หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เจอมาแล้วคิดถึงแบ๊งค์เจ้าของบัตร
ผู้บริหารเห้นแล้วคิดว่า เสียมั๊ย แบบนี้มันเสียมั๊ย
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
RoMEAotZ
Verified User
โพสต์: 339
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เหมือนจะมีนานแล้วนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 3

โพสต์

RoMEAotZ เขียน:เหมือนจะมีนานแล้วนะครับ
ใช่ครับ แต่ไม่มีใครคิดถึงบริษัทจดทะเบียน คิดแต่ว่าทางวัดทำไม่ดี
แบบนี้เหมือนพุทธพานิชย์ สมรู้ร่วมคิดโดยทางตรงและทางอ้อมไหมครับ

บัตรที่ออกโดยธนาคาร ธนาคารรับรู้ รับผิดชอบกันไหม
luz666
Verified User
โพสต์: 845
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 4

โพสต์

มีตั้งแต่ 2012 แล้วครับ
https://www.google.co.uk/search?q=%E0%B ... ent=safari
all i need is Zero
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 5

โพสต์

nameisnothing เขียน:มีตั้งแต่ 2012 แล้วครับ
https://www.google.co.uk/search?q=%E0%B ... ent=safari
ดูเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากครับ

อ้างอิง...วันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2557
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... &gblog=174

วิธีใช้บัตร
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... &gblog=113
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
yoko
Verified User
โพสต์: 4337
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ผมไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้จะเสียภาพพจน์บมจอย่างไร
เพราะนี่เป็นเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธา
ผู้คนบริจาคด้วยความสมัครใจ555
ภาพประจำตัวสมาชิก
Tibular
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 522
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 7

โพสต์

สำหรับผม ข้อนี้ ถ้าถือตามความศรัทธาในพระพุทธเจ้า ตามพระธรรมวินัย
ธรรมกายไม่ถือว่าเป็นสาวกพระศาสดาครับ เราไม่ควรให้การสนับสนุนด้วยประการทั้งปวง


ทารขันธสูตร

ความว่า พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นขอนไม้ลอยมา จึงตรัสว่าถ้าขอนไม้นั้นไม่เข้าฝั่งนี้หรือฝั่งโน้น จักไม่จบในระหว่าง ไม่เกยบก ไม่ถูกใครจับเอาไว้ ไม่ถูกเกลียวน้ำวนพัด ไม่เน่าเสียภายใน มันจักลอยเรื่อยไปสู่มหาสมุทร

ภิกษุทั้งหลาย ถ้าพวกเธอไม่แวะฝั่งนี้หรือฝั่งโน้น ก็จักไม่เกยบก ไม่จมในระหว่าง ไม่ถูกมนุษย์หรืออมนุษย์จับไว้ ไม่ถูกเกลียวน้ำวนพัด ไม่เน่าเสียภายในเช่นเดียวกัน

ภิกษุรูปหนึ่งกราบทูลถามพระองค์ว่า ข้อความที่ตรัสนั้นหมายความว่าอย่างไร

พระพุทธเจ้าตรัสต่อไปว่า

ฝั่งนี้ คือ อายตนะภายใน 6 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)

ฝั่งโน้น คือ อายตนะภายนอก 6 (รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ์)

การจมในระหว่าง คือ นันทิราคะ (ความเพลิดเพลินยินดี)

เกยบก คือ อัสมิมานะ (การถือว่ามีตัวเรา)

ถูกมนุษย์จับไว้ หมายถึง พระภิกษุที่คลุกคลีกับคฤหัสถ์ ร่วมสุขร่วมทุกข์กับเขา ช่วยเหลือทำกิจการให้เขา

ถูกอมนุษย์จับไว้ หมายถึงพระภิกษุที่ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อหวังไปเกิดในเทพนิกาย (หมู่เทวดา) หมู่ใดหมู่หนึ่ง

เกลียวน้ำวน หมายถึง กามคุณ 5 (รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ)

