ศึกษาเวทมนตร์ทางบัญชีของ PACE

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
huatoh
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 81
ผู้ติดตาม: 0

ศึกษาเวทมนตร์ทางบัญชีของ PACE

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผมไม่ได้รู้เรื่องทางบัญชีนัก แค่พอดูออกบางจุด และไม่เคยสนใจคำว่าบริษัทร่วม บริษัทย่อย พอเห็นงบการเงินของ PACE ก็งงไม่รู้เรื่องเอาซะเลยว่า ไอ้คำว่า การสูญเสียอำนาจการควบคุมบริษัทย่อย มันทำให้เกิดกำไรกับบริษัทได้ยังไง เลย google ค้นหาความรู้ จนพอจะเข้าใจบ้าง ขอนำมาแบ่งปัน หากผู้รู้ทั้งหลายในห้องนี้ จะชี้แนะเพิ่มเติม ก็ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

เดิม PACE ถือหุ้นทางตรงในบริษัทPP3(เจ้าของจุดชมวิวตึกมหานคร) อยู่ 50% และถือหุ้นทางอ้อมผ่าน PRE อีก 50% (PACE ถือหุ้น PRE 100%) รวมถือหุ้นทางตรงและอ้อม 100% ใน PP3 จำนวน 1 ล้านหุ้น
PP3 จึงเป็นบริษัทย่อยของ PACE เวลาทำงบการเงินก็เอารายการต่างๆ มารวมแล้วตัดรายการที่ทำระหว่างแม่กับลูกออก เหมือนหนึ่งเป็นบริษัทเดียวกัน ถ้า PP3 มีกำไรจริงเกิดขึ้นแล้ว ถึงจะเห็นกำไรในงบการเงินของ PACE (ถ้าจุดชมวิวยังไม่เปิดทำการก็ไม่เกิดกำไรในงบการเงินแน่ๆ)
ต้นปีนี้ PP3ขายหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุน ให้บุคคลภายนอก 950,000 หุ้นๆละ 7,900 บาท รวมหุ้นสามัญเดิม 1 ล้านหุ้น เป็น 1,950,000 หุ้น (แถมมีเงื่อนไขพิเศษมากๆ ให้กับผุ้ถือหุ้นบุริมสิทธิ คือปันผลแบบสะสมหุ้นละ 2,144 บาท (27%) ต่อหุ้นต่อปี) หลังเพิ่มทุนสัดส่วนที่ PACE ถือหุ้น PP3 จึงลดลงเหลือ 25.64% PACE เลยถีบ PP3 ออกจากการเป็นบริษัทย่อย ให้เป็นแค่บริษัทร่วม หลักฐานตามกระทู้เดิม https://pantip.com/topic/36777513
(โดยทั่วไปถ้าถือหุ้นบริษัทอื่นเกิน 50% ให้ถือว่าควบคุมกิจการได้จึงเป็นบริษัทย่อย ถ้าถือ 20%-50% ให้ถือว่ามีอิทธิพลต่อบริษัท เรียกว่าบริษัทร่วม ถ้าถือน้อยกว่า 20% ก็เป็นหุ้นมีไว้เพื่อค้า หรือ เผื่อขาย, https://www.youtube.com/watch?v=tmQ5dn-Bn9M )

ถีบออกจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วมแล้วดียังไง
มาตรฐานทางบัญชี บอกว่าถ้าเป็นบริษัทย่อยให้รวมงบการเงินมาคิดรวมกับแม่(เอารายละเอียด รายได้ ค่าใช้จ่าย หนี้สิน ทรัพย์สินมาคิดรวม) ถ้าจุดชมวิวยังไม่เปิดทำการ ก็ไม่มีกำไร
แต่ถ้าเป็นบริษัทร่วมให้ปฏิบัติตามวิธีส่วนได้เสีย(equity method) คือเอาเฉพาะส่วน equity ของบริษัทลูกที่แม่มีส่วนได้เสีย (=book value=ทรัพย์สินหักด้วยหนี้สิน ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะ) ที่เพิ่มขี้นหรือลดลง มาคิด และยังกำหนดว่า ณ วันที่เปลี่ยนเป็นบริษัทร่วม ให้รับรู้ส่วนต่างของเงินที่บริษัทแม่ลงทุนไป กับ ส่วน equity (=ทรัพย์สินลบด้วยหนี้สิน=book value) ของบริษัทลูก เป็นรายได้ของบริษัทแม่ (ข้อ32 มาตรฐานการบัญชีฉบับ28, http://eservice.fap.or.th/get_file/inde ... d_2559.pdf และ ข้อ 25 มาตรฐานการบัญชีฉบับ10 http://eservice.fap.or.th/get_file/inde ... 559_UP.pdf ) ทีนี้ก็ได้ทีสิครับ ใช้เวทมนตร์ทางบัญชี หาคนมาประเมินมูลค่ายุติธรรมของPP3 โดยใช้วิธี income approach นั่งคิดเอาว่าอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีรายได้จากจุดชมวิวเท่าไหร่ คิดลดมาเป็นมูลค่าปัจจุบันได้ 8 พันกว่าล้านบาท หักเงินต้นทุนที่PACEใช้ไป แล้วลงบัญชีเป็นรายได้พิเศษของ PACE ได้เลย โดยจุดชมวิวยังไม่เปิดทำการ แล้วเรียกให้งงๆว่า ผลกระทบจากการสูญเสียอำนาจการควบคุมในบริษัทย่อย
เห็นมั๊ยครับ เหมือนเวทมนตร์เนาะ เสกเพี้ยงเดียวมโนเอารายได้จากจุดชมวิว จากที่PACE ควรจะขาดทุน 2,499 ล้าน กลายเป็นกำไร 6,266 ล้าน ในพริบตา ทั้งที่กิจการจุดชมวิวยังไม่เปิดดำเนินการ แถม book valueรวม ของ PACE ถ้าไม่มีรายการนี้จะติดลบราว 2พันล้าน ก็กลายเป็นบวก 6พันล้านแทน
พอ SET ให้ชี้แจง บริษัทก็บอกจะมีนักท่องเที่ยว มาชมวิว 3 ล้านคนต่อปี. ( หาร 365. ตกวันละ8200 คน วันนึงเปิด 15 ชม. ตก ชม.ละ540 คน lift จะรับส่งได้ทันมั๊ย ไม่รู้มี lift กี่ตัว ? แล้วจะเต็มทุกเที่ยวทุกวันเหรอแถม พื้นที่ให้ยืนดูนี่ถึง 540 คนไหม เพราะเสียเงินไปดูแล้วคงไม่ดูนาทีเดียวแล้วลง ) 3 ล้านคนนี่ มีต้นทุนที่ต้องจ่ายปันผลให้หุ้นบุริมสิทธิหุ้นละ 2,144 บาทต่อปีแบบสะสม ( ปีละ=2144บาท*950,000หุ้น = 1,995 ล้านบาท ) รวมไปในค่าตั๋วขึ้นชมวิวแล้วแน่ๆ คนละ 665 บาท ไม่รวมต้นทุนอื่นๆ (1,995 ล้านบาท / 3 ล้านคน) ในอนาคตก่อนจะส่งกำไรให้ PACE นี่ต้องจ่ายปันผลให้หุ้นบุริมสิทธิก่อนด้วยนะ ดูความเป็นไปได้กันเองนะครับ

