall pass
- ปีนี้หุ้นกลางเล็ก ลงเยอะ หลายเดือนที่ผ่านมาขาดทุนเยอะมาก
แต่คิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ยั่งยืน มันเป็นเรื่องชั่วคราว ซึ่งผ่านไปแค่เดือนเดียว ก็กลับมาแล้ว
- ถ้าเราผิดพลาดอย่างไปจมอยู่ตรงนั้น เวลาจะกลบฝังมันไป
- บางวันเราผิดพลาด บางวันเราสมหวัง
- หลายครั้งตลาดหุ้น ราคาลงจาก panic ข่าวอัปมงคล, วันแรกของปีสุเทพประกอบปิด กทม สุดท้ายผ่านไปหมด
27. เหตุผลที่ฟังดูเข้าท่ามากในวันนี้ กลับกลายเป็นเหตุผลที่ปัญหาอ่อนในวันรุ่งขึ้น (เฮียคลายเครียด)
- เช่น วันที่ 13/6/13 หุ้นกังวลอเมริกายกเลิก QE ถัดมาอีกวันหุ้นเด้งเพราะขายมากไป จาก 1300 ขึ้นเป็นมา 1400 มีคนขายเยอะ
- ตัวอย่าง หุ้นลงมาก จากต่างชาติขาย เพราะ S&P ปรับเรตติ้ง US เพิ่ม มีแนวโน้ม FED ขึ้นดอกเบี้ย แล้วในวันนั้นก็ซื้อหุ้น วันรุ่งขึ้นก็ได้กำไรเลย
28. อย่าเพียรหาสูตรสำเร็จทางลัด
- VI ต้องยืดหยุ่น ปรับตัว แต่ไม่ประนีประนอมกับหลักการ
- บัฟเฟตต์เปลี่ยนจากหุ้น pe ต่ำ มาซื้อหุ้นคุณภาพสูง , ดร.นิเวศน์ก็เช่นกัน
- อย่างพี่โจเองในอดีตเน้นหุ้นตัวเล็ก ทุกวันนี้ก็ปรับมาหุ้นตัวกลาง ซื้อง่าย ขายคล่อง
29. ฟังเสียงตัวเองบ้าง
- เราไปตามงานชอบฟังคนอื่น คนเก่งไปฟังไปเชื่อเค้า แต่เสียงที่ดังกว่าอยู่ในตัวเราเอง
- ถ้ามั่นใจว่าเราเลือกหุ้นที่ดี ด้วยหลักการที่ถูกต้อง ให้เชื่อมั่นในตัวเอง
- ตัวอย่าง aeonts irh swc tttm tmw ltx lalin moong nncl เป็นหุ้นชายขอบ นอกกระแส
แต่ให้ผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 20% เพราะกำไรเติบโต
30. วีไอเป็นขบถเสมอ
- ขบถ คือ คนไม่ตามกระแสสังคม ไม่เชื่อคนง่าย ตอบโต้ด้วยความรู้
- คนถูก เพราะเหตุผลที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพราะคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับคุณ
- Lone wolf ย่อมแข็งแกร่งกว่าการอยู่ในฝูง
31. ท่ามกลางความผันผวน มีโอกาส
- วอรเรน บอก ถ้าตลาดหุ้นมีประสิทธิภาพ คงต้องไปขอทาน
- วีไอดำรงอยู่ได้ เพราะ mis match เวลากับคุณค่าจะไปด้วยกันเสมอในระยะยาว
- แม้นายตลาดในระยะสั้นจะเป็นไบโพลาร์ แต่เขาไม่ใช่คนโง่
32. อยากเป็น VI ต้องรอตอนดัชนี 400 จุด?
- ในสถานการณ์ปกติ คนจะหาหุ้นได้ต้องทำการบ้าน
- พี่โจ ทุกปีก็ทำกำไรได้ดีทุกปี ไม่ต้องรอหุ้นเกิดวิกฤติ
- ตัวอย่าง ชีวิตเปลี่ยน เพราะมีเมียทำงานแบงค์ชาติ มีน้องมามีทติ้งหาดใหญ่อยู่คนที่หายไปเลย
ครั้งล่าสุดกลับมา น้องเขาบอกว่าตอนดัชนี 800 จุดเมียบอกเศรษฐกิจไม่ดีให้ขายหุ้นทิ้ง
- หุ้นต่ำกว่ามูลค่า มีตลอด รอเราไปพบเจอ
33. ไม่ต้องแสวงหา วิกฤติมันจะมาหาเราเอง
- ทุกคนอยากรู้ เพราะสัญชาติญาณเลี่ยงอันตราย
- ไม่เคยเจอคนที่ทำนายวิกฤติได้ หน้าที่ของเราเตรียมตัวให้พร้อม อย่าเสี่ยงมาก เจอวิกฤติจะได้ไม่ตาย
- นั่นเป็นงานของพระเจ้า ไม่เคยมีใครรวยเพราะคาดวิกฤติได้ สัญญาณลวงเยอะ
มีบางคนรอด subprime ได้ แต่ก็ cut loss ระแวงตลอด สุดท้ายก็ไม่เคยได้ผลตอบแทนมาก
34. Performance the name of the game
- วิธีการไม่สำคัญเท่าผลลัพธ์ในระยะยาว
- ไม่ว่าจะเป็นวิไอ เทคนิคิล ฟันด์โฟล เก็งกำไร มโนศาสตร์