เน่าเสียภายใน หมายถึง พระภิกษุทุศีล มีความประพฤติน่ารังเกียจ ไม่บริสุทธิ์ มีการกระทำซ่อนเร้น ไม่เป็นสมณะอ้างว่าเป็นสมณะ ไม่ประพฤติพรหมจรรย์อ้างว่าประพฤติ มีกิเลสหนา เน่าเสียภายใน ดุจขยะเน่าเหม็น


พระสมณโคดมทรงเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชา

มหาศีล
ติรัจฉานวิชา

[๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อปุถุชนกล่าวชมตถาคต พึงกล่าวเช่นนี้ว่า
๑. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่
สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย
ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ
ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำ
บูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธีเติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่า
บูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอ
ปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู เป็นาพิษ เป็น
หมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอทางเสียงกา เป็น
หมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์.

[๒๐] ๒. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น
อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิด
ด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทายลักษณะแก้วมณี ทายลักษณะไม้พลอง ทายลักษณะผ้า
ทายลักษณะศาตรา ทายลักษณะดาบ ทายลักษณะศร ทายลักษณะธนู ทายลักษณะอาวุธ
ทายลักษณะสตรี ทายลักษณะบุรุษ ทายลักษณะกุมาร ทายลักษณะกุมารี ทายลักษณะทาส
ทายลักษณะทาสี ทายลักษณะช้าง ทายลักษณะม้า ทายลักษณะกระบือ ทายลักษณะโคอุสภะทายลักษณะโค
ทายลักษณะแพะ ทายลักษณะแกะ ทายลักษณะไก่ ทายลักษณะนกกระทา ทายลักษณะเย้ ทายลักษณะตุ่น ทายลักษณะเต่า ทายลักษณะมฤค.

[๒๑] ๓. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น
อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิด
ด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ดูฤกษ์ยาตราทัพว่า พระราชาจักยกออก พระราชาจักไม่ยกออก
พระราชาภายในจักยกเข้าประชิด พระราชาภายนอกจักถอย พระราชาภายนอกจักยกเข้าประชิด
พระราชาภายในจักถอย พระราชาภายในจักมีชัย พระราชาภายนอกจักปราชัยพระราชาภายนอก
จักมีชัย พระราชาภายในจักปราชัย พระราชาพระองค์นี้จักมีชัย พระราชาพระองค์นี้จักปราชัย
เพราะเหตุนี้ๆ.

[๒๒] ๔. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น
อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิด
ด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ พยากรณ์ว่า จักมีจันทรคราส จักมีสุริยคราส จักมีนักษัตรคราส
ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักเดินถูกทาง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักเดินผิดทาง ดาวนักษัตรจักเดินถูกทาง
ดาวนักษัตรจักเดินผิดทาง จักมีอุกกาบาต จักมีดาวหาง จักมีแผ่นดินไหว จักมีฟ้าร้อง
ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักขึ้น ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักตก ดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักมัวหมอง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักกระจ่าง จันทร
คราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ สุริยคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ นักษัตรคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์เดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้
ดาวนักษัตรเดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดาวนักษัตรเดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ มีอุกกาบาต
จักมีผลเป็นอย่างนี้ มีดาวหางจักมีผลเป็นอย่างนี้ แผ่นดินไหวจักมีผลเป็นอย่างนี้ ฟ้าร้องจักมีผล
เป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรขึ้นจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
และดาวนักษัตรตกจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรมัวหมองจักมีผลเป็น
อย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรกระจ่างจักมีผลเป็นอย่างนี้.

[๒๓] ๕. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น
อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิด
ด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ พยากรณ์ว่า จักมีฝนดี จักมีฝนแล้ง จักมีภิกษาหาได้ง่าย
จักมีภิกษาหาได้ยาก จักมีความเกษม จักมีภัย จักเกิดโรค จักมีความสำราญหาโรคมิได้ หรือ
นับคะแนนคำนวณ นับประมวล แต่งกาพย์ โลกายตศาสตร์

[๒๔] ๖. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น
อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิด
ด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน
ดูฤกษ์หย่าร้าง ดูฤกษ์เก็บทรัพย์ ดูฤกษ์จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์ร้าย ให้ยาผดุงครรภ์
ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้าง ร่ายมนต์ให้คางแข็ง ร่ายมนต์ให้มือสั่น ร่ายมนต์ไม่ให้หูได้ยินเสียง
เป็นหมอทรงกระจก เป็นหมอทรงหญิงสาว เป็นหมอทรงเจ้า บวงสรวงพระอาทิตย์ บวงสรวง
ท้าวมหาพรหม ร่ายมนต์พ่นไฟ ทำพิธีเชิญขวัญ.

