'ปั่นหุ้น-อินไซด์'แจ้งเบาะแสมีเฮ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
otakung
Verified User
โพสต์: 928
ผู้ติดตาม: 0

'ปั่นหุ้น-อินไซด์'แจ้งเบาะแสมีเฮ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

http://www.thanonline.com/index.php?opt ... 84k8hxkPPh

ก.ล.ต.เพิ่มเขี้ยวเล็บจับปั่นหุ้น-อินไซด์ เตรียมออกประกาศให้รางวัลนำจับ 30% ของค่าปรับ ต่อผู้แจ้งเบาะแส ลั่นต้องการให้การบังคับใช้กฎหมายรัดกุม มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากในอดีตหลายคดีจำเลยหลบหนี และหมดอายุความ พร้อมดึงศาลยุติธรรม อัยการสูงสุด ดีเอสไอ กรมบัญชีกลาง ร่วมถกส่วนการเก็งกำไรในตลาดหุ้นขณะนี้ยังเอาอยู่
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้สัมภาษณ์"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า เร็วๆ นี้ก.ล.ต.จะออกประกาศเรื่องการจ่ายเงินสินบนให้แก่ผู้นำจับ หรือผู้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิด และจ่ายเงินรางวัลให้แก่ผู้จับ สำหรับความผิดฐานใช้ข้อมูลภายในการซื้อขายหลักทรัพย์ (อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง) ตามมาตรา 241และฐานสร้างราคาหลักทรัพย์ (ปั่นหุ้น) ตามมาตรา 243 พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ในอัตราสูงสุดไม่เกิน 30% ของจำนวนเงินค่าปรับ ที่ผู้กระทำความผิดชำระตามคำสั่งคณะกรรมการเปรียบเทียบ โดยวันที่ 18 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมาได้ครบกำหนดการเปิดรับฟังความคิดเห็นหรือเฮียริ่งจากผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว
"สาเหตุที่ก.ล.ต.มีแนวคิดเรื่องการจ่ายเงินรางวัลนำจับและผู้แจ้งเบาะแส ก็เพราะต้องการให้การใช้กฎหมายรัดกุมมากขึ้น ซึ่งช่องทางนี้จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจและสร้างความน่าเชื่อถือต่อตลาดทุน "เลขาธิการก.ล.ต.กล่าวและว่า
กฎหมายปั่นหุ้นมีความสำคัญ ดังนั้นจึงต้องมีการแก้ไขเนื่องจากมีผู้ได้เปรียบและผู้เสียประโยชน์จากการปั่นหุ้น นอกจากนี้กระบวนการเอาผิดทางอาญาต้องใช้เวลา โดยต้องมีพยานบุคคล และมีจำเลยที่ชัดเจน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเข้าถึงข้อมูลให้มาก และการพิจารณาคดีต้องมีจำเลยซึ่งในหลายกรณีอาจจับกุมจำเลยไม่ได้เนื่องจากหลบหนีไปเสียก่อน และคดีความหมดอายุ
ทั้งนี้ในชั้นยกร่างประกาศดังกล่าว ก.ล.ต.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และกรมบัญชีกลาง มาร่วมประชุมพิจารณาหลักการของร่างประกาศ รวมทั้งได้ส่งร่างประกาศที่แก้ไขตามความเห็นของที่ประชุมไปให้หน่วยงานดังกล่าวพิจารณาให้ความเห็น และก.ล.ต.ได้แก้ไขร่างประกาศตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สำหรับร่างประกาศดังกล่าว มีเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และวิธีการจ่ายเงินสินบน-เงินรางวัล ทั้งสิ้น 21 ข้อ โดยมีสาระสำคัญดังนี้ ผู้แจ้งข้อมูล-ผู้นำจับ ต้องแจ้งการกระทำความผิดพร้อมทั้งมีความประสงค์จะรับเงินสินบน ต่อ ก.ล.ต. หรือดีเอสไอ โดยทั้ง 2 หน่วยงานจะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งหากมีผู้แจ้งหลายราย ให้จ่ายแก่ผู้ที่ให้ข้อมูลมากที่เป็นประโยชน์มากที่สุด หรือหากข้อมูลใกล้เคียงกันให้จ่ายแก่ผู้แจ้งเป็นคนแรก แต่หากกรณีที่ต้องใช้ข้อมูลของผู้แจ้งหลายรายมาประกอบกัน ก็ต้องแบ่งจ่ายเท่าๆ กันตามจำนวนผู้ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการเอาผิด ซึ่งเงินสินบน-เงินรางวัลจะจ่ายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด หากผู้แจ้งไม่ประสงค์จะแสดงตน ให้แจ้งทาง ก.ล.ต.และดีเอสไอ โดยหน่วยงานดังกล่าวจะดำเนินการรับเงินแทน

ส่วนกรณีมีการเก็งกำไรในตลาดหุ้นช่วงนี้ ยังไม่น่าเป็นห่วง โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เป็นด่านแรกที่จะดูแล อย่างไรก็ตามนโยบายการกำกับดูแลตลาดทุนของก.ล.ต.เน้นในการป้องปรามมากกว่าการลงโทษ
ขณะเดียวกันก.ล.ต.ระบุในรายงาน ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. 57) สำนักงานก.ล.ต.ได้มีการบังคับใช้กฎหมายทั้งการเปรียบเทียบปรับ และการกล่าวโทษทั้งหมด 91 กรณี แยกเป็นการเปรียบเทียบปรับ 53 กรณี และกล่าวโทษ 38 กรณี จากปี 2556 ทั้งปี ที่มีการบังคับใช้กฎหมายทั้งหมด 198 กรณี เป็นการเปรียบเทียบปรับ 79 กรณี และกล่าวโทษ 118 กรณี
ในจำนวนการบังคับใช้กฎหมายทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นความผิดเกี่ยวกับการสร้างราคาหลักทรัพย์ หรือการปั่นหุ้น โดยพบว่าในช่วง 5เดือนแรกของปีนี้ มีการลงโทษในความผิดฐานปั่นหุ้น 27 ราย มากกว่าปีที่แล้วทั้งปีที่มีการเอาผิดในกรณีนี้ 13 ราย โดยแยกเป็นการเปรียบเทียบปรับ21 ราย และการกล่าวโทษอีก 6 ราย
ทั้งนี้ในการเปรียบเทียบปรับในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นการเปรียบเทียบปรับในการปั่นหุ้น โดยกรณีที่ใหญ่ที่สุด คือ การเปรียบเทียบปรับกรณีปั่นหุ้นบริษัท ริช เอเชีย สตีล จำกัด(มหาชน)(บมจ.)จำนวน 5 ราย รวมมูลค่า 26.6 ล้านบาท ,ปรับกรณีปั่นหุ้นบมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำนวน11 ราย รวมมูลค่าการปรับ 11.69 ล้านบาท และปรับกรณีปั่นหุ้นบมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำนวน5 ราย รวมมูลค่าการปรับ 2.1 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,967 วันที่ 20 - 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
โพสต์โพสต์