**
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
**
โพสต์ที่ 5
จริงๆแล้วผมว่าตอนนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเป็นฟองสบู่ก็เฉพาะทำเลและเฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากกว่าครับ และยังไม่น่ากลัวเหมือนสมัยก่อน บริษัทอสังหาริมทรัพย์หน้าใหม่ รายเดิมที่มีประวัติไม่ดี ยังไม่เปิดโครงการใหม่มากนัก ในขณะที่รายใหญ่ที่มีประสบการณ์แล้วคงจะรู้ทิศทางลมเป็นอย่างดีครับ ยิ่งข่าวไม่ดี มีคนถักท้วงโดยตลอด ทำให้รายใหม่ รายย่อย คงลังเลใจที่จะเข้ามาทำธุรกิจนี้พอควร รวมทั้งเงื่อนไขการดาวน์ระยะเวลาสั้นนั้นคงทำให้การเก็งกำไรไม่มากเหมือนสมัยก่อนครับ
เรื่องหนี้เสียของ KTB นั้น ผมว่าธปท.ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมครับ ผมสนับสนุนเต็มที่ ถ้าปล่อยให้หละหลอมแบบเดิมอีก หนี้เสียก็จะตามมาอีกมากครับ
ผมว่าคราวนี้ ผู้คนต่างๆยังคงจำบทเรียนครั้งก่อนได้ดี และมีคนคอยเตือนอยู่เสมอๆ โอกาสคงจะน้อย แต่ถ้าเป็นบรรยากาศแบบปลายปีที่แล้วซิครับ น่ากลัวมากกว่าเยอะ
เรื่องหนี้เสียของ KTB นั้น ผมว่าธปท.ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมครับ ผมสนับสนุนเต็มที่ ถ้าปล่อยให้หละหลอมแบบเดิมอีก หนี้เสียก็จะตามมาอีกมากครับ
ผมว่าคราวนี้ ผู้คนต่างๆยังคงจำบทเรียนครั้งก่อนได้ดี และมีคนคอยเตือนอยู่เสมอๆ โอกาสคงจะน้อย แต่ถ้าเป็นบรรยากาศแบบปลายปีที่แล้วซิครับ น่ากลัวมากกว่าเยอะ
- HI.ผมเอง
- Verified User
- โพสต์: 811
- ผู้ติดตาม: 0
**
โพสต์ที่ 7
ผมว่าตลาด ค่อนข้างจะ over reaction กับ หุ้นหมวดนี้เกินไป
ตัวที่หนี้น้อยๆแถมเป็นหนี้แบบอัตราดอกเบี้ยคงที่แบบการออกหุ้นกู้ ที่ไม่มีผลกระทบในเรื่องการปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ยนั้น ยังมีอยู่
แถมเป็นหมวดที่คนกลัวและเลิกเล่นแล้ว
ไม่ค่อยมีคนแย่งซื้อ
เพียงแต่ดูที่หนี้ ให้ดีๆก่อน เพราะหากเป็นหนี้ที่กู้จากสถาบันการเงิน หากดอกเบี้ยในประเทศปรับขึ้นเมื่อไหร่ คงแย่
แบบโดนสองเด้ง
เด้งแรก
ต้นทุนสูง ทั้งที่การแข่งขันสูงไม่สามารถขึ้นราคาได้ กำลังซื้อลูกค้าถดถอยจากดอกเบี้ยเงินกู้ การคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ
เด้งที่สอง
กำไรที่ทำมาได้ยากเย็น กลับต้องเสียดอกเบี้ยจ่ายอีกบานตะไท จะเหลือเป็นกำไรสุทธิอีกเท่าไหร่
แถมต้นทุนการขายรวมถึงต้นทุนการบริหารคงสูงขึ้นจากปีก่อนๆ เพราะเห็นลงโฆษณาทางทีวีกันมาก ทั้งที่จำนวนโครงการที่เปิดขายมีน้อย แถมยังเป็นโครงการที่อยู่ในกรุงเทพและปริมลฑลอีก ต่างจังหวัดก็ไม่มี ดูแล้วเลยงงว่า ทำไปทำไม
ถ้าใครยังถือหุ้นแบบนี้อยู่ฝากถามตอนประชุมผู้ถือหุ้นด้วยว่าคุ้มหรือเปล่า
ที่ลงโฆษณาทางทีวี ที่ออกอากาศทั่วประเทศ
แบกต้นทุนทั่วประเทศ เพื่อยอดขายแค่กรุงเทพและปริมลฑล
หากทำเพื่อสร้าง แบรนด์อิมเมท ก็ไม่น่าจะคุ้ม