[๒๕] ๗. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น
อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิด
ด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกัน
บ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธี
บวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษ
เบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัดถุ์
ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัดรักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ปุถุชนกล่าวชมตถาคต จะพึงกล่าวด้วยประการใด ซึ่งมีประมาณ
น้อย ยังต่ำนัก เป็นเพียงศีลนั้นเท่านี้แล.

จบมหาศีล.

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๙พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค หน้า ๘ - ๑๐ ข้อที่ ๑๙ - ๒๕
ภาพประจำตัวสมาชิก
vim
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2748
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 8

โพสต์

เรื่องความเชื่อ เรื่องศาสนา บางคนอาจจะคิดแตกต่างกันครับ ศาสนาเดียวกันก็มีหลายนิกาย นิกายเดียวกันก็มีหลายแนวคิด

บางคนคิดว่าสวรรค์นรกมีจริง บางคนคิดว่าบริจาคมากๆจะได้ขึ้นสวรรค์ บางคนคิดว่าแม้จะมีจริงแต่มันก็ไม่เกี่ยวกัน บางคนคิดว่าพระเจ้ามีจริง บางคนคิดว่าพระเจ้าของตัวเองนั้นดีกว่าคนอื่น บางคนไม่เชื่อพระเจ้าแต่เชื่อว่าผีมีจริง คิดกันไปในคนละทางกัน

จุดหนึ่งที่ทำให้คนหลายๆแนวคิดอยู่ร่วมกันได้ คือการมีอิสระในการคิดและศรัทธา ไม่ไปโจมตีศรัทธาคนอื่น แต่ก็ยังมีกฎหมายที่ควบคุมไม่ให้ไปเกินเลย
Vi IMrovised
ภาพประจำตัวสมาชิก
Tibular
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 522
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 9

โพสต์

vim เขียน:เรื่องความเชื่อ เรื่องศาสนา บางคนอาจจะคิดแตกต่างกันครับ ศาสนาเดียวกันก็มีหลายนิกาย นิกายเดียวกันก็มีหลายแนวคิด

บางคนคิดว่าสวรรค์นรกมีจริง บางคนคิดว่าบริจาคมากๆจะได้ขึ้นสวรรค์ บางคนคิดว่าแม้จะมีจริงแต่มันก็ไม่เกี่ยวกัน บางคนคิดว่าพระเจ้ามีจริง บางคนคิดว่าพระเจ้าของตัวเองนั้นดีกว่าคนอื่น บางคนไม่เชื่อพระเจ้าแต่เชื่อว่าผีมีจริง คิดกันไปในคนละทางกัน

จุดหนึ่งที่ทำให้คนหลายๆแนวคิดอยู่ร่วมกันได้ คือการมีอิสระในการคิดและศรัทธา ไม่ไปโจมตีศรัทธาคนอื่น แต่ก็ยังมีกฎหมายที่ควบคุมไม่ให้ไปเกินเลย
ถูกต้องครับ แต่ธรรมกายไม่ควรตู่เอาคำพระศาสดา อ้างคำพระศาสดาในการให้ญาติโยมเชื่อถือครับ

บอกไปเลยซิครับว่า เป็นคำสอนของใคร อย่ามาใช้คำพระศาสดาในการชักจูงครับ
เพราะ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนอย่างที่ธรรมกายสอนเลยครับ

ศาสนาพุทธมีนิยายเดียวครับ คือ การยึดถือ ตามธรรม ตามวินัย ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ เท่านั้นครับ


