"คิดแบบ Michael E. Porter ep. 1"
หลายบริษัททำลายกลยุทธ์ของตัวเอง โดยที่ไม่มีใครอื่นทำ
หรือเรียกได้ว่ากลยุทธ์ของบริษัทเหล่านี้ล้มเหลวจากภายใน !
เป็นข้อความหนึ่งที่ Michael E. Porter กล่าวไว้ในหนังสือ
"หลักคิดเรื่องกลยุทธ์และการแข่งขัน"
เขาบอกว่านอกจากปัจจัยภายในแล้วมีปัจจัยภายนอกอีกมากมาย
เป็นตัวทำลายกลยุทธ์ ซึ่งมีตั้งแต่พวกที่เรียกตนว่าผู้เชี่ยวชาญ
ไปจนถึงนักวิเคราะห์หลักทรัพย์
บุคคลเหล่านี้มักจะผลักดันให้บริษัทเข้าสู่
สิ่งที่ Porter เรียกว่า "การแข่งขันเพื่อความเป็นที่สุด"
เช่น นักวิเคราะห์ต้องการให้ทุกบริษัทเป็นตัวเลือกที่ชื่นชอบของนักลงทุน
หรือที่ปรึกษาธุรกิจก็จะบอกคุณว่า
"คุณควรจะสร้างความพึงพอใจอย่างยิ่งยวด
และต้องรักษาลูกค้าทุกรายเอาไว้ให้ได้"
Porter ยกตัวอย่างว่า
ถ้าหากบริษัทต้องรับฟังลูกค้าทุกราย และทำทุกอย่างที่เขาร้องขอ
บริษัทก็จะไม่มีกลยุทธ์ กลยุทธ์ไม่ใช่การทำให้ลูกค้าทุกรายมีความสุข
จริงๆแล้วคุณต้องตัดสินใจว่าจะตอบสนองต่อลูกค้ากลุ่มไหนบ้าง
ส่วนลูกค้าที่เหลือนั้น คุณต้องทำใจให้ได้ว่าคุณจะทำให้เขาผิดหวัง
เพราะจริงๆแล้วการทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ดี
Porter ยังบอกด้วยว่า "เขาเชื่อว่าตลาดหุ้นได้พัฒนาไปในทางที่
จะส่งผลเสียต่อกลยุทธ์มากขึ้นเรื่อยๆ
โดยการพยายามบรรลุเป้าหมายในการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น
ซึ่งเป็นตัวชี้วัดระยะสั้นนั้นกลับเป็นสิ่งที่
สร้างความเสียหายรุนแรงต่อกลยุทธ์และการสร้างคุณค่าเพิ่ม"
ที่มา https://www.facebook.com/sharpenyourmin ... 48/?type=1
คิดแบบ Michael E. Porter
-
- Verified User
- โพสต์: 345
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 345
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดแบบ Michael E. Porter
โพสต์ที่ 2
"คิดแบบ Michael E. Porter ep. 2"
ตลาดทุนมีผลกระทบอย่างไรต่อกลยุทธ์?
Porter อธิบายว่าปัญหานี้มีหลายระดับ
1.เริ่มตั้งแต่การประเมิณมูลค่าบริษัทที่ใช้ในกลุ่มนักวิเคราะห์และนักลงทุน เช่น ถ้าเป็นธุรกิจค้าปลีกก็จะใช้ตัวชี้วัด ยอดขายต่อสาขา เป็นต้น การมีตัวชี้วัดเป็นสิ่งที่ดี แต่ปัญหาคือตัวชี้วัดตัวเดียวกันนี้ถูกนำไปใช้กับทุกบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยบทเรียนที่สำคัญคือหากคุณวางตำแหน่งให้แตกต่างจากคู่แข่ง ตัวชี้วัดก็ควรจะแตกต่างตามไปด้วย และถ้าคุณบังคับให้ทุกคนต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นตามตัวชี้วัดเดียวกัน ก็เท่ากับสนับสนุนให้ทุกคนในอุตสาหกรรมทำเหมือนกันหมด และทำลายเอกลักษณ์ของแต่ละคนไป
2. เมื่อถึงจุดหนึ่งผู้มีบทบาทในตลาดจะพยายามค้นหา "ผู้ชนะ" ในอุตสาหกรรม ซึ่งโดยทั่วไปคือบริษัทที่กำลังเติบโตได้ดีกว่าคนอื่น หรือความสามารถในการทำกำไรใน 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมาสูงกว่าคนอื่น สำหรับนักวิเคราะห์สิ่งนี้ได้กลายเป็นมาตรฐานข องบริษัทที่ดี แล้วหลังจาดนั้นทุกบริษัทในอุตสาหกรรมก็ถูกกดดันให้ทำตามบริษัทที่เรียกว่า "ผู้ชนะ" ที่กำลังเป็นที่ชื่นชอบขณะนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือ บริษัทเหล่านี้ก็จะไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบต่อไป แต่เหตุการณ์นี้ชี้นำให้ทุกบริษัทในอุตสาหกรรมเดินตามไปแล้ว การที่ตลาดทุนทำแบบนี้จึงเป็นการส่งเสริมกรอบความคิดว่าบริษัทต้องแข่งขันเพื่อเป็นบริษัทที่ดีที่สุด โดยตลาดทุนเป็นผ้กำหนดว่า "ดีที่สุด" นั้นเป็นอย่างไร
3. กิจกรรมในตลาดทุนเน้นไปที่การซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้นมากกว่าการลงทุนระยะยาว แต่กลยุทธ์ต้องการระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนานกว่านั้น แล้วผลของความไม่สอดคล้องที่ตามมือคืออะไร? ตลาดมุ่งไปที่ผลการดำเนินงานระยะสั้น แต่บริษัทต้องการระยะเวลาในการลงทุนเพื่อสร้างตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ของบริษัท การมุ่งเน้นเรื่องคุณค่าให้ผู้ถือหุ้นในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริหารมุ่งความสนใจไปในเรื่องที่ผิด ทั้งทีจริงควรสนใจที่การสร้างมูลค่าเชิงเศรษฐกิจในระยะยาวมากกว่า
สุดท้าย Porter กล่าวว่า "ตลาดทุนมีส่วนช่วยผลักดันให้บริษัทเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อให้ใช้เงินลงทุนคุ้มค่า แต่ผมไม่มีข้อกังขาเลยว่า ตลาดเป็นตัวทำลายกลยุทธ์อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ไม่ชัดเจน และส่วนใหญ่ไม่เป็นที่รับรู้ของผู้คนก็ตาม"
https://www.facebook.com/sharpenyourmin ... 7014927668
ตลาดทุนมีผลกระทบอย่างไรต่อกลยุทธ์?
