บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด-เอสซีจี เมืองทองฯ เตรียมเข้าตลาด mai
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด-เอสซีจี เมืองทองฯ เตรียมเข้าตลาด mai
โพสต์ที่ 1
'บุรีรัมย์-เอสซีจี'จ่อเข้าตลาดหุ้นอนาคตใส-ลิขสิทธิ์ทีวีพุ่ง4พันล.
Source - ประชาชาติธุรกิจ (Th)
Wednesday, October 14, 2015 02:42
"สโมสรฟุตบอล" วางแผนเข้าระดมทุนตลาดหุ้น "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด-เอสซีจี เมืองทองฯ" นำร่องจ้างที่ปรึกษาการเงิน แต่งตัวเข้าตลาดภายใน 2 ปี mai เผยเป็นธุรกิจใหม่ เรื่องยากอยู่ที่ "ระบบบัญชี" ฟากสโมสรดังเตรียมพร้อมกว่า 80% ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดไทยพรีเมียร์ลีกขยับเป็น 4,200 ล้านบาท "ชลบุรี เอฟซี" ชี้ธุรกิจทีมฟุตบอลไทยยังขาดทุน
สโมสรฟุตบอลจ่อเข้าตลาดหุ้น
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันกระแสธุรกิจประเภทกีฬาในประเทศไทยได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทีมสโมสรฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีกที่เติบโตรวดเร็ว ทำให้หลายบริษัทต้องการนำธุรกิจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯกันอย่างคึกคัก
ช่วงที่ผ่านมาเจ้าของสโมสรฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีกหลายรายเข้ามาพูดคุยเรื่องนำธุรกิจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทีมที่มีความคืบหน้าและมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงมี 2 ราย คือ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ล่าสุดว่าจ้าง บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (เอฟเอ) และบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีแล้ว อีกแห่งคือสโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งแต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน แล้วเช่นกัน คาดว่าทั้ง 2 สโมสรสามารถนำทีมเข้าจดทะเบียนได้ภายใน 2 ปี
อย่างไรก็ตามการนำธุรกิจกีฬาเข้ามาจดทะเบียนเป็นเรื่องใหม่ ความยากอยู่ที่การทำระบบบัญชี เนื่องจากต้องตีมูลค่าตัวนักเตะ รองรับการลงบัญชีกรณีมีการซื้อหรือขายตัวนักเตะ
ที่ปรึกษาการเงินโดดจับธุรกิจกีฬา
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า บริษัทได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 3-4 เดือนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมนำสโมสรฟุตบอลเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบันสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างธุรกิจ คาดว่าต้องใช้เวลา 2 ปีหรือไม่เกินปี 2560 ถึงเข้า จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้
ธุรกิจฟุตบอลถือเป็นกีฬาที่โดดเด่น สร้างรายได้และกำไรเติบโตทุกปี มีรายได้จากหลายส่วนทั้งค่าตั๋วเข้าชม, ขายของ ที่ระลึก, เงินรางวัล, กำไรจากการขายนักเตะ และส่วนแบ่งจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอล ส่วนรูปแบบการกระจาย หุ้นจะศึกษาจากสโมสรฟุตบอลชั้นนำในอังกฤษ, เยอรมนี และอิตาลี แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะสม
"ขณะนี้ยังไม่ได้เลือกว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) ต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของขนาดธุรกิจด้วยยังต้องรอคุณเนวิน ชิดชอบ เคาะก่อนว่าจะเอาสินทรัพย์ไหนเข้าระดมทุนบ้าง ทรัพย์สินทั้งหมดอาจมีมูลค่าหลายพันล้านบาท หากทุนจดทะเบียนใหญ่ก็สามารถเข้าจดทะเบียนใน SET ได้" นายสมภพกล่าว