ขอโทษนะครับ คือเรื่องแบบนี้ ต้องชัดเจนน่ะครับ อาจจะดูก้าวร้าวไปบ้าง แต่เพื่อความถูกต้องครับ
CARPENTER
Verified User
โพสต์: 423
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 10

โพสต์

เห็นด้วยกับ จขกท และ คุณTibular
ธรรมชัยะโย เกือบติดคุกแล้ว แต่อัยการปล่อย ไม่ฟ้อง ที่ไม่ฟ้องเพราะ นักการเมืองช่วยไว้
และอัยการสูงสุด สมัยนั้น ใช้อำนาจหน้าที่ ช่วยพวกตัวเองตลอด
ผมขี้เกียจ ไปหาข้อมูล ผมว่าใครอยากได้ข้อมูล ก็ลองเสริช ธรรมะชัยโย หรือ ธรรมะกายดู
คนไทยที่นับถือพุทธ สิ่งที่ต้องทำคือ อ่านพระไตรปิฎก
หรือลองฟังพระไตรปิฎกดูนะครับ
http://tripitaka-thai.blogspot.com/
yoko
Verified User
โพสต์: 4337
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 11

โพสต์

เรื่องศรัทธาความเชื่อ ธรรมกาย ผมได้อ่านมามากมาย
ผู้บริจาคจนหมดตัวก็เตยลงข่าวนสพ
ทำไงดี
เรื่องความเชื่อเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
เช่นหุ้นร้อน คนเล่นกันเยอะ
ผมทำได้เพียงบอกเหตุผลให้คนที่ถามมาอยากเล่น
เขาจะเชื่อหรือไม่ เป็นเรื่องของเขา555
montien.chin
Verified User
โพสต์: 16
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 12

โพสต์

คนเรามักให้น้ำหนักกับข้อมูล หรือความคิดเห็น ที่ยืนยันความคิดของตัวเอง
ในขณะเดียวกัน ก็มักจะมองข้ามหรือให้น้ำหนักน้อยกับข้อมูล หรือ ความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับความคิดของตัวเอง
นี้เรียกว่า " Confirmation Bias "
การมีอคติจนเคยชิน อาจเผลอติดไปใช้กับการลงทุน ซึ่งเป็นหนทางของการผิดพลาด
การวิจารณ์อะไร โดยที่ยังไม่เคยเข้าไปศึกษาอย่างใกล้ชิด เปรียบเสมือน สนใจหุ้นตัวหนึ่ง แต่ยังไม่รู้เลยว่าเขาทำธุรกิจอะไร หรือรู้แค่ในระดับรับฟังเขาเล่ามา แม้ผู้เล่าจะเป็นเซียน แต่เราในฐานะผู้ศึกษาการลงทุน ก็ควรจะหารายละเอียด +ข้อมูลในเชิงลึก
เพื่อการตัดสินที่รอบคอบ
ก็อยากขอเรียนเชิญ ทุกท่านที่สงสัยว่าวัดพระธรรมกาย กำลังทำอะไรกันอยู่ ได้ลองมา Temple Visit กันสักหลายๆครั้ง เพื่อการสำรวมในการวิจารณ์ต่อไป ...
tang_tt
Verified User
โพสต์: 66
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ไม่มีเงินก็ตกนรกไป สมัยพุทธกาลทำยังไงนะ
«« ambition never comes to an end »»
ภาพประจำตัวสมาชิก
Tibular
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 522
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 14

โพสต์

montien.chin เขียน:... ก็อยากขอเรียนเชิญ ทุกท่านที่สงสัยว่าวัดพระธรรมกาย กำลังทำอะไรกันอยู่ ได้ลองมา Temple Visit กันสักหลายๆครั้ง เพื่อการสำรวมในการวิจารณ์ต่อไป ...
ขอให้ข้อมูลนะครับ

พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า ถึงแม้จะสิ้นท่านไปแล้ว ธรรมและวินัย จะเป็นศาสดาของเธอต่อไป

