เลือกหุ้นถูกแต่ทำไมไม่รวย
-
- Verified User
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
เลือกหุ้นถูกแต่ทำไมไม่รวย
โพสต์ที่ 1
เลือกหุ้นถูกแต่ทำไมไม่รวย
.
บทความนี้เขียนขึ้นแด่เพื่อนนักลงทุนหลายๆท่านที่ประสบกับปัญหาแบบเดียวกับที่ผมเจออยู่หลายปีก่อนหน้านี้ครับ คือเลือกซื้อหุ้นถูกตัวแล้ว แต่พอร์ตไปไม่ถึงไหน ทั้งที่หุ้นตัวที่ซื้อก็ขึ้นเอาๆ และหันไปมองคนอื่นที่ซื้อหุ้นตัวเดียวกัน เขาก็ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ นั่นเป็นเพราะอะไร เรามาดูกัน
.
สาเหตุแรก คือ เข้าซื้อผิดจังหวะเวลา
อาจจะมาเข้าซื้อตอนหุ้นวิ่งมาพอสมควรแล้ว มีคนติดตามมากแล้ว หรือเข้าซื้อตอนหุ้นวิ่งแรงๆ แต่พอราคาเกิดการปรับฐานกลับไม่ได้ซื้อ (เพราะเงินหมดหรือไม่ก็กลัวว่าซื้อแล้วมันจะลงต่อ) แถมบางทีก็รอมันเด้งจนมั่นใจแล้วค่อยเข้าไปซื้อ แล้วก็ดอยอีก
.
สาเหตุต่อมา คือ ขายผิดเวลา
อันนี้ต่อเนื่องมาจากข้อแรก คือพอดอยหนักเข้า ทนไม่ไหวก็เลยตัดขายทิ้งที่ราคาต่ำๆ (แน่นอนครับว่าบางทีมันก็เด้งใส่หน้า) หรืออาจจะทนไหว แต่พอหลุดดอยก็รีบขายเลย เพราะกลัวจะกลับมาดอยอีก (แล้วมันก็วิ่งลับไปต่อหน้าต่อตา)
.
สาเหตุที่สาม คือ ซื้อน้อยไป
จะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ เมื่อคุณเจอโอกาสที่ดีแล้ว แต่ลงทุนด้วยสัดส่วนของเงินที่น้อยเกินไป ต่อให้หุ้นขึ้นมากี่เด้งๆ ก็ไม่รวย เพราะกำไรที่ได้จะทำให้พอร์ตโดยรวมโตขึ้นนิดเดียว
.
สาเหตุที่สี่ คือ กำไรตัวนี้ แต่ขาดทุนตัวนู้น
แบบนี้ก็ไม่รวยเหมือนกันครับ ได้ๆเสียๆ วนไปวนมา เพราะซื้อกระจายหลายตัว ทั้งพอร์ตก็เลยไม่ไปไหน
ยิ่งถ้าคุณขายเร็วเกินไปเวลาได้กำไร แต่ขายช้าไปเวลาขาดทุน หรือว่ากำไรตัวที่ซื้อน้อย แต่ขาดทุนตัวที่ซื้อเยอะ แบบนี้อย่าว่าแต่ไม่รวยเลยครับ ไม่หมดตัวก็บุญแล้ว
.
สาเหตุที่ห้า คือ เคยรวย แต่คืนเขาไปแล้ว
ข้อนี้อาจจะเป็นกรณีที่หุ้นของคุณขึ้นไปเยอะจนพอร์ตบวมแระ แต่ทิ้งไว้นานไปหน่อย ไม่ทันได้ขาย หันมาดูอีกทีความรวยหายไปแล้ว หรืออาจเป็นกรณีที่คุณเอากำไรที่ได้ไปซื้อหุ้นอีกตัวแล้วดอยหนักมาก
.
เขียนมาถึงตรงนี้ก็เหมือนแดจาวู คือรู้สึกคุ้นๆเพราะเคยผ่านมาแล้ว 555
.
ว่าแล้ว เรามาดูทางแก้กันดีกว่า
.
