สารสนเทศของบริษัท คิง ไว กรุ๊ป (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) เรื่อง การได้มาซึ่งสินทรัพย์ และ
การเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน
การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จาก 9,240,000,000 บาท เป็น 9,475,754,700 บาท โดยการออก
หุ้นสามัญใหม่ จำนวน 23,575,470 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท
การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 23,575,470 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เพื่อตอบแทนให้แก่
ผู้ขายหุ้นบริษัท AEC สำหรับหุ้นบริษัท AEC และการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน ดังนี้
(1) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 11,396,855 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ให้แก่ KWII
ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.18 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 36,241,999 บาท ทั้งนี้ KWII จะนำหุ้น
สามัญในบริษัท AEC จำนวน 362,420 หุ้น มาชำระเป็ นค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทแทน
การชำระด้วยเงินสด
(2) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 12,178,615 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ให้แก่นาย
บุญยงค์ ยงเจริญรัฐ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.18 บาท คิดเป็ นมูลค่ารวม 38,727,996 บาท
ทั้งนี้ นายบุญยงค์ ยงเจริญรัฐ จะนำหุ้นสามัญในบริษัท AEC จำนวน 387,280 หุ้น มาชำระ
เป็ นค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทแทนการชำระด้วยเงินสด
ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนข้างต้นในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.18 บาท คิดเป็ นมูลค่ารวมทั้งสิ้น
74,969,995 บาท บริษัทจะได้เป็ นผู้ถือหุ้นในบริษัท AEC จำนวนรวมทั้งสิ้น 749,700 หุ้น (ร้อยละ 85.0
ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท AEC) ราคาประมาณหุ้นละ 100 บาท มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น
74,969,995 บาท
https://www.set.or.th/set/newsdetails.d ... country=TH
KWG
-
- Verified User
- โพสต์: 43
- ผู้ติดตาม: 0
Re: KWG
โพสต์ที่ 2
เป็นบริษัทที่แปลงกลายเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้งแต่ก็ยังอยู่ในธุรกิจเดิมคืออสังหาริมทรัพ์ตลอด ชื่อล่าสุดก่อนเป็น KWG คือ KTP มีขาดทุนสะสมอยู่จำนวนหนึ่ง
กลุ่มทุนใหม่คือกลุ่ม King Wire Group (ซึ่งระบุว่าตนเองมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจีน เช่น เซี่ยงไฮ้ โดยบริษัท based อยู่ที่ฮ่องกง) เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 100 ล้านหุ้น (45%จากหุ้นทั้งหมด 202 ล้านหุ้น) จากกลุ่มทุนสิงค์โปร์เดิมในราคา 3.55 บาท เมื่อพฤษภา 2559 ต่อมาเดือนกุมภา 2560 ได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 704 ล้านหุ้น แก่ผู้ถือหุ้นเพิ่มทุนเดิม 1:3.20 หุ้นในราคา 2.63 บาท มูลค่าที่ตราไว้ 10 บาท (ช่วงให้สิทธิเพิ่มทุนราคาในกระดานอยู่ที่เฉลี่ย 2.55 บาท) โดยมีวัตถุประสงค์นำเงินเพิ่มทุนไปใช้ในการขยายสู่ธุรกิจอสังหาแบบคอนโดมิเนียม
ท้ายสุดผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นผู้ใช้สิทธิเพิ่มทุนไปและถือครองหุ้นจำนวน 86% (800 ล้านหุ้น) จากจำนวนหุ้น 924 ล้านหุ้นหลังเพิ่มทุน ถือในนาม King Wire Group และบริษัททอมโม ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่าง King Wire และนายบุญยงค์ซึ่งเป็นกรรมการบริหารสมาคมนักธุรกิจรุ่นใหม่ไทย-จีน
ภายหลังการเพิ่มทุนบริษัทก็ได้ทยอยนำเงินเพิ่มทุนไปซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ พื้นที่ 260 ตารางวาราคา 145 ล้านบาท (ขนาด 6 ชั้น) 600 ตารางวา ราคา 400 ล้านบาท (8 ชั้น) 310 ตารางวา ราคา 330 ล้านบาท (31 ชั้น) ซื้อจากใครหว่า และเป็นเงินทุนสำหรับพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 31 ชั้น และเป็นเงินตั้งต้นในการศึกษาความเป็นไปได้ในการทำ warehouse หรือพัฒนาโครงการเชิง integrated industrial park ที่บางปะอิน อยุธยา
สำหรับโครงการที่ส่งต่อจากผู้ถือหุ้นใหญ่ก่อนหน้านี้ ผู้ถือหุ้นใหม่ก็โชว์การบริหารต้นทุนได้ดีจนผลการดำเนินงานสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้สำหรับปี 2559 และไตรมาส 2ปีนี้
โดยรวมดูเป็นหุ้นที่ story ได้ดี ล้อกับการเข้ามาของกลุ่มทุนจีน EEC มี CLSA ซึ่งเป็น broker ที่มีบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของจีนถือหุ้นใหญ่คอยเชียร์อยู่
ก็ต้องติดตามกันต่อไป...