- แต่ละคนมีทางของตัวเอง
- แต่จะดีกว่าไหม หากเราก้าวไปในเส้นทางที่คนอื่นแผ้วถางไว้แล้ว
VI ก็มีคนทำทั้งในประเทศและต่างประเทศและสำเร็จ
35. กูไม่กลัวมึง… (คำพูดมรว.คึกฤทธิ์ )
- ช่วงเวลาที่เลวร้ยที่สุด คุณเหลือแต่ ใจ เท่านั้น
- เราไม่สามารถหลบเวลาที่เลวร้ายได้
- ตอนเกิดต้มยำกุ้ง หุ้นตกจนตลาด volume เหลือน้อยมาก ถ้าไม่มีความเชื่อมั่นไม่รอดหรอก
- ตอนเกิด sub prime ราคาหุ้นลงใน 1 เดือนตลอด มีวันตลาดลง 10% จน circuit breaker
ต้องให้กำลังใจต่อสู้ เคยไปตอบกะทู้ ด้วยบทกวี
ขอเยอะเย้ย ทุกข์ยาก ขวากหนามลำเค็ญ คนยังคง ยืนเด่น โดยท้าทาย… เป็นบทแสงดาวแห่งศรัทธา
- รับมือโดยคิดในแง่ร้ายที่สุดก่อน สามารถทนหุ้นลงไปได้ 80% ลงไป 30-50% ก็ไม่กลัว
เพราะเคยเห็นว่าในประวัติศาสตร์มันเคยลงไป 80% ก็กลับขึ้นมาได้ ก็จะไม่กลัวอีก
36. อย่าถัวจนตัวตาย
- ทำไมนักลงทุนชอบถัว? >> กลบเกลื่อนความผิด ถ้าหุ้นลง 50%
ถัวไปลดเหลือ 25% จะ happy นี่คือกลไกปกป้องตัวเอง
- นอกจากนี้ ถ้าเราซื้อหุ้นทีแรกคิดว่าต่ำแล้ว แต่ต่ำลงอีก
แสดงว่าอาจมีบางอย่างที่เราอาจไม่เข้าใจมันตั้งแต่ต้น เช่น มีปัจจัยภายในที่อาจไม่รู้
- แต่… จะถัวเมื่อ มั่นใจในเหตุผลชัดเจนมากๆ เท่านั้น หรือ มีเรามีหุ้นน้อยเกินไป
จะมี limit position เสมอ ว่าซื้อไม่กี่ % เพื่อป้องกันความเสี่ยง
37. รู้ว่าเป็นขี้ ไม่ต้องเอานิ้วไปจิ้ม
- หุ้นที่ไม่ดี เสี่ยงมาก
- ตัวอย่าง polar, earth and ….
- เคยมีคนแนะนำให้ดู ที่ดิน 3 พันล้าน mkt 1.2 พันล้าน เคยแหย่ไปนิดนึง มือขาด
- earth ก็เหมือนกัน ว่าที่ประกาศ default ตั๋ว be รีบขายเลย แต่มีไม่เยอะ เพราะรู้ว่ามันคือขี้
แต่มีน้องถัวไปเยอะ และชักชวนคนอื่นด้วย ชี้ก็คือขี้ อย่าไปเสี่ยง
38. รู้ว่าจะตายที่ไหน อย่าไปที่นั่น
- กู้เงินเล่นหุ้น, all in , หุ้นตัวเดียว, tfext , forex
- ถ้าในชีวิตคนทั่วไป คือ การพนัน ยาเสพติด เพื่อนไม่ดี ผู้หญิง
39. วิธีการที่ผิด บางครั้งยังให้ผลที่ถูกต้อง
- นาฬิกาที่เสีย ยังบอกเวลาได้ถูกต้อง 2 ครั้ง ต่อวัน บางครั้งคนใช้วิธีการผิดๆเล่นก็มีโอกาสถูก
ทำให้คนหลงทาง ปัญหาคือ ในระยะยาว ถ้าวิธีการไม่ถูกต้อง คุณจะคืนเงินไปหมด
- หลายคนยังหมกมุ่นกับสิ่งเหล่านี้ เพราะบางครั้งให้ผลถูก หวย หุ้นปั่น day trade technical fundflow DW
40. คนฉลาดซื้อกองทุน
- คนเล่นหุ้นไม่ได้รวยง่าย ทำไมไม่เลือกวิธีการง่ายๆ กระดิกเท้า ผลตอบแทน 7-8%
41. ต้นทุนของฝันที่เป็นจริง คือ การลงมือทำ
- วอรเรน พูดมาตลอดว่าทำอย่างไร แต่น้อยคนที่ทำตาม ถ้าฝันแล้วไม่ทำ ก็เป็นฝันกลางวัน ที่ไม่ได้เป็นจริง
- ถ้าเริ่มลงทุนช้า พลาดมา ไม่เป็นไร ให้เริ่มวันนี้
เวลาเหมาะที่สุดที่จะเริ่มคือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เวลาที่เหมาะสมรองมาคือ วันนี้
42. เงินใช้สร้างความสุข แต่ตัวมันเองไม่ได้ทำให้เรามีความสุข
- เราคือ เจ้านายของเงิน ไม่ใช่ทาส
- ถึงจุดหนึ่งก็ใช้เงินให้เป็นประโยชน์ ตายไปก็ไม่ได้ใช้ ใช้ให้ครอบครัวมีความสุข ใช้ให้สังคม
คิดว่าน่าจะเป็นการใช้เงินที่มีคุณภาพ
เมล็ดพืชวีไอ ตกที่ใดจักงอกงามที่นั่น ใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าไม่ตามกระแส มีมาก แบ่งปันเจือจาน ช่วยเหลือสังคม