ขณะที่นายธวัชชัย เกียรติกวานกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับบัญชีตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า การนำธุรกิจกีฬาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไม่ได้ติดขัดปัญหาอะไร สำหรับความวิตกกังวลเรื่องระบบบัญชี หรือการตีมูลค่าตัวนักเตะนั้น ปกติมูลค่านักเตะแต่ละคนจะไม่บันทึกอยู่ในงบการเงินอยู่แล้ว ยกเว้นมีการซื้อหรือขายนักเตะออกไปถึงจะบันทึกในบัญชีการเงินหลักการเหมือนการตรวจสอบ ระบบบัญชีของธุรกิจทั่วไปที่มีสินทรัพย์ ที่ไม่มีตัวตนประเภทอื่น ๆ เช่น แบรนด์ธุรกิจ, ยี่ห้อ หรือของแบรนด์เนม
บุรีรัมย์ฯเผยไม่รวมสนามแข่งรถ
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สอบถาม นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงกรณีดังกล่าวได้รับคำตอบสั้น ๆ ว่า "อีกนาน" ก่อนจะให้คุยกับนายทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ผู้จัดการทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชี้แจงว่าอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารหลักฐาน
การจดทะเบียนจะเข้าในหมวดเอ็นเตอร์ เทนเมนต์ หากสำเร็จจะถือว่า "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" จะเป็นสโมสรแรกในเอเชียที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนของสนามแข่งรถและโรงแรม
"เอสซีจี เมืองทองฯ" คืบ 80%
นายรณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กล่าวว่า การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ในแผนธุรกิจมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสโมสรแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการวางแผนร่วมกับ บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน โดยขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้ว 80% คาดว่าจะดำเนินการเพิ่มทุนในเร็ว ๆ นี้ และจะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ในอนาคตอันใกล้ แต่คงยังไม่ใช่ปีนี้หรือปีหน้า
สำหรับเป้าหมายการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตของสโมสรในอนาคต
"สโมสรฟุตบอลเป็นธุรกิจที่จะไปได้ดีในอนาคต สอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรมฟุตบอลอาชีพ และอุตสาหกรรมกีฬาที่กำลังเติบโต เห็นได้จากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกเพิ่มขึ้นจาก 600 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งค่าลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นทำให้แต่ละสโมสรมี รายได้มากขึ้นด้วย ขณะเดียวกันองค์กรธุรกิจ ต่าง ๆ สนใจทำสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งมากขึ้นด้วย ฉะนั้นสปอร์ตเอ็นเตอร์เทนเมนต์เป็นธุรกิจที่อนาคตสดใส ไม่เฉพาะฟุตบอลเท่านั้น กีฬาอื่น ๆ ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน"
ชี้ธุรกิจทีมฟุตบอลยังขาดทุน
นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี กล่าวว่า สโมสรชลบุรี มีความสนใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เช่นกัน เพื่อระดมทุนมาพัฒนาทีม และต้องการเปิดให้ประชาชน ผู้สนับสนุนทีมเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น เพื่อที่จะได้มีความรู้สึกเป็นเจ้าของทีมมากขึ้น
อย่างไรก็ตามยังเป็นแค่ระดับความสนใจและยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ เพราะศักยภาพของทีมยังไม่พร้อมในเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจให้ได้กำไร เพราะการจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯได้จะต้องมีกำไรติดต่อกัน 2-3 ปี แต่สโมสรชลบุรีฯไม่เคยมีกำไรเลย การทำทีมฟุตบอลให้กำไรลำบาก แต่ละสโมสรมีข้อจำกัดต่างกัน