ทางแก้ในข้อแรก คือ อย่าซื้อหุ้นที่ราคาขึ้นมาจนเกินโซนซื้อแล้ว โดยเฉพาะไอ้ตัวที่เพิ่งวิ่งมาแรงๆเร็วๆนี่ต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ
.
ทางแก้สำหรับข้อสอง คือ ถ้าเข้าถูกจังหวะถูกราคาแล้วหุ้นลงคุณต้องไม่ขาย (หากมั่นใจและยังซื้อไปไม่เยอะมากก็ควรซื้อเพิ่มด้วยซ้ำ) และพอหุ้นขึ้นคุณก็ไม่ควรจะขายเร็วเกินไป อย่างน้อยก็ควรจะรอจนเข้าโซนถือหรือเข้าใกล้มูลค่าที่เหมาะสมก่อน (ยกเว้นว่าเจออีกตัวที่ดีกว่ากันชัดเจนและเงินหมดแล้ว)
.
ส่วนข้อสามก็ตรงไปตรงมา คือ คุณควรซื้อหุ้นที่คุณคัดเลือกมาอย่างดีแล้วด้วยสัดส่วนที่มีนัยยะ อย่างน้อยก็ไม่ควรต่ำกว่า 5-10% ของมูลค่าพอร์ตโดยรวม ถ้าไม่มั่นใจพอที่จะซื้อขนาดนั้นก็ไม่ต้องซื้อเลยดีกว่า แต่ให้ติดตามต่อไปจนราคาหุ้นลงมาต่ำมากพอหรือคุณวิเคราะห์จนมีความมั่นใจมากพอแล้วค่อยเข้าซื้อ
.
สำหรับข้อสี่ แก้ด้วยการออกแบบพอร์ตให้โฟกัสในหุ้นน้อยตัว เฉพาะที่มั่นใจว่าดีที่สุด 3-5 ตัวเท่านั้น แล้ววางแผนการซื้อขายและติดตามหุ้นเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด (คุณควรเริ่มสงสัยในการวิเคราะห์ของตัวเองถ้ามีหุ้นที่สนใจอยากซื้อเต็มไปหมด เพราะหุ้นดีไม่ได้เจอกันบ่อยๆ และควรบังคับตัวเองให้ตอบออกมาให้ได้ว่าตัวไหนคือโอกาสที่ดีที่สุด)
.
ข้อที่ห้า แก้ได้ด้วยการมีแผนซื้อถือขายที่ดี และทำตามแผนนั้น สร้างระบบการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง เรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
.
การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะมันอาจสร้างหรือทำลายทั้งชีวิตของคุณก็ได้ คุณจะต้องบริหารความเสี่ยงในช่วงที่กำลังเรียนรู้ให้ดี อยู่รอดให้นานพอ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ความสำเร็จจะมาถึงและมาเร็วอย่างที่คุณคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน ขอเอาใจช่วยเพื่อนๆทุกท่านครับ
.
by #Dr.Vi. #หมอวิ (20 กุมภาพันธ์ 2561)
https://www.facebook.com/Dr.Vichian/
[email protected]
.
บทความนี้เขียนขึ้นแด่เพื่อนนักลงทุนหลายๆท่านที่ประสบกับปัญหาแบบเดียวกับที่ผมเจออยู่หลายปีก่อนหน้านี้ครับ คือเลือกซื้อหุ้นถูกตัวแล้ว แต่พอร์ตไปไม่ถึงไหน ทั้งที่หุ้นตัวที่ซื้อก็ขึ้นเอาๆ และหันไปมองคนอื่นที่ซื้อหุ้นตัวเดียวกัน เขาก็ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ นั่นเป็นเพราะอะไร เรามาดูกัน
.
สาเหตุแรก คือ เข้าซื้อผิดจังหวะเวลา
อาจจะมาเข้าซื้อตอนหุ้นวิ่งมาพอสมควรแล้ว มีคนติดตามมากแล้ว หรือเข้าซื้อตอนหุ้นวิ่งแรงๆ แต่พอราคาเกิดการปรับฐานกลับไม่ได้ซื้อ (เพราะเงินหมดหรือไม่ก็กลัวว่าซื้อแล้วมันจะลงต่อ) แถมบางทีก็รอมันเด้งจนมั่นใจแล้วค่อยเข้าไปซื้อ แล้วก็ดอยอีก
.