คำแนะนำธรรมดา เพื่อกำไรที่ไม่ธรรมดา
1. การลงทุนแบบ VI
- เป็นวิธีการเปลี่ยนชนชั้น ที่เป็นไปได้มากที่สุด
เมื่อเปรียบเทียบวิธีการอื่น เช่น: สร้างธุรกิจเอง , ค้ายา , เล่นหวย ,จับคนรวย
2. ความสำเร็จที่ทุกคนเห็นซ่อนเร้นเบื้องหลัง ที่ยากลำบาก
- เราโตมาในยุค อินเตอร์เน็ท ทำให้อดทนไม่ได้ อยากได้ง่ายๆเร็วๆ
- รวยเร็วๆ รวยง่ายๆ คนก็รวยกันทั้งประเทศ จงระวังผู้เชี่ยวชาญในอินเทอร์เน็ต
- เราต้องทำตัวให้สมควรได้รับ แต่จะมีสักกี่คนที่ลงมือทำ
3. คุณภาพ(น้ำหนัก) / ราคา = ความคุ้มค่า
- คือจิตวิญญาณ VI
- งานหลักคือต้องวิเคราะห์คุณภาพกิจการที่จะลงทุนให้ได้
ส่วนราคาคือระดับ PE คุณภาพยิ่งดี ราคาก็แพง ถ้าหากคุณภาพงั้นๆ แต่ราคาแพง ต้องขายให้เร็วที่สุด
- สินทรัพย์ = หนี้สิน + ทุน คือสมการพื้นฐานที่เราใช้กัน
4. VI ไม่ใช่ วิธี แต่เป็นปรัชญา
- สังเกตว่าบุคลิก บัฟเฟต์, ดร.นิเวศน์,พี่โจ มีอะไรที่คล้ายๆกัน
เพราะเป็นปรัชญาที่มาจากภายใน
5. ความเชื่อที่ต้องฝังเข้าไปในกระดูก เลือด และเส้นเอ็นของคุณ
- หุ้นและธุรกิจคือสิ่งเดียวกัน วันที่ผ่านวิกฤติขาดทุนหุ้นไป 50%
หาก cut loss ไปวันนั้นก็ไม่มีวันนี้ ความเชื่อนี้จะเป็น เสื้อเกราะ ที่คุ้มครองไปตลอดชีวิต
6. ครึ่งหนึ่งของการลงทุนให้สำเร็จอยู่ที่เลือกอาจารย์ถูกคน
- ถ้าก่อนหน้าไปเลือก อ.อื่น พี่โจก็จะเป็นอีกแบบ
แต่โชคดีที่เลือก อ.นิเวศน์ เลือก บัฟเฟตต์ สำคัญมาก เพราะ idol เป็นต้นแบบของคุณ
- หนังสือ the world 99 greatest investor หนึ่งในนั้น คือ ดร.นิเวศน์ ด้วย
ซึ่งสรุปจากหนังสือมีผู้สำเร็จจากแนวทาง Value 52% contrarian 25% Quality 22% Growth 20%
Quantitative 13% trader 12% [รวม % มากกว่า 100% เพราะมีคนที่ใช้มากกว่า 1 แนวทาง]
- เก่งแค่ไหนเดินผิดทางก็ไม่ถึงจุดหมาย คนเก่งๆ ถ้าผิดวิธีก็เจ๊งเหมือนกัน
7. เสือทุกตัว ย่อมมีเส้นทางของมัน
- พี่โจเคารพดร.นิเวศน์มาก แต่ไม่เคยซื้อหุ้นตาม ต้องเชื่อมั่นในแบบแผนที่ตัวเองเป็น
8. อุดมการณ์กินไม่ได้ แต่มันทำให้เรารู้ว่า มีชีวิตเพื่ออะไร
- พี่โจเป็นนักลงทุนคนแรกที่ประกาศว่าไม่ใช้ข้อมูล insider หาผลประโยชน์
เคยมีคนมาบอก ว่าจะบริษัทจะทำ tendor แต่ก็ลังเลใจ สุดท้ายมันก็ทำจริงๆ
- ประกาศว่าไม่เยี่ยมกิจการ เข้าถึงข้อมูลในการเอาเปรียบ เป็นอุดมการณ์
เราอ่านข้อมูลสาธารณะ ถ้าลงทุนโทษตัวเอง อย่าไปโทษคนอื่น
วัดกันที่ไอเดียความคิด ไม่ได้วัดเพราะไปคุยกับผู้บริหาร
- จะบริจาคเงิน (ส่วนใหญ่) คืนให้สังคม : คนหนึ่งที่นับถือ คือ พี่เวบ พรชัย
แกบอกไม่อยากจัดสัมมนาหุ้น ทำให้คนรวยรวยขึ้น
แต่คนเหล่านี้ไม่เคยช่วยเหลือ สังคม มีประโยชน์อะไร ถ้ามีเงินฝากแบงค์ เกิดประโยชน์อะไรกับสังคม
9. พลังของย่างก้าว(พี่ตูน)
- มันมาจากสมการ “การทบต้น” ถ้าใครเข้าใจถ่องแท้ ชีวิตจะเปลี่ยน
ตัวแปรมี 3 ตัว ผลตอบแทน ระยะเวลา เงินลงทุน เชื่อว่าถ้าเริ่มลงทุนเร็ว ไม่ตกม้าตายก่อน รวยแน่นอน
- เดินทางหมื่นลี้ ต้องเดินทีละก้าว ไม่จำเป็นต้องเก่ง แต่ต้องอาศัยความอึด
- ที่ผ่านมาก็พยายามระมัดระวัง ไม่ใช่มาร์จิ้นรีบรวยเร็ว
