ขอถามการลงทุนของคนที่จบสายการเงินกับคนทั่วไปครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามการลงทุนของคนที่จบสายการเงินกับคนทั่วไปครับ
โพสต์ที่ 1
ผมเคยได้ยินมาว่า คนที่ไม่ได้จบการเงินหรือเรียนสูงๆทางด้านนี้สามารถลงทุนได้ไม่แพ้คนที่จบมาด้านนี้เลย อยากทราบว่าเป็นเฉพาะเรื่องของการควบคุมอารมณ์รึเปล่าครับ เพราะในด้านความรู้ไม่สามารถสู้ได้ หรือเพราะว่าเป็นเรื่่องที่สามารถศึกษาเองได้ครับ แต่ความจริงเท่าที่สัมผัสมาการเงินก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยครับ ขอความเห็น
-
- Verified User
- โพสต์: 161
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอถามการลงทุนของคนที่จบสายการเงินกับคนทั่วไปครับ
โพสต์ที่ 3
ไม่ทราบครับ รู้แต่ว่าคนขยันสม่ำเสมอเท่านั้น จะเป็นผู้ชนะ ในที่สุด
A tool that will help you to invest easier ---> http://stocks.ilovecalculus.net
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอถามการลงทุนของคนที่จบสายการเงินกับคนทั่วไปครับ
โพสต์ที่ 4
ส่วนตัวมองว่าความรู้ด้าน Finance มีประโยชน์หลายด้าน เช่น การฝึกทำ Valuation ที่ถูกต้อง การเรียนรู้การกระจายความเสี่ยงในเชิงทฤษฎี การมีความเข้าใจเรื่อง Financial Products ใหม่ๆ ที่มีมากขึ้นในตลาดบ้านเราทุกวัน (warrant, options, DW, Bond ประเภทต่างๆ) การประเมินบริษัทในสถานการณ์ที่ซับซ้อน เช่น M&A และอื่นๆ แต่โดยทั่วไป "ความสามารถในการวิเคราะห์กิจการเชิงคุณภาพ" มักจะเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าในการใช้ชีวิตในตลาดหุ้นอย่างยั่งยืน ...
เท่าที่สังเกต น้องๆ ที่จบใหม่สายการเงินหลายคน (แต่ไม่ทุกคน) มักให้ความสำคัญกับรายละเอียดทางเทคนิก เช่น สมการทางคณิตศาสตร์ มากเกินไป จนอาจจะลดความสำคัญในการประเมินพื้นฐานเชิงคุณภาพของกิจการ เช่น ความสามารถในการแข่งขัน ความสามารถในการต่อรองกับคู่ค่า/ลูกค้า ซึ่งเมื่อมองปัจจัยทางคุณภาพของกิจการเหล่านี้ไม่ขาด ก็จะทำให้การกำหนดตัวแปรและค่าคงที่ต่างๆ ในสมการไม่เหมาะสมเท่าที่ควร ในอีกด้านหนึ่งนั้นนักลงทุนคุณค่าที่เดินทางในแนวของท่านปู่บัฟเฟต หรือ อ.นิเวศน์ และอาจารย์ท่านอื่นๆ จะให้ความสำคัญกับการมองปัจจัยเชิงคุณภาพมาก มีการฝึกทักษะและหาความรู้เพิ่มเติมในกิจการต่างๆ อยู่เสมอ ทำให้ขอบข่ายความรู้เพิ่มขึ้นในทุกๆ วันก็นับเป็นจุดได้เปรียบที่สำคัญครับ
เท่าที่สังเกต น้องๆ ที่จบใหม่สายการเงินหลายคน (แต่ไม่ทุกคน) มักให้ความสำคัญกับรายละเอียดทางเทคนิก เช่น สมการทางคณิตศาสตร์ มากเกินไป จนอาจจะลดความสำคัญในการประเมินพื้นฐานเชิงคุณภาพของกิจการ เช่น ความสามารถในการแข่งขัน ความสามารถในการต่อรองกับคู่ค่า/ลูกค้า ซึ่งเมื่อมองปัจจัยทางคุณภาพของกิจการเหล่านี้ไม่ขาด ก็จะทำให้การกำหนดตัวแปรและค่าคงที่ต่างๆ ในสมการไม่เหมาะสมเท่าที่ควร ในอีกด้านหนึ่งนั้นนักลงทุนคุณค่าที่เดินทางในแนวของท่านปู่บัฟเฟต หรือ อ.นิเวศน์ และอาจารย์ท่านอื่นๆ จะให้ความสำคัญกับการมองปัจจัยเชิงคุณภาพมาก มีการฝึกทักษะและหาความรู้เพิ่มเติมในกิจการต่างๆ อยู่เสมอ ทำให้ขอบข่ายความรู้เพิ่มขึ้นในทุกๆ วันก็นับเป็นจุดได้เปรียบที่สำคัญครับ