สาเหตุต่อมา คือ ขายผิดเวลา
อันนี้ต่อเนื่องมาจากข้อแรก คือพอดอยหนักเข้า ทนไม่ไหวก็เลยตัดขายทิ้งที่ราคาต่ำๆ (แน่นอนครับว่าบางทีมันก็เด้งใส่หน้า) หรืออาจจะทนไหว แต่พอหลุดดอยก็รีบขายเลย เพราะกลัวจะกลับมาดอยอีก (แล้วมันก็วิ่งลับไปต่อหน้าต่อตา)
.
สาเหตุที่สาม คือ ซื้อน้อยไป
จะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ เมื่อคุณเจอโอกาสที่ดีแล้ว แต่ลงทุนด้วยสัดส่วนของเงินที่น้อยเกินไป ต่อให้หุ้นขึ้นมากี่เด้งๆ ก็ไม่รวย เพราะกำไรที่ได้จะทำให้พอร์ตโดยรวมโตขึ้นนิดเดียว
.
สาเหตุที่สี่ คือ กำไรตัวนี้ แต่ขาดทุนตัวนู้น
แบบนี้ก็ไม่รวยเหมือนกันครับ ได้ๆเสียๆ วนไปวนมา เพราะซื้อกระจายหลายตัว ทั้งพอร์ตก็เลยไม่ไปไหน
ยิ่งถ้าคุณขายเร็วเกินไปเวลาได้กำไร แต่ขายช้าไปเวลาขาดทุน หรือว่ากำไรตัวที่ซื้อน้อย แต่ขาดทุนตัวที่ซื้อเยอะ แบบนี้อย่าว่าแต่ไม่รวยเลยครับ ไม่หมดตัวก็บุญแล้ว
.
สาเหตุที่ห้า คือ เคยรวย แต่คืนเขาไปแล้ว
ข้อนี้อาจจะเป็นกรณีที่หุ้นของคุณขึ้นไปเยอะจนพอร์ตบวมแระ แต่ทิ้งไว้นานไปหน่อย ไม่ทันได้ขาย หันมาดูอีกทีความรวยหายไปแล้ว หรืออาจเป็นกรณีที่คุณเอากำไรที่ได้ไปซื้อหุ้นอีกตัวแล้วดอยหนักมาก
.
เขียนมาถึงตรงนี้ก็เหมือนแดจาวู คือรู้สึกคุ้นๆเพราะเคยผ่านมาแล้ว 555
.
ว่าแล้ว เรามาดูทางแก้กันดีกว่า
.
ทางแก้ในข้อแรก คือ อย่าซื้อหุ้นที่ราคาขึ้นมาจนเกินโซนซื้อแล้ว โดยเฉพาะไอ้ตัวที่เพิ่งวิ่งมาแรงๆเร็วๆนี่ต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ
.
ทางแก้สำหรับข้อสอง คือ ถ้าเข้าถูกจังหวะถูกราคาแล้วหุ้นลงคุณต้องไม่ขาย (หากมั่นใจและยังซื้อไปไม่เยอะมากก็ควรซื้อเพิ่มด้วยซ้ำ) และพอหุ้นขึ้นคุณก็ไม่ควรจะขายเร็วเกินไป อย่างน้อยก็ควรจะรอจนเข้าโซนถือหรือเข้าใกล้มูลค่าที่เหมาะสมก่อน (ยกเว้นว่าเจออีกตัวที่ดีกว่ากันชัดเจนและเงินหมดแล้ว)
.
ส่วนข้อสามก็ตรงไปตรงมา คือ คุณควรซื้อหุ้นที่คุณคัดเลือกมาอย่างดีแล้วด้วยสัดส่วนที่มีนัยยะ อย่างน้อยก็ไม่ควรต่ำกว่า 5-10% ของมูลค่าพอร์ตโดยรวม ถ้าไม่มั่นใจพอที่จะซื้อขนาดนั้นก็ไม่ต้องซื้อเลยดีกว่า แต่ให้ติดตามต่อไปจนราคาหุ้นลงมาต่ำมากพอหรือคุณวิเคราะห์จนมีความมั่นใจมากพอแล้วค่อยเข้าซื้อ
.