สุดท้ายวันนี้ก็รวยกว่าคนที่เสี่ยงมากเกินไป ปัญหาคือห้ามตาย
10. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
- คบหา พูดคุย กับกลุ่มคนเดียวกัน หมั่นเติมพลังให้กัน (motivated ขายตรง)
- อ่านหนังสือ บทกวี ฟังบทเพลงให้กำลังใจ
- เมื่อเริ่มสู้นั้นมันมืดยิ่งกว่ามืด ครั้งยืนหยัดยาวยืด มืดค่อยหาย
พอมองเห็นรางๆอยู่ทางปลาย ชัยชนะขั้นสุดท้ายไม่เกินรอ … เปลื้อง วรรณศรี
เป็นบทกลอนที่เขียนแปะไว้ตอนอยู่ในสลัม วันหนึ่งต้องอยู่คฤหาสน์
วันที่ไปล้างจานที่อเมริกา เป็นชนชั้นด้านล่าง คิดไว้เสมอว่าวันหนึ่งต้องกลับไปเป็นชนชั้นบนๆ
11. [ไม่มี-ข้าม]
12. อย่าติดกับดับปันผล
- มีวีไอหลายคนตายเพราะซื้อหุ้นหวังปันผล เช่น mfec
- ปันผลมาจากกำไรในอดีต อาจมาจาก “กำไรพิเศษ” หรือ “กำไรที่ดีเกินจริง”
วันหนึ่งมันเปลี่ยนแปลง กำไรไม่ดี ปันผลลดลง กำไรลดลง
- ตัวอย่าง pm ปีก่อนมีกำไรพิเศษ ขายหุ้นบริษัทลูก
ปันผลมากกว่าปกติด้วย(เช่นจากจาก 50% เป็น 60% ราคาลดลงจาก 12.3 เหลือ 8.95 ปันผล เพิ่มขึ้นด้วย)
- ตัวอย่าง PMTA กำไรดีมาหลายปี(ปี 58-60) ปันผลก้ได้ (5.9% , 6.2%)
ปรากฏปี 61 กำไรลดลง ราคาหุ้นก็ร่วง ปันผลก็ลด ไม่คุ้มเลย
- สิ่งที่เราต้องการคือ คุณภาพของปันผล = ปันผลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และคาดการณ์ได้
13. หุ้นคุณฆ่า วีไอ คือ หุ้นวัฏจักร
- พูดเพราะเจ็บมาเยอะ ปีนี้โดนตัวละ 30-40% หลายตัว
- เพราะเราจะไปซื้อตอนที่มันดีกว่าปกติ เช่น หุ้นผลิตภัณฑ์พลาสติก
เป็นบริษัทนวัตกรรม โดนไปเกือบ 50% และถือเยอะ ตอนซื้อกำไรดีมาก ราคาน้ำมันตกต่ำ เม็ดพลาสติกก็ราคาตกต่ำ
- ตัวอย่าง MCS ปี 58-59 ดีมาก ราคาดีสุด 17.2 ตอนนี้เหลือ 7.15 จุดที่ดีสุดคือ อันตรายสุด
- ตัวอย่าง work ปี 60 จาก 44 เป็น 84.25 และหลังจากนั้นก็ลงมาใหม่ (ช่วงพีค mask singer)
- ปัญหาคือ นักลงทุนไม่รู้ว่าเป็นหุ้นวัฏจักร เช่น หุ้นผลิตท่อ ลงไป 50% ต้นทุนเป็นพลาสติค
- นักรบต้องมีบาดแผล แต่ขอให้เป็นบาดแผลคนอื่นจะดีกว่า
14. คุณภาพของกำไรสำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆ
- ตลาดจะให้ราคาสูง กับ หุ้นที่กำไรเติบโต ยั่งยืน และกระทืบหุ้นที่คุณภาพ กำไรแย่
- ตัวอย่าง เช่นอสังหา หุ้นก็ pe ต่ำมาตั้งนานแล้ว สุดท้ายก็เข้าใจว่าตลาดไม่ได้โง่
15. ทำทะเลให้แคบลง ขังปลาให้อยู่ในสุ่ม
- จะได้ควานหาได้ง่ายขึ้น ทำ universe ให้แคบลงก่อน
โดย ขจัด หุ้นที่ไม่เข้าใจ(เช่น ปูนใหญ่), หุ้นที่ผูบริหารไม่น่าคบ(ไอเฟค,โพลาร์,เบตเตอร์เวิร์ล),
หุ้นที่ติดตามไม่ได้ (ปิโตรเคมี, เอฟเอ็มที, อลูคอน ,ฝาจีบไม่รู้จะติดตามยังไง),
หุ้นกำไรเป็นเต่า กำไรไม่เติบโต (อย่าสนใจ),
หุ้นในกระแส (เช่น หุ้นพลังงานทดแทน หุ้นที่อยู่ในกระแส มัน price in ไปแล้ว )
- จากเจ็ดร้อยกว่าตัว ตัดไปก็เหลือแค่สองร้อยตัว
16. อย่าจับจด
- อย่ามองจุดเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้สำคัญ จะทำให้พลาดภาพใหญ่
เช่น cpall,aot,jas,banpu,human พวกนี้ปรับตัวขึ้นทั้งนั้น
- cpall มีดราม่าผู้บริหารขายหุ้น ลงมา 34-38
บางคนถือมาเป็นสิบปีและตัดสินใจขายวันนั้น แต่ ณ วันนั้น
มีคนที่พลาดหุ้นตัวนี้นับ 10 ปี และได้ซื้อหุ้น ขึ้นขบวนรถ