ด้านนายศุภสิน ลีลาฤทธิ์ รองประธานสโมสรบางกอกกล๊าส เอฟซี เปิดเผยว่า ในส่วนของสโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าสฯยังไม่มีแพลนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องด้วยตัวสโมสรเป็นหนึ่งในเครือของบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด ซึ่งบริษัทแม่มีแผนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 1-2 ปีนี้ ก็อาจทำให้มีผลเกี่ยวเนื่องต่อกันมาถึงทีมด้วยในเวลานั้นคงต้องมาดูกันอีกที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai มีเงื่อนไขว่าต้องมีกำไรสุทธิต่อเนื่อง 2 ปี แต่พบว่าสโมสรฟุตบอลในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะขาดทุน อาทิ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด ในปี 2557 มีรายได้รวม 427 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 36.4 ล้านบาท บริษัท เมืองทอง ยูไนเต็ด จำกัด รายได้รวม 275 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 35 ล้านบาท และบริษัท บีอีซี-เทโร ศาสน จำกัด รายได้รวม 215 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 18 ล้านบาท เป็นต้น
โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ธุรกิจในหมวดกิจกรรมด้านสโมสรกีฬา มีจำนวน 72 บริษัท (ข้อมูล ณ ปีงบการเงิน 2556) มีสินทรัพย์รวมกว่า 1,890 ล้านบาท รายได้รวมกว่า 1,901 ล้านบาท แต่ผลดำเนินงานรวมของกลุ่มยังขาดทุนสุทธิ 350 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ได้ทุ่มงบฯ 4,200 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งได้ต่อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลไทยรวม 4 รายการต่อเนื่องรวม 4 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี 2560-2563 ได้แก่ "โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก" ครบทั้ง 306 แมตช์ (ปี 2557-2559), ยามาฮ่า ลีกวัน รวม 306 แมตช์, โตโยต้า ลีกคัพ ครบ 114 แมตช์ และช้าง เอฟเอคัพ รวม 85 แมตช์--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 15 - 18 ต.ค. 2558--
Source - ประชาชาติธุรกิจ (Th)
Wednesday, October 14, 2015 02:42
"สโมสรฟุตบอล" วางแผนเข้าระดมทุนตลาดหุ้น "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด-เอสซีจี เมืองทองฯ" นำร่องจ้างที่ปรึกษาการเงิน แต่งตัวเข้าตลาดภายใน 2 ปี mai เผยเป็นธุรกิจใหม่ เรื่องยากอยู่ที่ "ระบบบัญชี" ฟากสโมสรดังเตรียมพร้อมกว่า 80% ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดไทยพรีเมียร์ลีกขยับเป็น 4,200 ล้านบาท "ชลบุรี เอฟซี" ชี้ธุรกิจทีมฟุตบอลไทยยังขาดทุน
สโมสรฟุตบอลจ่อเข้าตลาดหุ้น
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันกระแสธุรกิจประเภทกีฬาในประเทศไทยได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทีมสโมสรฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีกที่เติบโตรวดเร็ว ทำให้หลายบริษัทต้องการนำธุรกิจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯกันอย่างคึกคัก
ช่วงที่ผ่านมาเจ้าของสโมสรฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีกหลายรายเข้ามาพูดคุยเรื่องนำธุรกิจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทีมที่มีความคืบหน้าและมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงมี 2 ราย คือ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ล่าสุดว่าจ้าง บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (เอฟเอ) และบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีแล้ว อีกแห่งคือสโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งแต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน แล้วเช่นกัน คาดว่าทั้ง 2 สโมสรสามารถนำทีมเข้าจดทะเบียนได้ภายใน 2 ปี
อย่างไรก็ตามการนำธุรกิจกีฬาเข้ามาจดทะเบียนเป็นเรื่องใหม่ ความยากอยู่ที่การทำระบบบัญชี เนื่องจากต้องตีมูลค่าตัวนักเตะ รองรับการลงบัญชีกรณีมีการซื้อหรือขายตัวนักเตะ
ที่ปรึกษาการเงินโดดจับธุรกิจกีฬา
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า บริษัทได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 3-4 เดือนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมนำสโมสรฟุตบอลเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบันสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างธุรกิจ คาดว่าต้องใช้เวลา 2 ปีหรือไม่เกินปี 2560 ถึงเข้า จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้