ธรรมและวินัยที่ศาสดาบัญญัติ เป็นสิ่งที่อริยสาวกทั้งหมด ต้องนำไปศึกษาปฏิบัติ
โดยไม่มีการเติมแต่ง พูดขึ้นเอง สร้างเรื่องราวใหม่ หรือ ตัดออก เพราะจะทำให้คำสอนค่อยๆ ผิดเพี้ยนไป
ทำให้ผู้เข้ามาศึกษาใหม่ไม่เข้าใจคำสอนที่ถูกต้อง หลงทาง ไม่ได้ผลใหญ่ อานิสงฆ์ใหญ่
ทำให้ไม่ได้ประโยชน์ใดๆเป็นที่น่าเสียดายเวลาอย่างมาก

คำพูดของผู้ใดที่ไม่สอดคล้องกับคำสอน ไม่เป็นไปเพื่อ ความสงบ ระงับ เบื่อหน่าย คลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์
ไม่ควรฟัง ไม่ควรเข้ามาศึกษา ไม่ควรนำมาปฏิบัติ ควรละทิ้งไปเสีย

ถ้าท่านนับถือศาสนาพุทธ ท่านมีศรัทธาในใคร อันนี้ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อน

ในพระวินัยปิฏกและพระพระสุตตันตปิฎก ท่านได้อ่านหรือไม่

มีบัญญัติ ความเป็นอยู่ของพระ การใช้ผ้าจีวร ที่อยู่อาศัย มีขนาดถึงบอก ความกว้าง-ยาว วัสดุที่ใช้ การตัดเย็บ การย้อมสี
การรับนิมนต์ เข้าไปในบ้านโยม ต้องทำอะไรบ้าง การเดิน การสำรวม การอบรมพระที่เข้ามาบวชใหม่อย่างเป็นขั้นตอน
การรับเงินทองนี่รับไม่ได้ ต้องมีตัวแทนในการรับ การบิณฑบาต การฉันอาหารซึ่งมีแค่มื้อเดียวเท่านั้นครับ
และที่สำคัญมีถึงสาเหตุที่ต้องปฏิบัติอย่างนั้นๆเล่าอยู่ด้วยอย่างเป็นเหตุเป็นผล

การบวชคือการเข้าถืงอาชีพขอทาน เป็นอาชีพต่ำสุด ไม่มุ่งสะสมอะไร
แต่เป็นอาชีพที่มีโอกาสว่าง มีโอกาสได้ทำความดับทุกข์ให้แจ้ง
มีโอกาสในการศึกษาคำสอน พระธรรมและวินัย มีโอกาสในการได้สั่งสอนสัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย
ได้สานต่อคำสอนอันเป็นอริยะของพระศาสดา เพื่อเกีื้อกูลโลก เมตตาโลก

ถ้าพระท่านไม่ได้ศึกษา ญาติโยม สามารถบอกกล่าวได้ว่า พระศาสดาไม่เคยทำอย่างนั้นอย่างนี้ เคยทำอย่างนั้นอย่างนี้
ให้ท่านลองตรวจสอบ ในพระธรรมและวินัยดู เพราะว่า ที่ท่านบวชมา ท่านบวชมาเพราะศรัทธาในพระพุทธเจ้ามิใช่เหรอ?
ทำไมท่านไม่ศึกษาคำสอนของบุคคลที่ท่านศรัทธาเล่า?


พระพุทธเจ้าท่านเป็น ครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายที่เยี่ยมยอดที่สุดแล้ว

๘. นครวินเทยยสูตร (๑๕๐)