มองว่าเป็นประเด็นเล็กๆ ที่ไม่ได้กระทบกำไรบริษัท ไปขาย 48
- Aot มีคนบอกหุ้นราชการ บริหารโกงกิน แต่พายุมันพัดมาก็ทำให้หุ้นค้างฟ้า
- Jas ทำบรอดแบนด์ สุดท้ายขึ้นมากี่เท่า
- Banpu ถ่านหินสกปรกที่อื่นก็ใช้กัน
- Human มัน recurring มีผู้บริหารที่ดี
- คนที่เน้นปันผลก็เหมือนกัน จับจด ปันผล และพลาด capital gain
- เราต้องอยู่กับความไม่สมบูรณ์ ไม่เคยมีหุ้นไร้ตำหนิ ต้อง มองแบบองค์รวม
อย่าแสวงหาความสมบูรณ์แบบในตลาดหุ้น
17. ซื้อหุ้น pe สูง เหมือนปีนต้นไม้สูง พลัดตกลงมา คุณอาจถึงตาย
- ตัวอย่าง beauty cbg au tkn tpch ddd rs ขนาดบิวตี้ยังลงฟลอร์ได้
- ตรงกันข้าม ซื้อหุ้น pe ต้ำ เหมือนกับปีนต้นไม้เตี้ย คุณแค่จุก ลง 1x% มี pe มีปันผลค้ำ
18. In valuation you don’t have to be accurate
- คุณต้องการแค่คร่าวๆ ประมาณๆ ทุกอย่างมัน dynamic มูลค่าก็ต้องเปลี่ยนด้วย
- ทุกวันนี้บางทีไม่ได้ประเมินมูลค่า แต่ก็กะว่าอยู่ราว 5-6 ไม่ได้คำนวณออกมาเป็น 5.4
19. การวิเคราะห์หุ้นคืออะไรกันแน่
- มันคือ การวิเคราะห์กำไร (ขึ้น หรือ ลง) นั่นเอง
20. โชคชะตา จะเล่นตลกกันเราเสมอ
- ให้คิดไว้เลยว่าเราจะดวงซวยสุดในโลก อะไรแย่ๆจะมาหาเราคนแรก
- ถ้าคิดแง่ร้าย จะทำให้เราไม่ประมาท และเตรียมทางหนีทีไล่ได้เสมอ
- ตัวอย่าง svi เจอไฟไหม้ หุ้นลงไม่มี bid ซึ่งตอนนั้นซื้อหุ้นเยอะมีนัยยะในพอร์ต
ซึ่งสุดท้ายตอนนั้นก็ขายไปจริงๆ โชคดีที่ซื้อตอนที่ซื้อตอนราคาทุนสูง
- ตอนนั้นก็มีน้องที่ชอบมา vi
มาเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นถือหุ้นตัวเดียว และใช้มาร์จิ้นด้วย
อีกทั้งมีปัญหาว่าอีก 2 เดือนต้องใช้เงินต้องขายหุ้น ปรากฏ 2 เดือนถัดมา น้ำท่วมโรงงาน
และหลังจากนั้นไม่เจอน้องคนนี้อีกเลย
21. น้ำทั้งมหาสมุทรหรือจะสู้เกลือมือเดียว
- กระแสข้อมูลข่าวสารต่างๆ ไม่มีอะไรจะสำคัญกว่า กำไรของบริษัท
- เป็นตัวชี้เป็นชีตายราคาหุ้น อย่างตอนปี 40 วิกฤติมา หุ้นเป็นบวกได้
คือ ส่งออก ตอน subprime พวก cpall hmpro ยังยืนอยู่ได้ เพราะกำไรมั่นคง แน่นอน
- บางทีเราไปโฟกัสที่น้ำทะเล แต่ VI ต้องโฟกัสที่เกลือ
22. ระยะห่างของเวลาทำให้ราคาหุ้นไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานเต็มที่
- เพราะอนาคตไม่แน่นอน และนั่นเป็นช่องว่างสร้างโอกาสให้เรา
- ตัวอย่าง SF ทำ community mall เล็กๆในกรุงเทพเกือบ 20 ที่
และมีประกาศข่าวร่วมมือทำ ikea ซึ่งทำให้หุ้นขึ้น น่าจะราว 15%
หลังจากนั้นก็ค่อยๆไต่ๆขึ้นมาราว 30-40% พอวันหนึ่งห้างก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ
ก็มาคิดว่า พื้นที่จะเพิ่มขึ้นมา มหาศาล มาก ลองไป forecast กำไร อ่านรายงานประชุม
ซึ่งกำไรน่าจะดีพอสมควร ก็ซื้อหุ้นตอนนั้นเป็นราคา new high ปรากฏหุ้นลงมาราวสิบเปอร์เซ็น
ซึ่งสุดท้ายหุ้นก็ขึ้นไปอีก 50% ได้ พอห้างเปิด คนรับรู้ว่ากำไรมันสูงขึ้น
ซึ่งช่วงกว่าห้างจะเปิดเป็นเวลา กว่า 3 ปี มันความไม่แน่นอน ซึ่งถ้าเราทำการบ้าน ก็อาศัยประโยชน์จากตรงนี้ได้
23. หน้าที่เรา คือ ประเมินกำไรในอนาคต แล้วเปรียบเทียบกับราคาปัจจุบัน
- บางบริษัท มีสัญญา มีข้อมูลที่ปรึกษาการเงินอยู่แล้ว