ธุรกิจฟุตบอลถือเป็นกีฬาที่โดดเด่น สร้างรายได้และกำไรเติบโตทุกปี มีรายได้จากหลายส่วนทั้งค่าตั๋วเข้าชม, ขายของ ที่ระลึก, เงินรางวัล, กำไรจากการขายนักเตะ และส่วนแบ่งจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอล ส่วนรูปแบบการกระจาย หุ้นจะศึกษาจากสโมสรฟุตบอลชั้นนำในอังกฤษ, เยอรมนี และอิตาลี แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะสม
"ขณะนี้ยังไม่ได้เลือกว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) ต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของขนาดธุรกิจด้วยยังต้องรอคุณเนวิน ชิดชอบ เคาะก่อนว่าจะเอาสินทรัพย์ไหนเข้าระดมทุนบ้าง ทรัพย์สินทั้งหมดอาจมีมูลค่าหลายพันล้านบาท หากทุนจดทะเบียนใหญ่ก็สามารถเข้าจดทะเบียนใน SET ได้" นายสมภพกล่าว
ขณะที่นายธวัชชัย เกียรติกวานกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับบัญชีตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า การนำธุรกิจกีฬาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไม่ได้ติดขัดปัญหาอะไร สำหรับความวิตกกังวลเรื่องระบบบัญชี หรือการตีมูลค่าตัวนักเตะนั้น ปกติมูลค่านักเตะแต่ละคนจะไม่บันทึกอยู่ในงบการเงินอยู่แล้ว ยกเว้นมีการซื้อหรือขายนักเตะออกไปถึงจะบันทึกในบัญชีการเงินหลักการเหมือนการตรวจสอบ ระบบบัญชีของธุรกิจทั่วไปที่มีสินทรัพย์ ที่ไม่มีตัวตนประเภทอื่น ๆ เช่น แบรนด์ธุรกิจ, ยี่ห้อ หรือของแบรนด์เนม
บุรีรัมย์ฯเผยไม่รวมสนามแข่งรถ
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สอบถาม นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงกรณีดังกล่าวได้รับคำตอบสั้น ๆ ว่า "อีกนาน" ก่อนจะให้คุยกับนายทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ผู้จัดการทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชี้แจงว่าอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารหลักฐาน
การจดทะเบียนจะเข้าในหมวดเอ็นเตอร์ เทนเมนต์ หากสำเร็จจะถือว่า "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" จะเป็นสโมสรแรกในเอเชียที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนของสนามแข่งรถและโรงแรม
"เอสซีจี เมืองทองฯ" คืบ 80%
นายรณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กล่าวว่า การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ในแผนธุรกิจมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสโมสรแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการวางแผนร่วมกับ บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน โดยขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้ว 80% คาดว่าจะดำเนินการเพิ่มทุนในเร็ว ๆ นี้ และจะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ในอนาคตอันใกล้ แต่คงยังไม่ใช่ปีนี้หรือปีหน้า
สำหรับเป้าหมายการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตของสโมสรในอนาคต
"สโมสรฟุตบอลเป็นธุรกิจที่จะไปได้ดีในอนาคต สอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรมฟุตบอลอาชีพ และอุตสาหกรรมกีฬาที่กำลังเติบโต เห็นได้จากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกเพิ่มขึ้นจาก 600 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งค่าลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นทำให้แต่ละสโมสรมี รายได้มากขึ้นด้วย ขณะเดียวกันองค์กรธุรกิจ ต่าง ๆ สนใจทำสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งมากขึ้นด้วย ฉะนั้นสปอร์ตเอ็นเตอร์เทนเมนต์เป็นธุรกิจที่อนาคตสดใส ไม่เฉพาะฟุตบอลเท่านั้น กีฬาอื่น ๆ ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน"