Porter อธิบายว่าปัญหานี้มีหลายระดับ
1.เริ่มตั้งแต่การประเมิณมูลค่าบริษัทที่ใช้ในกลุ่มนักวิเคราะห์และนักลงทุน เช่น ถ้าเป็นธุรกิจค้าปลีกก็จะใช้ตัวชี้วัด ยอดขายต่อสาขา เป็นต้น การมีตัวชี้วัดเป็นสิ่งที่ดี แต่ปัญหาคือตัวชี้วัดตัวเดียวกันนี้ถูกนำไปใช้กับทุกบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยบทเรียนที่สำคัญคือหากคุณวางตำแหน่งให้แตกต่างจากคู่แข่ง ตัวชี้วัดก็ควรจะแตกต่างตามไปด้วย และถ้าคุณบังคับให้ทุกคนต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นตามตัวชี้วัดเดียวกัน ก็เท่ากับสนับสนุนให้ทุกคนในอุตสาหกรรมทำเหมือนกันหมด และทำลายเอกลักษณ์ของแต่ละคนไป
2. เมื่อถึงจุดหนึ่งผู้มีบทบาทในตลาดจะพยายามค้นหา "ผู้ชนะ" ในอุตสาหกรรม ซึ่งโดยทั่วไปคือบริษัทที่กำลังเติบโตได้ดีกว่าคนอื่น หรือความสามารถในการทำกำไรใน 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมาสูงกว่าคนอื่น สำหรับนักวิเคราะห์สิ่งนี้ได้กลายเป็นมาตรฐานข องบริษัทที่ดี แล้วหลังจาดนั้นทุกบริษัทในอุตสาหกรรมก็ถูกกดดันให้ทำตามบริษัทที่เรียกว่า "ผู้ชนะ" ที่กำลังเป็นที่ชื่นชอบขณะนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือ บริษัทเหล่านี้ก็จะไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบต่อไป แต่เหตุการณ์นี้ชี้นำให้ทุกบริษัทในอุตสาหกรรมเดินตามไปแล้ว การที่ตลาดทุนทำแบบนี้จึงเป็นการส่งเสริมกรอบความคิดว่าบริษัทต้องแข่งขันเพื่อเป็นบริษัทที่ดีที่สุด โดยตลาดทุนเป็นผ้กำหนดว่า "ดีที่สุด" นั้นเป็นอย่างไร
3. กิจกรรมในตลาดทุนเน้นไปที่การซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้นมากกว่าการลงทุนระยะยาว แต่กลยุทธ์ต้องการระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนานกว่านั้น แล้วผลของความไม่สอดคล้องที่ตามมือคืออะไร? ตลาดมุ่งไปที่ผลการดำเนินงานระยะสั้น แต่บริษัทต้องการระยะเวลาในการลงทุนเพื่อสร้างตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ของบริษัท การมุ่งเน้นเรื่องคุณค่าให้ผู้ถือหุ้นในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริหารมุ่งความสนใจไปในเรื่องที่ผิด ทั้งทีจริงควรสนใจที่การสร้างมูลค่าเชิงเศรษฐกิจในระยะยาวมากกว่า
สุดท้าย Porter กล่าวว่า "ตลาดทุนมีส่วนช่วยผลักดันให้บริษัทเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อให้ใช้เงินลงทุนคุ้มค่า แต่ผมไม่มีข้อกังขาเลยว่า ตลาดเป็นตัวทำลายกลยุทธ์อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ไม่ชัดเจน และส่วนใหญ่ไม่เป็นที่รับรู้ของผู้คนก็ตาม"
https://www.facebook.com/sharpenyourmin ... 7014927668
Facebook Page: VI10x:
https://www.facebook.com/vi10x
https://www.facebook.com/vi10x