สำหรับข้อสี่ แก้ด้วยการออกแบบพอร์ตให้โฟกัสในหุ้นน้อยตัว เฉพาะที่มั่นใจว่าดีที่สุด 3-5 ตัวเท่านั้น แล้ววางแผนการซื้อขายและติดตามหุ้นเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด (คุณควรเริ่มสงสัยในการวิเคราะห์ของตัวเองถ้ามีหุ้นที่สนใจอยากซื้อเต็มไปหมด เพราะหุ้นดีไม่ได้เจอกันบ่อยๆ และควรบังคับตัวเองให้ตอบออกมาให้ได้ว่าตัวไหนคือโอกาสที่ดีที่สุด)
.
ข้อที่ห้า แก้ได้ด้วยการมีแผนซื้อถือขายที่ดี และทำตามแผนนั้น สร้างระบบการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง เรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
.
การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะมันอาจสร้างหรือทำลายทั้งชีวิตของคุณก็ได้ คุณจะต้องบริหารความเสี่ยงในช่วงที่กำลังเรียนรู้ให้ดี อยู่รอดให้นานพอ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ความสำเร็จจะมาถึงและมาเร็วอย่างที่คุณคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน ขอเอาใจช่วยเพื่อนๆทุกท่านครับ
.
by #Dr.Vi. #หมอวิ (20 กุมภาพันธ์ 2561)
https://www.facebook.com/Dr.Vichian/
[email protected]
"อย่ากลัวตกรถ" ...ถึงจะดี ถ้าไม่ถูก ก็ไม่ซื้อ
"อย่ากลัวติดดอย" ...ถ้าถูกพอ ก็ซื้อ ไม่รอราคาต่ำสุด
"อย่ากลัวติดดอย" ...ถ้าถูกพอ ก็ซื้อ ไม่รอราคาต่ำสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นถูกแต่ทำไมไม่รวย
โพสต์ที่ 3
เมื่อเช้าผมเพิ่งคุยกับที่บ้านในประเด็นนี้พอดีครับ คือ
เวลาดูผลตอบแทนว่าดีหรือไม่ดี เราไม่ควรดูที่จำนวนเงินว่าได้กำไรมากี่บาท แต่ควรเทียบเป็น % กับพอร์ตลงทุนทั้งหมดของเรา
ตย. คนพอร์ตร้อยล้าน ทำกำไรได้สามล้าน คิดเป็น 3%
กับอีกคนพอร์ตหนึ่งล้าน กำไรสามแสน คิดเป็น 30%
ถ้านับเม็ดเงิน แน่นอนว่าคนแรกได้มากกว่าเยอะมาก
แต่ที่จริงต้องถือว่าคนหลังทำผลงานได้ดีกว่า
ในระยะยาว ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คนหลังก็มีโอกาสตามคนแรกทันครับ
อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรไปเปรียบเทียบกับคนอื่นแบบนั้น การลงทุนเป็นเรื่องของแต่ละคน เราพัฒนาและแข่งขันกับตัวเอง ผลตอบแทนที่ได้ ถ้าเราพอใจก็ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะได้มากหรือน้อยกว่าคนอื่น
ขอให้ศรัทธาและประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ
เวลาดูผลตอบแทนว่าดีหรือไม่ดี เราไม่ควรดูที่จำนวนเงินว่าได้กำไรมากี่บาท แต่ควรเทียบเป็น % กับพอร์ตลงทุนทั้งหมดของเรา
ตย. คนพอร์ตร้อยล้าน ทำกำไรได้สามล้าน คิดเป็น 3%
กับอีกคนพอร์ตหนึ่งล้าน กำไรสามแสน คิดเป็น 30%
ถ้านับเม็ดเงิน แน่นอนว่าคนแรกได้มากกว่าเยอะมาก
แต่ที่จริงต้องถือว่าคนหลังทำผลงานได้ดีกว่า
ในระยะยาว ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คนหลังก็มีโอกาสตามคนแรกทันครับ
อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรไปเปรียบเทียบกับคนอื่นแบบนั้น การลงทุนเป็นเรื่องของแต่ละคน เราพัฒนาและแข่งขันกับตัวเอง ผลตอบแทนที่ได้ ถ้าเราพอใจก็ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะได้มากหรือน้อยกว่าคนอื่น
ขอให้ศรัทธาและประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ
"อย่ากลัวตกรถ" ...ถึงจะดี ถ้าไม่ถูก ก็ไม่ซื้อ
"อย่ากลัวติดดอย" ...ถ้าถูกพอ ก็ซื้อ ไม่รอราคาต่ำสุด
"อย่ากลัวติดดอย" ...ถ้าถูกพอ ก็ซื้อ ไม่รอราคาต่ำสุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นถูกแต่ทำไมไม่รวย
โพสต์ที่ 5
ซื้อผิดจังหวะ
โซนซื้อ ผมดูไม่เป็นครับ
ใช้ margin of safety อย่างเดียวพอไหม
หุ้นขึ้น ก็ยังซื้อได้
เพราะยังเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยอยู่
...