ชี้ธุรกิจทีมฟุตบอลยังขาดทุน
นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี กล่าวว่า สโมสรชลบุรี มีความสนใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เช่นกัน เพื่อระดมทุนมาพัฒนาทีม และต้องการเปิดให้ประชาชน ผู้สนับสนุนทีมเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น เพื่อที่จะได้มีความรู้สึกเป็นเจ้าของทีมมากขึ้น
อย่างไรก็ตามยังเป็นแค่ระดับความสนใจและยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ เพราะศักยภาพของทีมยังไม่พร้อมในเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจให้ได้กำไร เพราะการจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯได้จะต้องมีกำไรติดต่อกัน 2-3 ปี แต่สโมสรชลบุรีฯไม่เคยมีกำไรเลย การทำทีมฟุตบอลให้กำไรลำบาก แต่ละสโมสรมีข้อจำกัดต่างกัน
ด้านนายศุภสิน ลีลาฤทธิ์ รองประธานสโมสรบางกอกกล๊าส เอฟซี เปิดเผยว่า ในส่วนของสโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าสฯยังไม่มีแพลนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องด้วยตัวสโมสรเป็นหนึ่งในเครือของบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด ซึ่งบริษัทแม่มีแผนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 1-2 ปีนี้ ก็อาจทำให้มีผลเกี่ยวเนื่องต่อกันมาถึงทีมด้วยในเวลานั้นคงต้องมาดูกันอีกที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai มีเงื่อนไขว่าต้องมีกำไรสุทธิต่อเนื่อง 2 ปี แต่พบว่าสโมสรฟุตบอลในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะขาดทุน อาทิ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด ในปี 2557 มีรายได้รวม 427 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 36.4 ล้านบาท บริษัท เมืองทอง ยูไนเต็ด จำกัด รายได้รวม 275 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 35 ล้านบาท และบริษัท บีอีซี-เทโร ศาสน จำกัด รายได้รวม 215 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 18 ล้านบาท เป็นต้น
โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ธุรกิจในหมวดกิจกรรมด้านสโมสรกีฬา มีจำนวน 72 บริษัท (ข้อมูล ณ ปีงบการเงิน 2556) มีสินทรัพย์รวมกว่า 1,890 ล้านบาท รายได้รวมกว่า 1,901 ล้านบาท แต่ผลดำเนินงานรวมของกลุ่มยังขาดทุนสุทธิ 350 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ได้ทุ่มงบฯ 4,200 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งได้ต่อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลไทยรวม 4 รายการต่อเนื่องรวม 4 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี 2560-2563 ได้แก่ "โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก" ครบทั้ง 306 แมตช์ (ปี 2557-2559), ยามาฮ่า ลีกวัน รวม 306 แมตช์, โตโยต้า ลีกคัพ ครบ 114 แมตช์ และช้าง เอฟเอคัพ รวม 85 แมตช์--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 15 - 18 ต.ค. 2558--
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด-เอสซีจี เมืองทองฯ เตรียมเข้าตลาด mai
โพสต์ที่ 2
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด-เอสซีจี เมืองทองฯ เตรียมเข้าตลาด mai
โพสต์ที่ 6
ผถห.ได้กำไรเวสป้า55 เขียน:ถ้าทีมไหน บริหารแบบทีม Arsenal ก็น่าสนใจนะครับ
แต่แฟนบอลไร้แชมป์เกือบ10ปี แถมค่าตั๋วแพงสุดนะสิครับ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1
Re: บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด-เอสซีจี เมืองทองฯ เตรียมเข้าตลาด mai
โพสต์ที่ 7
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกสยามสแควร์
เนวิน ตั้งเป้าปี 61 พาทีมเข้าตลาดหลักทรัพย์
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกกรุง! เปิดสำนักงาน ช็อปขายสินค้า กลางสยามสแควร์ เอาใจแฟนคลับ และแฟนฟุตบอลชาวไทย พร้อมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของสโมสรฟุตบอลไทย และวงการฟุตบอลอาชีพของประเทศไทย ให้แฟนบอลรุ่นใหม่ได้เข้าถึงมากขึ้น
