LEO

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
pakapong_u
Verified User
โพสต์: 40089
ผู้ติดตาม: 1

LEO

โพสต์ที่ 1

โพสต์

*"ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์"ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 50 ล้านหุ้น เข้าตลาด mai, ใช้ขยายธุรกิจ-ลงทุนบริษัทอื่น
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)

Friday, April 28, 2017 17:05


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 เม.ย. 60)--สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ยื่นไฟลิ่งเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 50 ล้านหุ้น โดยจะไม่มีการเสนอขายให้กับผู้จองซื้อรายย่อยหรือประชาชนเป็นการทั่วไป และบริษัทฯมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบล.ทรีนีตี้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์ของการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนเพื่อขยายธุรกิจของบริษัท และบริษัทย่อย และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ รวมทั้งใช้เป็นงบประมาณเพื่อลงทุนในบริษัทอื่น
บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั่วโลก (End - to - End Global Logistics Services) และลงทุนในบริษัทอื่น โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทฯ มีบริษัทย่อย 2 แห่งที่ดำเนินธุรกรรมอยู่ คือ บริษัท วายเจซี ดีโปท์ เซอร์วิสเซส จำกัด (“YJCD") ดำเนินธุรกิจหลักคือให้บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ระยะสั้นและระยะยาว และซ่อมตู้คอนเทนเนอร์ และ บริษัท ลีโอ เมียนมาร์ โลจิสติกส์ จำกัด (“LML") ดำเนินธุรกิจหลักเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ประเทศเมียนมาร์ และมีบริษัทร่วมอีก 2 แห่งคือ บริษัท ซิโนคอร์ เมอร์ชานท์มารีน (ประเทศไทย) จำกัด (“SKRT") ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายเดินเรือของซิโนคอร์ (Sinokor) จากประเทศเกาหลีใต้ และ บริษัท อาราเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (“ARM") ดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งพัสดุและเอกสารเร่งด่วนระหว่างประเทศ
โครงการในอนาคต บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีแผนขยายธุรกิจทั้งในส่วนธุรกิจปัจจุบันและธุรกิจใหม่ ดังนี้ ธุรกิจ Leo Self-Storage & E-Fulfillment Center ปลายปี 2559 บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินโครงการ Leo Self-Storage (“LSS") บนถนนพระราม 3 ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่เพื่อให้เช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้า โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก คือ ลูกค้ารายย่อย ซึ่งได้แก่ ผู้อยู่อาศัยคอนโดมิ เนียม หรือผู้ประกอบการ SMEs และ e-commerce ในละแวกใกล้เคียง โครงการนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ได้เล็งเห็นว่า จำนวนประชากรจากชานเมืองหรือต่างจังหวัดย้ายเข้าสู่ตัวเมืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ที่อยู่อาศัยประเภทตึกสูง เช่น คอนโดมิเนียม มีจำนวนเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับประชากรที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน พื้นที่ในการเก็บของเพื่อใช้อยู่อาศัยหรือดำเนินธุรกิจมีน้อยลง จึงได้เริ่มโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการการใช้พื้นที่ของคนเมือง
ในปัจจุบัน บริษัทฯ มีพื้นที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการนี้ 1 แห่ง ตั้งอยู่บนถนนพระราม 3 ขนาดพื้นที่รวมประมาณ 1,280 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีรายได้ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2560 ซึ่งในช่วงเริ่มต้นนี้ขนาดรายได้จะยังไม่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ภายในปี 2563 บริษัทฯ คาดว่าจะมี LSS ประมาณ 4 แห่ง หรือมีแผนการเปิด 1 แห่ง ใน 1 ปี โดยมีงบประมาณเงินลงทุน 17-20 ล้านบาท ต่อแห่ง ซึ่ง LSS แห่งใหม่
2. ขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ บริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายฐานลูกค้าสายเรือสำหรับการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์จึงกำหนดแผนขยายพื้นที่รับฝากเพื่อรองรับจำนวนตู้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทย่อยคือ YJCD มีธุรกิจให้พื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ ระยะสั้นและระยะยาว และซ่อมตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 17,000 ตารางเมตร หรือเทียบเท่ากับความสามารถรองรับตู้ได้ประมาณ 3,500 ตู้ โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาหาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อขยายลานรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2560 จนถึงต้นปี 2561 เพื่อให้สามารถรองรับตู้สินค้าได้เพิ่มเติมอีกประมาณ 8,000 ตู้ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 15-20 ล้านบาท