ขายผิดเวลา
ผมคิดว่า เราควรจะทำการบ้านให้ดี
ตั้งแต่ตอนที่ซื้อ
จะได้ไม่ต้องมาแก้ปัญหาเวลาขาย
แต่ถ้าจะผิดเพราะซื้อผิด
ผมขายทุกราคาไม่เคยดูจังหวะเวลา
และเอาเวลาไปทำอย่างอื่น
...
ซื้อน้อยเกินไป
อันนี้เห็นด้วย ถ้ามั่นใจแล้วต้องจัดให้หนัก
ปรับพอร์ตไปปรับพอร์ตมา
ส่วนตัวไม่ค่อยได้ถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งต่ำกว่า 5 %
นอกจากกรณีพิเศษๆ
อาจจะเพราะพอร์ตยังเล็กด้วย
...
กระจายเกินจำเป็น
ปกติผมจะถือหุ้นไม่เกิน 5 ตัว
นอกจากสถานการณ์พิเศษ
หลังจากเหตุการณ์ร้ายๆ ผ่านไป
ผมก็มักจะกลับมาพิจารณา
ว่าตัวไหนดีกว่าตัวไหน
ตัวไหนจะเก็บไว้ตัวไหนจะเอาออก
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา
ผลตอบแทนค่อนข้างดีกว่าตลาด
เพียงเพราะรู้จักการโฟกัส
โดยที่ไม่ได้เลือกหุ้นได้เก่งกว่าคนอื่นเลย
โซนซื้อ ผมดูไม่เป็นครับ
ใช้ margin of safety อย่างเดียวพอไหม
หุ้นขึ้น ก็ยังซื้อได้
เพราะยังเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยอยู่
...
ขายผิดเวลา
ผมคิดว่า เราควรจะทำการบ้านให้ดี
ตั้งแต่ตอนที่ซื้อ
จะได้ไม่ต้องมาแก้ปัญหาเวลาขาย
แต่ถ้าจะผิดเพราะซื้อผิด
ผมขายทุกราคาไม่เคยดูจังหวะเวลา
และเอาเวลาไปทำอย่างอื่น
...
ซื้อน้อยเกินไป
อันนี้เห็นด้วย ถ้ามั่นใจแล้วต้องจัดให้หนัก
ปรับพอร์ตไปปรับพอร์ตมา
ส่วนตัวไม่ค่อยได้ถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งต่ำกว่า 5 %
นอกจากกรณีพิเศษๆ
อาจจะเพราะพอร์ตยังเล็กด้วย
...
กระจายเกินจำเป็น
ปกติผมจะถือหุ้นไม่เกิน 5 ตัว
นอกจากสถานการณ์พิเศษ
หลังจากเหตุการณ์ร้ายๆ ผ่านไป
ผมก็มักจะกลับมาพิจารณา
ว่าตัวไหนดีกว่าตัวไหน
ตัวไหนจะเก็บไว้ตัวไหนจะเอาออก
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา
ผลตอบแทนค่อนข้างดีกว่าตลาด
เพียงเพราะรู้จักการโฟกัส
โดยที่ไม่ได้เลือกหุ้นได้เก่งกว่าคนอื่นเลย