Risk Management = Risk Measurement + Risk Controlling+ Risk Taking
--------------------
--------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 37
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอถามการลงทุนของคนที่จบสายการเงินกับคนทั่วไปครับ
โพสต์ที่ 7
ผมไม่เชื่อว่าคนที่เรียนในมหาลัย 4 ปีจะได้เปรียบคนอื่นมากมายนัก
เรียน textbook ซึ่งใช้ในการลงทุนได้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่ควรถูกจำกัดด้วยปริญญา
ถ้าคุณขยัน มุ่งมั่น เรียนรู้ มี passion
คุณก็เก่งเท่าคนอื่นๆได้
เรียน textbook ซึ่งใช้ในการลงทุนได้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่ควรถูกจำกัดด้วยปริญญา
ถ้าคุณขยัน มุ่งมั่น เรียนรู้ มี passion
คุณก็เก่งเท่าคนอื่นๆได้
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอถามการลงทุนของคนที่จบสายการเงินกับคนทั่วไปครับ
โพสต์ที่ 9
ผมว่าที่เรียนทำให้รู้จักproduct เยอะขึ้น
แต่ถ้าไม่เข้าใจธุรกิจmodel หรือมีmind set ที่ผิดก็ลงทุนไม่ได้
เพื่อนผมยังขอหุ้นเด็ดอยู่เลยคับ
แต่ถ้าไม่เข้าใจธุรกิจmodel หรือมีmind set ที่ผิดก็ลงทุนไม่ได้
เพื่อนผมยังขอหุ้นเด็ดอยู่เลยคับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- Lastpun
- Verified User
- โพสต์: 819
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอถามการลงทุนของคนที่จบสายการเงินกับคนทั่วไปครับ
โพสต์ที่ 10
การลงทุนเป็น art อย่างนึงส่วนตัวไม่เคยคิดว่าเรียนด้านนี้หรือ หัวกระทิทั้งหลายจะได้เปรียบมากเท่าไหร่
อารมณ์ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการลงทุน เห็นคนนักลงทุนที่เก่งๆบางคนบอกอยากจะ undo ที่เรียนมาซะอีก แต่สิ่งที่นักลงทุนเก่งๆมีเหมือนกันคือการศึกษาหรืออ่านที่ไม่มีวันสิ้นสุด ผมว่าสองตัวนี้แหละ ที่จะสร้างความแตกต่าง
อารมณ์ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการลงทุน เห็นคนนักลงทุนที่เก่งๆบางคนบอกอยากจะ undo ที่เรียนมาซะอีก แต่สิ่งที่นักลงทุนเก่งๆมีเหมือนกันคือการศึกษาหรืออ่านที่ไม่มีวันสิ้นสุด ผมว่าสองตัวนี้แหละ ที่จะสร้างความแตกต่าง
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอถามการลงทุนของคนที่จบสายการเงินกับคนทั่วไปครับ
โพสต์ที่ 12
ไม่จำเป็นครับ เสี่ยๆ หลายท่านก็ไม่ได้จบ บางที การรู้ Theory and Practical มันต่างกันครับ
หุ้นคือการทำธุรกิจ การแข่งขัน ได้เปรียบเสีย เปรียบ
Financial Knowlege เอาไว้ มารองรับ ว่า ณ จุด ที่ บริษัท ทำกำไร ได้เท่านั้น เท่านี้ ควร มีมูลค่า เท่าไหร่ ....