[๘๓๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในโกศลชนบท พร้อมด้วย ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
ทรงแวะยังบ้านพราหมณ์แห่งโกศลชนบทชื่อว่านครวินทะพวกพราหมณ์คฤหบดีชาวบ้านนคร
วินทะได้ทราบข่าวว่า พระสมณะผู้ศากยบุตรเสด็จออกจากศากยราชสกุลทรงผนวชแล้ว เสด็จ
จาริกไปในโกศลชนบทพร้อม ด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ได้เสด็จถึงบ้านนครวินทะโดยลำดับ พระ
โคดมผู้มีพระภาคพระองค์นั้นแล มีกิตติศัพท์งามฟุ้งไปอย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุดังนี้ๆ พระผู้มี
พระภาคพระองค์นั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
ดำเนินไปดี ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึกอย่างหาคนอื่นยิ่งกว่ามิได้ เป็นครูของ
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้แจกธรรม พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทำให้แจ้ง
ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนโลกนี้ทั้งเทวดา มาร พรหม ทุกหมู่สัตว์ทั้งสมณะและพราหมณ์
ทั้งเทวดาและมนุษย์ ให้รู้ทั่ว ทรงแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ในท่ามกลาง ในที่สุด พร้อม
ทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ ทรงประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ก็การได้เห็นพระอรหันต์
ทั้งหลายเห็นปานนั้น ย่อมเป็นการดีแล ครั้งนั้นแล พราหมณ์ คฤหบดีชาวบ้านนครวินทะ พา
กันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ครั้นแล้วบางพวกถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้ว
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง บางพวก ได้ทักทายปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นผ่านคำทักทาย
ปราศรัย พอให้ระลึกถึงกังไปแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง บางพวกประณมอัญชลีไปทางที่
พระผู้มีพระภาคประทับ แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง บางพวกประกาศชื่อและโคตรในสำนักของ
พระผู้มีพระภาค แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง บางพวกมีอาการเฉยๆ นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ

[๘๓๓] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะพราหมณ์คฤหบดีชาวบ้านนครวินทะ ผู้นั่งเรียบร้อย
แล้วดังนี้ว่า ดูกรคฤหบดีทั้งหลาย ถ้าปริพาชกเจ้าลัทธิอื่นถามท่านทั้งหลายอย่างนี้ว่า ดูกรคฤหบดี
ทั้งหลาย สมณพราหมณ์เช่นไร ไม่ควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ท่านทั้งหลายถูกถาม
อย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า สมณพราหมณ์เหล่าใด ยังมีความกำหนัด ความขัดเคือง
ความลุ่มหลงในรูปที่รู้ได้ด้วยจักษุ ไม่ไปปราศแล้ว ยังมีจิตไม่สงบภายใน ยังประพฤติลุ่มๆ ดอนๆ
ทางกาย ทางวาจา ทางใจอยู่ สมณพราหมณ์เช่นนี้ ไม่ควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา

นั่นเพราะเหตุไร เพราะว่าแม้พวกเราก็ยังมีความกำหนัด ความขัด เคือง ความลุ่มหลงในรูป ที่รู้
ได้ด้วยจักษุ ไม่ไปปราศแล้ว ยังมีจิตไม่สงบภายในยังประพฤติลุ่มๆ ดอนๆ ทางกาย ทางวาจา
ทางใจอยู่ ก็เมื่อเราทั้งหลายไม่เห็นแม้ความประพฤติสงบของสมณพราหมณ์พวกนั้นที่ยิ่งขึ้นไป
ดังนี้ ฉะนั้นท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น จึงไม่ควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา
สมณพราหมณ์เหล่าใด ยังมีความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลงในเสียงที่รู้ได้
ด้วยโสต ไม่ไปปราศแล้ว ...
สมณพราหมณ์เหล่าใด ยังมีความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลงในกลิ่นที่รู้ได้
ด้วยฆานะ ไม่ไปปราศแล้ว ...
สมณพราหมณ์เหล่าใด ยังมีความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลงในรสที่รู้ได้ด้วย
ชิวหา ไม่ไปปราศแล้ว ...
สมณพราหมณ์เหล่าใด ยังมีความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลงในโผฏฐัพพะ
ที่รู้ได้ด้วยกาย ไม่ไปปราศแล้ว ...
สมณพราหมณ์เหล่าใด ยังมีความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลงในธรรมารมณ์ที่
รู้ได้ด้วยมโน ไม่ไปปราศแล้ว ยังมีจิตไม่สงบภายใน ยังประพฤติลุ่มๆ ดอนๆ ทางกาย ทาง
วาจา ทางใจอยู่ สมณพราหมณ์เช่นนี้ ไม่ควรสักการะเคารพ นับถือ บูชา นั่นเพราะเหตุไร
เพราะว่าแม้พวกเราก็ยังมีความกำหนัดความขัดเคือง ความลุ่มหลงในธรรมารมณ์ที่รู้ได้ด้วยมโน
ไม่ไปปราศแล้ว ยังมีจิตไม่สงบภายใน ยังประพฤติลุ่มๆ ดอนๆ ทางกาย ทางวาจา ทางใจอยู่
ก็เมื่อเราทั้งหลายไม่เห็นแม้ความประพฤติสงบของสมณพราหมณ์พวกนั้นที่ยิ่งขึ้นไป ดังนี้ ฉะนั้น
ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น จึงไม่ควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชาดูกรคฤหบดีทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์แก่ปริพาชก เจ้าลัทธิอื่นเหล่านั้นอย่างนี้เถิด ฯ