กลุ่มทุนใหม่คือกลุ่ม King Wire Group (ซึ่งระบุว่าตนเองมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจีน เช่น เซี่ยงไฮ้ โดยบริษัท based อยู่ที่ฮ่องกง) เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 100 ล้านหุ้น (45%จากหุ้นทั้งหมด 202 ล้านหุ้น) จากกลุ่มทุนสิงค์โปร์เดิมในราคา 3.55 บาท เมื่อพฤษภา 2559 ต่อมาเดือนกุมภา 2560 ได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 704 ล้านหุ้น แก่ผู้ถือหุ้นเพิ่มทุนเดิม 1:3.20 หุ้นในราคา 2.63 บาท มูลค่าที่ตราไว้ 10 บาท (ช่วงให้สิทธิเพิ่มทุนราคาในกระดานอยู่ที่เฉลี่ย 2.55 บาท) โดยมีวัตถุประสงค์นำเงินเพิ่มทุนไปใช้ในการขยายสู่ธุรกิจอสังหาแบบคอนโดมิเนียม
ท้ายสุดผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นผู้ใช้สิทธิเพิ่มทุนไปและถือครองหุ้นจำนวน 86% (800 ล้านหุ้น) จากจำนวนหุ้น 924 ล้านหุ้นหลังเพิ่มทุน ถือในนาม King Wire Group และบริษัททอมโม ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่าง King Wire และนายบุญยงค์ซึ่งเป็นกรรมการบริหารสมาคมนักธุรกิจรุ่นใหม่ไทย-จีน
ภายหลังการเพิ่มทุนบริษัทก็ได้ทยอยนำเงินเพิ่มทุนไปซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ พื้นที่ 260 ตารางวาราคา 145 ล้านบาท (ขนาด 6 ชั้น) 600 ตารางวา ราคา 400 ล้านบาท (8 ชั้น) 310 ตารางวา ราคา 330 ล้านบาท (31 ชั้น) ซื้อจากใครหว่า และเป็นเงินทุนสำหรับพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 31 ชั้น และเป็นเงินตั้งต้นในการศึกษาความเป็นไปได้ในการทำ warehouse หรือพัฒนาโครงการเชิง integrated industrial park ที่บางปะอิน อยุธยา
สำหรับโครงการที่ส่งต่อจากผู้ถือหุ้นใหญ่ก่อนหน้านี้ ผู้ถือหุ้นใหม่ก็โชว์การบริหารต้นทุนได้ดีจนผลการดำเนินงานสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้สำหรับปี 2559 และไตรมาส 2ปีนี้
โดยรวมดูเป็นหุ้นที่ story ได้ดี ล้อกับการเข้ามาของกลุ่มทุนจีน EEC มี CLSA ซึ่งเป็น broker ที่มีบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของจีนถือหุ้นใหญ่คอยเชียร์อยู่
ก็ต้องติดตามกันต่อไป...