และเอาราคานั้นมาเทียบกับปัจจุบัน ว่า under value ไหม
- ต้องดูความคุ้มค่าเวลาด้วย เช่น upside 50% แต่ใช้เวลา 10 ปี ก็ไม่คุ้ม
23. เลิกทาสกันเถอะชาวหุ้น [Slide เลขข้อซ้ำ]
- สิ่งที่ควรเลิก
1. ตื่นเช้าดูดาวโจน
2. เฝ้ามอง set index ระหว่างวัน
3. ตกเย็นดูต่างชาติซื้อหรือขาย
- สิ่งเหล่านี้คือน้ำ ถ้าวันไหนเลิกได้คือเราเป็นอิสระแล้ว
- นั่นทำให้นักลงทุนคิดเหมือนกัน และตอบสนองคล้ายๆกัน
24. หุ้นเป็นได้แค่แฟน ห้ามแต่งงานด้วย
- ความผูกพัน คือศัตรูการลงทุน เราจะมีอคติ มองไม่เห็นความจริง
- ข้อดีของนักลงทุนในหุ้น บริษัทไหนดีซื้อ ไม่ดีขาย ร่วมหัวแต่ไม่จมท้าย
โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ธุรกิจดี เปลี่ยนผันเป็นแย่ได้
- ตัวอย่าง BEC ปี 57 MKT Cap 1 แสนล้าน ปี 61 เหลือ 13,500 ล้าน
25. นักลงทุน bipolar
- เราอาจต้องมองโลกแง่ดีในวันที่มืดมิด
26. This too shall pass
- ปีนี้หุ้นกลางเล็ก ลงเยอะ หลายเดือนที่ผ่านมาขาดทุนเยอะมาก
แต่คิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ยั่งยืน มันเป็นเรื่องชั่วคราว ซึ่งผ่านไปแค่เดือนเดียว ก็กลับมาแล้ว
- ถ้าเราผิดพลาดอย่างไปจมอยู่ตรงนั้น เวลาจะกลบฝังมันไป
- บางวันเราผิดพลาด บางวันเราสมหวัง
- หลายครั้งตลาดหุ้น ราคาลงจาก panic ข่าวอัปมงคล, วันแรกของปีสุเทพประกอบปิด กทม สุดท้ายผ่านไปหมด
27. เหตุผลที่ฟังดูเข้าท่ามากในวันนี้ กลับกลายเป็นเหตุผลที่ปัญหาอ่อนในวันรุ่งขึ้น (เฮียคลายเครียด)
- เช่น วันที่ 13/6/13 หุ้นกังวลอเมริกายกเลิก QE ถัดมาอีกวันหุ้นเด้งเพราะขายมากไป จาก 1300 ขึ้นเป็นมา 1400 มีคนขายเยอะ
- ตัวอย่าง หุ้นลงมาก จากต่างชาติขาย เพราะ S&P ปรับเรตติ้ง US เพิ่ม มีแนวโน้ม FED ขึ้นดอกเบี้ย แล้วในวันนั้นก็ซื้อหุ้น วันรุ่งขึ้นก็ได้กำไรเลย
28. อย่าเพียรหาสูตรสำเร็จทางลัด
- VI ต้องยืดหยุ่น ปรับตัว แต่ไม่ประนีประนอมกับหลักการ
- บัฟเฟตต์เปลี่ยนจากหุ้น pe ต่ำ มาซื้อหุ้นคุณภาพสูง , ดร.นิเวศน์ก็เช่นกัน
- อย่างพี่โจเองในอดีตเน้นหุ้นตัวเล็ก ทุกวันนี้ก็ปรับมาหุ้นตัวกลาง ซื้อง่าย ขายคล่อง
29. ฟังเสียงตัวเองบ้าง
- เราไปตามงานชอบฟังคนอื่น คนเก่งไปฟังไปเชื่อเค้า แต่เสียงที่ดังกว่าอยู่ในตัวเราเอง
- ถ้ามั่นใจว่าเราเลือกหุ้นที่ดี ด้วยหลักการที่ถูกต้อง ให้เชื่อมั่นในตัวเอง
- ตัวอย่าง aeonts irh swc tttm tmw ltx lalin moong nncl เป็นหุ้นชายขอบ นอกกระแส
แต่ให้ผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 20% เพราะกำไรเติบโต
30. วีไอเป็นขบถเสมอ
- ขบถ คือ คนไม่ตามกระแสสังคม ไม่เชื่อคนง่าย ตอบโต้ด้วยความรู้
- คนถูก เพราะเหตุผลที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพราะคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับคุณ
- Lone wolf ย่อมแข็งแกร่งกว่าการอยู่ในฝูง
31. ท่ามกลางความผันผวน มีโอกาส
- วอรเรน บอก ถ้าตลาดหุ้นมีประสิทธิภาพ คงต้องไปขอทาน
- วีไอดำรงอยู่ได้ เพราะ mis match เวลากับคุณค่าจะไปด้วยกันเสมอในระยะยาว
- แม้นายตลาดในระยะสั้นจะเป็นไบโพลาร์ แต่เขาไม่ใช่คนโง่
32. อยากเป็น VI ต้องรอตอนดัชนี 400 จุด?