[๘๓๔] ดูกรคฤหบดีทั้งหลาย ถ้าปริพาชกเจ้าลัทธิอื่นถามท่านทั้งหลายอย่างนี้ว่า ดูกร
คฤหบดีทั้งหลาย สมณพราหมณ์เช่นไร ควรสักการะ เคารพนับถือ บูชา ท่านทั้งหลายถูก
ถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า สมณ พราหมณ์เหล่าใด ไปปราศความกำหนัด ความ
ขัดเคือง ความลุ่มหลงในรูปที่รู้ได้ด้วยจักษุแล้ว มีจิตสงบแล้วภายใน ประพฤติสงบทางกาย
ทางวาจา ทางใจอยู่ สมณพราหมณ์เช่นนี้ ควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา
นั่นเพราะเหตุไร
เพราะว่าแม้พวกเรายังมีความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลงในรูปที่รู้ได้ด้วยจักษุ ไม่ไป
ปราศแล้ว ยังมีจิตไม่สงบภายใน ยังประพฤติลุ่มๆ ดอนๆ ทางกาย ทางวาจา ทางใจอยู่ ก็
เมื่อเราทั้งหลายเห็นแม้ความประพฤติสงบของสมณพราหมณ์ พวกนั้นที่ยิ่งขึ้นไป ดังนี้ ฉะนั้น
ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น จึงควรสักการะเคารพ นับถือ บูชา
สมณพราหมณ์เหล่าใด ไปปราศความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลง ในเสียงที่
รู้ได้ด้วยโสตแล้ว ...
สมณพราหมณ์เหล่าใด ไปปราศความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลง ในกลิ่นที่
รู้ได้ด้วยฆานะแล้ว ...
สมณพราหมณ์เหล่าใด ไปปราศความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลง ในรสที่รู้
ได้ด้วยชิวหาแล้ว ...
สมณพราหมณ์เหล่าใด ไปปราศความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลง ในโผฏ
ฐัพพะที่รู้ได้ด้วยกายแล้ว ...
สมณพราหมณ์เหล่าใด ไปปราศความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลง ใน
ธรรมารมณ์ที่รู้ได้ด้วยมโน แล้ว มีจิตสงบแล้วภายใน ประพฤติสงบ ทางกาย ทางวาจา ทางใจ
อยู่ สมณพราหมณ์เช่นนี้ ควรสักการะ เคารพ นับถือบูชา นั่นเพราะเหตุไร เพราะว่าแม้
พวกเรายังมีความกำหนัด ความขัดเคืองความลุ่มหลง ในธรรมารมณ์ที่รู้ได้ด้วยมโน ไม่ไป
ปราศแล้ว ยังมีจิตไม่สงบภายในยังประพฤติลุ่มๆ ดอนๆ ทางกาย ทางวาจา ทางใจอยู่ ก็เมื่อ
เราทั้งหลายเห็นแม้ความประพฤติสงบของสมณพราหมณ์พวกนั้นที่ยิ่งขึ้นไป ดังนี้ ฉะนั้น ท่าน
สมณพราหมณ์เหล่านั้น จึงควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ดูกรคฤหบดีทั้งหลาย ท่าน
ทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์แก่ปริพาชกเจ้าลัทธิอื่นเหล่านั้นอย่างนี้เถิด ฯ