อ้อ อีกเรื่องก็คือ
หากจะลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ต่อ ผมว่าให้ดูสัดส่วนของวิธีการขายว่าเป็นอย่างไร
เป็นแบบวางดาวน์แล้วค่อยสร้าง
หรือ
สร้างเสร็จแล้วจึงขาย
อย่างแรก น่าจะเสี่ยงสูง เพราะ
ต้นทุนขายกว่าจะสร้างเสร็จ คงสูงกว่าที่ตั้งไว้ตอนกำหนดราคาขาย เพราะ ทั้งเหล็กและปูนที่คิดว่าจีนชลอตัวแล้วจะลงนั้น คงไม่ แน่ๆ
เพราะตอนนี้ทั้งเหล็กและปูนไม่มีทีท่าลดลงเลย
แถมราคาสุขภัณและกระเบื้อง ยัง โดนคอนโด ที่กำลังสร้าง แย่งกันซื้ออีก
แรงงาน และ ทราย ก็โดนสนามบินสุวรรณภูมิแย่ง demand อีก
ปีหน้า
ตลาดน่าจะแข่งขันกันที่ ตลาด 3-5ล้าน
เพราะกำลังซื้อน่าจะถดถอยจากการปล่อยกู้และอัตราดอกเบี้ย
หากอยากลงทุน ลองดูว่าบ.ไหน ครองตลาดนี้อยู่ ยอดขายน่าจะดีในsegmentนี้ครับ
ตัวที่หนี้น้อยๆแถมเป็นหนี้แบบอัตราดอกเบี้ยคงที่แบบการออกหุ้นกู้ ที่ไม่มีผลกระทบในเรื่องการปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ยนั้น ยังมีอยู่
แถมเป็นหมวดที่คนกลัวและเลิกเล่นแล้ว
ไม่ค่อยมีคนแย่งซื้อ
เพียงแต่ดูที่หนี้ ให้ดีๆก่อน เพราะหากเป็นหนี้ที่กู้จากสถาบันการเงิน หากดอกเบี้ยในประเทศปรับขึ้นเมื่อไหร่ คงแย่
แบบโดนสองเด้ง
เด้งแรก
ต้นทุนสูง ทั้งที่การแข่งขันสูงไม่สามารถขึ้นราคาได้ กำลังซื้อลูกค้าถดถอยจากดอกเบี้ยเงินกู้ การคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ
เด้งที่สอง
กำไรที่ทำมาได้ยากเย็น กลับต้องเสียดอกเบี้ยจ่ายอีกบานตะไท จะเหลือเป็นกำไรสุทธิอีกเท่าไหร่
แถมต้นทุนการขายรวมถึงต้นทุนการบริหารคงสูงขึ้นจากปีก่อนๆ เพราะเห็นลงโฆษณาทางทีวีกันมาก ทั้งที่จำนวนโครงการที่เปิดขายมีน้อย แถมยังเป็นโครงการที่อยู่ในกรุงเทพและปริมลฑลอีก ต่างจังหวัดก็ไม่มี ดูแล้วเลยงงว่า ทำไปทำไม
ถ้าใครยังถือหุ้นแบบนี้อยู่ฝากถามตอนประชุมผู้ถือหุ้นด้วยว่าคุ้มหรือเปล่า
ที่ลงโฆษณาทางทีวี ที่ออกอากาศทั่วประเทศ
แบกต้นทุนทั่วประเทศ เพื่อยอดขายแค่กรุงเทพและปริมลฑล
หากทำเพื่อสร้าง แบรนด์อิมเมท ก็ไม่น่าจะคุ้ม
อ้อ อีกเรื่องก็คือ
หากจะลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ต่อ ผมว่าให้ดูสัดส่วนของวิธีการขายว่าเป็นอย่างไร
เป็นแบบวางดาวน์แล้วค่อยสร้าง
หรือ
สร้างเสร็จแล้วจึงขาย
อย่างแรก น่าจะเสี่ยงสูง เพราะ
ต้นทุนขายกว่าจะสร้างเสร็จ คงสูงกว่าที่ตั้งไว้ตอนกำหนดราคาขาย เพราะ ทั้งเหล็กและปูนที่คิดว่าจีนชลอตัวแล้วจะลงนั้น คงไม่ แน่ๆ
เพราะตอนนี้ทั้งเหล็กและปูนไม่มีทีท่าลดลงเลย
แถมราคาสุขภัณและกระเบื้อง ยัง โดนคอนโด ที่กำลังสร้าง แย่งกันซื้ออีก
แรงงาน และ ทราย ก็โดนสนามบินสุวรรณภูมิแย่ง demand อีก
ปีหน้า
ตลาดน่าจะแข่งขันกันที่ ตลาด 3-5ล้าน
เพราะกำลังซื้อน่าจะถดถอยจากการปล่อยกู้และอัตราดอกเบี้ย
หากอยากลงทุน ลองดูว่าบ.ไหน ครองตลาดนี้อยู่ ยอดขายน่าจะดีในsegmentนี้ครับ