- ในสถานการณ์ปกติ คนจะหาหุ้นได้ต้องทำการบ้าน
- พี่โจ ทุกปีก็ทำกำไรได้ดีทุกปี ไม่ต้องรอหุ้นเกิดวิกฤติ
- ตัวอย่าง ชีวิตเปลี่ยน เพราะมีเมียทำงานแบงค์ชาติ มีน้องมามีทติ้งหาดใหญ่อยู่คนที่หายไปเลย
ครั้งล่าสุดกลับมา น้องเขาบอกว่าตอนดัชนี 800 จุดเมียบอกเศรษฐกิจไม่ดีให้ขายหุ้นทิ้ง
- หุ้นต่ำกว่ามูลค่า มีตลอด รอเราไปพบเจอ
33. ไม่ต้องแสวงหา วิกฤติมันจะมาหาเราเอง
- ทุกคนอยากรู้ เพราะสัญชาติญาณเลี่ยงอันตราย
- ไม่เคยเจอคนที่ทำนายวิกฤติได้ หน้าที่ของเราเตรียมตัวให้พร้อม อย่าเสี่ยงมาก เจอวิกฤติจะได้ไม่ตาย
- นั่นเป็นงานของพระเจ้า ไม่เคยมีใครรวยเพราะคาดวิกฤติได้ สัญญาณลวงเยอะ
มีบางคนรอด subprime ได้ แต่ก็ cut loss ระแวงตลอด สุดท้ายก็ไม่เคยได้ผลตอบแทนมาก
34. Performance the name of the game
- วิธีการไม่สำคัญเท่าผลลัพธ์ในระยะยาว
- ไม่ว่าจะเป็นวิไอ เทคนิคิล ฟันด์โฟล เก็งกำไร มโนศาสตร์
- แต่ละคนมีทางของตัวเอง
- แต่จะดีกว่าไหม หากเราก้าวไปในเส้นทางที่คนอื่นแผ้วถางไว้แล้ว
VI ก็มีคนทำทั้งในประเทศและต่างประเทศและสำเร็จ
35. กูไม่กลัวมึง… (คำพูดมรว.คึกฤทธิ์ )
- ช่วงเวลาที่เลวร้ยที่สุด คุณเหลือแต่ ใจ เท่านั้น
- เราไม่สามารถหลบเวลาที่เลวร้ายได้
- ตอนเกิดต้มยำกุ้ง หุ้นตกจนตลาด volume เหลือน้อยมาก ถ้าไม่มีความเชื่อมั่นไม่รอดหรอก
- ตอนเกิด sub prime ราคาหุ้นลงใน 1 เดือนตลอด มีวันตลาดลง 10% จน circuit breaker
ต้องให้กำลังใจต่อสู้ เคยไปตอบกะทู้ ด้วยบทกวี
ขอเยอะเย้ย ทุกข์ยาก ขวากหนามลำเค็ญ คนยังคง ยืนเด่น โดยท้าทาย… เป็นบทแสงดาวแห่งศรัทธา
- รับมือโดยคิดในแง่ร้ายที่สุดก่อน สามารถทนหุ้นลงไปได้ 80% ลงไป 30-50% ก็ไม่กลัว
เพราะเคยเห็นว่าในประวัติศาสตร์มันเคยลงไป 80% ก็กลับขึ้นมาได้ ก็จะไม่กลัวอีก
36. อย่าถัวจนตัวตาย
- ทำไมนักลงทุนชอบถัว? >> กลบเกลื่อนความผิด ถ้าหุ้นลง 50%
ถัวไปลดเหลือ 25% จะ happy นี่คือกลไกปกป้องตัวเอง
- นอกจากนี้ ถ้าเราซื้อหุ้นทีแรกคิดว่าต่ำแล้ว แต่ต่ำลงอีก
แสดงว่าอาจมีบางอย่างที่เราอาจไม่เข้าใจมันตั้งแต่ต้น เช่น มีปัจจัยภายในที่อาจไม่รู้
- แต่… จะถัวเมื่อ มั่นใจในเหตุผลชัดเจนมากๆ เท่านั้น หรือ มีเรามีหุ้นน้อยเกินไป
จะมี limit position เสมอ ว่าซื้อไม่กี่ % เพื่อป้องกันความเสี่ยง
37. รู้ว่าเป็นขี้ ไม่ต้องเอานิ้วไปจิ้ม
- หุ้นที่ไม่ดี เสี่ยงมาก
- ตัวอย่าง polar, earth and ….