เมื่อวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นางกรุณา ชิดชอบ ประธานเชียร์ นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ประธานบริหารฯ นายทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ผู้จัดการทีม และผู้บริหารผู้สนับสนุนสโมสรทุกราย รวมทั้งนักเตะ และแฟนบอลจำนวนมาก ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดสำนักงานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกของสโมสรฯ สาขาสยามสแควร์
นายเนวิน ชิดชอบ กล่าวว่า วันนี้เป็นปีที่ 6 ของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป้าหมายเดิมของเราคือการเป็นสโมสรอันดับ 5 ของเอเชีย เราไม่ได้ประสบความสำเร็จเพียงเพราะทีมงาน และสตาฟโค้ช แต่เรามีผู้เล่นคนที่ 12 เป็นกำลังสำคัญ นั่นคือแฟนบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั่นเอง
และในปีนี้เราจะคว้าแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก ให้ได้ก่อนนัดสุดท้ายของฤดูกาล เพื่อเป็นรางวัลแด่แฟนบอลของเรา ซึ่งเราจะแสดงให้เห็นว่าผู้เล่น 11 คน บวกกองเชียร์จะเอาชนะทุกทีมให้ได้ด้วยสปิริต และในปี 2561 เราจะนำบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากการแข่งขันในระดับนานาชาติต้องใช้งบประมาณสูง และเพื่อความมั่นคงของสโมสรในอนาคต
ส่วนในวันนี้เรายกทัพเซราะกราวมาบุกกรุง เพื่อเปิดช็อปในสยามสแควร์ เพื่อเป็นศูนย์รวมแฟนบอลในกทม. และจะเปิดทีวีถ่ายทอดสดทุกแม็ตช์ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลงเตะ ให้แฟนๆ ได้ชมกันสดๆ พร้อมกับแฟนๆ ที่สนาม และสุดท้าย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขอขอบคุณแฟนๆ ที่หนุนหลังเราเสมอมาครับ
ขณะที่บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีแฟนบอลจำนวนมากเดินทางมาร่วมกิจกรรมกับเหล่าขุนพลปราสาทสายฟ้า ในงาน Buriram United Meet & Greet กับนักเตะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งทีม นอกจากนี้ แฟนบอลที่มาร่วมงานยังได้สิทธิพิเศษซื้อเสื้อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปี 2015 ในราคา 499 บาท พร้อมกับได้กอดนักเตะ ที่ชื่นชอบฟรี
สำหรับ ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกของสโมสรฯ สาขาสยามสแควร์ ถือเป็นหนึ่งในแผนงานของการขยายฐานแฟนบอล และเปิดโอกาสให้แฟนฟุตบอลทั่วไป มีโอกาสเข้าถึงมากขึ้น โดยสำนักงานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งอยู่เลขที่ 430/20 อาคารสำนักงานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 ตรงข้ามอาคารวิทยกิตต์ (ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) สยามสแควร์
สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ล่าสุดอยู่อันดับ 9 ของเอเชีย จากการจัดอันดับของ Footballdatabase เว็บไซต์ จัดอันดับและเก็บสถิติผลการแข่งขันของสโมสรทั่วโลก และยังเป็นเจ้าของสถิติคว้าแชมป์ภายในประเทศมากที่สุด ที่ไม่เคยมีสโมสรใดในประเทศไทยทำได้มาก่อน โดยคว้าแชมป์มาครอบครองแล้ว 14 แชมป์ ภายในเวลา 5 ปี เป็นแชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก. 3 สมัย ในปี 2556, 2557, 2558 แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 3 สมัย ปี 2554, 2556, 2557 แชมป์เอฟเอคัพ 3 สมัย ปี 2554, 2555, 2556 แชมป์ลีกคัพ 3 สมัย 2554, 2555, 2556 และ แชมป์พรีเมียร์คัพ 2 สมัย ปี 2555,2557
เนวิน ตั้งเป้าปี 61 พาทีมเข้าตลาดหลักทรัพย์
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกกรุง! เปิดสำนักงาน ช็อปขายสินค้า กลางสยามสแควร์ เอาใจแฟนคลับ และแฟนฟุตบอลชาวไทย พร้อมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของสโมสรฟุตบอลไทย และวงการฟุตบอลอาชีพของประเทศไทย ให้แฟนบอลรุ่นใหม่ได้เข้าถึงมากขึ้น