ระยะยาว Eq สำคัญไม่แพ้ Iq หลายคน จบ Finance เทรดหุ้น ระยะสั้น ก็ เยอะนะครับ
การลงทุนมันนต้อง กล้าตัดสินใจ ผิดพลาด เรียนรู้ มันมากก่า ในตำรา ครับ
อย่าง Deal ต่างๆ ที่ บริษัทได้ประโยชน์เสียประโยชน หลายครั้ง ใช้ สายสัมพันธ์ ซึ่ง Finance ไม่เคย สอน Valuation connection ครับ
ผมเชื่อใน ทฤษฎี ผลประโยชน์ มากก่า ครับ สุดท้ายอะไร ที่ ผลประโยชน์ ลงตัวทุกฝ่าย จะดีเอง
หุ้นคือการทำธุรกิจ การแข่งขัน ได้เปรียบเสีย เปรียบ
Financial Knowlege เอาไว้ มารองรับ ว่า ณ จุด ที่ บริษัท ทำกำไร ได้เท่านั้น เท่านี้ ควร มีมูลค่า เท่าไหร่ ....
ระยะยาว Eq สำคัญไม่แพ้ Iq หลายคน จบ Finance เทรดหุ้น ระยะสั้น ก็ เยอะนะครับ
การลงทุนมันนต้อง กล้าตัดสินใจ ผิดพลาด เรียนรู้ มันมากก่า ในตำรา ครับ
อย่าง Deal ต่างๆ ที่ บริษัทได้ประโยชน์เสียประโยชน หลายครั้ง ใช้ สายสัมพันธ์ ซึ่ง Finance ไม่เคย สอน Valuation connection ครับ
ผมเชื่อใน ทฤษฎี ผลประโยชน์ มากก่า ครับ สุดท้ายอะไร ที่ ผลประโยชน์ ลงตัวทุกฝ่าย จะดีเอง
- PrasertsakK
- Verified User
- โพสต์: 286
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอถามการลงทุนของคนที่จบสายการเงินกับคนทั่วไปครับ
โพสต์ที่ 13
ผมคิดว่าประโยค "คนที่ไม่ได้จบการเงินหรือเรียนสูงๆทางด้านนี้สามารถลงทุนได้ไม่แพ้คนที่จบมาด้านนี้เลย" มันก็เป็นจริงครับ แต่ผมว่าสิ่งที่น่ากลัวของประโยคนี้คือ คนมักจะตีความหมายต่อไปว่า "การเรียนการเงินในมหาลัยไม่มีประโยชน์" ซึ่งผมคิดว่า มันก็เหมือนประโยคที่ว่า "คนเรียนหนังสือไม่เก่งสามารถหาเงินไม่แพ้คนเรียนหนังสือเก่งเลย" ซึ่งเราก็เห็นว่ามันจริงครับ และหลาย ๆ คนก็ไปตีความว่า "เราไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือ" หรือ ให้ความสำคัญของการเรียนลดลง
ผมคิดว่าคนที่เรียนจบทางการเงินนั้น ในช่วงเริ่มต้นของการลงทุน จะได้เปรียบกว่า คนที่ไม่ได้เรียนเลยมากครับ ลองจินตนาการพวกเราในการลงทุนแรก ๆ ซิครับว่ามวยวัดนี้มันแย่ขนาดไหน แต่พอเราเริ่มลงทุนนานขึ้น อ่านหนังสือมากขึ้น ผ่านประสพการณ์ เล่นเอง เจ็บเอง กันพอสมควรแล้ว ความต่างชั้นในเรื่องนี้มันจะลดลง จนกระทั่ง มันไม่มีความได้เปรียบอะไรเลย
ผมคิดว่า เราอายุเกินกว่าที่จะตัดสินใจแล้วว่าเราควรจะเอ็นคณะด้านการเงินหรือเปล่า นั้นทำให้มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะไปบอกว่าทำไมเราไม่เรียนโน้นเรียนนี้ หรือคิดว่า คนที่เรียนการเงินได้เปรียบหรือเสียเปรียบเรา ผมคิดว่านักลงทุนที่ดี ควรจะต้องเรียนรู้ตลอดเวลา อ่านหนังสือ เพิ่มขอบข่ายความสามารถของเราให้กว้างขึ้น มันอาจจะไม่ได้ทำให้เราประสพความสำเร็จ รวยเป็นมหาเศรษฐี แต่ผมเชื่อว่าการเรียนรู้นั้นจะทำให้เราไม่ล้มเหลวในการลงทุนแน่นอนครับ
