***** หุ้นเติบโต *****
ตำราทางการเงินมักบอกว่า บริษัทที่มีการเติบโตสูงๆ มีความจำเป็นต้องเอาเงินสดไปขยายกิจการ จึงจ่ายเงินปันผลน้อยหรือไม่จ่ายเลย และการกระทำเช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ "สมเหตุสมผล"
ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนที่ซื้อหุ้นดังกล่าวจึงมัก "ไม่คาดหวัง" เงินปันผล และนั่นก็เป็นเหตุผลที่บริษัทเหล่านี้เองก็ไม่คิดจะจ่ายเงินปันผลอย่างเป็นน้ำเป็นเนื้อด้วยเหมือนกัน เรียกได้ว่าเป็นเหตุและผลที่วนลูป สะท้อนซึ่งกันและกัน แล้วทุกคนก็แฮปปี้ (อันนี้ตำราไม่ได้บอก แต่ผมบอกเอง)
อย่างไรก็ตาม เมื่อการเติบโตเริ่มลดลง ตำราก็บอกว่าในที่สุดบริษัทจะหันกลับมาจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงขึ้น ... ตรงนี้แหละที่ผมไม่เห็นด้วย!
ประเด็นแรก ในมุมของฝ่ายบริหาร พวกเขาต้องการมีเงินสดติดกระเป๋าเอาไว้เยอะๆ หยิบง่ายใช้คล่อง การไม่ต้องควักเงินออกมาจ่ายเป็นปันผลหลายๆ ปี ทำให้พวกเขา "เคยตัว" แล้วพอถึงวันหนึ่ง คุณคิดว่าเขาจะยอมควักเงินออกมาง่ายๆ น่ะหรือ? เมินเสียเถอะ
ประเด็นต่อมา คือ การเติบโตที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายปี จะทำให้ผู้คน "ยึดติด" อยู่กับภาพนั้นๆ แม้ต่อมาการเติบโตจะเริ่มชะลอตัว แต่ทุกคนก็คิดว่านี่เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ดังนั้น การจะทำให้ใครบางคน (โดยเฉพาะฝ่ายบริหาร) ยอมรับว่าการเติบโตสวยหรูเริ่มจบลง ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังไม่ต้องคิดฝันไปไกลถึงการจ่ายเงินปันผลเลย
ประเด็นสุดท้าย แม้ฝ่ายบริหารจะยอมรับกันเองภายในว่าการเติบโตกำลังจะสิ้นสุดลง แต่ก็คงเป็นการยากที่พวกเขาจะ "ประกาศ" เรื่องนี้อย่างเป็นทางการผ่านการจ่ายเงินปันผล
อย่าลืมว่าหุ้นเติบโตจำนวนไม่น้อยมีการซื้อขายกันที่ P/E สูงลิ่ว เช่น 40-50 เท่า หากสาธารณชนเกิดตระหนักขึ้นมาว่า บริษัทกำลังจะเปลี่ยนสถานะไปเป็นหุ้นที่โตธรรมดาๆ ค่า P/E อาจหดลงไปเหลือเพียงครึ่งเดียว ส่งผลให้ราคาหุ้นทรุดลงอย่างน่าสะพรึงกลัว
และยิ่งถ้าผู้บริหารเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ด้วยแล้ว พวกเขาก็คงไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเป็นแน่
สรุปรวมความก็คือ โดยส่วนตัวผมไม่คิดว่า "Soft Landing" จะเกิดขึ้นง่ายๆ ในกรณีของหุ้นเติบโต และต่อให้ผู้บริหารเห็นแล้วว่าธุรกิจเริ่มตีบตัน ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะ "ปลิ้น" หอบเงินของบริษัทไปลงทุนสัพเพเหระ ก็ยังมีมากกว่าการจ่ายปันผลคืนให้กับผู้ถือหุ้น
เรื่องแบบนี้ ตำราเรียนไม่มีเขียนไว้
https://www.facebook.com/MonkeyFreeTime ... 6728080028
น่าคิดนะครับ สำหรับหุ้นเติบโต
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 274
- ผู้ติดตาม: 1
Re: น่าคิดนะครับ สำหรับหุ้นเติบโต