ข้อสังเกตของผม
1. บริษัทน่าจะยังใช้เวทมนตร์นี้ไม่ได้ เพราะ ยังถือหุ้นทางอ้อมผ่าน PRE อีก 25.64 % รวมแล้วถือหุ้นตรงและอ้อม เป็น 51 % ( ต้องโอนหุ้นให้คนขับรถอีก สัก 2% ชี้โพรงให้กระรอกไปเลย ) ผมร้องเรียน กลต.ไป ยังเงียบอยู่เลย
2.มีข้อห้ามในมาตรฐานการบัญชี ไม่ให้นำผลกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมารวมพิจารณาในการวัดประเมินมูลค่าหนี้สิน ( ข้อ 25 มาตรฐานการบัญชีฉบับ10 http://eservice.fap.or.th/get_file/inde ... d_2559.pdf ) แต่อันนี้ไม่แน่ใจว่าจะใช้กับกรณีนี้มั๊ยเพราะอาจจะต้องผูกกับเรื่องหนี้สินด้วย และยังค้นไม่เจอว่ามีบัญญติไว้ในมาตรฐานฉบับอื่นมั๊ย ( ค้นแค่นี้ก็เสียเวลามากแล้ว )
3. ความเป็นไปได้ของรายได้ในอนาคต อย่างที่เล่าไปแล้ว
4.ถ้าทำแบบนี้แล้วถูกตามมาตรฐาน (ถึงจะโอนหุ้นอีก 2% ไปให้คนขับรถแล้วก็ตาม) สภาวิชาชีพบัญชีก็ควรไปแก้ไข มาตรฐานการบัญชีได้แล้ว มูลค่านี้ไม่ยุติธรรมกับมหาชนแน่ๆ หรือ ถ้าทำแบบนี้แล้วผิดมาตรฐานกลต.จะนั่งเฉยๆอยู่ทำไม สรุปไม่ว่าจะผิดหรือถูก ควรต้องมีสักหน่วยงานออกมาจัดการเพื่อประโยชน์แห่งมหาชนชาวสยามนะครับ

https://pantip.com/topic/36801003
ไตรลักษณ์
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 50
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกษาเวทมนตร์ทางบัญชีของ PACE

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณสำหรับบทความขอชมว่าทำการบ้านมาดีมากครับ รบกวนขอบทความแบบนี้อีกนะครับ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ภาพประจำตัวสมาชิก
shanghaigeny
Verified User
โพสต์: 3530
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกษาเวทมนตร์ทางบัญชีของ PACE

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล และมุมมอง ช่วยเปิดกบาลทึบๆ ผมได้ :P
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกษาเวทมนตร์ทางบัญชีของ PACE

โพสต์ที่ 4

โพสต์

-----------------------------------------------------------------------------------
วันที่/เวลา 21 ส.ค. 2560 08:05:00
หัวข้อข่าว การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกัน
หลักทรัพย์ BROOK
แหล่งข่าว BROOK
https://www.set.or.th/set/pdfnews.do?ne ... 2017069600
ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข
สิ่งที่แปลกคือ PACE ถือ PACE Food 100% แต่ อัตราดอกเบี้ยที่ BROOK ได้รับจาก PACE FOOD คือ
12% ต่อปี แถมด้วยค่าธรรมเนี่ยต่อปีอีก 3% ดังนั้นคือจ่ายทั้งหมด 15% ต่อปี
ซึ่งหากคิดๆดู PACE ถือ PACE FOOD อยู๋ บริษัทลูกก็น่าได้รับเรตติ้งของ PACE น่าจะหาอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่านี้ได้
การทำงบรวมต้องเอาหนี้ก้อนนี้เข้างบการเงินรวมของ PACE แต่งบเดี่ยวไม่เกี่ยวข้อง
:)
โพสต์โพสต์