ผมคิดว่าคนที่เรียนจบทางการเงินนั้น ในช่วงเริ่มต้นของการลงทุน จะได้เปรียบกว่า คนที่ไม่ได้เรียนเลยมากครับ ลองจินตนาการพวกเราในการลงทุนแรก ๆ ซิครับว่ามวยวัดนี้มันแย่ขนาดไหน แต่พอเราเริ่มลงทุนนานขึ้น อ่านหนังสือมากขึ้น ผ่านประสพการณ์ เล่นเอง เจ็บเอง กันพอสมควรแล้ว ความต่างชั้นในเรื่องนี้มันจะลดลง จนกระทั่ง มันไม่มีความได้เปรียบอะไรเลย
ผมคิดว่า เราอายุเกินกว่าที่จะตัดสินใจแล้วว่าเราควรจะเอ็นคณะด้านการเงินหรือเปล่า นั้นทำให้มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะไปบอกว่าทำไมเราไม่เรียนโน้นเรียนนี้ หรือคิดว่า คนที่เรียนการเงินได้เปรียบหรือเสียเปรียบเรา ผมคิดว่านักลงทุนที่ดี ควรจะต้องเรียนรู้ตลอดเวลา อ่านหนังสือ เพิ่มขอบข่ายความสามารถของเราให้กว้างขึ้น มันอาจจะไม่ได้ทำให้เราประสพความสำเร็จ รวยเป็นมหาเศรษฐี แต่ผมเชื่อว่าการเรียนรู้นั้นจะทำให้เราไม่ล้มเหลวในการลงทุนแน่นอนครับ
http://prasertsakk.blogspot.com/
การลงทุน ความมั่งคั่ง ความสุข มิตรภาพ
การลงทุน ความมั่งคั่ง ความสุข มิตรภาพ
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1131
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอถามการลงทุนของคนที่จบสายการเงินกับคนทั่วไปครับ
โพสต์ที่ 14
ทุกอย่างอยู่ที่ความพยายามครับ จบอะไรไม่สำคัญทุกอย่างศึกษากันได้ ทฤษฏีทางการเงินอาจจะไม่ได้ช่วยขนาดนั้นครับถ้าเน้นการลงทุนในหุ้น ความเข้าใจในธุรกิจ การมองอนาคต มีความสำคัญมากกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งด้านการเข้าใจงบคนจบบัญชีจะได้เปรียบ แต่มุมมองอาจโดนปิดกันกับตัวเลขในปัจจุบันมากเกินไปเหมือนกัน ส่วนด้านการเงินสิ่งที่รู้หลักๆคือการทำ valuation แหละครับ ซึ่งตัวแปรต่างๆจริงๆก็ขึ้นอยู่กับ assumption อยู่ดี
สรุปความได้เปรียบเสียเปรียบไม่มีหรอกครับ อยู่ที่ความพยายาม เท่านั้น
สรุปความได้เปรียบเสียเปรียบไม่มีหรอกครับ อยู่ที่ความพยายาม เท่านั้น
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
-
- Verified User
- โพสต์: 258
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอถามการลงทุนของคนที่จบสายการเงินกับคนทั่วไปครับ
โพสต์ที่ 15
ผมเชื่อว่า โอกาสที่จะเป็นนักลงทุนเก่งๅ ถ้าจบสายการเงิน
สูงกว่าคนทั่วไปครับ
ผมใช้คำว่า โอกาสนะครับ คือ ความน่าจะเป็น ไม่ใช่ปริมาณ
ถ้าใช้ปริมาณมาเทียบกัน แน่นอนอยู่แล้วครับว่า คนที่ไม่จบสายการเงินมากกว่าอยู่แล้วครับ
สูงกว่าคนทั่วไปครับ
ผมใช้คำว่า โอกาสนะครับ คือ ความน่าจะเป็น ไม่ใช่ปริมาณ
ถ้าใช้ปริมาณมาเทียบกัน แน่นอนอยู่แล้วครับว่า คนที่ไม่จบสายการเงินมากกว่าอยู่แล้วครับ