- เคยมีคนแนะนำให้ดู ที่ดิน 3 พันล้าน mkt 1.2 พันล้าน เคยแหย่ไปนิดนึง มือขาด
- earth ก็เหมือนกัน ว่าที่ประกาศ default ตั๋ว be รีบขายเลย แต่มีไม่เยอะ เพราะรู้ว่ามันคือขี้
แต่มีน้องถัวไปเยอะ และชักชวนคนอื่นด้วย ชี้ก็คือขี้ อย่าไปเสี่ยง
38. รู้ว่าจะตายที่ไหน อย่าไปที่นั่น
- กู้เงินเล่นหุ้น, all in , หุ้นตัวเดียว, tfext , forex
- ถ้าในชีวิตคนทั่วไป คือ การพนัน ยาเสพติด เพื่อนไม่ดี ผู้หญิง
39. วิธีการที่ผิด บางครั้งยังให้ผลที่ถูกต้อง
- นาฬิกาที่เสีย ยังบอกเวลาได้ถูกต้อง 2 ครั้ง ต่อวัน บางครั้งคนใช้วิธีการผิดๆเล่นก็มีโอกาสถูก
ทำให้คนหลงทาง ปัญหาคือ ในระยะยาว ถ้าวิธีการไม่ถูกต้อง คุณจะคืนเงินไปหมด
- หลายคนยังหมกมุ่นกับสิ่งเหล่านี้ เพราะบางครั้งให้ผลถูก หวย หุ้นปั่น day trade technical fundflow DW
40. คนฉลาดซื้อกองทุน
- คนเล่นหุ้นไม่ได้รวยง่าย ทำไมไม่เลือกวิธีการง่ายๆ กระดิกเท้า ผลตอบแทน 7-8%
41. ต้นทุนของฝันที่เป็นจริง คือ การลงมือทำ
- วอรเรน พูดมาตลอดว่าทำอย่างไร แต่น้อยคนที่ทำตาม ถ้าฝันแล้วไม่ทำ ก็เป็นฝันกลางวัน ที่ไม่ได้เป็นจริง
- ถ้าเริ่มลงทุนช้า พลาดมา ไม่เป็นไร ให้เริ่มวันนี้
เวลาเหมาะที่สุดที่จะเริ่มคือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เวลาที่เหมาะสมรองมาคือ วันนี้
42. เงินใช้สร้างความสุข แต่ตัวมันเองไม่ได้ทำให้เรามีความสุข
- เราคือ เจ้านายของเงิน ไม่ใช่ทาส
- ถึงจุดหนึ่งก็ใช้เงินให้เป็นประโยชน์ ตายไปก็ไม่ได้ใช้ ใช้ให้ครอบครัวมีความสุข ใช้ให้สังคม
คิดว่าน่าจะเป็นการใช้เงินที่มีคุณภาพ
เมล็ดพืชวีไอ ตกที่ใดจักงอกงามที่นั่น ใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าไม่ตามกระแส มีมาก แบ่งปันเจือจาน ช่วยเหลือสังคม
Go against and stay alive.
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VIKH#6_2018Oct6-7แชร์สรุปสัมมนา(ตามที่จดได้)
โพสต์ที่ 3
ละเอียดมากเลยครับ
ขอบคุณน้องบิ้กและทุกๆท่านมากๆนะครับ
ขอบคุณน้องบิ้กและทุกๆท่านมากๆนะครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VIKH#6_2018Oct6-7แชร์สรุปสัมมนา(ตามที่จดได้)
โพสต์ที่ 5
6/10/61 session การตลาดที่ใส่ใจ
ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ (เจ้าของเพจ เกตุวดี Marumura)
หัวข้อที่เสนอมีตัวอย่างสินค้าและบริการของชาวญี่ปุ่นหลายเคสน่าสนใจและสร้างไอเดียชวนคิด
ผมถ่ายรูปลง AppNoteในมือถือไว้ แปลงออกมาเป็น PDF ดูได้ตาม link แนบครับ
>>https://drive.google.com/file/d/1Q05ZG4 ... kvlEeGG7E/
ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ (เจ้าของเพจ เกตุวดี Marumura)
หัวข้อที่เสนอมีตัวอย่างสินค้าและบริการของชาวญี่ปุ่นหลายเคสน่าสนใจและสร้างไอเดียชวนคิด
ผมถ่ายรูปลง AppNoteในมือถือไว้ แปลงออกมาเป็น PDF ดูได้ตาม link แนบครับ
>>https://drive.google.com/file/d/1Q05ZG4 ... kvlEeGG7E/
Go against and stay alive.
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: VIKH#6_2018Oct6-7แชร์สรุปสัมมนา(ตามที่จดได้)
โพสต์ที่ 6
กราบ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530