3. พัฒนาระบบขนส่งผ่านแดนไปยังประเทศเมียนมาร์ จากการที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งผ่านแดนไปยังประเทศเมียนมาร์ยังอาจมีข้อจำกัดด้านมาตรฐานการขนส่งสินค้า (รายละเอียดตามหัวข้อที่ 2.2.2 (5) การให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ประเทศเมียนมาร์) บริษัท ลีโอ เมียนมาร์ โลจิสติกส์ จำกัด (“LML") จึงมีแผนที่จะพัฒนาระบบขนส่งให้ได้มาตรฐานสากลและเพิ่มความปลอดภัยของสินค้าให้มากขึ้น นอกเหนือจากระบบ Electronic Seal หรือ eSeal ที่ทางบริษัทย่อย LML ได้นำมาให้บริการในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนในอุปกรณ์ที่ช่วยส่งเสริมการขนย้ายสินค้าข้ามแดนโดยรถบรรทุกและรถหัวลาก เช่น อุปกรณ์ยกขนสินค้าหนัก (Heavy Cargo Handling) โมบายเครน (Mobile crane) และรถ Self-Propelled Modular Transporter (SPMT) เป็นต้น โดยบริษัทฯ คาดว่าจะดำเนินการพัฒนาระบบข้างต้นในปี 2560-2561 ใช้เงินลงทุนประมาณ 30-50 ล้านบาท
4. ศึกษาเพื่อร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ ASEAN นอกเหนือไปจากการขยายธุรกิจข้างต้นแล้ว บริษัทฯ มีเป้าหมายในช่วงปลายปี 2560-2563 ที่จะเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ ASEAN ทั้งในรูปแบบของการเข้าซื้อกิจการ และ/หรือ การร่วมลงทุน เพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจและเป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกิจการตลอดจนสร้างโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัทฯ ในอนาคต
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว บริษัทฯ จะทำการศึกษาโอกาสที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในบริษัทอื่นซึ่งมีธุรกิจที่สามารถต่อยอด (Synergy) กับธุรกิจหลักปัจจุบันของบริษัทฯ เช่น การเข้าลงทุนร่วมกับบริษัทอื่นในประเทศในการสร้างธุรกิจใหม่ ที่เกี่ยวกับธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ และให้มีการบริการที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และ/หรือ การขยายการให้บริการในต่างประเทศผ่านการลงทุนร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นโดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม AEC โดยลักษณะการดำเนินธุรกิจจะคล้ายคลึงกับบริษัท ลีโอ เมียนมาร์ โลจิสติกส์ จำกัด เป็นต้น
บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน ณ วันที่ 31 มี.ค.60 จำนวน 100,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 75,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 150,000,000 หุ้น และภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนในครั้งนี้จำนวน 50,000,000 หุ้น โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.00 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วรวม 100,000,000 บาท คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 200,000,000 หุ้น
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2559 มีสินทรัพย์รวม 418.21 ล้านบาท หนี้สินรวม 275.24 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 142.98 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 1,062.40 ล้านบาท กำไรสุทธิ 31.12 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท 3 อันดับแรก ณ วันที่ 31 ธ.ค.2559 คือ นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ถือหุ้น 54,356,400 หุ้น คิดเป้น 36.24% หลังเสนอขาย IPO แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 27.18%, นายสมศักดิ์ ศรีสุทัศน์กุล ถือหุ้น 22,014,000 หุ้น คิดเป้น 14.68% หลังเสนอขาย IPO แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 11.01% และบริษัท ที เอส ซี โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 20,724,000 หุ้น คิดเป้น 13.81% หลังเสนอขาย IPO แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 10.36%
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40.00 ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ และบริษัทย่อย