โพสต์ที่ 2
ผมเห็นด้วยว่าบางบริษัทฯอาจจะเป็นอย่างที่โพสนะครับ
แต่ในขณะเดียวกันบางบริษัทฯก็อาจจะไม่เป็น นั่นคือเหตุผลที่เราควรจะต้องดูด้วยว่า ผบห ของบริษัทฯมีลักษณะนิสัยอย่างไร ในหลายๆกรณีถ้า ผบห เป็นผถห ใหญ่และรายได้หลักมาจากบริษัทนี้เพียงอย่างเดียวผมว่าเค้าน่าจะมีแรงจูงใจมากๆที่จะปันผลออกมาเมื่อบริษัทไม่ต้องการเงินทุนในการขยายในอัตราเร่งอีกต่อไป เพราะถึงการถือหุ้นจะทำให้ wealth เยอะ แต่เป็น wealth ที่ยังไม่สามารถนำไปจับจ่ายใช้สอยได้ดังนั้นทางเลือกคือขายหุ้นหรือปันผล บางบริษัทในตลาดที่เคย PE สูงๆ เมื่อโครงการเริ่มเข้ามาหมดและดูแล้วโอกาสการโตยังจำกัดผมก็เห็นว่าราคาไม่ได้ลดลงเนื่องจากมีฐานของรายได้รองรับอยู่ เพียงแต่นลท.ก็จะไม่ให้ PE/forward PE สูงเหมือนกับหุ้นในกลุ่มเดียวกันตัวอื่นๆ
โดยส่วนตัวเวลาจะหาหุ้นที่น่าจะปันผลสม่ำเสมอผมจะดูบริษัทที่เป็นกงสี ยิ่งกงสีใหญ่ยิ่งดี โดยดูจากรายชื่อ ผถห.ที่นามสกุลเดียวกันหลายๆราย เพราะประสบการณ์จากที่ทำงานในกงสีทำให้รู้ว่าพี่น้องแต่ละคนมี risk profile ที่ต่างกัน บางคนอยากขยาย บางคนอยากได้เงินสด ดังนั้นบริษัทเหล่านี้มีโอกาสที่จะปันผลอย่างสม่ำเสมอมากกว่าบริษัทที่มี ผถห ใหญ่เพียงท่านเดียวครับ
ในทางกลับกันผมกลับกลัว ผบห ที่ไม่ได้ถือหุ้นเยอะแต่อยากเก็บเงินไว้ในบริษัทในลักษณะสร้างอาณาจักร (empire building) ทั้งๆที่ไม่มีโครงการใดๆในมือครับ
ออกนอกเรื่องไปเยอะ
ด้วยความเคารพครับ
แต่ในขณะเดียวกันบางบริษัทฯก็อาจจะไม่เป็น นั่นคือเหตุผลที่เราควรจะต้องดูด้วยว่า ผบห ของบริษัทฯมีลักษณะนิสัยอย่างไร ในหลายๆกรณีถ้า ผบห เป็นผถห ใหญ่และรายได้หลักมาจากบริษัทนี้เพียงอย่างเดียวผมว่าเค้าน่าจะมีแรงจูงใจมากๆที่จะปันผลออกมาเมื่อบริษัทไม่ต้องการเงินทุนในการขยายในอัตราเร่งอีกต่อไป เพราะถึงการถือหุ้นจะทำให้ wealth เยอะ แต่เป็น wealth ที่ยังไม่สามารถนำไปจับจ่ายใช้สอยได้ดังนั้นทางเลือกคือขายหุ้นหรือปันผล บางบริษัทในตลาดที่เคย PE สูงๆ เมื่อโครงการเริ่มเข้ามาหมดและดูแล้วโอกาสการโตยังจำกัดผมก็เห็นว่าราคาไม่ได้ลดลงเนื่องจากมีฐานของรายได้รองรับอยู่ เพียงแต่นลท.ก็จะไม่ให้ PE/forward PE สูงเหมือนกับหุ้นในกลุ่มเดียวกันตัวอื่นๆ
โดยส่วนตัวเวลาจะหาหุ้นที่น่าจะปันผลสม่ำเสมอผมจะดูบริษัทที่เป็นกงสี ยิ่งกงสีใหญ่ยิ่งดี โดยดูจากรายชื่อ ผถห.ที่นามสกุลเดียวกันหลายๆราย เพราะประสบการณ์จากที่ทำงานในกงสีทำให้รู้ว่าพี่น้องแต่ละคนมี risk profile ที่ต่างกัน บางคนอยากขยาย บางคนอยากได้เงินสด ดังนั้นบริษัทเหล่านี้มีโอกาสที่จะปันผลอย่างสม่ำเสมอมากกว่าบริษัทที่มี ผถห ใหญ่เพียงท่านเดียวครับ
ในทางกลับกันผมกลับกลัว ผบห ที่ไม่ได้ถือหุ้นเยอะแต่อยากเก็บเงินไว้ในบริษัทในลักษณะสร้างอาณาจักร (empire building) ทั้งๆที่ไม่มีโครงการใดๆในมือครับ
ออกนอกเรื่องไปเยอะ
ด้วยความเคารพครับ
Aim high and be there!!