[๘๓๕] ดูกรคฤหบดีทั้งหลาย ถ้าปริพาชกเจ้าลัทธิอื่นถามท่านทั้งหลายอย่างนี้ว่า ก็อาการ
และความเป็นไปของท่านผู้มีอายุทั้งหลายเช่นไร จึงเป็นเหตุให้ พวกท่านกล่าวถึงท่านผู้มีอายุทั้ง
หลายอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุเหล่านั้น เป็นผู้ปราศจากราคะแล้ว หรือปฏิบัติเพื่อนำปราศราคะแน่
เป็นผู้ปราศจากโทสะแล้ว หรือปฏิบัติเพื่อนำปราศโทสะ เป็นผู้ปราศจากโมหะแล้ว หรือปฏิบัติ
เพื่อนำปราศโมหะแน่ ท่านทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์อย่างนี้ว่าความจริง ท่านผู้มี
อายุเหล่านั้น ย่อมเสพเฉพาะเสนาสนะอันสงัด คือ ป่าดง เป็นที่ไม่มีรูปอันรู้ได้ด้วยจักษุ ซึ่งคน
ทั้งหลายเห็นแล้วๆ จะพึงยินดีเช่นนั้นเลยเป็นที่ไม่มีเสียงอันรู้ได้ด้วยโสต ซึ่งคนทั้งหลายฟัง
แล้วๆ จะพึงยินดีเช่นนั้นเลย เป็นที่ไม่มีกลิ่นอันรู้ได้ด้วยฆานะ ซึ่งคนทั้งหลายดมแล้วๆ จะพึง
ยินดีเช่นนั้นเลย เป็นที่ไม่มีรสอันรู้ได้ด้วยชิวหา ซึ่งคนทั้งหลายลิ้มแล้วๆ จะพึงยินดีเช่นนั้นเลย
เป็นที่ไม่มีโผฏฐัพพะอันรู้ได้ด้วยกาย ซึ่งคนทั้งหลายสัมผัสแล้วๆ จะพึงยินดีเช่นนั้นเลย นี้แล
อาการและความเป็นไปของท่านผู้มีอายุทั้งหลายของพวกข้าพเจ้า
ซึ่งเป็นเหตุให้พวกข้าพเจ้ากล่าว
ถึงท่านผู้มีอายุทั้งหลายได้อย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุเหล่านั้น เป็นผู้ปราศจากราคะแล้ว หรือปฏิบัติ
เพื่อนำปราศราคะแน่ เป็นผู้ปราศจากโทสะแล้ว หรือปฏิบัติเพื่อนำปราศโทสะแน่ เป็นผู้
ปราศจากโมหะแล้ว หรือ ปฏิบัติเพื่อนำปราศโมหะแน่ ดูกรคฤหบดีทั้งหลาย ท่านทั้งหลายถูก
ถามอย่างนี้แล้วพึงพยากรณ์แก่ปริพาชกเจ้าลัทธิอื่นเหล่านั้นอย่างนี้เถิด ฯ


[๘๓๖] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์คฤหบดีชาวบ้านนครวินทะ ได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า แจ่มแจ้งแล้ว พระเจ้าข้า แจ่มแจ้งแล้ว พระเจ้าข้า พระโคดม
ผู้เจริญทรงประกาศธรรมโดยปริยายมิใช่น้อย เปรียบ เหมือนหงายของที่คว่ำ หรือเปิดของที่ปิด
หรือบอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่า ผู้มีตาดีจักเห็นรูปทั้งหลายได้
ฉะนั้น พวกข้าพระองค์ นี้ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ พระธรรม และพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอ
พระโคดมผู้เจริญ จงทรงจำพวกข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็น
ต้นไป ฯ

จบ นครวินเทยยสูตร ที่ ๘

พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
หน้าที่ ๔๐๒
jantorsang
Verified User
โพสต์: 154
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ขอสรรเสริญคุณ Tibular ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: หากเป็นเรื่องจริง เสียภาพพจน์บริษัทจดทะเบียนนะแบบนี้

โพสต์ที่ 16

โพสต์

คงต้องย้อนถามกลับไปว่า ศาสนาพุทธสอนอะไร
โพสต์โพสต์