--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
pakapong_u
Verified User
โพสต์: 40089
ผู้ติดตาม: 1

Re: LEO

โพสต์ที่ 2

โพสต์

LEO : บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)
ประเภทธุรกิจ
บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั่วโลกและลงทุนในบริษัทอื่น ได้แก่ บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเล /ทางอากาศ, บริการขนส่งภายในประเทศและผ่านแดนโดยรถบรรทุกและรถพ่วง, บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ และบริการด้านพิธีศุลกากร
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
กลุ่มอุตสาหกรรม บริการ
สถานะ Filing
จำนวนหุ้นที่ IPO 50,000,000 หุ้น
ระยะเวลาเสนอขายหุ้น n/a
ราคา IPO n/a
ราคา PAR 0.50 บาท
วันที่เริ่มซื้อขาย n/a
ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด
ข้อมูล Filing www.leogloballogistics.com
pakapong_u
Verified User
โพสต์: 40089
ผู้ติดตาม: 1

Re: LEO

โพสต์ที่ 3

โพสต์

http://market.sec.or.th/public/ipos/IPO ... sID=131162

หนังสือชี้ชวนตราสารทุน
รายละเอียดตราสาร
ผู้ออกหลักทรัพย์ : บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)
ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ : บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)
วันที่ยื่น Filing version แรก : -
วันที่แก้ไข Filing ครั้งล่าสุด (วันที่นับ 1 Filing) : -
วันที่ Filing มีผลบังคับใช้ : -
วันที่เริ่มต้นการเสนอขาย : -
วันที่สิ้นสุดการเสนอขาย : -
ประเภทหลักทรัพย์ : หุ้นสามัญ
ประเภทการเสนอขาย : การเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน
ที่ปรึกษาทางการเงิน/ผู้ควบคุม : บริษัท หลักทรัพย์ทรีนีตี้ จำกัด / N.A.
pakapong_u
Verified User
โพสต์: 40089
ผู้ติดตาม: 1

Re: LEO

โพสต์ที่ 4

โพสต์

"‘ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์"ยื่นไฟลิ่งเตรียมเสนอขาย IPO จำนวน 50 ล้านหุ้น เข้า mai
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)

Wednesday, May 03, 2017 17:46


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 60)--นางสาวอนงค์ ยุวะหงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของ LEO ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 28 เม.ย.เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 50.00 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ที่ 0.50 บาทต่อหุ้น
ปัจจุบัน LEO มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 75.00 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 150.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น
หลังจากการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) แล้ว LEO มีแผนจะลงทุนในการขยายธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร เช่น โครงการ Leo Self-Storage & E-Fulfillment Center เพื่อให้เช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้า โครงการขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ โครงการพัฒนาระบบขนส่งผ่านแดนไปยังประเทศเมียนมาร์ และศึกษาเพื่อร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ ASEAN เป็นต้น และเงินจากการระดมทุนส่วนหนึ่งจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 59 บริษัทฯมีรายได้รวมเท่ากับ 1,062.40 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 31.12 ล้านบาท
“เชื่อว่า LEO จะได้รับการตอบรับที่ดีในการเข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ จากโอกาสในการเติบโตในอนาคตหลังจากการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจในการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามความต้องการการขนส่งสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น" นางสาวอนงค์ กล่าว
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งการนำเข้าและส่งออก (International Freight Forwarding) โดยการขนส่งทางทะเล (Sea freight) ทั้งแบบเต็มตู้ (Full Container Load : FCL) และแบบไม่เต็มตู้ (Less than Container Load : LCL) และทางอากาศ (Air freight) ที่สามารถครอบคลุมได้ทั่วโลกและมีประสบการณ์มานานกว่า 26 ปี
นอกจากนั้น บริษัทยังมีบริการอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการบริการขนส่งของบริษัทฯ ให้ครบวงจร เช่น การให้บริการด้านพิธีการศุลกากร การรับจัดการขนส่งสินค้าทางบกด้วยรถบรรทุก และรถบรรทุกหัวลาก บริการจัดหาประกันภัยสินค้า (Cargo Insurance) บริการบรรจุหีบห่อสินค้า บริการรับจัดเก็บ และกระจายสินค้า การรับขนส่งสินค้าโครงการ และสินค้าขนาดใหญ่ (Project & Heavy Lift Cargoes) และการรับขนส่งสินค้าพิเศษ เป็นต้น
“เราเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรทั้งการนำเข้า และส่งออก ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม และล่าสุดทางบริษัทฯ ยังได้รับรางวัลผู้ประกอบการที่มีความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ประจำปี 2559 (Excellent Logistics Management Award : ELMA) สาขา 3rd Party Logistics Services Provider (3PL) จาก สำนักธุรกิจบริการและโลจิสติกส์การค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์"นายเกตติวิทย์ กล่าว


--อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์ โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
โพสต์โพสต์