เมื่อวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นางกรุณา ชิดชอบ ประธานเชียร์ นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ประธานบริหารฯ นายทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ผู้จัดการทีม และผู้บริหารผู้สนับสนุนสโมสรทุกราย รวมทั้งนักเตะ และแฟนบอลจำนวนมาก ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดสำนักงานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกของสโมสรฯ สาขาสยามสแควร์
นายเนวิน ชิดชอบ กล่าวว่า วันนี้เป็นปีที่ 6 ของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป้าหมายเดิมของเราคือการเป็นสโมสรอันดับ 5 ของเอเชีย เราไม่ได้ประสบความสำเร็จเพียงเพราะทีมงาน และสตาฟโค้ช แต่เรามีผู้เล่นคนที่ 12 เป็นกำลังสำคัญ นั่นคือแฟนบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั่นเอง
และในปีนี้เราจะคว้าแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก ให้ได้ก่อนนัดสุดท้ายของฤดูกาล เพื่อเป็นรางวัลแด่แฟนบอลของเรา ซึ่งเราจะแสดงให้เห็นว่าผู้เล่น 11 คน บวกกองเชียร์จะเอาชนะทุกทีมให้ได้ด้วยสปิริต และในปี 2561 เราจะนำบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากการแข่งขันในระดับนานาชาติต้องใช้งบประมาณสูง และเพื่อความมั่นคงของสโมสรในอนาคต
ส่วนในวันนี้เรายกทัพเซราะกราวมาบุกกรุง เพื่อเปิดช็อปในสยามสแควร์ เพื่อเป็นศูนย์รวมแฟนบอลในกทม. และจะเปิดทีวีถ่ายทอดสดทุกแม็ตช์ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลงเตะ ให้แฟนๆ ได้ชมกันสดๆ พร้อมกับแฟนๆ ที่สนาม และสุดท้าย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขอขอบคุณแฟนๆ ที่หนุนหลังเราเสมอมาครับ
ขณะที่บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีแฟนบอลจำนวนมากเดินทางมาร่วมกิจกรรมกับเหล่าขุนพลปราสาทสายฟ้า ในงาน Buriram United Meet & Greet กับนักเตะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งทีม นอกจากนี้ แฟนบอลที่มาร่วมงานยังได้สิทธิพิเศษซื้อเสื้อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปี 2015 ในราคา 499 บาท พร้อมกับได้กอดนักเตะ ที่ชื่นชอบฟรี
สำหรับ ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกของสโมสรฯ สาขาสยามสแควร์ ถือเป็นหนึ่งในแผนงานของการขยายฐานแฟนบอล และเปิดโอกาสให้แฟนฟุตบอลทั่วไป มีโอกาสเข้าถึงมากขึ้น โดยสำนักงานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งอยู่เลขที่ 430/20 อาคารสำนักงานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 ตรงข้ามอาคารวิทยกิตต์ (ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) สยามสแควร์
สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ล่าสุดอยู่อันดับ 9 ของเอเชีย จากการจัดอันดับของ Footballdatabase เว็บไซต์ จัดอันดับและเก็บสถิติผลการแข่งขันของสโมสรทั่วโลก และยังเป็นเจ้าของสถิติคว้าแชมป์ภายในประเทศมากที่สุด ที่ไม่เคยมีสโมสรใดในประเทศไทยทำได้มาก่อน โดยคว้าแชมป์มาครอบครองแล้ว 14 แชมป์ ภายในเวลา 5 ปี เป็นแชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก. 3 สมัย ในปี 2556, 2557, 2558 แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 3 สมัย ปี 2554, 2556, 2557 แชมป์เอฟเอคัพ 3 สมัย ปี 2554, 2555, 2556 แชมป์ลีกคัพ 3 สมัย 2554, 2555, 2556 และ แชมป์พรีเมียร์คัพ 2 สมัย ปี 2555,2557
-
- Verified User
- โพสต์: 138
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด-เอสซีจี เมืองทองฯ เตรียมเข้าตลาด mai
โพสต์ที่ 9
ไม่นานมานี้ ThaiPBS เอาข้อมูลเรื่องนี้มาออกลองค้นหาดูนะครับcyberman เขียน:กำไรของทีมฟุตบอล จะเพิ่มขึ้นจากอะไรหรือครับ การปั้นนักเตะแล้วขายหรือเปล่า
รายได้หลักมาจากการขายสินค้า ที่เกี่ยวข้องกับสโมสร มากกว่า ขายนักเตะครับ แต่เห็นตัวเลขรายจ่ายค่าบริหารแล้ว เยอะจริงๆครับ